17

ตอนที่ 17


 

             เดฟก็อยู่ที่บ้านเขายังไงล่ะ” ลอเรนโซยิ้มมุมปากแล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับดิเอโก รีบตามหาสองคนนั้นให้เจอ คุ้มครองให้ปลอดภัยทั้งคู่ บอกข้อมูลทั้งหมดกับเดฟแล้วรีบจัดการก่อนที่จะสายเกินไป

 การที่ทางตำรวจก็แจ้งว่าจะส่งเรื่องให้เอฟบีไออย่างรวดเร็วที่สุดทำให้แมคเคนซี่คลายความหวาดกลัวลงได้บ้าง ทว่าในใจของหญิงสาวกลับไม่ปลอดโปร่งเท่าที่ควร เพราะยังมัวคิดถึงตอนที่เธอบอกว่าพักอาศัยอยู่กับเดฟ สายตาของคนในเมืองก็มองเธอแปลกไปทันที เธอเอาแต่คิดถึงสายตาแปลกๆ ของพวกนั้นตลอดเวลาที่ทำหน้าที่ลูกมือช่วยหยิบนั่นจับนี่ส่งให้โจนาธานซ่อมประตูตั้งแต่บ่ายจนถึงตอนค่ำ

            เรียบร้อยแล้วแม็กกี้ ล็อกบ้านดีๆ ล่ะ อีกเดี๋ยวไอ้เดฟมันคงมาถึง” โจนาธานเก็บอุปกรณ์ซ่อมแซมลงในกล่องแล้วยื่นคืนให้หญิงสาว

            จะไปแล้วหรือคะโจ

            ใช่ มีนัดกับพ่อน่ะ

            ขอบคุณนะคะที่มาอยู่เป็นเพื่อน

            ไม่เป็นไร อีกเดี๋ยวไอ้เดฟคงถึง อยู่แต่ในบ้านล่ะ

            ค่ะ” เธอรับปากแล้วยืนส่งโจนาธานจนกระทั่งชายหนุ่มลับสายตา

             แมคเคนซี่กำลังจะกลับเข้าบ้าน ทว่าเสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทำเอาหัวใจเต้นแรงด้วยความกดดันและหวาดกลัว แรกทีเดียวแมคเคนซี่เตรียมจะวิ่งหนี แต่ร่างสูงใหญ่กำยำคุ้นตาทำให้เธอสงบลงได้ในที่สุด

            นายทหารรับจ้างหนุ่มจอดไทรอัมพ์ สแครมเบลอร์ที่หน้าบ้าน ดวงตาคมดุจับจ้องไปที่หญิงสาวร่างแบบบางไม่ละสายตา ถอดหมวกกันน็อกและถุงมือสำหรับขับรถ ก่อนจะก้าวพรวดเดียวถึงตัวแมคเคนซี่แล้วรวบตัวเธอเข้ามากอดไว้แนบแน่น

            บอกให้อยู่แต่ในบ้านไม่ใช่หรือไง” ทั้งที่ไม่ตั้งใจจะดุคนตัวเล็กในอ้อมกอดเลยสักนิด แต่เขาก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร รู้แต่ว่าห่วง กลัวสาวน้อยแสนหวานของเขาคนนี้จะป้องกันตัวเองไม่ได้ กลัวเธอจะมีจุดจบแบบเอมิลี่เพื่อนของเธอ และถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ แล้วเขาจะทำอย่างไร

            เดฟกระชับอ้อมกอดอีกครั้ง ลูบศีรษะหญิงสาวแผ่วเบา แล้วกดปลายจมูกลงบนเรือนผมหนานุ่มหอมของคนในอ้อมแขน

            คนถูกกอดยังตั้งตัวไม่ติด เมื่อเช้าก่อนไปยังทะเลาะกันแทบตาย ตอนนี้กลับมากอดเธอเสียแน่น กระนั้นไออุ่นจากร่างสูงใหญ่ที่โอบล้อมเธอไว้ก็ทำให้หัวใจของเธอสงบลงได้อย่างเหลือเชื่อ เพียงแค่เขาปรากฏตัวขึ้นเท่านั้น แต่เธอคงจะรู้สึกดีกว่านี้ถ้าเขาไม่ดุเธอ และนั่นก็ทำให้แมคเคนซี่ขืนตัวออกจากอ้อมแขนแข็งแรงทันที

            ปล่อย

            อย่าดื้อ!” เขาดุเสียงเข้มเข้าให้ ผมยังไม่ได้ทำโทษที่คุณทำให้ตัวเองต้องเสี่ยงอันตรายเลยนะแม็กกี้

            ก็แล้วใครล่ะที่ทิ้งฉันไว้คนเดียวน่ะ” แม้ว่าตอนที่เกิดเรื่องเธอจะคิดถึงแต่เขา แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเขาพาเธอไปด้วย เรื่องคงไม่เป็นแบบนี้ ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะเขาคนเดียว

            หญิงสาวเม้มปากสะกดกลั้นความโกรธและน้อยใจที่ถูกเขาดุ พยายามเต็มที่ที่จะไม่ให้น้ำตาไหลออกมา แต่สุดท้ายมันก็ไหลออกมาเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงอยู่ดี

            แมคเคนซี่ยกมือขึ้นจะปาดน้ำตาทิ้ง แต่ถูกมือหนารั้งไว้เสียก่อน เธอจึงเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาสองดวงสอดประสาน ดวงตากลมโตฉายแววตัดพ้อและเต็มไปด้วยความน้อยใจที่ถูกดุ ชายหนุ่มจึงยอมอ่อนลงให้ก่อน

            แม็กกี้” เดฟถอนหายใจแล้วกระชับอ้อมกอดอีกครั้ง มิวายที่สาวเจ้าจะพยายามดิ้นรนหนี แต่เขาไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ

            ผมแค่กลัวว่าคุณจะเป็นอันตราย

            ไม่ใช่เพราะยังไม่รู้ความลับทั้งหมดหรือคะ

            เลิกประชดผมเสียทีเถอะแม็กกี้ ผมรู้ว่าผมผิด...แต่ผมบอกให้หนีไปบ้านโจไม่ใช่หรือ

            ถ้าไปบ้านโจ โจก็ต้องเดือดร้อนน่ะสิคะ ฉันไม่อยากให้โจต้องเป็นเหมือนเอ็ม” การพูดถึงเอมิลี่ทำให้น้ำตาไหลมากขึ้นกว่าเดิม เธอพยายามขืนข้อมือออกจากมือเดฟ แต่เขาไม่ปล่อย กลับใช้ปลายนิ้วซับน้ำตาให้เธอเสียเอง

            สัมผัสอ่อนโยนจากปลายนิ้วสากกร้านทำเอานักศึกษาสาวสะดุ้งเล็กน้อย ด้วยยังเดาอารมณ์เขาไม่ถูก ตอนมาถึงก็เอาแต่ดุจนเธออดน้อยใจไม่ได้ แต่พอเธอร้องไห้ก็มาทำอ่อนโยนด้วยอีกแล้ว

            ปะ...ปล่อยฉันได้หรือยังคะ

            เดฟยอมคลายวงแขนอย่างที่เธอขอ แต่ก็ยังใช้สายตาสำรวจไปทั่วร่างของสาวตรงหน้า แล้วหยุดนิ่งที่ดวงตาคู่กลมโตที่กำลังมองเขาอยู่เช่นกัน

            ปลอดภัยดีใช่ไหม

            ค่ะ แต่พวกนั้นตามมาได้ยังไง

            เข้าไปคุยในบ้านเถอะ

            แมคเคนซี่พยักหน้าแล้วเดินตามเขาเข้าไปในบ้าน เดฟชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นประตูที่เพิ่งถูกซ่อมแซม แล้วหันมามองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม แต่ก็เปิดประตูแล้วเดินเข้าไป รอให้แมคเคนซี่ตามเข้ามาแล้วจึงปิดประตูลงกลอน

            พวกมันพังประตูเข้ามาค่ะ โจช่วยซ่อมประตู” เจ้าของเสียงใสบอกทันทีที่เห็นสายตาเต็มไปด้วยคำถาม โดยไม่รอให้เขาดุเธอก่อนอีก

            พวกมันมาตั้งแต่เมื่อไหร่

            หลังจากคุณออกไปไม่นานค่ะ” แมคเคนซี่เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยละเอียด ตั้งแต่ที่เดฟไป พวกนั้นก็มาถึงและพยายามกล่อมให้เธอออกไปหา แต่เธอเลือกที่จะหนีไปขอความช่วยเหลือจากในที่ชุมชน จนกระทั่งเจอโจและเรียกตำรวจมาตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ

            ตลอดเวลาเดฟเอาแต่นั่งนิ่ง ใบหน้าดุดันยิ่งดูน่ากลัวขึ้นอีกเท่าตัวยามที่เขาจ้องเธอด้วยสายตาคมปลาบ อย่างที่เดาไม่ได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

            ความเงียบเข้าปกคลุมทั้งสองจนบรรยากาศในห้องแย่ลงเรื่อยๆ แมคเคนซี่รู้สึกอึดอัดเพราะนัยน์ตาวาววับของเขาเหลือเกิน

            ตำรวจว่าไงบ้าง” ทหารรับจ้างหนุ่มพูดออกมาในที่สุด แต่ก็ยังไม่ยอมละสายตาจากสาวตรงหน้าเลยแม้เพียงเสี้ยววินาที

            ก็ให้ฉันไปให้ปากคำ แล้วก็บอกว่าจะติดต่อมาอีกทีค่ะ

            แล้วก็ปล่อยกลับมาง่ายๆ อย่างนั้นหรือไง” ประโยคนี้เหมือนเดฟจะบ่นกับตัวเองมากกว่า

            แมคเคนซี่ลอบมองคนตัวใหญ่ที่ตีสีหน้าเคร่งเครียด เขาผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็วจนเธอสะดุ้ง

อยู่ที่นี่ต่อไม่ได้แล้ว

            แต่ที่นี่มีตำรวจมาคอยดูอยู่นะคะ” เธอไม่รู้หรอกว่าคนพวกนั้นเป็นใครและต้องการอะไร แต่อย่างน้อยที่นี่ก็มีตำรวจคอยเฝ้า และพวกมันก็คงไม่กล้าลงมือซ้ำสองหรอก...ใช่ไหม

            คิดมาถึงตรงนี้ใบหน้าอ่อนหวานก็ซีดลงทันที ภาพการตายของเอมิลี่ยังติดตา รวมทั้งเรื่องบ้าๆ ที่เกิดขึ้นไม่หยุดหย่อนหลังจากบรูซตาย

            บรูซทำอะไรกันแน่...ถ้ามีปาฏิหาริย์ที่ทำให้บรูซฟื้นขึ้นมาจริงๆ เธอคงจะถามเขาด้วยคำถามนี้เป็นอย่างแรก อยากรู้เหลือเกินว่าเขาทำอะไรไว้ถึงได้มีคนตามไล่ล่าเธออย่างไม่ลดละ ทั้งที่เขาก็ตายไปตั้งแล้วนาน หรือว่าจะเป็นพวกคดีที่เขาทิ้งไว้ แต่ในสำนักงานก็ยังเหลือทนายคนอื่นไม่ใช่หรือ

            หรือว่าบรูซไปรู้เห็นอะไรเข้า...

            ตอนเด็กๆ ที่ยังอยู่ประเทศไทย เธอมักได้ยินข่าวอุ้มฆ่าทนายบ่อยครั้ง หรือว่าที่นี่ก็ไม่ต่างกัน

            คิดอะไรอยู่หรือแม็กกี้

เสียงเข้มของชายหนุ่มตรงหน้าทำให้คนที่กำลังคิดไม่ตกหลุดจากภวังค์ เธอสะดุ้งเล็กน้อยแล้วช้อนสายตาขึ้นมองเขา แต่ก็ไม่พูดอะไร เพราะไม่กล้าพูดมากกว่า ด้วยกลัวว่าจะถูกดุอีก

            ดวงตาโชนแสงเมื่อครู่อ่อนลงทันทีเมื่อเห็นความหวาดหวั่นที่ฉายชัดในดวงตาของแมคเคนซี่ เธอดูบอบบางมากกว่าเดิม เห็นอย่างนั้นก็ยิ่งทำให้เดฟยิ่งอยากปกป้อง และรู้สึกผิดเหลือเกินที่ทิ้งเธอไว้ตามลำพังทั้งที่อาจจะเกิดเรื่องร้ายได้ทุกเมื่อ

            นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะปล่อยให้คุณต้องเผชิญเรื่องนี้คนเดียว

            อยู่ๆ เขาก็พูดออกมาทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังเอาแต่ดุเธออยู่เลย ทว่าความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวในดวงตาของเดฟทำให้คนมองชะงักไปนิดๆ ตามอารมณ์เขาไม่ทัน ฟังแล้วให้ความรู้สึกปลอดภัยก็จริง กระนั้นแมคเคนซี่ก็ยังไม่อาจไว้ใจเขาเสียทีเดียว รู้สึกได้ว่าเขายังปิดบังบางอย่างไม่ให้เธอรู้ แล้วอย่างนี้เธอจะเชื่อเขาสนิทใจได้อย่างไร

            ฉันง่วงแล้ว ขอตัวนอนก่อนนะคะ” หญิงสาวตัดบท วันนี้เธอเหนื่อยมาทั้งวันและไม่อยากรับรู้อะไรที่ทำให้ตัวเองสับสนมากกว่าเดิมอีกแล้ว

            คุณนอนบนโซฟานี่เถอะ ห้องข้างบนนอนไม่ได้เลยสักห้องเดียว

            แล้วคุณล่ะคะ

            ผมจะหาอะไรกินก่อน” นายทหารหนุ่มบอกแล้วเดินหายเข้าไปในครัวทันที ทิ้งให้แมคเคนซี่มองตามเขาไปด้วยความสงสัยว่า เขากำลังคิดอะไรหรือมีเรื่องใดปิดบังเธอไว้กันแน่

            ความคิดนั้นยังวนเวียนอยู่ในสมองจนนอนไม่หลับ และอีกอย่างก็เป็นเพราะยังหัวค่ำอยู่ด้วย แมคเคนซี่จึงลุกจากโซฟาเบดแล้วเดินเข้าไปในครัว เสียงโครมครามสลับกับเสียงสบถของเดฟดังมาเป็นระยะๆ

            แมคเคนซี่เยี่ยมหน้าเข้าไปในห้องครัวก็เห็นว่าเดฟกำลังพยายามโทรศัพท์ติดต่อกับใครบางคน เธอไม่รู้จัก แต่ได้ยินเดฟด่าว่า ไอ้พวกเวรกัสซาโน’ ท่าทางเขาหัวเสียมาก เลยพาลลงกับข้าวของเครื่องใช้จนพินาศไปหมด จนสุดท้ายเธอก็ทนไม่ไหว ต้องเดินเข้าไปในห้องครัวให้เขารู้ตัวและเลิกทำลายข้าวของเสียที

            ถ้าทำอาหารไม่เป็นก็ควรจะบอกฉันนะคะ” เสียงหวานใสติดจะเยือกเย็นนิดๆ เหมือนอย่างตอนที่รู้จักกันตอนแรก

เดฟหันมามองแล้วเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงทันที ผมคิดว่าคุณหลับไปแล้วเสียอีก

            คงจะหลับลงหรอกค่ะ” พูดพลางปรายตามองเศษแก้วที่ตกแตก เธอจะก้มลงเก็บ แต่ชายหนุ่มรั้งไว้ก่อน แล้วจัดการเศษแก้วพวกนั้นเอง

            ผมไม่ได้ตั้งใจ

            อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมคะ

            ซุปหรือสตูอะไรก็ได้

            ไม่กินอะไรหนักๆ แล้วหรือคะ” แมคเคนซี่เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ ปกติแล้วเดฟชอบกินอะไรหนักๆ ให้พลังงานเยอะเสมอ แต่คืนนี้มาแปลก

            ผมแก่แล้วแม็กกี้ กินหนักแบบนั้นบ่อยๆ คงตายไวกันพอดี

            ถ้าอย่างนั้นก็ไปรอข้างนอกค่ะ เดี๋ยวฉันทำให้” เธอบอกด้วยน้ำเสียงติดเย็นชาเหมือนเดิม

            ได้ยินอย่างนั้นแล้วเจ้าของบ้านก็กอดอกเม้มปากแน่น ใช้สายตาสำรวจหญิงสาวร่างบอบบางตรงหน้าอย่างละเอียด แมคเคนซี่ดูแปลกไป ราวกับว่าเธอกำลังไม่พอใจเขา

            แม็กกี้” เดฟลองเสี่ยงเรียกชื่อคนที่กำลังเตรียมตั้งเตาทำอาหาร

            คะ?” เธอหันมาก็จริง แต่ก็ดูห่างเหิน ทั้งที่ตอนที่เขากลับมาถึงใหม่ๆ เธอยังทีท่าทางยินดีที่เขากลับมาอยู่เลย

            คุณมีอะไรจะถามผมหรือเปล่า

            คราวนี้ได้ผล แมคเคนซี่ละมือแล้วยอมหันกลับมาหาพร้อมกับมองสบตาเขาแน่วแน่ ก่อนจะถามต่อไปว่า คุณจะพูดความจริงกับฉันไหมคะ

            คุณอยากรู้อะไรล่ะ

            คุณเป็นใครกันแน่คะเดฟ” เธอถามสิ่งที่อยากรู้เป็นที่สุด เธอไม่มั่นใจเลยว่าจะเชื่อใจเขาได้อย่างสนิทใจหรือไม่ แต่เธอก็ไม่รู้จักใครเลยนอกจากเขาคนเดียว ถ้าท้ายที่สุดแล้วเขาไม่ใช่อย่างที่เธอหวังไว้ แล้วเธอจะทำอย่างไรต่อไป

            คำถามจากหญิงสาวตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ครุ่นคิดหนักกว่าเดิม เขาบอกเธอไม่ได้เพราะยังติดต่อพวกกัสซาโนไม่ได้ บางทีการที่รู้น้อยหรือไม่รู้อะไรเลยจะปลอดภัยที่สุด

            ผมยังบอกไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ ผมไม่ได้คิดร้ายกับคุณ

            แล้วทำไมบอกไม่ได้ล่ะคะ” คิ้วเรียวขมวดเป็นปม ไม่เข้าใจคำพูดของเขาเลยสักนิด ไม่ได้คิดร้าย...แต่ทำไมถึงบอกไม่ได้

            ผมยังบอกไม่ได้จนกว่าจะรู้ว่าศัตรูที่แท้จริงคือใคร

            หมายความว่ายังไงคะ

            การตายของบรูซไม่ธรรมดา ผมคิดว่าเป็นการฆาตกรรมและเกี่ยวโยงกับอีกหลายคน อย่างที่ผมเคยถามคุณไงแม็กกี้ ว่าคุณรู้เรื่องคดีสุดท้ายของบรูซมากน้อยแค่ไหน

            และฉันก็บอกคุณแล้วว่าฉันไม่รู้อะไรเลย ระหว่างฉันกับบรูซ มีแค่ความเคารพนับถือกันในแง่ผู้ใหญ่กับเด็กเท่านั้น

            ผมรู้ แต่...คนอื่นไม่รู้

            ฉันต้องหนีแบบนี้อีกนานแค่ไหนคะ” หญิงสาวถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้ม เธออยากกลับไปเรียน กลับไปมีเพื่อน กลับไปใช้ชีวิตปกติ ไม่ใช่ต้องหนีการตามล่าจากคนที่ต้องการบางอย่างจากเธอ โดยที่เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งนั้นคืออะไรกันแน่ และที่สำคัญคนพวกนั้นทำให้เอมิลี่ต้องมาตายแทนเธอทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด

            คิดถึงเอมิลี่คราใดน้ำตาก็ไหลออกมาทุกครั้ง แมคเคนซี่ยกมือปาดน้ำตาทิ้งเป็นครั้งที่สองภายในช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมง และนั่นก็ทำให้เดฟตัดสินใจได้ในที่สุด

            ผมยังบอกคุณไม่ได้ก็จริง แต่ผมบอกคุณได้อย่างหนึ่งนะแม็กกี้” มือหนากร้านรวบมือทั้งสองของหญิงสาวไว้แล้วบีบเบาๆ ผมไม่เคยคิดร้ายกับคุณ

            คำยืนยันจากปากเขาทำให้แมคเคนซี่อุ่นใจขึ้นมาได้อีกหน่อย เธอพยักหน้า แต่ก็ยังเชื่อเขาไม่เต็มหัวใจ เพราะเดฟเคยโกหกเธอ เคยเข้ามาตีสนิทเพียงเพราะต้องการรู้เรื่องคดีสุดท้ายของบรูซ กระนั้นเขาก็ช่วยชีวิตเธอไว้หลายครั้ง ถ้าไม่มีเขา เธอคงตายไปแล้ว

            บรรยากาศระหว่างสองคนยังไม่ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย แมคเคนซี่ไม่พยายามถามอีกก็จริง แต่เธอก็เงียบไปทันที หลังจากทำสตูเนื้อง่ายๆ ให้เดฟกิน เธอก็เข้านอนทันทีโดยไม่บอกกล่าวอะไรเลย

            แมคเคนซี่หลับไปแล้ว แต่ชายหนุ่มเจ้าของบ้านยังนอนไม่หลับ เขาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็มานั่งมองหญิงสาวร่างบอบบางที่ทอดร่างนอนหลับบนโซฟาเบดกลางห้อง แม้ยามหลับใบหน้าของเธอยังดูเย็นชา ทำให้หวนคิดถึงหญิงสาวผู้ปิดกั้นตัวเอง และคราบน้ำตาของเธอ...เขารอช้ากว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว เดฟหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วต่อสายหาแดเนียลทันที

            ช่วยอะไรหน่อยสิวะไอ้แดน” ทหารรับจ้างหนุ่มตรงเข้าเรื่องทันที จนปลายสายโวยลั่น

            นี่นายยังใช้งานฉันไม่พออีกหรือไงวะไอ้เดฟ

            จะช่วยหรือไม่ช่วย

            ปฏิเสธได้เรอะ” ปลายสายยังบ่นงึมงำ แต่เดฟได้ยินแดเนียลพูดว่า เพิ่งจะมาใช้งานแท้ๆ ยังมีเรื่องจะใช้อีก

            ฉันจะเก็บเรื่องที่นายแอบมองสาวอื่นไม่ให้เมียนายรู้ก็แล้วกัน

            ฉันมองตอนไหนวะ!

            ที่สะพานบรุกลินไง นายคุยกับฉัน แต่สายตานายมองสาวชุดสีน้ำเงินที่เดินผ่านเรา

            แม่งเอ๊ย ตาไวฉิบหาย!” แดเนียลสบถออกมาจนได้ ไม่เหลือภาพพจน์หนุ่มแว่นท่าทางเรียบร้อยแต่อย่างใด แล้วถามด้วยน้ำเสียงเอาเรื่อง จะให้ฉันทำอะไร

            พยายามติดต่อพวกกัสซาโนให้ที...ให้ไวที่สุดนะ” เดฟกำชับ เขาช้ากว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว เพราะยิ่งช้าและยังคงติดต่อพวกกัสซาโนไม่ได้นานเท่าไร แมคเคนซี่ก็ยิ่งมีอันตรายมากขึ้นเท่านั้น

            ฉันว่าจะบอกเรื่อง เจ้านาย’ ของนายพอดี ตอนที่นายมาก็รีบๆ บอกไม่ทัน

            เรื่องอะไรวะ

            ผู้ชายคนที่ติดต่องานนายน่ะไม่ได้ชื่อดิเอโก...นายรู้ใช่ไหม

            รู้” เดฟตอบเสียงเรียบ คำบอกเล่าจากเพื่อนยืนยันว่าสันนิษฐานของเขาเป็นจริง สงสัยตั้งแต่ติดต่อกันใหม่ๆ แล้วว่าดิเอโกที่บอกว่าเป็นมือขวามาเฟียนั้นยังเด็กไป แต่คนที่กล่าวอ้างว่าเป็นมาเฟียตัวจริงกลับแก่กว่า ซึ่งคนแก่กร้านประสบการณ์อย่างนั้นไม่มีวันเอาคนเด็กกว่ามาเป็นมือขวาแน่ แล้วก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ

            นายรู้นานแค่ไหนแล้ว

            ตั้งแต่เจอกันสองสามครั้ง

            แล้วนายยังจะทำงานให้พวกนั้นต่ออีกหรือ

            คำถามจากเพื่อนทำให้เดฟขมวดคิ้วทันที เท่าที่จำได้ เขาไม่เคยบอกแดเนียลว่าทำงานให้ใคร แต่ก็อย่างว่า...คนอย่างแดเนียลปะติดปะต่อเรื่องได้ไม่ยากหรอก ดูจากข้อมูลที่ให้ช่วยตามหาให้ก็รู้แล้ว

            ไม่แล้ว ฉันไม่ทำอะไรทั้งนั้นจนกว่าจะติดต่อพวกนั้นได้

            แล้วผู้หญิงที่อยู่กับนายล่ะ

            ฉันจะดูแลเธอเอง” นายทหารรับจ้างหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ตลอดเวลาที่คุยกับเพื่อน ดวงตาคู่คมของเขาไม่ละจากหญิงสาวที่นอนหลับตรงหน้าเลย

            เอาอย่างนั้นก็ตามใจ ฉันจะพยายามติดต่อพวกนั้นให้ คืบหน้ายังไงจะบอก รวมทั้งเรื่องคนที่นายให้หาด้วย

            ขอบใจมากแดน

            เปลี่ยนเป็นเลี้ยงเหล้าในบาร์หรูๆ สักเดือนนึงก็พอ

            เออ” เดฟวางสายจากเพื่อนแล้วลุกขึ้นเดินไปขยับผ้าห่มที่คลุมตัวแมคเคนซี่ให้อย่างอ่อนโยน สาวเจ้าขยับตัวเล็กน้อยแล้วซุกหน้าลงกับผ้าห่มเก่าๆ ของเขา ภาพตรงหน้ายิ่งทำให้หญิงสาวดูบอบบางราวกับจะแตกสลายไปได้ทุกเมื่อ กระตุ้นสัญชาตญาณการปกป้องของเดฟให้คุโชน

            เจ้าของบ้านลุกขึ้น เดินไปหยิบหมอนและผ้าห่มอีกผืนออกมา แล้วล้มตัวลงนอนบนพื้นข้างโซฟาที่แมคเคนซี่นอนอยู่ คืนนี้ดึกมากแล้ว คงทำอะไรไม่ได้ ไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยตื่นมาสู้ด้วยกันอีกครั้ง

            หลังวางสายจากเพื่อนแล้วแดเนียลก็หันไปมองนาฬิกา และพบว่าดึกมากพอสมควร จึงตัดสินใจที่จะนอนพักก่อนแล้วพรุ่งนี้ค่อยออกไปสะสางเรื่องที่เดฟต้องการให้ทำ แต่เพียงแค่ล้มตัวลงนอนเท่านั้น เสียงแจ้งเตือนอีเมลก็ดังขึ้น หนุ่มร่างสูงเดินสะโหลสะเหลไปเปิดอีเมล แล้วก็ต้องตกใจจนตาค้างเมื่อพบว่าเป็นข้อความจากภรรยาบอกว่าจะกลับก่อนกำหนด

            เหลือเวลาไม่กี่วันเท่านั้นที่จะช่วยเดฟ!

            อดีตทหารรบพิเศษหนุ่มตื่นเต็มตา เขาหันกลับไปมองนาฬิกาอีกครั้งเพื่อประเมินว่าควรจะเริ่มจากที่ไหนดี ระหว่างแล็บพิสูจน์หลักฐานกับบ้านของพวกกัสซาโนที่อยู่เขตบรองซ์ แล้วก็ตัดสินใจได้ว่าถ้าไปแล็บพิสูจน์หลักฐานตอนกลางวัน ความเป็นไปได้นั้นแทบเป็นศูนย์ ดีไม่ดีจะถูกจับได้อีก ดังนั้นส่ง ตัวแทน’ เข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ของแล็บพิสูจน์หลักฐานและขโมยข้อมูลออกมาน่าจะดีกว่าการบุกเข้าไปเอง ไม่อย่างนั้นโดนจับได้แน่

            ชายหนุ่มเปิดคอมพิวเตอร์และโปรแกรมแฮ็กเข้าระบบข้อมูลขึ้นมา เสียงรัวคีย์บอร์ดดังเช่นนั้นครู่หนึ่งแล้วเขาจึงละไว้แค่นั้น ปล่อยให้โปรแกรมทำงานของมันไป ระหว่างรอสัญญาณเตือนเขาก็คิดวิธีที่จะติดต่อกับพวกกัสซาโน การที่ทั้งเอฟบีไอและอัยการเขตบุกไปถึงบ้านของพวกนั้นเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่า ทุกการสื่อสารไม่ว่าจะเข้าหรือออกจากบ้านนั้นและกลุ่มคนพวกนั้นจะต้องถูกจับตามอง ทำอย่างไรจะให้พวกนั้นรู้ถึงสิ่งที่เขาต้องการสื่อ

            แดเนียลคิดไปถึงโค้ดลับต่างๆ ที่ใช้ในกองทัพ ถ้าระหว่างพวกเขาซึ่งเคยผ่านงานนี้มาก่อนย่อมเข้าใจได้ตั้งแต่วินาทีแรกด้วยซ้ำ แต่กับพวกมาเฟียอย่างพวกกัสซาโนนี่สิ ตรงนี้ทำให้คิดหนัก แต่ก็ต้องลองดู ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้

            เสียงสัญญาณเตือนจากโปรแกรมคอมพิวเตอร์ทำให้แดเนียลหยุดคิดเรื่องเดิม ดวงตาคมหลังแว่นไร้กรอบหรี่ลงนิดๆ เมื่อเห็นว่าหลักฐานบางอย่างคลุมเครือ จึงเปิดหาข้อมูลของอัยการเขตคนใหม่ อัยการเขตคนเก่าและเอฟบีไอฝีมือฉมังอย่าง โคลิน คอนโนลลี่ จากนั้นก็รอให้โปรแกรมเจาะเข้าไป

            ชายหนุ่มหันมาสนใจกระดาษเปล่าตรงหน้า แล้วลองเขียนโค้ดลับ มองตัวอักษรพวกนั้นอย่างพิจารณาแล้วก็ถอนหายใจ ได้แต่หวังให้พวกกัสซาโนเข้าใจก็แล้วกัน

            แดเนียลปล่อยให้โปรแกรมเจาะเข้าฐานข้อมูลทั้งหมดของเป้าหมายที่ต้องการต่อไปเรื่อยๆ โดยให้เชื่อมต่อกับพีดีเอที่พกไปด้วย ส่วนตัวเองก็ออกจากบ้านมุ่งหน้าสู่ย่านบรองซ์ กว่าจะมาถึงก็สว่างพอดี จะหาบ้านของพวกกัสซาโนนั้นไม่ยากเลย เพราะเป็นบ้านหลังใหญ่ที่สุดที่อยู่ในย่านมิดเดิลทาวน์ ไม่ใช่บ้านใหญ่โตขนาดจะเป็นคฤหาสน์มีบริเวณบ้านกว้างขวางให้พวกเอฟบีไอเพ่งเล็ง เป็นแค่บ้านทรงเหลี่ยมสองชั้นที่เห็นได้ในฝั่งอีสต์โคสต์ทั่วไปที่ไม่สะดุดตา แค่มองปราดเดียวก็เดาได้ว่าไม่ใช่ที่อยู่จริงของพวกกัสซาโนแต่อย่างใด อาจจะเป็นแค่ที่ที่เอาไว้ใช้อาศัยหลบลี้จากความวุ่นวายในช่วงนี้เท่านั้น

            ชายหนุ่มมองหน้าบ้านหลังใหญ่ที่เงียบเชียบราวกับไม่มีคนอยู่ ทั้งที่ถนนด้านนอกรั้วก็มีผู้คนมาวิ่งออกกำลังกายยามเช้า แต่อะไรก็ไม่สะดุดตาเขาเท่าเด็กสองคนที่กำลังเตะลูกฟุตบอลเก่าๆ วิ่งเล่นกันอยู่แถวนั้น

            และแดเนียลก็คิดออกแล้วว่าจะส่งข้อความถึงพวกกัสซาโนได้อย่างไร

            เพล้ง!

            กระจกด้านทิศตะวันออกของห้องรับแขกแตกกระจายพร้อมกับที่ลูกฟุตบอลใหม่เอี่ยมลูกหนึ่งพุ่งเข้ามา เรียกความสนใจจากชายหนุ่มที่กำลังจะออกจากบ้านจนถึงกับสะดุ้ง กระนั้นลอเรนโซก็หลบได้ทัน เขาได้ยินเสียงเอะอะของพวกลูกน้องที่คงตามจับมือดีที่เตะบอลอัดกระจกบ้านแล้ว ไม่จำเป็นต้องห่วงเพราะแถวนี้ก็ถิ่นเขาทั้งนั้น จากนั้นก็พุ่งความสนใจไปที่ลูกบอลนั่นแทน

            ลูกฟุตบอลใหม่เอี่ยม...

            น่าแปลก เพราะเด็กแถวนี้ไม่ค่อยออกมาเตะบอลตอนเช้า ทั้งยังไม่มีลูกบอลใหม่เอี่ยมราวกับแกะกล่องออกมาอย่างนี้ด้วย ลอเรนโซหรี่ตาลงนิดๆ เมื่อเห็นตัวหนังสือที่ถูกเขียนไว้บนลูกฟุตบอล

            ‘VINGTRION’

            ไม่ใช่ชื่อยี่ห้อเพราะไม่คุ้นเคยแต่อย่างใด อีกทั้งยังอ่านยากเหลือเกิน ยิ่งเพิ่มความสงสัยให้ลอเรนโซกว่าเดิมขึ้นไปอีก เพราะไม่ใช่คำที่มีความหมายตรงตัว แต่น่าจะเป็นอย่างอื่นมากกว่า

            คิดได้ดังนั้นชายหนุ่มก็จะเดินออกจากบ้าน พอดีกับที่ลูกน้องของดิเอโกลากคอเด็กผู้ชายสองคนมาให้

            พวกนายใช่ไหมที่เตะบอลเข้ามาอัดกระจกฉัน” เจ้าของบ้านถามเสียงเรียบ ใช้สีหน้าดุดันข่มขวัญเด็กทั้งสองที่มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก ราวกับพร้อมจะร้องไห้ออกมาทุกเมื่อ

            ผมไม่ได้ตั้งใจ แต่มีคนจ้างผมยี่สิบเหรียญ

            ใคร

            พี่ผู้ชายใส่แว่น ใส่เสื้อสีดำ บอกว่าให้เตะเข้ามาเลย เขามีเรื่องจะบอกเจ้าของบ้าน

            ลูกบอลนี่น่ะหรือ” ลอเรนโซชูลูกบอลที่มีข้อความประหลาดๆ ให้เด็กทั้งสองดู

            ใช่

            มีคนอื่นรู้อีกไหม

            ไม่มีแล้ว” หนึ่งในสองคนตอบแล้วส่ายหน้าแรงๆ เป็นการช่วยยืนยัน แววตาหวาดกลัวของเด็กทั้งสองทำให้ลอเรนโซเชื่อว่าสองคนนี้ไม่โกหกแน่

            อย่าบอกใคร...ไม่งั้นตาย

            เด็กทั้งสองพยักหน้าแข็งขัน สีหน้าแววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แล้ววิ่งกลับไปทันทีที่ลอเรนโซพยักหน้าอนุญาต

            ไม่เอาเรื่องหรือครับ” คนของดิเอโกถาม สีหน้าไม่ค่อยพอใจ เพราะตัวเองก็เหนื่อยวิ่งตามแทบตาย คิดว่าเจ้านายจะเอาเรื่องสักนิด แต่ก็ไม่เลย

            ช่างเถอะ” แค่ข่มขู่ฆ่าเด็กก็แย่อยู่แล้ว โตกว่า อำนาจมากกว่าแต่ไปขู่เด็กตัวแค่นั้นทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองน่ารังเกียจสิ้นดี ว่าแต่ดิเอโกไปไหน

            ออกไปทำธุระตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ...นั่นไงมาพอดี

            ลอเรนโซหันไปมองรถซีดานสีดำที่เพิ่งเข้ามาจอด ร่างสูงคุ้นตาของดิเอโกเดินเข้ามาด้วยสีหน้าตระหนก แล้วรายงานในสิ่งที่รู้มาทันที

            แมคเคนซี่หายจากบ้านไปหลายวันแล้ว...” เสียงเหี้ยมของดิเอโกชะงักไปชั่วครู่เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในมือของเจ้านาย นั่นอะไร

            คิดว่ามีคนพยายามส่งข้อความถึงเรา” ลอเรนโซส่งลูกบอลลูกนั้นให้ดิเอโก ถอดข้อความให้ผมที

            ดูเหมือนชื่อยี่ห้อ

            ไม่มีอุปกรณ์กีฬายี่ห้อนี้หรอก แล้วอีกอย่างมันก็เป็นรอยที่ถูกเขียนขึ้นมาด้วย

            คนเพิ่งมาใหม่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย สายตาจับจ้องอยู่บนตัวหนังสือที่เรียงเป็นคำประหลาดพวกนั้นไม่วางตา

            พวกเอฟบีไอล่ะ” ลอเรนโซถามไปอีกเรื่อง หลังจากเอฟบีไอและอัยการเขตบุกมาถึงบ้านคราวก่อน เขาก็เคลื่อนไหวมากไม่ได้ และจำต้องย้ายจากบ้านหลังใหญ่มาทำตัวเป็นหมีจำศีลอยู่แต่ในบ้านพักหลังเล็กๆ แห่งนี้แทน

            ยังมีวนเวียนอยู่ตามนี้สองสามคน

            ช่างเถอะ จำคำนี้ไว้ให้ดีแล้วเอาไปถอดความอีกที ลบข้อความบนลูกบอลนี่แล้วทิ้งซะ

            ครับ

            แล้วเรื่องเดฟล่ะ

            ดิเอโกส่ายหน้า ไม่ได้อยู่ที่อะพาร์ตเมนต์แล้ว ทั้งเดฟและแมคเคนซี่

            แล้วจะไปอยู่ที่ไหนได้” ลอเรนโซครุ่นคิดขณะปรายตามองข้อความ ‘VINGTRION’ บนลูกบอลที่อยู่ในมือดิเอโก ดวงตาคมหรี่ลงนิดๆ เมื่อคิดอะไรได้

            ถ้าเดฟไม่อยู่ที่อะพาร์ตเมนต์แล้วจะไปไหนได้ ทั้งยังหายไปพร้อมกับที่แมคเคนซี่หายตัวไป มีความเป็นไปได้สูงที่ทั้งสองอาจจะไปด้วยกัน

            แต่ที่ไหนล่ะ...

            ลอเรนโซนึกถึงวันแรกที่ไปตามหาเดฟที่บาร์ วันนั้นเขาสวมรอยอยู่ในคราบของดิเอโก บอกว่าตัวเองคือ ดิเอโก ทั้งยังแนะนำดิเอโกตัวจริงว่าเป็นลอเรนโซเสียอีก แต่เดฟก็มองออกและรู้ทันอย่างรวดเร็ว แต่ลอเรนโซก็ยังทำไม่สนใจ ทู่ซี้ไปถึงบ้านของเดฟที่เออร์วิงตันอยู่ดี

            เออร์วิงตัน...อย่างนั้นหรือ

            มาเฟียหนุ่มปรายตามองตัวอักษร ‘VINGTRION’ ที่อยู่บนลูกบอล มองมันอย่างพิจารณา เพียงไม่นานเขาก็รู้ว่าข้อความนั้นหมายถึงอะไร

            ‘VINGTRION’ ถ้าสังเกตดีๆ แล้วลองนำมาเรียงใหม่...ก็จะเป็นคำว่า ‘Irvington’ เมืองที่บ้านของเดฟตั้งอยู่ยังไงล่ะ!
 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น