3
เวอร์จินไม่ปลอดภัย
ต้องให้พริ้งพราวบอกเสียงเขียวว่าถึงเวลารับประทานอาหารของยายหนูแล้วนั่นแหละ หฤทธิ์ถึงได้ยอมวางสายจากลูกสาวตัวน้อย
ดีที่แววตาของแกยังร่าเริงสดใสเหมือนเคย เขาเลยพอวางใจที่จะอยู่โตเกียวต่อไป เพราะถ้ามีสักเสี้ยววินาทีที่เห็นว่าลูกสาวร้องไห้คิดถึงตนกับภรรยา หฤทธิ์ก็พร้อมที่จะยกเลิกทริปแล้วบินกลับประเทศไทยทันที
“หายกลุ้มหรือยังคะพี่ฮอต”
หฤทธิ์หันไปคลี่ยิ้มให้พริ้มเพรา ก่อนจะหอมแก้มเนียนของคนหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มเหมือนลูกแมว จนเป็นที่มาให้ตนเรียกยายหนูว่าลูกแมวน้อยตั้งแต่แกยังอยู่ในท้องแม่
“ก็หายกลุ้มแล้วละ พี่เชื่อว่าป้าพริ้งจะดูแลยายหนูอย่างที่รับปากเราแน่นอน แต่ไม่รู้ทำไม พี่ดันรู้สึกแหม่งๆ ยังไงก็ไม่รู้ กลัวแปลกๆ ว่าป้าพริ้งจะพาลูกเราไปทำอะไรที่มันป่วนซ่าเกินไปหรือเปล่า”
ชายหนุ่มบ่นถึงป้าคนสวยอย่างไม่ไว้วางใจ เดิมทีทั้งคู่ก็เตรียมการจะพาลูกมาด้วยอยู่แล้ว แม้จะต้องมีข้อควรระวังและการเตรียมความพร้อมซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรัดกุมทุกขั้นตอน แต่เพื่อลูกสาวสุดที่รัก ต่อให้เหนื่อยหรือวุ่นวายเพียงใด หฤทธิ์ก็ทนได้
ทว่าในขณะที่กำลังวางแผนกันอยู่นั้น จู่ๆ พริ้งพราวก็โผล่มาที่บ้าน ทำหน้าระรื่นอาสาเป็นคนดูแลยายหนูน้อยให้เอง
ใคร่ครวญกันหลายตลบ สุดท้ายเขาและภรรยาก็ตกลงปลงใจที่จะฝากยายหนูไว้กับพริ้งพราว
ไม่ใช่ว่าเขาไม่รักหรือคิดว่าลูกคืออุปสรรคในการเดินทาง แต่ด้วยจังหวะอะไรหลายอย่าง การให้ลูกอยู่กับพริ้งพราวอาจจะดีกว่าการพามาด้วย ก็ได้แต่หวังว่า นี่จะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง...
ที่พักของพริ้งพราวไม่ได้เลวร้ายเกินจะรับไหว ทว่าหากเทียบกับบ้านจิตรภากร หรือห้องชุดส่วนตัวของจอมทัพแล้ว อะพาร์ตเมนต์ห้องนี้ก็คือรังหนูดีๆ นี่เอง
“ดูทำหน้าเข้า ห้องฉันแย่มากเลยเหรอคุณ”
พริ้งพราวส่งค้อนวงโตใส่คนที่เธอเพิ่งลงไปรับที่หน้าล็อบบี เขาขมวดคิ้วมุ่น ขณะกวาดตามองไปทั่วห้อง เห็นได้ชัดว่าไม่คิดจะเก็บความไม่ชอบใจเอาไว้เลย
“มันก็ไม่ได้แย่ แต่...ผมก็ไม่นึกว่าจะเล็กขนาดนี้ ยายหนูอยู่ห้องแค่นี้มาตลอดเลยเหรอ”
“ค่ะ อยู่มาตลอด โอเคว่ามันอาจจะเล็กสำหรับคนรวยเว่อร์อย่างคุณ” พริ้งพราวแบะปากใส่คนหล่อหน้าหยก จีบปากจีบคอชี้แจง “แต่มันก็ใหญ่พอสำหรับคนไม่รวยอย่างฉัน เนอะ ยายหนูของแม่ เราอยู่กันได้เนอะ” เธอถามเจ้าตัวน้อยในอ้อมแขน
แกเองก็ร่วมมือด้วยการดิ้นแล้วส่งเสียง “แอ้แอ๊ะ!”
จอมทัพถอนใจ ความเรียบง่ายพอเพียงของพริ้งพราวนับว่าเป็นสิ่งที่ดี ทว่ากลับไม่สามารถทำให้ชายหนุ่มนึกอยากชื่นชมอะไรเธอได้เลย ด้วยตอนนี้เขากำลังถูกความรู้สึกผิดจู่โจมเข้ามาในใจจนทำให้ชาดิกไปทั้งร่าง
ยิ่งเห็นตู้ เตียง โต๊ะเครื่องแป้ง โต๊ะรับประทานอาหารขนาดเล็กที่ค่อนข้างผ่านการใช้งานมานาน ก็ยิ่งเครียดระคนสะท้อนใจที่ปล่อยให้เลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองต้องมามีคุณภาพชีวิตไม่สมกับการเป็นทายาทของตระกูลจิตรภากร
“ย้ายไปอยู่ห้องชุดของผมไหม ผมมีห้องชุดส่วนตัวอยู่”
จอมทัพลองเสนอทางเลือกให้เธอดู ซึ่งนี่ก็เป็นทางที่เหมาะสมกับสถานการณ์นี้ที่สุดแล้ว ครั้นจะโชว์แมนออกปากว่าจะพาไปอยู่ที่บ้านก็ยังกระดาก ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างกันยังไม่ได้คืนรังจนถึงขั้นว่าจะบอกให้ครอบครัวทราบถึงการมีอยู่ของทั้งคู่ได้ในตอนนี้
“ไม่อะค่ะ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ต้องการอะไรจากคุณ”
เธอยืนยันเจตนารมณ์ที่เคยเอ่ย ทำเอาจอมทัพกรุ่นโกรธจนขบกรามดังกรอด
“คุณจะยอมรับความช่วยเหลือจากผมบ้างไม่ได้เลยหรือไง จะหยิ่งไปถึงไหนฮะ!”
“ไม่ได้หยิ่ง แต่ไม่เอา!” พริ้งพราวโต้กลับพลางหรี่ตาวิเคราะห์การกระทำของเขา “เสนออะไรๆ ให้ฉันอย่างนี้ คุณเชื่อหมดใจแล้วเหรอว่าฉันเคยเป็นเมียคุณ ยายหนูเป็นลูกคุณ”
“ก็...ถ้าคุณคิดจะหลอก ก็ต้องหลอกเพื่อผลประโยชน์อะไรสักอย่าง แต่คุณดันไม่ต้องการอะไร ผมเลยนึกไม่ออกว่าคุณจะมาหลอกผมทำไม”
วาจาที่ออกมาจากปากเขาทำพริ้งพราวรื่นเริงบันเทิงเบอร์แรง ทว่าก็ต้องเก็บอาการ เอ่ยเสียงเรียบรักษามาด “อย่างที่ฉันบอกแหละค่ะ ฉันแค่อยากให้คุณรู้ว่ามียายหนูอยู่ ส่วนหลังจากนั้น ฉันยังไงก็ได้ คุณจะไม่ยอมรับลูก ฉันก็เข้าใจ คุณจะไม่มาข้องเกี่ยวอะไรกับเราสองคนเลย ฉันก็โอเค...เนอะ ยายหนู”
“แอ๊ะ...ป้อ!”
หญิงสาวหัวเราะคิกคักเมื่อคนตัวน้อยส่งเสียงอ้อแอ้น่ารักร่วมมือเป็นอย่างดี ก่อนจะชะงักงันเมื่อเห็นแววตาของจอมทัพที่เปลี่ยนไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง
จากคนที่เคยสับสนและมองเธอกับยายหนูด้วยความสงสัย กลายเป็นแววตาของคนที่เชื่อว่าตัวเองคือพ่อของคนตัวน้อย และ...เอ่อ สามีของเธอ
แม้จะค่อนข้างมั่นใจว่าท่าทางของเขาคงจะออกมาอีหรอบนี้ ทว่าพอเขาเป็นดังที่ตนคาดการณ์ไว้จริงๆ พริ้งพราวก็นึกหวั่นใจอยู่บ้างเหมือนกัน ด้วยยังไม่ชินระคนกระดากอายเลเวลสิบสอง เมื่ออยู่ๆ ก็ต้องตกอยู่ในสถานะสตรีมีพันธะทั้งที่พรหมจรรย์ยังไม่เคยถูกชายใดกล้ำกรายมาก่อน
แต่กระนั้น เธอก็ต้องทำใจยอมรับอย่างหนึ่งว่า ไม่ว่าจะในมุมของเธอที่เขาเป็นเพียงแค่สามีปลอม หรือในมุมของเขาที่เป็นเพียงแค่สามีเก่า อย่างไรเสีย ทั้งสองกรณี จอมทัพก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีเธออยู่ดี
“พริ้ง...ผมถามอะไรหน่อยสิ”
“คะ? ถามอะไรเหรอ”
จอมทัพยังไม่เอ่ย แต่จ้องหน้าพริ้งพราวสลับกับคนตัวน้อย ทบทวนสิ่งที่ตนตัดสินใจผ่านกระบวนการคิดมาหลายชั้น ครู่หนึ่งก็เอ่ยถามเสียงนิ่งแฝงความจริงจัง
“ทุกวันนี้...คุณได้คบใครบ้างหรือเปล่า”
“ก็...ไม่อะค่ะ เลี้ยงลูกก็เหนื่อยแล้วคุณ ไม่มีเวลาไปสนใจผู้ชายหรอก”
“อืม...ก็ดี”
ชายหนุ่มตอบรับ มองสาวเจ้าด้วยดวงตาแพรวพราววิบวับอย่างเสือเวลาเจอเหยื่อที่ถูกใจ พริ้งพราวเองก็ไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดจะไม่รู้ว่าเขาถามทำไม
ตายละ...เวอร์จินที่เฝ้ารักษามาตลอดยี่สิบเจ็ดปี เห็นทีจะไม่ปลอดภัยเสียแล้ว
“แอ๊ะ!”
“ครับ ว่าไงลูก มาหาพ่อไหม ตัวป่วน”
จอมทัพยิ้มเอ็นดูคนตัวน้อยที่ส่งเสียงอ้อแอ้แทรกการสนทนา เรียกแกว่าลูกอย่างไม่กระดากปากอีกต่อไป แกเองก็ร่าเริงดี๊ด๊า ออกอาการว่าอยากมาหาเขา
“ป้อ!”
“ครับ พ่อเอง...มีตาลุงที่ไหนมาจีบแม่พริ้งบ้างไหมลูก”
“แอ๊ะ!”
“ครับ ถ้ามีใครมาจีบแม่พริ้ง หนูต้องเป็นบอดีการ์ดตัวจิ๋ว ร้องไห้แงๆ ใส่ไอ้พวกนั้นเลยนะลูก โอเคไหม” จอมทัพนัดแนะกับคนตัวน้อย ทำเป็นมองไม่เห็นว่าพริ้งพราวกำลังถลึงตาใส่ตนเอง
“คุณอย่ามาสอนอะไรเพี้ยนๆ ให้ลูกนะ” เธอแหวเสียงแข็ง “ยายหนูก็ด้วย อย่าไปฟังเขานะคะ เราจะไปร้องไห้ใส่ใครมั่วๆ ไม่ได้นะลูก”
โดนพริ้งพราวดุเข้า เจ้าตัวน้อยก็ทำปากจู๋ ก่อนจะส่งเสียงอ้อแอ้ไม่เป็นภาษาเถียงกลับ
“อ๊ะ...แอ๊ะ...บู้ๆ&%#!”
แม้จะไม่เข้าใจว่าแกหมายถึงอะไร แต่จอมทัพก็ยิ้มขำ มีอารมณ์ร่วมเสมือนเข้าใจทุกอย่าง ขันนักที่เจ้าตัวน้อยแสดงอาการคล้ายว่าจะเข้าข้างตนออกมา
“ต้องอย่างนี้สิ เป็นลูกเสือก็ต้องรักพ่อเสือ อยู่ทีมพ่อเสือ”
ชายหนุ่มคลี่ยิ้มสมใจ ถือวิสาสะยื่นมือไปอุ้มคนตัวจ้อยมาแนบอก ท่าทางอ่อนโยนระคนคล่องแคล่วจนแทบไม่น่าเชื่อว่าเขาคือคนคนเดียวกับชายหน้าเข้มที่แผดเสียงดุต่อต้านการปรากฏตัวของพริ้งพราวกับยายหนูน้อย
“ตอนนั้นยังอุ้มเด็กไม่เป็นอยู่เลย ไหงตอนนี้ถึงดูโปรนักล่ะคุณ”
จอมทัพยังไม่ตอบ ด้วยกำลังเอาจมูกไปชนแก้มป่องของคนในอ้อมแขนอยู่ ชื่นใจจนช่ำปอดแล้วนั่นละ ถึงได้ผละออกมาบอก
“ขอให้พริ้งรู้ไว้อย่าง...” ชายหนุ่มตีมึนเรียกเธออย่างสนิทสนมอีกครา สบตาโตสวยราวตากวาง ก่อนจะแสดงสปิริตของคนเป็นพ่อออกมา
“ต่อให้ตอนแรกผมจะตกอยู่ในสถานการณ์มึนตึ้บแค่ไหน แต่ผมก็จะไม่ยอมเป็นพ่อเฮงซวยห่วยแตกอย่างที่คุณแดกดันผมหรอกนะ ก่อนมาหาพริ้ง ผมศึกษาหาข้อมูลเรื่องการเลี้ยงเด็กมาพอสมควรแล้ว ผมจะทำหน้าที่พ่อเท่าที่ผมทำได้ในตอนนี้”
“ป้อ!”
“ครับลูก” จอมทัพตอบรับคนตัวน้อยที่ตนขอคิดเข้าข้างตัวเองว่าแกส่งเสียงเชียร์กัน “พ่อจะไม่ยอมเป็นพ่อเฮงซวยห่วยแตกอย่างที่แม่พริ้งพูดเด็ดขาด”
ยายหนูน้อยหัวเราะเอิ๊กอ๊ากราวกับเข้าใจการสื่อสารของชายหนุ่ม เขาเองก็หัวเราะตาม เอ็นดูจับใจ ก่อนจะหันไปจ้องหน้าพริ้งพราวอย่างมีจุดมุ่งหมาย
“ส่วนเรื่องของเรา...ยังไงผมก็จะจัดการหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย”
ขณะออกปากรับประกัน ชายหนุ่มยื่นมือไปแตะแก้มเนียนของสาวเจ้าเบาๆ ทว่าแทนที่จะเขินอาย เธอกลับทำตาวาววับ ปัดมือเขาทิ้งอย่างไม่ไยดี
“อย่ามาเนียน ไม่มีเรื่องของเราอะไรทั้งนั้นย่ะ เชิญคุณทำหน้าที่พ่ออย่างเดียวก็พอ ไม่ต้องมาสาระแนอยากทำหน้าที่ผัวด้วย”
พริ้งพราวเชิดหน้าเชิดตาปฏิเสธ ตั้งท่าป้องกันเวอร์จินตัวเองจากเสือหนุ่มหน้าหยก ไม่มีทางยอมให้เขาเริ่มกระบวนการตะครุบเหยื่อเด็ดขาด
“ต่อให้คุณจะเป็นพ่อของลูกฉัน มันก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะได้รับสิทธิพิเศษอะไร ถ้ามาหาลูก แต่ในหัวดันคิดเรื่องหื่นกับฉันอยู่ตลอดเวลาละก็ มาทางไหน ก็เชิญกลับไปทางนั้นเลยย่ะ ฉันเคยบอกแล้วไงว่าฉันไม่อยากเป็นเมียคุณ ไม่อยากกินของเก่า
“ต่อให้จะมีคนมาจีบฉันจริงๆ คุณก็ไม่มีสิทธิ์ห้าม ทุกอย่างอยู่ที่การตัดสินใจของฉัน ถ้าตอนนี้ฉันจะไม่สนผู้ชาย มันก็ไม่ใช่ว่าฉันยังพิศวาสคุณ หรือถ้าฉันจะนึกอยากสนใครขึ้นมา คุณก็ไม่มีอำนาจมาขัดขวาง ช่วยรู้สถานะตัวเองด้วย”
พริ้งพราวโต้ฉอดๆ จนจอมทัพไม่มีช่องว่างให้ปะทะกลับ ทำได้แค่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน หมั่นไส้สาวเจ้า นัยน์ตาคมกล้าดุกร้าวด้วยความไม่พอใจ
เมียเก่าตัวดี...ร้ายนักนะ
คอยดูเถอะ พ่อจะปราบให้เชื่องเลย!
ปิติกลืนน้ำลายดังเอื๊อก หลังจากได้ทราบข้อเท็จจริงจากปากของนักรบว่าการมาของพริ้งพราวนั้นไม่มีความบริสุทธิ์โปร่งใสเลยสักนิด
“โห ถ้าคุณไนท์รู้ว่าโดนหลอก คุณไนท์คิดบัญชีหนักแน่ครับคุณนบ”
เลขาฯ หนุ่มเอ่ยเตือนคนที่ทำทีเรียกตนมาปรึกษาเรื่องงานและร่วมรับประทานอาหารเย็นที่ห้องส่วนตัวของร้านอาหารไทยใกล้บริษัท ก่อนจะมาเฉลยทีหลังว่าต้องการทราบปฏิกิริยาของจอมทัพที่มีต่อพริ้งพราว เขาเองก็เลยได้คำตอบว่าทำไมพริ้งพราวจึงเข้าใกล้เขาและเจ้านายได้อย่างง่ายดายนัก
ที่แท้ก็เพราะได้ ‘ไส้ศึก’ ระดับบิ๊กปูทางให้เธอเดินเข้ามานี่เอง
“หนักก็หนัก ผมพร้อมจะรับผิดทุกอย่าง”
ท่าทางยักไหล่เมินคำเตือนของนักรบทำปิติถอนใจเฮือกใหญ่ จากการที่ได้ทำงานใกล้ชิดสองพี่น้องมานานพอจนทำให้ได้เห็นอุปนิสัยส่วนตัวนอกเวลางานของทั้งคู่ เขาจึงไม่แปลกใจเลยที่น้องชายของเจ้านายจะทำเช่นนี้
จอมทัพอาจจะดุเข้มเผด็จการตามประสาพี่คนโต ทว่าพอจะออกคำสั่งเป็นการเป็นงานแต่ละครั้ง เจ้านายจะใคร่ครวญวางแผนอย่างรอบคอบ เพื่อผลลัพธ์ที่ยืนยาวในอนาคต ปิติเองก็ยอมรับนับถือในจุดนี้ ยามที่โดนอีกฝ่ายเคร่งเครียดใส่ เขาเลยมองข้ามไปได้ ด้วยเข้าใจภาวะกดดันของการเป็นประธานบริษัทที่อีกฝ่ายต้องแบกรับ
ส่วนนักรบ ด้วยวัยที่ห่างจากเจ้านายถึงเก้าปี บุคลิกของอีกฝ่ายเลยจะค่อนไปทางน้องเล็กจอมรั้นเอาแต่ใจ คิดเร็วทำเร็ว แต่ไม่ค่อยได้มองภาพรวมในวงกว้างสักเท่าไร ในหลายๆ ครั้งจอมทัพจึงต้องทำงานสองต่อ นอกจากงานของตัวเองแล้ว บางทีก็ต้องคอยจัดการแก้ปัญหาให้นักรบด้วย
“ตอนนี้คุณไนท์ดูจะหลงคุณหนูน้อยมาก เจอคุณหนูน้อยอ้อนให้อุ้ม ให้ป้อนนม จากผู้ชายเข้มดุเหมือนเสือ ก็กลายเป็นผู้ชายสายอ่อนโยนเฉยเลย”
ปิตินินทาจอมทัพพอกล้อมแกล้ม แม้จะรู้แล้วว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของเจ้านาย แต่พอนึกถึงท่าทางรีบร้อนออกจากบริษัทของคนที่เริ่มอินกับความเป็นพ่ออย่างชัดเจน เขาในฐานะเลขาฯ ก็ยังรู้สึกว่าเด็กคนนั้นคือคุณหนูน้อยของตนอยู่ดี
“นี่ถ้ามารู้ทีหลังว่าคุณหนูน้อยไม่ใช่ลูกตัวเอง ผมไม่อยากจะนึกเลยว่าวันนั้นมันจะโลกาจะวินาศขนาดไหน เตรียมขนลุกรอเลยครับเนี่ย”
เลขาฯ หนุ่มย่นคอห่อไหล่ด้วยความหวาดหวั่น ก่อนจะหันไปถามกลิกาที่นั่งตัวลีบอยู่ข้างนักรบ “แล้วคุณพริ้งจะมาหลอกคุณไนท์เพื่ออะไรเหรอครับ”
“คือ...เอ่อ...”
เห็นกลิกาก้มหน้าอึกอักไม่กล้าตอบตามประสาคนไม่มั่นใจในตัวเอง นักรบเลยตอบแทนคนรัก “คุณพริ้งหลอก เพื่อปูทางไปหาคุณแม่ผม”
ปิติเลิกคิ้วสงสัย “ไปหาคุณจ๋า...”
“ใช่ เป้าหมายของคุณพริ้งคือคุณแม่ ไม่ใช่พี่ไนท์ พี่ไนท์เป็นแค่ทางผ่าน เพื่อปูทางไปสู่การป่วนคุณแม่ผมโดยเฉพาะ”
นักรบยิ้มมุมปาก สมใจเหลือเกินที่แผนของพริ้งพราวเริ่มเข้าใกล้เส้นชัยมากขึ้นทุกที
เป็นครั้งแรกที่นักรบเห็นจอมทัพเพลี่ยงพล้ำเพราะเกมที่คนอื่นเป็นผู้สร้างขึ้นมา ช่างน่าอภิรมย์เสียจนอยากจะบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ของตระกูลจิตรภากร ไม่นึกจริงๆ ว่าพี่ชายคนเก่งจะมาตกม้าตายง่ายๆ เพราะเด็กตัวน้อยที่ยังพูดไม่ได้ด้วยซ้ำ
คราที่กลิกามาขอข้อมูลส่วนตัวของจอมทัพ นักรบคาดคั้นจนได้ความว่าเพื่อนสาวคนสวยของเธอต้องการนำไปวิเคราะห์เจาะลึกหาวิธีเข้าใกล้จอมทัพ ซึ่งถ้ามารดาเมตตากลิกาสักนิด เขาก็คงจะค้านหัวชนฝา และโกรธพริ้งพราวที่คิดแผนเช่นนี้ขึ้นมา
แต่ด้วยความเครียดที่มารดากำลังต่อต้านผู้หญิงที่เขารัก ตั้งตนเป็นอุปสรรคที่เขายากจะต่อกรด้วย ชายหนุ่มเลยจำต้องทุ่มทุนยอมเป็นไส้ศึก ร่วมมือกับพริ้งพราว เพื่อให้เธอเป็นแกนนำพิทักษ์กลิกาไปสู้กับมารดาให้
ทว่าเขาก็ไม่ได้อกตัญญูขนาดจะหวังผลในเชิงที่อยากจะให้มารดาวุ่นวายใจ แค่อยากให้ท่านโฟกัสที่สะใภ้ปลอม จนละความสนใจว่าที่สะใภ้จริง กลิกาจะได้อยู่ในฐานะคนรักเขาได้อย่างราบรื่นขึ้น
จากนี้ก็มาลุ้นกันว่า...ผลลัพธ์ของแผนการนี้จะบรรลุไปถึงเป้าหมายที่พริ้งพราววางไว้หรือไม่ หรืออาจจะมีจุดเสี่ยงให้จอมทัพจับได้เสียก่อนที่เธอจะเข้าถึงตัวมารดาเขา
คุณป้าสุดแซ่บอาจจะเคยชอบใจที่หลานสาวช่างรู้งาน ทำให้จอมทัพหลงรักหัวปักหัวปำ แต่เธอก็ไม่คิดจริงๆ ว่าแกจะเข้ากับชายหนุ่มได้ดีจนถึงขั้นเบะปากหน้าจ๋อยยามที่เธอบอกว่าเขาต้องกลับแล้ว
จากที่คิดว่าจะให้จอมทัพอยู่ได้ไม่นาน ด้วยไม่อยากเพิ่มความเสี่ยงให้พรหมจรรย์ถูกเขาทำลาย แต่สุดท้าย ความสงสารหลานก็มีอำนาจมากกว่าความปลอดภัยของร่างกายตัวเอง เธอจึงต้องตกอยู่ในภาวะจำยอม ให้เขาอยู่ยาวจนกระทั่งยายหนูน้อยหลับปุ๋ยเสียก่อน
นี่ถ้าหฤทธิ์รู้ว่าลูกสาวสุดที่รักปันใจมาติดบิดาตัวปลอมคนนี้ด้วย น้องเขยเธอคงโกรธจนแทบอกแตกตาย
“คุณกลับไปได้แล้ว ฉันอยากพักผ่อนแบบส่วนตัวตามประสาแม่ลูก...ว้าย!” หญิงสาวอุทานเสียงหลง หน้าตื่นตาโตที่จู่ๆ จอมทัพก็รวบตัวเธอไปกอดเสียแน่น
“คุณทำบ้าอะไรของคุณ!” เธอโวยลั่นห้อง ยกมือขึ้นมายันอกกว้างด้วยแรงเท่าที่ตนมี แต่ไม่ว่าจะพยายามยันเท่าไร ชายหนุ่มก็ไม่ขยับเขยื้อนสักนิด
“อย่าดังสิ เดี๋ยวลูกตื่น ไม่รู้ด้วยนะ”
ชายหนุ่มขู่เสียงพร่า กระตุกยิ้มมุมปาก นัยน์ตาคมกล้าทอประกายวาบหวามจนพริ้งพราวขนลุกชันไปทั่วสรรพางค์
ยามนี้...เขาไม่ใช่แค่ถูกใจเหยื่ออีกแล้ว
ไอร้อนที่เธอสัมผัสได้จากเรือนร่างสูงใหญ่ มันช่างลึกล้ำและเต็มไปด้วยความต้องการของเสือร้ายที่หมายจะ...
เผด็จศึก!
“ปล่อยฉันนะคุณไนท์” พริ้งพราววอนขอคนที่ค่อยๆ ยื่นหน้ามาใกล้จนช่องว่างระหว่างกันหดสั้นเหลือไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตร
หากเป็นเวลาอื่น เธอคงกรี๊ดๆๆ โนแคร์สิ่งใด
ทว่าในยามที่เจ้าตัวน้อยกำลังหลับใหลเช่นนี้ ป้าที่รับปากว่าจะดูแลแกอย่างดีเช่นเธอก็ไม่สามารถอ้าปากส่งเสียงสิบแปดหลอดออกมาได้จริงๆ
“ไม่อยากย้อนรำลึกความเป็นผัวเมียกันสักหน่อยเหรอ คุณพริ้งพราว”
“ไม่!”
“ทำไมล่ะ ทำไมถึงไม่อยากเป็นเมียผมอีกรอบ”
พริ้งพราวตาวาววับ เกือบจะหลุดปากโพล่งไปว่า ‘ฉันยังไม่เคยเป็นเมียคุณสักรอบเลยย่ะ!’ ดีที่ได้สติ เลยระงับวาจาที่จะทำให้แผนล่มไว้ได้
“ว่าไง ตอบคำถามสิ”
หญิงสาวแบะปากใส่คนถามซ้ำ “เป็นเมียที่ไม่ได้รับเกียรติอะไรเลย ใครจะโง่เป็นฮะ”
“เลิกมั่วนิ่มยกสถานะในอดีตมาเอาเปรียบฉันได้แล้ว เพิ่งเจอกันวันนี้เอง ไม่มีทางที่คุณจะมาพิศวาสฉันด้วยใจจริง คุณแค่เห็นว่าฉันเป็นแม่ของลูกคุณ เคยเป็นผู้หญิงคืนเดียวที่ยอมมีอะไรกับคุณง่ายๆ คุณเลยเหมารวมว่าถ้าจะจิ้มฉันอีก ฉันคงยอม งั้นฉันก็จะบอกให้คุณตาสว่างตรงนี้เลยว่า...คุณคิดผิด
“ฉันเสียเนื้อเสียตัวให้คุณฟรีๆ ไปแล้วครั้งนึง ถ้าจะต้องเสียอีก ต้องเสียอย่างมีศักดิ์ศรี มีความรักให้กัน มีการเชิดชูคุณค่าของฉันในฐานะเมียที่ถูกต้องตามกฎหมาย!”
โดนสวนกลับชนิดที่ว่าค้านไม่ทัน จอมทัพก็อึ้งตะลึงไปหลายวินาที เผลอคลายอ้อมกอดจนพริ้งพราวสะบัดตัวหนีไปได้
หญิงสาวลงจากเตียง ไปหยิบมีดปอกผลไม้ที่มุมครัวเล็กๆ ในห้อง ขู่เขาเสียงเขียว “ถ้าคุณจะหื่นใส่ฉันอีก ฉันจะแทงคุณ”
“นี่กล้าคิดจะทำร้ายผมขนาดนี้เลยเหรอ ไม่กลัวลูกกำพร้าพ่อหรือไง”
“พ่อที่ไม่คิดจะเห็นคุณค่าของแม่เขาเลย พ่อแบบนี้ ไม่ต้องมีก็ได้” พริ้งพราวเชิดหน้า แสดงเจตจำนงของตัวเอง “ชีวิตฉัน ฉันเป็นคนกำหนด ฉันเลือกเองว่าฉันจะเป็นใคร ณ ตอนนี้ฉันคือแม่ของยายหนูน้อย แต่ไม่ใช่เมียคุณ”
เธอเหยียดยิ้มใส่จอมทัพที่กำลังเงียบนิ่ง ทำสีหน้าเรียบเฉย ไม่บ่งบอกภาวะอารมณ์ใดๆ
“ส่วนคุณ ที่ฉันเห็นอยู่ตอนนี้ คือผู้ชายมั่นหน้าในคุณสมบัติภายนอกของตัวเอง แต่ไม่มีความจริงใจเลยสักนิดเดียว แค่ที่คุณดูถูกห้องพักของฉัน มันก็เห็นแล้วว่าคุณกำลังเอามาตรฐานในชีวิตคุณมาวัดว่าฉันคงไม่มีปัญญาเลี้ยงลูกให้สุขสบายได้”
หญิงสาวยกข้อเท็จจริงมาฟาดหน้าจอมทัพอย่างตรงไปตรงมาจนชายหนุ่มอึ้งงัน พูดไม่ออก ได้แต่สบตาจ้องหน้ากันอยู่อย่างนั้น
ครู่หนึ่ง จอมทัพก็ถอนใจยอมแพ้ “โอเค พริ้ง ผมจะไม่ทำอะไรคุณ โดยที่คุณไม่เต็มใจ...แต่ผมขอเตือนอะไรไว้อย่าง”
“อะไรมิทราบ”
“วันที่คุณยอมผมอย่างเต็มใจ วันนั้นผมจะเน้นความเป็นธรรมชาติ เรียลๆ ไม่มีเจ้าผิวขรุขระกลิ่นสตรอว์เบอร์รีมาขวางประสิทธิภาพของผมอีก” จอมทัพมองดวงหน้างามล้ำ ก่อนจะหัวเราะหึอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณจะได้ท้องอีกหลายรอบ จะได้ผลิตลูกเสือให้ผมอีกหลายคน”
ชายหนุ่มประกาศความต้องการของตัวเองให้เธอทราบ ก่อนจะเปิดประตูออกจากห้องไปโดยไม่คิดจะหื่นใส่เธออีก
ที่จริงแล้วเขาก็ไม่อยากจะจับเธอเป็นเมียอีกรอบขนาดนั้น แต่แค่หมั่นไส้ตาคู่งามที่ช่างว่างเปล่าเกินไป จนดูไม่เหมือนคนที่เคยมีความสัมพันธ์กัน ทำให้เขาเสียความมั่นใจจนอยากจะจัดการให้เธออ่อนระทวยอยู่ในเงื้อมมือของเขาบ้าง
ทว่า...หลังจากโดนเธอเทศนาไปหลายยก ได้เห็นมุมมองความคิดของเธอในตอนนี้ เขาก็รู้แล้วว่าหญิงสาวกล้าแกร่งเพียงใด แถมยังเชื่อมั่นในตัวเองสูงเสียจนไม่ยอมอ่อนข้อให้เขาง่ายๆ พูดออกมาแต่ละคำ เหมือนตบหน้าเขาซ้ำๆ จนมันร้าวระบมไปทั้งใจ
ความจริงเขาควรจะโกรธจนหน้าตึง แต่เขาดันทำหน้าระรื่น ถูกใจในตัวตนของเธอจนหุบยิ้มไม่ได้ เหมือนกับว่าได้เจอคนที่ตามหามานาน นึกเสียดายเหลือเกินที่ตอนนั้นไม่จีบเธอ หรือคบกันฉันคนรักอย่างจริงจัง
จากบุคลิกภายนอกของจอมทัพ ใครๆ อาจจะคิดกันไปเองว่าคนที่มีความเป็นผู้นำสูงปรี๊ดอย่างเขาคงจะชอบสาวหัวอ่อน เชื่อฟังเขาทุกอย่าง
แต่เปล่าเลย...
เขารู้ตัวมาตลอดว่า หากเจอแล้วจะแพ้ทางแบบราบคาบ ก็คือคนแบบพริ้งพราวนี่เอง
นึกย้อนไปสมัยเด็ก นักรบเคยถามเขาว่า ‘มีอะไรที่พี่ไนท์ไม่เก่งบ้างไหม’
ในตอนนั้น แม้เขาอยากจะบอกว่า ‘มี’ แต่ด้วยสายตาของบิดามารดาที่มองเขาด้วยความปลาบปลื้มใจ เขาเลยทรยศความเชื่อมั่นที่ท่านมอบให้ไม่ได้ ต้องแบกความหวังไว้บนบ่าเสมอมา หากจะบอกว่า ‘จำต้อง’ เก่งมาตลอดชีวิตก็คงไม่ผิดนัก
ด้วยหัวโขนของความเป็นผู้นำ เขาเลยมีกำแพงบางอย่าง ไม่ค่อยอยากแสดงความเหนื่อยล้ากายใจให้ใครเห็น ทว่าก็มีบางวันที่เขาเหนื่อย อยากถอดหัวโขนออก แล้วเป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่ต้องเก่งกล้าสามารถอะไร
หากมีผู้หญิงที่รัก ก็อยากให้เธอคนนั้นเห็นข้อเสียของเขา กล้าที่จะพูดออกมาตามตรง พร้อมที่จะรักเขาในทุกด้าน ไม่ใช่รักเพียงในด้านที่ใครก็บอกว่าดี
เขาอยากจะใช้ชีวิตง่ายๆ กับสาวเจ้า คนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างกัน ให้เขาสามารถแบ่งปันเรื่องราวทุกอย่างให้เธอฟังได้ พร้อมจะจับมือกันแก้ปัญหาที่อาจจะถาโถมเข้ามาให้ชีวิตวุ่นวาย เมื่อเขาเป็นอะไรไปโดยไม่คาดหมาย เธอก็พร้อมที่จะรับไม้ต่อดูแลครอบครัวได้โดยที่ไม่เสียหลักมากนัก
และตอนนี้...เขาก็เจอเธอคนนั้นแล้ว
พริ้งพราวนี่แหละ นายหญิงคนต่อไปของตระกูลจิตรภากร!
ความคิดเห็น |
---|