ปล่อยให้หอมนอนตากน้ำค้างตายอยู่กลางเรือนหอของคุณ” ผู้เป็นหนี้บุญคุณยกมือไหว้โดยไม่มองหน้าพร้อมกับพึมพำเบาๆ แต่ดังพอให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นได้ยินอย่างชัดเจน “แค่นี้ก็ต้องทวงบุญคุณ”
ผู้มีพระคุณได้แต่พยักหน้ายิ้ม ๆ
“ไม่เป็นไร ที่ฉันทำไปก็เพราะว่ายังไม่อยากมีผีบ้านผีเรือนเป็นเด็กน้อยไม่ประสีประสา ใส่แว่นหนาเตอะ แถมตัวเหม็นเหมือนเธอ”
ไม่รู้ทำไม แทนที่หอมนวลจะโกรธ แต่เธอกลับน้อยใจ หญิงสาวยืนนิ่งไม่โต้เถียงเช่นที่เคยจนผิดวิสัย เขมราชชักใจคอไม่ดี ถึงอย่างไรหอมนวลก็เป็นผู้หญิง เขาควรให้เกียรติเธอมากกว่านี้
“นี่เธอเป็นอะไรไป” เขมราชถาม พยายามชะโงกมองใบหน้าที่ก้มงุดอยู่เบื้องหลังหญิงสูงวัย จนไม่ทันสังเกตเห็นแววตาเคลือบแคลงของแม่เลี้ยงมณีแดงที่มองมา “หอม ฉันขอโทษนะ ถ้าฉันพูดอะไรแรงเกินไป”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วป้าไปนอนก่อนนะคะคุณเขม ยายหอม คุยเสร็จแล้วเรียกไอ้กล้าไปส่งคุณเขมด้วย ทางเดินมันมืด” เมื่อกลายเป็นส่วนเกิน แม่เลี้ยงมณีแดงจึงบอกลาเขมราชก่อนหันไปสั่งหอมนวล หญิงสูงวัยกังวลเรื่องจันทร์นรีจนไม่อยากมองหน้าชายหนุ่มนานๆ เธอรู้ว่าอีกไม่นานใบหน้าระรื่นที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสุขเช่นนี้คงจะไม่มีให้เห็นอีกต่อไป
“แขกก็จะกลับแล้วละค่ะคุณป้า งั้นหอมไปเรียกพี่กล้าเลยดีกว่านะคะ”
“หอม” ไม่กี่ครั้งที่เขมราชเรียกชื่อจริงๆ ที่ไม่ใช่ฉายาที่เขาตั้งให้
ร่างท้วมของแม่เลี้ยงมณีแดงหายเข้าบ้านไปแล้ว หอมนวลจึงได้แต่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่กับชายหนุ่มผู้มีเสน่ห์ล้นเหลือ
เขมราชเดินเข้ามาใกล้คนแสนงอนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตา สองมือไพล่หลังแล้วโน้มตัวลงมาจนหน้าแทบชิดกัน
“เธองอนเหรอ”
คำถามของเขาทำเอาหัวใจหอมนวลกระตุกวาบ “บ้า...งอนทำไมคะ”
“ช่างเถอะ ถึงยังไงฉันก็ต้องขอโทษเธอ อย่าโกรธเลยนะ ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นจริงๆ หรอก เพราะเห็นว่าเธอเหนื่อยมาทั้งวันเลยไม่อยากปลุก จะปล่อยให้นอนต่อก็กลัวจะไม่สบาย” เขมราชพูดทั้งที่ริมฝีปากห่างจากแก้มหอมนวลแค่คืบ “แล้วที่ฉันบอกว่าตัวเธอเหม็นน่ะ ไม่ใช่หรอกนะ แต่หอมมากต่างหาก”
ประโยคสุดท้ายดึงให้หอมนวลแหงนมองใบหน้าคมเข้มด้วยความรู้สึกหวามไหว เหมือนกับว่ามีใครบางคนผลักเธอให้ร่วงหล่นจากหน้าผาสูงชันแล้วดึงขึ้นมาเมื่อตัวเธอใกล้กระทบกับพื้นดิน ทำเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเริ่มกลัวว่าจะทรงตัวไม่อยู่แล้วเป็นลมล้มพับลงได้
“ไม่ต้องพูดเอาใจขนาดนั้นก็ได้ค่ะ เรือนหอก็ตกแต่งเสร็จแล้ว หอมไม่มีประโยชน์อะไรกับคุณเขมแล้วละค่ะ”
“ฉันพูดจริงนะ ตัวเธอหอม ขนาดทำงานตากแดดทั้งวันยังหอมอยู่เลย” แววตามั่นคงยืนยันว่าพูดจริง
เป็นวินาทีแรกที่หอมนวลเกิดอิจฉาจันทร์นรีอย่างจริงจัง เป็นความริษยาที่เลวร้ายที่สุดสำหรับหอมนวล สองเท้าก้าวถอยหลังอัตโนมัติ ก่อนจะย้ำเตือนตัวเองว่าผู้ชายตรงหน้าไม่ใช่คนที่เธอจะรักได้ เขาเป็นคนรักของพี่สาวที่เธอรักมากที่สุด และแน่นอนว่าเขาไม่มีวันรักเธอ
“อีกไม่ถึงเดือนก็ครบกำหนดที่พี่ลูกจันทร์ขอเวลาไว้แล้ว คุณเขมคุยกับพี่ลูกจันทร์หรือยังคะ ว่าเธอจะกลับมาเมื่อไหร่” หญิงสาวย้ำตัวเองด้วยการถามถึงจันทร์นรี
เขมราชก็เพิ่งนึกได้ เขาไม่ได้คุยกับจันทร์นรีเลยตลอดช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
“จริงสิ ฉันมัวแต่ยุ่งกับเรือนหอจนแทบไม่ได้คุยกับลูกจันทร์เลย เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ฉันจะโทร. ไปหาเธอ”
หอมนวลพยักหน้าเข้าใจ
“ดึกแล้ว คุณเขมกลับได้แล้วมั้งคะ เดี๋ยวหอมจะให้พี่กล้าไปส่งที่แสงอรุณ”
“ฉันเดินกลับเองได้ ระยะทางแค่นี้คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก เธอก็ไปนอนเถอะ เหนื่อยมาทั้งวัน”
เขมราชหมุนตัวกลับ หอมนวลมองแผ่นหลังแข็งแรงที่ไหวเอนตามช่วงจังหวะการเดินอย่างสะท้อนใจ คำพูดของจันทร์นรียังดังก้องอยู่ในหัว สลัดเท่าไรก็ไม่ออก คนที่น่าสงสารที่สุดก็คือเขา ผู้ชายที่รักจันทร์นรีหมดหัวใจ
“เดี๋ยวค่ะคุณเขม”
เขมราชหยุดเดินแล้วหันมามองคนเรียกอีกครั้ง
“ถ้าพี่ลูกจันทร์กลับมาแล้ว คุณเขมต้องเอาใจเธอให้มากๆ นะคะ ผู้หญิงทุกคนชอบให้คนที่รักเอาอกเอาใจ และปฏิบัติต่อเธอเหมือนเธอเป็นเจ้าหญิง หอมขออวยพรล่วงหน้าให้คุณเขมกับพี่ลูกจันทร์มีชีวิตคู่ที่มีความสุขค่ะ”
เขมราชส่งยิ้มจริงใจให้หญิงสาวที่กลายมาเป็นคู่หู แววตาสุกใสแสดงให้เห็นถึงหัวใจที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสุข โดยไม่รู้เลยว่า ไม่นานความสุขของเขาก็จะมลายหายไปจนไม่หลงเหลือแม้แต่เศษเสี้ยว
ความคิดเห็น |
---|