1
กาเบรียล เฮย์เดน เป็นนักธุรกิจหนุ่มชาวอเมริกัน มีผมสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำ ร่างสูงเกินหกฟุตไปมาก ตัวใหญ่ ไหล่กว้าง ผิวขาวของเขากลายเป็นสีแทนจากการเล่นกีฬากลางแจ้ง รวมถึงศิลปะการต่อสู้ทุกชนิด เนื้อตัวเขายังแน่นปึ้กด้วยมัดกล้ามจากการเล่นเวทและยิม จนความฟิตแอนด์เฟิร์มของกล้ามเนื้อนั้นแทบจะทะลุเนื้อผ้าของสูทสุดเนี้ยบที่สั่งตัดพิเศษจากห้องเสื้อแบรนด์เนมราคาแพง
บางทีอันองค์ก็แอบสงสัยว่าหมอนี่...เอาเวลาที่ไหนไปทำธุรกิจจนรวยเป็นแสนล้านกันนะ
โชคยังดีที่ดวงตาสีเขียวที่ทั้งดุดัน เย็นชา และชอบจับผิดคู่นั้นซ่อนอยู่ใต้แว่นกันแดดสีเข้มที่บดบังดวงหน้าหล่อเหลาเกินอภัย เขาหล่อกระชากใจขนาดขึ้นปกนิตยสารแฟชั่นได้สบาย แต่มักมีรูปเขาอยู่บนปกนิตยสารเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเงินเสียมากกว่า หรือไม่อย่างนั้นขึ้นปกหนึ่งในสิบบุคคลที่มีอิทธิพลหรือทรัพย์สินมากที่สุดในโลกอะไรเทือกนั้น
พร้อมกับที่อันองค์โล่งใจนิดๆ กาเบรียลก็มองเธออย่างประเมิน หญิงสาวชาวไทยตรงหน้าเขานั้นสูงราวห้าฟุตครึ่ง ผิวขาวซีดๆ ดวงหน้ารูปไข่ไม่ได้ลงแม้แต่รองพื้น ดวงตากลมโตสีดำจัด จมูกโด่งและริมฝีปากบางเฉียบเป็นสีชมพูซีดๆ ทำให้ดูจืดสนิท ยิ่งรวบผมยาวขึ้นเป็นหางม้าง่ายๆ จนรุ่ยร่ายเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน หญิงสาวก็ดูราวเด็กสาวอายุสักสิบเก้าหรือยี่สิบปี
ดวงหน้าของเธอไม่ได้สวยบาดใจอะไร ดูกลมกลืนกับผู้คนทั่วไปด้วยซ้ำ และหากเห็นอีกทีก็อาจไม่มีใครจำได้ แถมเสื้อยืดสีขาวแขนยาวตัวหลวมยิ่งทำให้ร่างผอมบางราวกับคนเป็นโรคขาดสารอาหารนั้นยิ่งซูบเข้าไปใหญ่ เธอสวมกางเกงยีนซีดๆ กับรองเท้าผ้าใบ ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนผู้หญิงที่ถูกส่งขึ้นมาให้เพื่อเอาใจแขกต่างชาติ
"คุณเป็นใคร?" น้ำเสียงเย็นชาและสั้นดังออกมาจากปาที่ซ่อน ‘คมเขี้ยว’ เอาไว้
หญิงสาวกะพริบตานิดหนึ่ง พยายามซ่อนความโล่งอกที่เขาจำไม่ได้เอาไว้...นึกภูมิใจอยู่ไม่น้อย...
การไม่ถูกใครจดจำได้เป็นความปรารถนาสูงสุดของเธอ
"ฉันมาพบกับคุณอัครา แต่ดูเหมือนคนที่พาฉันมาคงส่งฉันผิดที่" หญิงสาวย้ำ เธออธิบายได้อย่างใจเย็นขึ้น สูดลมหายใจลึกๆ ตั้งสติเพื่อจะเอาตัวรอดให้ได้
...ถ้าอรรถคิดจะยืมมือคนอื่นมาฆ่าเธอ การส่งเธอมาให้กาเบรียลนั้นนับว่าเป็นแผนการที่โคตรร้ายกาจเลย...ว่าแต่หมอนั่นรู้ได้ยังไงว่าเธอมี 'เรื่อง' อยู่กับผู้ชายคนนี้วะ
แม่งเอ๊ย...
"ใครเป็นคนส่งคุณมา" กาเบรียลซักด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์
จะอยากรู้ไปทำไมนักหนาหา!
"คนของอรรถพาฉันมาที่นี่" อันองค์ตอบสั้นๆ ไม่ขยายความว่าโดนอุ้มมา แค่นี้ก็มีพิรุธมากเกินไปแล้ว...ส่วนชื่อที่เธอเอ่ยมาเขาจะรู้จักหรือไม่รู้จักก็เรื่องของเขาสิ อยากถามเองนี่นา
"อรรถไม่ได้บอกว่าจะส่งผู้หญิงขึ้นมา" คำตอบของกาเบรียลทำให้หญิงสาวสะดุ้ง ซ่อนความแตกตื่นในสีหน้าเกือบไม่มิด
ทำไมหมอนี่รู้จักพี่ชายเธอ แถมชื่อคุณอัคราก็ไม่ได้ทำให้เขาประหลาดใจด้วย...สมองหญิงสาวหมุนเร็วจี๋ ไตร่ตรองอย่างตื่นตระหนกเมื่อพบว่าเรื่องราวชักผิดที่ผิดทาง...
‘เดี๋ยวก่อนนะ!’
หลายวินาทีอันองค์ถึงเพิ่งเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด ใบหน้าขาวแดงวูบขึ้นด้วยความโกรธ เธอขึงตาใส่คนตรงหน้าอย่างหัวเสีย
"ฉัน...ไม่ใช่ ผู้หญิง...อย่างนั้น!" หญิงสาวกัดฟันตอบโต้ไปทั้งๆ ที่ไม่ค่อยมีทักษะการทุ่มเถียงอะไรกับใคร
แต่...คิดอีกที อย่างน้อยการถูกมองว่าเป็น 'ผู้หญิงอย่างนั้น' ก็ยังดีกว่าถูกเขาจับได้...ละมั้ง
หญิงสาวสูดลมหายใจลึกๆ ข่มอารมณ์หลากหลายได้ในวูบเดียว ทำให้ดวงตาสีเขียวที่จับจ้องอยู่มีประกายสนใจยิ่งขึ้น
"คุณเป็นใครกันแน่" กาเบรียลถามซ้ำพร้อมรับพาสปอร์ตเล่มเล็กที่อเล็กซ์ส่งให้มาอ่านดู
อันองค์ไม่ยอมตอบ หญิงสาวแค่ยักไหล่ถอนใจ
"แค่คนซวยๆ ที่บังเอิญผ่านมาน่ะ ฉันถูกส่งมาผิดที่ แถมยังเสียเวลาไปมากแล้ว ขอตัวก่อนนะคะมิสเตอร์เฮย์เดน" ว่าจบก็หมุนตัว จ้ำพรวดไปทางลิฟต์ พลางยกโทรศัพท์มือถือขึ้นเตรียมกดเบอร์โทร. ด่วน
...แต่ไม่ทัน
"เดี๋ยว!"
คนถูกห้ามชะงักกึก เกือบชนบอดีการ์ดของเขาที่ยกมือขึ้นขวางทางเมื่อเจ้านายรั้งตัวเธอไว้ หญิงสาวเย็นสันหลังวาบเมื่อสัมผัสได้ว่าหมียักษ์ตามมายืนคุกคามใกล้ๆ เมื่อตัดสินใจหันหลังกลับไปก็เจอกระดุมเม็ดที่สามของอกเสื้ออยู่ในระดับสายตาพอดี
หมอนี่จะตัวใหญ่ไปไหนนะ สงสัยตอนเด็กๆ แม่ต้องเลี้ยงด้วยหมีกริซลีแหงๆ
"ว่าไงคะ" ถามพลางถอยหลังไปสองก้าวเพื่อเงยหน้าเอียงคอมองเขา พยายามทำสีหน้าซื่อบริสุทธิ์สุดๆ
"คุณรู้จักชื่อผมได้ยังไง" คนยังไม่ได้แนะนำตัวถามอย่างคุกคาม
"ถามว่าใครไม่รู้จักคุณดีกว่าไหม หน้าคุณขึ้นปก Forbes ถี่ขนาดนี้ ในอเมริกาคงหาคนไม่รู้จักคุณหรือโดนัลด์ ทรัมป์น่าจะยากนะ คุณว่ามั้ย...บัย" คนตอบสีหน้าไม่เปลี่ยนสักนิด ทั้งๆ ที่ในใจด่าตัวเองที่หลุด เธอลืมไปได้ยังไงว่าหมอนี่ไม่เคยมีมารยาทพอจะแนะนำตัวเอง
หญิงสาวหันหลังกลับอีกที พยายามจะเผ่นให้เร็วที่สุด
"เดี๋ยว!"
คำห้ามอีกรอบทำให้คนที่ใกล้หมดความอดทนอยากลงไปกรี๊ดชักดิ้นชักงอที่พื้นตงิดๆ แต่ที่อันองค์ทำคือหมุนตัวกลับมาอีกรอบ มองตรงๆ ใส่คนที่เธอไม่ชอบหน้า พยายามไม่แสดงความขุ่นเคืองให้อีกฝ่ายจับได้...ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอคุ้นชินจากการฝึกมาหลายปี ดวงหน้านั้นจึงสดใสบริสุทธิ์แบบใส่หน้ากากขณะยิงคำถามทางสายตาว่ามีอะไร
"พาสปอร์ตของคุณ" กาเบรียลถอดแว่นกันแดดช้าๆ เผยดวงตาสีเขียวเข้มคมดุเหมือนตาปีศาจ ชายหนุ่มจ้องมาด้วยสายตาชวนเสียวสันหลัง
เขามีเอกสารของเธออยู่ในมือ แต่อันองค์ไม่อยากเอาคืนสักนิดเดียว
ถ้าอยากได้มากนักก็เก็บเอาไว้เถอะ เพราะเธอมีสำรองอีกเป็นโหล เวย์หาให้ได้ไม่ซ้ำชื่อ ไม่ซ้ำสี ไม่ซ้ำประเทศเลยด้วยซ้ำ เธอแค่อยากรีบไปจากที่นี่
แต่...ชีวิตก็อย่างนี้ล่ะ คนเรามักต่อบทสนทนากับคนที่ไม่อยากคุยด้วยเสมอ
"โอ้ ขอบคุณค่ะ" ดวงหน้าหญิงสาวประดับด้วยรอยยิ้มปลอมๆ พร้อมยกมือขึ้นรับของ แต่เขากลับยกมันขึ้นชูสูงพร้อมถาม
"คุณมาพบคุณอัคราทำไม มิสเอวาโลแกน"
คนฟังสะดุ้งโคตรไม่คุ้นนามสกุลที่อีกฝ่ายเอ่ยถึง ได้แต่คิดว่าเวย์ใส่นามสกุลอะไรไว้ให้เธอวะ!?
หญิงสาวกลอกตา ฉับพลันก็คิดขึ้นได้ว่าชายตรงหน้าเจ้าเล่ห์และขึ้นชื่อเรื่องการสอบปากคำแค่ไหน เขาอาจลักไก่เรื่องชื่อกับเธอก็ได้ เพราะถ้าเธอสะกดชื่อ-นามสกุลตัวเองผิดนะ งานเข้าแน่
อันองค์หนักใจขณะสังเกตว่ากาเบรียลทำสีหน้าประหลาดพลางมองหน้าเธอสลับกับพาสปอร์ตเล่มน้อยท่าทางเหมือนคิดหนัก
หรือหมอนี่คิดจะให้ลูกน้องซ้อมเธอให้สารภาพกันนะ
หญิงสาวชักเริ่มเสียวสันหลัง แต่ยังยิ้มบางพลางพูดไปเรื่อย
"ชื่อฉัน...คุณคงไม่รู้จักภาษาไทยอาจอ่านเพี้ยนไป"
"คุณชื่ออะไรกันแน่" กาเบรียลไม่สนใจรอยยิ้มนั้น เสียงเขาเริ่มเข้มขึ้นขณะเพ่งดูภาพผู้หญิงผิวซีดๆ ในสมุดสีแดงเข้มเล่มเล็กนั้น รูปนั้นคือเธอไม่ผิดกับนามสกุลประหลาดที่ไม่คุ้น แต่ที่ทำให้เขาต้องมองซ้ำคืออายุที่ปรากฏ กาเบรียลมองเอกสารในมือและคำนวณอยู่หลายที สลับกับมองหน้าเธอ เพราะมองอย่างไรเธอก็ไม่น่าจะอายุถึงยี่สิบเจ็ดปีอย่างที่ปรากฏในเอกสาร
อันองค์ตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้เขาหนึ่งก้าว ไม่สนใจสีหน้าเครียดๆ นั้น เธอส่งยิ้มหวานสะกดใจใส่ลูกตาสีเขียวขี้โมโหคู่นั้น อาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายยังไม่ทันไหวตัวจับบ่าหมียักษ์แล้วยืดตัวขึ้นกระโดดเบาๆ ตะปบเอาพาสปอร์ตเล่มเล็กจากมือใหญ่มาได้อย่างง่ายดาย รีบกางกวาดตาเร็วๆ รอบหนึ่งก่อนจิ้มตัวสะกดให้เขาดูด้วยสีหน้าใสซื่อ
"อันองค์ อวโลกันตร์ ค่ะ สะกดแปลกหน่อยนะคะ เพราะคำมาจากภาษาสันสกฤต" อันองค์ยิ้มอย่างกัดฟันหน่อยๆ ให้เขา เคืองเวย์ไม่หายที่มันดันใส่ชื่อจริงเข้าไปในเอกสารปลอม!...แถมนามสกุลห่าอะไรก็ไม่รู้นั่นอีก...เวรเอ๊ย!
กาเบรียลแปลกใจไม่น้อยที่อยู่ๆ เธอก็ยกแขนขึ้น ทำท่าเหมือนจะโอบคอเขาไว้ แต่พริบตาเดียวยายตัวแสบก็กระโจนขึ้นฉกสมุดเล่มเล็กไปจากมือเขา
หลังจากที่ยิ้มกว้างใส่จนเขาตาพร่าไปชั่วขณะ
มันเป็นรอยยิ้มที่เขาคิดว่าเริ่มคุ้นขึ้นมาบ้างแล้ว คนที่เคยยิ้มแบบนี้ให้เขาเท่าที่จำได้...
มีแค่คนเดียว!
ดวงตาสีเขียวหรี่ลงมองอีกฝ่ายซึ่งทำหน้าใสซื่อสุดๆ แต่ก่อนที่เขาจะได้ชำระความอะไร อเล็กซ์ก็เดินเข้ามารายงานอะไรบางอย่างเสียงเบาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ทำให้ชายหนุ่มต้องหันไปสนใจทางนั้นจนละความสนใจจากเธอไปชั่วคราว
"ไม่มีอะไรแล้วฉันไปก่อนนะ...รีบ" อันองค์ฉวยจังหวะนั้นหมุนตัว จ้ำอ้าวไปกดลิฟต์ราวมีวิญญาณร้ายไล่ล่า แล้วถอยออกมาเพื่อดูไฟแสดงเลขชั้น ก่อนพบว่าลิฟต์หยุดทำงาน ไฟสัญญาณทุกอย่างดับหมด
"ฉิบหายแล้วไง!" หญิงสาวสบถพร้อมหันมองบอดีการ์ดที่อยู่ใกล้ๆ
บอดีการ์ดของกาเบรียลก็เพิ่งเห็นความผิดปกตินี้เหมือนกัน บอดีการ์ดอีกคนรีบยกหูโทรศัพท์ภายในขึ้นโทร. ลงไปที่ฟรอนต์ ซึ่งไม่น่าจะมีคนรับสาย
อันองค์ไม่รอแล้ว หญิงสาวถลันพรวดไปที่ทางหนีไฟเพื่อพบว่ามันถูกล็อกไว้แน่นหนา
"บ้าฉิบ ลิฟต์ปิด It’s locked!" ให้มันได้อย่างนี้สิ!
อันองค์สบถพลางทุบประตูเหล็กหนาๆ นั้นอย่างหัวเสีย ลืมตัว ลืมกลัว ลืมเจ็บ แล้วหญิงสาวก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่ออยู่ๆ แขนในเสื้อสูทเนี้ยบเรียบกริบข้างหนึ่งก็ยื่นผ่านข้างตัวเธอมาลองเปิดประตูนั้นดูบ้าง คัฟลิงก์ตรงข้อมือเชิ้ตนั้นทำด้วยอัญมณีสีเขียว บ่งบอกให้รู้ว่าผู้ที่เธออยากหลีกเลี่ยงที่สุดกำลังยืนประกบอยู่ด้านหลัง...ใกล้มากๆ ด้วย!
ใกล้...จนได้กลิ่นโคโลญผู้ชายราคาแพง
ใกล้...จนแทบรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่เป่ารดอยู่เหนือหัว
หลังจากตัวแข็งค้างอยู่ชั่วพัก อันองค์ก็ค่อยคิดได้ว่าเอาไงดีล่ะ
คนเรา...คงไม่สามารถยืนหันหน้าเข้ามุมอยู่อย่างนี้ไปชั่วชีวิตได้ อย่างไรก็คงต้องหันกลับไปใช่ไหม
หญิงสาวกัดฟัน ค่อยๆ หันกลับไปเพื่อพบว่าตัวเองถูกกักไว้ระหว่างร่างสูงใหญ่กับบานประตูหนีไฟใกล้มุมห้อง สิ่งที่อยู่ระดับสายตาของเธอคือ กระดุมเชิ้ตเม็ดที่สามของชุดสูทราคาแพงเนี้ยบเรียบกริบซึ่งต้องสั่งตัดเป็นพิเศษเพราะเจ้าของร่างนั้นตัวใหญ่เกินมาตรฐานชาวบ้านไปเยอะ ชายหนุ่มเท้าแขนค้างไว้ที่บานประตูหนีไฟ เท่ากับล็อกเธอไว้อีกชั้นกันหนีอย่างโคตรคุกคามเลย!
อันองค์กลั้นใจ เงยหน้าขึ้นสบนัยน์ตาสีเขียว
ดวงตาสีเขียวล้ำลึกเหมือนบึงน้ำลึกลับไร้ก้นบึ้งนั้นสะท้อนเงาตัวเธอ ขณะทอประกายคุกคามแปลกๆ น่าขนลุก เธอไม่ชอบประกายตาแบบนี้ อันองค์เคยเห็นคนที่มีประกายตาคมกริบในผู้ติดตามของพี่ชายหรือบอดีการ์ดของพ่อ แววตาแบบนี้อยู่ในพวกมือปืน ทหาร ตำรวจ หรือไม่งั้นก็พวกฆาตกร!
แววตาอำมหิตกระหายเลือด
แววตาที่พร้อมจะฆ่าคนอย่างไม่ลังเล
การถูกปองร้ายมาทั้งชีวิตทำให้หญิงสาวหวาดผวากับประกายตาแบบนี้ที่สุด และกาเบรียลกับลูกน้องเขาทั้งฝูงก็มีประกายตาแบบนี้ ยิ่งมันอยู่บนดวงหน้าหล่อเหลาที่มีไรเคราเข้มๆ เต็มปากและคางยิ่ง...เหมือนหมีกริซลีไม่มีผิด!
หมีกริซลีที่พร้อมจะตะปบเหยื่อ!
"คุณลืมของ" มือใหญ่ยื่นกระเป๋าเป้ใบน้อยมาให้ตรงหน้า แต่พออันองค์ยื่นมือไปรับเขากลับยื้อไว้
เป้ใบนี้ถูกตรวจค้นทุกซอกทุกมุม ซึ่งมันมีแค่เสื้อผ้าหนึ่งชุด แท็บเล็ตเครื่องหนึ่ง ของจุกจิกพร้อมค้างคืนสำหรับนักเดินทางอีกเล็กน้อย และเอกสารเดินทางที่ประทับตราว่าเธอเพิ่งลงเครื่องที่มาจากต่างประเทศเมื่อไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง นอกนั้นก็ไม่มีอะไรอีกจนน่าโมโห
คือ...มันเป็นการ 'ไม่มีอะไร' อย่างจงใจ 'ไม่มีอะไร' จนเหมือนจัดฉาก
ซึ่งคนอย่างกาเบรียลไม่ยอมปล่อยให้ความสงสัยนี้ผ่านไปง่ายๆ
"เอกสารในนี้บอกว่าคุณเพิ่งบินข้ามทวีปมา ทำไมคุณถึงมีของมาแค่นี้"
อันองค์กะพริบตาปริบๆ สงสัยตงิดๆ ว่าคนบินข้ามทวีปมามีของแค่นี้ไม่ได้รึไง เธอก็มีของอยู่แค่นี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว อย่างอื่นนอกเหนือจากนี้เวย์จะเป็นคนจัดการให้ทั้งหมด หญิงสาวจึงคุ้นชินจนลืมเลือนไปแล้วว่ามนุษย์ทั่วไปเขาเดินทางกันอย่างไร
"แล้ว...คนบินข้ามทวีปเขาต้องมีอะไรกันบ้างล่ะ" คนถามดูงุนงงจริงๆ ทำให้อีกฝ่ายอึ้งไปเหมือนกัน เพราะเขาก็ไม่เคยต้องตระเตรียมของอะไรด้วยตัวเองเหมือนกัน เขารู้แค่ว่าเมื่อเขาต้องการ ของทุกสิ่งทุกอย่างต้องพร้อม
ดวงตาสีเขียวหรี่ลงเมื่อจับสังเกตได้ว่าหญิงสาวตรงหน้าชักไม่ใช่เด็กกะโปโลหน้าจืดๆ ซีดๆ อย่างที่เธออยากให้เห็น อย่างน้อยเธอต้องมีคนจัดการเรื่องพวกนี้พอๆ กับเขาจึงจะเดินทางข้ามทวีปมาได้ด้วยเป้เพียงใบเดียว และโดยไม่มีหลักฐานใดๆ ทิ้งไว้ให้ติดตามเสียด้วย
พาสปอร์ตที่มีชื่อ-นามสกุลประหลาดนั่นไม่นับ เพราะปลอมแน่ๆ
"คุณยังไม่ตอบคำถามผมเลย คุณบินข้ามทวีปมาตัวเปล่ามีเป้ใบเดียวเพื่อพบคุณอัคราทำไม"
"ธุระในครอบครัวค่ะ...ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาต้องการพบฉันด่วนมาก ฉันเลยต้องรีบมา"
เอาวะ ไหนๆ ก็พูดไปแล้ว...และเขาก็ดันรู้จักคนที่เธอเอ่ยถึง อันองค์เลยบอกความจริงไปซะเลย หวังว่าการใช้คำว่า 'เรื่องในครอบครัว' จะมีผลต่อมารยาทหมอนี่บ้างนะ
ความเข้าใจบางอย่างวาบขึ้นในดวงตาสีเขียวคู่นั้น คนถูกมองจึงหนาวๆ ร้อนๆ อดถามตัวเองไม่ได้ว่าเธอทำอะไรผิดไปหรือเปล่านะ สัญชาตญาณเตือนว่าชายตรงหน้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ แต่ไม่รู้ว่าอะไรเนี่ยสิ...
"คุณคือลูกสาวคุณอัครา" ชายหนุ่มสรุปออกมาได้ไงไม่รู้ แต่ทำเอาคนฟังสะดุ้ง
"ใครบอกคุณว่าคุณอัครายังมีลูกสาว" อันองค์ตอบโต้อย่างลืมตัวแล้วผงะ แต่ถอยหลังไปได้แค่ครึ่งก้าวหลังก็ติดผนังจนหมดทางหนีแล้ว
"ถ้าไม่ใช่ลูกสาวแล้วคุณจะเป็นอะไรได้...มองยังไงคุณก็ไม่เหมือน..." เจ้าของดวงตาสีเขียวกวาดตาสแกนหญิงสาวตรงหน้า ริมฝีปากบางๆ บิดนิดๆ เผยเขี้ยวคมเหมือนสัตว์ดุร้าย เขาเหยียดเยาะจนคนถูกมองชักหัวร้อนจนต้องกระชากเสียงถาม
"ไม่เหมือนอะไร"
"ไม่เหมือนผู้หญิงราคาแพงที่เข้าพบเขาได้ด้วยเหตุผลส่วนตัวที่ไม่ใช่ญาติน่ะสิ" กาเบรียลต่อคำยิ้มๆ ด้วยดวงตาพราวระยิบด้วยรอยร้าย
โหย...เจ็บ!
ไอ้หมอนี่มันหาว่าเธอเป็นผู้หญิงราคาถูกยิ่งกว่าสาวไซด์ไลน์งั้นสิ!
แม่งเอ๊ย...เกิดมาไม่เคยโดนใครดูถูกซ้ำซากว่าเป็นผู้หญิงอย่างว่า...ไม่สิ...ราคาถูกกว่าผู้หญิงอย่างว่าเสียอีก!
คนคิดขุ่นแค้น แทบอยากเอาบัญชีธนาคารที่เกาะเคย์แมนมากางให้ดูเลยว่าปีที่แล้วเธอทำเงินได้ขนาดไหนน่ะ
ความคิดเห็น |
---|