13

ตอนที่ 13


ร่างเลอะคราบเหงื่อไคลคลานช้าๆ เข้าไปหาแม่เลี้ยงเจ้าของไร่ด้วยกิริยาพินอบพิเทาดังเช่นเคยเป็นมา ต่างจากเดิมตรงที่ภายในใจเธอเต้นรัวจนแทบทะลุออกมาจากอก เพราะต้องทำในสิ่งที่ขัดใจผู้ใหญ่ที่เธอเคารพ

                “ฉันคิดว่าหลานฉันจะสวยได้นานกว่านี้หน่อยนะ” แม่เลี้ยงมณีแดงพูดเหมือนไม่เข้าใจ เมื่อเห็นหอมนวลในสภาพเหมือนคนทำงานหนักมาทั้งวัน แต่จริงๆ แล้วหญิงสูงวัยรู้ดีว่าหลานสาวต้องเผชิญกับอะไรบ้าง

                “หอมก็ยังเป็นหอมอยู่วันยังค่ำแหละจ้ะป้ามณี”

                “ใช่! เป็นทายาทเคนโนซ่าอย่างไรก็ต้องเป็นอย่างนั้น ไม่เปลี่ยน”

                “ป้ามณี” หอมนวลเรียกเสียงอ่อย เธอไม่อยากได้ยินชื่อโรงแรมนี้ “หอมไม่อยากได้ หอมอยากเป็นชาวไร่อยู่กับป้ามณี”

                “ไม่ได้ แม่เขาสร้างให้เรา จะทิ้งมันไปให้คนอื่น ไม่เสียดายหรือไง”

                “ป้ามณีคงเบื่อหน้าหอม อยากไล่หอมไปไกลๆ” หอมนวลร้องไห้ออกมา ไม่ใช่เพราะเรื่องที่พูด แต่ร้องเพราะทนต่อความกดดันที่มีอีกไม่ไหว

                ‘เจ้าของโรงแรมหรูระดับเอเชีย’ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าไกลตัวเธอเหลือเกิน โรงแรมของเธอ แต่เวลาเรียกชื่อทีไรกลับไม่คุ้นชินสักครั้ง

                ‘เคนโนซ่า ชื่อฝรั่งจ๋าแบบนั้นจะเป็นโรงแรมของผู้หญิงชื่อเชยๆ อย่างหอมนวลได้ยังไงนะ’

                เธอเคยพูดกับแม่เลี้ยงมณีแดงบ่อยครั้ง และมักจะได้รับท่าทีอ่อนอกอ่อนใจตอบกลับมา จากนั้นก็ทิ้งความคับข้องใจไว้อย่างนั้นไม่เคยถูกหยิบออกมาถกถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตให้คลี่คลายเลยสักครั้ง คงเป็นเพราะว่าทั้งหอมนวลและแม่เลี้ยงมณีแดงต่างรู้ดีว่ามันหนักเกินกว่าจะแก้ไขอะไรได้โดยง่าย

                ปัญหาเรื่องโรงแรมยังไม่พอ ปัญหาเรื่องเขมราชกับจันทร์นรีนี่สิที่ทำเอาเธออยากสมองเสื่อมจำอะไรไม่ได้ไปเลย ไม่ต้องจำว่าเคยแอบรักเขมราชมานานแค่ไหน ไม่ต้องจำความสัมพันธ์ทั้งทางกายและใจระหว่างเธอกับเขา ไม่ต้องจำแววตาเกลียดชังที่มองมา ถ้าเธอลืมสิ้นทุกอย่างก็คงจะดีไม่น้อย

                “แกก็รู้ว่าฉันทำเพราะอะไร”

                แม้หอมนวลจะร้องไห้อย่างหนัก แต่คำพูดปลอบใจก็เป็นเพียงประโยคสั้นๆ ทว่าช่วยหยุดน้ำตาของเธอได้ในทันที เธอรู้ถึงความหวังดีของผู้ชุบเลี้ยงเธอมาตั้งแต่ยังเล็กโดยไม่เคลือบแคลงสงสัย รู้ว่าหากไม่ใช่แม่เลี้ยงมณีแดงก็คงไม่มีใครบนโลกนี้ที่หวังดีต่อเธออย่างจริงใจ  

                “ป้ามณียกเลิกสัญญากับคุณเขมเถอะนะจ๊ะ ให้หอมหย่า”

                “ไม่ได้”

                “แต่คุณเขมเขาไม่ควรจะมาเกี่ยวข้องเรื่องการแย่งชิงสมบัติของหอมกับลุงจอมเขมือบนั่นเลยนะคะ”

                “แต่เขาได้แกแล้ว หรือแกจะทำตัวเป็นผู้หญิงก๋ากั่น มีอะไรกับผู้ชายไม่เลือกหน้า”

                “ก็พี่ลูกจันทร์ยังทำแบบนั้น” หอมนวลตอบงึมงำ แต่เธอรู้ว่าแม่เลี้ยงผู้ที่อายุมาก แต่ประสาทสัมผัสยังเป็นเลิศได้ยินทุกคำพูด 

                “หลานฉันมันจะแรดทุกคนเลยใช่มั้ย”

                “ป้า” หอมนวลเรียกเสียงดัง ทว่าในนาทีต่อมา ท่าทีตระหนกก็คลายลงเพราะเห็นว่าเป็นจริงดังคำพูดของหญิงสูงวัย “เอาเถอะ ถึงยังไงหอมก็ต้องหย่า พี่ลูกจันทร์กับคุณเขมเขารักกัน ก็ควรให้เขาอยู่ด้วยกัน”

                “คุณเขมฉันไม่รู้ แต่พี่สาวแกมันก็แค่อยากหาพ่อให้ลูกในท้อง”

                “อะไรนะ”

                หอมนวลตกใจเป็นครั้งที่เท่าไรไม่รู้ในวันนี้ แต่เรื่องนี้ทำเอาเธอช็อกจนไปไม่เป็น นึกอยู่แล้วเชียวการที่จันทร์นรีกลับมาครั้งนี้คงไม่ใช่ความรักที่มีต่อเขมราชเป็นที่ตั้ง เธอรู้แต่ก็คิดไม่ออกว่าเพราะอะไร จนกระทั่งได้ยินความจริงจากผู้เป็นป้า

                “ทำไมพี่ลูกจันทร์ทำแบบนี้”

                “ฉันก็จะรอถาม ตอนมันยอมรับกับฉันนั่นแหละว่ามันท้อง” ดวงตาฝ้าฟางแห้งผากเจ็บปวดกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหลานสาว คนหนึ่งเธอรักเหมือนลูก แต่กลับทำให้ผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า หลานอีกคนแม้รักน้อยกว่าแต่ก็รักก็กำลังตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต

                หอมนวลสงสารผู้เป็นป้าจับใจ หัวใจที่แข็งแกร่งของหญิงชราผู้แบกความทุกข์ไว้มากมายคงพยายามอย่างยิ่งที่จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด แต่กระนั้นอะไรๆ ก็ดูเหมือนว่าจะอยู่เหนือการควบคุม รวมถึงตัวปัญหาอย่างเธอ

                “ป้ามณีจ๊ะ หอมจะทำยังไงดี”   

 

                ฝนยังตกไม่ขาดช่วง เขมราชเฝ้ามองสายฝนโปรยปรายอยู่นับชั่วโมง ดวงตาสีสนิมนิ่งเหมือนน้ำในทะเลสาบ สงบอย่างคนที่กำลังทบทวนปัญหานานัปการที่ถาโถมเข้ามาไม่ต่างจากห่าฝนตอนนี้

                จักรยานคันเก่าเคลื่อนมาจอดหน้าเรือนแสงอรุณโดยเจ้าของชั่วคราวใช้วิธีจูงแทนการปั่นดังเช่นที่เคย

                ร่างเปียกโชกนั่งพักบนเชิงบันไดด้วยความเหน็ดเหนื่อย การเดินฝ่าพายุฝนพร้อมรถจักรยานสภาพโกโรโกโสไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เธอเกือบทำมันล้มตั้งหลายครั้งหลายหน

                ผ่านไปหลายนาทีหญิงสาวก็ยังคงนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น ไม่สนใจร่างกายที่เปียกปอน เธอมองสายฝนตกกระทบกับกระดานไม้ไม่ต่างจากมองตัวเอง ชีวิตราบเรียบของกระดานไม้เกิดมาเพื่อทำหน้าที่เป็นแค่เพียงส่วนประกอบหนึ่งของโลก ไม่ได้มีความหมายสลักสำคัญอะไรกับใคร เมื่อถูกพายุฝนพัดกระหน่ำมันก็แค่ต้องอดทน รอเช้าวันใหม่ แสงอาทิตย์จะดูดซับความเปียกปอนให้หายไปและนำมาซึ่งความอบอุ่นอีกครั้ง

                แต่ถึงแม้ได้รับความเอื้ออาทร กระดานไม้ก็ไม่ได้มีความสำคัญต่อพระอาทิตย์อยู่ดี

                ขณะที่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย อยู่ดีๆ สายฝนก็ขาดช่วงไป ดวงตากลมโตแหงนมองก็พบว่าฝนไม่ได้หยุดตก แต่เป็นเพราะร่มคันโตต่างหากที่กันฝนให้เธอ

                “อยากปอดบวมตายนักหรือไง” เขมราชถามน้ำเสียงดุแกมประชดประชัน

                พ่อเลี้ยงหนุ่มอยู่ในชุดนอน แต่ร่างสูงร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรก็ยังดูภูมิฐาน มือข้างหนึ่งถือร่มคันใหญ่ อีกมือล้วงกระเป๋ากางเกงผ้าสีเทาเข้ม ท่ามกลางสายฝนกระหน่ำ เขาช่างดูเหมือนพระเอกหนังรักเกาหลีไม่มีผิด

                ส่วนเธอ...ก็คงเป็นตัวประกอบที่เขาอยากเขี่ยให้พ้นไปจากฉากชีวิต

                “หอมก็แค่เหนื่อยจนเดินไม่ไหว ไม่ได้อยากปอดบวมตายสักหน่อย” อันที่จริงเขาไม่เห็นต้องสนใจ ถ้าเธอปอดบวมตายจริงๆ เขาก็คือคนที่ดีใจมากที่สุด

                เขมราชได้แต่กัดฟัน มองผ้าพันแผลที่มือเล็กๆ ก็ยิ่งเดือดดาล เพราะมันเปียกจนน้ำหยด ไม่รู้ทำไมเขาต้องสนใจผู้หญิงใจร้าย จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรมันก็เรื่องของเธอ เวลานี้เขาแค่ต้องการตกลงอะไรบางอย่างก็เท่านั้น

                “รีบไปอาบน้ำ ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”

                หอมนวลไม่ถาม เพราะถึงไม่บอกก็รู้ว่าเรื่องอะไร เธอเตรียมรับมือไว้แล้ว

                “ลุกสิ”

                “คุณเขมก็เดินไปก่อนสิคะ เดี๋ยวหอมลุกตามไป”

                “มีร่มหรือไง มาช่วยแล้วยังไม่สำนึกบุญคุณอีก”

                ไม่ต้องรอให้คนเปียกปอนได้ตอบ พ่อเลี้ยงหนุ่มคว้าหมับเข้าที่ต้นแขนแล้วดึงเธอให้ลุกตาม แรงดึงทำให้ร่างบอบบางเซถลาไปถูกเสื้อผ้าสะอาดของเขาจนเปียกไปด้วย หอมนวลตกใจกลัวถูกดุ แต่กลับกลายเป็นว่าเขายังโอบบ่าเธอไว้หลวมๆ เพื่อให้เข้ามาอยู่ใต้ร่มด้วยกัน

                “อย่าดิ้น เดี๋ยวก็เปียก”

                ‘มันไม่ทันแล้วย่ะ เปียกไปจนถึงไส้แล้ว’

 

                เขมราชนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียง ชายหนุ่มเปลี่ยนชุดใหม่ทั้งหมดเพราะชุดเดิมเปียกจนสวมไม่ได้ ตอนที่กางร่มให้หอมนวล เขาเบี่ยงร่มไปทางเธอจนตัวเองรับฝนไปเต็มๆ

                เขาทำไปเพื่ออะไรก็ยังไม่เข้าใจตัวเอง

                ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน แสดงถึงความขุ่นมัวในจิตใจ

                หอมนวลเดินช้าๆ มาหาเจ้าของฟาร์มผู้น่าเกรงขาม สองมือใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมไปพลางๆ หวังลดความประหม่าแต่แทบช่วยอะไรไม่ได้เลย

                “จะคุยกับหอมที่ตรงนี้ หรือข้างนอกคะ” หอมนวลตัดสินใจพูดออกไปทั้งที่ใจหวาดหวั่น เวลานี้คิ้วเข้มของเขาเหมือนคิ้วของยักษ์ทศกัณฐ์ไม่มีผิด ดวงตาสีสนิมที่มองมานั่นอีก เธอแทบอยากมุดแผ่นดินหนีไปเลยถ้าทำได้

                เขมราชลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหยุดอยู่ริมหน้าต่าง สองแขนเท้ากับขอบหน้าต่างไม้เนื้อดี มองนิ่งผ่านม่านฝนโปรยปรายด้านนอก อากัปกิริยานั้นยิ่งทำให้หอมนวลกลัวหนักเข้าไปอีก

                เขาคงพยายามระงับอารมณ์ไม่ให้ฆ่าเธออยู่เป็นแน่

                “คุยตรงนี้แหละ”

                “ค่ะ”

                เธอตอบรับและมองแผ่นหลังกว้างแสนอบอุ่นของเขาอย่างสะท้านใจ คุยแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เธอจะได้ไม่ต้องเก็บอาการมากนักเผื่อว่าเผลอร้องไห้ออกมา

                “เรื่องระหว่างเธอกับฉัน ฉันหมายถึงสาเหตุที่เราต้องมาอยู่ตรงนี้ด้วยกัน”

                “พูดตรงๆ เถอะค่ะ”

                เขมราชหันมาเผชิญหน้ากับหญิงสาวที่กล้าท้าให้เขาพูดตรงๆ ผู้หญิงที่ดูผิวเผินไร้พิษสง อ่อนแอกว่าเขาเหมือนราชสีห์กับหนู แต่ใครจะคิดว่าเธอสามารถสร้างความเจ็บแสบได้ร้ายกาจยิ่งกว่างูพิษ

                “ได้ ฉันจะพูดกับเธอตรงๆ”

                “รีบว่ามาเถอะค่ะ”

                “ฉันต้องการหย่า”

                แม้เตรียมใจไว้แล้ว แต่พอเอาเข้าจริงกลับรับมือแทบไม่ไหว นอกจากน้ำตาแล้ว เธอห้ามความเสียใจที่แสดงออกทางอื่นไม่ได้เลย

                “เธอกำลังเสียใจอย่างนั้นเหรอ” เขารู้โดยไม่ต้องสังเกตเลยเพราะสีหน้าและแววตาของเธอแสดงออกชัดเจน

                หอมนวลเชิดหน้าขึ้น พยายามปรับสีหน้าให้ปกติ

                “หอมจะหย่า ตามข้อตกลงของป้ามณี คือวันที่หอมเรียนจบ”

                “ไม่! ฉันจะไม่รอให้ถึงวันนั้น” เพราะความบีบคั้นจากน้ำตาอดีตคนรักทำให้เขาจำต้องผิดสัญญา แม้จะรู้สึกผิด แต่เขาปล่อยให้จันทร์นรีเสียใจไม่ได้

                “ไหนคุณเขมบอกว่าเป็นคนรักษาสัจจะยังไงล่ะคะ กรุณาทำตามที่พูดด้วย”

                เขมราชเหลืออดกับวาจายอกย้อนของหญิงสาวผู้ได้ชื่อว่าเมีย ชายหนุ่มกระชากร่างบางเข้ามาประชิดตัวแล้วจ้องลึกเข้าไปในดวงตา หอมนวลลอยหน้าลอยตาใช้ชีวิตเป็นนายหญิงของฟาร์มแสงอรุณได้อย่างไรในขณะที่จันทร์นรีต้องร้องไห้เสียใจทุกวัน มิหนำซ้ำแม่เลี้ยงมณีแดงยังแสดงออกชัดเจนว่าเข้าข้างหอมนวลทั้งที่ควรตำหนิมากกว่า ข้อหายุ่งเกี่ยวกับคนรักของพี่สาว เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าจิตใจทำด้วยอะไร

                “บอกมาตามตรง ที่ฉันต้องแต่งงานกับเธอ เป็นแผนการของเธอกับป้าอย่างนั้นใช่มั้ย”

                น้ำเสียงเย็นเฉียบของเขาแช่แข็งหัวใจเธอในคราเดียวกัน นี่เป็นความคิดของผู้ชายที่เธอรักมากที่สุดอย่างนั้นหรือ การที่เขาเมาแล้วเผลอมีอะไรกับเธอในวันที่ถูกพี่สาวของเธอทิ้ง เธอก็ไร้ศักดิ์ศรีมากพออยู่แล้ว เขายังจะกล่าวหาว่าเป็นแผนการของเธออีก แสดงออกชัดเจนว่าถ้าไม่ใช่เพราะแผนของเธอ เขาคงไม่พลาดมีอะไรกับเธออย่างเด็ดขาด

                “ถ้าคุณเขมคิดแบบนี้ จะยอมแต่งงานกับหอมทำไมตั้งแต่แรก หอมบอกคุณแล้วไม่ใช่หรือคะ ว่าไม่ต้องมารับผิดชอบ แต่คุณก็ยืนยันว่าคุณเป็นลูกผู้ชาย พอพี่ลูกจันทร์กลับมา คุณมาทวงให้หอมหย่า ไหนล่ะคะ ลูกผู้ชาย” หอมนวลตัดสินใจกลับลำ เธอทนเห็นเขมราชถูกจันทร์นรีเอาเปรียบไม่ได้อีกต่อไป เธอไม่มีอะไรต้องเสีย ดังนั้นหากเขมราชจะมองเธอในแง่ร้ายมากขึ้นอีกนิดก็ช่างปะไร แต่อย่างน้อยเขาต้องไม่ถูกพี่สาวเธอหลอกได้อีก

                ใบหน้าคมเข้มตึงเครียด หอมนวลมีพิษสงมากกว่าที่เขาคิด ถึงขั้นนี้แล้วเธอยังยืนยันไม่ยอมหย่าท่าเดียว แค่นี้ก็รู้แล้ว ไอ้ท่าทางใสซื่ออ่อนหวานนั่นเสแสร้งชัดๆ  

                “ก็เพราะว่าฉันโง่ไง ฉันโง่ที่คิดว่าตัวเองได้ทำลายผู้หญิงดีๆ คนหนึ่งให้เสื่อมเสีย แต่ที่ไหนได้ มันเป็นกับดักของนางแม่มด”

                หอมนวลฟังนิ่งไม่อยากเถียง บังคับสีหน้าให้เรียบเฉยที่สุดแม้หัวใจแหลกสลาย

                “เฮอะ! ไม่ปฏิเสธ ไม่ชี้แจง แสดงว่าฉันพูดถูก” ดวงตากร้าวกล้าจ้องผู้หญิงไร้ยางอายนิ่ง เขาอยากให้เธอกลัว กลัวจนต้องวิ่งหนีหายไปจากชีวิตเขาเดี๋ยวนี้

                แต่สายตาดุดันก็ใช้ไม่ได้ผลเมื่อเธอไม่กล้าสบตาเขา เขมราชเข้าใจว่าเธอคงปิดบังเรื่องเลวๆ ไว้อีกมาก ถึงได้ไม่กล้าสู้หน้า

                “ได้! ไม่อยากหย่าก็ไม่ต้องหย่า อยากเป็นเมียก็ต้องได้เป็นเมีย”

                หอมนวลเบิกตากว้างอย่างตื่นตระหนก มือไม้ปัดป่ายทันทีตามสัญชาตญาณระวังภัย

                “อย่าดิ้นนะ” เขมราชดุทีเดียวร่างบางก็หยุดเคลื่อนไหว เขาฉวยโอกาสนั้นอุ้มเธอไปวางบนเตียง

                เร็วจนตั้งตัวไม่ทัน สมองคิดหาทางเอาตัวรอด แต่กลับกลายเป็นเรื่องยากยิ่ง เพราะครั้งนี้เธออยู่ในยุทธภูมิที่เพลี่ยงพล้ำไม่เห็นหนทางหนีไปได้ หญิงสาวบอกกับตัวเองว่าต้องรีบคิดให้ออก เพราะอีกไม่นานเธอจะไม่มีโอกาสได้คิดอีกต่อไปเมื่อจุมพิตร้อนของเขาประทับลงบนริมฝีปากเธอ  

                ไม่ทันขาดคำ...

                เขมราชโถมตัวทาบทับแล้วจูบเธออย่างที่คิดไว้ ทว่ามันอ่อนหวานเกินคาดฝัน ไม่กี่วินาทีถัดมาร่างบางก็หมดแรงแข็งขืน ยินยอมให้ลิ้นอุ่นละมุนเลาะเลี้ยวในโพรงปากอย่างง่ายดาย

                พายุเกรี้ยวกราดแปรเปลี่ยนเป็นสายลมบางเบา เขมราชละทิ้งความจริงไปชั่วขณะเพราะความฝันตรงหน้าช่างเย้ายวน เขารู้ดีแก่ใจว่าผู้หญิงใต้ร่างคือตัวอันตราย สิ่งที่เป็นอยู่นี่คือภาพลวงตา ทว่าตัวเขาในเวลานี้ไม่ต่างจากแมลงเม่าที่พร้อมบินเข้ากองไฟแห่งตัณหาโดยไม่หวาดหวั่นความร้อนแรงซึ่งอาจแผดเผาให้เจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจ

                แต่จะกลัวอะไรกับความเจ็บปวดชั่วคราว ถึงเขาจะยอมเจ็บ แต่รับรองว่าไม่ยอมตาย

                มือข้างหนึ่งคลอเคลียอยู่ไม่ห่างเอวบาง ส่วนอีกข้างช้อนต้นคอขาวเนียนไม่ให้ขยับหนีจุมพิตของเขาได้ เขมราชใจหวิวพิกลเหมือนกับร่างกายจะแหลกสลาย ทำให้ต้องถอนริมฝีปากออกก่อนที่ใครจะหมดลมหายใจไปเสียก่อน

                “คุณเขม คือว่าหอม”

                “อะไร”

                หอมนวลไม่รู้จะพูดอะไร เพราะรสสัมผัสอ่อนโยนทำให้สติเลอะเลือนไปหมด

                บอกแล้วไงหอมนวล เธอต้องคิดให้ได้ก่อนถูกจูบ

            ในเมื่อไม่พูด พ่อเลี้ยงหนุ่มก็จูบอีกครั้ง มือหยาบเลื่อนจากเอวบางมาวนเวียนอยู่ที่ขอบกางเกงนอน ค่อยๆ ขยับลงจนกางเกงในสีดำโผล่พ้นออกมา

                “เธอใส่ชุดชั้นในเวลานอนด้วยเหรอ”

                หอมนวลงุนงงกับคำถาม “ใส่ค่ะ ถามแปลก ปกติคนอื่นไม่ใส่หรือไง”

                “ไม่”

                ตอบสั้นๆ แค่นั้นแล้วรีบซุกจมูกโด่งกับซอกคอระหงอีกครั้ง กลิ่นสบู่อ่อนๆ ทำให้ชายหนุ่มยิ่งสูดลมหายใจลึกเพื่อซึมซับความหอมให้มากที่สุด ก่อนส่งริมฝีปากร้อนๆ ตามไปอีกโดยไม่เปิดโอกาสให้เจ้าของร่างได้พักหายใจ มือไม้ซุกซนไม่หยุดนิ่ง ทำหน้าที่เล้าโลมได้ดีเยี่ยมไม่ต่างจากริมฝีปากหยักของเขา ทำงานเข้าขากันจนหอมนวลสงสัยว่าเขาทำได้อย่างไร

                เสียงสายฝนโปรยกระหน่ำยิ่งทวีความหื่นกระหายในกายของชายผู้ไม่เป็นตัวของตัวเอง แม้พายุพัดรุนแรง เสียงฟ้าร้องและเสียงเม็ดฝนกระทบหลังคาจนคนทั่วไปหูแทบดับ แต่เขมราชกลับไม่ได้ยินอะไรเลย

                แม้แต่เสียงเรียกของลูกน้องคนสนิท

                “นายครับ นาย เกิดเรื่องใหญ่แล้วนาย เปิดประตูให้ทีครับ นายครับ”

                เป็นหอมนวลที่ได้ยิน เธอผลักร่างเขาประท้วงให้ยุติการกระทำ

                “อะไรอีก”

                “ชู่”

                “นายครับ นายตื่นเถอะครับ” เสียงแว่วไกลๆ ไม่ได้ทำให้เขมราชสนใจ เพราะเขาพุ่งความสนใจไปที่อย่างอื่นมากกว่า นั่นคือเรือนร่างนุ่มนิ่มที่นอนหายใจหอบอยู่ใต้ร่างของเขา ใบหน้าคมเข้มหวังจะจูบเธออีกครั้ง แต่น้ำเสียงร้อนรนก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ

                “เสียงซอมพอกับฟ้าฮ่าม มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ” หอมนวลรีบร้องห้าม ใจหนึ่งนึกขอบคุณสองคู่หูที่มาทันช่วยชีวิต แต่อีกใจก็หวั่นวิตกว่าจะเกิดเรื่องร้ายขึ้น

                ในขณะที่เขมราชกำลังชั่งใจอยู่นั้น เสียงเคาะประตูพร้อมกับเสียงเรียกของมารดาก็ทำให้เขาต้องหยุดคิดทุกอย่าง

                ชายหนุ่มจัดการเสื้อผ้าของตัวเองไม่ต่างจากหอมนวล ก่อนจะก้าวยาวๆ ไปเปิดประตู พบกรองแก้วและจันเป็งยืนอยู่ สีหน้าไม่สู้ดีนัก  

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น