3

ตอนที่ 3


เขมราชกดโทรศัพท์จนมือแทบพังเมื่อปลายสายเป็นเสียงตอบรับอัตโนมัติว่าไม่มีสัญญาณ กดซ้ำแล้วซ้ำอีกด้วยหวังว่าวินาทีหลังจากนั้นเจ้าของเบอร์ที่เขาโทร. หาอาจเปิดเครื่องขึ้นมาพอดี เขาเฝ้าพยายามติดต่อลูกจันทร์มาหลายวันแต่ก็ยังติดต่อไม่ได้ เหมือนกับว่าเธอไม่ได้ใช้เบอร์โทร. นี้อย่างไรอย่างนั้น ทุกอย่างดูผิดปกติไปหมด ครั้นสอบถามไปที่ไร่จอมนรีก็ได้คำตอบที่คลุมเครือ จนชายหนุ่มชักเริ่มไม่แน่ใจในสถานการณ์ที่เป็นอยู่

“ขอสายจันทร์นรีหน่อยครับ” เมื่อไม่สามารถรู้ความจริงจากปากคนไร่จอมนรีได้ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจโทร. ไปถามที่ทำงาน แต่คำตอบจากคนปลายสายก็ทำให้หัวใจเขาหล่นวูบไปอยู่ที่พื้น

“คุณจันทร์นรีลาออกไปเดือนนึงแล้วนะคะ”

“เดือนนึงแล้วเหรอครับ”

“ใช่ค่ะ” ปลายสายไม่ได้อธิบายอะไรมากกว่านี้ เพราะเป็นเรื่องของพนักงานเก่าที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไร

 

เขมราชวางสายแล้วรีบตรงไปที่บ้านของคนรัก เขาพบกับแม่เลี้ยงมณีแดง บอกเล่าทุกอย่างให้ฟัง ใบหน้าเขาอิดโรยจากการไม่ได้นอนเต็มอิ่มมาหลายคืน

“แม่เลี้ยงทราบไหมครับ ว่าลูกจันทร์ไปอยู่ที่ไหน”

หญิงร่างท้วมหายใจไม่ทั่วท้อง ทำไมเธอจะไม่รู้ เพียงแต่ถ้าบอกไปตรงๆ แล้วชายตรงหน้าจะรับได้หรือไม่ ที่สำคัญหลานสาวของเธอยังให้โกหกเขมราชไปว่าเธอยังทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ เดี๋ยวถึงเวลาจะกลับมาเอง แม้ไม่เห็นด้วยแต่ก็จำต้องทำตาม ด้วยหวังว่าอะไรๆ อาจจะดีขึ้นมา บางทีการที่จันทร์นรีไม่บอกความจริงอาจเป็นเพราะยังลังเลอยู่ก็เป็นได้ ไม่แน่ว่าเธออาจจะเปลี่ยนใจกลับมาหาเขมราชในที่สุด

“คุณเขมคะ รออีกสักพักเถอะนะคะ ยายลูกจันทร์จะติดต่อกลับมา”

“ทำไมล่ะครับ ผมไม่เข้าใจ เธอมีปัญหาอะไรงั้นเหรอครับ”

แม้จะคาดคั้นให้ตายก็ไม่ได้คำตอบ ทว่าสัญชาตญาณบอกเขาว่ามีบางอย่างผิดปกติ ไม่ใช่แค่การที่จันทร์นรีขาดการติดต่อไป และไม่ใช่แค่อาการอึกอักของแม่เลี้ยงมณีแดง แต่รวมถึงการหลบหน้าหลบตาของหอมนวลตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วย

ความพยายามติดต่อคนรักล่วงเลยเข้าสู่เดือนที่สอง ชายผู้ผ่านประสบการณ์รักมาบ้างก็เริ่มเข้าใจอะไรๆ มากขึ้น การที่คนรักขาดการติดต่อในลักษณะนี้ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้

นอกจากหัวใจของจันทร์นรีอาจเปลี่ยนไปจากเขาแล้ว  

 

บ้านริมธารที่เคยตั้งใจให้เป็นเรือนหอกลายเป็นที่พักของคนช้ำรักอย่างเขมราชไปโดยปริยาย ทุกเย็นเขาใช้เวลาหมดไปกับการนั่งคิดถึงจันทร์นรีโดยมีเครื่องดื่มสีอำพันเป็นเพื่อนคู่หูคนใหม่ จมอยู่กับความทุกข์อยู่อย่างนั้น เหมือนเป็นหุ่นยนต์ที่ไร้วิญญาณ จริงอยู่ว่าคนฐานะเช่นเขาย่อมตามหาผู้หญิงตัวคนเดียวได้ไม่ยาก ทว่าที่รออยู่ก็เพียงหวังว่าอะไรๆ จะดีขึ้น แต่นับวันก็ยิ่งดูว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น

หรือว่ามันถึงเวลาแล้วจริงๆ ที่จะต้องทำให้ทุกอย่างจบลงเสียที

หอมนวลยืนมองคนที่นอนเหยียดยาวอยู่บนระเบียงกว้างของเรือนจันทร์นรีอย่างเศร้าใจ เรือนไม้หลังเล็กที่ถูกสร้างด้วยความรักที่มั่นคงของชายคนหนึ่ง บัดนี้ได้กลายเป็นเรือนขังความเจ็บช้ำของชายคนเดียวกัน บรรยากาศเต็มไปด้วยความโรแมนติกแต่ดูรันทดหดหู่จนน่าใจหาย

“คุณเขม”

เขมราชที่สติสัมปชัญญะไม่เต็มร้อยเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มตั้งแต่เย็น แหงนมองผู้มาเยือนราวกับพบเห็นสิ่งแปลกประหลาด

หอมนวลอยู่ในชุดนักศึกษา หน้าตาเนื้อตัวสะอาดสะอ้านไม่เหมือนเด็กมอมแมมที่เขาเคยพบ ใบหน้ารูปไข่นวลเนียน เมื่อแสงจันทร์ส่องกระทบก็ยิ่งชวนมอง คิ้ว ตา จมูก ปากรับกับใบหน้าอย่างพอดิบพอดี สะกดให้เขามองไม่วางตา แม้แว่นตาอันใหญ่ก็ไม่อาจปกปิดความน่ารักของเธอได้เหมือนที่เคย

หรือว่าเขาเมาจนตาพร่ามัวไปหมดแล้ว

หอมนวลทรุดตัวลงนั่งกับพื้นใกล้ๆ คนร่างยักษ์โดยไม่รู้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ โชคดีที่วันนี้เธอสวมกระโปรงพลีตยาวถึงเข่าจึงสามารถนั่งกับพื้นโดยไม่ลำบาก

“คุณเขม”

คงเป็นเพราะมัวมึนงงกับภาพที่เห็นจึงทำให้เขมราชลืมขานรับ เขาสะบัดศีรษะแรงๆ แต่ก็ไม่ช่วยทำให้อาการเมาสุราจางหายไปได้เลย

“หอมนวล”

“ก็ใช่สิคะ ไม่ได้เจอกันแค่ไม่กี่วัน ลืมหอมอีกแล้วเหรอคะ” หอมนวลอดจิกกัดไม่ได้ เพราะเธอเคยถูกเขาลืมตั้งนานหลายปี ไม่ใช่สิ! ไม่เคยอยู่ในความทรงจำเลยต่างหาก

เมื่อได้ยินน้ำเสียงของเธอ สติของเขมราชก็กลับคืน คำพูดยั่วโทสะเหมือนเคย แต่เขาไม่มีแก่ใจจะต่อปากต่อคำ เวลานี้เขารู้สึกเหมือนโลกถล่มลงไปแล้วนับจากวันที่เขามั่นใจว่าจันทร์นรีหมดเยื่อใยให้แก่กัน

“หอม เธอรู้ใช่ไหมว่าทำไมลูกจันทร์ถึงไม่ยอมกลับมา เธอรู้ใช่ไหม...ว่าลูกจันทร์ตั้งใจไม่รับโทรศัพท์ฉันเพราะอะไร”

“คุณเขม” น้ำเสียงที่เปล่งออกไปแผ่วเบาจนเธอเองแทบไม่ได้ยินเสียงของตัวเอง เธอเจ็บเมื่อเห็นว่าเขาเจ็บ

“ถ้าเธอรู้อะไรก็บอกฉันมาตามตรง ลูกจันทร์เป็นอะไร ทำไมถึงติดต่อไม่ได้ ฉันรู้ว่าลูกจันทร์ไม่ได้หายไปเฉยๆ” พ่อเลี้ยงหนุ่มผู้แข็งแกร่งในยามที่ต้องนำทัพในการบริหารฟาร์มแสงอรุณกล่าวอย่างเลื่อนลอย หมดสภาพความสง่าผ่าเผย

กับคำถามของเขา หอมนวลก็เพิ่งรู้แน่ชัดเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ เธอตั้งใจว่าจะไม่พูดหรือแสดงความคิดเห็นใดๆ เพราะจันทร์นรีเป็นพี่สาวของเธอ แต่ถึงอย่างไร เขมราชก็สมควรได้รับรู้การตัดสินใจของผู้หญิงที่เขารัก

“คุณเขม” หอมนวลทำใจกล้าคว้ามือใหญ่มากุมไว้

ชายหนุ่มมองการกระทำนั้นอย่างงุนงง สัมผัสความร้อนวูบวาบจากมือเล็กทำให้คนตัวโตเกิดความรู้สึกแปลกประหลาด

“ถ้าหอมบอก คุณเขมสัญญานะคะว่าจะหยุดดื่มแล้วไปนอนพัก แล้วก็ต้องยิ้มหล่อๆ ให้หอมด้วย”

หอมนวลยิ้มให้ชายหนุ่มจนตาหยี แต่ใบหน้าหล่อเหลาก็ยังเรียบนิ่ง

“คุณเขม”

“อย่าขอในสิ่งที่ฉันให้ไม่ได้เลยหอม ฉันพอจะรู้คำตอบ จันทร์นรีคงเปลี่ยนใจไปแล้ว ถ้าเธอไม่บอก ฉันก็จะไปถามเองให้แน่ใจ ฉันจะไปวันพรุ่งนี้ ไปฟังความจริงจากปากของลูกจันทร์ด้วยตัวเอง”

“อย่าไปนะคะ” หอมนวลรีบห้าม ถ้าไปเขาต้องเจ็บปวดใจมากกว่านี้หลายพันเท่า

“ทำไมล่ะหอม เธอรู้อะไรก็บอกฉันมาสิ”

“คือว่า...” เอาเข้าจริง เธอกลับพูดไม่ออก กลัวที่จะต้องเห็นความเสียใจในดวงตาของเขมราช เธอเป็นห่วงความรู้สึกเขามากจริงๆ

“อะไรล่ะ บอกฉันมาสิ” เขมราชคว้าต้นแขนเล็กทั้งสองข้างของหญิงสาว แววตาเจ็บร้าวมองลึกเข้าไปในดวงตาใสอย่างอ้อนวอนให้เธอพูดความจริง “บอกมา เธออยากให้ฉันเป็นคนโง่ไม่รู้อะไรแบบนี้ใช่ไหมหอม พูดสิ”

“สงบสติอารมณ์ก่อนสิคะ”

“บอกมาหอม บอกมาเดี๋ยวนี้”

ความชอกช้ำใจและอาการมึนเมาทำให้เขาเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ตามแรงอารมณ์ สองมือหนาบีบต้นแขนเล็กแล้วเขย่าร่างบางจนหัวสั่นหัวคลอน บีบคั้นให้หอมนวลโพล่งความจริงออกไปในที่สุด

“พี่ลูกจันทร์แต่งงานแล้วค่ะ เธอแต่งงานแล้วกับคุณอังเดร นักธุรกิจชาวต่างชาติ ตอนนี้เธอไม่ได้อยู่เมืองไทยแล้ว แต่ย้ายไปอยู่กับสามีของเธอที่เยอรมัน”

ความจริงที่ได้ยินจากหอมนวลไม่ได้อยู่ในความคาดหมายของชายหนุ่ม ไม่ใกล้เลยสักนิด เขาไม่ได้เตรียมใจรับเรื่องแบบนี้ หัวใจเจ็บปวดรวดร้าวเหมือนถูกมีดอาบยาพิษแทงที่หัวใจ บาดแผลเกิดที่หัวใจแต่ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ยังดีที่ความแข็งแกร่งของลูกผู้ชายช่วยกักเก็บน้ำตาไม่ให้รินไหลมาประจานหัวใจที่ช้ำรักของเขา แต่กระนั้น ดวงตาที่เคยวาววับก็กลับแห้งผากเหมือนดินที่ขาดน้ำมานานนับปี มันแตกระแหงร้าวรานไปหมด

“แต่งงาน”

“คุณเขม หอมช่วยอะไรคุณได้บ้างไหม” หอมนวลบีบมือเขาไว้ ถ่ายทอดความรักความห่วงใยจากใจให้เขาได้รับรู้ว่าไม่ถูกทอดทิ้งให้เดียวดาย

เขมราชไม่ตอบอะไร ทุกอย่างเงียบงัน เสียงแมลงที่เคยร้องเซ็งแซ่ก็พลอยเงียบหายไปด้วย และเป็นหอมนวลเองที่ร้องไห้ เธอเจ็บปวดราวกับว่าถูกทอดทิ้งเสียเอง คนอกหักมองหญิงสาวข้างกายอย่างซาบซึ้งใจ เขาค่อยๆ ดึงแว่นอันใหญ่ออกแล้วซับน้ำตาให้แผ่วเบา

“ตกลงว่าเธอปลอบใจฉัน หรือว่าฉันที่ปลอบใจเธอกันแน่ ขี้แยเป็นเด็กไปได้” 

“ก็หอมสงสารคุณนี่”

เป็นครั้งแรกที่เขมราชยิ้มตั้งแต่เกิดเรื่อง แม้จะเป็นรอยยิ้มที่แห้งผากก็ตามที หอมนวลยกแขนปาดน้ำตาที่ไหลไม่หยุดลวกๆ พร้อมกับแหงนหน้ามองชายหนุ่ม ซึ่งเป็นจังหวะที่เขากำลังโน้มตัวลงมาพอดี

จังหวะนั้นเองที่เจ้าของใบหน้าอ่อนวัยซึ่งชายหนุ่มไม่เคยชายตาแลแหงนเงยต้องแสงจันทร์นวล เขมราชถึงกับนิ่งงันเมื่อจับจ้องด้วยระยะห่างแค่คืบ เขาเพิ่งเคยเห็นหอมนวลตอนไม่สวมแว่น เธอสวยเหมือนกับว่าไม่ใช่เธอ ผิวขาวเนียนละเอียด ดวงตากลมโตเหมือนตากวางจับจ้องเขาด้วยสายตาหวานหยาดเยิ้ม ริมฝีปากเป็นกระจับแดงระเรื่อน่าสัมผัส

ชายหนุ่มเหมือนต้องมนตร์แม่มดสาวจนไม่อาจต้านทานแรงปรารถนาได้อีกต่อไป ริมฝีปากหยักฉกผิวเรื่อแดงเหมือนผลมะเดื่อโดยที่คนถูกรุกรานไม่ทันได้ตั้งตัว จูบหวานละมุนรุกล้ำเข้าไปถึงโพรงปากอ่อนนุ่ม สองมือกอดกระชับเอวบอบบางเข้ามาแนบชิดกับร่างแข็งแกร่ง นอกจากสวยแล้วยังหวานอีกด้วย เขาคิดเหมือนคนละเมอ ไม่อยากถอนริมฝีปากเลยสักวินาที

หอมนวลตกตะลึงกับสัมผัสที่รวดเร็วของเขา แต่สมองก็ทื่อเกินกว่าจะขัดขืน ร่างกายเธอโอนอ่อนผ่อนตามง่ายดาย ไม่เป็นตัวของตัวเอง สัมผัสที่ไม่เคยลิ้มรสมาก่อนทำให้เธอดำดิ่งในห้วงอารมณ์วาบหวาม ยากเกินกว่าจะต้านทานได้

เขมราชกำลังจูบเธอ เขาจูบโดยไม่ยอมปล่อยให้เธอได้มีโอกาสพูดหรือร้องขออะไรทั้งสิ้น แม้กระทั่งเมื่อลำแขนแข็งแรงช้อนร่างบอบบางขึ้นมา ริมฝีปากเขายังคลอเคลียอยู่ไม่ห่างใบหน้าหวานละมุน

หอมนวลเคลิบเคลิ้มจนไม่รู้สึกตัวเลยว่าเขากำลังจะอุ้มเธอไปยังห้องนอน กว่าจะรู้ตัวก็เมื่อแผ่นหลังของเธอสัมผัสกับเตียงนอนภายในห้องที่เธอออกแบบเพื่อเป็นรังรักของเขมราชกับจันทร์นรี ที่นอนควรอุ่น แต่เหตุไฉนเธอถึงรู้สึกว่ามันเย็นยะเยือกไปถึงขั้วหัวใจ

ชายหนุ่มผละห่างจากกายสาวเพื่อปลดกระดุมเสื้อของตัวเองอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาร่างกายกำยำก็เหลือเพียงแค่กางเกงยีนสีเข้มเพียงตัวเดียว

จังหวะนั้นเขมราชเหมือนคนหน้ามืดตามัว หรือไม่ก็ถูกวางยาเสน่ห์ขนานแรงที่ทำให้ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลย

แผ่นอกเปลือยเปล่าของชายอกสามศอกทาบทับลงที่เรือนกายอ่อนนุ่มอีกครั้ง หญิงสาวผลักไสด้วยแรงอันน้อยนิด เบาจนเหมือนว่าเธอไม่ได้ออกแรงเลยสักนิด จิตใจด้านมืดของเธอมันน่ารังเกียจเหลือเกินที่ปรารถนาสัมผัสอันพิศวงจากเขา

ร่างบางสะท้านไหวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เธอไม่เคยรู้เลยว่ากายของชายชาตรีจะน่าอัศจรรย์เช่นนี้ มันทำให้เธอหลงลืมตัวตน ไม่เป็นตัวของตัวเอง เพราะมัวหลงละเลิงอยู่กับความหวามไหว ไร้สิ้นยางอาย ปล่อยให้ชายที่ไม่เคยเอ่ยคำว่ารักสัมผัสต้องการได้ตามอำเภอใจ

เขมราชตะโบมจูบอย่างหื่นกระหาย ริมฝีปากร้อนละมาสัมผัสที่ซอกคอหอมละมุน ดูดชิมเหมือนขนมหวานจากฝีมือเชฟระดับโลก นุ่มละมุนลิ้นอย่างที่ไม่สามารถบรรยายได้เลย

เสื้อนักศึกษาสีขาวถูกถอดทิ้งไปอีกทาง หน้าอกที่โผล่พ้นมาจากชั้นในลายลูกไม้สีครีมทำเอาเขมราชแทบหยุดหายใจ มือใหญ่จัดการปลดตะขอและครอบครองหน้าอกอวบอิ่มจนล้นทะลักมือ ริมฝีปากร้อนประทับจูบจนร่างบางสะท้านไหวจนต้องบิดกายหนีสัมผัสนั้น เพราะมันอาจทำให้เธอขาดใจตายได้

หอมนวลพยายามปัดป่ายมือเพื่อดันร่างหนาออกจากเรือนกายที่เปลือยเปล่า เริ่มรู้สึกว่ากำลังเลยเถิดไปกันใหญ่ แต่แรงปรารถนาของหญิงชายก็ยากเกินกว่าจะหยุดยั้งได้ จนกระทั่งเขมราชนำหอมนวลให้ได้สัมผัสกับรสรักของหญิงชายเป็นครั้งแรก เขาพาเธอล่องลอยไปยังดินแดนที่เธอไม่เคยไป

ครั้งแรก...กับความเจ็บปวดแทบขาดใจ แต่คงเจ็บไม่เท่ากับหัวใจเธอตอนนี้ ซึ่งกลายเป็นผู้หญิงที่เขมราชใช้เป็นที่ระบายความเจ็บช้ำจากจันทร์นรีผู้หญิงที่เขารักสุดหัวใจ

 

หอมนวลติดกระดุมเม็ดสุดท้ายอย่างเหม่อลอย ดวงตาพร่ามัวเหม่อมองไร้จุดหมาย รับรู้แต่เพียงว่าใกล้รุ่งเช้า เพราะแสงอาทิตย์ที่สาดส่องทั่วผืนดินกระทบเรื่อยมาจนถึงชานเรือน นำพาให้โลกสว่างไสว แต่นอกนั้น...ทุกสิ่งกลายเป็นเพียงภาพเลือนราง บทรักครั้งแรกในชีวิตของเธอเกิดขึ้นกับชายที่ไม่ใช่คนรัก ชีวิตที่เคยวาดฝันไว้พังลงเพียงชั่วพริบตา จากนี้ต่อไปเธอจะหลงเหลือคุณค่าอะไรอีกในเมื่อเธอสูญเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดไปแล้ว

ความเคลื่อนไหวเบื้องหลังทำให้หอมนวลรู้โดยไม่ต้องหันไปมอง ชายร่างยักษ์ตื่นแล้ว เขาจะพูดอะไรกับเธอ เขาอาจจะขอโทษแล้วปล่อยผ่านเลยไป หรือไม่ก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่หอมนวลเตรียมใจรับไว้นับตั้งแต่คลื่นอารมณ์ซัดผ่านไป และสติสัมปชัญญะกลับคืนมา

“หอม” เขมราชพูดทั้งที่ร่างกายยังคงเปลือยเปล่า มีเพียงผ้าห่มปิดส่วนล่างไว้ เขาพูดอะไรไม่ออก ไม่เข้าใจตัวเองเลยด้วยซ้ำว่าทำไมถึงหักห้ามใจไม่ได้ ทั้งที่กับจันทร์นรีเขาไม่เคยเป็นแบบนี้เลย เขาจึงสรุปง่ายๆ ว่าคงเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ทำให้เขาขาดสติ 

หญิงสาวยังคงนั่งนิ่ง หยิบแว่นที่เพิ่งเดินไปเก็บมาจากระเบียงสวมกลับเช่นเดิมโดยไม่พูดอะไรสักคำ ไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองหน้าเขา เธออยากร้องไห้แต่ร้องไม่ออก เหตุการณ์เมื่อคืนเธอรู้อยู่แก่ใจว่าตนเองไม่ได้ขัดขืน แต่เป็นการสมยอมอย่างเต็มใจ มีแต่เขานั่นละที่ไม่เต็มใจ แต่ทำไปเพราะความเมาจนขาดสติ

“ฉัน...คือว่าฉัน...” เขมราชเรียบเรียงคำพูดไม่ถูก ยิ่งเห็นรอยเลือดบนผ้าปูที่นอนลายดอกไม้สีอ่อนก็ยิ่งปวดหนึบในใจ คราบเลือดของสาวพรหมจรรย์ที่ถึงแม้ไม่เห็น เขาก็รู้ว่าเป็นคนแรกของเธอ

“คุณเขมไม่ต้องพูดอะไรหรอกค่ะ หอมจะกลับบ้านแล้ว” ร่างในชุดนักศึกษาลุกขึ้นยืน แต่ถูกคนฉวยโอกาสดึงไว้

“อย่าเพิ่งไป เดี๋ยวไปพร้อมกัน” เขมราชคว้ามือหอมนวลแล้วออกแรงดึงให้เธอเดินตาม

                แม้จะรู้อยู่แล้วว่าเขาอาจทำเหมือนเมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่พอเอาเข้าจริงเธอกลับอ่อนไหว เจ็บร้าวลึกๆ ในใจอยู่ดี

                หอมนวลไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะโอนอ่อนผ่อนตามเขาไปถึงเมื่อไร ไม่ว่าเขาต้องการอะไรเธอก็ไม่เคยปฏิเสธเลยสักครั้ง แม้กระทั่งร่างกายก็มอบให้เขาโดยไม่ต้องเอ่ยปากขอ อย่างนี้ใช่ไหมที่เขาเรียกว่าผู้หญิงใจง่าย

                เพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตาตำหนิตัวเอง รู้สึกตัวอีกทีเขมราชก็ขึ้นไปอยู่บนหลังเจ้าพยับหมอกเป็นที่เรียบร้อย เขาส่งมือให้เธอ หญิงสาวหมดปัญญาที่จะขัดขืน เธอส่งมือให้เขาและถูกดึงไปนั่งอยู่ด้านหน้า ทำให้ดูเหมือนกับว่าเขากำลังกอดเธออยู่

                หญิงสาวตัวแข็งทื่อไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ “เอ่อ...หอมนั่งข้างหลังเหมือนเคยดีกว่านะคะ”

                “ไม่ต้องหรอก เธอใส่กระโปรง จะนั่งแบบที่เคยได้ยังไง”

                “แต่ว่า...”

                “หยุดพูด”

                เขมราชไม่ยอมฟังคำพูดของหอมนวลอีก แค่นี้เขาก็สับสนมากพออยู่แล้ว อย่าพูดอะไรให้เขาต้องว้าวุ่นไปมากกว่านี้เลย

                เจ้าพยับหมอกควบไปข้างหน้าเป็นจังหวะไม่ช้าไม่เร็ว พาคนสองคนที่จมอยู่กับความคิดของตัวเองไปเพื่อให้ถึงจุดหมาย ซึ่งอาจเป็นปลายทางที่พวกเขาทั้งสองไม่คาดคิดว่าจะได้ไปถึงเลยชั่วชีวิต

 

                ใบหน้าอิดโรยตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเขมราชไม่ได้พาเธอไปส่งที่ไร่จอมนรี แต่กลับมาที่เรือนแสงอรุณแทน เวลานี้ยังเช้ามากก็จริง แต่คนงานในฟาร์มก็เริ่มทยอยมาทำงานแล้ว บวกกับที่บางส่วนกำลังทยอยกลับจากการอยู่เฝ้าโรงปศุสัตว์เมื่อคืน ดังนั้นจึงมีสายตาหลายคู่มองมาอย่างสนอกสนใจ และคงจะถูกพูดกันปากต่อปากจนรู้กันทั่วภายในเวลาแค่ครึ่งวัน

                “คุณเขมทำไมไม่พาหอมไปส่งที่บ้านคะ”

                “เธอหายไปทั้งคืนแบบนี้ ยังไงแม่เลี้ยงมณีแดงก็ต้องมาตามเธอที่นี่”

                หอมนวลไม่ได้คิดถึงข้อนี้ แต่ก็เห็นด้วยกับเขา

                “ก็ช่างสิคะ” เธอกระซิบ พลางมองคนงานที่เดินสวนไปมา

                สายตาหลายคู่มองเขากับเธอที่นั่งแนบชิดกันอยู่บนหลังเจ้าพยับหมอกด้วยความสงสัยใคร่รู้ “แต่ตอนนี้ หอมตกเป็นขี้ปากชาวบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ”

                พยายามพูด แต่คนที่บังคับม้ากลับไม่ได้สนใจข้อเรียกร้อง จนกระทั่งเจ้าพยับหมอกหยุดที่บันไดบ้านพอดี หอมนวลจึงหยุดความคิดที่จะร้องขออะไรจากเขาไว้แค่นั้น

                เป็นอย่างที่เขมราชพูด เพราะเมื่อทั้งคู่มาถึงเรือนแสงอรุณก็พบกับร่างท้วมของแม่เลี้ยงมณีแดงซึ่งกำลังสนทนากับกรองแก้วอย่างเคร่งเครียด และทันทีที่เท้าเขมราชและหอมนวลสัมผัสกับพื้นไม้เย็นเฉียบของชานเรือน หญิงสูงวัยทั้งสองก็หันมามองพร้อมกันโดยอัตโนมัติ

                เขมราชยืนนิ่ง มองตอบกลับไปด้วยแววตาที่หอมนวลก็คาดเดาความหมายไม่ได้ แต่สำหรับตัวเธอนั้นได้ก้มหน้าสำนึกผิด จู่ๆ น้ำตาที่กักเก็บไว้ก็ร่วงหล่น เพราะสายตาที่ผู้เป็นป้ามองมาเหมือนกับพายุฝนที่เติมลงในเขื่อนที่ใกล้จะแตกเต็มที เมื่อกักเก็บอะไรไม่ได้อีกต่อไปจึงต้องปล่อยให้น้ำตาช่วยบรรเทาความอึดอัดใจ  

 

                หลังจากกระบวนการสอบปากคำผ่านไปแล้ว ผู้สอบสวนไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ ก็รู้ความจริงทุกอย่างจากคำให้การของจำเลยผู้เป็นสุภาพบุรุษเต็มขั้น

                “ผมจะรับผิดชอบหอมครับ” น้ำเสียงราบเรียบและเย็นเฉียบสะท้านไปถึงหัวใจคนฟัง

                “ไม่ต้องหรอกค่ะ” หอมนวลปฏิเสธทันควัน ถึงเธอจะเป็นผู้หญิงที่ยึดมั่นเรื่องการรักนวลสงวนตัว แต่ก็ไม่หัวโบราณถึงขั้นให้ผู้ชายที่มีอะไรกับเธอด้วยความพลั้งเผลอต้องมารับผิดชอบด้วยการแต่งงาน เธอก็เป็นเช่นผู้หญิงทุกคนที่อยากแต่งงานกับคนที่รักเธอ ไม่ใช่คนที่เธอรักเขาอยู่ข้างเดียว

                “เธอเสียหายนะหอม ชาวบ้านก็รู้กันทั่วว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น แล้วฉันก็เป็นลูกผู้ชายพอ”

                “คุณเขมคะ หอมไม่...” ไม่ใช่ผู้หญิงที่คุณเขมรัก เธออยากพูดแต่พูดไม่ออก

                “ไม่อะไร” เขมราชถาม

                หอมนวลยังไม่ทันได้ตอบอะไร กรองแก้วก็พูดขึ้นก่อน

                “ตาเขมทำถูกแล้วละหนูหอม เป็นลูกผู้ชายกล้าทำย่อมกล้ารับ หนูก็ไม่ใช่หญิงสาวข้างถนนไม่มีหัวนอนปลายเท้านะ เป็นถึงหลานสาวของแม่เลี้ยงมณีแดง เจ้าของไร่จอมนรี ตาเขมจะมาทำมักง่ายไม่ได้” กรองแก้วพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทว่าใครจะรู้ว่าภายในใจนั้นลิงโลดเพียงใด

                เมื่อคืนกรองแก้วดีใจเป็นที่สุดเมื่อทราบว่าจันทร์นรีแต่งงานกับคนอื่นไปแล้ว แม้จะเคยเอ็นดูว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้มาตลอด แต่วันที่จันทร์นรีปฏิเสธการสู่ขออย่างก้าวร้าวเมื่อสองปีก่อน ความเอ็นดูก็มลายหายไปสิ้น ไม่นึกเลยว่ามาวันนี้จะได้รับข่าวที่น่ายินดียิ่งกว่า คือการได้หญิงสาวที่เธอเอ็นดูอยู่เงียบๆ มาเป็นลูกสะใภ้ แม้ว่าจะกะทันหันและผิดประเพณีไปบ้างก็ตาม

                ไม่ว่าใครจะมองว่าหอมนวลด้อยกว่าจันทร์นรีอย่างไร แต่สำหรับเธอแล้วหอมนวลเหมาะสมกับลูกชายเธอที่สุด และไม่นานทุกคนจะเห็นเหมือนที่เธอเห็น

                แม่เลี้ยงมณีแดงรับรู้ว่าเหตุการณ์เมื่อคืนเป็นความพลาดพลั้งของเขมราช หญิงสูงวัยอยากโกรธที่เขมราชช้ำรักจากหลานสาวคนโตแล้วมาหยามเกียรติหลานสาวคนเล็ก ทำเหมือนครอบครัวเธอไร้ศักดิ์ศรี ถึงแม้ชายหนุ่มจะเอ่ยปากขอรับผิดชอบ ทว่าก็ยังขุ่นเคืองใจอยู่ดี

                “แต่ยายหอมยังเด็ก” แม่เลี้ยงร่างท้วมเสียงแข็ง

                “ไม่เด็กแล้วนะคะพี่มณี หนูหอมเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว ถึงแต่งงานก็ไม่กระทบกับเรื่องเรียนหรอกค่ะ” กรองแก้วแย้ง พร้อมกับหันไปถามเจ้าตัว “หนูอายุเท่าไหร่แล้ว หนูหอม”

                “ย่างยี่สิบเอ็ดค่ะ”

                “เห็นไหมล่ะ เด็กที่ไหนกัน”

                แม่เลี้ยงมณีแดงนิ่งไป ไม่ใช่เพราะคำพูดของกรองแก้ว แต่เพราะคำตอบของหอมนวลต่างหากที่ทำให้หัวใจของเธอแทบหยุดเต้น ‘ย่างยี่สิบเอ็ด’ นี่เธอเลี้ยงดูหอมนวลมาจนวันนั้นใกล้มาถึงแล้วหรือ

                ‘พินัยกรรมนี้จะมีผลก็ต่อเมื่อหนูหอมนวลอายุครบยี่สิบเอ็ดปี เวลานั้นหมาป่าจะรุมทึ้งเธออย่างหิวกระหาย แม่เลี้ยงต้องปกป้องเธอ เชื่อผมเถอะว่าคนพวกนั้นไม่ปล่อยให้ทุกอย่างหลุดมือแน่’

                คำพูดของทนายความดังก้องอยู่ในหู สีหน้าวิตกกังวลปรากฏชัดยิ่งขึ้น เพราะไม่ได้เตรียมแผนไว้รับกับเหตุการณ์เลวร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นกับหลานสาวเมื่อก้าวเข้าสู่วัยยี่สิบเอ็ดปี

                ถ้าเช่นนั้น หอมนวลก็ควรจะมีใครสักคนดูแล ใครสักคนที่มีอำนาจมากพอที่ศัตรูจะไม่กล้ามากล้ำกราย

                สมองที่เชื่องช้าไปบ้างเพราะความชราคิดหาทางออกได้ในวินาทีต่อมา

                “ถ้าเช่นนั้น แค่จดทะเบียนสมรสก็พอ เอาไว้ยายหอมเรียนจบเมื่อไหร่ เราจะคุยเรื่องแต่งงานอีกครั้ง” แม่เลี้ยงอาวุโสมองบุรุษหนุ่มนิ่ง จ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีสนิมเพียงเพื่อต้องการรับรู้ถึงความเจ็บปวดของเขาที่ยังอาลัยรักในตัวจันทร์นรีอย่างเต็มเปี่ยม “ถ้าวันนั้นคุณลืมยายลูกจันทร์ได้...และรักยายหอมด้วยหัวใจของคุณ”

                เหมือนมวลอากาศที่ถูกอัดแน่นระเบิดออก แรงกระแทกที่มองไม่เห็นทำเอาทั้งเขมราช หอมนวล และกรองแก้วจุกจนเจ็บ คนที่น่าสงสารที่สุดคงไม่พ้นหอมนวลที่ต้องกลายเป็นเงาของพี่สาวโดยไม่รู้ตัว 

                “ครับ ผมจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย”

                เขมราชรับคำอย่างง่ายดาย หอมนวลยิ่งเจ็บร้าวในใจที่เขาไม่ปฏิเสธหรือโต้แย้งคำพูดของผู้เป็นป้าเลยสักนิด

                “ผมจะดูแลหอมอย่างดี”

                “สัญญาแล้วนะคะคุณเขม” แม่เลี้ยงมณีแดงถามย้ำ

                “ครับ” เขมราชรับคำหนักแน่น เขาสัญญาทั้งที่ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้หักเหจากภาพที่เขาเคยวาดไว้อย่างมากมาย แต่เขาก็จำต้องรับผิดชอบอย่างลูกผู้ชาย

                ดวงตาสีสนิมมองเสี้ยวใบหน้าของภรรยาหมาดๆ ไม่ว่าอย่างไรก็หาเหตุผลของการกระทำของตัวเองไม่ได้ เขาเพ้อหาจันทร์นรี แต่กลับมีอะไรกับหอมนวล มันเป็นเรื่องที่ผิดวิสัยเขา และสาบานได้ว่าเมื่อคืนเขาไม่ได้มองหอมนวลเป็นจันทร์นรีอย่างแน่นอน  

                เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น