4

ตอนที่ 4


                แม้จะเป็นคืนที่สามที่หญิงสาวย้ายมาอยู่กับเขมราชหลังการจดทะเบียนสมรสได้เพียงวันเดียว แต่หอมนวลก็ยังไม่คุ้นกับห้องนอนใหม่ ซึ่งเธอนอนห้องเดียวกับเขา แม้จะขอแยกห้องนอน แต่พ่อเลี้ยงฟาร์มแสงอรุณก็ยุติข้อเรียกร้องของเธอด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด

                ‘นอนห้องเดียวกับฉัน อย่าเรื่องมาก’

                ห้องนอนกว้างขนาดสามสิบห้าตารางเมตรถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายสไตล์บ้านทางเหนือ เฟอร์นิเจอร์คลุมโทนด้วยสีเบจและครีม ผ้าม่านผืนยาวลายลูกไม้สีขาวโปร่งแสง ซ้อนทับด้วยผ้าม่านแบบทึบแสงสีครีมให้ความรู้สึกนุ่มนวลชวนฝัน

                หอมนวลแปลกใจที่ผู้ชายเคร่งขรึมอย่างเขมราชใช้ผ้าม่านสีนี้ แต่ก็นึกได้ว่าเขาก็มีมุมอ่อนหวานอยู่บ่อยๆ เมื่อครั้งที่ยังรักกับจันทร์นรี หารู้ไม่ว่าจริงๆ แล้วเขมราชไม่ได้สนใจเรื่องสีของผ้าม่านเลยสักนิด มารดาเขาเป็นผู้สั่งซื้อและมักเปลี่ยนเอาตามใจชอบ

                หอมนวลหวนคิดถึงห้องนอนของเธอที่ไร่จอมนรีซึ่งเล็กกว่านี้เกือบสามเท่า การตกแต่งไม่พิถีพิถันมากนัก โดยส่วนมากคงสภาพเดิมตั้งแต่เมื่อตอนที่เธอเป็นเด็ก ผนังห้องนอนจึงมีแต่สติกเกอร์และภาพการ์ตูนที่เธอชื่นชอบ บนหัวเตียงก็เต็มไปด้วยตุ๊กตาหมีน้อยใหญ่

                “พรุ่งนี้มีเรียนหรือเปล่า” เขมราชเอนตัวพิงพนักเก้าอี้นวมด้วยท่าทีผ่อนคลาย ในขณะที่เจ้าสาวหมาดๆ นั่งตัวลีบอยู่บนเตียง

                ชายหนุ่มไม่ได้นอนบนเตียงกับเธอ เขามีที่นอนแบบพับได้ปูนอนที่พื้น หอมนวลควรโล่งใจที่ไม่ต้องนอนร่วมเตียงกับเขา แต่เธอกลับรู้สึกอีกอย่าง...การกระทำของเขาย้ำให้เธอเข้าใจว่าชีวิตคู่ของเขากับเธอเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น

                “มีค่ะ แค่ช่วงเช้า”

                “งั้นก็นอนได้แล้ว ฉันจะทำงานต่อ”

                กล่าวจบคนตัวโตก็หมุนเก้าอี้ไปหาโต๊ะทำงานตัวใหญ่ที่เต็มไปด้วยเอกสารกองพะเนิน ทว่าเขากลับให้ความสนใจแค่เพียงเอกสารแผ่นใหญ่ที่มีความกว้างเกือบล้นโต๊ะแค่แผ่นเดียว

                หอมนวลเคยแอบเห็นแต่ไม่แน่ชัดว่าคืออะไร เดาว่าคงเป็นโครงการใหม่ที่เขากำลังเร่งมือสร้างอยู่ตอนนี้ แผ่นหลังแข็งแรงกับไหล่สองข้างตั้งตรงทำให้เจ้าของฟาร์มแสงอรุณดูมีพลังอำนาจมากขึ้น ในขณะที่เธอกลับตัวเล็กลงทุกที เป็นเพราะโลกของเธอกว้างขึ้น โลกที่ไม่ได้มีแค่เธอคนเดียวอีกต่อไป 

                “แล้วคุณเขมยังไม่นอนหรือคะ” หอมนวลถามโดยยังนั่งอยู่ท่าเดิม

                และเขมราชตอบเพียงสั้นๆ ว่า “ยัง”

                “ทำไมล่ะคะ”

                “ก็เพราะว่าฉันยังไม่ง่วง”

                เขมราชพยายามมุ่งความสนใจไปที่แบบแปลนของแสงอรุณฮันนี่บันส์ ไม่อยากสนใจเรือนร่างนุ่มนิ่มที่เขายังจำรสสัมผัสได้แม่นยำ ทั้งกลิ่นกายสาวก็หอมหวานอย่างที่ไม่เคยลิ้มรสที่ไหนมาก่อน ราวกับว่าผู้หญิงในคืนนั้นไม่ใช่เด็กหอมนวลที่สวมแว่นอันโต เนื้อตัวเลอะเทอะ ใบหน้ามอมแมมตลอดเวลา

                คืนวันนั้นแสงจันทร์คงจะลวงตาเขาให้เห็นอะไรผิดเพี้ยนไปแน่ๆ เพราะถึงตอนนี้เขาก็ยังเห็นหอมนวลเป็นหอมนวล เด็กแว่นคนเดิมที่ใบหน้าสะอาดสะอ้านขึ้นก็เท่านั้น

                “แล้วทำไมถึงไม่ง่วงคะ”

                “ก็เพราะว่ายังไม่ถึงเวลานอน”

                “แล้วเวลานอนของคุณเขมคือเมื่อไหร่คะ”

                คนถูกถามหลับตาลงเพื่อข่มอารมณ์ “จะถามอีกเยอะไหม”

                “ก็หอมสงสัยนี่คะ ทำไมคุณเขมถึงนอนดึกนัก ตื่นก็เช้า ทำงานหนักทั้งวัน กลับบ้านมาก็ทำงานต่อจนดึก แต่ทำไมคุณถึงยังไม่ง่วง”

                เขมราชหมดความอดทน เขาทะลึ่งพรวด ก้าวยาวๆ ทีเดียวถึงตัวภรรยาผู้มากความสงสัย

                คนขี้สงสัยหมดความสงสัยในบัดดล เธอแหงนมองเขมราชที่ยืนค้ำศีรษะเธออยู่ตอนนี้อย่างเงียบกริบ หมดคำถามใดๆ

                “ฉันง่วงแล้ว” ชายหนุ่มทรุดตัวนั่งบนเตียง พร้อมกับคว้าร่างเล็กมากอดแล้วดึงเธอลงไปนอนพร้อมกัน “เธอจะได้เลิกสงสัยสักที”

                หอมนวลตัวแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ ดวงตากลมโตกะพริบถี่จนขนตายาวเป็นแพกระพือ เขากำลังกอดเธอ กอดโดยที่มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ไม่ได้เมามายไร้สติเช่นวันนั้น

                “ถ้านอนตัวแข็งแบบนี้ฉันคงนอนไม่หลับ หัวใจเธอก็เต้นแรงเสียจนรบกวนสมาธิไปหมด”

                คำพูดของเขาทำเอาคนตัวแข็งรีบปรับท่าที ทำตัวให้เป็นธรรมชาติ เธอก็พอเสแสร้งทำให้ได้อยู่หรอก แต่ห้ามหัวใจไม่ให้เต้นแรงนี่สิ...

                “แล้ว...วันนี้คุณเขมไม่นอนข้างล่างหรือคะ”

                “ก็ว่าจะนอน แต่พอถูกเธอกวนใจมากๆ เข้า เลยเปลี่ยนใจ”

                “งั้นหอมไม่กวนแล้วก็ได้ คุณเขมไปทำงานต่อได้เลยค่ะ”

                “ไม่! ฉันง่วงแล้ว และถ้าเธอยังถามอีก ฉันจะทำอย่างอื่น”

                เขมราชไม่พูดเปล่า สองแขนแข็งแรงรั้งร่างบางให้แนบชิดกับเรือนกายแข็งแกร่ง ใบหน้าของเธอแนบอยู่กับแผงอกกำยำ เขาเอื้อมมือปิดสวิตช์ไฟที่หัวเตียงทีเดียวไฟทุกดวงก็ดับลงพร้อมกันจนทั้งห้องมืดสนิท

                ไม่นานคนตัวโตก็เคลิ้มหลับไปอย่างง่ายดาย โดยที่มือหนาโอบเอวเธอไว้แน่นจนแทบกระดิกตัวไม่ได้ หอมนวลยังลืมตาโพลงในความมืด

                ‘แล้วทีนี้จะหลับลงได้ยังไงล่ะ’

                หอมนวลปล่อยให้ตัวเองนอนอยู่ในอ้อมกอดของเขาต่อไป ใกล้ชนิดที่ลมหายใจของเธอสะท้อนกลับมาหาตัวเองได้ ใกล้จนแทบจะหลอมละลายเป็นร่างเดียวกัน

 

                แสงอรุณยามเช้าส่องลอดหน้าต่างมากระทบใบหน้าคล้ามคมจนร่างยักษ์ต้องตื่นจากนิทรา เขาขยับตัวเพียงเล็กน้อยก็ปวดร้าวไปทั้งแขน เป็นเพราะคนในอ้อมกอดหนุนแขนเขาทั้งคืนจนเลือดแทบไม่เดิน และตอนนี้เจ้าตัวก็ยังหลับสบาย ไม่สนใจว่าตัวเองทำให้เขาแขนชาไปหมด

                “คนอะไร นอนหลับยังจะใส่แว่น”

                เขมราชพินิจใบหน้าเรียวใกล้ๆ พบว่าแว่นอันโตปิดใบหน้าเธอไว้เกือบครึ่ง มีเพียงที่สังเกตได้ชัดคือริมฝีปากเป็นกระจับสีชมพูระเรื่อ ความทรงจำคืนนั้นที่เรือนจันทร์นรีย้อนกลับมาอีกครั้ง เขมราชจำได้ว่าเขาจูบเธอชนิดที่ไม่อยากถอนริมฝีปากออกเลยแม้แต่วินาทีเดียว และแน่นอนรสหวานของจูบนั้นยังติดอยู่ที่ปลายลิ้นจนถึงวันนี้ ถ้าผู้หญิงคืนนั้นเป็นหอมนวลจริงๆ ไม่ใช่ผีสางนางไม้ รสจูบคงไม่เปลี่ยนไปจากเดิม จู่ๆ เขาก็เกิดอยากพิสูจน์ขึ้นมาว่าหอมนวลในเวลานี้กับหอมนวลในคืนนั้นเป็นคนเดียวกันหรือไม่   

                ชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงไปจนเกือบได้ครอบครองริมฝีปากรูปกระจับ แต่ด้วยลมหายใจของเขาทำให้คนกำลังถูกขโมยจูบตื่นขึ้นเสียก่อน

                “คุณเขม” หอมนวลตื่นตระหนก และพยายามดันร่างออกจากตัวเขา แต่ก็ทำไม่ได้เมื่อเขายังรัดเธอไว้แน่น “จะทำอะไรคะ”

                “ฉันก็จะจูบเธอไง” เขาพูดหน้าตาเฉย

                “จะบ้าเหรอคะ เดี๋ยวหอมก็ท้องหรอกค่ะ”

                “นี่ เธอเรียนสุขศึกษาที่โรงเรียนไหนฮะ แค่จูบมันไม่ท้องหรอกนะ” เขมราชหยุดการกระทำของตัวเองชั่วคราวเมื่อได้ฟังเหตุผลของคนในอ้อมกอด

                “รู้ค่ะ ว่าจูบไม่ท้อง แต่ว่าผู้ชายร้อยทั้งร้อย ลงคิดที่จะจูบผู้หญิงแล้วละก็ ไม่มีทางหรอกที่จะไม่คิดทำเรื่องอย่างว่า”

                เขมราชปล่อยร่างบางพร้อมพลิกตัวไปนอนแผ่หลา ครุ่นคิดวุ่นวายอยู่ในหัว หญิงสาวอายุยี่สิบปีที่เหมือนเด็กยังไม่ประสีประสาอย่างหอมนวลไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาจะพิศวาสได้เลย

                “ฉันจะไปอาบน้ำ ไม่อยากพูดกับเด็กไร้เดียงสาอย่างเธอ”

                หอมนวลมองตามร่างสูงที่หายลับเข้าไปในห้องน้ำด้วยหัวใจที่สับสน เธอไม่อยากให้เขมราชมีสัมพันธ์กับเธอ ไม่ว่าจะลึกซึ้งหรือแค่ผิวเผินหากเขายังคิดถึงแต่จันทร์นรี เธอไม่อยากเป็นเงาของผู้หญิงคนไหน แม้รู้แก่ใจว่าถึงอย่างไรก็ไม่มีวันแทนที่จันทร์นรีได้ แต่เธอสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ยอมเผลอไผลง่ายดายเหมือนเช่นคืนนั้นอีก

 

                หอมนวลกลับมาถึงฟาร์มแสงอรุณในเวลาบ่ายแก่ๆ แม้ว่าจะเลิกเรียนตั้งแต่เที่ยง เหตุเพราะขากลับเธอแวะเข้าไปเก็บของใช้จำเป็นที่ไร่จอมนรี แล้วพลอยเถลไถลคุยกับคนนั้นทีคนนี้ทีจนเวลาล่วงเลยมาเกือบบ่ายสี่โมง แม่เลี้ยงมณีแดงเห็นว่าเริ่มเย็นจึงไล่เธอกลับมาด้วยเหตุผลว่าเป็นสาวเป็นนางไม่ควรกลับบ้านเย็นมากนัก ทำเหมือนกับว่าไร่จอมนรีไม่ใช่บ้านของเธออย่างนั้นละ

                เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว หอมนวลจึงเดินรี่ไปที่คอกวัว เพื่อดูว่ามีงานอะไรที่พอจะช่วยได้บ้าง เพราะว่าในครัวมีคนช่วยเยอะแยะจนแทบไม่มีที่จะยืน หอมนวลจึงกลายเป็นส่วนเกินที่ทุกคนลงความเห็นว่าควรไปนั่งอยู่เฉยๆ

                ร่างสูงของเขมราชท่ามกลางคนงานกว่าครึ่งร้อยดูโดดเด่น เขาสูงใหญ่กว่าทุกคนในที่ตรงนั้น เธอไม่ต้องใช้ความพยายามก็มองเห็นเขาได้ทันทีท่ามกลางผู้คนมากมาย หอมนวลมองภาพตรงหน้านิ่ง หัวใจพองโตราวกับกำลังเสพภาพวาดของศิลปินเอก สีหน้าจริงจังและคิ้วเข้มที่ขมวดแน่นทุกครั้งที่เคร่งเครียดกับงานเพิ่มเสน่ห์ให้น่าหลงใหลอีกเป็นเท่าตัว

                หล่อจนไม่อาจละสายตาจากเขาไปได้เลย

                “เร่งมือให้เสร็จนะ ฉันจะให้ค่าตอบแทนสองเท่าของวันนี้”

                สิ้นสุดคำพูดของเขมราช เหล่าคนงานก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองอย่างขะมักเขม้น หอมนวลเดาได้ทันทีว่าคงมีงานเร่งด่วนเข้ามาอีกตามเคย และก็ไม่รีรอที่จะเสนอตัวเข้าไปช่วยด้วยความเต็มใจ

                “มีอะไรให้หอมช่วยไหมคะ” หอมนวลทะลึ่งพรวดเข้าไปในกลุ่มคนงาน

                “ช่วยสิวะ แต่มาช้าไปหน่อยนะ รีบถามนายเลยว่าจะให้ทำอะไร งานด่วน! ช่วยกันทำ งานจะได้เสร็จทันเวลา” คนงานชายอายุราวสี่สิบปลายๆ ตอบคำถามของเธอก่อน

                หอมนวลทำอะไรไม่ถูกเมื่อได้รับคำตอบที่ค่อนข้างห้วนจึงรีบตะกุกตะกักตอบรับไป

                “เอ่อ...ได้ค่ะ”

                “เฮ้ย! น้า ไปพูดแบบนั้นกับนายหญิงได้ยังไง นั่นน่ะเมียนาย” ซอมพอซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลได้ยินเข้าจึงรีบปรี่มาชี้แจง

                “ฮะ!” ชายคนเดิมออกอาการงงงวยมากกว่าตกใจ คิดว่าเป็นเรื่องล้อเล่น แต่ใครจะกล้าล้อเล่นกับเรื่องแบบนี้ ครั้นพลันเห็นสายตาของเจ้านายที่มองมาก็ยืนยันคำพูดของซอมพอได้ดี “ทำไม เมียนายถึงได้...”

                เขมราชหน้าชา เขามองทั้งคนงานและภรรยาตัวเองสลับกันไปมา คนงานแต่ละคนดูกระอักกระอ่วน ทำหน้าไม่ถูกเมื่อได้เห็นนายหญิงของฟาร์มแสงอรุณผิดไปจากสิ่งที่คิดค่อนข้างมาก ดูจากสายตาก็รู้ว่าคนพวกนั้นประหลาดใจเป็นที่สุด

                “ไม่ต้อง! เธอไม่ได้มีหน้าที่อะไรที่นี่” น้ำเสียงแข็งกร้าวเอ่ยด้วยความไม่พอใจ

                ชายหนุ่มมองภรรยาตัวเองตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า หอมนวลหยิบเอาชุดเมื่อครั้งที่ทำไร่ดอกไม้มาสวม เสื้อเชิ้ตลายสกอตเก่าๆ กับกางเกงผ้าสีมอซอ ทำให้ดูกลมกลืนกับคนงานในฟาร์มจนแทบแยกไม่ออก ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารู้สึกขุ่นใจที่หญิงสาวไม่พยายามทำตัวให้สมกับเป็นแม่เลี้ยงของฟาร์มแสงอรุณเลย แม้เขาจะทำใจไว้แต่แรกแล้วว่าหอมนวลคงเป็นภรรยาที่เชิดหน้าชูตาไม่ได้

                “แต่หอมอยากช่วยนะคะ หอมทำได้” เจ้าของร่างเล็กในชุดมอซอยังไม่รู้ตัว พลางปัดเอาเศษฝุ่นที่ติดชายกางเกงตัวเก่าออก จังหวะนั้นเสื้อเชิ้ตตัวหลวมโคร่งก็กระพือพัดตามแรงลมจนเธอต้องรีบจับชายเสื้อเอาไว้จนดูเก้ๆ กังๆ

                คนงานเกือบครึ่งร้อยมองหอมนวลด้วยสายตาที่ไม่ต่างกัน

                ‘นี่หรือ นายหญิงของฟาร์มแสงอรุณ’

                สายตาเหล่านั้นกระตุ้นอารมณ์โกรธของผู้เป็นใหญ่แห่งฟาร์มแสงอรุณให้ปะทุคุกรุ่น ผสมกับความเครียดจากเรื่องของจันทร์นรีที่มีอยู่เป็นทุนเดิม จนสุดท้ายกลายเป็นภูเขาไฟลูกยักษ์ที่ระเบิดออกมาอย่างน่ากลัว

                “ถ้ามันเก่ามากขนาดนี้ ก็ทิ้งไปซะ” เขากระชากเสื้อตัวโคร่งของหอมนวลทีเดียว กระดุมทุกเม็ดก็หลุดออกมา

                เหล่าคนงานตกตะลึงกับการกระทำของเจ้านายจนเผลออุทานเสียงหลง ขณะที่คนถูกกระทำหน้าซีดเผือดเพราะตกใจ สองมือรีบจับเสื้อที่หลุดลุ่ยประกบกันไว้ เคราะห์ดีที่เธอสวมเสื้อกล้ามข้างในอยู่เสมอจึงไม่เป็นที่อนาจารต่อหน้าธารกำนัล

                ดวงตากลมโตภายใต้แว่นอันใหญ่มองเขมราชอย่างไม่เข้าใจ “อะไรกันคะ”

                “เสื้อพวกนี้ ถ้ามันเก่ามากก็ทิ้งมันไป เธอเป็นเมียฉัน เป็นนายหญิงของฟาร์มแสงอรุณ ทำตัวให้เหมาะสมหน่อยได้ไหม เห็นหรือเปล่าว่าคนอื่นมองเธอยังไง” เสียงกร้าวตวาดลั่น

                “คุณเขมถือสาเรื่องนี้ด้วยเหรอคะ” หอมนวลไม่อยากเชื่อ เพราะเธอคิดมาตลอดว่าเขมราชไม่ใช่คนประเภทที่มองคนจากภายนอก แต่เวลานี้คนตรงหน้าเหมือนไม่ใช่เขมราชคนเดิม แต่เป็นใครก็ไม่รู้ที่เธอไม่เคยพานพบมาก่อน

                “ฉัน...” เขมราชพูดไม่ออกเมื่อเห็นว่าดวงตากลมใสมีน้ำตาเอ่อคลอ “ฉันไม่ได้ถือสา แต่อยากให้เธอรู้ว่า เธอจะทำตัวเหมือนเดิมอีกไม่ได้”

                “หอมเป็นคนนะคะ พูดกับหอมดีๆ ก็ได้ หอมพูดรู้เรื่องค่ะ ทำไมต้องทำตัวป่าเถื่อนแบบนี้”

                คำพูดของหอมนวลดึงสติที่ขาดสะบั้นให้กลับมา คนป่าเถื่อนนิ่งงันไม่เถียง เพราะรู้ตัวว่าทำเกินกว่าเหตุจริงๆ เขมราชหันไปมองโดยรอบพบว่าคนงานกำลังมองมาอย่างสนอกสนใจ แต่เพียงชั่ววินาทีเหล่าไทยมุงก็หายวับไปกับตา เพียงเพราะแววตาราชสีห์ของเขา

                “ฉันโมโหมากไปหน่อย ขอโทษด้วยละกัน”

                “ไม่เป็นไรค่ะ คุณเขมจะให้หอมทำตัวแบบไหนก็บอกมาได้เลย” หอมนวลไม่ได้โกรธ แค่เสียใจ แต่คำตอบของเขมราชกลับยิ่งทำให้ความรู้สึกพังลงมากกว่าเดิม

                “ทำตัวเหมือนลูกจันทร์ไง พี่สาวเธอแต่งตัวแบบไหน ทำตัวแบบไหน เธอก็ทำแบบนั้น ได้ไหม” เขมราชบอกไปตามที่ใจคิด โดยไม่ได้คำนึงถึงความรู้สึกของคนฟัง เขาไม่ทันสังเกตเลยด้วยซ้ำว่าใบหน้าหม่นเศร้าของคนตัวเล็กมีน้ำตา

                หอมนวลไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคำพูดแค่ไม่กี่คำจะทำร้ายเธอได้ถึงเพียงนี้ หัวใจของเขมราชมีแต่พี่สาวเธอ แต่เขาคงไม่รู้ว่าการให้คนอย่างเธอเปลี่ยนตัวเองให้เหมือนจันทร์นรีนั้น ยากยิ่งกว่าเปลี่ยนพระจันทร์ให้ขึ้นตอนกลางวันเสียอีก

                “ถ้าคุณต้องการหาใครมาแทนพี่ลูกจันทร์ คนคนนั้นไม่ใช่หอมหรอกค่ะ แล้วถ้าคุณเขมเจอใครที่คุณเขมสามารถรักได้เท่าพี่ลูกจันทร์ก็รีบบอกหอมได้เลยนะคะ หอมจะยินดีมาก”

                คนหัวใจสลายไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองได้ร้องไห้ต่อหน้าเขา เธอวิ่งหนีไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว การแอบรักเขมราชข้างเดียวก็เจ็บมากพออยู่แล้ว แต่การได้เป็นเพียงเงาของคนที่เขารักนั้นเจ็บปวดมากกว่าหลายร้อยเท่า เป็นครั้งแรกที่หอมนวลร้องไห้เหมือนคนไร้สติ ห้ามน้ำตาไม่ได้ ห้ามหัวใจตัวเองไม่ให้เสียใจยิ่งไม่ได้เข้าไปใหญ่

 

                ลูกสะใภ้ที่วิ่งหายเข้าไปในบ้านทำให้กรองแก้วต้องหยุดภารกิจที่กำลังทำอยู่ทันที เธอหันมามองจันเป็งที่นั่งปอกผลไม้อยู่ที่โต๊ะใกล้ๆ ก็พบสีหน้าที่บ่งบอกถึงความประหลาดใจเช่นเดียวกัน หญิงสูงวัยรีบวางกรรไกรอันเล็กที่ใช้เล็มกิ่งไม้ลงแล้วปรี่ไปดูด้วยความเป็นห่วง

                “หนูหอม เป็นอะไรลูก”

                ร่างที่ฟุบหน้าสะอื้นไห้กับที่นอนลุกขึ้นในทันทีก่อนจะรีบเช็ดน้ำตา หันไปมองก็พบหญิงสูงวัยที่ยังมีเค้าความสวยอยู่มากกำลังมองมาด้วยความเป็นห่วง

                “คุณเขมบอกว่าหอมทำตัวไม่เหมาะสม ไม่เหมาะที่จะเป็นเอ่อ...เมียเจ้าของฟาร์มแสงอรุณค่ะ” เพราะยังเด็กอยู่มาก เมื่อผู้ใหญ่ถาม หญิงสาวจึงบอกความจริงไปทั้งหมด

                กรองแก้วยิ้มบางๆ ด้วยความเอ็นดู แล้วดึงมือหญิงสาวที่กำลังเสียใจให้เดินมายังกระจกบานใหญ่แล้วชี้ชวนให้ดูภาพในกระจกเงา

                “หนูคิดว่าภาพตัวเองในกระจกเป็นยังไง” 

                หอมนวลเห็นตัวเองแล้วแทบจะหันหน้าหนี ผู้หญิงในกระจกอยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้ ใบหน้าที่สวมแว่นตาอันใหญ่มันย่อง ผมยาวสยายแห้งฟู มิหนำซ้ำเส้นผมยังพันกันยุ่งเหยิง แสดงให้เห็นถึงความไม่ใส่ใจของเจ้าของ เสื้อผ้าก็เลอะเทอะสกปรก ดูแล้วไม่มีอะไรควรคู่กับเขมราชได้เลย สมควรแล้วที่เขาจะอับอายที่ได้ผู้หญิงอย่างเธอมาเป็นภรรยา

                “หอมไม่มีอะไรคู่ควรกับคุณเขมได้เลย คุณเขมไม่น่าพลาดได้หอมเป็นเมีย” แทนที่ความเสียใจคือความรู้สึกผิด ถ้าเธอเป็นเขมราชก็คงโกรธ เขาต้องปกครองคนงานนับพันคน มีผู้คนมากมายต่างนับหน้าถือตา แต่สิ่งที่เธอทำกลับเอาแต่สบายตัวเองโดยไม่สนใจภาพลักษณ์ของเขา ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการความน่าเชื่อถือ  

                “ไม่จริงเลยนะหนูหอม อย่างหนูเนี่ย แต่งตัวเป็นนิดหน่อย ขี้คร้านตาเขมนั่นแหละที่จะอยู่ไม่เป็นสุข”

                กรองแก้วกล่าวอย่างมั่นใจ แม้หอมนวลจะปกปิดความงดงามบนใบหน้าด้วยแว่นอันโตกับคราบเลอะดินโคลน แต่ก็มองออกไม่ยาก ว่าจริงๆ แล้วหอมนวลเป็นคนสวยพอตัว อาจจะน่ารักกว่าพี่สาวของเธอด้วยซ้ำ

                “อย่าปลอบใจหอมเลยค่ะ หอมรู้ตัวเองดี” หญิงสาวทำหน้ามุ่ย ผู้หญิงในกระจกช่างน่าสมเพชสิ้นดี

                “เอาละ ไม่ต้องมัวแต่เสียใจ มาถึงขั้นนี้แล้วหนูต้องวางตัวใหม่ พรุ่งนี้ไปซื้อเสื้อผ้า เครื่องประทินผิว ทำผมเสริมสวยให้เต็มที่ ให้เพื่อนหนูที่มหาวิทยาลัยช่วยเลือกก็ได้นะลูกนะ”

                หอมนวลไม่ปฏิเสธ เพราะนั่นคือสิ่งที่เธอเลี่ยงไม่ได้ เธอขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาของเจ้าของฟาร์มแสงอรุณ ดังนั้นเธอคงต้องทำอย่างที่กรองแก้วพูด...แล้วสองเพื่อนรักจะช่วยเธอได้ไหมนะ

 

                เขมราชนอนมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวมานานเกือบสามชั่วโมง และไม่มีทีท่าว่าจะลุกจากพื้นไม้แข็งกระด้างของเรือนที่เขาสร้างเป็นรังรักกับจันทร์นรี กระทั่งเสียงฝีเท้าของผู้มาเยือนปลุกเขาให้ตื่นจากห้วงความคิด

                “คุณเขม” หอมนวลสวมชุดนอนแบบเสื้อคอกลมและกางเกงผ้าขายาว ยืนค้ำศีรษะพ่อเลี้ยงหนุ่มที่กำลังนอนแผ่หลาบนพื้นไม้

                “มาตามฉันเหรอ เธอนอนก่อนได้เลย ฉันคงนอนที่นี่”

                “หอมไม่ได้มาตาม”

                “แล้วมาทำไม”

                หอมนวลทรุดนั่งลงข้างกายเหยียดยาว ภาพคืนวันนั้นหวนกลับมาอีกครั้ง แต่ดีที่เวลานี้เขมราชมีสติสมบูรณ์ เขาคงไม่หน้ามืดลุกขึ้นมาขย้ำผู้หญิงไม่สวยอย่างเธอเหมือนเช่นวันนั้น

                สายลมพัดที่มาวูบหนึ่งทำให้หอมนวลห่อตัวเพื่อลดความเหน็บหนาวในกาย แต่หัวใจของเธอล่ะจะอุ่นขึ้นได้อย่างไร เมื่อภูเขาน้ำแข็งอยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือ ยิ่งใกล้ก็ยิ่งเหน็บหนาว

                “มานอนด้วย”       

                เขมราชนิ่วหน้าด้วยความแปลกใจกับคำตอบง่ายๆ ของเธอ จริงอยู่ที่หอมนวลขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาของเขา การที่ภรรยาตามมานอนกับสามีไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ไม่ใช่คู่สามีภรรยาอย่างเขากับเธอ

                “ฉันคิดว่าเธอจะดีใจเสียอีกที่ได้นอนสบายๆ ที่ห้อง ไม่ต้องเกร็งจนตัวแข็งเป็นหิน”  

                ไม่มีเสียงเจื้อยแจ้วตอบกลับมาอย่างที่เคย เขมราชมองเสี้ยวใบหน้าที่มีแว่นหนาสวมทับอยู่เสมอก็พบร่องรอยของความไม่สบายใจ เขารู้ดีว่าเกี่ยวข้องกับเขาโดยตรง

                “ฉันขอโทษนะ เรื่องเมื่อตอนเย็น”       

                “เปลี่ยนคำขอโทษเป็นเงินสักห้าหมื่นได้ไหมคะ”

                เป็นอีกครั้งที่ต้องแปลกใจ เขมราชไม่ได้หวงเงิน แต่แค่สงสัย เพราะตั้งแต่หอมนวลเป็นภรรยาของเขาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เธอไม่เคยพูดถึงเรื่องเงินเลยสักครั้งเดียว ร่างที่เหยียดยาวลุกขึ้นนั่ง ชันเข่าขึ้นข้างหนึ่งแล้วพาดแขนบนเข่าของตัวเอง เป็นท่าทีห้าวหาญที่ปรากฏอยู่เป็นนิตย์

                “เธอจะเอาเงินไปทำอะไร”

                “เอาไปทำสวย”

                ชายหนุ่มอึ้งเมื่อได้ยินคำตอบของหญิงสาวที่ห่างไกลคำว่า ‘รักสวยรักงาม’ คนละฟากทะเล

                “เฮอะ! ฉันต้องหมดกี่ล้านเธอถึงจะสวยได้ ไม่เอาละ เปลืองเปล่าๆ” เขมราชตีรวน เพราะเห็นเป็นเรื่องไร้สาระ

                “งก”

                “บอกมาก่อนว่าจะทำอะไร ทำสวยของเธอคงไม่ใช่ยกทั้งหน้า กลับมาหน้าเหมือนหุ่นพลาสติกฉันจะทำไง”

                หอมนวลย่นจมูก เธอไม่ได้คิดถึงขั้นนั้น อย่างมากก็โละเสื้อผ้าใหม่ทั้งตู้ ชุดเข้าไร่เข้าสวนของเธอคงต้องตกเป็นของมือสองแก่แสงระวี เพราะดูๆ แล้วไม่มีชุดไหนที่สวมแล้วจะดูเป็นนายหญิงแห่งฟาร์มแสงอรุณได้เลย

                “หอมจะเอาไปซื้อชุดสวยๆ มาใส่ พวกชุดราตรี กระโปรงบานพลิ้วๆ รองเท้าส้นเข็ม เอาไว้เดินในฟาร์มที่มีวัวกับต้นไม้ใบหญ้า และแดดร้อนขนาดที่ต้มไข่ให้สุกได้” หอมนวลอดกระแนะกระแหนไม่ได้

                เขมราชรู้ว่าถูกประชด แต่เขาก็ไม่โต้แย้ง เพราะรู้ว่าตัวเองผิดจริงที่ทำกับหอมนวลต่อหน้าคนอื่นในวันนี้

                “ฉันไม่ได้หวังให้เธอใส่ชุดราตรีอะไรขนาดนั้นหรอกนะ แต่ก็เอาเถอะ ฉันผิดเองที่โมโหใส่เธอ ทั้งที่เรื่องไม่ได้ร้ายแรงอะไรเลย แต่ฉันกลับทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะเป็นเมียฉันตั้งแต่ต้น”

                หอมนวลไม่รู้จะตอบอะไรกับคำพูดยืดยาวของเขา เพราะเธอไม่ได้โกรธเขาเรื่องนั้น แต่โกรธที่เขาหวังให้เธอเป็นเหมือนจันทร์นรี เสียใจที่ต้องเป็นเงาของคนอื่น และสงสารตัวเองที่ต้องเป็นเสมือนคนไร้ตัวตน

                “ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ หอมเองก็ผิด หอมจะทำตัวให้ดีกว่านี้ คุณเขมจะได้สบายใจเอาเวลาไปคิดเรื่องอื่นที่เป็นประโยชน์” นี่คือสิ่งที่หอมนวลคิดจริงๆ แค่เขาไม่ทอดทิ้งให้เธอเป็นเพียงผู้หญิงไร้ค่าข้างถนน เธอก็ขอบใจเขามากแล้ว

                ดวงตาสีสนิมมองใบหน้าคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาอย่างนับถือน้ำใจของเธอ หอมนวลจิตใจดี เพราะเหตุนี้เขาจึงต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ ไม่ว่าจะรักหรือไม่ก็ตาม

                “เอาละ ฉันจะยอมลงทุนกับเธอสักครั้ง อยากรู้เหมือนกันว่าซินเดอเรลลาจะสวยได้พ้นเที่ยงคืนหรือเปล่า”  

                สีหน้าและแววตาเย้ยหยันของเขาทำให้หอมนวลจิตใจห่อเหี่ยวหนักกว่าเดิม หนักใจยิ่งกว่าการต้องสู้กับฝูงผึ้งที่บุกไร่ดอกไม้จอมนรีอยู่บ่อยๆ เสียอีก

                “ก็สวยได้ตามสภาพแหละค่ะ”

                คำตอบของหญิงสาวทำให้คนฟังหัวเราะออกมา เขาลุกขึ้นยืนพร้อมส่งมือให้ภรรยาตามกฎหมาย

                “ไปนอนกันเถอะ วันนี้เรานอนกันที่นี่ก็แล้วกัน”

                “อะไรนะคะ” หอมนวลเหลียวไปมองประตูบ้านที่แม้ว่ายังปิดสนิท ทว่าเธอกลับเห็นภาพที่เคยเกิดขึ้นข้างในนั้นชัดเจน ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นร้อนจนแดงไปทั้งหน้า

                “ไปเถอะน่า ง่วงแล้ว” เขาก้มลงคว้าแขนเล็ก ออกแรงดึงจนร่างบางต้องลุกเดินตาม

                หอมนวลคิดว่าเจ้าของร่างสูงร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรต้องมีคาถาสะกดจิตเป็นแน่ เพราะไม่ว่าเขาต้องการให้เธอทำอะไรก็ง่ายไปเสียหมด แม้กระทั่งเวลานี้  

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น