14

ตอนที่ 14


“มาดึกดื่นมีอะไรวะไอ้ใหญ่ไอ้เล็ก ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย พวกเอ็งได้ตายแน่” เขมราชยังโมโหไม่หาย ยายเด็กบ้ามีคาถาดีหรืออย่างไร ถึงได้มีเหตุการณ์ให้รอดเงื้อมมือเขาไปได้ทุกครั้ง

                “ยิ่งกว่าคอขาดอีกนะนาย” ซอมพอรีบปรี่เข้าไปหาผู้เป็นนาย เนื้อตัวเปียกม่อลอกม่อแลก ส่วนฟ้าฮ่ามนั้นหมดแรงนั่งหนาวสั่นอยู่กับพื้นบ้าน

                “อะไรวะ”

                ไม่รู้เพราะเปียกฝนหรืออะไรกันแน่ เวลานี้ใบหน้ากลมแป้นของลูกน้องหนุ่มซีดไปถนัดตา เขมราชชักหายใจไม่ทั่วท้อง

                “ฝายห้วยตากฟ้าที่ชาวบ้านช่วยกันทำไว้กักเก็บน้ำ ตอนนี้มันพังถล่มลงมาแล้วครับนาย”

                ไม่ใช่แค่เขมราช แต่ทั้งกรองแก้ว จันเป็งและหอมนวลก็ตกใจ ทว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มยังมีสติที่จะไม่ตีโพยตีพาย

                “ฝายพังแบบนี้ พื้นที่ด้านล่างคงจะไม่เหลือนะคะ” หอมนวลเคยขึ้นไปบนฝายบ่อยครั้ง เธอรู้ดีว่าน้ำเหนือฝายกั้นมีปริมาณมหาศาลโดยเฉพาะหน้าฝนแบบนี้ เธอนึกห่วงไปถึงไร่จอมนรี ป่านนี้ป้าเธอจะรู้หรือยังว่าฝายแตก

                “คนที่อยู่ด้านบนบอกว่าคันกั้นน้ำค่อยๆ พังทีละส่วนครับ น้ำเลยไม่ไหลไปก้อนเดียว แต่อีกไม่เกินสองชั่วโมงคงท่วมหมู่บ้านด้านล่างหมด รวมถึงไร่ข้าวโพดของเราก็อาจจะเสียหายเกินกว่าเจ็ดร้อยไร่”

                ในสถานการณ์ที่คับขัน เขมราชเป็นคนเดียวที่ดูไม่ร้อนรนกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขานิ่งคิดอะไรบางอย่างจนคนที่เหลือแทบทนรอการตัดสินใจไม่ไหว

                “นายครับ เรามีกระสอบทรายกั้นน้ำที่เคยทำไว้เมื่อหลายปีก่อน ผมคิดว่าเอามากั้นไม่ให้น้ำไหลเข้ามาในไร่น่าจะเอาอยู่นะครับ” ซอมพอเสนอ

                “ใช่ๆ ตอนนั้นเราทำไว้เยอะเลยนาย” ฟ้าฮ่ามคล้อยตามคู่หู

                เมื่อหกปีก่อนในฤดูฝน เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือน ตอนนั้นเขมราชยังอยู่ต่างประเทศ เขารับรู้แต่เพียงว่าน้ำท่วมหนัก แต่ความเสียหายไม่ได้มากมายอะไร

                ไม่เหมือนครั้งนี้...

                พ่อเลี้ยงหนุ่มกลอกตาไปมาอย่างใช้ความคิด และทุกคนต่างเฝ้ารอการตัดสินใจของผู้เป็นใหญ่แห่งฟาร์มแสงอรุณ หวังให้เขากอบกู้วิกฤติครั้งนี้ด้วยมันสมองอันชาญฉลาด ทุกคนเชื่อมั่นเช่นนั้น

                “ทำคันกั้นน้ำ” ในที่สุดคำสั่งก็ออกมา แต่กลับเป็นคำสั่งที่ทุกคนคาดไม่ถึง “บังคับทิศทางให้น้ำไหลเข้ามาในไร่ข้าวโพด”

                “นายว่าอะไรนะครับ” ลูกน้องหนุ่มหน้าตื่น “ถ้าทำแบบนั้นคงไม่ใช่แค่ไร่ข้าวโพดที่เสียหาย แต่พืชไร่อื่นๆ ก็จะเสียหายไปด้วย มูลค่าหลายสิบล้านนะครับนาย”

                ซอมพอไม่เข้าใจ คนอื่นๆ ก็เช่นกัน ทุกคนต่างรอฟังคำอธิบายอย่างใจจดใจจ่อ

                “ไม่เป็นไร สั่งให้รถขนกระสอบทรายไปกั้นน้ำไม่ให้เข้าท่วมหมู่บ้าน เปลี่ยนทิศทางให้น้ำเข้ามาในไร่ ทำให้ไร่ของเราเป็นที่พักน้ำ เพราะถ้าไม่ทำ คนข้างล่างจะเป็นอันตรายถึงชีวิต”

                คำตอบสั้นๆ สร้างความกระจ่างเป็นอย่างดี หอมนวลยิ้มกว้าง ภูมิใจกับการตัดสินใจของเขา

                “รีบไปทำตามที่ลูกชายฉันบอกสิ เดี๋ยวก็ไม่ทันพอดี” กรองแก้วรีบบอกสองคู่หูที่ยืนอ้าปากค้าง

                “ครับนายแม่” ซอมพอกับฟ้าฮ่ามประสานเสียงกัน นึกขอบคุณผู้เป็นนายที่ตัดสินใจแบบนี้ เพราะบ้านของตนกับพี่น้องก็คือหมู่บ้านด้านล่างซึ่งยังไม่รู้ชะตากรรมว่าตอนนี้เป็นอย่างไร

                “ไปเถอะว่ะ พวกเราต้องรีบไปเกณฑ์คนมาช่วย เดี๋ยวไม่ทัน” ฟ้าฮ่ามรีบสะกิดเพื่อน

                “ไอ้เล็กโทร. ไปบอกคนงานให้เตรียมตัวก่อนเลย แล้วพวกเอ็งรอเดี๋ยว ฉันจะไปด้วย”

                เขมราชก้าวเร็วๆ กลับเข้าไปในห้องเพื่อเปลี่ยนเครื่องแต่งตัว หอมนวลเห็นดังนั้นก็รีบวิ่งตามเข้าไป เธอมองดูสามีเปลี่ยนชุดเหมือนผู้หญิงบ้ากาม ทว่าเขมราชก็ปล่อยให้เธอมองอย่างไม่รู้สึกอาย

                “คุณเขม หอมจ้องให้คุณเขมหยุดเพื่อฟังหอมนะคะ ไม่ใช่ถอดเอาถอดเอา” หอมนวลโวยวาย เพราะเวลานี้พ่อเลี้ยงหนุ่มเหลือแค่บ็อกเซอร์ตัวเดียว ดวงตากลมโตเสมองที่พื้น ใบหน้าร้อนผ่าว

                “ฉันไม่สนใจ อยากมองก็มอง ฉันรีบ”

                เขมราชยังทำภารกิจไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสวมกางเกงยีน หอมนวลถึงได้ยอมหันมาสบตาเขาอีกครั้ง

                “ให้หอมไปด้วยนะคะ”

                “ไม่” ตอบกลับแทบจะทันที

                ชายหนุ่มเดินผ่านหน้าเธอเพื่อไปหยิบเครื่องมือสื่อสาร โดยไม่สนใจว่าร่างบางยืนไม่ติดพื้นเพราะความร้อนรน

                “หอมช่วยคุณเขมได้นะคะ ให้หอมไปเถอะค่ะ”

                “ไม่! มันไม่ใช่เรื่องของเธอ เธอมีหน้าที่แค่สองอย่าง” เขมราชหยุดพูดกับหอมนวลด้วยน้ำเสียงจริงจัง “หน้าที่เลี้ยงวัวกับหน้าที่บนเตียง”                   

                หอมนวลย่นจมูกให้ด้วยความหมั่นไส้ จะโหดอะไรกันนักกันหนา เธออุตส่าห์สละความโสดเพื่อช่วยเขาไว้ ไม่ให้ต้องเป็นพ่อของลูกใครไม่รู้ ยังจะมาทำหน้ายักษ์ใส่ ไหนจะหน้าที่ของเธอที่เขายัดเยียดให้โดยไม่ถามสักคำนั่นอีก คิดแล้วก็น่าโมโห

                “แม่กับป้าจันเป็งนอนได้เลยนะครับ ผมคงกลับเช้า”

                เขมราชโยนกระเป๋าเป้ให้สองเกลอคู่หู ซอมพอกับฟ้าฮ่ามรับกระเป๋าได้ก็รีบกระโดดขึ้นรถ ไปนั่งประจำตำแหน่งของตัวเอง

                “ทำให้เต็มที่เลยลูก” กรองแก้วยิ้มหน้าบาน ภาคภูมิใจในความคิดอันกล้าหาญของบุตรชาย แต่จันเป็งกลับเป็นกังวล ห่วงใยเจ้านายหนุ่มมากกว่าคนเป็นมารดาเสียอีก

                “ป้อเลี้ยงระวังตัวโตยเน้อเจ้า ฝนตกเยอะล้ำ ป้าใจ๋บ่ดี”

                “ครับ” เขมราชยิ้มให้หญิงสูงวัยทั้งสองคน

                “คุณเขมระวังตัวด้วยนะคะ” หอมนวลเกาะแขนคนเป็นสามี ลืมไปเลยว่าเขาเกลียดตัวเองขนาดไหน คงเป็นเพราะสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานจนทำให้ความจำเธอเลอะเลือน

                เขมราชทำหน้าไม่ถูกเมื่อคนตัวเล็กทำตัวน่ารักใส่ แต่ช่างเถอะ...เขาไม่มีทางหลงเธอง่ายๆ

                “อืม”

                คำตอบสั้นๆ ทำให้คนฟังได้แต่ถอนหายใจ เธอเริ่มปลงกับท่าทีเฉยเมยของเขาแล้วเวลานี้ หญิงสาวปล่อยมือจากคนเย็นชาก่อนที่เขาจะขึ้นไปนั่งบนรถคู่กับคนขับ แม้เห็นแค่เสี้ยวใบหน้าก็ดูออกว่าพ่อเลี้ยงแห่งฟาร์มแสงอรุณกำลังตกอยู่ในภาวะเครียด ซึ่งหอมนวลไม่มีวันรู้เลยว่ามันรวมถึงเรื่องของเธอด้วย  

                รถกระบะเคลื่อนตัวช้าๆ มาหยุดลงตรงหน้าหอมนวล พร้อมกับกระจกฝั่งผู้โดยสารเลื่อนลง ปรากฏใบหน้าของคนในความคิด คราแรกเธอดีใจ คิดว่าเขาอาจมีอะไรจะบอกกับเธอมากกว่าคำสั้นๆ เมื่อครู่ แต่พอเขาพูด...เธอถึงกับโกรธตัวเองที่ยืนรอฟังคำแบบนี้จากปากเขา   

                “กลับมาเมื่อไหร่ เธอเสร็จฉันแน่”

                ไม่รู้ว่าหอมนวลคิดไปเองหรือเปล่าที่เห็นว่าเขากระตุกยิ้ม หญิงสาวเริ่มสับสนว่าเขมราชต้องการอะไรจากเธอกันแน่ เดี๋ยวก็ทวงสิทธิ์ความเป็นสามี เดี๋ยวก็เรียกร้องให้หย่า บางครั้งเกลียดจนแทบไม่มองหน้า แต่บางครั้งก็ดูเป็นห่วงเป็นใย

                “คนบ้า มีปัญหากับการควบคุมอารมณ์หรือไง”

                หอมนวลค้อนใส่ท้ายรถที่แล่นห่างออกไป จนลับตาแล้วจึงหันกลับเข้าบ้าน ทว่าบางสิ่งก็ทำให้เธอตกใจจนร้องเสียงหลง

                “ว้าย!”

                กรองแก้วกับจันเป็งยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ด้านหลังไม่ให้สุ้มให้เสียง เธอคิดว่าทั้งสองกลับเข้าบ้านไปนานแล้ว แต่กลับมายืนยิ้มเผล่หน้าตาเฉย แถมสีหน้าแววตาวิตกกังวลเมื่อครู่ก็ไม่ปรากฏให้เห็นแล้วในเวลานี้

                “ตะกี้ตี้ป้อเลี้ยงอู้คืออะหยังเจ้า” จันเป็งแสร้งถามกับนายแม่ของฟาร์มแสงอรุณ แต่หางตาจับจ้องที่คนเป็นลูกสะใภ้

                “ไม่รู้สิจันเป็ง ต้องถามหนูหอม” กรองแก้วส่งสายตาล้อเลียนให้ลูกสะใภ้ “ว่าไงจ๊ะหนูหอม เธอเสร็จฉันแน่...นี่คืออะไรกัน”  

                “หอมก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” หอมนวลตอบอึกอัก ก้มหน้าไม่กล้าสบตา

                “อ้าว...เหรอจ๊ะ ป้าก็คิดว่ารู้กันอยู่สองคน ว่าแต่...เมื่อกี้ทำอะไรกันอยู่จ๊ะ ป้าได้ยินพ่อลูกน้องสองคนเรียกนายเขาอยู่ตั้งนานสองนาน ทำไมถึงไม่ได้ยิน” กรองแก้วแกล้งถามต่ออีก แววตาเป็นประกายระยิบ

                “เออ...” คราวนี้หอมนวลแทบมุดแผ่นดินหนี เธอรู้ว่ากรองแก้วรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่แค่แกล้งถามให้อายเล่นก็เท่านั้น “หอมหลับค่ะ คุณเขมก็ด้วย”

                “สงสัยจะหลับลึก”

                “ค่ะ คุณป้ากับป้าจันเป็งไปนอนเถอะนะคะ ดึกแล้ว เดี๋ยวหอมจะนั่งรอคุณเขมอีกสักพัก” หอมนวลรีบเปลี่ยนเรื่อง เดินหนีเข้าไปในบ้านเพราะไม่อยากยืนให้อับอายสายตาของหญิงสูงวัยทั้งสองคน

                เมื่อเหล่ากองเชียร์ทั้งหลายแยกย้ายกันไปแล้ว หอมนวลถึงได้หายใจโล่งขึ้น เธอนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ชุดรับแขก เฝ้ามองดูเม็ดฝนที่เทกระหน่ำลงมาราวกับฟ้ารั่ว ถ้าเป็นตอนเด็กๆ เธอคงนั่งอธิษฐานขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ฝนหยุด แต่เวลานี้เธอเติบโตขึ้นและรู้ว่าโลกใบเดิมไม่มีอีกต่อไปแล้ว ภายในหัวใจของคนเป็นผู้ใหญ่เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย ซึ่งล้วนแต่เป็นปัญหาอันยากเกินกว่าจะหาทางออกได้...ต่อให้เธอนั่งภาวนาถึงเช้าก็ตาม 

                เขมราชขอหย่ากับเธอ

                แต่เธอตอบเขากลับไปเหมือนผู้หญิงไร้ยางอาย หากเขาพูดกับเธอก่อนหน้าที่จะรู้แผนการของจันทร์นรี เธอคงตกปากรับคำโดยไม่สนใจใครทั้งนั้น แม้แต่ผู้เป็นป้า เพราะเพียงแค่ความรักอย่างเดียวผู้หญิงอย่างหอมนวลหาได้สนใจไม่ เธอมีชีวิตเพื่อรักเขาโดยไม่ต้องได้รับความรักตอบได้อยู่แล้ว เธออยู่แบบนั้นมาจนชาชิน

                ความจริง...หากเธอยอมหย่าแล้วบอกความจริงกับเขมราชไปว่าจันทร์นรีตั้งท้อง ดูจะเป็นหนทางที่ง่ายกว่า แต่จันทร์นรีจะถูกมองอย่างไร เธอเห็นแก่ความรู้สึกของแม่เลี้ยงมณีแดงซึ่งรักจันทร์นรีเหมือนลูกตนเอง เธอจึงทำไม่ได้

                ดังนั้น การยื้อทะเบียนสมรสไว้แล้วรอวันที่จันทร์นรีทนไม่ไหวจนต้องหนีความอายไปเองน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะหอมนวลรู้จักจันทร์นรีพอๆ กับที่รู้จักตัวเอง พี่สาวของเธอไม่มีวันปล่อยให้คนอื่นเห็นความผิดพลาดของตัวเองเป็นอันขาด

                “ไม่นานหรอกค่ะคุณเขม หอมรับรอง”

 

                หลังจากสนทนากับแม่เลี้ยงมณีแดงผ่านทางโทรศัพท์ได้ครู่เดียวสัญญาณก็ขาดหาย เพราะไฟฟ้าดับ หอมนวลพ่นลมหายใจให้แก่ความยากลำบากที่เธอได้เจอในวันนี้

                ยังดีว่าก่อนที่สัญญาณจะหายไปเธอได้รับข้อมูลว่าไร่จอมนรีได้รับความเสียหายแค่เพียงเล็กน้อย ทุกคนที่นั่นยังปลอดภัยดี เธอเล่าให้ผู้เป็นป้าฟังว่าเขมราชยอมสละไร่พืชสำหรับแปรรูปเป็นอาหารสัตว์เป็นที่รับน้ำ ซึ่งมองเผินๆ ดูเป็นความคิดที่โง่เอาการ แต่เธอกับป้าก็ต้องขอบคุณเขา และวันพรุ่งนี้ชาวบ้านทุกคนจะต้องขอบคุณเขา

                หญิงสาวเดินไปหยิบเทียนไขมาจุดเพื่อให้แสงสว่าง ฝนซาเม็ดลงมากแล้ว และเธอคงเข้านอนไม่ได้หากรู้ทั้งรู้ว่าเขมราชยังต้องเหนื่อยอยู่ข้างนอก ไหนๆ เธอกับเขาก็ต้องแยกจากกันในไม่ช้า ขอให้เธอได้ทำสิ่งดีๆ ให้เขาบ้าง ถึงแม้ว่าชายหนุ่มไม่ต้องการเลยก็ตาม  

                เทียนเล่มที่สามถูกจุดแทนเล่มที่เพิ่งหมดไป พร้อมกับเสียงรถเคลื่อนมาจอดหน้าเรือนแสงอรุณ หอมนวลถึงกับยิ้มออกด้วยความยินดีเมื่อเห็นว่าเขาปลอดภัย เธอรีบปรี่เข้าไปหาเจ้าของร่างสูงซึ่งกำลังเดินขึ้นบันไดมา

                “คุณเขม”

                เขมราชทำหน้านิ่วเมื่อเห็นร่างของคนเรียกเดินแกมวิ่งเข้ามาหา แสดงออกว่าไม่พอใจที่เธออยู่รอรับเขา ทั้งที่ควรจะเข้านอนตั้งนานแล้ว 

                “ทำไมยังไม่นอน”

                “คือว่าหอม...”

                พ่อเลี้ยงหนุ่มเห็นท่าทีอึกอักจึงไม่รอฟังคำตอบ เขาเดินลิ่วๆ ไปยังห้องนอน

                ฝ่ายหอมนวลรีบคว้าเทียนไขแล้วเดินตามไปติดๆ นึกแล้วเธอก็คงหน้าทนพอควร ขนาดถูกต่อว่า ถูกด่าสารพัด เธอยังวิ่งตามเขาต้อยๆ เหมือนคนจนตรอก

                ไม่แปลก...หากเขมราชจะรำคาญเธอ

                กระเป๋าเป้ถูกโยนไปกองแหมะอยู่ที่พื้น ชายร่างสูงร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรทรุดตัวลงบนเก้าอี้นวมเหมือนวิญญาณหลุดลอยออกจากร่าง หอมนวลรีบตั้งเทียนบนหลังตู้โล่งๆ ก่อนจะหันมาสนใจคนตัวโตอีกครั้ง

                “ทางโน้นเรียบร้อยดีมั้ยคะคุณเขม ชาวบ้านเป็นยังไงบ้าง”

                “น้ำเยอะเอาการ ชาวบ้านด้านล่างได้รับผลกระทบมากหน่อย แต่ยังอยู่ในระยะปลอดภัย หมู่บ้านรอบๆ ก็โดนบ้างประปราย แต่ไม่เกินเที่ยงน้ำคงระบายหมด โชคดีที่ไร่ของเรารับน้ำแทนได้มาก ไม่อย่างนั้นมวลน้ำมหาศาลคงพัดเอาบ้านเรือนด้านล่างหายไปไม่ต่ำกว่าห้าสิบหลัง คราวนี้คงได้มีคนตายกันบ้าง”

                “ต้องขอบคุณคุณเขมนะคะ”

                แม้แสงเทียนจะสลัวจนมองอะไรไม่ชัด แต่เขมราชก็เห็นว่าหอมนวลยิ้ม เป็นรอยยิ้มจริงใจ...เขาเชื่อว่าอย่างนั้น คำถามมากมายผุดขึ้นในหัวซึ่งอัดแน่นไปด้วยข้อมูลอันแสนสับสนปนเป เพราะในขณะที่มารดา หอมนวล และใครต่อใครต่างเห็นด้วยกับการตัดสินใจของเขา แต่จันทร์นรีกลับโทร. มาบ่นเสียยืดยาวจนเขาต้องแสร้งทำเป็นสัญญาณหายเพื่อตัดรำคาญ 

                ‘ใจดีก็ไม่ผิดนะคะคุณเขม แต่คุณเขมไม่เสียดายบ้างหรือคะ ถ้าคุณเขมอยากเป็นคนดี หลังน้ำท่วมก็เอาเงินไปบริจาคสิคะ สักล้านสองล้าน ดีกว่าต้องมาเสียหายเป็นสิบล้านแบบนี้’

                เขมราชทนฟังไม่ได้ ทั้งที่จันทร์นรีก็เป็นของเธอแบบนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ทุกครั้งเขาก็ทนฟังได้โดยไม่รู้สึกอะไร แต่ไม่รู้เพราะอะไร...ครั้งนี้เขากลับรู้สึกไม่อยากทน

                คงเป็นเพราะความเครียด เขาบอกตัวเองแบบนั้น  

                “ฉันเสียหายสิบล้านเลยนะ” เขมราชหยั่งเชิงว่าหอมนวลจะรู้สึกอย่างไร เขาหวังจะได้เห็นแววตาตระหนกของเธอ...แต่เปล่าเลย เพราะเธอไม่แสดงท่าทีที่ตรงกันข้ามกับความดีใจสักนิด

                “ไม่เป็นไรนะคะ พอน้ำลดเราก็ปลูกกันใหม่ หอมจะช่วยคุณเขมเอง”

                เป็นครั้งแรกที่พ่อเลี้ยงหนุ่มผู้เก่งกาจไปไม่เป็น หลายวันมานี้เขาพยายามร้ายกับเธอตั้งมาก ทั้งคำพูด ท่าที แถมไล่ให้เธอไปเลี้ยงวัวลำบากลำบน หอมนวลกลับยังใช้ชีวิตปกติ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ท่าทีที่เคยแสดงออกต่อเขาก็ยังคงเป็นเช่นเดิม จนเขาไม่แน่ใจว่าระหว่างเขากับเธอ ใครควรจะละอายก่อนกัน

                “เธอนี่สุดยอดคนเลยนะ ฉันด่าเธอ ว่าเธอไปตั้งมาก แต่เธอกลับไม่รู้สึกอะไรเลย แถมยังมาคุยกับฉันเหมือนเราไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันอย่างนั้นแหละ”

                “ใครว่าหอมไม่รู้สึกล่ะคะ หอมก็รู้สึก แต่หอมไม่อยากเก็บมาใส่ใจ”

                “ว่าไงนะ!” เขมราชไม่อยากเชื่อ เธอยอมรับอย่างหน้าตาเฉยได้อย่างไร ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงโกรธแล้วสะบัดก้นหนีไปนานแล้ว แต่ยายนี่กลับเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมาย เขาต้องใช้วิทยายุทธ์อะไรมาสู้กับเธอถึงจะชนะได้ “เอาละ จะยังไงก็ช่างเถอะนะ วันนี้ฉันขอยอมแพ้...”

                คนตัวโตหมดปัญญา การสร้างความหวาดผวาของราชสีห์ไม่ประสบผลเลยจริงๆ กับลูกหนูตัวนี้

                หอมนวลมองเสี้ยวใบหน้าหล่อเหลาของเขาอย่างแปลกใจ

                ‘ยอมแพ้’ ทำไม เธอไม่ได้แข่งขันอะไรกับเขาเสียหน่อย ท่าจะบ้า

                “คุณเขมอย่าเพิ่งนอนค่ะ เสื้อผ้าชื้นขนาดนี้ไปเปลี่ยนก่อนสิคะ เดี๋ยวไม่สบาย” หอมนวลเห็นว่าเขมราชทำท่าจะหลับคาเก้าอี้จึงร้องเรียก

                เขมราชผงกหัวขึ้นมาดูนาฬิกาครู่หนึ่ง ก่อนทิ้งหัวลงกับพนักเก้าอี้ตามเดิม

                “เกือบตีสามแล้วเหรอเนี่ย เหนื่อยเป็นบ้า”

                “เหนื่อยก็รีบไปเปลี่ยนเสื้อค่ะ จะได้พัก” เมื่อเห็นอาการอ่อนเพลียของคนตรงหน้า หอมนวลก็รู้ว่าเขาใช้แรงกายแรงใจไปมาก  

                “เปลี่ยนให้ฉันสิ”

                คำขอของเขาส่งผลให้ดวงตากลมโตเบิกกว้าง กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ใครจะไปทำแบบนั้นได้

                “คะ...คะ...คุณเขมก็เปลี่ยนเองสิคะ หอมเปลี่ยนให้คงไม่ถนัด”

                “งั้นก็ไม่ต้องเปลี่ยน” เขาสวนกลับทันควัน “เธอไปนอนได้เลย”

                หอมนวลถอนหายใจเมื่อเขาหลับไปดื้อๆ นอนแบบนี้คงได้ปอดบวมตาย แถมด้วยโรคปวดกระดูกอีกหนึ่ง หญิงสาวเดินไปหยิบเสื้อผ้าที่ตู้แล้วกลับมายืนจ้องคนตัวโตอย่างชั่งใจ

                สุดท้ายก็ทนเห็นเขานอนในสภาพนี้ไม่ได้ เธอตัดสินใจถอดเสื้อตัวนอกของเขาออกก่อนเป็นอันดับแรก แล้วตามด้วยเสื้อยืดตัวใน เขมราชลืมตาขึ้นมามองครู่หนึ่ง ก่อนจะนั่งตัวตรงเพื่อให้เธอทำภารกิจได้ถนัดทั้งที่ดวงตายังปิดสนิทเช่นเดิม

                หอมนวลทำไปก็กลั้นหายใจไป ยิ่งได้เห็นหน้าอกเปลือยเรื่อยมาถึงต้นแขนบึกบึนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของชายอกสามศอกยิ่งพานทำให้หูอื้อตาลาย อยู่ดีๆ ภาพเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วก็หวนกลับมาอีกครั้ง

                หญิงสาวสะบัดศีรษะแรงๆ ให้ภาพนั้นหลุดจากความคิด ก่อนจะเร่งจัดการกับเสื้อผ้าของเขาจนสวมเสื้อตัวใหม่ได้สำเร็จ เล่นเอาเหงื่อแตกกันเลยทีเดียว

                เสื้อไปแล้ว ที่เหลือก็...

                ดวงตากลมโตจ้องกางเกงยีนอันคับแน่นพลางคิดหาวิธีถอดมันออกโดยไม่ต้องเฉียดใกล้ของส่วนตัวซึ่งดูจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะส่วนของกระดุมมันอยู่ตรงนั้นพอดี คิดอยู่ชั่วนาทีเธอก็ยอมย่อตัวลง เอื้อมมือไปปลดกระดุมกางเกง แต่พยายามเท่าไรก็ปลดไม่ออก แสงสีส้มจากเทียนไขทำเอาตาพร่าไปหมด รู้ตัวอีกทีหน้าก็อยู่ห่างจากเป้ากางเกงเขาแค่นิดเดียว

                “เธอนี่มันยายโรคจิตชัดๆ”

                ร่างไร้เรี่ยวแรงลุกพรึ่บกะทันหันจนหอมนวลตกใจถอยหนีโดยอัตโนมัติอย่างไม่ทันระวัง ร่างบางจึงล้มลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่กับพื้น บั้นท้ายเธอกระแทกเต็มๆ จนต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด

                “ลุกเองได้ก็ไปเปลี่ยนเองสิคะ วุ่นวายจริงเชียว หอมง่วงแล้ว...หอมจะไปนอน” หอมนวลเริ่มโกรธ สองวันมานี้เธอเจ็บตัวเพราะเขาหลายครั้งหลายหน แผลที่มือยังไม่ทันหายดีก็ต้องมาเจ็บก้นอีก บ้าชะมัด

                ไม่บ่อยที่เขมราชจะได้เห็นหญิงสาวหงุดหงิด แต่เป็นการหงุดหงิดที่ดูไม่น่ารำคาญ ชายหนุ่มเมินหน้าหนีไปอีกทางก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา โชคดีที่ตัวต้นเหตุล้มตัวนอนไปแล้วจึงไม่ทันเห็น ไม่อย่างนั้นเธอคงได้ใจ

                หอมนวลพยายามอย่างยิ่งเพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเอง เธอควรเลิกสนใจเขาแล้วนอนเสีย พรุ่งนี้ต้องไปเรียน ปล่อยให้คนบ้าบ้าไปคนเดียวก็แล้วกัน

                แต่พอเริ่มเคลิ้มๆ ก็มีอันต้องสะดุ้งตกใจ เมื่อมือร้อนๆ วางลงบนสะโพกของเธอ หอมนวลรีบปัดมือเขาออก ก่อนลุกขึ้นนั่งถลึงตาใส่

                ‘ลูกหนู’ ของเขมราชกลายร่างเป็น ‘เสือ’ แล้วเวลานี้

                “อย่ามาคิดลามกนะคะ ไม่งั้นคุณเขมได้เลือดแน่ๆ”

                “ขนาดนั้นเลยเหรอ”

                ดูก็รู้ว่าเขาไม่ได้กลัวคำขู่ ออกจะชอบด้วยซ้ำไป

                “นี่! แม่เสือจอมโหด ฉันก็แค่เป็นห่วง เห็นเธอล้มลงก้นกระแทกพื้นขนาดนั้นคงจะเจ็บ ฉันหวังดีมาดูให้ เผื่อจะได้ทายา”

                ใบหน้าหวานแดงก่ำ...ทั้งโกรธทั้งอาย ยิ่งนึกภาพตามคำพูดของเขาเธอยิ่งทนไม่ได้ ต้องคว้าของใกล้ตัวฟาดไปที่ตัวเขาไม่ยั้งมือ...แต่นั่นก็ยังไม่สาแก่ใจเธอ

                “คุณเขม คนลามก คนบ้ากาม” หอมนวลฟาดไม่ยั้ง แต่อาวุธของเธอก็ไม่ได้ทำให้คนที่ปองร้ายสะทกสะท้าน เจ็บปวดได้ เพราะมันเป็นหมอนบรรจุใยสังเคราะห์

                พ่อเลี้ยงหนุ่มไม่ได้สนใจท่าทีโมโหของเธอ เขาโยนหมอนโยนทิ้งไปอีกทางก่อนรั้งร่างบางของคนขี้โมโหลงไปนอนด้วย

                “นอนได้แล้ว” เขมราชเกยคางบนศีรษะของคนในอ้อมกอด ความรู้สึกอบอุ่นหวนกลับมาอีกครั้ง

                เพิ่งรู้ตัว...ว่าเหนื่อยแค่ไหนกับเรื่องที่เกิดขึ้น จู่ๆ ความรู้สึกด้านมืดก็ก่อตัวในหัวใจอันแสนเจ็บปวด ถ้าแลกได้...เขายอมให้จันทร์นรีเป็นคนโกหกดีกว่าเป็นหอมนวล เพราะสำหรับเขา...ความเจ็บปวดเพราะคนรักทิ้งไปมันเป็นเรื่องเล็กน้อยถ้าเทียบกับการถูกคนที่ไว้ใจหักหลัง

                หอมนวลลืมตาโพลงในความมืด ผิวเนื้อที่สัมผัสแนบชิดทำให้รู้ว่าเขาถอดกางเกงยีนออกไปแล้ว เหลือแต่ผ้าบางเบาของกางเกงบ็อกเซอร์

                ‘อย่าคิดมาก นอนๆ ไปเดี๋ยวก็หลับเอง’ หอมนวลบอกกับตัวเอง เพราะเหนื่อยเกินจะสู้รบกับเขาแล้ว

                ลมหายใจสม่ำเสมอของเสือสาวบ่งบอกว่าเธอนอนหลับไปแล้ว เขมราชหลับตาลงแล้วทิ้งความคิดไว้ชั่วคราว อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าวันใหม่ และเขาคงจะได้คำตอบของคำถามมากมายซึ่งรอเพียงคำตอบเดียวเท่านั้น

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น