2

หญิงสาวผู้มีความลับบางอย่าง

หญิงสาวผู้มีความลับบางอย่าง

 

หญิงสาวผมยาวร่างเล็ก หน้าตาสะสวยในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้า สวมรองเท้าสนีกเกอร์กึ่งวิ่งกึ่งเดินออกมาจากร้านขายยา มุ่งหน้าตรงไปยังรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นคันสีขาวซึ่งจอดอยู่ข้างฟุตพาท

เมื่อเข้ามานั่งในรถเรียบร้อยแล้ว ‘วาดฟ้า’ ก็รีบแกะแผงยาคุมฉุกเฉิน ส่งยาเม็ดแรกเข้าปาก ก่อนจะดื่มน้ำตามลงไปอึกใหญ่ ตั้งเวลาบนสมาร์ตโฟนไว้เพื่อแจ้งเตือนการกินยาเม็ดต่อไป ตามที่พี่เภสัชกรร้านขายยาแนะนำเธอมา เมื่อพลาดมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน ให้กินยาเม็ดแรกทันทีหลังจากมีเพศสัมพันธ์ไม่เกินสามวัน และกินยาเม็ดที่สองหลังจากกินเม็ดแรกภายในเวลาสิบสองชั่วโมง

“เฮ้อ” หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ เอนศีรษะซบเบาะที่นั่งคนขับ รู้สึกเหนื่อยล้าอ่อนแรงเหลือเกินตอนอยู่คนเดียว ต่างจากตอนที่เธออยู่กับคนรอบข้าง ซึ่งเธอมักดูเข้มแข็งเสมอ

การเจรจาตกลงกันจบลงด้วยดีในช่วงเวลาสิบเอ็ดโมงกว่าที่คอนโดมิเนียมของภาวัฒน์ ทุกคนถึงได้แยกย้ายกันกลับบ้าน วาดฟ้าขับรถกลับเองเพราะเมื่อคืนเธอขับรถมา แต่ก็สัญญากับบิดามารดาว่าจะรีบกลับถึงบ้านให้เร็วที่สุด โดยไม่ลืมแวะซื้อยาคุมฉุกเฉินระหว่างทาง

เธอยังไม่พร้อมตั้งครรภ์ และเชื่อว่าภาวัฒน์เองก็ยังไม่พร้อมเช่นเดียวกัน ความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนย่อมไม่เอื้อต่อการมีบุตร แม้เธอจะรักเขา แต่เธอก็รักตัวเองมากพอจะไม่ใช้วิธีโง่ๆ ในการปล่อยให้ตัวเองตั้งครรภ์เพื่อผูกมัดเขาเอาไว้

ริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีพีชคลี่ยิ้มบางเบา...และอีกอย่าง เธอไม่ต้องการให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนชาติภพที่แล้วไปมากกว่านี้

 

‘จักรรักษ์ไทย’ ร้านอาหารสไตล์บ้านเรือนไทยโบราณ วางตัวกลมกลืนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติร่มรื่นสบายตา ต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมทั่วทุกพื้นที่กว่าแปดไร่ มีต้นไม้ที่สามารถให้ผลเก็บกินได้เกือบตลอดทั้งปีอย่างเช่นมะปราง ละมุด ขนุน หว้า กล้วยน้ำว้า มะพร้าว และยังมีแปลงพืชผักสวนครัวปลอดสารพิษอีกหลายชนิด ซึ่งทางร้านนำมาใช้ในการประกอบอาหาร 

ร้านอาหารบ้านสวนแห่งนี้ แรกเริ่มเดิมทีเมื่อหลายปีก่อนยังไม่ได้มีชื่อเสียงมากนัก กระทั่งมีดาราฮอลลีวูดหญิงคนหนึ่งมาเที่ยวกรุงเทพฯ บังเอิญแวะมารับประทานอาหารร้านนี้เข้าแล้วถูกปาก โพสต์ภาพลงบนอินสตาแกรม จากนั้นไม่นานผู้คนจากทั่วทุกสารทิศก็เริ่มหลั่งไหลแวะเวียนมาไม่ขาดสาย จนต้องมีการจองคิวล่วงหน้าเป็นเดือนๆ

วาดฟ้าขับรถผ่านพ้นประตูรั้วเข้ามาตามถนนคอนกรีตสายเล็กๆ ซึ่งเป็นทางเข้าร้านอาหารจักรรักษ์ไทยและเป็นทางเข้าบ้านของเธอด้วยเช่นกัน สองข้างทางล้วนแล้วแต่เป็นพื้นที่สีเขียวสุดแสนสบายตา อันหาไม่ได้ง่ายๆ ในเมืองหลวง

ตัวบ้านของเธอนั้นปลูกห่างจากตัวร้านอาหารประมาณสองร้อยเมตรเห็นจะได้ เป็นบ้านชั้นเดียวขนาดกะทัดรัดสวยงามที่เธออาศัยอยู่ร่วมกับบิดาและมารดา ในทุกๆ วันหลังจากเรียนเสร็จเธอจะไปช่วยงานที่ร้านเสมอ เพราะเป็นกิจการเพียงหนึ่งเดียวของครอบครัว แม้ว่าตอนนี้เรียนจบแล้วเธอก็ยังคงช่วยงานที่ร้านอยู่ ยังไม่ได้มองหางานประจำทำเป็นหลักแหล่ง

“อ้าวน้องวิว ไปไหนมาคะเนี่ย ว่าแล้วเชียวพี่ไม่เห็นหน้าหนูเลยตั้งแต่เช้า”

แพรวนภา สาวใหญ่วัยสี่สิบปีเศษผู้ซึ่งทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านเอ่ยทักทายขึ้น ระหว่างที่เดินสวนทางกันกับเธอตรงบริเวณหน้าบ้าน

“วิวออกไปข้างนอกมาน่ะค่ะพี่แพรว” หญิงสาวบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเหมือนดังเช่นเคย

“แล้วนี่พี่แพรวกำลังจะไปไหนคะ”

“พี่มาลางานครึ่งวันกับคุณจักรน่ะค่ะ พอดีน้องสาวของพี่เขาคลอดลูกอยู่ที่โรงพยาบาล นี่เลยกะจะไปดูหน้าหลานชายสักหน่อย”  คนเพิ่งมีหลานหมาดๆ ยิ้มหน้าบานอย่างมีความสุขไม่แพ้กัน 

“วิวดีใจด้วยนะคะ” วาดฟ้าแสดงความยินดีจากใจจริง ก่อนที่อีกฝ่ายจะขอตัวลาเพื่อเดินทางไปโรงพยาบาล ส่วนเธอก็เดินเข้าบ้านตามปกติ

“พ่อคะ แม่คะ วิวกลับมาแล้ว” หญิงสาวร้องบอกบุพการีทั้งสอง แล้วจึงทรุดนั่งลงบนโซฟากลางห้องรับแขกซึ่งมีทีวีเปิดค้างไว้

สักครู่ใหญ่ๆ ร่างท้วมของมารดาในชุดกระโปรงยาวผ้ามัดย้อม มีโรลม้วนผมเต็มศีรษะก็ปรากฏตัวขึ้น ในมือถือจานขนมอาลัวหลากสีสันกับน้ำเย็นหนึ่งแก้วนำมาวางไว้ตรงหน้าเธอ 

พวกท่านคงกลับมาถึงบ้านก่อนหน้าเธอนานแล้ว สังเกตจากที่มารดาเปลี่ยนเป็นชุดนอนอยู่บ้านสบายๆ ไม่ใช่ชุดทางการก่อนหน้านี้ที่คอนโด ของภาวัฒน์

“กินขนมก่อนนะลูก แม่จำได้ว่าวิวชอบกินอาลัวก็เลยแวะซื้อมาตั้งแต่เมื่อเช้า”

“ขอบคุณนะคะ แม่เนี่ยน่ารักที่สุดในจักรวาลเล้ย”

วาดฟ้าพูดยิ้มๆ ทิ้งตัวลงนอนหนุนตักของผู้เป็นมารดา พลางเอื้อมมือไปคว้าขนมอาลัวมาใส่ปากกินอย่างเอร็ดอร่อย มารดาก็มักจะลูบผมเธอไปด้วยในระหว่างดูทีวี ทำเหมือนปกติเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา ทั้งที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์วุ่นวายกันมาสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อเช้านี้เอง

“พ่อเราเขาดูเคืองๆ เหมือนกันนะวิว ตั้งแต่กลับถึงบ้านก็เข้าไปเก็บตัวอยู่ในห้องทำงาน ตอนนี้ยังไม่ออกมาเลย” 

“ไม่แปลกที่พ่อจะเคืองหรอกค่ะ เพราะวิวคงทำให้พ่อผิดหวัง และแม่ก็คงผิดหวังในตัววิวเหมือนกันใช่ไหมคะ” 

ประไพส่ายหน้าให้แก่คำถามของลูกสาวที่นางรักปานแก้วตาดวงใจ แม้ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไข แต่นางกับสามีก็เฝ้ารักเฝ้าเลี้ยงดูทะนุถนอมลูกคนนี้มาตั้งแต่อายุสองขวบ 

“แม่ไม่เคยผิดหวังในตัววิวเลย เพราะคนเราย่อมทำผิดพลาดกันได้เสมอ แม่แค่เป็นห่วงวิวมากกว่า วิวน่ะ คิดดีแล้วใช่ไหมลูก” 

“วิวคิดดีแล้วค่ะ วิวรักพี่ภีมมานานมากแล้ว”

ใช่ เธอรักภาวัฒน์มานานมากแล้วจริงๆ รักเขาข้างเดียวมาตลอดตั้งแต่ชาติที่แล้วจนกระทั่งชาตินี้ เธอก็ยังเลิกรักเขาไม่ได้เลย

 

ก๊อกๆ...

“พ่อคะ วิวเองนะ”

เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้นสองครั้ง ตามด้วยเสียงเรียกของคนเป็นลูกสาว จักรที่กำลังนั่งอยู่บนโต๊ะทำงานจึงปิดสมุดบัญชีรายรับรายจ่ายร้านอาหารลง ถอดแว่นสายตาวางไว้ข้างๆ กัน ก่อนจะเอ่ยอนุญาตให้ลูกสาวเข้ามา

ประตูแง้มเปิดออกช้าๆ ใบหน้าสวยหวานโผล่มาเพียงครึ่งหน้า ส่งสายตาออดอ้อนแกมวอนขอความเห็นใจจากบิดา

“จะเข้าก็รีบเข้ามาสิวิวเอ๊ย แอร์มันออก เปลืองค่าไฟ พ่อเปิดแอร์ไว้”

เท่านั้นเองวาดฟ้าก็ฉีกยิ้มกว้างอย่างยินดี บิดาพูดคุยกับเธอเหมือนปกติ ไม่ได้มีท่าทีหมางเมินใส่แบบที่คิดเอาไว้ก่อนหน้านี้แต่อย่างใด

ร่างเล็กบางแทรกกายเข้ามาภายในห้อง ใช้แผ่นหลังดันประตูให้ปิดลงดังเดิม มือทั้งสองข้างประคองถาดอาหารกลิ่นหอมฉุย เดินตรงเข้าไปหาบิดาที่โต๊ะทำงาน

“ข้าวไข่เจียวหอมใหญ่ใส่พริก กับน้ำลำไยเย็นๆ หวานชื่นใจมาเสิร์ฟแล้วค่า” หญิงสาวนำเสนอด้วยความภาคภูมิใจ บริการเสิร์ฟอาหารเหมือนเวลาอยู่ที่ร้าน

“เอามาทำไม พ่อยังไม่หิวสักหน่อย”

ายชราจักรเลื่อนจานอาหารตรงหน้าออกห่างไปเล็กน้อย แสร้งทำเป็นไม่สนใจ เพราะลึกๆ ยังโกรธลูกสาวอยู่ ทว่าร่างกายคนเราไม่สามารถโกหกได้ กลิ่นข้าวไข่เจียวหอมๆ เรียกน้ำย่อยในกระเพาะของเขาเป็นอย่างดี และเมื่อไม่ยอมตอบสนองความต้องการของร่างกาย มันจึงประท้วงด้วยการส่งเสียงคำรามโครกคราก

“ฮ่าๆๆๆ” วาดฟ้ากลั้นขำต่อไปไม่ไหว หัวเราะออกมาเสียงดังลั่น 

“พ่อนะพ่อ วิวรู้หรอกค่ะว่าพ่อยังไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้า ถ้าจะฟอร์มกับวิวก็ไม่เห็นต้องทรมานกระเพาะตัวเองนี่คะ”

“หึ ไอ้ที่พ่อไม่ได้กินอะไรเพราะใครล่ะ ก็เพราะเป็นห่วงวิวนี่แหละ ตอนยายเจนโทร. มาบอก พ่อตกใจแทบลมจับ”

จักรบ่นกระปอดกระแปด ยอมดึงจานข้าวกลับมาตักเข้าปากด้วยความหิว ไม่มีประโยชน์จะอดทนอดกลั้นเมื่อลูกสาวรู้เท่าทันฟอร์มแล้ว

“วิวขอโทษนะคะที่ทำให้พ่อผิดหวัง วิวเป็นคนไม่ดีเลยใช่ไหมคะ” วาดฟ้าพูดเสียงอ่อยขณะย่อตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างๆ บิดา ดวงตากลมโตคู่สวยเศร้าสลดลง

“วิวไม่ใช่คนไม่ดีหรอก วิวเป็นคนดีของพ่อกับแม่มาตลอด” ชายชราจักรถอนหายใจ พลางตบบ่าลูกสาวเบาๆ 

“พ่อแค่โกรธที่วิวไม่ระมัดระวังตัวเองจนประมาทพลาดพลั้งไป แต่สุดท้ายพ่อก็โกรธไม่ลง เพราะวิวเป็นลูกของพ่อ” 

“ขอบคุณนะคะ ที่พ่อไม่โกรธไม่เกลียดวิว” หญิงสาวดีใจจนน้ำตาซึม บิดามารดาพร้อมให้อภัยเธอเสมอในยามที่เธอทำพลาดไป แม้เธอไม่ใช่สายเลือดของพวกเขาท่านก็ตาม จะมีเด็กกำพร้าบนโลกใบนี้สักกี่คนที่โชคดีได้รับความรักความอบอุ่นอย่างเธอ

“พ่อกับแม่ไม่มีทางเกลียดลูก อย่าคิดมากไปเลยวิวเอ๊ย คิดเรื่องว่าจะเอายังไงกับชีวิตต่อจากนี้ดีกว่า” จักรหันไปยิ้มให้ลูกสาว ยกแก้วน้ำลำไยขึ้นดื่ม

“ก็คงต้องเป็นไปตามที่ตกลงกันไว้นั่นแหละค่ะ”

“พ่อถามจริงๆ นะ ไม่ใช่ว่าพ่อดูไม่ออกว่าวิวรักไอ้ภีมมาตั้งแต่เด็กๆ แต่วิวแน่ใจแล้วเหรอว่าจะแต่งงานกับมัน ไม่ใช่ว่ามันไม่ดีหรอก มันก็นิสัยดี ขยันเอาการเอางานอยู่ แต่ดูท่าว่ามันจะรักลูกแบบน้องสาว ไม่มีแววว่าจะเป็นอื่นด้วย”

จักรเป็นคนโบราณที่เข้าใจความรักของหนุ่มสาวในยุคสมัยปัจจุบัน ความจริงแล้วเขาไม่ถือเรื่องที่จะต้องให้ลูกสาวแต่งงานกับคนที่เสียความบริสุทธิ์ให้เป็นคนแรกเท่านั้นเหมือนยุคสมัยเก่า แต่เพราะเขารู้ว่าลูกสาวรักภาวัฒน์ต่างหาก จึงได้ยอมตกลงใจให้ลูกสาวทดลองอยู่ร่วมกับหลานชายตัวดีเป็นเวลาสามเดือน 

“วิวไม่ได้จะแต่งงานเสียทีเดียวนี่คะ วิวแค่ทดลองอยู่กับพี่ภีมดูก่อน ถ้ามันไม่เวิร์กจริงๆ วิวค่อยออกมา วิวสัญญาค่ะว่าจะไม่ดันทุรังอยู่ต่อหากวิวไม่สามารถทำให้พี่ภีมรักวิวได้ในสามเดือนนี้ วิวจะมูฟออน”

แม้หัวใจแสนจะเปราะบางนัก แต่วาดฟ้าก็ยังแสดงท่าทีเข้มแข็ง ด้วยไม่อยากให้บิดาต้องเป็นห่วง 

“มูฟออนแปลว่าอะไร พ่อไม่เข้าใจศัพท์วัยรุ่น” ชายชราจักรขมวดคิ้วไม่เข้าใจ

“มูฟออนก็แปลว่าไปต่อ ยอมตัดใจจากคนคนหนึ่งไงคะ” เธออธิบาย บิดาได้ฟังดังนั้นก็หัวเราะในลำคอ

“มันจะทำได้จริงๆ น่ะเร้อ มูฟออนอะไรเนี่ย ถ้าทำได้ลูกคงไม่ตามรักไอ้ภีมมาจนถึงชาตินี้” 

จักรว่าพลางรวบช้อนส้อมวางไว้บนจานข้าวที่หมดเกลี้ยง เขาหันหน้าไปมองลูกสาวคนเดียวท่ามกลางความเงียบสงัดในห้องทำงาน จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้นซึ่งบางครั้งก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป ราวกับว่าลูกสาวของเขาเป็นใครอีกคน

ลมหนาวจากเครื่องปรับอากาศพัดมาอีกระลอก วาดฟ้าไม่พูดอะไรนอกจากนิ่งเงียบ กระทั่งบิดาเอื้อมมือมาแตะบนศีรษะของเธอ

“มันไม่สำคัญว่าวิวเคยเป็นใครมาก่อน เพราะตอนนี้วิวเป็นลูกของพ่อกับแม่ เป็นลูกคนเดียวที่พ่อกับแม่รักที่สุดในโลก เราไม่ได้เลี้ยงลูกให้โตมาเพื่ออดทนกับความเสียใจ เพราะฉะนั้นถ้ามันไม่ใช่ ลูกก็กลับมาหาพ่อกับแม่ได้เสมอ ตอนนี้ลูกคือ นางสาววาดฟ้า ถาวรปัญญา ในปี 2563 ไม่ใช่นางสาวลำดวนในปี 2490 อีกต่อไป”

 

เดือนมกราคม ปีพุทธศักราช 2490 

หญิงสาวหน้าตาคมขำสวมเสื้อลูกไม้สีขาวกับผ้าซิ่นเนื้อดีตามแบบฉบับลูกเศรษฐีผู้มีอันจะกิน เดินดุ่มๆ หิ้วปิ่นโตเถาใหญ่ไปตามคันนายาวท่ามกลางแสงแดดอ่อน โดยมีสาวใหญ่อีกคนเดินตามไปติดๆ ด้วยท่าทีกระเง้ากระงอด

“แม่ลำดวนเดินช้าๆ หน่อยสิ พี่ตามไม่ทันแล้วเนี่ย”

“ขืนช้า พี่แสนของฉันก็หิวตายพอดีน่ะสิ พี่วรรณอย่ามัวแต่บ่นเลย รีบเดินตามฉันมาเร็วๆ เข้า” 

ลำดวนบอกกับพี่เลี้ยงที่ชื่อวรรณา ซึ่งมักจะติดสอยห้อยตามเธอไปทุกที่ ตั้งแต่เล็กจนโตกระทั่งย่างเข้าสู่วัยสาว วรรณาก็เป็นเหมือนพี่สาวแท้ๆ ที่คอยดูแลเธอตลอด

“แม่ลำดวนก็ช่างกระไร ไอ้แสนมันบอกทุกวี่ทุกวันว่ามันมีกับข้าวกับปลาของมันแล้ว แม่ลำดวนก็ยังจะถ่อทำกับข้าวใส่ปิ่นโตไปให้มันกินทุกวันอีก”

สาวใหญ่อดบ่นไม่ได้ แม่ลำดวนของเธอมีใจรักชายหนุ่มรูปงามนาม ‘แสนกล้า’ ทว่าชายหนุ่มหาได้มีท่าทีรักตอบไม่ เย็นชาเสมอต้นเสมอปลาย และแม่ลำดวนของเธอก็ยังดีกับชายหนุ่มเสมอต้นเสมอปลายเช่นกัน ด้วยหวังว่าสักวันหนึ่งแสนกล้าจะรับรักตอบ

ดังนั้นการทำกับข้าวไปส่งให้ทุกวัน จึงถือเป็นหนึ่งในวิธีเอาชนะใจชายหนุ่มของแม่ลำดวน 

เดินต่อไปสักครู่ใหญ่ๆ ในที่สุดก็มาถึงเถียงนาเก่าๆ แห่งหนึ่งซึ่งยกพื้นสูงประมาณหนึ่งเมตรครึ่ง บนนั้นมีชายหนุ่มร่างสูงใหญ่กำยำ ใบหน้าหล่อคมสันแบบชายไทยแท้กำลังนั่งรับประทานอาหารร่วมกับชายหนุ่มร่างเล็กอีกคน

“อ้าว นั่นน้องลำดวนคนสวยนี่นา วันนี้ทำอะไรมาให้ไอ้แสนกินอีกหรือจ๊ะ” 

บุญยืน ชายร่างเล็กผู้เป็นเพื่อนสนิทของแสนกล้าเอ่ยถามสาวลำดวนยิ้มๆ

“มีแกงพะแนงหมู ปลาทูทอดตัวโตๆ จากแม่กลอง วันนี้ฉันทำมาเผื่อเยอะเลย พี่ยืนก็กินด้วยได้นะจ๊ะ” ลำดวนบอก พลางหันไปส่งยิ้มหวานหยดย้อยให้ชายหนุ่มที่เธอหมายปอง แต่อีกฝ่ายกลับทำใบหน้าเคร่งขรึมใส่

“พี่บอกเอ็งกี่ครั้งแล้วว่าไม่ต้องทำมาให้ลำบาก พี่กับไอ้ยืนมีกับข้าวกิน”

“เฮ้ยไอ้แสน! เอ็งพูดแบบนั้นกับน้องลำดวนคนสวยได้ไงวะ เสียน้ำใจน้องลำดวนหมด เขาอุตส่าห์ทำ อุตส่าห์หอบหิ้วมา” 

บุญยืนแสร้งทำเป็นด่าทอเพื่อนรัก เพราะเขาอยากกินแกงพะแนงหมูกับปลาทูทอดมากกว่าน้ำพริกผักต้มชืดๆ ที่กำลังกินอยู่นี่เป็นไหนๆ การที่สาวลำดวนทำกับข้าวมาส่งแสนกล้าเกือบทุกวัน พลอยให้เขาได้อานิสงค์ไปด้วย

“ขึ้นมานั่งก่อนเลยจ้ะน้องลำดวน ยืนนานๆ ก็เมื่อยเสียเปล่า เชิญพี่วรรณด้วยนะจ๊ะ”

ชายหนุ่มรีบชักชวนสองสาวต่างวัยให้ขึ้นมานั่งบนเถียงนาด้วยกัน เมื่อสองสาวขึ้นมานั่งเรียบร้อยแล้ว จึงได้จัดแจงนำเถาปิ่นโตแต่ละชั้นออกมาตั้งเรียงราย

“โอ๊ย พี่หิวน้ำคอแห้งไปหมดแล้ว ขอน้ำกินหน่อยเถอะพ่อยืน” วรรณาเอ่ยเสียงแหบแห้ง บุญยืนจึงคลานเข่าเพื่อจะไปตักน้ำในโอ่งเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ข้างเสาเถียง

“เอ้า น้ำหมดโอ่งพอดีเลย งั้นเดี๋ยวฉันไปหาบน้ำมาให้นะจ๊ะ”

“ไปสิไป เดี๋ยวพี่ไปช่วย ขืนมัวแต่นั่งรอคงหิวน้ำตาย”

สาวใหญ่ขันอาสา ก่อนจะลงจากเถียงนาเดินไปที่แม่น้ำซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่กี่ร้อยเมตรพร้อมหนุ่มบุญยืน และถือเป็นการเปิดช่องให้ลำดวนอยู่พูดคุยกับแสนกล้าตามลำพัง 

“พี่แสนกินเยอะๆ เลยนะจ๊ะพี่ ปลาทูแม่กลองญาติฉันเขาเอามาฝากจากอัมพวา ตัวอวบๆ ทอดร้อนๆ นี่อร่อยที่สุดแล้ว” ลำดวนไม่พูดเปล่า ใช้ช้อนตักปลาทูทอดตัวอวบใหญ่ในปิ่นโตไปไว้ในจานข้าวของชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มร่าเริง

“เอ็งจะทำแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่กันลำดวน” แสนกล้าเอ่ยถามตรงๆ ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มแสดงอาการไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

“ก็จนกว่าพี่จะรับรักฉันนั่นแหละ ถ้าพี่รำคาญนักก็รีบรับรักฉันไวๆ สิ” 

หญิงสาวจีบปากจีบคอว่า หาได้สะทกสะท้านต่อคำถามของอีกฝ่ายไม่ เพราะตัวถือคติตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก ในเมื่อเธอตั้งใจจะรักเขา เธอก็จะรักและทำให้เขารักเธอตอบจนได้

,,,

ร่างเล็กบางในชุดนอนลืมตาตื่นขึ้นจากความฝัน ก่อนจะค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นนั่งท่ามกลางความมืดสลัว ใช้มือข้างหนึ่งเสยเส้นผมอันยุ่งเหยิงพร้อมกับเหลือบมองนาฬิกาดิจิทัลเรืองแสงบนหัวเตียงซึ่งบอกเวลาตีสี่ครึ่งพอดี

การฝันถึงเรื่องราวในอดีตชาติคือสิ่งที่วาดฟ้าเผชิญมาตลอดตั้งแต่จำความได้ ราวกับภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่ฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่า และนั่นยิ่งส่งผลทำให้เธอจดจำชาติภพที่แล้วของตนเองได้อย่างไม่เคยลืม 

‘นางสาวลำดวน ทองประเสริฐศรี’ บุตรสาวคนสุดท้องในบรรดาพี่น้องห้าคนของ พ่อน้อมและแม่ปาน ทองประเสริฐศรี สองเศรษฐีผู้ร่ำรวยประจำตำบลในจังหวัดสุพรรณบุรี นี่คือตัวตนของเธอในปี พ.ศ. 2490 เวลานั้นเธออายุเพียง 20 ปี และเสียชีวิตในปีเดียวกัน 

รู้ตัวอีกทีวาดฟ้าก็มาเกิดในปี 2540 แล้ว แม้ว่าเธอจะจำอดีตชาติของตัวเองได้ แต่เธอก็เลือกใช้ชีวิตเหมือนคนปกติธรรมดาทั่วๆ ไป มีเพียงพ่อแม่บุญธรรมของเธอเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้

หญิงสาวตัดสินใจลุกจากเตียงนอนไปอาบน้ำแต่งตัว ตั้งใจว่าจะไปช่วยมารดาทำกับข้าวตักบาตร เอาฤกษ์เอาชัยก่อนที่ภาวัฒน์จะมารับตัวเธอไปอยู่คอนโดด้วยในวันนี้

 

รถยนต์สัญชาติยุโรปสีดำแล่นมาด้วยความเร็วในระดับหนึ่ง แล้วจึงค่อยๆ ชะลอตัวลงจอดสนิทบริเวณหน้าประตูรั้วเหล็กดัดสูง ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งสวมแว่นกันแดดสีดำกับเสื้อเชิตสีขาวก้าวเท้าลงมาจากรถ ออร่าความหล่อแผ่รัศมีเจิดจ้าจนวาดฟ้าที่ยืนรอตักบาตรข้างมารดามือไม้อ่อนกะทันหันแทบประคองขันข้าวเอาไว้ไม่อยู่

‘โถพี่ภีม ตั้งแต่เล็กจนโตทำไมวิวไม่เคยชินกับความหล่อของพี่ภีมเลยนะ’

หญิงสาวคิดพลางคลี่ยิ้มเขิน แอบไขว้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้ส่งเป็นมินิฮาร์ตให้ภาวัฒน์ นั่นยิ่งทำให้คิ้วเข้มเหนือแว่นกันแดดขมวดมุ่นเข้าไปใหญ่ แต่ก็ยังคงรักษาอาการไว้ เดินเข้ามาไหว้สวัสดีประไพผู้มีศักดิ์เป็นป้าสะใภ้อย่างนอบน้อม

“สวัสดีครับคุณป้า”

“สวัสดีจ้ะ ตาภีมมารับวิวแต่เช้าเลยเหรอลูก” ประไพเอ่ยทักทายหลานชายด้วยรอยยิ้ม 

“ครับ” ภาวัฒน์ถอดแว่นกันแดดออกพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ แสร้งทำเป็นไม่สนใจคนตัวเล็กที่กำลังจ้องเขาตาแป๋ว

“แล้วคุณลุงอยู่ไหนล่ะครับ ไม่ได้มาใส่บาตรด้วยเหรอ” 

“ยังไม่ตื่นเลย เห็นเมื่อคืนเขาทำงานเหนื่อยๆ ป้าไม่อยากปลุก เลยมาใส่บาตรกับวิวแค่สองคน ตาภีมมาใส่ด้วยกันสิลูก” 

สตรีวัยกลางคนกล่าวชักชวน จุดประสงค์นอกจากอยากให้หลานชายได้บุญแล้ว ยังอยากให้หลานชายและลูกสาวของนางได้ตักบาตรร่วมกันเพื่อเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นชีวิตคู่ แม้เป็นแค่การทดลองใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันก็ตาม

“ครับคุณป้า” ภาวัฒน์พยักหน้ารับ เดินเข้าไปยืนข้างๆ ผู้เป็นป้า แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร เมื่อยายจอมแสบสลับมายืนอยู่ข้างๆ เขาเองเสร็จสรรพ

เวลาผ่านไปเกือบสิบนาทีแล้วพระก็ยังไม่มาบิณฑบาต ประไพซึ่งกำลังปวดท้องจึงตัดสินใจว่าจะไปเข้าห้องน้ำก่อน 

“วิว พอดีแม่ปวดท้องหนัก ถ้าพระท่านมาแล้ววิวพาพี่เขาใส่บาตรก่อนได้เลยนะลูก ไม่ต้องรอแม่” นางสั่งการคนเป็นลูกสาว ก่อนจะรีบรุดนำจักรยานคู่ใจขี่กลับไปที่บ้าน

“เฮ้อ” ภาวัฒน์ถอนหายใจออกมาดังๆ ขนาดทำบุญทั้งทีเขาก็ยังหนีไม่พ้นยายจอมแสบเลย

“แหม พออยู่กับวิวสองต่อสองนี่ทำหน้าเซ็งเลยนะคะพี่ภีม” วาดฟ้าว่ายิ้มๆ ไม่ถือโทษโกรธเคืองว่าที่สามีหน้าตึงของเธอสักนิด

“จะเซ็งหรือไม่เซ็ง พี่ก็ไม่มีสิทธิ์เลือกอยู่แล้วในสามเดือนนี้น่ะ”

ชายหนุ่มกล่าวพลางยกแขนสองข้างขึ้นกอดอก จ้องมองคนตัวเล็กที่ได้ชื่อว่ากำลังจะมาเป็นภรรยาของเขาอย่างปลงๆ

“พี่ภีมมีสิทธิ์เลือกค่ะ ทำไมจะไม่มี” หญิงสาวแย้งด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข

“แล้วเลือกอะไรได้ล่ะ”

“ก็เลือกว่าจะ ‘รัก’ หรือจะ ‘รัก’ วิวไงคะ”

ภาวัฒน์ย่นคิ้วให้คำตอบนั้น ขณะที่ท่อนเพลงสุดฮิตของวงเกิร์ลกรุ๊ปยุค 90’s แวบเข้ามาในหัวสมอง

‘แล้วฉันเลือกอะไรได้ไหม เลือกให้เธอไม่ไปได้หรือเปล่า...’

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น