10
แล้วการต้องนอนหลับในอ้อมแขนของคนที่หล่อนหลงรักก็ไม่ทำให้นคราหัวใจวายตายอย่างที่คิด เพราะหลังจากหลับไปด้วยความอ่อนเพลียได้ไม่เท่าไร โทรศัพท์ที่ชาร์จแบตเตอรี่อยู่บนหัวเตียงก็ส่งเสียงดังขึ้น เล่นเอาทั้งคนกอดและคนโดนกอดสะดุ้งตื่นด้วยกันทั้งคู่ ก่อนจะพบว่าเป็นเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของนครา ไม่ใช่คนไข้ฉุกเฉินเร่งด่วนของผู้เป็นสามี
หญิงสาวกดรับทันทีที่โทรศัพท์ดังไม่เกินสองครั้ง ก่อนจะหันไปขอโทษฉัตรบดินทร์ที่ตื่นพร้อมกัน ฝ่ายชายหนุ่มก็ไม่ได้ว่าอะไร ได้แต่พยักหน้ารับคำขอโทษนั้น อาศัยช่วงเวลานี้ลุกไปเข้าห้องน้ำแล้วเดินกลับมาเช็กอีเมลในโทรศัพท์มือถือเงียบๆ แต่ก็เงี่ยหูฟังประโยคที่ภรรยาคนสวยสั่งการลูกน้อง
“ดีแล้ว ไม่ต้องขึ้นโรงพักก็ดีไป ต่อให้ขึ้นนิคกี้ก็ซัปพอร์ตพวกเรา นิคกี้เชื่อว่าเราไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน” เสียงหวานไม่มีแววง่วงงุนแม้แต่น้อย “แล้วนี่ทำไมหัวหน้าชุดเขาไม่โทร. มาหานิคกี้เอง”
ปลายสายเป็นใครไม่ทราบ แต่คุณหมอใหญ่ก็รับรู้ได้ว่านี่ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ จึงยิ่งตั้งอกตั้งใจฟังเป็นพิเศษ
“อ๋อ อือ ขอบคุณมากที่เป็นห่วง แต่ทุกอย่างโอเค ภูมิไปพักเถอะ ไว้เดี๋ยวนิคกี้กลับไปทำงานค่อยว่ากัน”
คนเสียงหวานชะงักไปนิดเมื่อหมุนตัวมาพบว่าฉัตรบดินทร์กึ่งนั่งกึ่งนอนพิงหัวเตียง ไม่ได้หลับต่อตามที่หล่อนเข้าใจ คนสวยเลยเบาเสียงลงก่อนจะตัดบทลูกน้องทันที
“ระหว่างที่นิคกี้ยังไม่เสร็จเรื่องงานแต่งงาน คุณหนามจะดูแลงานแทน ถ้าภูมิมีอะไรโทร. รายงานคุณหนามได้เลยนะ”
สั่งงานเสร็จนคราก็ค่อยๆ เปิดผ้าห่มไต่ขึ้นเตียงอีกครั้ง ก่อนจะลดตัวลงนอนและพึมพำขอโทษเขา
“โทษทีนะคะพี่ฉัตร สงสัยภูมิคงยังเบลออยู่ว่านิคกี้ไม่ทำงานช่วงนี้ เลยโทร. มารายงานกับนิคกี้เอง”
นั่น...ไอ้หน้าหล่อคนนั้นโทร. หาเมียเขาตอนตีสองครึ่ง ทั้งๆ ที่ไม่ใช่หน้าที่ของมัน นึกแล้วไม่มีผิดว่ามันต้องคิดอะไรกับนคราเกินเจ้านายลูกน้อง
“แล้วเขามีอะไร” เขาพยายามสงบสติอารมณ์ไม่ให้โมโหเกินเหตุแบบตอนก่อนนอน ถามเรียบๆ เหมือนไม่มีอะไรทั้งที่ในใจร้อนรุ่ม
“ก็รายงานสถานการณ์ตามปกติค่ะ ถ้าตามคลับที่เด็กของเราไปคุมมีเรื่อง เขาก็ต้องโทร. มาหานิคกี้ดึกๆ แบบนี้ทุกครั้ง อาจจะต้องรบกวนพี่ฉัตรบ้าง”
“แล้วมันเป็นหน้าที่เขาตามปกติใช่ไหม” เขาถามเสียงเรียบ พยายามข่มอารมณ์ตัวเอง แต่ข่มความอยากรู้ไม่ไหว
“ปกติหัวหน้าชุดเขาจะรายงานนิคกี้ค่ะ ภูมิเป็นบอดีการ์ด เป็นคนสนิท บางทีก็ขับรถให้ด้วย ก็คล้ายๆ เลขาฯส่วนตัวนั่นแหละค่ะ” นครากำลังจะอธิบายต่อ แต่ฉัตรบดินทร์กลับถามแทรกขึ้นทันทีด้วยความร้อนรุ่ม
“แล้วเขาโทร. มาทำไม”
คำตอบนี้นคราเองก็พูดลำบาก รู้สึกตงิดๆ ตั้งแต่ที่คนสนิทบอกเมื่อครู่ แต่เมื่อเห็นตาคมกริบของเขาก็จำต้องกลืนน้ำลายแล้วตอบความจริงออกไป
“ก็พอดีเขาอยากรู้ว่าทุกอย่างโอเคดีไหม เอ่อ...คือที่นิคกี้ย้ายบ้านวันแรกอะค่ะ” คนเสียงหวานตอบอ้อมแอ้ม เกรงใจเขาเหมือนกัน
“ปกติภูมิดูแลนิคกี้ทุกอย่าง คงทำตามหน้าที่” พูดแล้วก็รีบหันหลังให้สามี กลัวแววตาที่เขาส่งมาเหลือเกิน
แต่แล้วความกลัวนั้นก็อยู่ได้ไม่นานเพราะความรู้สึกหวานล้ำแทรกเข้ามาแทน เมื่อฉัตรบดินทร์โอบกอดจากด้านหลัง ก่อนคนเสียงทุ้มจะกำราบอยู่ข้างหู
“ก็ให้เขาทำแค่นั้น อย่านอกเหนือหน้าที่ให้ต้องรำคาญใจละกัน”
“หลับสบายไหมลูก” คุณหญิงสรวงสุดาเอ่ยปากทักลูกสะใภ้ที่เดินหน้าตาสดใสตามหลังลูกชายหล่อนลงมา หัวโต๊ะมีฉัตรภพนั่งอยู่ก่อนแล้ว ทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงเวลารับประทานอาหาร แต่ทั้งพ่อและแม่ลุ้นกับคู่แต่งงานใหม่เมื่อคืนเสียเหลือเกิน จนพร้อมใจกันลงมานั่งรอแต่เช้า
“สบายค่ะ คุณป้าล่ะคะ” สาวสวยนั่งลงข้างๆ สามีที่เลื่อนเก้าอี้ให้ มีพ่อแม่ของชายหนุ่มลอบยิ้มให้กัน ท่าทางแบบนี้อย่างน้อยคงไม่ได้ตีกันตลอดคืน
“คุณป้าอะไร แม่สิลูก เรียกแม่” ผู้มีชื่อเสียงในวงสังคมปราม “จนขนาดนี้แล้ว อย่าให้แม่ได้ยินหนูเรียกว่าป้าอีกนะ” พูดจบก็หันไปหาแม่บ้าน พยักหน้าให้เริ่มเสิร์ฟอาหารเช้าได้
“นี่นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้ทานข้าวเช้ากับฉัตร นานจนแม่จำไม่ได้ นี่ถ้าไม่มีเมีย แม่ก็คงไม่มีบุญได้กินข้าวกับฉัตรอยู่ดี”
ฉัตรบดินทร์โคลงศีรษะน้อยๆ ระหว่างยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ ยกมุมปากขึ้นเป็นอันว่าวันนี้คุณหมอรูปหล่อยิ้มแต่เช้า ตอบโต้มารดามากกว่าที่เคยทำ
“คุณแม่ก็พูดเกินไป วันไหนไม่มีเวรผมก็กลับบ้านนะครับ” คุณหมอหนุ่มบอก ก่อนจะปรายตามองภรรยาคนสวยที่นั่งนิ่ง ไม่เริ่มรับประทานอาหารเสียที
“แล้วทำไมไม่ทาน ทานได้หรือเปล่า” ชายหนุ่มถามเมื่อเห็นว่าวันนี้แม่ครัวที่บ้านตั้งโต๊ะเป็นโจ๊กหมูกับหมี่ทอดกรอบ มีทั้งไข่ลวกและไข่เยี่ยวม้าอยู่ในชาม คนที่โตในเมืองนอกเกือบสิบปีอย่างนคราอาจไม่คุ้นลิ้นเสียแล้ว
คนหน้าสวยได้ยินแบบนั้นก็หันไปยิ้มหวานแบบที่ฉัตรบดินทร์ใจกระตุกซ้ำแล้วซ้ำอีก ก่อนจะเปลี่ยนเป็นขัดใจเมื่อเห็นว่าเดรสที่หญิงสาวสวมสั้นเสียจนเห็นขาเรียวเกือบทั้งขา
“แล้วนี่ใส่ชุดอะไร ทำไมมันสั้นแบบนี้” เสียงทุ้มดุจัดขึ้นทันทีที่เห็น เมื่อครู่เขามัวแต่อ่านบทความทางการแพทย์ในคอมพิวเตอร์ พอเห็นจากหางตาว่าภรรยาคนสวยแต่งตัวเสร็จก็เดินนำออกจากบ้านของตัวเองมาที่ตึกใหญ่ทันที ไม่ได้สังเกตว่านคราสวมอะไร
“ก็เดรสปกติ นี่มันโป๊ตรงไหนคะ” เป็นนคราที่ทำหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว พลางเปลี่ยนอิริยาบถเป็นไขว่ห้างเสียดื้อๆ เล่นเอาฉัตรบดินทร์หน้าร้อนฉ่าเพราะท่าทางล่อแหลมทันที
“เราไม่ได้ไปไหน อยู่บ้านนี่คะ นี่นิคกี้ก็ใส่คาดิแกนคลุม” หญิงสาวก้มลงมองเครื่องแต่งกายของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยปากถามแม่สามีเสียงใส “หรือคุณแม่ว่าไม่เรียบร้อย วันหลังนิคกี้จะได้ไม่ใส่ออกมา”
หล่อนจงใจถามผู้ใหญ่ที่เอ็นดูตนอย่างยิ่ง และมีหรือคนที่ถือหางนครามาตั้งแต่ต้นจะขัด เรื่องความทันสมัยของคุณหญิงสรวงสุดาเป็นที่ประจักษ์กันในวงสังคมอยู่แล้ว
“สวยดีออก แม่ชอบ ตาฉัตรนี่ก็ไปดุอะไรน้อง นิคกี้หุ่นดีจะตาย ใส่ไปเถอะลูก เดี๋ยวแก่ๆ ก็ใส่ไม่ได้แล้ว”
ยังไม่ทันที่ฉัตรบดินทร์จะได้เถียงต่อ เสียงของฉัตรระวีก็ดังมาแต่ไกล หยุดบทสนทนาของคนที่กำลังโต้เถียงกันอยู่
“อะไรกัน ทำไมไม่มีใครรอระวีทานข้าว หรือได้ลูกสาวใหม่ระวีเลยตกกระป๋องคะ”
ฉัตรระวีเย้าแบบไม่เอาจริง เพราะรักพี่สะใภ้คนใหม่ไม่ต่างจากใคร ก่อนหย่อนก้นงอนลงบนหนึ่งในเก้าอี้สิบสองที่นั่งบนโต๊ะอาหารบ้านฉัตราวุธ
“ใครจะรู้ว่าจะตื่นจ๊ะ เห็นออกไปกับตาหนาม แม่ก็นึกว่าโต้รุ่งกันน่ะสิ”
คราวนี้เป็นลูกสาวที่หน้าขึ้นสีเล็กน้อย มารดาอาจไม่ล่วงรู้ความรู้สึกระหว่างหล่อนกับนคเรศ หรือแม้แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แต่ก็อดร้อนตัวไม่ได้
ส่วนคุณหญิงสรวงสุดาก็เห็นหนุ่มสาวทั้งสองบ้านคุ้นเคยกันดี แถมตอนฉัตรระวีไปเรียนต่อนคเรศก็คอยดูแลเป็นหูเป็นตาให้ตลอด เลยไม่ว่าอะไรถ้าจะไปไหนมาไหนกันดึกๆ ดื่นๆ
“คุณแม่! เห็นระวีเป็นคนยังไงคะ ระวีออกไปแป๊บเดียว พี่หนามก็มาส่งแล้ว พอลก็ไปด้วย ระวีไปกันสองคนที่ไหน” คนมีชนักติดหลังรีบอธิบาย น้ำเสียงร้อนรน
นคราเงยหน้าจากชามอาหารเช้า สบตาแล้วยิ้มให้น้องสามี รับรู้เรื่องที่พี่ชายตัวเองกับฉัตรระวีทำตัวเป็นหมาหยอกไก่กันมาตลอด ลุ้นอยู่ลึกๆ ทุกลมหายใจว่าสองคนนี้อาจจะลงเอยกันได้ แต่ก็เดาทางไม่ออกเพราะรอบจัดกันทั้งคู่ ไม่รู้เลยว่าใครจะยอมใคร หรือใครจะปราบใครอยู่
“ก็เห็นระวีเป็นระวีสิจ๊ะ จะหาแม่ที่ไหนตามใจ รู้ใจ เอาใจแบบนี้ได้อีก ว่าแต่เมื่อคืนไปไหนกันมา ไม่สนุกหรือไงถึงกลับเร็ว” คนถามถามไปเรื่อย ไม่รู้เลยว่าลูกชายเพื่อนสนิทสามีออกฤทธิ์อะไรไว้ ลูกสาวตัวแสบของหล่อนถึงต้องรีบวิ่งโร่กลับบ้าน
จะมีก็แต่นคราที่จับอาการได้เพราะเห็นพี่สาวคนสนิทหน้าแดงก่ำขึ้นอีกหลายเฉด เลยตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องก่อนที่ฉัตรระวีจะสำลักโจ๊กตายคาโต๊ะอาหารไปเสียก่อน
“ว่าแต่...มีอะไรให้นิคกี้ทำไหมคะ” คนที่อยู่ไม่สุขออกปากถาม เรื่องรายละเอียดในงานแต่งงานอีกเจ็ดวันข้างหน้าก็จัดการเสียเสร็จสิ้นหมดแล้ว งานที่รับผิดชอบอยู่ บิดาก็ให้หยุดไว้จนกว่าจะกลับจากฮันนีมูน
“นี่กว่าจะถึงวันงานก็อีกตั้งหลายวัน แล้วนิคกี้จะทำอะไร เหงาแย่” คนไฮเปอร์เอ่ยปาก
“ว่างกันก็ไปต่างจังหวัดสิ อากาศที่เขาใหญ่ตอนนี้หนาวแล้ว ฉัตรพาน้องไปสักสองสามวัน กลับมาก่อนงานแต่งสักสองวันก็ยังได้”
เป็นพ่อสามีที่เอ่ยขึ้นมาบ้าง หลังจากอ่านหนังสือพิมพ์แกล้มกาแฟอยู่นาน และมองสมาชิกในครอบครัวอย่างมีความสุข
ฉัตรภพคิดอ่านแทนลูกชาย ก่อนจะมองเลยไปยังลูกสะใภ้ที่นั่งตักโจ๊กเข้าปากเหมือนไม่ได้ฟังเขาพอกัน
“ว่าไง นิคกี้อยากไปไหม พี่เขาไม่ได้ว่างแบบนี้บ่อยๆ ช่วงนี้ไม่มีอะไรทำกันก็ไปพักผ่อนกันเถอะ”
คนไม่รู้ตัวเลยว่าสามีหลงรักก็ได้แต่ทำนิ่ง เพราะกลัวชายหนุ่มจะหาว่าเรื่องมาก เรียกร้องความสนใจ จึงได้แต่ส่ายหน้าเงียบๆ ขณะที่มือบางกวนอาหารเช้าให้คลายร้อน
“นิคกี้ยังไงก็ได้ ถ้าพี่ฉัตรอยากพักผ่อนในกรุงเทพฯ ก็นอนอยู่บ้านเฉยๆ” เสียงหวานเศร้าลงเล็กน้อย แต่ก็มากพอให้ทุกคนที่รักและเอ็นดูหล่อนรับรู้ได้
และเป็นฉัตรบดินทร์นั่นแหละที่ต้องออกปากจัดการให้เสร็จสิ้น ดีเหมือนกัน ไปอยู่เงียบๆ กันสองคน เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้น
“ไว้ค่อยไปพรุ่งนี้ละกัน จะได้มีเวลาเก็บข้าวเก็บของ นอนสักสองคืนก็กลับ โอเคไหม”
เสียงตอนท้ายฉัตรบดินทร์ทอดอ่อนลง ส่งสัญญาณให้นครารู้ว่าเขาไม่ได้พูดตัดปัญหาแบบขอไปที แต่ตั้งใจจะพาหล่อนไปเที่ยวจริงๆ
แล้วสิ่งที่ฉัตรบดินทร์ตั้งใจจะสื่อก็ไม่ได้เสียเปล่า เพราะนคราเบิกตากว้าง หันมองเขาเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ารับคำทำเหมือนไม่ตื่นเต้นยินดีอะไรทั้งๆ ที่ในใจลิงโลด จนคนแก่กว่ากล้าลุยต่อ
“งั้นเดี๋ยวทานข้าวเสร็จแล้วไปห้างกันหน่อยละกัน จะซื้อหนังสือไปนอนอ่านเล่น”
แต่แล้วเมื่อรับประทานอาหารมื้อเช้าเสร็จสิ้น ฉัตรบดินทร์ก็ยังไม่พานคราออกไปทันที เพราะมีธุระบางอย่างต้องปรึกษากับฉัตรภพ หญิงสาวเลยได้ทีแอบมาซักไซ้ฉัตรระวีถึงบนห้อง
“โอ๊ย นิคกี้ไม่ถามแบบนี้สิ” เห็นเป็นสาวเปรี้ยวปรี๊ดดีกรีทะลุร้อยองศา แต่กลับหน้าแดงก่ำเมื่อได้ยินคำถามจากเด็กนอกตัวจริง
“อ้าว แล้วจะให้นิคกี้ถามยังไง ก็พี่ระวีอาการออกซะขนาดนี้” นคราทำหน้าไม่เข้าใจทันที
“ก็แค่ถามว่ามีอะไรกับพี่หนามไปแล้วเหรอ” คนที่อยู่เมืองนอกมาตั้งแต่เริ่มเป็นสาวพูดหน้าตาเฉย ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่มีประสบการณ์ใดๆ ทั้งสิ้น
“แล้วแค่สนุกกันเฉยๆ หรือตกลงคบกัน ก็แค่นั้น” มือบางหยิบลิปสติกบนโต๊ะเครื่องแป้งของน้องสาวสามีมาลองทาแบบที่ทำกันมาตลอดเวลา โดยที่อีกฝ่ายได้แต่นั่งเขินอยู่บนเก้าอี้ข้างๆ กัน
“ไม่อะไรทั้งนั้นแหละ พี่ชายนิคกี้นั่นแหละฉวยโอกาส” มือบางที่เล็บเคลือบสีแดงจัดดึงผ้าปูที่นอนไปด้วย เป็นกิริยาที่ไม่เคยมีใครเห็น “นี่ขนาดอยู่กลางร้านนะ จูบกันแบบนั้นได้ยังไง พี่ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
นคราวางลิปสติกลง หันมองคนที่จะมาเป็นพี่สะใภ้แน่ๆ สีหน้าตกใจเกินจำเป็น เพราะรู้นิสัยพี่ชายดีว่าต่อให้เจ้าชู้เพลย์บอยแค่ไหน แต่ไม่มีทางที่จะทำอะไรประเจิดประเจ้อในที่สาธารณะแน่นอน เพราะเป็นที่จับตาในวงสังคมทั้งที่อเมริกาและที่ประเทศไทยมาตลอด แต่นี่คงต้องการอะไรบางอย่าง หรือไม่ก็เกินจะห้ามใจแล้วถึงจูบฉัตรระวีกลางร้านหรูหราที่มีหูตาเหยี่ยวเต็มไปหมดแบบนั้น
“แล้วมันก็ไม่ใช่แค่นั้น นักข่าวสังคมเต็มร้าน มีงานวันเกิดคุณหญิงแฝดของวิริยา แฟนเขาที่เป็นลูกรัฐมนตรีปิดร้านไปตั้งครึ่งค่อนร้าน คนรู้จักมากันเต็ม พี่หนามก็ยังทำกันได้ แฟลชงี้พึ่บพั่บ จนพี่ไม่รู้เลยว่าเขาถ่ายงานคุณหญิงแพรวคุณหญิงพราว หรือถ่ายที่พี่หนามจูบ”
ฉัตรระวีถอนหายใจเฮือก หล่อนชอบนคเรศก็จริง แต่รู้ดีว่าจิตยังไม่แข็งพอที่จะต่อกรกับความเจ้าชู้ของเขา หากหลวมตัวหลวมใจไปมากกว่านี้ก็มีแต่เจ็บเท่านั้น
“โอ๊ย ตายแล้ว” ร่างบางยอบลงเขย่าตัวฉัตรระวี น้ำเสียงตื่นเต้นดีใจต่างกับอีกคนลิบลับ ตาหวานเป็นประกายยามช้อนมองเจ้าของห้อง
“เตรียมตัวอ่านข่าวแล้วก็แต่งงานกับพี่หนามเลยค่ะ ถ้าเป็นแบบที่เล่า พี่ระวีแพ้ แพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม พี่หนามรุกฆาตตั้งแต่หมากตัวแรก” นคราตื่นเต้นดีใจเพราะรู้นิสัยพี่ชายดีกว่าใคร
“ตายจริงๆ แต่พี่ยังไม่พร้อม” ฉัตรระวีเขย่ามือพี่สะใภ้
“พี่ว่าจิตพี่ยังไม่แข็งพอจะรับมือกับลีลาเขาได้” หน้าสวยเจื่อนซีดเหมือนคนตื่นตระหนกตกใจ
ส่วนนคราหัวเราะร่วน ฉัตรระวีเป็นอย่างนี้ สวย ฮอต แต่เอาเข้าจริงก็ใจปลาซิว
“แหม ตอนนี้ไม่สำคัญแล้วละค่ะว่าพี่ระวีจะพร้อมหรือเปล่า นิคกี้ว่าถ้าพี่หนามลุยแบบนี้ พี่ชายนิคกี้คงเป็นฝ่ายพร้อมมากกว่า นิคกี้เอาใจช่วยนะคะ อยากได้พี่สะใภ้”
สาวสวยบอก ตาเป็นประกาย ก่อนนั่งลงกับพื้นแล้วเกยคางบนตักของอีกฝ่าย ปล่อยให้คนที่รักเป็นพี่สาวลูบผมอย่างเลื่อนลอย เพราะช็อกกับประโยคที่นคราเพิ่งพูดไป
“พี่หนามน่ะระวังตัวอย่างกับอะไร สมัยอยู่โน่นพี่ระวีก็รู้ เดตนางแบบทุกคน ยังสามารถเก็บเงียบ ไม่มีข่าวหลุด หลบปาปารัซซีอย่างกับเป็นนินจา ดังนั้นถ้าเขาตั้งใจให้เป็นข่าว แสดงว่าเขาตัดสินใจแล้ว”
“แต่พี่...” ลูกสาวเจ้าของโรงพยาบาลหวาดหวั่น ก็ใช่น่ะสิ คู่ควงของหนุ่มฮอตคนนั้นเป็นนางแบบชุดชั้นในชื่อดังเกือบทุกคน ไม่ก็เป็นสาวสังคมตัวท็อป เขายังไม่เอาจริง แล้วนับประสาอะไรกับลูกสาวเจ้าของโรงพยาบาลในประเทศโลกที่สามอย่างหล่อน
“แต่พี่ไม่พร้อม ไม่รู้เลยด้วยว่าจะรับกับความเจ้าชู้ของเขาได้ไหม” คนที่คิดว่าจะต้องยอมรับในสิ่งที่คนรักเป็นบอก
ฉัตรระวีไม่เคยคาดหวังให้นคเรศเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพราะถือว่าอีกฝ่ายก็คงไม่มีความสุขหากต้องฝืนใจทำ หล่อนเป็นคนรักเอง และหากจะรับตัวเขาไม่ได้ก็ควรจะหยุดตัวเองไม่ให้ถลำลึกมีความผูกพันกันไปมากกว่านี้
“พี่ทำใจไม่ได้นะ ที่จะเห็นเขาควงกับคนโน้นทีคนนี้ที พี่ขอรักอยู่ห่างๆ แบบเดิมดีกว่าให้เขามาทำร้ายกันต่อหน้าต่อตา”
คราวนี้เป็นนคราที่เงียบไปเพราะที่ฉัตรระวีบอกมาทุกคำคือความจริง พี่ชายหล่อนขึ้นชื่อว่าเป็นเสือผู้หญิงตัวพ่อ เป็นผู้ชายอันตรายที่คนสติดีๆ ควรหลีกหนีให้ไกล คนตัวโตหล่อรวยตั้งแต่พ่อบังเกิดเกล้ายันพ่อเลี้ยงโพรไฟล์น่าจับ แต่สาวๆ ทุกคนที่ควงเขากลับพูดเป็นเสียงเดียวกันว่านคเรศเป็นผู้ชายที่ใจร้ายที่สุด ทิ้งคนที่เดตกันได้อย่างเลือดเย็น แถมยังทำเป็นไม่รู้จักกันได้หน้าตาเฉย หญิงสาวเลยได้แต่ยิ้มแหย ก่อนจะเงยหน้าประจบคนที่อยากได้มาเป็นพี่สะใภ้
“เขาอาจจะอยากหยุดแล้วไงคะ เลยรุกพี่ระวีจริงจัง นิคกี้ว่า...” คนสวยยังพูดไม่ทันจบ เสียงเคาะประตูห้องลูกสาวเจ้าของโรงพยาบาลดังก็แทรกขึ้นขัดจังหวะ
“พี่เปิดประตูก่อน ฝากนิคกี้เก็บโต๊ะเครื่องแป้งหน่อยสิ” ฉัตรระวีบอกนครา หลังจากมัวแต่รื้อเครื่องสำอางออกมาแต่งหน้าเล่นกัน ขาเรียวยาวก้าวไวๆ ก่อนหมุนลูกบิดเปิดประตูรับผู้มาใหม่ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นพี่ชายของหล่อนเอง
“มาตามนิคกี้เหรอคะ” น้องสาวถามพี่ชายทั้งที่รู้คำตอบดี ก่อนจะกอดอกมองคนตรงหน้า เพราะยังไม่มีโอกาสได้คุยกันจริงๆ จังๆ ยิ่งเห็นฉัตรบดินทร์ทำหน้าดุก็ยิ่งสงสารนครา
“เลิกทำหน้าเหมือนจะกัดคนสักทีเถอะค่ะ เก๊กไประวังจะชวด ระวีสงสารน้อง กดดันมากๆ ระวังจะเตลิด” พูดไปก็หันไปมองข้างหลัง กลัวนคราเดินมาได้ยิน
คนเป็นพี่ชายก็ยิ่งถลึงตาใส่เข้าไปใหญ่
“นี่พูดจริงๆ นะคะ ระวีรู้จักน้องดี แล้วระวีก็รู้จักพี่ฉัตร ตอนนี้เรื่องมันมาแบบนี้ ไม่ต้องมาฝืนตัวเองแบบเมื่อก่อนแล้วค่ะ รักเมียตัวเองได้ หวานกับเมียตัวเองได้ ไม่ผิด”
ได้ยินแบบนี้ฉัตรบดินทร์ก็นิ่งไป ลืมคิดในมุมนี้เสียสนิทว่าสถานการณ์ระหว่างเขากับนครามันไม่เหมือนเมื่อห้าปีก่อนที่เขาเกิดใจเต้นแรง ละสายตาจากลูกสาวเพื่อนพ่อไม่ได้ และรีบสร้างกำแพงกั้นระหว่างตัวเองกับหล่อนเพื่อลบความละอายที่คิดไม่ซื่อกับเด็กอายุสิบห้าสิบหก ยิ่งเจอยิ่งตีตัวออกหาก บอกตัวเองให้หาข้อตำหนินครา หาเหตุผลมาสนับสนุนความคิดตัวเองว่าหล่อนไม่เหมาะไม่ควร แต่เมื่อตอนนี้เขาแต่งงานกับอีกฝ่ายอย่างถูกต้องเปิดเผย ก็แปลว่าเขาทำตามที่รู้สึกได้เต็มที่
“แต่อยู่ดีๆ จะให้ไปทำดีหลังจากดุเขามาหลายเดือนเนี่ยนะ” พี่ชายกอดอกพิงประตู ใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มแบบที่ชอบทำเวลาต้องการขบคิดหาคำตอบบางอย่าง ตาคมสองชั้นก็สอดส่ายเข้าไปในห้องน้องสาวมองหาคนตัวบางของเขาบ้าง “แล้วนี่ทำไรอยู่ ทำไมไม่เดินออกมา”
“ระวีใช้เก็บของอยู่ เมื่อกี้แต่งหน้าเล่นกัน” หญิงสาวบอก ทั้งหล่อนและนคราชอบแต่งหน้าแต่งตัวเหมือนๆ กัน เลยมักใช้เวลาลองเทรนด์ใหม่ๆ กันเสมอ แล้วก็ขมวดคิ้วเมื่อเห็นพี่ชายทำหน้ายุ่ง
“แล้วทำหน้ายังงั้นใส่ระวีทำไมคะ ระวีทำอะไรผิด” เสียงหวานเต็มไปด้วยความสงสัยเต็มที่ แล้วก็แทบหัวเราะพรืดออกมาเพราะคำตอบของทายาทใหญ่
“เรื่องอะไรมาใช้เมียพี่เก็บของ คนใช้เต็มบ้าน” หน้าหล่อส่ายแบบไม่พอใจ ออกอาการหวงเมียแบบไม่รู้ตัว
“ไปตามนิคกี้มาเลยไป พี่จะออกไปแล้ว คนพลุกพล่าน เวียนหัว บอกเขาว่าพี่จะรอที่บ้านนะ” บอกเสร็จก็หมุนตัวกลับเดินลงบันได เพื่อกลับไปยังเรือนหอที่อยู่ในอาณาเขตเดียวกัน ปล่อยให้น้องสาวคนสวยยืนพิงประตูห้องหัวเราะเยาะพี่ชายปากแข็งใจร้ายที่เพิ่งเดินออกไป
หล่อนสบประมาทคนสายเลือดเดียวกันเบาๆ “หึ แล้วสักวันจะรู้สึก พี่ฉัตร”
นคราเปลี่ยนเสื้อผ้าจากที่เขาบ่นเมื่อเช้าให้ดูรัดกุมมากกว่าเก่าเป็นเท่าตัว จากเดรสผ้ายืดรัดตึงไปทุกส่วนของร่างกาย เป็นเสื้อสายเดี่ยวพอดีตัวสีขาวคู่กับกางเกงยีนสีซีด ดีที่ยังมีเบลเซอร์ผ้าทวีตสีน้ำเงินปกปิดทรวดทรง หน้าสวยแต่งแต้มแค่พองาม แต่ก็พอเรียกความสนใจจากทุกคนที่พบเห็นได้
ถึงอย่างนั้น ต่อให้นคราเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ดูเรียบร้อยมากในสายตาพ่อแม่เขา แต่ฉัตรบดินทร์ก็ยังไม่พอใจ เพราะไม่ว่าจะเดินไปทางไหน ภรรยาของเขาก็เรียกสายตาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่พบเห็นได้ทุกคู่ โดยที่เจ้าตัวไม่ได้รู้เรื่องเลยด้วยซ้ำ ยังคงทำหน้าสวยชมสินค้าผ่านตู้กระจกเสียจนน่ามันเขี้ยว
“จะซื้อหรือเปล่า” โมโหที่มีเมียสวย แต่ก็ยังอยากเอาใจเลยถาม แม้เสียงจะแข็งไปบ้าง ทว่าก็ทำให้นคราเงยหน้ามองด้วยความประหลาดใจได้ ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างเขาจะเอาใจใส่ใครเป็น
“ได้เหรอคะ เดี๋ยวพี่ฉัตรจะรอเบื่อหรือเปล่า” คนอยากซื้อของถามแล้วทำตาปรอย รู้ดีว่าเขาไม่ชอบอะไรแบบนี้ เพราะขนาดจะมาห้างสรรพสินค้ายังต้องรีบมาตั้งแต่ประตูห้างเปิด เนื่องจากไม่ชอบคลื่นมนุษย์พลุกพล่าน
“ถ้าจะซื้อก็ไป รีบๆ ก่อนคนอื่นเขาจะมา เห็นคนเยอะๆ แล้วเวียนหัว”
คุณหมอรูปหล่อไม่ตอบว่าได้หรือไม่ได้ แต่ใช้มือหนาดันหลังภรรยาคนสวยเข้าร้านเครื่องหนังชื่อดังแทน และพยักพเยิดให้พนักงานขายรับรู้ว่านคราสนใจสินค้าชิ้นไหนบ้าง
“ไซซ์สามสิบเจ็ดใช่ไหม” ถามทั้งๆ ที่จำได้ขึ้นใจ ก่อนจะรับรองเท้าที่พนักงานนำมาบริการส่งให้ภรรยาคนสวยที่นั่งรออยู่บนโซฟาผ้าทวีตแบรนด์เดียวกันกับเสื้อคลุมที่นคราสวมอยู่
ส่วนหญิงสาวก็พยักหน้ารับ ก้มลงสวมรองเท้าคู่ใหม่ทันที แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น เสียงทุ้มไม่เสนาะหูก็ดังขึ้น
“สงสัยจะโชคดีนะครับวันนี้”
หน้าสวยเงยขึ้นจากสิ่งที่สนใจ พบว่าเจ้าของเสียงไม่ใช่ใครที่ไหนเลย แต่เป็นลูกชายคู่แข่งธุรกิจสีเทาของผู้เป็นพ่อ
“คุณชัชชาย” นคราดึงสีหน้าแววตาที่รื่นเริงเมื่อครู่กลับมาเป็นเรียบสนิท ถึงแม้จะเคยเจอกันแค่ครั้งเดียว แต่รับรู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้คิดกับหล่อนอย่างไรได้ดีเหลือเกิน “สงสัยจะโชคร้าย”
“ได้ที่ไหน เจอคุณหนูนิคกี้ทั้งที ต้องเรียกว่าโชคดีสิครับ” ชัชชายมองคนตรงหน้าด้วยแววตาทั้งเปิดเปลือยความต้องการและเหยียดหยันในคราวเดียวกัน
หญิงสาวตัวบางคนนี้น่ะหรือจะบังอาจควบคุมคนในมุมมืด จะครอบครองผลประโยชน์ใต้ดินมหาศาล ดูแลลูกน้องเป็นร้อยเป็นพันคนให้ยำเกรง สู้เอามาเป็นเมียควบรวมอำนาจของสองเจ้าพ่อใหญ่เข้าด้วยกันยังดีเสียกว่า
นคราเองก็รับรู้ได้ผ่านแววตาเขาและจากการรายงานข้อมูลของภูมิมาพักใหญ่แล้วว่า คนคนนี้ทั้งสบประมาท ทั้งเอื้อนเอ่ยวาจาหยาบคายจาบจ้วงหล่อนเพียงใด
‘เด็กนิคกี้น่ะเหรอจะขึ้นมาคุม หึ คิดยังไงจะขึ้นมาเป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่’ ชัชชายวัยสามสิบสามบอกแล้วสูบบุหรี่เสียเต็มปอด
‘หน้ายังงั้น เอามาทำเมียซะดีกว่า ได้ข่าวว่าตัวจริงสวยกว่าในรูปไม่ใช่หรือวะ’ คนเสียงทุ้มห้าวพูดกับลูกน้องกลุ่มใหญ่ที่ยืนล้อมอยู่หน้าศาลาสวดศพของมารดานายทหารคนดังคนหนึ่ง ที่เขาจำเป็นต้องมาพร้อมบิดา โดยไม่รู้เลยว่าภูมิคนสนิทของนคราก็เตร็ดเตร่อยู่ในบริเวณนั้น เพราะสาวสวยผู้เป็นประเด็นก็เดินทางมาพร้อมผู้เป็นพ่อเช่นเดียวกัน
‘สวยครับนาย สวยมาก ผมเห็นละขึ้นเลย นี่ก็มานะครับ น่าจะนั่งอยู่ในศาลากับคุณนาค’ ลูกน้องวัยกำหนัดคนหนึ่งยืนยันเรื่องที่ผู้เป็นนายได้ยินมา หวังเอาใจลูกนายใหญ่ แต่กลายเป็นว่าได้สายตากำราบเป็นค่าตอบแทน
‘เสือกละ ระดับนั้นต้องกู มึงน่ะเอาเงินไปตีกะหรี่ในซ่องเถอะ’ ลูกชายเจ้าพ่อบอก เริ่มยิ้มกริ่ม ‘นี่จริงๆ น่าจะให้ป๋าไปเจรจานะ ผลประโยชน์จะได้ไม่ต้องแบ่งกัน ผูกขาดแม่งไปเลย เอาแม่งทั้งลูก ได้ทั้งแก๊ง’
‘นายอยากได้เหรอครับ ฉุดเลยไหม’
‘ไอ้ห่า หน้าอย่างกูไม่ต้องฉุด เชื่อกูสิ กูจีบเบาๆ เดี๋ยวเขาก็คลานมาหากูเอง’
‘แต่เขาว่าคุณนาคตั้งใจจะจับคู่ลูกสาวกับลูกเจ้าของอายุวัฒน์นะครับ’ อีกคนรายงานเรื่องในสังคมให้ฟัง เป็นที่รู้กันดีว่านอกจากสองตระกูลจะสนิทสนมกันแล้ว แม่ฝ่ายชายยังพูดเสียงดังฟังชัดว่านครามีดีกรีเป็นลูกสะใภ้ของหล่อนอีกด้วย
‘จับก็จับไปสิ ผู้ชายดีๆ ที่ไหนจะอยากได้เมียเป็นมาเฟีย ไอ้หมอหน้าทึ่มนั่นใครๆ ก็รู้ว่าทื่อมะลื่อยังกับอะไร พวกมึงคอยดูละกัน กูนี่แหละจะเอาลูกสาวเจ้าพ่อนาคมาทำเมีย’
“จะซื้อเหรอ ผมจัดการให้ไหม” ชัชชายบอก ไม่ได้สังเกตเลยว่าข้างๆ นครามีชายหนุ่มร่างใหญ่ยืนอยู่ ท่าทางไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง
“ไอ้แม็กซ์ มึงเอาของคุณนิคกี้ไปจัดการซิ ดูของให้เรียบร้อยนะมึง อย่าให้กูต้องด่า” เขาจะทำตัวป๋าเอาใจสาว เรียกลูกน้องมาให้วุ่นวายไปหมด ออกอาการกร่าง และเอื้อมมือหมายจะคว้าของในมือหญิงสาว
ด้านฉัตรบดินทร์ได้ยินแบบนั้นก็หน้าตึง ไม่พอใจตั้งแต่เห็นสายตาที่มันมองเมียเขาแล้ว นี่ยังมาทำใจใหญ่สายเปย์ต่อหน้าเขาอีก คนตัวโตที่ไม่รู้จะลงกับใครเลยก้มลงมองสาวสวยของเขาด้วยสายตาดุๆ ใช่...นคราเป็นของเขา พอดีกับที่หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมามองพอดี
“แล้วนี่มากับใคร เปลี่ยนคนตามใหม่แล้วเหรอครับนิคกี้” บุคคลที่สามเอ่ยปากถาม ตามปกติเห็นนคราที่ไหนต้องเห็นภูมิ ไอ้บอดีการ์ดหน้าตี๋ที่มีคนซุบซิบกันให้เต็มไปหมดว่าอาจมีความสัมพันธ์เกินนายกับลูกน้อง
ด้านนคราที่หมดอารมณ์ชอปปิงถอนหายใจแล้วลุกขึ้นยืน ความสัมพันธ์ของหล่อนกับสามีเริ่มจะไปในทิศทางที่ดี แต่กลับมีมารมาทำให้เขาทำหน้าดุใส่หล่อนอีก ไม่รู้พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกหรือหล่อนกับเขาไม่มีดวงเป็นคู่กันกันแน่ ทุกอย่างเลยกลายเป็นแบบนี้
“นิคกี้มากับสามี นี่คุณหมอฉัตรบดินทร์ สามีนิคกี้ค่ะ” ถึงแม้จะเป็นคู่แข่งกัน แต่ก็ไม่เคยประกาศสงครามกันจริงจัง ได้แต่ฮึ่มๆ ใส่กันหลังฉาก
ส่วนชัชชายพอได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจ รู้แค่ว่าผู้ใหญ่เห็นควร แต่ไม่คิดว่าจะมีใครบ้ายอมให้ผู้ใหญ่จับแต่งงานกันจริงๆ
“ล้อผมเล่นหรือเปล่า คนอย่างลูกเจ้าพ่อนาคแต่งงาน จะไม่มีใครรู้ได้ยังไง” ตาเรียวตี่มองหนุ่มรูปงาม ทั้งๆ ที่เป็นผู้ชายยังอดคิดไม่ได้ว่าบุรุษคนนี้มาดดี หน้าหล่อ ดูตั้งแต่หัวจดเท้ามันก็สมบูรณ์แบบชนิดที่ผู้หญิงที่ไหนเห็นก็คงกรี๊ด ดูดีจนชัชชายซึ่งสูงร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรดูบุคลิกแย่ไปเลย
“ไม่เล่นหรอกครับ เราเพิ่งจดทะเบียนกันเมื่อวาน” คนที่ไม่ชอบแสดงตัวกลับเป็นคนตอบคำถามเอง ผู้ชายมองหน้ามองตากันก็รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร
ด้านชัชชายก็หรี่ตามองอีกฝ่ายครู่หนึ่ง ก่อนยักไหล่ตอบอย่างไม่ยี่หระ แม้แต่คำทักทายก็ไม่มีให้ ยังคงดันทุรังพูดกับนคราต่อ
“แล้วนี่นิคกี้มาเดินเล่นเหรอครับ เป็นไปได้ยังไง คนอย่างคุณหนูนคราตื่นก่อนเที่ยง ช่วงนี้ไม่คุมกะดึกเหรอ” คนทำธุรกิจแบบเดียวกันถาม
เขาเห็นพ่อทำงานกลางคืนนอนกลางวันอยู่ตลอด นี่ถ้านคราจะเป็นคนบริหารจัดการธุรกิจจริงก็ควรมีกิจวัตรประจำวันเช่นนั้น ส่วนตัวเขาเองไม่ได้รับผิดชอบอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ใช้เงินไปวันๆ เสียมากกว่า
“นิคกี้เพิ่งแต่งงาน คุณพ่อเลยให้พักค่ะ” บอกแค่ตามมารยาท ไม่ต้องอธิบายรายละเอียดอะไรเพิ่มเติม
“ยังไงนิคกี้ขอตัวนะคะ” หมดอารมณ์ที่จะซื้อ แถมยังกลัวโทสะอีกคนจะพุ่งขึ้น เพราะทั้งหน้า ทั้งแววตาตอนนี้ไม่มีร่องรอยของความรื่นรมย์เหลืออยู่
คนร่างบางตั้งท่าจะเดินออกจากร้านหลังจากพยักหน้าส่งสัญญาณให้สามี แต่แขนเรียวเสลากลับโดนรั้งไว้อย่างจาบจ้วง
“ถ้าจะไปก็ให้ผมซื้อรองเท้าให้ก่อน” คนที่เคยใช้แต่เงินฟาดหัวผู้หญิงมาจนชินบอก ทำหน้าระรื่นตามปกติ แต่สร้างความหงุดหงิดให้ฉัตรบดินทร์ยิ่งนัก
ชายหนุ่มทนไม่ไหวจึงต้องออกโรงเอง “ไม่รบกวนหรอกครับ เมียผมผมดูแลได้” เสียงทุ้มแข็งกระด้างขึ้น พลางใช้มือหนาบีบต้นแขนอีกข้างของนครา ดึงรั้งให้กลับมายืนชิดตน หน้าร้อน หัวร้อน พลุ่งพล่านไปหมด ไอ้นี่มันเป็นใครไม่รู้ แต่มันไม่มีสิทธิ์มาแตะเนื้อต้องตัวเด็กของเขา เด็กที่เขาเฝ้ามองมาตั้งแต่เริ่มแตกเนื้อสาว
“นิคกี้ไป คนเยอะๆ หายใจไม่สะดวก”
ตั้งแต่ฉัตรบดินทร์ลากร่างบางของภรรยาคนสวยออกมา ชายหนุ่มก็ไม่เอื้อนเอ่ยอะไร นิ่งเงียบเหมือนทะเลก่อนมีพายุ จนนคราทำตัวไม่ถูก ได้แต่เงียบตามไปด้วย ทั้งคู่กึ่งลากกึ่งจูงกันมาจนถึงร้านหนังสือขนาดใหญ่ พอก้าวเท้าเข้าร้านเท่านั้น มือหนาก็ละจากหญิงสาวทันที
“หาอะไรดูรอไปก่อน ขอซื้อหนังสือแป๊บเดียว”
พูดจบชายหนุ่มก็เดินดุ่มๆ ไป ทิ้งให้นครายืนเคว้ง ก่อนจะตั้งสติได้แล้วไปหยุดยืนที่ส่วนของหนังสือตกแต่งบ้าน นิ้วเรียวไล่ดูไม่นานก็พบหนังสือรวมผลงานของอินทีเรียดีไซน์ชาวนิวยอร์กที่ชื่นชอบ หญิงสาวเผลอคลี่ยิ้มตามธรรมชาติอย่างที่ทำเป็นประจำเมื่อเจอของถูกใจ และนั่งบนบันไดไม้เตี้ยๆ ที่ทางร้านทำไว้ ศีรษะพิงชั้นหนังสือ เพลิดเพลินกับหนึ่งในความชอบตรงหน้าพักใหญ่เสียงคุ้นหูก็ดังขึ้น
“เสร็จแล้ว จะไปหรือยัง” ห้วน สั้น ไม่มีหางเสียงใดๆ ทั้งสิ้น
นคราอดค้อนไม่ได้ นี่ถ้าไม่รัก ไม่ฝังใจ พูดเลยว่าจะไม่มีวันยืนอยู่ตรงนี้ให้เขาทำร้ายจิตใจแน่ๆ
“รีบไปเถอะ เดี๋ยวคนก็แห่กันมา จะเที่ยงอยู่แล้ว” ฉัตรบดินทร์บอกระหว่างก้มมองนาฬิกา ห้างสรรพสินค้าหรูหราใกล้บ้านเขาดันเป็นที่นิยมในหมู่พนักงานออฟฟิศแถวนี้ แถมวันนี้ยังเป็นวันทำงานที่พนักงานกินเงินเดือนต้องทำมาหากิน ไม่ใช่คนที่ได้ลาพัก อีกทั้งยังเป็นเจ้าของกิจการแบบเขา คลื่นประชาชนมหาศาลกำลังจะจับจองร้านค้าทุกร้านในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้
ส่วนคนที่ติดพันหนังสืออยู่ก็ได้แต่พยักหน้ารับ ปิดกระดาษมันเนื้อดีอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนลุกขึ้นบอกว่าพร้อมกลับแล้ว
“อยากอ่านหรือเปล่า ถ้าอยากก็ซื้อ” คนตัวโตไม่ยอมเดิน แต่เอื้อมมือไปหยิบหนังสือที่สาวสวยวางไว้บนชั้นหนังสือติดมือมาด้วย
ทว่าคนตัวเล็กกลับส่ายหัวดิก “ฆ่าเวลาเฉยๆ ค่ะ ไม่ได้อะไรขนาดนั้น” หล่อนยิ้มมุมปากตามมารยาท ไม่เรียกร้องใดๆ จากเขา พยายามทำตัวให้ไร้ปัญหามากที่สุด เพราะไม่อยากให้ชายหนุ่มหงุดหงิดรำคาญใจไปมากกว่าที่ควรจะเป็น
“พี่ฉัตรเสร็จแล้วเรากลับกันเลยนะคะ เดี๋ยวคนเยอะ” เสียงหวานไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
ฉัตรบดินทร์ก้มลงสังเกตอาการของภรรยา “งั้นไปรอหน้าร้านก็ได้ ขอจ่ายเงินแป๊บเดียว”
ได้ยินแบบนั้นนคราก็เดินออกไปยืนรอสามีที่หน้าร้านหนังสือ มองบรรยากาศรอบๆ ไปเรื่อยเปื่อย ไม่ได้สนใจฉัตรบดินทร์ที่มองตามหลังคนร่างบาง ก่อนที่ชายหนุ่มจะวางหนังสือทั้งหมดลงบนเคาน์เตอร์จ่ายเงิน
“ทั้งหมดสามเล่มนะคะ Intensive and Acute Cardiovascular Care กับ Cardio-Oncology แล้วก็หนังสือ Interior Portraits ของ Victoria Hagan คิดตังค์เลยนะคะ”
หน้าหล่อพยักรับ ยื่นบัตรเครดิตที่มีไม่กี่คนในประเทศจะถือครองให้พนักงาน “ครับ คิดเงินเลย”
ความคิดเห็น |
---|