บทที่ 3

3

                วสุวีงัวเงียตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ห้องเดิมที่เธอคุ้นเคย แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่รู้สึกคุ้นเลยคือร่างกายที่เมื่อยขบและอาการปลาบแปลบกลางกาย เธอนอนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้... แล้วดวงตาหญิงสาวก็เบิกกว้าง ก่อนจะหันขวับมองพื้นที่ข้างๆ อันว่างเปล่า

                ไม่มีอชิระ!

                เธอรีบร้อนลุกขึ้นนั่งจนผ้าผ่อนคลุมกายร่วงลงไปกองที่ตัก อวดทรวงอกกลมกลึงขนาดพอเหมาะกับตัว

                “อรุณสวัสดิ์คนสวย”

          เสียงใครอีกคนในห้องเอ่ยทัก วสุวีผ่อนลมหายใจโล่งอกเมื่อเห็นว่าเขายังอยู่

                “คุณเสือ”

                “ใช่ผมเอง เป็นไงบ้าง”

                “ก็ดีค่ะ” เธอตอบพร้อมสองแก้มที่เริ่มมีสีเข้มขึ้น ไม่กล้ามองหน้าเขาสักเท่าไร

                อชิระลากเก้าอี้มานั่งไขว่ห้างห่างจากปลายเตียงไปไม่ไกล มือสองข้างของเขาอยู่ในท่ากอดอก เอียงคอน้อยๆ มีรอยยิ้มที่ไม่น่าไว้ใจประดับมุมปาก เธอไม่รู้ว่าเขาตื่นมานานแค่ไหน แต่จากดวงตาคมวาวที่มองอยู่ ทำให้เธอสะบัดร้อนสะบัดหนาวราวกับจะเป็นไข้

                “คุณตื่นนานแล้วหรือคะ”

                “เอ่อ...ผมยังไม่ได้นอนเลยต่างหาก แล้วนั่นน่ะ” ใบหน้าหล่อเหลาพยักพเยิดมาทางเธอ สายตาเป็นประกายวับวาวจ้องเอาๆ อย่างไม่เกรงใจ “ไม่ต้องเสิร์ฟนมผมแต่เช้าก็ได้นะครับคุณวสุวี กิตตินันท์”

                “คุณ!” วสุวีเพิ่งรู้ตัวว่ากำลังนั่งอวดทรวงอกเปลือยเปล่าต่อหน้าเขา หญิงสาวรีบรวบผ้าดึงพรึบขึ้นมาปิดถึงปลายคาง “คุณรู้ว่าฉันเป็นใคร”

                “เล่นเอาผมตกใจไปเหมือนกัน เรามาเข้าเรื่องกันเลยไหม เมื่อคืนคุณบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย ไอ้ผมตอนนั้นก็ธาตุไฟแตกซ่านงุ่นง่านจนไม่ทันได้ถามไถ่ชื่อแซ่ การได้รู้ว่าคุณเป็นใคร มันทำให้ความฟินที่ได้เปิดซิงคุณลดลงไปเกือบครึ่งเลยนะคนสวย มีเรื่องอะไร ทำไมไม่คุยกันดีๆ”

                “ก็คุณไม่เปิดโอกาสให้ฉัน”

                “แล้วคุณคิดว่าการที่เราแก้ผ้าคุยกัน มันจะช่วยให้เข้าใจมากขึ้นงั้นเหรอ คุณก็เห็นว่าเราถนัดทำมากกว่าคุย”

                “ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องเมื่อคืน”

                “อ๋อ...ถ้าคุณหมายถึงเรื่องที่ผมปฏิเสธไม่ซื้อโรงแรม นั่นก็คนละประเด็นนะ” อชิระรีบบอก

                “ฉันอยากขอร้องให้คุณช่วยค่ะ”

                “อืม...” เขาพยักหน้าเข้าอกเข้าใจ “ผมก็นึกอยู่แล้วละว่าคุณคงไม่ใช่แค่อยากพาผมมาขึ้นครูเฉยๆ”

                “อย่ามาหยาบคายนะคะ”

                “ตรงไหนที่หยาบ ผมพยายามจะตรงไปตรงมากับคุณ เพื่อที่เราจะได้ไม่เข้าใจคลาดเคลื่อนกันอีก” ชายหนุ่มหยุดพูดแล้วขมวดคิ้วใส่ “ทำไมหน้าบึ้งอย่างนั้นล่ะ โกรธเหรอ เฮ้ย! เอาจริงดิ ต้องเป็นผมหรือเปล่าที่เป็นฝ่ายโกรธน่ะ ผมโดนคุณล่อลวงมาปล้นสวาทถึงที่นี่ เสียตัวฟรีแล้วยังจะมาเสียรู้คุณอีก”

                อชิระมองคนบนเตียง เธอนั่งนิ่ง ปากปิดสนิท ทว่าดวงตานั้นกลับเปล่งประกายเจิดจ้า ฆ่าได้คงฆ่าไม่เลี้ยง

                “เฮ้อ...แววตาคุณนี่นะ ขนาดยังไม่อ้าปากด่า ผมก็เจ็บขึ้นมานิดๆ แล้ว คุณโกรธขนาดนี้ มีแผนคิดจะแปลงร่างเป็นนางแมวยั่วสวาทแบบเมื่อคืนแล้วจับผมกดอีกรอบหรือเปล่า ถ้าเผื่อกำลังคิดอยู่ก็พอเถอะนะทูนหัว คุณน่ะตั้งใจมายั่วผมแท้ๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เรื่องเลย เหนื่อยแรงผมไปอีก”

                คราวนี้อชิระเห็นริมฝีปากเธอเม้มเข้าหากัน ไม่รู้ว่าคำพูดเขาทำให้เธอโกรธหรืออาย แต่ก็มองเห็นได้ว่าเธอแดงก่ำไปทั้งตัว คิดว่าถ้าเขานั่งอยู่ใกล้ๆ ภายในรัศมีแขนขาคงจะโดนเธอถีบตกเตียงโทษฐานที่ปากดีเกินเหตุ

                “แล้วเรื่องที่คุณว่าอยากจะขอร้องเนี่ย ผมควรต้องกังวลกับมันหน่อยไหม” เขาถามต่อ

          “ไม่จำเป็นหรอกค่ะ”

                “อะ งั้นลองว่ามา”

                สีหน้าหญิงสาวไม่ค่อยสบายใจนัก “คุณช่วยหยิบเสื้อคลุมให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ”

                “ไม่ต้องหรอก แค่ผ้าห่มนั่นก็บังวิวหลักล้านผมหมดแล้ว แบบนี้เราก็คุยกันรู้เรื่อง ผมฟังคุณไป นั่งมองสิ่งที่น่าสนใจวับๆ แวมๆ ไป ไม่แน่อาจใจอ่อนยอมช่วยก็ได้”

                ชายหนุ่มเห็นเธอโกรธจนตัวสั่น มือกำชายผ้าห่มแน่น 

                “ปากคุณนี่มันช่าง...” วสุวีกัดริมฝีปากด้านในจนได้รสเลือด อชิระดูถูกเธอ แล้วแบบนี้เธอยังจะหวังขอความช่วยเหลืออะไรจากเขาได้

                หญิงสาวผู้กำลังจนตรอกพยายามนับหนึ่งถึงสิบในใจ ตอนนี้นอกจากไม่อยากพูดกับเขา เธอยังคันไม้คันมืออยากลุกไปตบปากช่างแซะนั่นสักฉาด แต่เรื่องนี้สำคัญเกินกว่าจะปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล อดทนสักนิดเถอะวสุวี ทั้งหมดที่ลงทุนไปจะได้ไม่ต้องสูญเปล่า เสียตัวให้เขาไป เธอก็ต้องได้บางสิ่งกลับคืนมาบ้าง ในเมื่อเขาเปิดโอกาสให้ เธอก็จะไม่อ้อมค้อม

                “คุณช่วยซื้อโรงแรมวิรงรองได้ไหมคะ”

                “กะแล้วเชียว” อชิระถอนใจเฮือก เขาเคยปฏิเสธไปแล้ว และการมีสัมพันธ์สวาทลึกล้ำกับวสุวีก็ไม่ได้ช่วยให้เขาเปลี่ยนใจ “ส่วนตัวผมชอบใจเตียงนะ เวลาขย่มเสียงไม่ดังหนวกหูน่ารำคาญ”

                อชิระหรี่ตามองเธออย่างมีความหมาย มองสองแก้มแดงปลั่งจนอยากเอามือไปลูบเล่น เขาชอบตอนที่ฝังกายจมจ่อมอยู่ในตัวเธอ แต่เรื่องบนเตียงกับธุรกิจมันไม่เกี่ยวกัน

                “เรื่องโรงแรมผมเคยชี้แจงเหตุผลไปแล้ว ถึงตอนนี้ก็ยังยืนยันคำตอบเดิม สถานการณ์แบบนี้ผมไม่อยากเสี่ยงให้เจ็บตัว หุ้นที่มีอยู่ก็พอทำเงินให้บ้าง เลยไม่รู้จะดิ้นรนให้ปวดหัวทำไม นั่งรอใช้เงินปันผลชิลๆ ดีกว่า คุณอย่าลืมว่าโรงแรมของผมก็มีตั้งหลายแห่ง ขอผมเก็บเรี่ยวแรงไว้ทำอย่างอื่นนอกจากงานบ้างเถอะ”

                “ฉันรู้ว่าคุณไม่ลำบาก แต่ฉัน...”

                วสุวีเงียบไปเสียดื้อๆ คำพูดเขาทำให้เธอจุกจนพูดไม่ออก เป็นเรื่องจริงที่เถียงเขาไม่ได้ ความหวังที่ตั้งไว้ไม่มีทางสำเร็จ หญิงสาวนั่งกอดเข่า กล้ำกลืนศักดิ์ศรีเพื่ออ้อนวอนเขาอีกครั้ง

                “ฉันอยากขอร้องให้คุณช่วย คุณไม่จำเป็นต้องเหนื่อยดูแลก็ได้ ฉันจะจัดการทำให้ทุกอย่างในฐานะ...”

                “ฐานะอะไร”

                “เมียของคุณไงคะ” เธอตอบกลับทั้งที่แสนจะอับอาย ต้องมาเรียกร้องทวงความรับผิดชอบจากผู้ชายคนนี้ ทั้งที่เขาดูไม่ยี่หระเลยด้วยซ้ำ

                “วสุวี” อชิระลากเสียงเรียกชื่อเธอซะเต็มยศ “เมื่อคืนเราไม่ได้สนุกกันเฉยๆ หรอกเหรอ ถ้าแค่นี้คุณเหมาว่าเป็นเมีย แล้วเคยคิดบ้างไหม ก่อนผมจะเจอกับคุณ ผมผ่านผู้หญิงมาตั้งเท่าไร ขืนยึดตามหลักการนับของคุณ นิ้วผมคงไม่พอที่จะนับ” 

                “แต่คุณคือคนแรกของฉัน” 

                “ก็ใช่ ผมไม่ปฏิเสธหรอก สีหน้าคุณตอนผมเข้าไปครั้งแรกยังติดตาอยู่เลย แต่ผมก็เคยเป็นคนแรกของใครอีกหลายคนนะครับ” 

                ชายหนุ่มช่วยแก้ความเข้าใจให้เธอเสียใหม่ เป็นการตักเตือนว่าอย่าได้หวังทวงถามความรับผิดชอบจากเขาในฐานะผู้ชายคนแรกเด็ดขาด ถ้าคิดว่าเหตุผลแค่นี้ใช้จับเสือได้ เขาก็คงไม่เหลือรอดมาถึงมือเธอหรอก อชิระเห็นหญิงสาวบนเตียงยังนั่งกอดเข่าอยู่ท่าเดิม เพิ่มเติมคือมีน้ำตาหยดหนึ่งร่วงเผาะลงมาอย่างที่เจ้าตัวไม่สามารถควบคุมได้ วสุวีมีท่าทีตกใจไม่น้อย เธอรีบใช้หลังมือเช็ดป้อยๆ น่าสงสาร ภาพนั้นมันกระทบใจเขาที่นั่งมองอยู่ หากเป็นคนอื่นนี่ก็คงแค่ฉากบีบน้ำตา แต่กับวสุวีเขาค่อนข้างมั่นใจว่าเธอไม่ได้แสดง

                “ตกลงคุณมีปัญหาอะไรกันแน่ ถึงอยากขายโรงแรมให้ผมนัก ได้ข่าวว่าคุณวิยกให้คุณคนเดียวไม่ใช่เหรอ คุณก็บริหารจัดการไปสิ จะขายทำไม”

                “ฉันได้สิทธิ์การเป็นเจ้าของ แต่ไม่มีสิทธิ์ในการบริหารจัดการ” ความคับแค้นใจทำให้คำพูดเธอพรั่งพรูออกมาอีกเป็นชุด “ได้เป็นเจ้าของเพียงแค่ชื่อมันจะมีประโยชน์อะไรล่ะคะ พวกกรรมการบริหารรวมหัวกันกดดันฉัน บีบให้ฉันไม่มีที่ยืน ถึงมีหุ้นส่วนใหญ่อยู่ในมือ แต่ฉันตัวคนเดียวจะทำอะไรได้ พวกเขาอยากให้พ่อเลี้ยงของฉันขึ้นเป็นประธานบริหารแทน ด้วยข้ออ้างว่าฉันยังเด็กและไม่มีประสบการณ์”

                “ตาแก่พวกนั้นความคิดคร่ำครึจริงๆ จะทำโรงแรมเจ๊งก็ไม่น่าแปลกใจ แต่จะว่าไปคุณก็ยังเด็กจริงๆ นั่นแหละ”

                “ฉันไม่เด็กแล้วค่ะ บรรลุนิติภาวะ เรียนจบ รับปริญญาแล้ว”

                “ก็มั่นหน้าแบบนี้ไง พวกตาแก่นั่นถึงได้สกัดดาวรุ่ง ในสายตาผม ไม่ว่าจะเป็นงานบริหารหรืองานบนเตียง คุณสอบตกทั้งสองอย่าง ยังต้องสะสมประสบการณ์อีกเยอะ”

                ดวงตาเธอลุกวาว มองเขาอย่างมีโทสะ สองครั้งแล้วนะที่อชิระสบประมาทกันซึ่งหน้า เขาจบหลักสูตรอะไรมาถึงกล้าดูถูกกันเพียงนี้ หากไม่หวังพึ่งพาอาศัย วสุวีจะเอาเล็บตะกุยหน้าหล่อๆ นั่นให้แหก แต่เธอก็ทำได้แค่เชิดหน้าขึ้นบอกกับเขา

                “ถ้าโรงแรมวิรงรองจะเจ๊งด้วยการกระทำของฉัน ก็แสดงว่ามันเป็นผลมาจากความคิดที่จะพยายามเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นแล้วโชคร้ายไม่เป็นไปอย่างที่หวัง ฉันจะไม่เสียดาย ในเมื่อได้ลงมือทำเต็มแรงกำลังที่มี แต่ถ้ามันตกอยู่ในมือของอาภพ โรงแรมของฉันจะกลายเป็นเค้กก้อนใหญ่ให้พวกเขาใช้ตักตวงผลประโยชน์กันอย่างสนุกสนาน พนักงานจะเป็นยังไง ถ้าจู่ๆ ผู้บริหารเกิดคลั่งเลิกจ้างเขาขึ้นมา” 

                “คนพวกนั้นมีกฎหมายแรงงานคุ้มครอง”

                “แล้วอนาคตพวกเขาล่ะคะ ใครจะคุ้มครองให้”

                อชิระถอนใจครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้

                “ผมไม่อยากจะขัดคนดีมีน้ำใจแบบคุณหรอกนะ แต่ว่าคุณน่ะห่วงตัวเองก่อนดีกว่าไหม คุณกำลังทำสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุม เกินตัว เกินความสามารถ คุณห้ามไม่ให้พระอาทิตย์ตกทางทิศตะวันตกได้ไหม” เขาย้อนถามและเธอส่ายหน้า “ก็นั่นแหละคำตอบ คุณห่วงใยพนักงานของคุณได้ แต่คุณจะแบกรับชีวิตทุกคนเอาไว้ในความรับผิดชอบไม่ได้ คุณต้องเรียนรู้เรื่องการปล่อยวาง การปลดพนักงานน่ะ ไม่ใช่ว่านึกอยากจะทำก็ทำได้ง่ายๆ”

                อชิระบอกแกมสอน น้ำเสียงของเขาฟังแล้วเหนื่อยหน่ายเต็มทน

                “คุณวางเดิมพันเอาไว้สูงเกินไปวสุวี เรื่องแค่นี้ถึงกับยอมเอาตัวเข้าแลก ลงทุนนอนกับผมเพื่อขอให้ช่วย ถามจริง ไม่กลัวผมฟันแล้วทิ้งหรือไง”

                “ฉัน...ชักช้าไม่ได้ และต้องมั่นใจด้วยว่ามันจะได้ผล”

                “อ๋อ...ถ้างั้นก็มั่นใจได้เลย โดนฟันฟรีแล้วละคุณเอ๊ย!” ชายหนุ่มอยากบ้าตายกับสายตาของเธอ “ขอร้องละนะ อย่ามองผมด้วยสายตาผิดหวังแบบนั้น คุณไม่ควรหวังมาตั้งแต่แรก ผมไม่เคยทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ แล้วก็จำเอาไว้เลยอย่าได้ริอ่านทำธุรกิจบนเตียงกับใครอีกเด็ดขาด ถ้าเจอคนดีก็ดีไป แต่ถ้าเจอคนร้ายใครจะช่วย ดีไม่ดีจะถูกแบล็กเมลเอา”

                อชิระเตือนให้เธอระวัง แต่วสุวีคงไม่ฟังเพราะมัวนั่งตะลึงอยู่ ฮึ! ตกใจสินะ

                วสุวีนั่งเงียบไปนาน ในที่สุดเธอก็ค้นหาคำพูดตัวเองจนเจอ “หมายความว่าคุณจะไม่ช่วยฉันหรือคะ” 

                “ผมเป็นคนแบ่งแยกชัดเจน ไม่เอาเรื่องส่วนตัวกับธุรกิจมาปนกัน ส่วนเรื่องของเราถ้าคุณอยากเหมาเป็นธุรกิจก็เรียกราคามาเลย ผมจะเขียนเช็คให้ในฐานะผู้ชายคนแรก แล้วเราสองคนก็แยกย้าย”

                “คนแล้งน้ำใจ!” วสุวีทนนั่งเงียบต่อไปไม่ไหว เธอต้องได้ด่าเขากลับบ้าง สักคำสองคำก็ยังดี อชิระตีราคาราวกับว่าเธอเป็นวัตถุสิ่งของ สำหรับถ้อยคำดูแคลนของเขานั้น คำว่าแล้งน้ำใจยังเบาไปด้วยซ้ำ 

                หญิงสาวมองเขาอย่างคับแค้นใจ กะพริบไล่น้ำตาให้ไหลกลับ ไม่ใช่เวลาของความอ่อนแอ เธอจะไม่ยอมแพ้แม้สถานการณ์จะเอนเอียงไปทางนั้นก็ตาม

                “น้ำใจมันก็แล้วแต่คน แต่ถ้าน้ำอื่นผมว่าเมื่อคืนคุณก็น่าจะเห็น ผมไม่แห้งแล้งอย่างที่คุณกล่าวหา แล้วนี่ผมก็กำลังแสดงน้ำใจด้วยการให้คุณเป็นฝ่ายเสนอราคา เท่าไรว่ามาเลย”

                “แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการ”

                “ไม่มีใครได้ตามความต้องการไปซะทุกอย่างหรอก ผมคงต้องขัดใจคุณเรื่องนี้”

                วสุวีตัวสั่นเทิ้มไม่พอใจ แววตาวาววับจับนิ่งที่อชิระอย่างผิดหวัง คิดถึงความใกล้ชิดในค่ำคืนที่ผ่านมา คิดถึงช่วงเวลาที่เขาหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเธอ เสียงครางแหบห้าวในตอนที่เขาทะยานสู่ความสุขสม มันไม่มีความหมายเลย

                เธอหวังจะใช้ความสาว ความสดมัดใจเขา หลงคิดว่าเขาจะมีน้ำใจช่วยเหลือ เพราะอย่างน้อยแม่เธอก็เชื่อมั่นในตัวเขาถึงขนาดสั่งเสียในวาระสุดท้ายของชีวิต แต่อชิระพิสูจน์แล้ว ชัดเจนแจ่มแจ๋วจนเธออยากหัวเราะสมน้ำหน้าตัวเองและแม่นัก

                “คุณคงไม่รู้ ก่อนสิ้นใจแม่สั่งฉันไว้ หากต้องการจะขายโรงแรมนี้ก็ขอให้ขายกับคุณคนเดียว ฮึ! แม่ฉันอ่านเกมธุรกิจเฉียบขาด มองทะลุปรุโปร่งทุกอย่าง ยกเว้นก็แต่เรื่องการอ่านผู้ชาย แม่ไม่ควรเชื่อใจใครทั้งนั้น ทั้งพ่อเลี้ยงของฉัน ทั้งคุณ”

          “เดี๋ยวๆ ผมไม่เกี่ยวนะ” เขารีบออกตัวแล้วว่า “ทุกการลงทุนมันจะมีช่วงจังหวะเวลาของมันเสมอ จริงอยู่ผมเคยขอซื้อไปเพราะมองเห็นว่ามันจะทำกำไรให้ผมได้ แต่สถานการณ์ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว”

                “ฉันรู้ว่าคุณไม่อยากได้โรงแรม แต่เมื่อคืนคุณบอกว่าหมดตัวก็ยอม”

                “จะจริงจังอะไรกับลมปากของคนที่มันกำลังอยากได้คุณใจจะขาดล่ะ”

                “แต่ถ้าคุณยังมีความเป็นลูกผู้ชายอยู่บ้างก็ควรที่จะรักษาคำพูด”

                คนถูกกล่าวหาโคลงศีรษะ ยิ้มอ่อน “นี่คุณยังไม่มั่นใจในความเป็นลูกผู้ชายของผมอีกเหรอ หรือเราต้องลองพิสูจน์กันอีกสักยกสองยกจะได้หายข้องใจ”

                “โรงแรมวิรงรองคือราคาค่าเสียหายของฉัน” วสุวีประกาศอย่างเด็ดเดี่ยว ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

          “แพงไปหน่อย ลดลงสักนิดได้ไหมล่ะ” ชายหนุ่มต่อรอง แต่คนบนเตียงยืนกรานหนักแน่น

                “ความสาวของฉันไม่ใช่สิ่งที่คุณต่อรองได้”

                “อ้าว...แล้วผมผิดตรงไหน ก็คุณมาเสนอตัวให้ผมก่อน”

                “คุณเสือ!”

                “หรือคุณจะเถียงล่ะว่าไม่ได้เป็นฝ่ายเข้าหาผม”

                โดนย้อนแบบนี้วสุวีเถียงไม่ออกอยู่แล้ว

                “ทำไมแม่ฉันถึงได้มองคุณผิดเพี้ยนไปขนาดนี้นะ”

                “บางทีสายตาท่านอาจมีปัญหาก็ได้มั้ง คุณยอมรับแล้วใช่ไหมว่าคุณวิสั่งให้จับผม”

                “คุณไม่มีสิทธิ์สงสัยแม่ฉัน ท่านไม่ใจสกปรกแบบคุณหรอก” แววตาวสุวีแข็งกร้าววาววับ “ถ้าท่านยังอยู่ ฉันคงไม่ต้องเอาตัวมาเกลือกกลั้วกับคนอย่างคุณ”

          อชิระฉุนกึก เธอใช้คำอื่นเขายังพอทน แต่เกลือกกลั้วนี่...ทำอย่างกับเขาเป็นสิ่งปฏิกูลในท่อน้ำทิ้งงั้นแหละ

                “คนอย่างผมมันเป็นยังไง”

                “คนใจดำ กลับกลอก หน้าด้าน ฟันแล้วทิ้ง!”

                “งั้นก็จำเอาไว้เป็นประสบการณ์ ทีหลังอย่าแก้ปัญหาด้วยวิธีปัญญาอ่อนอย่างนี้ ผมขอยืนยันให้คุณตั้งราคาใหม่ อย่าค้ากำไรเกินควร” สีหน้าเขาเบื่อหน่ายเต็มกำลังกับการต่อล้อต่อเถียงที่ไม่มีวันจบ 

                ชายหนุ่มลุกขึ้นยืดตัวยืนเต็มความสูง จ้องมองเธอด้วยดวงตาคมกริบ

                “ผมรู้ว่าครั้งแรกมันมีได้แค่ครั้งเดียว แต่ถ้าผมนอนกับผู้หญิงแล้วต้องซื้อโรงแรมให้เธอ ผมก็จ่ายไม่ไหวเหมือนกัน คุณช่วยเรียกราคาใหม่ให้มันสมน้ำสมเนื้อหน่อยเถอะ”

          “ฉันแค่อยากให้คุณหนุนหลัง ถ้าคุณไม่อยากซื้อ ฉันขอยืมชื่อคุณออกหน้าก็ได้ พวกนั้นต้องเกรงใจคุณอยู่แล้ว แถมจำนวนหุ้นของเราสองคนรวมกันก็มากพอที่จะปิดปากพวกที่จ้องแต่จะค้านได้ ขอเพียงคุณช่วยสนับสนุนฉัน คอยคานอำนาจของอาภพเอาไว้ ฉันจะไม่เอาเปรียบคุณ คุณร่างสัญญาสักฉบับก็ได้ ถ้าไม่ไว้ใจกัน” 

                แม้ใจอยากแตกหัก แต่เมื่อคิดถึงผลเสียและโอกาสสุดท้ายที่หลุดลอยไป วสุวีจึงข่มใจยอมอ่อนข้อ เกลี้ยกล่อมเขา บอกเขาตรงๆ เลยว่าเธอต้องการอะไร

                “ฟังแล้วเครียด โรงแรมของผมไม่เห็นเป็นงี้ ขอจ่ายเป็นเงินเถอะง่ายดี เท่าไหร่ว่ามาเลย”

                “ฉันไม่ใช่อีตัว!” เธอตวาดแว้ด “คุณมันก็แค่ผู้ชายเฮงซวยคนหนึ่งที่หวังพึ่งอะไรไม่ได้”

                “ก่อนด่าช่วยหยุดคิดหน่อยทูนหัว เราเป็นอะไรกัน ผมจำเป็นต้องพาตัวเองไปเดือดร้อนกับศึกชิงสมบัติของคุณไหม อย่าให้ผมพูดเลยนะ เพราะยังไงคุณวิก็เสียไปแล้ว เดี๋ยวจะดูเป็นการไม่ให้เกียรติคนตาย แต่แม่คุณน่ะไม่เบาหรอก ผมถึงได้สงสัยนี่ไงว่าท่านสั่งคุณไว้ให้จับผมหรือเปล่า”

                “หุบปากพล่อยๆ ของคุณเดี๋ยวนี้นะ”

                “เอ้า! ไม่ใช่เรื่องจริงจะดิ้นทำไม” เขาทำเสียงรำคาญ “โรงแรมน่ะถ้ามันไม่ไหวก็ปล่อยไปเถอะ จะยึดติดอะไรกับสิ่งของนอกกาย ดูแม่คุณเอาไว้เป็นตัวอย่าง หวงแค่ไหนตายแล้วก็เอาไปไม่ได้”

                “ถ้าไม่คิดช่วยก็ไสหัวไป!”

                “จุ๊ๆๆๆ พูดจากับผู้ใหญ่ไม่เพราะเลยนะ ผมเป็นพี่คุณตั้งหลายปี แถมเมื่อกี้คุณก็ยังนับผมเป็นผัวอยู่เลย”

                “ออกไป!” หญิงสาวชี้นิ้วสั่นเทาไปที่ประตู ขอบตารื้นขึ้น พยายามบังคับตัวเองไม่ให้น้ำตาร่วงลงมา ความกดดันหลายอย่างบีบบังคับให้เธอหมดความอดทน

                ช่างหัวเขาไปเลย ขอร้องดีๆ แล้วไม่ช่วย อย่ามาว่าเธอร้ายทีหลังแล้วกัน

                “นี่ถือว่าคุณเลือกเอง อย่ามาหาว่าผมไม่จ่ายไม่ได้นะ” อชิระมองหญิงสาวที่เบือนหน้าหนีไปทางอื่น เขายักไหล่ก่อนเดินไปหยิบกุญแจรถ โทรศัพท์ และกระเป๋าสตางค์ที่ข้างเตียง แล้วบอกกับเธอ “ผมจะส่งเช็คค่าเสียหายมาให้ คุณยังมือใหม่คงประเมินราคาไม่เป็น แต่ผมรู้เรตดี”

          “ฉันไม่อยากได้”

          “ให้ผมกินฟรีจริงดิ ใจดีไม่ไหวเลยนะคุณเนี่ย”

          “ออกไป!”

                อชิระส่ายหน้า เดินออกจากห้องไปโดยไม่พูดอะไรอีก คนที่นั่งอดทนมานานปล่อยน้ำตาที่กลั้นไว้ไหลเป็นทาง กำหมัดทุบที่นอนระบายความโกรธจนเจ็บมือ นี่นะหรือคนที่แม่ไว้ใจคิดขายโรงแรมให้ ฮึ! แม่เธอมองผู้ชายไม่เก่งเลย พลาดตอนภพธรไม่พอ ยังมาพลาดกับอชิระอีกคน

                แต่แบบนี้ก็ดีเธอจะได้รู้ว่าผู้ชายคนนั้นพึ่งพาอาศัยไม่ได้ ขืนดึงดันขายโรงแรมให้ไปอาจจะไม่ได้ดีกว่าภพธร ไอ้เรื่องที่เธอนอนกับเขาน่ะช่างมันเถอะ เธอจะไม่ฟูมฟายเสียใจกับคนเฮงซวยพรรค์นั้น ชีวิตต้องก้าวไปข้างหน้า วสุวีเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว ทางไหนที่ทำได้ก็ต้องลงมือทำ อย่าลังเล

          ดีนะที่วสุวีรอบคอบ เตรียมแผนสำรองเอาไว้

                หญิงสาวสะบัดผ้าห่มก้าวลงจากเตียง นิ่วหน้าสะดุ้งน้อยๆ ตอนที่ก้าวขา ความปลาบแปลบตรงกลางหว่างขายืนยันว่าเธอสูญเสียความสาวให้อชิระไปแล้ว และยังมีรอยจุมพิตที่ปรากฏตรงทรวงอกอวบอิ่ม 

                วสุวีหน้าแดงจัด สลัดภาพตอนที่เขาทำรอยพวกนั้นออกจากหัวไม่ได้ ยอดอกของเธอผลิบานคัดแข็ง พอคิดถึงความใกล้ชิดกับอชิระขึ้นมาครั้งใด กายสาวก็พลันสั่นไหว หญิงสาวนวดฝ่ามือเบาๆ แตะไล้ปลายยอด หลับตาลงซึมซับความวาบหวาม มือเธอสร้างความเพลิดเพลินไม่น้อย แต่จะดีแค่ไหนถ้าได้ปลายลิ้นนุ่มร้อนของอชิระมาปาดละเลงตรงนั้นอีกครั้ง

                เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ

                วสุวีรีบถอนมือออกจากการนวดเคล้น ใช้ผ้าขนหนูพันร่าง แล้วเดินไปหยิบกล้องที่ซ่อนเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เพราะเธอไม่ไว้ใจจึงต้องวางแผนหลายชั้น เก็บหลักฐานให้แน่นหนา ถ้าอชิระว่าเธอปัญญาอ่อน เธอก็จะรอดูคนปัญญาแข็งอย่างเขาว่าจะปฏิเสธยังไงกับสิ่งที่ทำกับเธอ 

                หญิงสาวกดปุ่มเพลย์ แล้วตัวแข็งทื่อกับภาพที่ถูกบันทึกไว้

                “ไง...วสุวีคนสวย ผมโคตรตื่นเต้นเลยตอนที่เห็นว่าคุณแอบตั้งกล้องเอาไว้ แต่แหมมุมนี้ผมไม่หล่อเลย ดูแล้วเหมือนไอ้หื่นบ้ากาม ผมเลยลบมันทิ้งไปแล้ว เอาไว้ถ้าคุณอยากตั้งกล้องแอบถ่ายเพื่อความเร้าใจเราทำกันใหม่ก็ได้ จะท่าไหนยังไงผมไม่เกี่ยง แต่คุณห้ามหลับหนีผมอีกนะ เอาเปรียบกันชะมัด สบายตัวขึ้นสวรรค์ไปแล้วก็ทิ้งผมเฉยเลย”

                ภาพหยุดตรงที่อชิระหัวเราะขบขัน วสุวีตัวสั่นอย่างช่วยไม่ได้ เธอพลาดแล้ว พลาดอย่างไม่น่าให้อภัย เขาเจอกล้องและทำลายหลักฐานทิ้ง ไอ้คนเจ้าเล่ห์สารเลว! เขาช่างเป็นผู้ชายทุเรศที่สุดเท่าที่เธอเคยเจอมา สมองวสุวีพร่าเบลอไปชั่วขณะ หญิงสาวโกรธเขาจนควันออกหู และเกลียดตัวเองที่ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยม

                ไม่! เธอจะต้องไม่เป็นอย่างที่เขาดูถูก ตั้งสติวสุวี มันต้องมีทางออก ภาพเกมรักเร่าร้อนในห้องถูกลบก็จริง แต่ภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรมอชิระลบไม่ได้แน่ การที่เขาเข้าโรงแรมพร้อมเธอและกลับออกไปตอนเช้า มันก็พอจะพูดได้ละว่าเขาอยู่กับเธอทั้งคืนเพราะไม่ได้เปิดห้องใหม่ 

                ใครจะเชื่อหรือไม่ เธอไม่สนใจ แต่เจ้าสัวอรุณจะต้องรับรู้เรื่องนี้ ก็ถ้าท้ายที่สุดแล้วยังไม่มีทางรอด บางทีเธออาจจะยอมทำธุรกิจกับท่านเจ้าสัว เอาให้อชิระอกแตกตาย เขาไม่อยากได้เธอเป็นเมียดีนัก งั้นเธอก็จะเป็นแม่เลี้ยงเขาซะเลย ไม่มีอะไรจะต้องเสีย วสุวีพร้อมเดินหน้าท้าชนเต็มที่

                หญิงสาวหยุดความคิดฟุ้งซ่าน โยนกล้องไร้ประโยชน์ไปบนเตียง แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ มือนุ่มเปิดน้ำใส่อ่างจนได้ที่แล้วลงไปนอนทอดร่างแช่ ให้น้ำอุ่นช่วยคลายความเจ็บปวด กลิ่นหอมของสบู่ทำให้จิตใจเธอสงบขึ้น

                หลังใช้เวลาในห้องน้ำอยู่นานเป็นชั่วโมง วสุวีก็ย้ายตัวเองออกมาแต่งหน้าแต่งตัวเสียใหม่ หญิงสาวโทรศัพท์หาพิมพ์มาดา เลขานุการคนสนิทของคุณวิรงรองที่ตอนนี้ทำหน้าที่เป็นทั้งผู้ช่วยและที่ปรึกษาให้เธอ

                “คุณพิมพ์ช่วยนัดพบเจ้าสัวอรุณให้วีหน่อยนะคะ บอกว่าวีมีเรื่องด่วนเกี่ยวกับลูกชายท่านอยากเรียนให้ทราบ แล้วก็ขอภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรมเมื่อคืนนี้ให้วีด้วย วีอยากได้ก่อนไปพบท่านเจ้าสัวค่ะ” หญิงสาวบอกรายละเอียดว่าต้องการภาพตรงจุดใดบ้าง

                พิมพ์มาดารับปากแล้ววางสาย เลขานุการของแม่คนนี้ทำงานรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ การติดตามคุณวิรงรองทำให้พิมพ์มาดากว้างขวางพอที่จะนัดพบท่านเจ้าสัวให้เธอได้โดยไม่มีปัญหา

                รอไม่นานพิมพ์มาดาก็โทร. กลับมาแจ้งเวลาที่นัดพบเจ้าสัวอรุณ ส่วนภาพจากกล้องวงจรปิดจะให้คนนำมาส่งที่ห้องพักของหญิงสาวภายในสิบนาที

                วสุวีเก็บโทรศัพท์ เดินออกไปมองวิวด้านนอก ริมฝีปากเหยียดยิ้มเยาะหยัน ในใจคิดถึงแต่ชายที่ได้ความสาวเธอไป ถ้าอชิระไม่อยากช่วยเธอก็ไม่เป็นไร เธอขออาศัยยืมชื่อเขามาเป็นใบเบิกทางหน่อยแล้วกัน

                เธอไม่มีหลักฐานภาพแอบถ่าย แต่ช่วงเวลาที่เขามาปรากฏกายพร้อมเธอ หายเข้าไปในห้องเธอ และกลับออกมาในตอนเช้า ทั้งหมดนั้นพออนุมานได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในห้อง ท่านเจ้าสัวจะปฏิเสธไม่ได้แล้ว หรือหากต้องการหลักฐานจริงๆ ร่องรอยบนร่างกายของเธอมีมากพอมัดตัวอชิระจนดิ้นไม่หลุด

                ก็บอกแล้วว่าอย่าให้เธอร้าย!

                อชิระไม่ได้ใจทมิฬหินชาติอย่างที่ถูกกล่าวหา ความเดือดร้อนของวสุวียังวนเวียนอยู่ในความคิดของเขา พอๆ กับภาพรักเร่าร้อนและรอยข่วนที่แผ่นหลังซึ่งเวลาอาบน้ำมันยังแสบนิดๆ

                เขาชื่นชอบในความพยายามและออกจะถูกใจด้วยซ้ำที่เธอกล้าใช้ความสาวมาต่อรองกับเสืออย่างเขา ช่างเป็นผู้หญิงที่ใจเด็ด กล้าได้กล้าเสีย แล้วยังปากจัดอีกด้วย เขาไม่ลืมหรอกว่าเธอด่าเขาสาดเสียเทเสียแค่ไหน พอไม่ได้ดั่งใจละด่าใหญ่เลย หายากอยู่หรอกที่จะนอนกับผู้หญิงสักคนแล้วโดนด่ายับ แหม...มันน่าประทับใจ!

                อันที่จริงภาพจากกล้องของเธอถูกส่งไปในมือถือเขาก่อนที่จะลบแล้วอัดคลิปใหม่ อชิระก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าจะเอายังไงกับเธอ กลัวเข้าไปยุ่งมากๆ จะติดมือแกะไม่ออก แต่ท่าทางเธอก็ไม่ได้หลงใหลได้ปลื้มกับเขาสักเท่าไร ถึงกับประกาศอย่างเปิดเผยเลยว่าอยากให้เขาช่วยเป็นไม้กันหมา ไม่รู้ว่าโดนเขาตลบหลังอย่างนี้แล้วจะเอายังไงต่อ 

                เขากลับห้องอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่เรียบร้อย ก็เอาอาหารจากตู้เย็นใส่ไมโครเวฟ ทำอะไรกินง่ายๆ อยู่คนเดียวชีวิตก็สบายดี เรื่องอาหารการกินไม่มีปัญหา ขี้เกียจนักก็สั่งมากินได้ไม่ต้องวุ่นวาย หากที่บ้านใหญ่ไม่มีวาระพิเศษ เขาก็แทบจะไม่โผล่หน้าไป

                อชิระไม่ปฏิเสธความเป็นวรปัทม์ มันคงน่าขันไม่น้อยถ้าคนเราปฏิเสธตัวตน เขาเกิดมาตรงนี้มันเป็นสิ่งที่เลือกไม่ได้ แต่เขาตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ทำตัวเหมือนผู้ชายวรปัทม์รุ่นก่อน ที่ต้องมีเมียพ่วงผลประโยชน์ ส่งเสริมความมั่นคง เขาจะไม่ทำตัวแบบอากง แบบป๊าเด็ดขาด

                ระหว่างรออาหารชายหนุ่มก็คว้าโทรศัพท์กดหาธนูเลขาฯ คู่ใจ กิจการงานทุกอย่างของเขาราบรื่นได้ด้วยความสามารถของลูกน้องคนนี้ ธนูเป็นเหมือนตัวแทนของอชิระ และคนที่ไปปฏิบัติหน้าที่ที่โรงแรมวิรงรองส่วนใหญ่ก็คือธนู นี่จึงเป็นเหตุให้อชิระไม่เคยเจอวสุวีมาก่อน

                ถือสายรอไม่นานเลขาฯ คู่ใจก็ส่งเสียงเจื้อยแจ้วจนเขาต้องรีบเบรก ไม่รู้ว่ามันเป็นนกขุนทองกลับชาติมาเกิดหรือเปล่า ขอให้ได้พูด ก็พูดน้ำไหลไฟดับ

                “แกหุบปากแล้วฟังฉันก่อน”

                “อุ๊ย! ขอโทษครับ นานๆ เจ้านายจะโทร. หา ผมก็ต้องรีบรายงานให้ครบ เดี๋ยวจะไม่มีโอกาส”

                “ก็ถ้าแกยังไม่หยุด ฉันจะทำให้แกไม่มีโอกาสพูดอีกเลย”

                “หูย...น่ากลัว คุณเสือมีเรื่องอะไรเหรอครับ”

                อชิระกระแอมปรับน้ำเสียงให้เป็นการเป็นงาน “ฉันอยากรู้สถานการณ์ของโรงแรมวิรงรองหน่อย ช่วงนี้เป็นยังไง”

                “ตอนประชุมครั้งล่าสุดผมก็เขียนรายงานส่งให้คุณเสืออ่านแล้วนี่ครับ ยังไม่ได้อ่านใช่ไหมเนี่ย”

                “ขี้เกียจอ่าน รอแกสรุปให้ฟังดีกว่า ขอแบบสาระเน้นๆ น้ำไม่ต้อง รำคาญ!”

                “แหม...จะฝืดคอเอานะครับเจ้านาย” ธนูแหย่ แล้วรีบเล่าเรื่องที่เขาไปเข้าประชุมผู้ถือหุ้นแทนเจ้านายครั้งก่อนอย่างละเอียด ปิดท้ายด้วยคำถาม “คุณเสือเปลี่ยนใจจะซื้อโรงแรมนั้นอีกแล้วเหรอครับ”

                อชิระขมวดคิ้วกับคำถามนั้น นี่เขากำลังจะโดนธนูด่าว่าไม่รักษาคำพูดอีกคนแล้วเหรอ

                “ทำไมน้ำเสียงแกฟังเหมือนด่าฉันเลยล่ะ”

                “โอ๊ย...ใครจะกล้าด่าคุณเสือ ผมแค่สงสัย ทำไมจู่ๆ เจ้านายถึงอยากรู้เรื่องโรงแรมนี้ขึ้นมา”

                “ในฐานะที่ฉันมีหุ้นอยู่จำนวนหนึ่ง ฉันอยากรู้ความก้าวหน้าของกิจการตัวเองบ้างมันแปลกตรงไหน”

                “มันก็ไม่แปลกหรอกครับ ว่าแต่คุณเสืออยากรู้เรื่องอะไรเป็นพิเศษ”

                อชิระนึกหมั่นไส้ความฉลาดเจ้าเล่ห์ของเลขาฯ ธนูต้องรู้แน่ว่ามีอะไรสักอย่างกระตุ้นความสนใจของเขา ไม่อย่างนั้นมันจะเน้นคำว่าเป็นพิเศษทำไม ชายหนุ่มยิ้มบาง เริ่มต้นด้วยคำถามกว้างๆ ไม่ระบุเจาะจงถึงใคร

                “หลังจากคุณวิเสียไปแล้ว สถานการณ์ของโรงแรมมันกระเตื้องขึ้นบ้างไหม”

                “ยิ่งอยู่ยิ่งแย่ครับ” เลขาฯ ตอบกลับมาแล้วอธิบายเพิ่ม “เหมือนคุณวิจะยังไม่ทันวางรากฐานให้ลูกสาวก็ปุบปับด่วนจากไปเสียก่อน ผู้บริหารส่วนใหญ่ตอนนี้เป็นคนของคุณภพธร ลูกสาวคุณวิก็เลยโดดเดี่ยวหัวเดียวกระเทียมลีบ คนเก่าๆ ของแม่ที่พอจะอาศัยได้ก็ไม่มีอำนาจสนับสนุน”

                “แล้วลูกสาวคุณวิเป็นไงบ้าง พอมีความหวังที่จะทำกำไรให้ฉันบ้างไหม”

                “ประเมินด้วยสายตาเท่าที่เห็นผ่านๆ นะครับ” 

                “แกไม่เคยเจอเขาเหรอ” อชิระขัดขึ้นอย่างสงสัย

                “ไม่เคยเจอแบบจังๆ เลยครับ คุณภพธรกีดกันลูกเลี้ยงสุดฤทธิ์ หาว่าเธอไม่รู้เรื่องรู้ราว เอาเป็นว่าถ้าเธอสามารถทำกำไรให้คุณเสือได้ เธอคงไม่เอาโรงแรมมาเสนอขายหรอกครับ เท่าที่รู้เธอเป็นเด็กสาวเพิ่งเรียนจบ ประสบการณ์น้อยนิด คิดจะก้าวขาเข้าสมรภูมิรบ เกรงว่าจะกลายเป็นศพตั้งแต่ยังไม่ได้เงื้อดาบฟาดฟัน”

                “น่าเป็นห่วงขนาดนั้นเลยเหรอ”

                “เป็นเจ้าของที่เหมือนไม่ใช่เจ้าของ น่าเป็นห่วงอยู่นะครับ ยิ่งเป็นลูกสาวคนเดียว แม่รักแม่หวงดั่งดวงใจ ขาดแม่ไปเสียคน คุณเสือว่าเธอจะรอดไหม ท่ามกลางดงสิงสาราสัตว์เขี้ยวลากดิน”

                “วันนี้แกกินอะไรเข้าไปวะ สำบัดสำนวนเหลือเกิน”

                ธนูหัวเราะชอบใจ แต่ยังไม่วายย้อนถามกลับมา “ตอนคุณเสือปฏิเสธครั้งล่าสุด ผมนึกว่าจะเลิกสนใจจริงๆ แล้วเสียอีก มาซักไซ้อย่างนี้ มีแรงจูงใจใหม่หรือเปล่า”

                “ที่ฉันปฏิเสธเพราะไม่อยากเข้าไปยุ่งปัญหาภายในให้ปวดหัว บอกปัดก็เพื่อรอดูสถานการณ์ก่อน”

                “ตอนนี้อยากปวดหัวแล้วเหรอครับ”

                “อยากเตะแกมากกว่า ยอกย้อนเก่งนะเดี๋ยวนี้” อชิระว่า เลขาฯ ของเขาเป็นคนฉลาดและกวนประสาทเก่งด้วย ดูแต่ละคำถามมันสิ

          “แหม...หยอกเล่นนิดเดียว ทำเสียงเขียวเชียวนะครับ ก็ถ้าคุณเสือสนใจ ผมจะได้สืบข่าววงในมาให้ไง ตอนนี้ปัญหาหลักๆ ก็อยู่ที่ตัวสามีใหม่ของคุณวิ ที่การเงินมันขาดสภาพคล่องน่าจะมีอะไรๆ ลึกๆ หมกเม็ดซ่อนเร้นอยู่ ผมว่ากลิ่นไม่ค่อยจะดีนะครับ ตอนคุณวิอยู่ไม่เคยมีปัญหาการเงินเลย ถึงจะติดขัดอะไรก็ผ่านไปได้ ปัญหาของโรงแรมวิรงรองตอนนี้น่าจะอยู่ที่ตัวบุคคล คุณภพธรเขารวบอำนาจไว้หมดแล้ว ให้ลูกสาวดูแลการเงิน ส่วนลูกชายก็เลือกคนทำงาน เน้นพวกตัวเองเป็นหลัก แล้วแบบนี้จะเหลือที่ยืนให้ลูกสาวคุณวิไหมล่ะครับ”

                “อืม...ฉันเข้าใจแล้ว” คิ้วเข้มที่ขมวดอย่างใช้ความคิดคลายออก ก่อนวางสายอชิระมอบหมายงานบางอย่างให้ธนูทำ “ถ้าแกได้ข่าวอะไรเพิ่มก็รีบบอกฉัน เห็นว่าเขากำลังจะเปลี่ยนผู้บริหารกัน บางทีอาจเป็นโอกาสดีของเรา”

                “หือ...ไหนว่าขี้เกียจอ่านรายงานแล้วทำไมรู้เรื่องเปลี่ยนผู้บริหาร เจ้านายดูวงในกว่าผมอีกนะครับ แล้ววันนี้จะเข้ามาที่โรงแรมปาริชาตไหม”

                “ไม่ จะไปหาพี่ปลาที่วีพีกรุ๊ป แกมีธุระอะไรก็โทร. มาแล้วกัน”

                “ผมจะมีอะไรล่ะครับ ก็แค่คิดถึงเจ้านาย เนี่ย...คุณเสือไม่ค่อยเข้ามา คนอื่นเขาจะเข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นเจ้าของแล้วนะครับ”

                “แกอยากลองนั่งตำแหน่งผู้บริหารอีกไหมล่ะ ฉันจะได้ส่งไปกอบกู้สถานการณ์ที่โรงแรมวิรงรอง”

                “โอ๊ย...ไม่เอาหรอกครับ แค่นี้ก็ปวดหัวจะแย่ เอ๊ะ! ตกลงจะซื้อจริงๆ ใช่ไหม”

                “กำลังคิดอยู่”

                “คิดว่าซื้อ หรือคิดว่าไม่ซื้อ”

                “ฉันกำลังคิดอยู่นี่ไง เอ้! แกนี่” อชิระชักรำคาญจึงไล่ให้อีกฝ่ายไปทำงาน ธนูอยู่กับเขามานานจนรู้ทันไปทุกเรื่อง ตราบใดที่อชิระยังไม่ตัดสินใจ ชายหนุ่มจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด

                วสุวีพูดจริงเรื่องที่เธอเดือดร้อน เขารับรู้ว่าเธอกำลังเผชิญมรสุมชีวิตครั้งใหญ่ แต่ถ้าเขาจะซื้อโรงแรมวิรงรอง เขาจะไม่ทำเป็นเด็กเล่นขายของแบบที่เธอทำเด็ดขาด มันจะต้องผ่านกระบวนการกลั่นกรองวิเคราะห์เจาะลึกอย่างเข้มข้น เพราะงานของเขาต้องไม่มีข้อผิดพลาดให้ตามเก็บกวาดทีหลัง มันเหนื่อยและเขาเองก็ไม่ว่างขนาดนั้น

                ฟังดูแล้วปัญหาภายในของโรงแรมวิรงรองคงจะเน่าเฟะได้ที่ ถ้าไม่ติดว่าหมั่นไส้คุณวิเป็นทุนเดิม เขาคงควักเงินจะซื้อโรงแรมนั่นนานแล้ว ฮึ! คงตาสว่างก่อนตายละสิ ถึงสั่งลูกสาวให้ขายโรงแรมให้เขาน่ะ

                ความจริงอชิระรู้มานานแล้วว่าภพธรไม่ได้ซื่อตรงอะไรต่อภรรยา ก็แค่แมงดารุ่นเดอะเกาะชายกระโปรงเมียไปวันๆ ทันทีที่โรงแรมวิรงรองตกอยู่ในเงื้อมมือของภพธร ความวิบัติอีกมากมายจะตามมา

                แต่วสุวีนี่ก็จริงๆ เลย ไปเอาความกล้าบ้าบิ่นมาจากไหน คิดได้ยังไงว่าเขาจะรับผิดชอบเธอถึงขนาดนั้น เหมือนเอาความซิงมาชิงโชค ถ้าเป็นคนอื่นก็คงถูกฟันแล้วทิ้ง และถึงจะเป็นเขา เธอก็ยังโดนฟันแล้วทิ้งอยู่ดี

                ถ้าเจอตัวพ่ออย่างเจ้าสัวอรุณละก็ วสุวีจะกลายเป็นฝุ่นละอองล่องลอยในอากาศ ความทุ่มเทที่เธอคิดว่าได้ผล จะไร้ค่ากลายเป็นค่ำคืนที่ว่างเปล่าไร้ความหมาย

                ถ้าเป็นคนอื่น...

                อชิระระบายลมหายใจออกมา หลับตาข่มความร้อนรุ่มในหัวอก พอคิดว่าถ้าเมื่อคืนเป็นคนอื่นที่ได้กอดก่ายร่างเปลือยเปล่า ประคองสองเต้ากลมกลึงแล้วดูดกลืน โอ...เขาจะบ้าตาย ทำไมร่างกายถึงเรียกร้องอย่างนี้ ทั้งที่สุขสมเจียนคลั่งแต่ก็ยังรู้สึกไม่พอ แล้วจะปล่อยให้วสุวีไปเจอคนอื่นได้ไง

                เมื่อเช้าเขายังไม่ได้จ่ายค่าเสียหายให้เธอเพราะตกลงกันไม่ได้ วสุวีเรียกร้องมากเกินไป เขามีความสุขก็จริง แถมยังแอบภูมิใจเสียด้วยกับการได้เป็นคนแรกของเธอ แต่...พอนั่งคำนวณต้นทุนกำไร ยังไงค่าตัวที่วสุวีเรียกมาก็แพงหูฉี่อยู่ดี

                อันที่จริงเขาจ่ายได้ ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก แต่เขาเพิ่งได้บรรเลงเพลงรักกับเธอแค่ครั้งเดียวเอง จะไม่ให้บ่นแพงได้ยังไง รู้งี้เมื่อคืนเบิลซะอีกรอบก็ดีหรอก ไม่น่าปล่อยให้นอนพักเลย

                เวรเอ๊ย! งานนี้เขาแย่แน่ นี่แค่เพิ่งลงจากเตียงวสุวีมาไม่กี่ชั่วโมง เขาก็เอาแต่หมกมุ่นนั่งคิดถึงเธอ ทำไมถึงลืมเธอไม่ได้ ทั้งที่ก็ไม่ได้ต่างจากผู้หญิงคนอื่นที่เคยผ่านมา

                ต่างสิ อีกเสียงในใจรีบแย้ง วสุวีแตกต่างจากคนอื่นแน่นอน อย่างน้อยเธอก็ทำให้เขาต้องมานั่งทะเลาะกับตัวเองเหมือนคนบ้าอยู่นี่ไงล่ะ

                อชิระเริ่มงุ่นง่าน ภาพหญิงสาวเปล่าเปลือยนั่งน้ำตาคลอกลางเตียงที่ยับย่น ไม่นับรวมกับภาพการร่วมรักเร่าร้อนที่วูบวาบในหัวเป็นฉากๆ แต่จินตนาการหรือจะสู้ของจริง ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มากดดูภาพที่เขาขโมยมาจากกล้องเธอ เขาไม่ได้ลบทิ้ง พอมานั่งเปิดดูอย่างนี้ หน้าท้องก็ร้อนซู่ซ่าจนอยากทำร้ายตัวเองขึ้นมาเลย 

                ใจเย็นไว้ไอ้เสือ ทำเป็นหนุ่มน้อยเพิ่งหัดมีเซ็กซ์ไปได้

                ชายหนุ่มรีบปิดหน้าจอโทรศัพท์ ขยับเปลี่ยนท่า แยกขาออกกว้างเพื่อให้นั่งสบายขึ้น เขาต้องเอาวสุวีออกจากหัวเดี๋ยวนี้ ก่อนที่เลือดหนุ่มจะพลุ่งพล่านทรมานจนทนไม่ไหว 

                เขาต้องการความวุ่นวายเพื่อดึงความสนใจ แล้วจะมีที่ไหนตอบโจทย์ได้ดีเท่ากับวีพีกรุ๊ปอีกล่ะ


 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น