บทที่ 2

2

                ความจริงคืนนี้อชิระก็แค่เบื่อๆ เลยออกมานั่งหาอะไรดื่มดับกลุ้ม ไม่มีแผนล่าเหยื่อแต่อย่างใด กระนั้นก็เกือบจะได้กวางน้อยแล้วหนึ่งนาง แต่เขาดันทำตัวประหนึ่งนักบุญใจดีมีเมตตาปล่อยเหยื่อสาวหวานฉ่ำคนนั้นไป มันน่าขัดใจอยู่เหมือนกัน ตอนที่เจ้าหล่อนอ้อมแอ้มบอกอย่างกะทันหันว่าไม่สะดวก เขานี่ละงงเป็นไก่ตาแตก ก็นั่งล้วงลึกกันแทบจะเสร็จคามือแล้ว เธอเอาอะไรมาไม่สะดวก 

                อชิระทั้งเซ็ง ทั้งหงุดหงิด นึกสาปแช่งเจ้าหล่อนในใจ ไม่ว่าจะเริงสวาทกับใครในคืนนี้ ก็ขอให้ไอ้หมอนั่นมันนกเขาไม่ขัน!

                ก็จะไม่ให้เคืองยังไงไหว เธอเล่นปลุกพลังความเป็นชายของเขาเสียจนเดือดพล่าน แล้วก็ทิ้งกันไว้กลางทาง เรื่องใหญ่อย่างนี้อภัยให้ไม่ได้เด็ดขาด ถึงร่างกายจะยังแสดงความต้องการ แต่อชิระนั้นหมดอารมณ์จนอยากกลับห้องไปนอนสงบจิตใจ

                แต่แล้วเหยื่อรายใหม่ก็ก้าวเข้ามา

                ชายหนุ่มยิ้มปลงกับโชคชะตา ดูท่าว่าคืนนี้คงรักษาความบริสุทธิ์เอาไว้ไม่ได้ อชิระจะไม่ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษแสนดีอีกแล้ว ร่างกายของเขาต้องได้รับการปลดปล่อยเสียที และกวางน้อยตัวใหม่นี้ถูกจริตเขาอย่างแรง

                เธอดูน่ารักตอนที่เดินโซเซมาขวางทางแล้วบอกอย่างใจป้ำว่าจะเลี้ยงเหล้าเขา แทบไม่ต้องหยุดคิดให้เสียเวลา และแน่นอนว่าคืนนี้เขาต้องได้เธอ!

                เห็นแก่ความทรมานอัดอั้นที่เขาเพิ่งโดนทิ้งมา อชิระจำเป็นต้องหาใครสักคนช่วยปลดเปลื้องประเทืองอารมณ์บ้าง ใครสักคนที่ไม่ใจดำทำให้ค้างคา พร้อมจะโดดขึ้นเตียงแล้วร่วมเรียงเคียงข้างบนเส้นทางหฤหรรษ์

                ความเครียดที่สะสมมาตลอดทั้งวันกำลังขันเกลียวเส้นประสาทของเขาจนตึงเขม็ง คำพูดของพี่สาวทำให้อชิระรู้สึกปวดหัวตุบๆ ทุกครั้งที่คิดถึง หลังจากเขาผ่านแดดผ่านฝนจนกร้านโลก ไม่นึกเลยว่าจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์น้ำเน่าเหมือนพระเอกละครหลังข่าวเช่นนี้

                พี่สาวคนโตของเขา นางสาวอชิรญาณ์ วรปัทม์ รับราชโองการจากคุณเดือนฉายมามอบหมายภารกิจสำคัญให้แก่เขา ภาระหน้าที่ที่ไม่คิดฝันว่าจะได้รับเกียรติอันสูงส่งนั้น เขาอยากจะบ้าตาย

                เนื่องจากอชิระออกตัวชัดเจนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วว่าจะไม่แบกรับความหวังใดๆ ของตระกูลวรปัทม์ทั้งสิ้น เขาไม่ใช่ลูกเมียเอก แต่เขาดันเป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน น่าขันที่จู่ๆ ลูกชายจากบ้านเล็กกลายมาเป็นความหวังเดียวของวงศ์ตระกูล

                ดูเหมือนการขาดแคลนทายาทของวรปัทม์จะไม่ใช่เรื่องเล่นๆ อีกต่อไป ปัญหานั้นเริ่มส่งผลกระทบมาถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง อชิรญาณ์โดนแม่แท้ๆ หมายหัว ในขณะที่อชิระก็หนีไม่รอดเช่นกัน แม้พอหาหนทางหลบเลี่ยงให้ตัวเองได้ แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่พอใจอยู่ดี แม่ใหญ่คิดได้ยังไงที่จะใช้เขาเป็นพ่อพันธุ์!

                หรือคุณเดือนฉายจะหมดมุกเรียกร้องความสนใจจากสามีแล้วถึงเลือกใช้กลอุบายนี้ วรปัทม์มีปัญหาเรื่องทายาท แต่จะโทษใครได้ล่ะในเมื่อฟ้าลิขิตมา บางทีอาจเป็นคำสาปประจำตระกูลก็ได้ ก็ใครใช้ให้ผู้ชายบ้านนี้เจ้าชู้หลายใจกันล่ะ เวรกรรมที่ทำให้หญิงสาวหลายคนเจ็บช้ำน้ำตาตกคงตามสนอง สวรรค์เหม็นขี้หน้าก็เลยไม่อยากให้ขยายเผ่าพันธุ์เพิ่ม ดูอย่างเจ้าสัวอรุณสิ กว่าป๊าจะมีลูกชายสมใจก็ต้องรอจนถึงเมียคนที่สาม เบื้องบนจึงเมตตาส่งอชิระคนดีมาจุติ ลูกชายคนเดียวในบรรดาสี่พี่น้อง

                ปีนี้เขาอายุสามสิบสาม ยังคงครองความโสดเอาไว้อย่างเหนียวแน่น!

          ชายหนุ่มมีความสุขกับชีวิตที่ไม่ผูกติดกับใคร ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังกลัวว่าจะมีใครนั่งร้องไห้รอเขากลับไปกินข้าวที่บ้านตอนเย็น ไม่ต้องมีเมียทีละหลายคนเพื่อสร้างอาณาจักรเสริมความแข็งแกร่งมั่นคงทางธุรกิจ ไม่ต้องทำให้ลูกมีปมในใจเหมือนอย่างที่เจ้าสัวอรุณทำกับเขาและแม่ผู้ให้กำเนิด

                ชีวิตของอชิระไม่เคยขาดแคลน ต่อให้ไม่มีคำว่า วรปัทม์ เป็นนามสกุลพ่วงท้าย เขาก็ยังยืนหยัดได้ด้วยความสามารถของตัวเอง

                ในเมื่อเขาไม่เคยสร้างความเจ็บช้ำให้หญิงใดเหมือนอย่างที่อากงกับป๊าเคยทำ สวรรค์ก็น่าจะเมตตาปรานีเขาหน่อย ไม่ใช่โยนภาระหนักอึ้งมาให้ ต้องกลายเป็นหมากในเกมรักระหว่างป๊ากับแม่ใหญ่ 

                อชิระรู้ดีว่าทำไมคุณเดือนฉายถึงอยากให้เขามีลูก เรื่องทายาทนั่นมันก็ใช่ละ แต่หากเขาซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวไม่เอาไหน มันก็จะกลายเป็นเหตุให้เจ้าสัวอรุณมีข้ออ้างในการสร้างทายาทเพิ่ม ป๊าจะมีลูกใหม่ได้ก็ต้องมีเมียใหม่ด้วยนี่ต่างหากละที่แม่ใหญ่กลัว

                เจ้าสัวอรุณกับคุณเดือนฉายเคียงบ่าเคียงไหล่ร่วมกันสร้างวรปัทม์มาเกือบตลอดชีวิตของทั้งคู่ ผ่านอุปสรรคมากมาย คุณเดือนฉายเป็นยอดหญิงที่แข็งแกร่งและเด็ดเดี่ยว แต่ใครจะรู้ภายใต้ความเยือกเย็นดุจสายน้ำ แม่ใหญ่ต้องเก็บกักความเจ็บช้ำไว้มากมายเพียงใด ตำแหน่งเมียใหญ่ไม่มีผู้หญิงคนไหนปรารถนา ต้องกล้ำกลืนฝืนใจแบ่งใช้สามีกับคุณมณีจันทร์ ผู้เป็นภรรยาคนที่สองของท่านเจ้าสัว จนกระทั่งมาถึงคุณรัศมี แม่ผู้ให้กำเนิดอชิระ ซึ่งเป็นภรรยาหมายเลขสาม

                หนึ่งชายสามหญิง หากใจไม่แกร่งจริงจะทนได้เหรอ

                คงเป็นโชคดีของคุณเดือนฉายและเป็นโชคร้ายของอชิระ คุณรัศมีร่างกายไม่แข็งแรงพอคลอดลูกชายให้ท่านเจ้าสัวได้ไม่นานก็เสียชีวิต ไม่ได้โอกาสได้อยู่ชื่นชมดูการเติบโตของลูก อชิระถูกส่งตัวมาให้อยู่กับคุณเดือนฉาย การจากไปของภรรยาคนที่สามทำให้เจ้าสัวอรุณเหมือนจะหยุดเรื่องผู้หญิง แต่เปล่าหรอก ป๊าก็ยังมีเล็กมีน้อย ดีหน่อยตรงที่ไม่ยกย่องใครออกหน้าออกตา แต่ถามว่าเมียสองคนที่ยังเหลืออยู่พอใจไหม อชิระก็บอกเลยว่าไม่!

          ล่าสุดที่คุณเดือนฉายใจร้อนอยากได้หลานก็น่าจะมาจากการที่เจ้าสัวอรุณเกิดนึกอยากได้ที่ดินผืนใหม่ ซึ่งเจ้าของที่ดินผืนนั้นสวยและสาวมาก อชิระรู้จักกับพิชญ์สินีเจ้าของที่ดินผืนดังกล่าว เขารู้ว่าเธอคงไม่หน้ามืดคว้าชายแก่คราวพ่อมาเป็นผัว แต่คุณเดือนฉายไม่คิดเหมือนเขา ข้ออ้างเก่าๆ ก็เลยถูกหยิบยกขึ้นมาแล้วจบตรงที่ว่าเขาต้องมีลูก

                ตลก! 

                อชิระอยากหัวเราะให้ฟันร่วง เขาพยายามบอกทุกคนให้ใจเย็นๆ แต่ไม่มีใครเชื่อ คุณเดือนฉายกระวนกระวายและสั่งให้อชิรญาณ์มาเกลี้ยกล่อมเขา เพราะขัดแม่บังเกิดเกล้าไม่ได้ อชิรญาณ์จึงต้องบุกมาหาเขาถึงคอนโด เทศนาสั่งสอนอีกชุดใหญ่ ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้อ้าปากเถียงเลยสักคำ

            ‘ความผิดของแกนั่นแหละที่ไร้น้ำยา ป๊าถึงได้ยกมาเป็นข้ออ้างอยู่เรื่อย ถึงไม่ใช่เรื่องเจ้าของที่ดินนั่นก็ยังมีคนอื่นอีก แกดูสังขารป๊าสิเสือ สู้แค่ใจ แต่ร่างกายฉันว่าจะไม่ไหวล่ะมั้ง ดีไม่ดีช็อกตายคาอกพริตตี้ขายขี้หน้าชาวบ้านเสียเปล่าๆ แม่เป็นห่วงเรื่องนี้’

          ‘ห่วงชื่อเสียง หรือห่วงป๊า’

          ‘แม่น่าจะห่วงป๊า แต่หลังจากฉันประเมินผลเสียด้านภาพลักษณ์ของวีพีกรุ๊ปแล้ว ฉันคิดว่าแม่น่าจะเป็นห่วงชื่อเสียงมากกว่า’

          นี่แหละแนวคิดของยอดหญิงวรปัทม์ ไม่ธรรมดาเลยสักคน ลองถ้ามองข้ามหัวพวกเธอไปแล้ว ก็อย่าหวังว่าจะได้อยู่ในสายตาของพวกเธออีกต่อไป แต่นั่นมันเรื่องของเจ้าสัวอรุณ ไม่ใช่อชิระ ทำไมเขาจะต้องมารับกรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อ

          ‘แล้วพี่ปลาจะให้ผมทำยังไง’

          ‘มีลูกชายให้ป๊าสักคน’

          ‘โหย...ผมไม่ใช่พ่อพันธุ์วัวบราห์มันนะพี่ นี่จะต้องถึงขั้นรีดน้ำเชื้อไปผสมเทียมเลยไหม’

          ‘แกไม่ต้องมาประชด เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่ความคิดฉัน หุบปากแล้วฟังให้ดี แกไม่มีสิทธิ์โวยวาย ถ้ามีปัญหาก็ไปถามแม่เอง ฉันไม่สนหรอกนะว่าแกจะเป็นพ่อพันธุ์หรือผสมพันธุ์ยังไง แต่ฉันจะพูดแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ในฐานะที่ฉันเป็นตัวหลักแบกรับดูแลวีพีกรุ๊ปแทนพวกแก ฉันขอให้แกร่วมมือกับฉันหน่อย เรื่องแค่นี้ไม่ยากเกินความสามารถแกหรอกเสือ ฉันรู้ว่าแกถนัดทำเรื่องอย่างว่า ก็หลับหูหลับตาเลือกผู้หญิงสักคนมาเป็นแม่ของลูก’

          ‘งานหยาบเลยนะนั่น ไม่เห็นจะโรแมนติก’

                ‘ฮึ! ผู้ชายวรปัทม์เท่าที่ฉันรู้จักก็ไม่มีใครเรื่องมากนะ ผู้หญิงคนไหนแบให้ก็เอาหมด ไม่เห็นจะเสียเวลาจุดเทียนสร้างบรรยากาศก่อนเลยสักที’

                อืม...เจ็บจี๊ดแต่จริงมาก ผู้ชายบ้านนี้ใจง่ายและผู้หญิงวรปัทม์ก็ปากจัดเป็นบ้าเลย

                ‘แกรับงานในส่วนของโรงแรมบังหน้า แต่กลับแรดไปแรดมาทั้งวันงานการไม่ทำ อย่าเถียง! อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ ฉันเช็กกับธนูตลอด’

          ‘โธ่...พี่ ผมเซตระบบดีแล้ว ก็แค่ปล่อยให้งานมันรันไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ผู้บริหารยุคใหม่ใครเขานั่งออฟฟิศกันล่ะ แล้วธนูน่ะพี่อย่าไปฟังมันมาก’

          ‘ฉันควรต้องฟังแกงั้นสิ แต่ก็ดีที่แกไม่ติดเรื่องงาน ฉันจะได้ไม่ต้องรู้สึกว่าไปเบียดเบียนเวลางานของแก ไปทำลูกให้ป๊ากับแม่ซะเถอะ อ้อ...ถ้าอยากได้เทียนหอมจุดสร้างความโรแมนติกฉันก็จะสั่งให้’

          ‘เรื่องอะไรจะหาเหาใส่หัว พี่ไม่กลัวว่าหลานจะเหมือนพวกเราเหรอ’

          ‘ฉันจะพยายามทำใจ ถือว่าเป็นกรรมของเด็ก เหมือนที่พวกเรากำลังชดใช้กรรมกันอยู่นี่ไง’

                ‘ผมละเชื่อพี่จริงๆ’

                ‘เชื่อฟังฉันน่ะดีแล้ว แต่ถ้าแกดื้อด้านก็เตรียมหาเหตุผลดีๆ ไปแก้ตัวกับแม่เองแล้วกัน ฉันหมดธุระแล้ว’

          ‘พี่ปลา! พี่ปลาเดี๋ยวก่อน เดี๋ยว...’

                อชิระสะบัดศีรษะดึงความคิดกลับมาสู่ปัจจุบัน คืนนี้ค่อนข้างมึนๆ แต่ไม่ถึงกับเมา อารมณ์รักบวกกับฤทธิ์เหล้าคละเคล้ากันด้วยสัดส่วนพอดี เขาไม่ควรคิดเรื่องปั้นทายาทให้เสียอารมณ์ อชิระไม่ต้องการเป็นพ่อพันธุ์ ไม่อยากเป็นเบี้ยในเกมที่ไม่ได้เล่นเอง

                ชายหนุ่มหันเหความสนใจของตนมาที่คนในอ้อมกอดแล้วยิ้มหวานเยิ้มให้เธอ เขาพร้อมและเดือดพล่านมาตลอดทาง วิธียั่วให้อยากแล้วจากไปของมือเธอนั้น เขาต้องเอาคืนแน่ จะเอาให้ร้องไม่เป็นภาษาเลยด้วย ทำเขาแสบนัก

                “ทำไมคืนนี้ห้องอยู่ไกลจัง”

                “จะโทษใครได้ล่ะ ความคิดคุณทั้งนั้น”

                “ก็ฉันอยากให้ งาน คืนนี้ของเราออกมาดี”

                “อย่าเรียกว่างาน ให้เรียกว่า กระชับความสัมพันธ์ จะดีกว่า”

                อชิระหัวเราะชิดริมหูเธอ เขาเองก็มีคุณสมบัติความใจง่ายของผู้ชายตระกูลวรปัทม์ พอเธอเอ่ยชวน เขาก็ตอบรับด้วยความเต็มใจ การให้ไม่สมควรได้รับคำปฏิเสธ

                แม่นางฟ้าร่างอรชรคนนี้นับเป็นผู้หญิงที่มีความขัดแย้งในตัวเองสูง เธอสวมวิญญาณนางแมวยั่วสวาทก้าวเข้ามาหาเขาอย่างใจกล้า ทว่าตอนที่เขาจูบหยั่งเชิงเธอในผับกลับไม่เหมือนอย่างที่คิดไว้ เธอชวนเขาดื่ม แต่แค่แก้วแรกก็ตัวอ่อนระทวยราวกับกินยาสลายกระดูกเข้าไป

                ต้องยอมรับละว่าการตลาดของเธอได้ผล เขากระหายที่จะพิสูจน์ความย้อนแย้งของเธอ แค่เธอขยับยุกยิกบนตักก็ปลุกอารมณ์ได้ดีเป็นบ้า เขาร้อนฉ่าไปทั้งร่าง แข็งกร้าวจนรวดร้าว ความต้องการพุ่งทะยานเกินยับยั้ง ให้ตาย! เขาอยากจะจับเธอกดตั้งแต่อยู่บนรถแล้ว

                อชิระยังคงโหยหาความรู้สึกซ่านเสียวตอนที่ความเป็นชายอยู่ในอุ้งมือเธอ ปรารถนาอยากให้เธอทำมันอีกครั้ง เธอจะต้องได้ทำแน่ เขามั่นใจว่าเธอจะต้องทำมากกว่านั้นด้วย เขาอ่านเกมเธอออก เธออ่อยเหยื่อเขา เป็นการอ่อยที่มีคุณภาพสูงและได้ผลชะงัด โดยเฉพาะชุดลาเทกซ์มันวาวแนบกระชับทุกสัดส่วนนั่น มันรัดรึงเน้นทรวดทรงจนเขาน้ำลายสอ อยากฝังเขี้ยวกลืนกินเนื้อนุ่มตรงเนินอกที่ล้นทะลัก บีบขยำความกลมกลึงตามใจอยาก เธอทำให้เขาคับแน่นที่หน้าขาจนเดินไม่สะดวก เธอต้องมีจุดประสงค์สักอย่าง การเข้าหาของเธอมันโจ่งแจ้งเจตนาเกินไป แถมยังบอกอีกด้วยว่ามีเรื่องอยากคุย

                เรื่องอะไร?

                อชิระไม่เคยเจอผู้หญิงคนนี้ และไม่ว่าเธอจะเป็นมืออาชีพ หรือสาวน้อยหัดแซ่บเขาก็อยากได้เธอทั้งนั้น อยากชนิดที่ว่าไม่เกี่ยงราคาเลย และต่อให้ใจลังเล แต่หลักฐานทางกายภาพกำลังชูชันสู้สุดใจ ยิ่งนึกถึงมือนุ่มที่เคล้นคลึงแก่นกายก็ยิ่งอยากจนตัวสั่น ความต้องการแล่นพล่านตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า

                ขณะที่หัวกลั่นกรองเหตุผล ไอ้ตัวร้ายกลางหว่างขาก็สั่งให้ยอมตามใจเธอไปก่อน เสร็จเรื่องแล้วค่อยคุยกันก็ยังไม่สาย จุดหมายปลายทางของเธอกับเขาอยู่ห่างออกไปแค่ไม่กี่ก้าว ดวงตาคมมองหมายเลขหน้าห้องที่เดินผ่านด้วยใจระทึก

                “อืม...อย่าซนสิครับ เดี๋ยวก็ไม่ต้องไปไหนกันหรอก” ชายหนุ่มตะครุบมือนุ่มที่ลูบไล้สะเปะสะปะ ดึงขึ้นมาจดริมฝีปากจูบเบาๆ ก่อนดูดดึงนิ้วเรียวเข้าปาก วนลิ้นเล่นกับนิ้วเธออย่างยั่วเย้า แววตาที่เต็มไปด้วยความต้องการสบประสานกับเจ้าของมือ

                เธอหัวเราะคิกคัก สองแก้มแดงระเรื่อน่าปรารถนา บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมถึงอยากได้นัก แต่อยากก็คืออยาก ถ้าไม่อยากคงไม่ยอมตามใจพามาถึงนี่ ถ้าจะโทษอะไรสักอย่างที่ดลใจก็ต้องโทษชุดหนังเรียบลื่นเข้ากับทรวดทรงองค์เอวของเธอนั่นละ มันจุดไฟอารมณ์เขา

                เขาทั้งนึกรักและอยากจะกระชากมันออกมาเสียให้เหลือแต่ตัวล่อนจ้อน นึกสงสารทรวงอกครัดเคร่งคงอึดอัดเพราะถูกรัดเสียแน่น ชายหนุ่มสูดหายใจแรง อยากก้มลงเกลือกกลิ้งใบหน้าทดสอบดูสิว่าเนื้อแท้ของเธอจะนุ่มสักเพียงใด

                อชิระไม่เคยคึกคักแบบนี้นานแล้ว ปฏิกิริยาของร่างกายที่ตอบสนองต่อเธอมันพร้อมบวกเอามากๆ กลิ่นกายของเธอ รสจูบเหมือนไม่ประสาของเธอทำให้เขาคิดอะไรไม่ออก เธอน่าลิ้มลองและน่ารักราวลูกแมวขยับตัวยุกยิกหาไออุ่นในอ้อมกอด เขาไม่เคยนึกเอ็นดูลูกแมวน้อยไร้เดียงสา แต่ถ้าเป็นนางแมวยั่วสวาทนั่นก็เป็นอีกเรื่อง

                ชายหนุ่มเร่งฝีเท้า เขารอต่อไปไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว เขาอยากจับเธอฟัดเสียให้หนำใจ อยากครอบครอง โถมเข้าใส่ในตัวเธอ กระแทกกระทั้นทำให้เธอร้องครวญครางอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะระเบิดความสุขสมจนหมดเรี่ยวแรงกันทั้งสองฝ่าย 

                โอ้...เขาจะต้องได้เธอเดี๋ยวนี้ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนเขาก็ต้องได้!

                ความอดทนอดกลั้นที่สะสมมาพังทลายพร้อมกับประตูห้องที่ถูกปิด ชายหนุ่มดันร่างเธอจนแผ่นหลังชิดไปกับบานประตู เบียดกายเข้าหา แนบริมฝีปากประกบปากนุ่ม บดขยี้จุมพิตอย่างเร่าร้อน

                ปลายลิ้นอุ่นซ่านค่อยๆ เลื่อนไปตามความนุ่มของขอบปาก แทรกซอนดุนดันผ่านเข้าไปเก็บกวาดความหวานล้ำที่ลองแล้วติดใจจนต้องชิมซ้ำอีกหน กลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ คละเคล้าในลมหายใจของทั้งคู่ผสมผสานจนแยกไม่ออก ฝ่ามือใหญ่กอบกุมทรวงอกล้นทะลักที่หมายตา บีบเคล้นจนเธอแหงนหน้าครางประท้วง

                “อื้อ...พอก่อนค่ะ” เธอพลิกหน้าหนี หอบน้อยๆ ขณะเอ่ยถาม “คุณทำอะไรกับฉัน”

                “เรากำลังจูบกันไง ไม่เนียนนะถ้าบอกว่าไม่เคยโดนจูบน่ะ” เขายิ้มตอบ หลุบตามองเนินอกที่ขยับขึ้นลงตามแรงหายใจ 

                เมากับมารยาก็แค่เส้นบางๆ กั้น อชิระคิดว่าเธออยู่ประเภทหลัง ยังไงดีล่ะ คืนนี้เขาไม่อยากได้สาวน้อยไม่รู้ประสา เพราะก่อนนี้เธอก็แสดงให้เขาเห็นแล้วว่าเธอร้อนแรงได้มากกว่านั้น หลังมือของอชิระไล้ไปตามกรอบหน้าเนียนใสอย่างช้าๆ สายตาเขาร้อนเร่าด้วยไฟรัก

                “คุณไม่ชอบหรอกเหรอ เมื่อกี้ในผับไม่เห็นคุณว่าอะไร”

                “คือฉะ...ฉันหายใจไม่ออก”

                “หือ...” เขาครางเหมือนไม่อยากจะเชื่อ คิ้วเข้มพาดขนานกับดวงตาคมขมวดเข้าหากัน คราวนี้แววตาของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นประหลาดใจและสงสัยขึ้นมาครามครัน “อย่าหลอกกันน่าคนสวย ผมว่าเราทำมันได้ดีเลยนะ และจะดีกว่านี้ถ้าคุณจูบตอบผม”

                “ยังไงคะ”

                มันเชื่อยากนะกับผู้หญิงที่เกือบทำเขาเสร็จคามือ แต่จูบไม่เป็นเนี่ย

                “ฉันเคยแต่โดนจูบตรงนี้” เธอไม่ยอมสบตา นิ้วชี้ไปที่แก้มแดงก่ำ ก่อนย้ายไปที่ริมฝีปากแดงช้ำจากแรงบดขยี้เมื่อครู่ก่อน “ตรงนี้ไม่เคย ลองจูบแบบเมื่อกี้อีกทีได้ไหมคะ”

          บ้าจริง! เขาชักจะชอบบทสาวน้อยไร้เดียงสาซะแล้วสิ

                “ทำไมจะไม่ได้ล่ะคนสวย”

                ไฟราคะในตัวของอชิระโหมกระพือโชติช่วง ความปรารถนาเดือดพล่านยิ่งกว่าน้ำร้อนจัด โอบแขนรัดเอวเธอแน่นขึ้น คำพูดของเธอช่างปลุกเร้า นี่เขากำลังเจอกับสถานการณ์บ้าบออะไร

                “เอาละ ถ้าคุณอยากรับบทสาวน้อยไร้เดียงสาต่อก็ไม่เป็นไร ถึงยังไงผมก็จะอ่อนโยนทะนุถนอมคุณ” 

                ลมหายใจชายหนุ่มเริ่มติดขัดเพราะความต้องการที่ไม่อาจรั้งรอ ความเป็นชายตื่นตัวดุนดันกางเกงจนนูนขึ้นมองเห็นชัดเจน

                “เรามาเริ่มกันเถอะ ผมจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว” อชิระดึงตัวหญิงสาวเข้ามาชิด บอกกับเธอด้วยน้ำเสียงต่ำพร่า ถูไถความเป็นชายกับเนินเนื้อนุ่ม

                “อื้อ...” เธอส่งเสียงได้เพียงแค่นั้น

                ลิ้นของอชิระเคลื่อนไหวในปากเธอ ง่ายเหลือเกินเมื่อเธอเปิดออกต้อนรับเขา ความหฤหรรษ์บันเทิงใจเริ่มต้นด้วยการกวัดกวาดปลายลิ้นยั่วเย้า ก่อนตวัดรัดร้อยอย่างเร่าร้อน ทำให้โลกของเธอสั่นสะเทือนหวามไหว หญิงสาวเข่าอ่อนยวบหมดกำลังยืนต่อ ต้องอาศัยร่างกายเขาเป็นหลักยึด

                “รีบถอดชุดบ้านี่ออก ก่อนที่ผมจะทนไม่ไหวลงมือกระชากมันเอง” เขาสั่งพร้อมพรมจูบทั่วใบหน้า ลากลิ้นเล็มไปตามสันกราม แกล้งเม้มเนื้ออ่อนตรงลำคอจนเธอครางสยิว เนื้อตัวสั่นสะท้าน

                “ดะ...เดี๋ยวค่ะ คุณชื่ออะไร” เธอถามเสียงกระเส่า ขณะพริ้มตาแหงนเงยใบหน้าให้เขาซุกไซ้ 

                “เสือ...เรียกผมว่าเสือ” เสียงเขาอู้อี้ดังมาจากแถวๆ ซอกคอ หูคล้ายจะได้ยินเธอพึมพำว่า ไม่ผิดตัว

                แล้วมือเธอที่เกาะไหล่เขาก็เลื่อนมาประคองใบหน้าหล่อเหลา จับให้อยู่ในระดับเดียวกัน 

                “ฉันคิดว่าจูบเป็นแล้ว”

                “เดี๋ยวผมสอนอย่างอื่นแถมให้ด้วย”

                ริมฝีปากเธอเปิดเผยรอยยิ้มหวานหยด ดวงตาเคลิบเคลิ้มมัวเมาทั้งฤทธิ์เหล้าและฤทธิ์พิศวาส กระแซะร่างเข้าหาเขาอย่างออดอ้อน

                “ฉันมีเรื่องอยากคุยกับคุณค่ะ”

                “เสือไม่คุยตอนหิว” เขาตัดบท

                “อุ๊ย! แล้วฉันจะถูกเสือกินไหมคะ” เธออุทานตกใจเมื่อชุดที่สวมอยู่คลายออกจนต้องรีบกอดอกยึดเอาไว้ ซิปด้านหลังถูกเขารูดจนสุดสายปล่อยให้เนื้อแท้สัมผัสบานประตูเย็นเฉียบ

                “คุณน่ากินมาก” ชายหนุ่มแกล้งงับเนื้ออ่อนเหนือเนินอก ดูดดึงเสียงดังจนขึ้นเป็นรอยแดง “เรามาทำเรื่องที่ต้องทำก่อน มีอะไรค่อยเอาไว้คุยกันทีหลัง”

                ชายใจร้อนย่อกาย สอดแขนใต้ข้อพับตวัดร่างเธอขึ้นอุ้ม เดินดุ่มๆ จนกระทั่งวางคนในอ้อมแขนลงบนเตียง ยืนมองหน้าเธอด้วยความรู้สึกเกินยั้งใจ นาทีนี้จะเป็นอะไรเขาก็ไม่สนใจแล้ว

                อชิระกวาดสายตาโลมเลียมเรือนร่างอรชร ขณะสองมือปลดกระดุมเสื้อของตัวเองตามด้วยเข็มขัดและกางเกง ไม่กี่อึดใจเขาก็เปลือยเปล่าอวดความเป็นชายที่กำลังห้าวหาญแสดงความต้องการอย่างเปิดเผย เขาขยับเข้าไปยืนชิดเตียง โยนซองถุงยางไปข้างกายเธอแล้วเลิกคิ้วด้วยความสงสัย

                “นั่น...ทำไมถึงยังไม่ถอดอีกล่ะครับ” เขาเชิดปลายคางมองความรุ่ยร่ายของชุด

                “ฉัน...” คนบนเตียงใบหน้าแดงจัด ความขัดเขินทำให้รู้สึกว่ามือไม้ของเธอช่างเกะกะเก้งก้าง

                “ผมไม่อนุญาตให้คุณเปลี่ยนใจตอนนี้นะคนสวย เรามาไกลเกินกลับตัวแล้ว ผมหยุดไม่ได้คุณก็เห็นหลักฐานคาตาอยู่ทนโท่ อย่าใจร้ายกับผมนะครับ”

                เขาเห็นสายตาเธอจดจ้องความเป็นชายแล้วกลืนน้ำลายลงคอ อชิระยิ้มอย่างทรมานขณะก้าวขึ้นไปบนเตียง ร่างเขาตระหง่านทรงอำนาจอยู่เหนือร่างเธอ

                “ผมจะกินคุณเดี๋ยวนี้”

                “มะ...มื้อนี้คุณต้องจ่ายหนัก”

                เสียงของเธอสั่นพร่า ไม่รู้ว่าอายหรือกระสันจนทนไม่ไหวเหมือนเขา แต่อชิระทำเพียงส่งยิ้ม ลูบเส้นผมเธออย่างอ่อนโยน

                “เพื่อคุณทูนหัว หมดตัวผมก็ยอมแลก”

          “งั้น...ฉันยกชุดนี้ให้คุณค่ะ”

                เธอกระดิกนิ้วเรียกเชิญชวน อชิระคำรามในลำคอรีบกระโจนเข้าใส่เหยื่อสาว แนบร่างทาบทับ บดขยี้ปากนุ่มดูดกลืนเธอจนหายใจหายคอไม่ทัน ชุดสวยถูกมือเขาดึงออกอย่างใจร้อนจนเกือบจะกระชาก

                เดรสเกาะอกยาวครึ่งน่องเลื่อนหลุดผ่านพ้นเรียวขาง่ายดายเหมือนปอกกล้วย เรือนร่างขาวโพลนอ่อนระทวยยั่วสายตา ผิวเธอเนียนละเอียดไร้ไฝฝ้า ทรวงสาวกลมกลึงที่หมายตาขยับไหวสะท้าน เธอทำให้ไฟรักในกายเขาลุกโชน เหยื่อสาวของอชิระไม่ได้สวมบรา ที่ปลายยอดอกมีเพียงสติกเกอร์สีเนื้อปกปิดไว้ ฝ่ามือใหญ่ของชายหนุ่มกอบกุมปทุมถัน เธอนุ่มหยุ่นพอดิบพอดี เขาเริ่มเคล้นคลึงจนเธอไม่อาจทนนอนนิ่งๆ ได้

                “ทำไมน่ากินอย่างนี้”

                ใบหน้าคมสันลดลงมาชื่นชมความงาม เรียวปากอ้าอมครอบคลุม วนปลายลิ้นเปียกชื้นรอบแผ่นสติกเกอร์ช้าๆ รับฟังเสียงครางซ่านสยิวของเธออย่างพึงพอใจ

                ไม่นานสติกเกอร์นั้นก็หลุดออก จะงอยสีชมพูเข้มผลิบานแข็งตัวเป็นไต เขาไม่รอช้ารีบดูดดึงเข้าสู่ปาก ดื่มด่ำรสชาติหวานละมุนอย่างลุ่มหลง แกล้งเน้นฟันขบเม้มยอดแข็ง เธอครางแผ่ว แผ่นหลังแอ่นโค้ง สองแขนตวัดโอบรัดศีรษะเขาแนบชิด

                “นุ่มนิ่มไปหมด”

                ขณะที่ริมฝีปากยังคงเพลิดเพลินกับทรวงสาว ฝ่ามือเขาก็เคลื่อนไปกางทาบเนินเนื้อเบื้องล่าง ถ่ายทอดไอร้อนให้แผ่กระจายผ่านกางเกงชั้นในตัวน้อย เขาจับขอบแล้วค่อยๆ ดึงมันออกช้าๆ จนพ้นปลายเท้าแล้วเหวี่ยงมันทิ้งไปอย่างไม่สนใจ ในที่สุดเธอก็เปลือยเปล่าเท่ากันกับเขา

                “แบบนี้ค่อยรู้สึกเท่าเทียมกันหน่อย”

                สายตาอชิระชื่นชมความงดงามสมบูรณ์แบบ มือเขายังคงโลมลูบปลุกเร้า กายสาวเริ่มฉ่ำชื้น เขารู้สึกได้ตอนที่กรีดปลายนิ้วตามรอยแยกของกลีบเนื้ออ่อนนุ่ม สะกิดหยอกเย้าส่วนที่ซ่อนเร้นทำให้เธอส่งเสียงครางอย่างทรมาน สร้างความเสียวซ่านปรนเปรอเธออย่างต่อเนื่อง หน้าท้องของเธอหดเกร็ง สะโพกงามกระตุกตามจังหวะการเคลื่อนไหวของมือเขา

                “จำได้ไหมตอนอยู่บนรถคุณแกล้งผมยังไง”

                หน้าเธอแดงจัด แววตาหวาดหวั่นดั่งกวางน้อยระวังภัย ยังคงคอนเซปต์สาวใสไร้ประสบการณ์ได้อย่างยอดเยี่ยม

          “ผมชอบมากรู้ไหม อยากให้คุณทำมันอีกครั้ง มือของคุณ...สัมผัสผม แบบที่ผมทำกับคุณตอนนี้” อชิระเพิ่มแรงคลึงเคล้าปุ่มกระสัน เธอดิ้นพล่านซ่านเสียวสุดใจ มือเขายังคงวนเล่นกับความสาว สะโพกเธอบิดส่ายเรียกร้องหาบางอย่างที่แม้แต่ตัวเองก็บอกไม่ได้ว่าคือสิ่งใด รู้แค่ว่าอารมณ์ของเธอกำลังไต่ระดับสูงขึ้นตามแรงมือของเขา แค่เพียงอีกนิด...อีกนิดเดียวเท่านั้น เธอก็จะ...

                ความปรารถนาอัดอั้นเหมือนร่างกายใกล้ระเบิด วินาทีนั้นอชิระกลับดึงมือออก แล้วทิ้งกายจะนอนหงายหายใจแรง แก่นกายตั้งเด่น เธอครางเสียงแหลมอย่างขัดใจและเขาหัวเราะนัยน์ตาพร่ามัว อชิระกับเธอหายกันแล้ว จากนี้ก็ยินดีต้อนรับเข้าสู่เวลาสำคัญ

                “ตาคุณแล้ว เอาเลยคนสวย ทำต่อให้จบ” มือนุ่มถูกดึงมาวางแหมะใกล้ตัวตนแข็งกร้าว อชิระสบตาเธออย่างร้อนแรง รอคอย “ผมเป็นของคุณแล้ว”

                เธอนิ่งอึ้ง จ้องมองเขาอย่างไม่วางตา กี่ครั้งแล้วก็ไม่รู้ที่วสุวีนึกขอบคุณความเมามาย หากไม่ได้เหล้าช่วยไว้เธอคงมุดดินหนีเขาด้วยความอับอาย หญิงสาวรู้ดีว่าถอยไม่ได้ อีกใจเธอก็ไม่คิดจะถอย ความต้องการมันเกิดขึ้นแล้วจะหักห้ามได้อย่างไร เขาปลุกเร้ากระตุ้นอารมณ์ลึกลับจนไฟรักลามเลียไปทุกรูขุมขน เหตุผลต่างๆ ถูกวางไว้ข้างหลังความต้องการ 

                ในรถนั่นเธอก็แค่หลับหูหลับตาลูบๆ คลำๆ ปลุกปั่นอารมณ์เขา ทั้งคู่ไม่ได้เปลือยเปล่านัวเนียอยู่บนเตียงอย่างนี้ สถานการณ์มันแตกต่างกัน หญิงสาวมองแก่นกายผงาดกล้าท้าทายสายตา มองความฉ่ำวาวเคลือบปลายแท่ง ริมฝีปากของเธอแห้งผาก ขณะเลื่อนมือสั่นๆ ไปกอบกุม หน้าท้องอชิระกระตุกเกร็งตอบสนอง เธอใจเต้นระส่ำราวกับว่าเขากำลังขยายใหญ่ขึ้นไปอีก

                “รูดมือสิครับ หรืออยากลองชิมดูก็ได้” เสียงเขาครางพร่า หยัดสะโพกขึ้นเมื่อเธอทำตามที่บอก

                วสุวีขยับข้อมือขึ้นลงเป็นจังหวะ ทุกครั้งเธอจะได้ยินเสียงครางพอใจของเขา ตัวตนความเป็นชายแข็งขึง ความต้องการทั้งหมดวิ่งมาอัดแน่นรวมตัวกัน เขาขยับสะโพกตามจังหวะมือที่โยกขึ้นลง กระทั่งทนไม่ไหวจึงพลิกกายขึ้นทับร่างเธอ เอื้อมมือหยิบถุงยางที่โยนทิ้งไว้ส่งให้

                “สวมมันให้ผมแล้วเราจะสนุกกัน” เขานอนหงายอำนวยความสะดวกให้ แววตาหิวกระหายเร่าร้อน

                “ฉันไม่เคยใส่ถุงยางให้ใคร”

                “ไม่เป็นไร” 

                แม้จะนึกขัดใจที่เธอไม่ยอมถอดบทสาวใส แต่ความปรารถนาทำให้เขาเลิกสนใจปัญหาพวกนั้น อชิระคุกเข่าคร่อมร่างเธอ มือยื่นไปแย่งซองถุงยางมาฉีกแล้วสวมปลอกให้ตัวเองต่อหน้าหญิงสาว 

                “งั้นก็ดูแล้วจำเอาไว้”

                แล้วชายหนุ่มก็สลับตำแหน่งยกร่างหญิงสาวให้นั่งคร่อม ความเป็นชายของเขาแตะไล้กายสาวอย่างสนิทสนม เธอตัวสั่นจนเขารู้สึก แววตาสับสนสบประสานกับเขา ในตาเธอบอกความหมายได้หลายอย่างทั้งหวาดหวั่นและอยากลอง เป็นความพิศวงงงงวยที่แสนจะเร้าใจ

                “คราวนี้คงไม่ต้องให้บอกอีกนะ จัดการผมได้เลยคนสวย ผมอยากได้คุณจนจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว”

                นาทีนั้นแม้ความกระสันจะเล่นงานอย่างหนัก แต่วสุวีก็ยังชะงักไปต่อไม่ถูก เธอมองเขาอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร อชิระขมวดคิ้วเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาจริงๆ

                “คราวนี้อะไรอีก”

                “ฉัน...ฉัน”

                “ไม่เอาน่าคนสวย เลิกแสดงได้แล้ว ถึงผมจะชอบ แต่ตอนนี้ผมอยากถูกคุณขยี้ให้ยับมากกว่า” มือเขาบีบบั้นท้ายกระตุ้นไฟพิศวาส ริมฝีปากร้อนซุกไซ้กับทรวงสาว “รีบจัดการเอาผมเข้าไปเดี๋ยวนี้!”

                วสุวีหูอื้อตาลาย มือเกาะไหล่เขาใช้เป็นหลักพยุงตัว ความกลัวมากพอๆ กับความต้องการ แล้วเธอก็กลั้นใจเลื่อนลงต่ำไขว่คว้าตัวตนแข็งกร้าว นำส่วนปลายแตะไล้ความชุ่มฉ่ำ ความเสียวซ่านโถมใส่อย่างบ้าคลั่ง สัญชาตญาณร้องสั่งให้กดร่างลงครอบครอง แต่มันไม่ง่ายเลยสำหรับคนที่ไม่เคยอย่างเธอ

                ท่าทางงกๆ เงิ่นๆ ไม่ทันใจ ทำให้อชิระรอไม่ไหว เขากระแทกลมหายใจอย่างรำคาญ พลิกกายจับกดให้เธอนอนใต้ร่าง

          “ผมคิดบัญชีกับคุณทั้งคืนแน่”

                ชายหนุ่มกัดฟันกรอด ต้องการเธอจนหูอื้อตาลาย เขาแทรกเข่าแยกเรียวขาของเธอออก เปิดเผยความลับซ่อนเร้น เธอชุ่มฉ่ำหยาดเยิ้มน่าลิ้มลอง เอาไว้ก่อนเถอะ เขาอยากปรนเปรอให้เธอด้วยปากลิ้น ดื่มด่ำกับความสาวเย้ายวนใจ แต่เขารอไม่ไหวและเขาต้องได้เธอเดี๋ยวนี้ นิ้วเรียวยาวหมุนวนเตรียมความพร้อม ก่อนจดจ่อแก่นกายแทนที่ตรงปากทาง กดพรวดมิดด้ามในคราวเดียว

                อชิระชะงักงันตัวแข็งทื่อ เสียงร้องที่ฟังแล้วเจ็บปวดมากกว่าเสียวซ่านทำให้หยุดทุกอย่างเพื่อมองเธอให้ชัดๆ ตัวเธอแข็งทื่อ ดวงตารื้นหยาดน้ำตา ริมฝีปากถูกกัดเอาไว้ สองมือขยุ้มผ้าปูระบายความเจ็บปวด ความจริงวิ่งชนดังโครม ปฏิกิริยาของเธอทำให้อชิระสร่างเมาในทันที

                “นี่คุณไม่เคยนอนกับใครมาก่อนเหรอ”

                “คะ...คุณเป็นคนแรกค่ะ” เธอตอบอย่างตะกุกตะกัก ขณะที่ตัวตนของเขายังตรึงนิ่งในกาย

                “บ้าฉิบ! แล้วทำไมถึงเพิ่งมาบอก”

                อชิระสบถอย่างหยาบคาย ทว่ากลีบเนื้ออ่อนนุ่มที่โอบล้อมกายชายสร้างความเสียวซ่านเร้าใจจนทำให้เขาต้องกัดฟันข่มความหฤหรรษ์ น้ำตาหยดหนึ่งไหลตกจากหางตาเธอ เขารู้ว่ามันสมจริงเกินจะพูดได้ว่าเธอกำลังแสดงละคร นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ!

          “เจ็บมากไหม” เขาช่วยกรีดน้ำตาให้ ก่อนก้มลงจูบหน้าผากปลอบประโลม

                หญิงสาวส่ายหน้า เส้นผมสีดำเงางามสยายเต็มหมอน สองกายยังแนบชิดสอดประสาน จมอยู่ในความคับแน่นแสนหวานนั้น อชิระสูดลมหายใจสกัดกั้นความปรารถนาบ้าคลั่ง เขาต้องเริ่มต้นใหม่ ค่อยเป็นค่อยไปอย่างช้าๆ เพื่อให้เธอได้ปรับตัวเข้ากับเขา

          “กอดผมเอาไว้และอย่าเกร็ง ถ้าเจ็บให้รีบบอก” เขาเริ่มถอดถอนอย่างเชื่องช้า คนใต้ร่างสูดปาก หลับตาปี๋ ความอดทนกับความต้องการกำลังตีกันดุเดือด

                ใจหนึ่งเขาอยากจะถอนตัวออกด้วยความโกรธ หยุดทุกอย่างไว้แค่นั้น แต่ความอ่อนนุ่มที่ตอดตุบรอบแก่นกายทำให้เขาทุรนทุรายเกินต่อต้าน นี่ไม่ใช่ความผิดเขา ทำไมจะต้องทรมานให้ตัวเองค้างคา เขาต้องเดินหน้าต่อให้บรรลุจุดหมายสูงสุด เอาไว้จบเรื่องค่อยเคลียร์กัน!

                “คุณต้องชดใช้ที่ปกปิดผมเรื่องนี้” 

                ชายหนุ่มครางเบาๆ ขณะดึงแก่นกายออกช้าๆ จนเกือบสุดแล้วหวนกลับเข้าไปเติมเต็มอีกครั้ง ต้องอดทนรักษาความอ่อนโยนทั้งที่ไฟรักลุกโชนแผดเผา

                “อย่ากัดตรงนั้นค่ะ” เธอคราง เล็บจิกบ่ากว้าง เมื่อเขาฝังคมเขี้ยวลงไปบนเนินอกอวบ

                “ใจเย็นๆ” ปลายลิ้นเขาละเลงยอดอกสีเข้มกระตุ้นให้คนที่นอนน้ำตาคลอมีอารมณ์ตอบสนองอีกครั้ง สัญญาณทางกายเป็นไปในแนวโน้มที่ดี

                ความปลาบแปลบราวถูกมีดกรีดค่อยๆ ลบเลือนแทนที่ด้วยความเสียวซ่านใจอย่างน่าอัศจรรย์ เสียงหวานครางกระเส่า เมื่อเขาเริ่มเร่งเร้าโหมสะโพกเข้าออกอย่างเป็นจังหวะจะโคน วสุวีวาบหวาม ท้องไส้ปั่นป่วน ความมุ่งมาดปรารถนาที่จะปลดเปลื้องพันธะบางอย่างย้อนกลับมาเล่นงานเธออีกครั้ง วสุวีไม่อาจทนนอนนิ่งอยู่เฉยๆ ร่างเธอบิดเร่าใต้ร่างเขา ขยับเร่งเร้าให้เขานำพาเธอทะยานสู่จุดหมาย

                ในห้วงนาทีสุดท้ายที่ความรู้สึกทั้งหลายหลอมรวม หญิงสาวครางเสียงแหลมพร่า แยกขาเปิดกว้างตอบรับเขาอย่างล้ำลึก กายสาวบีบรัดแนบแน่น ชายหนุ่มกัดฟันข่มความซาบซ่าน โจนจ้วงเข้าใส่อย่างไม่หยุดยั้ง รับฟังเสียงหวานครวญครางสะท้านรัญจวน ปลายเล็บเธอครูดเป็นทางยาวบนแผ่นหลังกว้าง อชิระเหมือนหลุดกรอบการควบคุม สะโพกเพรียวขยับถี่รัว บดอัดความเป็นชายอย่างหนักหน่วง กดสุดแก่นลึกสุดใจ เมื่อความสุขสมมาเยือน หนุ่มสาวพากันทะยานขึ้นสู่จุดสุดยอด ต่างกอดรัดประสานเสียงครางอย่างสุดเสียว

                อชิระทรุดฮวบอย่างหมดเรี่ยวแรง หลับตาซวนซบใบหน้ากับเนินอกนุ่ม ลมหายใจแผดเผาผิวกายเธอ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นลูกเสือเพิ่งคลอด เปราะบาง และไม่อาจบังคับร่างกายตัวเองได้ ขาอ่อนปวกเปียกจนต้องนอนแช่ในร่างเธอนิ่งๆ เพื่อรอกำลังวังชาฟื้นคืน ตัวเขายังสั่นระริกจากการบรรลุถึงยอดปรารถนา

                บ้าบอแท้ๆ ทั้งที่นึกอยากจะบีบคอเธอ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรือนร่างบอบบางนี้ให้ความรู้สึกดีเหลือเกิน 

                “คุณชื่ออะไร” เขาเอ่ยถามหลังจากถอดถอนกายแกร่ง พลิกตัวลงไปนอนข้างๆ มองความอิ่มเอมสุขสมที่ปรากฏบนใบหน้านั้น 

ตลกชะมัดที่ต้องมาซักไซ้คู่นอนด้วยคำถามนี้ แต่เขาไม่อาจหักห้ามความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองได้ อชิระต้องการรู้จักเธอ ทว่าคนข้างๆ เขากลับนิ่งเงียบ ไม่มีเสียงตอบ

                “คุณ” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ชันศอกยันที่นอน ตะแคงหน้าหันเข้าหาเธอ แต่อีกฝ่ายนอนหลับตานิ่งจนต้องเขย่าแขน “คุณ...คุณ...”

                หลับไปแล้วเนี่ยนะ! แม่คุณเอ๊ย...หลับลงได้ยังไง 

                อชิระทิ้งกายลงนอนตามเดิมพลางยกแขนขึ้นก่ายหน้าผาก แสงไฟในห้องยังสว่างโร่ ชายหนุ่มดีดกายขึ้นนั่งขัดสมาธิกลางเตียง สายตาจับจ้องร่างเปล่าเปลือยเย้ายวน ร่องรอยหลักฐานแห่งการร่วมรัก เตียงยับย่น และจุดดวงๆ สีแดงที่เปรอะเปื้อนซอกขาและผ้าปู ตอกย้ำถึงตัณหาหน้ามืดของเขา

                ชายหนุ่มกวาดสายตามองไปรอบห้องแล้วสะดุดเข้ากับกระเป๋าถือของเธอที่ตกอยู่บนพื้นห้อง เขารีบก้าวลงจากเตียง เดินข้ามกองเสื้อผ้าระเกะระกะเพื่อหยิบกระเป๋าใบนั้นขึ้นมา แล้วเปิดกระเป๋าสตางค์ของเธอออกมาดู

                ตอนที่รู้ว่าเธอยังบริสุทธิ์ เขาก็ช็อกไปรอบหนึ่งแล้ว พอได้เห็นชื่อจริงในบัตรประชาชนของเธอ อชิระก็เหมือนจะช็อกซ้ำอีกรอบ

                วสุวี กิตตินันท์

                ซวยละสิ ลูกสาวคุณวิรงรอง!

          ชายหนุ่มเม้มปากพลางสอดบัตรประชาชนของเธอกลับเข้าที่เดิม สติสตังเริ่มกลับเข้าที่ ดูเหมือนเรื่องนี้จะซับซ้อนกว่าที่คิด ลูกสาวคุณวิเข้ามาอ่อยเขา ยอมนอนกับเขาคงเพราะมีแผนการซ่อนเร้น ก็เห็นกันอยู่ว่าเธอไม่ใช่พวกล่าแต้ม แต่เป็นสาวใสไร้เดียงสาตัวจริงเสียงจริง

                เวรแล้วไอ้เสือ...เขาทำบ้าอะไรลงไปเนี่ย 

                อชิระมองคนบนเตียง แล้วคำพูดของคุณวิรงรองก็ดังขึ้นในความทรงจำ

                ฉันยินดีจะยกโรงแรมให้ ถ้าคุณรับปากว่าจะแต่งงานกับลูกสาวของฉันและช่วยเธอดูแลโรงแรมนี้ต่อไป

          นั่นคือสาเหตุแท้จริงที่เขาปฏิเสธคุณวิรงรองและไม่คิดอยากได้โรงแรมนี้ เขาไม่รู้จักลูกสาวคุณวิและยิ่งไม่อยากแต่งงานกับใคร แม้จะอยากได้โรงแรม แต่คงไม่ลงทุนแลกขนาดนั้น 

                อชิระไม่รู้ว่าใครมันแปลงสาร กลายเป็นว่าคุณวิไม่ยอมขายโรงแรมให้เขา ลือกันไปต่างๆ นานา

                เป็นไปได้ไหมที่เธอจะทำตามแผนการของแม่ผู้ล่วงลับ ดึงเขามาสู้กับภพธรที่ทำท่าเหมือนว่าจะมีปัญหากันภายใน คุณวิบอกอะไรกับลูกสาวบ้าง เรื่องนี้จะมากจะน้อย วสุวี กิตตินันท์ ก็ต้องเกี่ยวข้องแน่นอน 

                เขารู้แล้วว่าทำไมถึงต้องเป็นโรงแรมวิรงรอง หากลูกสาวคุณวิคิดจะจับเขาแล้วละก็จะมีที่ไหนเหมาะสมไปกว่าที่นี่อีกล่ะ อย่าบอกว่าเชียวนะว่าเธอสิ้นคิดจับเขาจริงๆ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น เขาหักคอเธอแน่ ถึงแม้เธอจะทำให้เขามีความสุขมากก็เถอะ

                ชายหนุ่มถอนใจ เดินไปหยิบผ้าขนหนูมาสะบัดพันรอบเอว เหลียวมองคนบนเตียงที่นอนหลับตาพริ้มจนน่าอิจฉา แตกต่างจากเขาราวฟ้ากับเหว ความสุขสมที่เพิ่งได้รับเทียบไม่ได้เลยกับเรื่องน่าปวดหัวที่จะเกิดตามมา ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก

                เพื่อความไม่ประมาทอชิระเริ่มเดินสำรวจทั่วห้อง สัญชาตญาณร้องเตือนให้ระวัง วสุวีกำลังจนตรอก สถานการณ์ของเธอทำให้เขาไว้ใจไม่ลง บางทีเธออาจซ่อนกล้องแอบถ่ายไว้แบล็กเมลเขาก็ได้

                เฮ้อ...นี่เขาควรจะรอเธอตื่น หรือชิ่งหนีไปซะตั้งแต่ตอนนี้ดีนะ


 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น