9

บทที่ 9

9


เช้าวันเสาร์ ท้องถนนค่อนข้างโปร่งโล่ง คู่สามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงสถานที่นัดหมาย นั่นคือยิมออกกำลังกายขนาดใหญ่ย่านใจกลางเมือง อันประกอบไปด้วยกิจกรรมเรียกเหงื่อเพื่อสุขภาพหลากหลายประเภท ทั้งการเล่นฟิตเนสด้วยเครื่องออกกำลังกายทันสมัย ลานตีสควอช หน้าผาจำลอง และสตูดิโอสำหรับกีฬายอดฮิตของสาวๆ อย่าง Rhythm cycling หรือการปั่นจักรยานประกอบเสียงดนตรีทำนองสนุกสนาน 

เป็นอย่างที่คิด เพื่อนร่วมก๊วนตั้งแต่สมัยเรียนอยู่อเมริกามาถึงก่อนแล้ว เหล่าคนมาก่อนมองทั้งคู่ด้วยแววตาล้อเลียน โดยเฉพาะติยากรซึ่งไม่พลาดที่จะเปิดปากแซวประสาคนปากไว

“มาช้าผิดปกตินะคุณอังกูร มัวแต่ทำอะไรอยู่ครับท่าน” 

“ขอโทษที่มาช้า พอดีมีเหตุขัดข้องนิดหน่อย” คนมาสายเอ่ยขอโทษด้วยท่าทีสงบนิ่งตามแบบฉบับ การจะแซวอังกูรนั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะเขามักแสดงท่าทีเฉยเมย หาได้รับมุกใดๆ ของเพื่อนฝูงไม่ ทำเอาคนแซวถึงกับเซ็ง 

ยิ่งเป็นเรื่องส่วนตัวด้วยแล้ว ถึงจะสนิทกันมากแค่ไหน ชายหนุ่มก็ไม่มีวันเอาเรื่องในมุ้งมาเผยกับคนภายนอกเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นปวีราจะรู้สึกอย่างไร หากเขาเอาเธอมานินทากับคนอื่น เขาต้องให้เกียรติภรรยาตัวเองเสมอ

“อย่าแซวน้องสิคะต้น ดูสิน้องปัณเขินจนหน้าแดงหมดแล้ว” นีราภัทรหรือนานา นักแสดงสาวชื่อดังพ่วงด้วยตำแหน่งอดีตนางงามที่ผงาดกลายเป็นตัวแม่ในวงการบันเทิงปรามสามีอย่างไม่จริงจังนัก 

ร่างสูงโปร่งราวกับนางแบบเข้าไปควงแขนสมาชิกใหม่ของกลุ่มอย่างต้องการสร้างสายสัมพันธ์ เพราะในวันงานฉลองมงคลสมรสมีแขกเหรื่อมากมายหลายพันคน พวกเธอเลยได้แต่ทักทายกันตามมารยาท วันนี้จึงถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ทำความรู้จักกับคนที่สามารถคว้าหนุ่มโสดซึ่งทำเพื่อนดาราน้ำตาตกหลายคนไปครอบครอง ยอมรับอย่างไม่มีข้อกังขาว่าหญิงสาวตรงหน้ามีโครงหน้าสวยจัดและเปล่งออร่าความเป็นผู้ดีไปทุกสัดส่วน  

“สวัสดีค่ะพี่นานา พี่แพตตี้ ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะคะ” ปวีราคลี่ยิ้มหวานละมุน ท่าทางหน่อมแน้มน่ารัก พลางยกมือไหว้คนสูงวัยกว่า

“อุ๊ย ไม่ต้องไหว้หรอกจ้ะ แค่นี้พวกพี่ก็ดูชราภาพจะแย่อยู่แล้ว” ภารตาเย้าด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม 

“ไม่จริงเลยค่ะ พี่แพตตี้กับพี่นานายังดูสาวอยู่เลยค่ะ นี่ถ้าไม่บอกนึกว่าอายุไม่ถึงสามสิบกันนะคะเนี่ย” ปวีราออกปากชม เธอไม่ได้เยินยอเกินจริงแต่อย่างใด สองสาวออกกำลังกายและดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ทำให้ยังสวยเช้งไม่ต่างกับตอนเข้าวงการบันเทิงใหม่ๆ เพียงแค่อาจจะดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมตามยุคสมัย  

“แหม แบบนี้สิถึงคบกันได้นาน ปะน้องปัณ ปล่อยให้พวกผู้ชายไปบ้าพลังกัน ส่วนเราไปเข้าคลาส Rhythm cycling กันดีกว่า” ภรรยาเจ้าของบริษัทนำเข้าสินค้าเกี่ยวกับความสวยความงามและผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชายเอ่ยปากชวน 

ปวีราหันไปสบตากับนัยน์ตาสีเข้มของสามีเป็นเชิงขออนุญาต อย่างไรเสียการปั่นจักรยานอยู่กับที่ก็คงดีกว่าการหวดแร็กเกตและวิ่งเก็บลูกไปมารอบสนามสควอช อังกูรก็พยักหน้ารับรู้

ท่าทางอ่อนหวานแสนน่ารักเชื่อฟังสามีของเมียเพื่อนหนีไม่พ้นสายตาสองหนุ่มใหญ่ ส่งผลให้รชตะกับติยากรอิจฉาตาร้อนไปตามๆ กัน เมียพวกเขาไม่เห็นอ่อนหวานสดใสเหมือนดอกไม้แรกแย้มอย่างปวีราบ้าง ทุกวันนี้แม่คุณเอาแต่จิกใช้ ด่าผัวสามเวลาหลังอาหาร เหมือนไม่ได้ด่าแล้วจะนอนไม่หลับ 

“อิจฉาคนได้เมียเด็กฉิบหาย สบายเลยสิมึง” พอลับหลังเมียก็เอ่ยพูด ขืนพูดต่อหน้ามีหวังโดนด่าแต่เช้าแน่นอน 

 “ก็ปกติ กูกับปัณรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เขาก็น่ารักของเขาแบบนี้มาตั้งนานแล้ว” อังกูรอวยเมียด้วยท่าทางไม่สะทกสะท้าน 

“กูอยากใช้คำว่าน่ารักกับแพตตี้มาก แต่ไม่สามารถพูดออกมาได้จริงๆ” รชตะเอ่ย ให้พูดว่าน่ากลัวจะง่ายกว่า 

“มึงก็ให้เสี่ยยักษ์ช่วยหาเพิ่มให้อีกสักคนสิวะ เอาสักสิบแปด วัยกำลังโต” ติยากรพูดทีเล่นทีจริง 

“ไอ้ฉิบหาย! กูหัวได้ขาดกันพอดี มึงก็รู้ แพตตี้หึงแต่ละทีดุยิ่งกว่าหมา คดีเก่ายังไม่ทันเคลียร์” พูดเสียงเบาพลางเหลือบซ้ายแลขวาเหมือนกลัวเจ้าตัวจะมาได้ยิน 

“เออพูดถึงเรื่องนี้ ไม่รู้ปัณไปได้ยินมาจากไหน มาไล่บี้กับกู”

“จะมาจากใครล่ะ ก็พี่น้องปัณไง ไอ้ปรานต์แม่งเคยเก็บความลับได้ที่ไหน ปากสว่างตลอด”

“กูก็คิดงั้น แต่ก็ช่างเถอะ ต่อไปกูคงไม่ยอมให้พวกแม่งมาจัดงานอะไรบ้านกูละ กูไม่อยากให้ปัณคิดมาก”

“โถ พ่อผัวประเสริฐ” สองหนุ่มใหญ่พร้อมใจกันหมั่นไส้ ปากบอกแต่งเอาใจปู่ แต่การกระทำมันไม่ใช่ ดูท่าอังกูรจะหลงเมียรักเมียเอามาก

 

“ปกติน้องปัณออกกำลังกายบ้างหรือเปล่าคะ” ภารตา ผู้เป็นแฟชั่นไอคอนของวงการบันเทิงไต่ถาม อดอิจฉาผิวเนียนผ่องเป็นยองใยของปวีราไม่ได้ คนอะไรดูนุ่มนิ่มอ่อนหวานไปทั้งเนื้อทั้งตัว มิน่าคนหวงความโสดอย่างอังกูรถึงยอมลงทุนสละโสด ก็หญิงสาวตรงหน้าออกจะสวยเพอร์เฟกต์เสียขนาดนี้ ว่าก็ว่าเถอะ ปวีราสวยกว่านางเอกบางคนเสียอีก ถ้าเข้าวงการบันเทิง รับรองว่ามีแต่รุ่งกับรุ่ง 

คนถูกถามยิ้มแห้ง เพราะการออกกำลังกายสำหรับเธอไม่ใช่เรื่องปกติ ที่ยอมมาก็เพราะถูกสามีบังคับ แต่จะให้ตอบไปอย่างนั้นก็กระไรอยู่ เลยตอบไปแบบกลางๆ

“ไม่ค่อยมีโอกาสเลยค่ะพี่แพตตี้ ถ้าช่วงไหนอยากควบคุมน้ำหนักปัณก็ทำ IF เอา”

การออกกำลังกายเป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอคิดจะทำ แต่ดูเหมือนตอนนี้เธอจะหลีกเลี่ยงมันไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

“อุ๊ยตาย ไม่ได้นะคะคุณน้องขา เพราะถึงเราจะสวยเริดเบอร์นี้ แต่เราก็ต้องสวยแบบสุขภาพดี”

“แล้วพวกยาลดน้ำหนักที่ดาราชอบโฆษณาล่ะคะ”

“โอ๊ย นั่นมันเกินจริงทั้งนั้นแหละค่ะคุณน้อง พวกนั้นน่ะทำเพื่อเงินทั้งนั้น อาหารเสริมก็แค่เอามาเป็นพรอปถ่ายรูป ทำท่าดมๆ แต่ตัวจริงน่ะออกกำลังกาย จ้างเทรนเนอร์หมดกันไปเป็นแสน อย่าไปหลงเชื่อเด็ดขาด”

“ปัณก็ว่าอย่างนั้นแหละค่ะ” คนอายุน้อยสุดพยักหน้าเห็นด้วย โชคดีที่เธอไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนั้นมาตั้งแต่แรก อีกอย่างเธอมีชลิดาที่เป็นลูกเจ้าของโรงพยาบาลควบคู่กับกูรูด้านความงามและสุขภาพอยู่แล้ว  

“พี่ตูนมาแล้ว ไปค่ะน้องปัณ เดี๋ยวพี่จะแนะนำเทรนเนอร์คนเก่งให้รู้จัก”

บรรยากาศในคลาสเรียนปั่นจักรยานไม่ได้น่าเบื่อหน่ายอย่างที่คิด ทุกคนเริ่มจากการวอร์มและขยับร่างกายไปตามท่วงทำนองเพลง ช่วงแรกก็ติดขัดนิดหน่อยตามประสาคนไม่เคยเล่นกีฬาอะไรแบบจริงจัง แต่เมื่อผ่านไปครู่ใหญ่ ประกอบกับเพื่อนร่วมคลาสคอยช่วยส่งเสียงเชียร์ เธอก็พบว่าการยักย้ายส่ายสะโพกประกอบกับดนตรีจังหวะ EDM สนุกและง่ายกว่าที่คิดไว้ อย่างน้อยก็คงง่ายกว่าการเรียนตีสควอชแน่นอน 

หลังจากเสียเหงื่อจากการเต้นติดต่อกันเกือบชั่วโมง สองดาราดังและเซเลบสาวก็มานั่งชมบรรดาสามีอวดลีลาฟาดฟันกันด้วยไม้แร็กเกตในสนามขนาดย่อมที่มีแอร์คอนดิชันเย็นฉ่ำ เสียงลูกสควอชกระทบผนังดังสลับกับเสียงพูดคุยเมาท์มอยออกรสของสมาคมแม่บ้านสาวสวย 

ปวีราเริ่มพูดคุยหัวเราะอย่างเป็นตัวของตัวเองกับเพื่อนต่างวัยต่างมากขึ้น เพราะสองดาราดังไม่ได้วางตัวเป็นนางร้ายดั่งในละครหลังข่าว ทั้งคู่อัธยาศัยดีเป็นเลิศ แถมยังชวนเธอคุยเรื่องสัพเพเหระกันอย่างถูกคอ ตั้งแต่เรื่องสมัยประกวดนางงาม การทำงานในวงการ

พอเบื่อก็ชวนกันถ่ายรูปลงอินสตาแกรม เป็นดาราดังนั้นไม่ง่าย ทุกรูปที่ออกสื่อต้องผ่านการคัดกรอง ต้องเลือกรูปที่ดีที่สุด ไม่โป๊ะ แต่ต้องปัง เพราะทุกรูปมีมูลค่า 

“อุ๊ย ดูสิแพต รูปที่มีน้องปัณมีคนมากดไลก์เกือบสองหมื่นแล้ว ฉันเพิ่งลงไปไม่ถึงสิบนาที” นอกจากนั้นยังมีแฟนคลับเข้ามาคอมเมนต์ชื่นชมไม่ขาดสาย

“เป็นเพราะพี่นานากับพี่แพตตี้มากกว่าค่ะ” ปวีราถ่อมตัว เธอไม่เคยออกสื่อจริงจัง คงไม่มีคนรู้จักสักเท่าไร 

“โนจ้ะ คุณน้องลองอ่านคอมเมนต์สิคะ มีแต่คนเข้ามาชมคุณน้องทั้งนั้น นี่บางเพจเริ่มตีข่าวแล้วนะ”

ภารตายื่นหลักฐานให้ดู ปวีรากวาดสายตามองตามการชี้นิ้วก่อนจะพบว่าเป็นจริงดังคำกล่าว ใต้รูปภาพมีคนเข้ามาชมเชยเธอมากมาย 

ไฮโซปัณน่ารักมากค่ะเพิ่งรู้ว่าไฮโซปัณเป็นเพื่อนแก๊งเดียวกับพี่แพตตี้ พี่นานา อยากรู้ว่าตัวจริงน่ารักเหมือนในรูปมั้ยคะ

จากนั้นก็มีคนมาคอมเมนต์ตอบข้อความนั้นอีกที 

สามีเขาเป็นเพื่อนแก๊งเดียวกันจ้าเคยอ่านประวัติในนิตยสาร ผู้ดีมากแม่เคยเห็นที่ห้าง…ตัวจริงสวยปังมากจ้า สวยกว่าดาราบางคนอีก

“อีกนิดจะแสนไลก์แล้ว เริดมาก คุณน้องไม่ธรรมดานะคะเนี่ย” ภารตาตาโต ขณะที่ตัวเลขใต้รูปก็พุ่งขึ้นพรวดพราด

ปวีราก้มมองโทรศัพท์ตัวเองบ้าง ก่อนจะพบว่าจำนวนคนติดตามในอินสตาแกรมส่วนตัวของเธอเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความรวดเร็วจากเดิมที่มีผู้ติดตามอยู่ราวสองหมื่นคน มีทั้งคนมากดไลก์และแสดงความเห็นใต้ภาพเก่าๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นภาพสถานที่ท่องเที่ยว อาหาร นานทีจะลงรูปตัวเอง 

รูปล่าสุดที่เธอลงคือภาพพิธีหมั้นตอนเช้าซึ่งอังกูรกำลังสวมแหวนให้เธอท่ามกลางบรรยากาศชื่นมื่นของทั้งสองฝ่าย ตอนนี้มียอดคนกดไลก์เกือบห้าพันคนไปแล้ว ปวีราอึ้งไปชั่วครู่ ไม่คิดว่าจู่ๆ จะถูกบุกรุกความเป็นส่วนตัว  

“เห็นไหม แฟนคลับคุณน้องเพียบเลย ว่าไง สนใจจะเข้าวงการมั้ยจ๊ะ” นีราภัทรถามทีเล่นทีจริง ปวีราก็โบกมือปฏิเสธ

“ไม่ไหวมั้งคะ ปัณเล่นละครไม่เก่งหรอกค่ะ” ปวีรายิ้มฝืดเฝื่อน เหมือนคนมีชนักติดหลัง เพราะความจริงทุกวันนี้ก็แสดงบทภรรยาผู้แสนดีอยู่แทบจะตลอดเวลา ขืนไปเล่นละครเกรงว่าสามีจะรู้ทันตัวตนและความสามารถระดับเทพที่ซุกซ่อนไว้  

“ไม่ต้องเล่นละครก็ได้ แค่ถ่ายงานเล่นๆ ไปงานอีเวนต์สนุกๆ กับพวกพี่ พี่จะดีใจมากถ้าคุณน้องยอมมาเข้าแก๊งด้วยกัน เรามีชื่อแก๊งด้วยน้า”

“ชื่อแก๊งอะไรคะ” ปวีราถาม

“แก๊งมีวันนี้ได้เพราะผัวรวย”

ปวีราทำหน้าอึ้งๆ 

“ฮ่าๆๆ ดูสิแพต น้องอึ้งไปเลย”

“นั่นเป็นฉายาที่พวกชอบแซะตั้งให้พวกพี่ หาว่าเราเกาะสามีรวย”

“โห ร้ายนะคะ พี่แพตตี้กับพี่นานาน่าจะแจ้งความเสียให้เข็ด”

“พี่แจ้งจนไม่รู้จะแจ้งยังไงละ ไอ้เราก็ขี้สงสาร พอสุดท้ายออกมาบอกว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ต้องปล่อยไปตามประสานางเอก”

เป็นเธอจะฟ้องให้หมดตัว ปวีราคิดในใจ 

“ช่างเรื่องนั้นเถอะ กลับมาคุยเรื่องสนุกๆ ของเรากันต่อดีกว่า ว่าไงจ๊ะ สนใจไหม พี่รู้จักคนในวงการเยอะน้า”

“ปัณกลัวจะทำคนอื่นเดือดร้อนน่ะสิคะ” อันที่จริงเธอก็สนใจอยู่ไม่น้อย ดีกว่านั่งหายใจทิ้งไปวันๆ อย่างไร้ค่า 

“ของแบบนี้มันเรียนรู้กันได้ ถ้าคุณน้องไม่มั่นใจ กลัวจะทำกองถ่ายล่ม มาลองถ่ายงานกับพี่ก่อนก็ได้ เสื้อผ้าคอลเล็กชันหน้าเหมาะกับคุณน้องมาก พี่คิดก็คันไม้คันมือแล้วเนี่ย อยากชวนมาจอยกัน”

“พี่แพตตี้ไม่กลัวปัณจะทำได้ไม่ดีเหรอคะ แบรนด์พวกพี่มีชื่อเสียงมาก เกิดปัณทำได้ไม่ดี จะเสียชื่อเอาได้นะคะ”

“กลัวอะไรล่ะ มีพี่เลี้ยงนางงามคอยช่วยอีกคน นานาช่วยได้”

“ใช่จ้ะ มาลองดูเล่นๆ ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องทำต่อ พวกพี่ไม่ว่าหรอก ส่วนเรื่องที่คุณน้องกังวลก็ไม่ต้องซีเรียส ยืนแข็งเป็นขอนไม้ พี่ก็ส่งไปมิสยูนิเวิร์สมาแล้ว” นีราภัทรกล่าวเสริม นอกจากการเป็นดารา เจ้าของห้องเสื้อ เธอยังรับจ๊อบเป็นพี่เลี้ยงนางงามอีกด้วย  

“นะคุณน้อง มาลองดูกัน” ภารตาตื๊อเพราะชอบมาดคุณหนูผู้สูงศักดิ์ของปวีรา 

“เอางั้นก็ได้ค่ะ เดี๋ยวปัณจะลองขอพี่พร้อมดู” ด้วยแรงยุและความอยากลอง ปวีราจึงตอบตกลง

“เริด! คุณน้องน่ารักมาก พวกพี่รักตายเลย ต่อไปนี้เราเป็นแก๊งเดียวกันแล้วนะ” สองสาวหันมาแปะมือกันอย่างพอใจ

ปวีรายิ้มขำ แก๊งมีวันนี้ได้เพราะผัวรวยงั้นหรือ...หากนับรวมทุกธุรกิจครอบจักรวาลที่วัฒนานนท์ถือครอบครอง เธอเชื่อว่าไม่มีใครมากล่าวหาเธอแบบนี้ได้แน่นอน 

“เมาท์อะไรกันอยู่ครับสาวๆ ท่าทางสนุกสนาน ไม่ได้นินทาสามีกันอยู่ใช่ไหมเอ่ย หัวเราะกันอร่อยเชียว” เจ้าของโรงเรียนนานาชาติถามยิ้มๆ เห็นบรรดาเมียๆ เข้ากันได้ก็พลอยสบายใจ เพราะพวกเขารวมแก๊งกันค่อนข้างบ่อย 

ติยากรในสภาพเหงื่อท่วมตัวเดินมาทรุดนั่งหอบข้างกายภรรยา อังกูรก็มีสภาพไม่ต่างกัน เห็นดังนั้นปวีรารีบลุกขึ้นเอาผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อบนหน้าผากคุณสามี แถมยังบริการป้อนน้ำอีกต่างหาก ทำเอาสองหนุ่มอิจฉาตาร้อนจนไม่อาจทนอยู่เฉยได้อีกต่อไป

“แพตตี้ ขอน้ำให้คุณสามีหน่อยสิจ๊ะเมียจ๋า เหนื่อยจนจะเป็นลมแล้วเนี่ย” รชตะอ้อนภรรยา ด้วยอิจฉาคนมีเมียเด็กจนทนไม่ไหว

“มีมือก็หยิบเอาเองสิ เป็นง่อยหรือไงยะ” นอกจากจะไม่สนใจ เธอยังเชิดใส่เขาอีกด้วย คนถูกเมียให้ศีลให้พรถอนหายใจเบื่อๆ 

“อิจฉาคนแถวนี้จริงวุ้ย น้องปัณนี่น่ารักแสนดีจริงๆ เลย” เจ้าของบริษัทผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์สำหรับคุณผู้ชายนวดต้นคอให้ตัวเอง ตัดภาพมาดูเมียเขาสิ เจ้าหล่อนสนใจแต่มือถือ ไม่คิดจะสนใจสามีอย่างเขาแม้แต่น้อย

“คุณก็หล่อให้ได้เท่าพร้อมก่อนสิ แพตจะได้มีกำลังใจป้อนข้าวป้อนน้ำ”

“แน่จริงเธอก็เด็กให้เท่าน้องปัณสิจ๊ะเมียจ๋า”

“นี่คุณหาว่าแพตแก่เหรอ”

“อะไร้ ผมยังไม่ได้พูดสักคำ” สองสามีภรรยาฮึ่มฮั่มใส่กันอย่างไม่มีใครยอมใคร

แก๊งออกกำลังกายพูดคุยกันเรื่องสัพเพเหระอีกพักใหญ่ เมื่อสมควรแก่เวลาก็แยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน โดยสาวๆ ไม่ลืมที่จะแลกเปลี่ยนช่องทางติดต่อกันเสร็จสรรพ คาดว่าจะมีการนัดพบกันอีกในไม่ช้า อีกทั้งก่อนลากลับสองสาวยังไม่วายมากอดสมาชิกใหม่ด้วยความเอ็นดูอีกครา 

อังกูรยิ้มมุมปากอย่างเบาใจ 

เขาคาดไม่ผิด ทุกคนต้องชอบเมียเขา เธอน่ารักน่าเอ็นดูขนาดนั้น ใครเกลียดลงนับว่าใจร้ายมาก 

ก่อนกลับบ้านอังกูรก็พาเด็กน้อยของเขาไปแวะกินอาหารเช้าที่ร้านอาหารสไตล์โฮมมี่ร้านโปรดไม่ไกลจากยิมออกกำลังกาย บรรยากาศภายในร้านให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน ปวีราพึงพอใจเป็นอย่างมาก เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปบรรยากาศไปอวดคนในครอบครัวผ่านแอปพลิเคชันยอดฮิต 

ปวีรายิ้มเมื่อเห็นข้อความจากเปรมวราซึ่งเป็นคนแรกที่โอดครวญว่าอยากมาร่วมด้วย เธอพิมพ์ตอบพี่สาว ก่อนจะเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า เพื่อช่วยสามีดูเมนูอาหารอันละลานตาและน่ากินทุกเมนู

“ปัณอยากกินอะไรครับ”

ปวีรายิ้มแป้น อ้าปากตอบเป็นเมนูโปรด 

“ปัณอยากกินไก่ทอ...”

“ยกเว้นของทอด งดสักมื้อนะครับ พี่ขอ”

พี่ขอ น้องก็ต้องให้ใช่ไหม... 

“...ก็ได้ค่ะ” ปวีราบอกเขาคอตก 

อังกูรเอื้อมมือมาลูบหัวเธอเบาๆ ที่เขาทำก็เพื่อเธอทั้งนั้น 

แต่พอสามีหนุ่มสายสุขภาพสั่งสลัดผักให้ตัวเองและภรรยา ปวีราก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ด้วยความที่ไม่เคยใจแข็งกับเธอได้มาแต่ไหนแต่ไร คนใจอ่อนจึงยอมให้คนตัวเล็กสั่งพิซซาอิตาเลียนแบบออร์แกนิกมาอีกที่ เห็นเธอมีความสุขกับการกินเขาก็พลอยสุขใจ แต่ยังไม่วายกำชับให้เธอกินสลัดผักชามใหญ่ด้วย 

“พิซซาอร่อยไหม” 

ปวีราพยักหน้า ตอนสั่งมาเธอไม่ได้คาดหวังหรอก ลำพังแค่เห็นคำว่าออร์แกนิกเธอก็ทำใจแล้ว แต่พออาหารมาเสิร์ฟแล้วลองชิมคำแรก มันกลับไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด รสชาติดีทีเดียวละ 

ถ้าได้น้ำอัดลมสักแก้วก็คงดี แต่ตอนนี้เธอต้องจิบชาอังกฤษแก้ขัดไปก่อน 

เห็นความพยายามอย่างหนักของภรรยาวันนี้ คุณสามีสายเปย์จึงตบรางวัลด้วยการสัญญาว่าช่วงบ่ายถึงค่ำจะเป็นเวลาของเธอ ปวีราจึงฉีกยิ้มดีใจ

เยี่ยมไปเลย! ทีนี้เธอจะชวนเขาทำในสิ่งที่เธอชอบบ้าง 

นั่นก็คือการกินไก่ทอดกับชานมไข่มุกแสนอร่อยประกอบการชมภาพยนตร์สยองขวัญ ยิ่งผีดุ เลือดสาดทะลุจอ เธอยิ่งชอบ


ภายในห้องรับแขกเย็นฉ่ำด้วยเครื่องปรับอากาศระดับสิบห้าองศา ในวันที่อากาศร้อนจัดเช่นนี้ ไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้ดื่มด่ำกับภาพยนตร์เรื่องโปรด ประกอบกับการจิบเครื่องดื่มหวานสดชื่นแสนโปรดปราน 

ปวีราสั่งชานมมาถึงสามแก้ว ของสามีหนึ่งแก้วและของเธออีกสองแก้ว เธอแสร้งทำไม่รู้ไม่ชี้ตอนเขาตีหน้าดุใส่อย่างไม่พอใจ 

“ก็พี่พร้อมบอกจะตามใจปัณ” 

คนตัวเล็กบอกเขาเสียงหงุงหงิงเหมือนแมวน้อย ถ้าเขาดุสักที เธอคงร้องไห้ อังกูรจึงจำต้องปล่อยผ่าน 

ปวีรากระหยิ่มยิ้มย่องในใจ ใจอ่อนง่ายจริงสามีเรา  

สองร่างนั่งเคียงกันบนโซฟาเบดที่ถูกปรับให้เอนนอนได้ ปวีราจดจ่ออยู่กับหน้าจอขนาดใหญ่ซึ่งปรากฏฉากสยองขวัญอยู่เป็นระยะ ขณะที่เธอดูตาไม่กระพริบ คนข้างกายกลับแอบสะดุ้งเป็นระยะ 

ร่างสูงนั่งตัวแข็งทื่อ พยายามไม่เหลือบมองไปยังจอทีวี แต่เสียงที่กระทบเข้ามาในหูก็ไม่วายส่งผลให้เขารู้สึกขนลุก เขาเขยิบเข้าใกล้ภรรยาเรื่อย ๆ โดยที่เธอไม่รู้ตัว เพราะกำลังเพ่งสมาธิไปกับภาพเคลื่อนไหวบนหน้าจอ และแล้วก็ถึงฉากไคลแม็กซ์ของเรื่อง นั่นคือฉากที่ปีศาจแม่ชีสุดสยองในบ้านผีสิงโผล่มาอย่างน่าขนลุก

“ออกมาสักที” ปวีราทำเสียงตื่นเต้น กัดปากแน่นด้วยความลุ้นระทึกโดยไม่มีท่าทีหวาดกลัวแม้แต่น้อย

ต่างจากอังกูรที่เกิดอาการผงะ ตัวเย็นเยียบไปหมด เขาคว้าฝ่ามือเล็กของเธอมาปิดตา ก่อนคว้าคนตัวเล็กมากอดแน่นจนปวีราแทบจะจมไปในอกหนา หญิงสาวเอามือผลักเขาออก เพราะอีกฝ่ายกำลังทำให้เธอพลาดฉากสำคัญ 

“ผีไปหรือยังปัณ” เขาถามเสียงสั่น ไม่กล้าลืมตามอง

ปวีรามองสภาพน่าขบขันของสามี พลันกลั้นขำจนตัวสั่น

“ไปแล้ว จบฉากนี้ก็ไม่มีผีออกมาแล้ว”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น อังกูรจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ

“แฮ่!” 

ปวีราแกล้งทำเสียงหลอกจนคนเป็นสามีหน้างอ

“ไม่ตลก” 

“คิกๆ พี่พร้อมยังกลัวผีอยู่อีกเหรอ ปัณนึกว่าโตแล้วจะหายเสียอีก” ภรรยาคนสวยกระเซ้าเหย้าแหย่สามี นานๆ ทีเธอจะมีโอกาสดีแบบนี้ ปกติเขาเป็นฝ่ายขู่เธอตลอด 

“ไม่ได้กลัว แค่ไม่ชอบ”

“เหรออออ” เธอลากเสียงยาวอย่างล้อเลียน 

“เดี๋ยวเถอะ” เขาดีดหน้าผาก คาดโทษเด็กขี้แกล้งพลางกอดรัดเธอแน่นขึ้นกว่าเก่า ส่วนปวีราก็ซบเขาอย่างสบายใจ 

การแต่งงานกับพี่พร้อมเป็นอะไรที่ดีมากจริงๆ ถ้าไม่ได้แต่งกับเขา ชีวิตเธอจะเป็นยังไงก็ไม่รู้ ถึงแม้จะมีคนมาจีบเธอมากมายชนิดหัวกระไดไม่เคยแห้ง ไม่ว่าจะเป็นลูกรัฐมนตรี นักธุรกิจหนุ่มหมื่นล้านแสนล้าน ปวีราก็ไม่เคยสนใจใครจริงจัง เพราะเฝ้ารอกับการจะได้แต่งงานกับเขา  

“โอ๋ๆ ไม่กลัวนะค้า ทีหลังก็บอกสิคะ ปัณจะได้หาเรื่องอื่นมาดู มัวแต่ปิดตาไม่สนุกหรอกค่ะ” หญิงสาวไม่วายหยอกเย้าเขาอีกหน 

“ได้ยังไง ก็วันนี้พี่สัญญาแล้วว่าจะตามใจปัณทุกอย่าง” อังกูรเป็นคนรักษาสัญญาเสมอ เขาจะไม่พูด หากไม่คิดทำ 

“สามีใครน้า น่ารักที่สุดในโลก” ปวีราทำปากจู๋ คนเป็นสามีเห็นอย่างนั้นจึงก้มลงจุมพิตเป็นการสนอง พอปากเล็กถูกดูดดึงเบาๆ ภรรยาสาวก็แกล้งส่ายหน้าหนี ก่อนจะถูกพรมจูบไปทั่วใบหน้า พี่พร้อมยามนี้กลายเป็นไลก้าไปเรียบร้อยแล้ว 

เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขดังสอดประสานกัน สุขใดเล่าจะเท่าความสุขที่ได้ใช้เวลาร่วมกัน


“ลูกปัณน่ะหรืออยากทำงาน หนูไม่สบายหรือเปล่าลูก” นายปวิช ผู้เป็นบิดาเลิกคิ้วขึ้นอย่างฉงนใจ มือเหี่ยวย่นแตะหน้าผากมนเบาๆ เผื่อลูกสาวจะไม่สบายขึ้นมาอีก 

“ทำไมทุกคนต้องทำหน้าประหลาดใจแบบนั้นด้วย ปัณก็แค่อยากทำงานบ้าง” น้องนุชสุดท้องของบ้านทำหน้างอ คนแบบเธอคิดจะทำงานทำการบ้างมันแปลกมากนักหรือไง 

“ก็แปลกน่ะสิ ร้อยวันพันปีลูกปัณคิดจะทำงานเสียที่ไหน” 

“คุณพ่ออะ!” 

ไม่ใช่เพราะทุกคนคอยเอาแต่ห้ามหรือไง เธอถึงไม่มีโอกาสได้ทำงานออฟฟิศแบบใครเขา เรียนจบมาก็อยู่แต่กับบ้านตลอด โลกของการทำงานเป็นอย่างไร เธอไม่เคยได้สัมผัส ไม่เคยได้เรียนรู้การเป็นลูกน้องใคร เรียนสูงไปก็เท่านั้น หากไม่เคยได้โอกาสใช้ความรู้จากสิ่งที่ร่ำเรียนมา 

“แล้วหนูจะไหวเหรอลูก หนูไม่เคยทำงานมาก่อนนะ” คนเป็นแม่ถามอย่างห่วงใยแกมหวงลูกสาว เพราะเลี้ยงลูกดั่งไข่ในหินมาตลอดชีวิต ไม่อยากให้ลูกเหนื่อยหรือลำบาก   

“ไหวสิคะคุณแม่ ปัณไม่ได้ไปเป็นกรรมกรแบกหามนะคะ”

“แค่งานถ่ายแบบเองค่ะคุณแม่ สวยๆ อย่างยายน้อง แค่ยืนถ่ายแบบทำหน้าเชิดๆ โพสต์ท่า เผลอๆ ก็ผ่านฉลุยแล้ว” 

เปรมวราออกปากช่วยเชียร์อีกเสียง ปวีราอาจจะไม่เหมาะกับงานบริหารธุรกิจของที่บ้าน แต่ถ้าเป็นงานในวงการบันเทิงอาจจะรุ่งก็เป็นได้ ตอนสมัยเรียนก็มีผู้จัดการดารามาทาบทามไม่เว้นแต่ละวัน แต่เพราะทุกคนไม่อยากให้น้องไปลำบาก จึงไม่มีใครยินยอม สุดท้ายปวีราจึงไม่เคยออกนอกกรอบที่ครอบครัววางไว้ 

“แต่พ่อไม่ค่อยอยากให้ทำ นี่มันงานเต้นกินรำกินนะลูก หนูอยู่บ้านให้สบายไม่ดีกว่าหรือ” คนเป็นพ่อไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง 

“ปัณเบื่อค่ะคุณพ่อ ไม่อยากอยู่เฉยๆ คอยรอพี่พร้อมกลับบ้านเหมือนคนไม่มีค่า” ปวีราระบายความอัดอั้นตันใจ

“โถ ลูกสาวคุณแม่” คุณภัสราถึงกับน้ำตาคลอด้วยความสงสารลูก ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่คนในบ้านเห็นกันจนชินตา นางเป็นคนเซนซิทีฟ ถ้าได้ฟังเรื่องเศร้าหรือดูละคร ไม่แคล้วจะเสียน้ำตาโดยง่ายดาย 

“ถ้าเบื่อก็หากิจกรรมทำสิลูก ดูซีรีส์อย่างที่หนูชอบก็ได้ หรือเราไปเที่ยวเมืองนอกกันสักทริปดี? ไปกันหมดเนี่ยแหละ หนูจะได้หายเบื่อ” 

ดูเหมือนคำว่าเบื่อของเธอกับบิดาจะตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง 

“แต่ปัณไม่ได้อยากหากิจกรรมทำ ปัณอยากทำงาน อีกอย่างปัณก็ตกลงกับพี่แพตตี้และพี่นานาไปแล้วด้วย ปัณอยากลองทำดูค่ะ” จากนั้นปวีราก็พยายามหว่านล้อมให้ทุกคนยอมตกลง “นะคะคุณยายขา ให้ปัณทำงานนี้นะคะ” 

“จะไหวรึ ปัณสุขภาพไม่แข็งแรง ยายไม่อยากให้ทำงานหนัก เดี๋ยวก็เข้าโรงพยาบาลอีก”

ผู้สูงวัยจินตนาการไปไกล กลัวหลานจะล้มป่วยเข้าโรงพยาบาล เพราะทำงานหนัก 

“แค่เป็นนางแบบเสื้อผ้าเองค่ะคุณยาย ไม่เหนื่อยอะไรเลย ออกจะน่าสนุกด้วยซ้ำ คุณยายก็รู้ว่าปัณชอบแต่งตัวสวยๆ” 

“แล้วตาพร้อมว่ายังไงบ้าง ไม่คัดค้านเลยเราเลยรึ” 

ปวีรายิ้มแหย เธอยังไม่ได้คุยเรื่องนี้กับเขาเลยด้วยซ้ำ

“ปัณยังไม่ขอพี่พร้อม ถ้าทุกคนอนุมัติ ปัณถึงจะขอ ซึ่งพี่พร้อมก็น่าจะยอมปัณอยู่แล้ว” ระดับปวีรา ถึงอย่างไรอังกูรก็แพ้ลูกอ้อนเธอแน่นอน

“มั่นใจเหลือเกินนะแม่คุณ” เปรมวรากระแนะกระแหนน้องสาวอย่างไม่จริงจังนัก 

“พนันกันไหมล่ะคะ” คนเป็นน้องท้า 

“ฉันแพ้หล่อนแน่ๆ ยอมจ้ะ” คนเป็นพี่ขอยกธงขาว เธออ้อนใครไม่เป็นและไม่คิดจะทำด้วย แค่คิดก็ขนลุกแล้ว

“อ่อนแอก็แพ้ไปนะพี่เปรม”

“โอ๊ย หมั่นไส้คนแอ๊บแบ๊วว่ะ แอบถ่ายคลิปให้ไอ้พร้อมดูดีไหมเนี่ย” เป็นปรานต์ที่ทนไม่ไหวกับความมั่นของน้องสุดที่รัก 

“กล้าเหรอพี่ปรานต์ เรื่องเก่าเรายังไม่เคลียร์กันเลยนะ ครั้งนี้ปัณยอมปล่อยผ่านก็จริง แต่ถ้ามีครั้งหน้า เราได้เห็นดีกันแน่” ปวีราหันขวับมองพี่ชายที่ยังมีคดีซึ่งยังไม่สะสางกันอยู่ 

“โธ่ ปล่อยพี่ไปเถอะน้องจ๋า เรื่องมันเก่าไปแล้ว รับรองว่าจะไม่เกิดขึ้นอีกเด็ดขาด สาบานเลยเอ้า” 

“ดีมาก เป็นพี่ต้องเชื่อฟังน้องถึงจะน่ารัก”

“จ้ะน้องรัก” ปรานต์กล่าวประชด

ตกลงใครเป็นพี่ ใครเป็นน้องกันแน่วะ!


หลังจากเกลี้ยกล่อมคนในบ้านจนสำเร็จเป็นที่เรียบร้อย ปวีราก็ต้องมาเจรจากับสามีที่ดึกดื่นแล้วยังต้องง่วนอยู่กับเอกสารกองโตซึ่งขนมาจากบริษัทเช่นเคย ชายหนุ่มยุ่งแทบจะตลอดเวลา กว่าจะสะสางงานเสร็จ บางทีเธอก็ง่วงจนชิงเข้าเฝ้าพระอินทร์ไปก่อนแล้ว ถ้าเธอไม่ขอคุยกับเขาตอนนี้ก็หาโอกาสได้ยากเต็มที เพราะบนเตียงเขาเน้นลงมือปฏิบัติมากกว่าพูดให้มากความ

เข้าห้องนอนทีไร เอะอะก็จะเปลื้องผ้าเมียลูกเดียว

เชื่อแล้วว่าสามีสุดหล่อของเธอเป็นคนจริงจังกับทุกเรื่อง ไม่เว้นแม้แต่เรื่องบนเตียง เขาจริงจังและดุดันจนเธอแทบทรุดคาเตียงเลยทีเดียว

แต่จนบัดนี้...เบบี้ก็ยังไม่มีวี่แววมาจุติ

“ได้มั้ยคะพี่พร้อม แค่ถ่ายแบบเสื้อผ้า รับรองว่าปัณจะไม่ทำให้พี่พร้อมเสียชื่อ” หญิงสาวเข้าไปบีบนวดไหล่หนา บริการเอาอกเอาใจคุณสามีเต็มที่ ทั้งยังสัญญาดิบดีว่าจะไม่ทำให้เขาเสียชื่อเสียง เพราะเธอไม่ใช่ตัวคนเดียวอีกต่อไป 

อีกทั้งสามีเธอก็ไม่ใช่ไก่กา เขาเป็นถึงกรรมการบริหารบริษัทหลักทรัพย์ที่มีชื่อเสียงในระดับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เธอในฐานะเมียก็ต้องวางตัวให้เหมาะสม ไม่ให้ชื่อเสียมาถึงสามีหรือกระทบกระเทือนถึงหน้าที่การงานของเขาเป็นอันขาด

“ทำไมจู่ๆ ถึงอยากทำงานในวงการบันเทิงขึ้นมาล่ะ แพตตี้กับนานาบังคับเราหรือเปล่า” คนถามคิ้วขมวด ไม่เชิงว่าไม่พอใจ ค่อนไปทางแปลกใจเสียมากกว่า จำได้ว่าช่วงวัยรุ่นมีแมวมองมาชักชวนเธอเข้าวงการมากมาย แต่ปวีราไม่มีทีท่าว่าจะสนใจแต่อย่างใด

ดวงหน้าสวยส่ายปฏิเสธ “เปล่าหรอกค่ะ พี่แพตตี้กับพี่นานาแค่เอ่ยปากชวนเฉยๆ ปัณเองก็กำลังว่างงานอยู่พอดี เลยอยากลองทำอะไรใหม่ๆ ดูบ้างน่ะค่ะ แต่ยังไม่รับปากนะคะ ปัณมาขออนุญาตพี่พร้อมก่อน” หญิงสาวให้เหตุผล และกล่าวเป็นนัยว่าไม่ได้ข้ามหน้าข้ามตาเขาแต่อย่างใด จะทำอะไรเธอต้องรายงานเขาก่อนอยู่แล้ว

แต่ความเป็นจริงแล้ว ไม่มีใครบนโลกมีความสามารถพอที่จะบังคับเธอได้หรอก เว้นแต่เธอจะอยากทำเอง พื้นฐานเธอเป็นคนชอบความท้าทาย อะไรที่ยิ่งยาก ยิ่งอยากทำให้ได้

“เอาสิ พี่สนับสนุนเต็มที่ อยากลองก็ทำเลย ถ้าขาดเหลือหรืออยากให้ช่วยซัปพอร์ตเรื่องอะไรก็มาบอกแล้วกัน” เขาไม่ได้ออกปากห้าม เขาเป็นสามี ไม่ใช่เจ้าชีวิต ถึงจะแต่งงานกันแล้วและเธอก็อยู่ใต้การดูแลของเขา แต่ปวีราควรได้ทำในสิ่งที่เจ้าตัวอยากทำ 

เธอควรมีชีวิตเป็นของตัวเอง ส่วนเขาซึ่งเป็นสามีมีหน้าที่คอยช่วยส่งเสริมและเป็นกำลังใจ เขาดีใจเสียด้วยซ้ำ ที่เธอริเริ่มอยากจะทำงานทำการขึ้นมา ไม่ใช่เพราะกลัวเลี้ยงเธอไม่ไหว ลำพังเมียคนเดียวทำไมเขาจะเลี้ยงไม่ได้ แต่เพราะอยากให้เธอมีสังคม ไม่อยากให้ต้องนั่งเหงาอยู่บ้านเพียงลำพัง 

อีกอย่างการเป็นนางแบบเสื้อผ้าก็ดูจะเหมาะกับคนรักสวยรักงามอย่างเธอดี อังกูรไม่เคยดูถูกอาชีพใคร เพราะคิดว่าทุกหน้าที่ทุกอาชีพต่างก็มีบทบาทและความสำคัญต่อสังคมไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

ถ้าเธออยากทำ เขาก็พร้อมสนับสนุนและคอยอยู่เคียงข้าง 

“พี่พร้อมอนุญาตเหรอคะ” ปวีราตาโตกับความใจดีเกินคาดของสามี เธอยังไม่ได้ใช้ท่าไม้ตายออดอ้อนใดๆ เขาก็ยอมอย่างง่ายดาย หญิงสาวนึกว่าเขาจะไม่ยอมให้เธอทำเสียอีก 

“แต่มีข้อยกเว้น” น้ำเสียงที่เรียบนุ่มในทีแรกเข้มขึ้นพร้อมกับหน้าตาดุเข้ม แววตาเขาจริงจังมาก ปวีรามองเขาตาแป๋วอย่างตั้งใจรอฟัง เพราะรู้สึกได้ว่าสิ่งที่เขากำลังพูดเป็นเรื่องสำคัญ

“ข้อยกเว้นอะไรเหรอคะ”

“ห้ามแต่งโป๊ โชว์หน้าอก หรือสวมแค่บิกินีเด็ดขาด”

“โอ๊ย! ไม่โป๊หรอกค่ะ เสื้อผ้าพี่แพตตี้ออกแนวหวานๆ ใสๆ สไตล์ที่ปัณชอบแต่งนี่แหละค่ะ”

ชุดกระโปรงบานๆ สั้นๆ กระตุ้นความรู้สึกหวามไหวนั่นน่ะเหรอเรียกว่าใสๆ...

ใจจริงเขาอยากให้ภรรยาใส่กางเกงหรือกระโปรงคลุมเข่า สวมเสื้อคอเต่าปิดลำคอขาวสวยเสียด้วยซ้ำ แต่กลัวว่าเธอจะมองเขาเป็นตาแก่หัวโบราณ จึงจำใจยอมถอยออกมาก้าวหนึ่งเพื่อความราบรื่นของชีวิตคู่ 

“ปัณดูตื่นเต้นนะ” เห็นแววตาเธอเปล่งประกายความสุขระคนตื่นเต้นกับสิ่งที่จะได้ทำ เขาก็ดีใจและพลอยมีความสุขตามไปด้วย

“แหม ก็ปัณดีใจนี่คะ พอมีงานทำจะได้ไม่เหงา ไม่ต้องคอยว่าพี่พร้อมจะกลับบ้านมาเมื่อไร จะกลับดึกไหม”

น้ำเสียงคนพูดหงอยจนใจแกร่งปวดแปลบ อดโกรธตัวเองขึ้นมาไม่ได้ พลางพิจารณาว่าเขาทำหน้าที่สามีบกพร่องเกินไปหรือเปล่า เขาควรปรับปรุงตัวในเรื่องการบริหารจัดการเวลา เพราะไม่ได้มีตัวคนเดียวเหมือนแต่ก่อน 

ทุกวันนี้เขากลับบ้านดึก แถมยังหอบงานกลับมาทำ ที่สำคัญเขายังหาเวลาพาเธอไปฮันนีมูนไม่ได้สักที ไม่รู้ว่าเธอแอบน้อยใจไปถึงไหนแล้ว แววตาเศร้าสร้อยยิ่งส่งผลให้เขารู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก 

“พี่ขอโทษที่ไม่มีเวลาพาปัณไปฮันนีมูนสักที”

“ปัณเข้าใจค่ะ ก็พี่พร้อมงานยุ่งมากนี่นา ไว้ว่างเมื่อไรเราค่อยไปก็ได้ค่ะ” หญิงสาวออกจะเห็นใจเขามากกว่าจะน้อยใจ พอมาอยู่ร่วมบ้านกับเขา ถึงได้รู้ว่าสามีมีหน้าที่ต้องแบกรับไว้บนบ่ามากมาย ตำแหน่งใหญ่ต้องแลกมาด้วยการทำงานหนัก บางคืนเธอหลับไปแล้ว แต่เขายังนั่งอ่านเอกสารล้นโต๊ะจนถึงดึกดื่น แล้วอย่างนี้เธอจะอาจหาญทำตัวงี่เง่า งอนคนทำงานหนักอย่างเขาได้อย่างไร

“ไว้พี่จะรีบเคลียร์งาน ปัณเลือกเลยนะว่าอยากไปไหน” เขาบอกอย่างใจป้ำ 

“จริงนะคะ” ปวีราตาโตอีกหน 

“พี่เคยโกหกเราด้วยเหรอ” เขาโยกหัวคนตัวเล็กเบาๆ เวลาเธอดีใจ อากัปกิริยาไม่ต่างจากเด็กน้อยในวันวาน

“ปัณอยากไปมัลดีฟส์ พี่พร้อมต้องถ่ายรูปให้ปัณด้วยนะคะ เอาสวยๆ เลยนะ ปัณจะได้อวดในไอจีว่าสามีถ่ายรูปเก่ง พี่พร้อมไม่รู้อะไร เดี๋ยวนี้ปัณมียอดฟอลโลว์เวอร์เป็นแสนแล้วน้า” ปวีราอวดยิ้มๆ 

“จริงอะ โม้หรือเปล่า”

“ไม่ได้โม้นะ ไม่รู้ละ ปัณจองตัวพี่แล้ว นอกจากปัณพี่พร้อมห้ามไปถ่ายใครอีก”

นอกจากชอบเลี้ยงสัตว์ อังกูรยังมีงานอดิเรกที่รักมากอีกอย่างหนึ่งคือ การถ่ายรูป ชายหนุ่มสะสมกล้องถ่ายรูปมูลค่ารวมกันเหยียบสิบล้าน เพราะกล้องแต่ละตัวล้วนเป็นของหายาก และฝีมือด้านการถ่ายรูปของเขาก็นับว่าไม่ธรรมดา เรียกว่าเป็นชายหนุ่มที่มีความสามารถรอบด้าน ใครได้ไปเป็นสามีถือว่าโชคดี และผู้โชคดีคนนั้นก็คือเธอนั่นเอง 

“ตามใจปัณเลยครับ” เพราะไม่มีค่อยมีเวลาสปอยล์เมีย เขาเลยต้องยกยอดไว้ชดเชยให้เธอทีเดียว

“งั้นปัณชอปชุดว่ายน้ำไว้รอเลยนะคะ จะซื้อเผื่อพี่พร้อมด้วย เจ็ดวันเจ็ดชุดไปเลยดีไหมคะ ต้องมีผ้าคลุมพลิ้วๆ สวยๆ ด้วย จะได้เหมาะกับทะเลฟ้าคราม ถ่ายรูปต้องออกมาดูดีแน่ๆ แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว อยากไปเร็วๆ จัง”

“พี่จะรีบเคลียร์งาน รออีกนิดนะคนเก่ง”

“คับผม” ปวีราตะเบ๊ะรับคำอย่างทะเล้น  

อังกูรยกยิ้มเอ็นดู เขาไม่พูดอะไร เพียงแต่ยื่นการ์ดสีขาวไม่จำกัดวงเงินให้เธอไปชอปปิงชุดว่ายน้ำและพรอปถ่ายรูปให้หนำใจ 

สำหรับเขาแล้ว การกระทำสำคัญกว่าคำพูดเสมอ 

“ปะ ไปนอนกัน”

“ไปค่ะ ปัณง่วงแล้วเหมือนกัน” เธอรับคำชวน แต่พอเห็นแววตาเขาแล้ว เธอก็อยากจะเปลี่ยนความคิดทันควัน 

เพราะดูเหมือน ’นอน’ ของเขา จะไม่เหมือน ‘นอน’ ของเธอ

“พี่พร้อม...”

“นะครับคนสวย”

สามีอ้อนวอนขนาดนี้ แล้วคนเป็นภรรยาจะใจแข็งยังไงไหว ปวีราพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะร้องเสียงหลงเมื่อถูกช้อนตัวลอยหายเข้าไปในห้องนอน 

    เรียบร้อยโรงเรียนอังกูรไปอีกหนึ่งคืน!

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น