5

ผมเป็นว่าที่เจ้าของคุณ


 

5

ผมเป็นว่าที่เจ้าของคุณ

 

นักรบรู้ดีว่า ที่เขาเผลอก้าวร้าวกับผู้เป็นแม่ต่อหน้าพี่ชายไปขนาดนั้น เขาคงจะโดนอีกฝ่ายเรียกมาอบรมเป็นแน่ ชายหนุ่มต้องอยู่กับความวิตก อกสั่นขวัญแขวนตั้งแต่เช้าจนล่วงบ่าย ในที่สุด...เวลาตายของเขาก็มาถึง

“โชคดีนะครับ คุณนบ”

ปิติชูสองนิ้วให้กำลังใจน้องชายเจ้านาย อีกฝ่ายก็ตอบรับโดยการยิ้มแหย หน้าเจื่อนแล้วเจื่อนอีก ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ผลักประตูเข้าไปในห้องทำงานของจอมทัพ

ตาคมกริบของพี่ชายทำเขาหวาดหวั่นจนเสียวสันหลังวาบๆ ขาทั้งสองข้างสั่นในทุกย่างก้าว รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนักโทษที่กำลังเดินเข้าไปในลานประหารก็มิปาน

“มาแล้วเหรอ”

นักรบกลืนน้ำลายดังเอื๊อกเมื่อได้ยินเสียงเย็นยะเยือกที่ทักทายกัน ค้อมหัวทำความเคารพจอมทัพด้วยความนอบน้อม ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของพี่ชาย “เอ่อ...พี่ไนท์ เรียกผมมาทำไมเหรอครับ”

“ที่นบทำเมื่อเช้า มันไม่ควรเลยนะ” จอมทัพตำหนิตรงประเด็นโดยที่ไม่คิดจะอารัมภบทอะไรแม้แต่นิด “ยิ่งนบรั้นอย่างนั้น คุณแม่ก็จะยิ่งโมโห ถ้าอยากจะชนะใจผู้ใหญ่ นบก็ต้องใช้วิธีการพูดแบบผู้ใหญ่ พูดจาแบบคนมีวุฒิภาวะ ไม่ใช่เด็กน้อยเอาแต่รั้นอย่างที่นบทำ”

“ก็ผมเครียดนี่ครับ” คนเป็นน้องแก้ตัวอุบอิบ “คุณแม่สั่งให้ผมเลิกกับก้อยเฉยเลยอะ”

“งานที่พี่ให้ทำ นบจัดการหรือยัง ภาพรวมเรตติงของช่องทีวีในเครือ JPK Entertainment เป็นยังไงบ้าง ตอบพี่ได้ไหม”

“เดี๋ยวนะครับ” นักรบหน้าเหลอ งงสุดใจที่จู่ๆ จอมทัพก็เปลี่ยนมาถามเรื่องงาน “เรื่องก้อยกับเรื่องงานไม่เกี่ยวกันเลยนะครับพี่ไนท์”

“เกี่ยว” จอมทัพทำตาดุใส่น้องชาย เอ่ยสอนกลายๆ “พี่อยากรู้ว่านบบริหารเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ดีพอหรือยัง ว่าไง ตอบพี่ได้ไหม ตัวเลขเรตติงเท่าไร”

“เอ่อ...ผม...”

จอมทัพถอนใจ อาการอึกอักของน้องชายเป็นคำตอบแสนชัดเจนแล้วว่าไม่รู้

“นบเอาแต่โทษว่าทำไมผู้ใหญ่ใจร้ายกับตัวเอง แต่นบก็ไม่คิดจะพิสูจน์อะไรเลย ลองโฟกัสหลายๆ จุดสินบ ไม่ใช่โฟกัสแค่ว่าคุณแม่ไม่ชอบก้อย ตัวนบล่ะ แสดงอะไรให้คุณแม่เห็นบ้างหรือยังว่าตัวเองโตพอจะตัดสินใจเรื่องคู่ชีวิตแล้ว”

“ผมจะตัดสินใจได้ยังไงล่ะครับ คุณแม่ไม่ให้ผมตัดสินใจเลยนี่”

“ส่วนหนึ่งก็เพราะตัวนบเองที่ยังทำให้คุณแม่เชื่อในการตัดสินใจของนบไม่ได้ ถ้าเป็นพี่ พี่จะรับผิดชอบหน้าที่ในส่วนอื่นๆ ให้ดีพร้อม จะพิสูจน์ให้คุณแม่เห็นว่าผู้หญิงที่เรารัก เขาเข้ามาเป็นแรงผลักทำให้ชีวิตเราดีขึ้น”

“ในขณะที่นบ ตั้งแต่เปิดตัวว่าเป็นแฟนกัน นบก็ชอบพาก้อยออกจากบริษัท ทั้งที่มันคือเวลางานของเขา คิดดีๆ ซิว่าควรทำไหม”

โดนดุหนักเข้า นักรบก็หน้าเจื่อน “ก็...ผมสงสารก้อยนี่ครับ เพื่อนร่วมงานในฝ่ายดูแลศิลปินของก้อย พอรู้ว่าก้อยเป็นแฟนผม ก็ทำท่าทางแปลกๆ หาว่าก้อยหวังสูง กระแนะกระแหนก้อยสารพัด จนก้อยไม่อยากทำงานที่นี่แล้ว”

“นบก็เลยช่วยก้อย โดยการพาก้อยเกงาน ทั้งนบทั้งก้อยพากันไม่มีความรับผิดชอบทั้งคู่”

“ขอโทษครับ ผมไม่รู้จะทำยังไงแล้ว พี่ไนท์ช่วยพูดกับคุณแม่ให้ผมหน่อยไม่ได้เหรอครับ นะๆ พี่ชายสุดหล่อคนเก่งของผม”

พอนักรบก้มหน้าจ๋อย ใช้ไม้ตายที่ได้ผลมาตั้งแต่เล็กจนโต ด้วยการเอ่ยเสียงอ่อยๆ ออดอ้อนกัน จอมทัพก็ใจอ่อน ถอนใจเฮือกใหญ่

“ถ้าอยากให้พี่ช่วยพูดกับคุณแม่ให้ ก็ไปทำงานมาแลก”

“พูดตอนนี้เลยไม่ได้เหรอครับ นะครับพี่ไนท์”

“ไม่ได้!”

“โธ่ โหดกับน้องกับนุ่งตลอด”

รู้แล้วว่าครานี้จอมทัพไม่ใจอ่อนแน่ๆ นักรบเลยหยุดวอนขอ แล้วเปลี่ยนมาเป็นหรี่ตาเอ่ยยียวน “ระวังเท้อ พี่ไนท์จะลำบากบ้าง”

“ลำบากอะไร”

“ก็ถ้า...คุณแม่ไม่ชอบผู้หญิงของพี่ไนท์บ้าง พี่ไนท์จะรู้สึก!” นักรบแกล้งขู่ หัวเราะร่าในใจที่พี่ชายเงียบกริบทันทีที่ตนเอ่ยเรื่องทำนองนี้ขึ้นมา และถ้าจะไล่บี้ให้สุด ก็คงต้องขยี้เรื่องการมาของพริ้งพราวเลย “ได้ข่าวว่าเมื่อวานมีผู้หญิงอุ้มเด็กมาหาพี่ไนท์”

“อืม...” จอมทัพตอบรับอย่างไม่ปกปิด หรี่ตามองน้องชายอย่างสงสัย “ปิติบอกละสิ”

“ก็...ทำนองนั้นครับ ว่าแต่เขาคือใครเหรอครับ”

“เขาคือ...ลูกเมียพี่”

“ลูกเมีย!” นักรบแกล้งเบิกตากว้าง แสร้งทำเป็นตกใจกับสถานะของพริ้งพราวและเจ้าตัวเล็ก

“พี่กับพริ้ง แม่ของลูกพี่น่ะ มีอะไรกันเมื่อช่วงที่พี่ยังเจ้าชู้อยู่ แล้วเกิดเหตุท้องในช่วงนั้น”

“จะเชื่อได้เหรอครับพี่ไนท์” ชายหนุ่มลองแย้งเพื่อหยั่งเชิงดูว่าจอมทัพเชื่อสนิทใจเลยหรือไม่ “มาหลอกลวงพี่ไนท์หรือเปล่าก็ไม่รู้ แน่ใจเหรอว่าเด็กนั่นเป็นลูกพี่ไนท์จริงๆ”

“เขาไม่ได้ชื่อเด็กนั่น เขาชื่อพริกแกงน้อย ต่อไปอย่าเรียกพริกแกงน้อยของพี่ว่าเด็กนั่นอีก”

นัยน์ตาคมกล้าของคนพูดเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ทั้งยังไม่มีสักเศษเสี้ยวของความสงสัย

จากที่แกล้งตกใจ ครานี้นักรบตกใจจริงๆ ด้วยจอมทัพดูเชื่ออย่างสนิทใจ ทั้งยังรักหลานสาวของพริ้งพราวไม่น้อยเลยทีเดียว

“ตอนแรกพี่ก็ไม่แน่ใจ เกือบจะสืบหาความจริง ไม่ก็ตรวจดีเอ็นเอให้รู้แล้วรู้รอด แต่พริ้งไม่ยอม เขาไม่ได้มาเพื่อต้องการอะไร พี่เสนอความช่วยเหลือไป เขาก็ไม่เอาสักอย่าง เขาแค่มาบอกให้พี่รู้ว่าพี่มียายหนู ให้พี่ไปหาลูกได้ หรือถ้าพี่จะไม่ยอมรับ เขาก็ไม่แคร์อะไร เห็นเขาหยิ่งขนาดนี้ พี่เลยค่อนข้างแน่ใจว่าพริกแกงน้อยคือลูกพี่จริงๆ”

ทั้งที่ควรจะดีใจที่แผนของพริ้งพราวคืบหน้าอย่างรวดเร็ว แต่นักรบกลับยิ้มแห้ง เพราะไพล่นึกถึงวันที่ความจริงเปิดเผย ดูจากความหลงที่พี่ชายมอบให้พริกแกงน้อยในตอนนี้แล้ว ยามรู้ว่าคนตัวจ้อยไม่ใช่ลูก พี่คงจะเกรี้ยวกราดจนบริษัทถล่มเป็นแน่

“แล้วพี่ไนท์จะบอกให้คุณแม่รู้ไหมครับ” นักรบกระตุ้นถามต่อ

“บอก”

“แล้ว...ไม่กลัวเหรอครับ คุณแม่จะยอมรับได้เหรอ”

“ไม่กลัว เพราะยายหนูของพี่น่ารักมาก เห็นหน้าหลาน คุณแม่ก็น่าจะใจอ่อนบ้าง” จอมทัพยิ้ม นัยน์ตาเป็นประกายชื่นสุข เมื่อนึกถึงพริกแกงน้อยของตัวเอง

“แล้วถ้าคุณแม่เอาแค่หลาน แต่ไม่เอาแม่ของหลานล่ะครับ”

จอมทัพชะงัก หุบยิ้มโดยพลัน “พี่ก็จะบอกคุณแม่ว่า ผมจะเอาทั้งลูก ทั้งแม่ของลูก พริ้งเป็นเมียพี่ ถึงจะเป็นแค่เมียเก่า แต่หนทางจะกลับมาเป็นผัวเมียกันอีกก็ไม่น่าจะเหลือบ่ากว่าแรง ตอนนี้พริ้งเองก็ไม่มีใคร พ่อของลูกทำคะแนนทุกวัน ไม่ใจอ่อนบ้างก็ให้มันรู้ไป”

นักรบนิ่งงัน อึ้งตะลึงกับความเกินเลยที่ไม่ได้คิดไว้ ใครจะไปนึกว่าพี่ชายจะถูกใจพริ้งพราวอย่างรวดเร็ว จนเกิดเป็นความมุ่งหวังว่าจะจับหญิงสาวมาเป็นเมียจริงๆ

“นี่พี่ไนท์...รักเขาแล้วเหรอครับ เพิ่งเจอกันเองไม่ใช่เหรอ”

“พี่ก็บอกไม่ถูกว่ารักไหม แต่...พี่แค่รู้สึกว่า...”

“ว่า?”

“พริ้งเป็นของพี่”

จอมทัพยิ้มกริ่ม คิดถึงใบหน้าสวยหวานของสาวเจ้า ปากอิ่มเต็มที่ด่าเขาฉอดๆ นั่นก็ช่างน่ามันเขี้ยวจนอยากจะจับมาจูบสักสิบนาที

“พี่ไนท์...เอาจริงเหรอครับ”

“เอาจริงสินบ” จอมทัพยืนยัน แสดงความมุ่งมั่นของตนอีกรอบ “พี่จะรวบพริ้งมาเป็นเมียพี่อีกให้ได้ เสียดายที่ตอนนั้นพี่ไม่ได้จีบพริ้ง พลาดปล่อยพริ้งไป แต่ในเมื่อตอนนี้มีโอกาสแล้ว พี่จะไม่ปล่อยให้พริ้งหลุดมือไปอีก”

 

ไม่รู้เพราะคำสอนของจอมทัพที่ให้ยายหนูพริกแกงร้องไห้แงๆ ใส่ผู้ชายคนอื่น หรือเพราะความไม่สบอารมณ์ส่วนตัวของคนตัวน้อยเองกันแน่ จากเด็กที่ยิ้มเก่ง มีมนุษยสัมพันธ์ดี เข้ากับคนง่าย ใครอุ้มก็ไม่กลัวหรืองอแงอะไร จู่ๆ แกก็หงุดหงิด อ้อแอ้ฮึดฮัดใส่ภูริ ทั้งที่คุ้นเคยกับเขาพอสมควร

“พริกแกง เป็นอะไรครับ เคืองอะไรลุงภูเหรอลูก ลุงภูทำอะไรผิดครับ”

“บู้...&%#$+#@...”

ชายหนุ่มผิวขาวร่างสันทัด ท่าทางสุภาพเรียบร้อย อมยิ้มเอ็นดูคนตัวจ้อยที่ส่งเสียงไม่เป็นภาษา ทั้งยังสะบัดตัวหงุดหงิดอยู่ในอ้อมแขนของเขาตลอดเวลา จนเขาต้องยอมแพ้ ส่งตัวแกคืนพริ้งพราวไป ก่อนจะรับถ้วยข้าวที่ไม่เหลือข้าวแล้วกับกระติกน้ำสำหรับเด็กจากมือของหญิงสาวมาถือไว้เอง

“ลูกแมวน้อย งอแงอะไรลูก ป้ากับลุงภูอุตส่าห์พามาป้อนข้าวที่สวนหย่อมข้างอะพาร์ตเมนต์ บรรยากาศดีๆ แบบนี้ ไม่ชอบเหรอคะ”

พริ้งพราวถามเสียงหวาน ชี้ชวนให้เจ้าตัวเล็กมองต้นไม้ใบหญ้า พยายามทำให้แกอารมณ์ดี แต่ก็ยังไม่ได้ผลเท่าไร ด้วยแกก็ยังคงทำหน้าง้ำใส่ภูริเหมือนเดิม

“แน่ะ งอนใส่ลุงภูได้ยังไงคะ ไม่น่ารักเลยนะ”

ป้าดุเช่นนี้ คนตัวน้อยก็ยิ่งหงุดหงิด เถียงอ้อแอ้ด้วยภาษาเด็กอีก “แอ๊ะ! &%#$+#@...”

“ดื้อใหญ่แล้วนะเรา ปกติถ้ารู้ตัวว่าไม่มีปะป๊าฮอตคอยให้ท้าย หนูแทบไม่เคยดื้อกับป้าเลยนะคะ”

พริ้งพราวขมวดคิ้วเอะใจ เริ่มสงสัยในความฉลาดของแก หรือแกจะรู้ว่าถ้าโดนดุในระหว่างนี้ ต่อให้ไม่มีหฤทธิ์ ก็มีจอมทัพคอยเข้าข้าง เลยย่ามใจดื้อรั้นขนาดนี้

“อื๊อออ!”

ป้าคนงามส่ายหน้าอ่อนใจ บีบแก้มคนตัวน้อยเบาๆ “วันนี้เป็นอะไรคะ ทำไมดื้อใส่ลุงภูจังฮึ”

“พริ้ง...”

หญิงสาวหันไปมองคนเรียก เลิกคิ้วถามทางสายตา

“คือ...เราไม่อยากให้พริ้งทำอะไรแบบนี้เลย”

เธอยิ้มบางๆ ให้เจ้าของสีหน้าร้อนรนใจ ทราบดีว่าภูริกังวลและคำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับเธอ

ชายหนุ่มเป็นเพื่อนสมัยมัธยมปลายเช่นเดียวกับศรันย์ที่คบกันมายาวนาน ซึ่งไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันรวมพลของเพื่อนเก่าเพื่อนแก่หรืออย่างไร ตอนบ่ายศรันย์มาหา ตกเย็นภูริก็มาอีก และเธอก็ไว้ใจเขามากพอจนกล้าที่จะเล่าเรื่องแผนป่วนจารุณีให้เขาฟัง

“เราว่ามันเสี่ยงมาก เขาคิดว่าพริ้งเคยเป็นเมียเขา แล้วถ้าเกิดเขาทำอะไรพริ้งขึ้นมา พริ้งจะทำยังไง”

“จริงๆ เขาก็เกือบจะทำแล้วละ แต่ไม่สำเร็จ เราไม่ยอม” พริ้งพราวยักไหล่เชิดหน้าสบายๆ ในขณะที่ภูริเบิกตากว้างอย่างตกใจ

“อันตรายเกินไป เชื่อเราเถอะพริ้ง ยกเลิกแผนการเถอะ”

พริ้งพราวถอนใจ ก่อนจะหอมแก้มคนในอ้อมแขนเพื่อหนีสายตาวอนขอของภูริ รู้ดีว่าเขาเป็นห่วงเธอเพียงใด

“แอ๊ะ!”

คนตัวจ้อยส่งเสียงแทรกผู้ใหญ่ ดวงตาน้อยๆ จ้องคนห้ามพริ้งพราวเสมือนโกรธเคืองเขานักหนา ก่อนจะยิ้มร่าดีอกดีใจเมื่อเหลือบไปเห็นว่าใครกำลังเดินมา

“พริ้ง!”

พริ้งพราวหน้าตื่น หันขวับไปหาเจ้าของเสียงเข้ม เขายิ้มกว้างให้คนตัวน้อย แต่พริ้งพราวกลับสัมผัสได้ว่า ภายใต้รอยยิ้มนั้น มันมีรังสีของความโกรธาแทรกอยู่อย่างมหาศาล

“ป้อ!”

“ว่าไงคะ ยายหนูของป้อ”

จอมทัพทักทายเสียงเล็กเสียงน้อยทันทีที่เดินมาถึงตัวสองสาว คนตัวน้อยเองก็ยิ้มร่าหน้าบานเอาใจชายหนุ่ม ยกมือตบแก้มเขาดังแปะๆ ในขณะที่พริ้งพราวนั้นหน้าแห้งด้วยความสงสารชายหนุ่มอีกคนที่โดนพริกแกงเมิน

“คิดถึงพริกแกงน้อยของป้อที่สุดเลยลูก หนูล่ะ คิดถึงกันบ้างหรือเปล่าคะ”

“ป้อ!”

จอมทัพหัวเราะ หอมแก้มสุดที่รักของตนฟอดใหญ่ เหลือบมองถ้วยข้าวที่ว่างเปล่า ดูเชิงคนถือ ก่อนจะเอามือไปโอบเอวบางของพริ้งพราว และทำทีเปรยลอยๆ

“พริ้ง ผมว่าเราขึ้นไปบนห้อง ไปใช้เวลา ‘ส่วนตัว’ ตามประสา ‘พ่อแม่ลูก’ กันดีกว่า”

เขาเน้นเสียงให้เข้มขึ้น ตวัดตาวาววับใส่ผู้ชายอีกคนโดยที่ไม่สนใจว่าจะเป็นการเสียมารยาทหรือไม่ ภูริเองก็นิ่งขึง ทราบโดยอัตโนมัติว่ากำลังโดนไล่ทางอ้อม ครั้นมองท่าทีของจอมทัพตามประสาผู้ชายด้วยกันก็ร้อนรน กลัวว่าตนกับพริ้งพราวจะใกล้ชิดกันอย่างที่เป็นมาไม่ได้อีกแล้ว

“ไปเถอะพริ้ง วันนี้ผมจะโชว์สกิลอาบน้ำให้พริกแกงน้อยด้วย”

พอจอมทัพไล่ทางอ้อมเป็นครั้งที่สอง พร้อมกับยื่นมือมาขอถ้วยข้าวและกระติกน้ำด้วยท่าทางของพ่อที่กำลังหวงของลูก ภูริก็กัดฟันโกรธเคือง แต่ครั้นจะให้โวยความจริงออกมาก็ทำไม่ได้ คงทำได้แค่...ทิ้งระเบิด

“เรากลับก่อนก็ได้พริ้ง” ภูริเอ่ยเสียงนุ่มกับเพื่อนสาว ยิ้มบางๆ ให้ “ใกล้ถึงเวลาสัญญาลับของเราแล้วนะพริ้ง อย่าลืมล่ะ”

“เอ่อ...จ้ะ” พริ้งพราวรับคำทั้งสีหน้าตื่นตระหนก งงนักที่อยู่ๆ เพื่อนชายก็เอ่ยถึงเรื่องนั้น

“ไปละนะพริ้ง”

“จ้ะ กลับบ้านดีๆ นะ” พริ้งพราวโบกมือลาเพื่อนชาย จับมือน้อยของคนในอ้อมแขนโบกลาเขาด้วย “บ๊ายบายลุงภูเร็วค่ะยายหนู บ๊ายบายค่า ลุงภู”

พอร่างสันทัดเดินห่างออกไปเรื่อยๆ หญิงสาวก็หันไปทำตาวาววับใส่เสือหน้าหยก โวยเสียงแหลม “คุณเสียมารยาทกับเพื่อนฉันมากนะ ไล่เขาได้ยังไง”

“เพื่อน...” จอมทัพขมวดคิ้ว ทำหน้าเบ้หงุดหงิด “แน่ใจเหรอว่าเป็นแค่เพื่อน แล้วที่หมอนั่นพูดถึงสัญญาลับอะไรนั่น มันคือสัญญาอะไรฮะ”

“ก็...”

“ว่าไง ตอบผมมา!”

คนอึกอักค้อนที่โดนเขาทำตาดุใส่ “คุณนี่ชอบออกคำสั่งตลอดเลยนะ”

“ตอบมาสิ!”

“ไม่ อย่ามาสั่งฉัน!”

หญิงสาวเชิดหน้าโต้กลับ ไม่สนใจว่าจอมทัพจะโมโหเพียงใด ชายหนุ่มเองก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ รู้แล้วว่าไม้แข็งใช้ไม่ได้ผลกับสาวเจ้า เลยพยายามทำใจเย็นปรับน้ำเสียงให้นุ่มหูขึ้น

“พริ้ง...ตอบผมหน่อยเถอะ สัญญาอะไร”

“...”

“น่า บอกผมได้ไหมพริ้ง”

ไม้อ่อนของจอมทัพได้ผล หญิงสาวถอนใจ เลิกเชิดหน้าใส่ พอสบตาที่กำลังสั่นระริกไปด้วยความอยากรู้ก็ใจอ่อนยวบ ก่อนยอมเอ่ยปากบอกเขา “สัญญา...แต่งงาน”

“แต่งงาน!” ชายหนุ่มเบิกตากว้าง ความกรุ่นโกรธผุดขึ้นมาในอก ทวนถามเสียงเข้ม “แต่งงานอะไร!”

“คือฉันกับภูสัญญากันไว้ว่า ถ้าอายุสามสิบแล้วยังไม่มีใคร อาจจะแต่งงานกัน”

“คุณจะบ้าเหรอ ไปสัญญาบ้าๆ แบบนั้นได้ยังไง คุณมีลูกกับผมแล้วนะ!”

“ก็ตอนสัญญาฉันยังไม่มีลูกนี่ยะ อายุก็แค่สิบแปดเอง ไม่มีใครรู้อนาคตนี่”

“โอเค ตอนนั้นคุณไม่รู้อนาคต แต่ตอนนี้คุณรู้ปัจจุบัน คุณมีลูกแล้ว และพ่อของลูกก็ยืนอยู่ตรงนี้ คุณต้องยกเลิกสัญญากับมัน!” จอมทัพเผลอออกคำสั่งกับสาวเจ้าอีกครา นัยน์ตาคมกล้าลุกโชนไปด้วยไฟแห่งความโกรธเกรี้ยว

“รู้ว่าผู้หญิงเขามีลูกแล้วอย่างนี้ก็ยังจะมาอินกับสัญญาโบราณอะไรนั่นอีกได้ยังไงวะ สะเหล่อจริงๆ”

พริ้งพราวส่งค้อนวงโตใส่เสือร้าย ก่อนจะเอ่ยปกป้องเพื่อนชาย “ปากเสีย ว่าเพื่อนฉันแบบนี้ได้ยังไงฮะ อย่าว่าเขาอีกนะ”

“จะว่า!”

“พาล”

“เออ ผมพาล” จอมทัพยอมรับทั้งสีหน้าเคร่งเครียด ยื่นมือไปจับคางสาวเจ้า “ผมขอสั่งจากสิทธิ์ของการเป็นว่าที่เจ้าของคุณ คุณต้องเคลียร์สัญญาแต่งงานบ้าๆ นั่นทิ้งไปซะ!”

“คุณมาเป็นว่าที่เจ้าของฉันตอนไหนฮะ!”

“เป็นเมื่อวาน ผมแต่งตั้งตัวเองเรียบร้อยแล้ว!”

“มโน” พริ้งพราวแบะปากใส่คนหน้าด้านหน้ามึน เชิดหน้าปฏิเสธสถานะ “ฉันไม่ให้เป็น!”

“ผมจะเป็น!”

“ฉันไม่ให้เป็น!”

“ได้ งั้นถามลูก ให้ลูกตัดสิน!” จอมทัพหันไปหาคนตัวจ้อย อ้อนถามด้วยน้ำเสียงแสนละมุน “พริกแกงน้อยของป้อ ระหว่างไอ้หมอนั่นกับป้อ หนูอยากให้ใครแต่งงานกับแม่พริ้งคะ...ป้อใช่ไหม...ป้อ...ป้อ”

แสบจิ๋วหันมองหน้าพริ้งพราวกับจอมทัพสลับกันไปมา ยิ้มร่าหน้าบาน ก่อนจะส่งเสียงดังฟังชัด “ป้อ!”

“เยส!” ชายหนุ่มร้องดังลั่น ชอบใจในคำตอบ “คะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ คุณต้องยกเลิกสัญญานี่ซะ ไม่งั้นผมกับพริกแกงน้อยจะประท้วงคุณ”

“ประท้วงอะไรของคุณมิทราบ”

“เราสองคนจะรุมโกรธคุณ และผมก็จะสอนให้พริกแกงน้อยเกลียดขี้หน้าหมอนั่นยิ่งกว่านี้อีก”

พริ้งพราวอ้าปากหวอกับคำขู่สุดเพี้ยนของเขา เข้าใจแจ่มแจ้งเลยว่าเหตุใดแสบจิ๋วถึงติดเขาง่ายนัก

ที่แท้...ตาลุงไนท์ก็มี ‘เคมี’ เดียวกันกับพ่อตัวจริงของแกนี่เอง

หฤทธิ์ก็มีความเพี้ยนเช่นนี้ ต่อหน้าคนอื่น น้องเขยเธอคือผู้กำกับโฆษณาสุดเท่ สุขุมเป็นการเป็นงานกับลูกค้า ห้าวเข้มกับลูกน้องในบริษัทโฆษณา แต่กับพริกแกง เขาคือคุณพ่อสุดประหลาด ที่ป้าอย่างเธอกุมหัวปวดประสาททุกครั้งเวลาเห็นกิริยาติงต๊องของเขา

จอมทัพเอง เธอก็ไม่นึกหรอกว่าประธานบริษัท JPK Entertainment หน้าดุที่เธอพบเมื่อวานจะมี ‘ร่างสอง’ สุดประหลาดเหมือนน้องเขยเธอเช่นกัน

“ว่าไง จะยกเลิกสัญญาดีๆ หรือจะให้เราสองคนพ่อลูกประท้วงคุณฮะ ผมขอบอกให้คุณรู้ไว้เลยนะว่า ผมจะไม่ยอมให้ลูกสาวผมมีพ่อเลี้ยงเด็ดขาด”

“แอ๊ะ!”

“ใช่ไหมคะพริกแกงน้อยของพ่อ หนูไม่อยากมีพ่อเลี้ยงหรอกเนอะ” จอมทัพคลี่ยิ้มหยอกล้อแนวร่วมตัวจิ๋วที่ช่างรู้งานส่งเสียงอ้อแอ้ตอบรับอุดมการณ์หวงเมียเก่าของเขา

“พ่อตัวจริงยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้แท้ๆ แถมยังหล่อกว่า เท่กว่า รวยกว่า มีดีกว่าหมอนั่นตั้งเยอะ เรื่องอะไรที่หนูจะยอมมีพ่อใหม่ล่ะ มีพ่อคนนี้คนเดียวก็พอแล้ว เนอะ”

“ป้อ!”

“ครับ ถ้าแม่พริ้งยังจะดื้อหาพ่อใหม่ให้ เรามาจัดการแม่พริ้งกัน โอเคไหม”

พริ้งพราวขึงตาวาววับทันทีที่ได้ยินข้อตกลงนั้น “อย่ามาเสี้ยมสอนให้ยายหนูเป็นปรปักษ์กับฉันนะ”

“คุณก็รับปากมาสักทีสิว่าจะยกเลิกสัญญาโบราณกับไอ้สะเหล่อนั่น”

“ไม่ ฉันยังไม่รับปาก ถ้าไม่มีใครเข้ามาทำให้ฉันยกเลิกด้วยใจจริง ฉันก็ยังไม่ยกเลิก”

‘ใคร’ หน้างอทันควัน หมั่นไส้คนที่กำลังเชิดหน้าเชิดตาเอ่ยจนแทบจะอดใจไม่ไหว มีแววว่าคงจะได้หาเรื่องจูบลงโทษจนหนำใจในเร็วๆ นี้

“แล้วคุณก็รู้ไว้ด้วยนะ ต่อให้ภูจะหล่อน้อยกว่าคุณ เท่น้อยกว่าคุณ รวยน้อยกว่าคุณ แต่เขาก็เป็นคนดี ไม่เคยเจ้าชู้เหมือนคุณด้วย ขอบอก!”

“ตอนนี้ผมก็ไม่เจ้าชู้แล้วไง”

“ต่อให้คุณไม่เจ้าชู้แล้ว เรื่องของคุณกับฉันก็เป็นไปได้ยากอยู่ดี เราต่างกันเกินไป ทั้งความเป็นอยู่ สถานะทางสังคม ไม่มีอะไรใกล้เคียงกันเลย ในขณะที่ภูมีชีวิตแบบเดียวกับฉัน ถ้าฉันรักกับเขา...” หญิงสาวแกล้งยิ้มยั่ว เห็นช่องที่ตัวเองจะเกริ่นนำไปหาจารุณี “ปัญหาเรื่องแม่ผัวลูกสะใภ้ก็ไม่มี เพราะแม่ภูรักฉันมาก”

“ถ้ารักกับผม ก็ไม่มีปัญหาเรื่องนี้เหมือนกัน”

“เหรอยะ” เธอแบะปาก ทำหน้าเบ้ไม่เชื่อถือถ้อยคำรับประกันที่ออกมาจากปากชายหนุ่ม รีบแย้งโดยไว “ฉันเคยอ่านข่าวเก่าๆ ของคุณกับนางเอก ก. นางแบบสาว ข. นักร้องสาว ค...แต่ละคน เจอปัญหาแม่คุณไม่ปลื้มทั้งนั้น แล้วฉันจะรอดเร้อ”

รายละเอียดในชีวิตเสเพลของตนที่ถูกคนร่างบางเอ่ยถึง สร้างความสงสัยให้จอมทัพได้มากพอดู ชายหนุ่มเลิกคิ้วจ้องใบหน้าหวานล้ำของพริ้งพราว ก่อนจะหัวเราะหึ เย้าหยอกสาวเจ้า

“นี่คุณติดตามผมมาตลอดเลยเหรอ ที่แท้ก็สนใจผมเหมือนกันนี่ คุณเมียเก่า”

โดนเขาจับไต๋ได้ พริ้งพราวก็เก้อกระดากจนหน้าม้าน ครั้นจะแก้ต่างว่าไม่ได้สนใจ หลักฐานก็มัดตัวจนแน่นหนา แสบจิ๋วเองก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจที่เห็นพริ้งพราวไปไม่เป็น ทั้งยังโผเข้าหาจอมทัพด้วยความเร็วจนคนอุ้มตกใจตาเหลือก ดีที่จอมทัพมือไวรับไว้ทัน มิเช่นนั้นร่างของหนูน้อยอาจจะหลุดมือร่วงจากอกพริ้งพราวเลยก็ได้

“พริกแกง ต่อไปไม่ทำแบบนี้นะคะ มันอันตรายนะลูก”

“อ๊ะ!”

แสบจิ๋วทำปากจู๋ต่อต้านคนดุ รีบเอนตัวไปซบอกจอมทัพที่ตั้งท่าปกป้องแกสุดฤทธิ์

“ทำไมต้องดุลูกด้วย ลูกก็แค่อยากมาหาผม นี่แหละ การแสดงออกขั้นแรกของลูก คุณโดนลูกแบนแล้วพริ้ง”

ข้อกล่าวหาของเขาทำพริ้งพราวขันจนเกือบจะหลุดยิ้มออกมา ก่อนรีบปรับสีหน้าให้นิ่งเรียบ สั่งเขาด้วยน้ำเสียงเข้มงวด

“ขึ้นห้องได้แล้วค่ะ จะโชว์สกิลอาบน้ำให้ลูกไม่ใช่เหรอ มัวแต่เล่นบทพิศวาสฉันอยู่อย่างนี้ แล้วเมื่อไรจะได้โชว์ฮึ”

หญิงสาวแย่งถ้วยข้าวกับกระติกน้ำมาถือไว้เอง ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากสวนหย่อมข้างอะพาร์ตเมนต์ เชิดหน้าเสมือนไม่สนใจว่าจอมทัพจะตามมาหรือไม่ ทว่าก็คอยเอียงหูฟังเสียงฝีเท้าของเสือหน้าหยกอยู่ตลอดเวลา

“พริกแกงน้อย ดูแม่พริ้งสิลูก ใจร้ายกับพ่อมากเลย”

คนเดินตามบ่นกระปอดกระแปด จ้องเจ้าของแผ่นหลังบางอย่างหมายมาด สัญชาตญาณของนักล่าถูกปลุกให้ฟื้นคืนเต็มอัตรา งานนี้จะไม่มีคำว่าชะล่าใจอีกแล้ว

“พริกแกงน้อยคะ” ชายหนุ่มยื่นปากไปกระซิบข้างหูคนในอ้อมแขน ออดอ้อนขอความช่วยเหลือ

“ช่วยพ่อด้วยนะลูก เรามาผุดโครงการเฝ้าแม่พริ้งไว้ให้พ่อไนท์กัน ห้ามให้ใครมาเกาะแกะแม่นะคะ หนูต้องหวงแม่ไว้ให้พ่อนะ รู้ไหม”

“แอ๊ะ!”

แสบจิ๋วหัวเราะเอิ๊กอ๊าก ดังจนพริ้งพราวยอมลดฟอร์ม หันหลังกลับมามองแวบหนึ่ง

น่าประหลาด ไม่รู้เธอจินตนาการไปเองหรือเปล่า จากนัยน์ตาไร้เดียงสาเปล่งประกายสดใส กลับแปรเปลี่ยนเป็นความเจ้าเล่ห์อย่างที่เธอเองก็ไม่คาดคิดว่าคนตัวน้อยจะมีแววตาเช่นนี้

หรือแกจะกำลังคิดว่า โครงการเฝ้าแม่พริ้ง...หรือจะเจ๋งเท่าโครงการหาลุงเขย! *หนูลองแก้เป็นแบบนี้นะคะ เป็นการคิดผ่านมุมมองของพริ้ง ไม่ชี้ชัดว่าพริกแกงคิดจริงมั้ย

แสบจิ๋วหัวเราะหน้าบาน นัยน์ตาไร้เดียงสาเปล่งประกายสดใส ทว่า...ในเสี้ยววินาทีที่จอมทัพหันไปมองพริ้งพราว ไม่รู้หญิงสาวคิดไปเองหรือไม่ ว่าความไร้เดียงสาแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มเจ้าเล่ห์...แต่คงเป็นไปไม่ได้

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น