12

บทที่ 12


 

12

 

“ตื่นได้แล้ว” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหูคนที่นอนไม่ยอมตื่น แต่แทนที่ฉัตรบดินทร์จะได้รับรอยยิ้มหวานๆ เป็นรางวัล กลับโดนมือที่มีแหวนแต่งงานปัดเฉียดหน้าเหมือนโบกไล่ให้เขาไปไกลๆ ท่าทางรำคาญเขาเต็มทนเพราะหน้าสวยยู่เต็มที่

“อือ” คิ้วเรียวขมวดแน่นทั้งๆ ที่ไม่ลืมตา “อีกแป๊บนะคะ” คนเสียงหวานต่อรองแทบไม่เป็นคำ แต่ก็ต้องลืมตาทันทีเพราะประโยคถัดไป

“ไม่ตื่นไม่เป็นไร แต่ถ้าอาหารเช้าที่ทำมาให้นี่เย็นหมดไม่รู้ด้วยนะ ไม่ลงไปทำให้ใหม่แล้วนะ เดี๋ยวจะไปว่ายน้ำ” พูดเหมือนไม่ใส่ใจ แต่ก็ลุ้นไม่น้อยว่าอีกคนจะทำหน้าแบบไหนหากเห็นสิ่งที่เขาจัดเตรียมไว้ให้

แล้วก็เป็นอย่างที่คิด เมื่อร่างบางเด้งขึ้นทันที ต้องทำบุญมาขนาดไหนถึงจะได้ลืมตามาเห็นหนุ่มหล่อหัวหูไม่เป็นทรง เปลือยอกโชว์กล้ามท้องแปดลูก ยืนถือถาดอาหารเช้าอยู่ข้างเตียง ที่สำคัญในถาดมีดอกกุหลาบขาวหนึ่งดอกเสียด้วย

“ทานค่ะทาน” ไม่รู้โอกาสแบบนี้จะมีอีกเมื่อไร ที่ฉัตรบดินทร์มาทำอาหารเช้าเสิร์ฟให้ถึงหมอนเช่นนี้ มือบางเสยผม ก่อนจะยกมือประสานใต้คางวอนขอต่อรองอีกหน

“ขอล้างหน้าแปรงฟันสามนาทีได้ไหมคะ” นัยน์ตาที่มีแพขนตาหนากะพริบถี่ๆ ตาสีน้ำตาลอ่อนใสแจ๋วเป็นประกายฉายแววอ้อน

ไม่มีเหตุผลอะไรที่ชายหนุ่มต้องขัดใจจึงพยักหน้ารับ แต่ไม่วายดุเด็กของเขา

“เร็วๆ นะ ไม่รอ หมดไม่รู้ด้วย” พูดจบก็วางถาดพร้อมขาตั้งลงบนที่นอน มองตามหลังคนที่วิ่งปรู๊ดเข้าห้องน้ำไปยิ้มอ่อนโยน สายตาแบบนี้ก็ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน ก่อนจะสาวเท้ายาวๆ ลงไปข้างล่างอีกครั้งเพื่อยกอาหารที่เหลือขึ้นมาบริการภรรยา

 

ไม่นานเกินเวลาที่นคราบอก คนหน้าสวยก็เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยความสดใส ดูน่ารักน่าฟัดทั้งๆ ที่ยังอยู่ในชุดนอนที่เขาสวมให้เองเมื่อคืน ตาหวานแพรวพราวเพราะเห็นกองทัพอาหารตรงหน้าซึ่งมีมากมายเสียจนไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นคนลงมือปรุงทุกอย่างเอง

“ตื่นตั้งแต่กี่โมงคะเนี่ย” หญิงสาวหันมองนาฬิกาที่ชี้บอกเวลาสิบโมงเศษๆ เมื่อคืนกว่าจะได้นอน
นคราแน่ใจว่าไม่มีทางเร็วกว่าตีสาม เพราะหลังจากเขาทั้งอุ้มทั้งคอนหล่อนสวมเสื้อผ้าจนเรียบร้อย พี่ฉัตรคนดียังมีแก่ใจยกน้ำให้จิบก่อนนอน ทำให้คุณนิคกี้ของลูกน้องพอได้สติเหลือบเห็นเวลาบนนาฬิกาที่ตั้งไว้ข้างเตียง

“เก้าโมง” คนหน้าหล่อตอบนิ่งๆ ผมเผ้าปรกหน้าผาก ไม่เหมือนวันทำงาน ทำให้ดูอ่อนกว่าอายุจริงลงไม่น้อย มือหนาหยิบบลูเบอร์รีสดมาเคี้ยวกร้วมๆ ไม่มองหน้าคนบนเตียงด้วยซ้ำ “ทานสิ เดี๋ยวก็ไม่อร่อยหรอก”

อีกคนก็สนองกันดี รีบหยิบช้อนตักโจ๊กหมูใส่ไข่เยี่ยวม้าเข้าปากก่อนเป็นอย่างแรก “หืม หอมอร่อยจังเลยค่ะ”

ไม่ใช่ใครก็จะทำอาหารประเภทนี้อร่อย ต้องเรียกว่ามีฝีมือในระดับหนึ่งถึงจะออกมาได้พอเหมาะทั้งความสุกและความข้นของข้าว คนหน้าสวยยิ้มด้วยความพอใจจนตาหยี ก่อนจะตักโจ๊กเป็นครั้งที่สอง ตั้งท่าจะกินต่อ แต่กลับโดนพ่อครัวรั้งข้อมือไว้

“ทานอย่างอื่นบ้าง นี่ทำมาอย่างละที่ แบ่งๆ กัน จะได้ทานได้ทุกอย่าง” เขาบอกตัวเองว่าที่ทำมาเสียครบทุกอย่างไม่ใช่เพราะอยากเอาใจหล่อน แต่เป็นเพราะไม่รู้ว่านคราชอบกินอะไร แบบไหน อย่างไร เลยตัดสินใจทำมาเสียครบต่างหาก

“นี่วาฟเฟิลกรอบ ราดไซรัปไหม” คนตัวโตเลื่อนชามโจ๊กออกแล้ววางอาหารเช้าแบบฝรั่งลงตรงหน้านครา จำได้ว่าตอนเด็กๆ หญิงสาวชอบวาฟเฟิลสูตรของที่บ้านเขามาก ทุกครั้งที่มาบ้านฉัตราวุธก็จะร้องขอให้แม่บ้านทำให้ แถมยังย้ำนักย้ำหนาว่าเอาแบบกรอบๆ เกรียมๆ อีกด้วย

“ไม่ราดค่ะ หวาน นิคกี้ไม่ชอบ” คนแพ้น้ำตาลบอก

ด้านคุณหมอได้ยินแบบนั้นก็ใช้ส้อมของตัวเองตัดวาฟเฟิลแบ่งอีกส่วนมาไว้ในจานเล็กที่เตรียมมา ก่อนจะราดเมเปิลไซรัปลงเสียท่วม จนนคราห่อปาก

“ทำไมทานหวานอย่างนั้นล่ะคะ” หญิงสาวตักอาหารเข้าปากไปด้วยถามไปด้วย สงสัยไม่น้อยว่าคนเป็นหมอเขาไม่ดูแลสุขภาพตัวเองหรือไง “ดีนะคะที่นิคกี้แพ้น้ำตาล เลยพานไม่ชินรสหวานไปเลย”

“แต่ผมชิน เวลาอยู่เวร กินหวานแล้วตาสว่างดี” คนหน้าหล่อตอบแบบไม่สนใจ มือยังยกโหลน้ำเชื่อมมาเทเพิ่ม กะจะให้ความหวานแทรกซึมไปทุกอณู

นคราทำปากจู๋ ตาเป็นประกายขณะลอบมองท่อนบนเปลือยเปล่าของสามี กินหวานขนาดนั้นกล้ามเนื้อท้องยังแน่นเป็นลูกชวนใจหวิวขนาดนี้ ถ้าเขาไม่ตามใจปากหุ่นจะแซ่บขนาดไหน ไม่ทิ้งหูฟังตรวจคนไข้ไปเป็นนายแบบคาลวิน ไคลน์หรือ คิดแบบนั้นก็หน้าแดง พานนึกไปถึงสัดส่วนในร่มผ้าที่ทั้งเห็นทั้งจับผ่านมือหล่อนมาหมดแล้วเมื่อคืน ก่อนแสร้งทำเป็นไม่สนใจ

“มิน่าถึงดุ” สาวสวยบอก ก้มหน้าก้มตากินอาหารจากจานอื่นบ้าง แต่แล้วก็เจอแรงปะทะที่กลางกระหม่อม จะว่าเบาก็เบา จะว่าแรงก็แรง เจ้าตัวเลยเงยหน้าขึ้นถึงพบว่าเจ้าของบ้านถลึงตามอง มีมะเหงกที่เพิ่งเคาะหัวหล่อนเสร็จลอยอยู่ตรงหน้า ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นชี้หน้าสวย โดยที่ชายหนุ่มรีบกลืนอาหารแล้วส่งเสียงเข้ม แต่นัยน์ตาระยิบระยับไม่ต่างกัน

“นี่ผัว ไม่ใช่หมา!”

 

สองสามีภรรยาดื่มด่ำกับบรรยากาศหวานๆ เรียนรู้เรื่องต่างๆ ของกันและกัน แทบไม่มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งขัดใจใดๆ เกิดขึ้น จะมีก็แต่นคราที่ขัดหูเพราะฉัตรบดินทร์ชอบพูดด้วยประโยคห้วนๆ ที่ไม่มีคำแทนตัวเอง

นี่ไง แค่คิดก็เอาอีกแล้ว...

“ลงไปขี่ม้าไหม” คุณหมอที่เพิ่งเช็กอีเมลงานเสร็จถามระหว่างปิดคอมพิวเตอร์สีเงินเครื่องบางเฉียบลง

ภรรยานอนคว่ำหน้าอ่านนิตยสารแฟชั่นหัวนอกอยู่บนเตียง ไม่ได้สนใจเนื้อหาของสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามากเท่าไร ก่อนเงยหน้าขึ้นขมวดคิ้วหรี่ตาเมื่อได้ยิน แต่ก็ตกปากรับคำเพราะอยากออกไปตั้งแต่กินอาหารเที่ยงเสร็จ แต่โดนคุณหมอใหญ่ห้ามไว้ นี่คงดูแดดแล้วเห็นว่าเหมาะที่จะให้ลงไปวิ่งเล่นนอกบ้านได้

“ออกตอนนี้น่าจะทันดูพระอาทิตย์ตก”

“ไปค่ะ พี่ฉัตรจะขี่ด้วยกันจริงๆ เหรอคะ” นครากระโดดลงจากเตียงทันที ไม่รอฟังคำตอบ คว้ากางเกงเลกกิงผ้าหนากับเสื้อกล้ามตัวจิ๋วที่ดัดแปลงใช้แทนชุดขี่ม้า วิ่งผลุบเข้าไปในห้องน้ำไม่นานก็ออกมาเจอคนตัวโตยืนทำหน้ายุ่งทันทีที่เห็นหล่อน คนที่กำลังยืนรวบผมอยู่จึงอดถามไม่ได้ “เป็นไรคะ”

ตาคมกริบของฉัตรบดินทร์มองหล่อนตั้งแต่ศีรษะจดเท้า อกอวบขาวผ่องแทบจะล้นทะลักออกมานอกคอเสื้อที่รัดรึงไปกับส่วนโค้งเว้า กางเกงก็แนบเนื้อเห็นเรียวขายาวชัดไปทุกส่วน สามีขี้หวงทำหน้านิ่วแต่ไม่รู้จะออกอาการยังไง ไม่เคยหึงเคยหวงใครมาก่อน ใช่สิ...ราวกับเขาเคยรู้สึกกับใครแบบนี้ แฟนสมัยเรียนยังทิ้งๆ ขว้างๆ จนผู้หญิงยกธงขาวลาจากไปเอง

“ชุดอื่นไม่มีหรือไง” ชายหนุ่มไม่ใช้ห้องน้ำ แต่กลับถอดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นที่สวมอยู่กับบ้านออก เปลี่ยนเป็นเสื้อยืดคอกลมสีขาวพอดีตัว อวดหุ่นให้ภรรยาคนสวยดูหน้าตาเฉย ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะทำตาโตน้ำลายไหลขนาดไหน “รัดขนาดนี้ จะใส่ไปอ่อยใคร”

เมื่อคุ้นเคยกันมากขึ้น ถึงขั้นมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันแล้ว นคราเลยกล้าเล่นกับคนแก่กว่าตั้งสิบห้าปี หล่อนยิ้มเผล่ให้คนหน้าดุ เขย่งเท้าจูบมุมปากฉัตรบดินทร์เป็นของแถมอีกต่างหาก

“อยู่กับใครก็อ่อยคนนั้นแหละค่ะ”

                หญิงสาวพูดจบก็สะบัดก้นเดินหนีลงไปข้างล่างก่อน ปล่อยให้คนท่ามากส่ายหัวให้ความแก่นของหล่อน แต่ก็มีรอยยิ้มประดับใบหน้า มีความสุขไม่น้อยกับสิ่งที่เป็นอยู่ นี่ถ้ารู้ว่าแต่งงาน...ไม่สิ ถ้ารู้ว่าแต่งงานกับนคราแล้วมีความสุขแบบนี้ เขาคงยอมตกลงปลงใจเตรียมงานรอหล่อนกลับมาจากต่างประเทศแล้วจับเข้าหอเลย ไม่เล่นตัว ยืดเยื้อแบบนี้หรอก คิดแล้วก็รีบยัดชายเสื้อเข้าไปในกางเกง รัดเข็มขัดให้เรียบร้อยก่อนจะรีบสาวเท้าตามหญิงสาวลงไป

ไม่...ไม่ได้ติดเมียเลย แค่หล่อนไม่อยู่ในสายตาแล้วหงุดหงิดอย่างไรก็ไม่รู้

คนร่างสูงได้ยินเสียงภรรยาพูดอะไรเจื้อยแจ้วอยู่กับแม่บ้านก็อดยิ้มไม่ได้ นคราช่างพูดช่างคุย ขี้อ้อนมาตั้งแต่เด็กๆ เขาจำได้ ต่างจากฉัตรระวีน้องสาวเขาที่ทั้งเฮี้ยว ทั้งเอาแต่ใจ ทั้งดื้อ จนคนทั้งบ้านหลงนครากันหมด นี่สงสัยจะขยายสาขามาถึงบ้านฉัตราวุธที่เขาใหญ่เสียแล้วละมั้ง

“อยากทานจังค่ะ เดี๋ยวนิคกี้กับพี่ฉัตรขอขึ้นโต๊ะด้วยได้ไหมคะ”

นคราส่งเสียงหวานจ๋อยอ้อนแม่บ้านซึ่งไม่ผิดจากที่เขาคิด จะหงุดหงิดก็ตรงที่ทำไมไม่เคยอ้อนเขาแบบนี้บ้าง

“ทานได้จริงๆ เหรอคะ ป้าตำให้ใหม่แบบไม่ใส่แมงดาไหม” คนท้องถิ่นทำหน้าไม่เชื่อ คุณหนูผิวผ่องแต่งตัวสวยทุกวัน ข้าวของเครื่องใช้มีราคา แถมยังเป็นเมียเจ้าของบ้านที่รู้ว่าเป็นมหาเศรษฐีของเมืองไทย ไม่น่าเชื่อว่าจะกินอะไรแบบนี้เป็น

“ที่ไหนล่ะคะ นิคกี้ชอบมาก ตอนอยู่เมืองนอกนะ อยากทาน ได้ทานเฉพาะตอนกลับมาหาคุณพ่อเท่านั้นแหละ เอาขึ้นโต๊ะนะคะ” คุณผู้หญิงยังไม่หยุดอ้อน

แต่แม่บ้านก็ไม่วางใจนัก น้ำพริกกะปิใส่แมงดา อาหารแบบบ้านๆ ไม่น่าจะถูกปากคนกรุงแบบนี้

“แล้วคุณฉัตรจะไม่เหม็นแน่นะคะ ป้าไม่เคยเห็นคุณทาน”

ยังไม่ทันที่สาวสวยจะได้ตอบ เจ้าของบ้านตัวจริงก็เดินพ้นมุมห้องออกมา ขืนแอบอยู่ภรรยาเขาคงอ้อนไม่จบไม่สิ้น

“ทานได้ เอาขึ้นเถอะ เตรียมเครื่องเคียงให้ครบละกัน คนนี้เขาชอบกินดอกสลิดชุบแป้งทอด หามาด้วย” พูดจบก็จูงข้อมือภรรยาเดินตรงออกไปที่โรงม้าหลังบ้านทันที

 

ไม่นานทั้งคู่ก็ออกมาอยู่ท่ามกลางขุนเขา อากาศเย็นสบายและแดดอ่อนๆ ทำให้นครายิ้มไม่หุบ บอกก็ไม่มีใครเชื่อว่าหญิงสาวหัวสมัยใหม่ที่เติบโตในต่างประเทศจะรักความเป็นธรรมชาติขนาดนี้

“อยากอยู่อย่างนี้ตลอด สบายจัง ไม่อยากกลับกรุงเทพฯ เลย” หล่อนแหงนหน้า หลับตา สูดอากาศบริสุทธิ์เสียเต็มปอด ก่อนหันไปขอความเห็นจากคนที่มองไปตรงหน้านิ่งๆ “พี่ฉัตรไม่ชอบเหรอคะ นิคกี้ชอบ”

“ชอบแล้วไง มาอยู่ได้ที่ไหน งานการเต็มไปหมด เราก็เถอะ บอกจะมาๆ ไม่ต้องทำงานทำการหรือไง”

“ก็แค่บอกว่าอยาก ไม่เห็นต้องดุขนาดนั้นเลยนี่คะ” นคราเชิดหน้าพูดเสียงแข็งพอกันเมื่อฉัตรบดินทร์เริ่มทำท่าจะดุอีกรอบ เดาใจผู้ชายคนนี้ได้ยาก ไม่รู้ว่าเป็นนิสัยส่วนตัวหรือเป็นเพราะเขาอายุเข้าวัยกลางคนกันแน่ถึงทำให้ลมเพลมพัดแบบนี้

หญิงสาวบ่นเขาโดยทำปากขมุบขมิบแบบไม่มีเสียง แต่ไม่รอดพ้นตาคมกริบของสามีไปได้

“บ่นอะไร” คนเสียงทุ้มแสร้งทำเป็นเอาเรื่องมากขึ้น

นคราสะดุ้งเฮือก เบือนหน้าหนีเพราะไม่อยากเห็นสีหน้าไม่พอใจ กลัวเขาโกรธแล้วกลับไปทำตัวไม่น่ารัก ไม่อ่อนโยนเหมือนเก่า 

ส่วนอีกฝ่ายก็หมั่นไส้ท่าทางยโสของหญิงสาวขึ้นมาติดหมัด จึงโน้มตัวจากหลังม้าของตนแล้วคว้าท้ายทอยหล่อนมาประกบจูบอย่างอ่อนหวาน เนิ่นนาน แลกลมหายใจอุ่นๆ จากนั้นทั้งคู่ก็ลืมตาขึ้นสบตาวัดใจกันอยู่ครู่หนึ่ง

“ไหนว่าจะพามาดูพระอาทิตย์ตก” เสียงหวานๆ ออกแนวกระเง้ากระงอดปนเขินอาย ผิดกับเมื่อครู่ หน้าผากยังแนบชิดติดกับคุณหมอใหญ่อยู่ ​

ฝ่ายชายก็ไม่ได้สนใจว่าตัวเองนั่นแหละเป็นคนผิดคำพูด กดจูบปากอิ่มช่างเจรจาอีกครั้ง

“พระอาทิตย์มันก็ตกทุกวันแหละ แต่เวลาปราบเด็กดื้อแบบนี้มีครั้งเดียวเท่านั้นนะ”

 

หลังจบมื้ออาหารสองสามีภรรยาไม่อ้อยอิ่งเหมือนคืนก่อน ต่างขึ้นห้องเก็บข้าวของเครื่องใช้ที่นำมาเพราะมีกำหนดการกลับกรุงเทพฯ กันในวันรุ่งขึ้น โดยนคราจัดการในส่วนของฉัตรบดินทร์เสร็จเรียบร้อยก่อน ไม่นานทุกอย่างก็เรียบร้อย เหลือแค่ของที่ต้องใช้พรุ่งนี้ซึ่งวางเตรียมไว้พร้อมสรรพ

“นอนเลยไหม” ฉัตรบดินทร์ถามคนที่เดินมาขึ้นเตียงแล้วซุกตัวในผ้าห่ม ปิดหนังสือลง ถอดแว่นสายตาที่สวมเฉพาะเวลาอ่านหนังสือหรือผ่าตัดวางลงบนหัวเตียง เตรียมปิดไฟนอน

ทว่าคนตัวบางกลับส่ายหน้า “พี่ฉัตรอ่านต่อเลยค่ะ นิคกี้จะดูบัญชีนิดนึง” มือเรียวชูไอแพดโปรคู่ใจให้เขาดู ก่อนจะกดเข้าตรวจสอบเอกสารที่ลูกน้องส่งมาให้

สามีเห็นแบบนั้นก็หันไปหยิบหนังสือมาอ่านต่อ แต่สมาธิหายไปหมดเพราะมัวแต่คอยลอบมองท่าทางที่ตั้งอกตั้งใจของคนข้างๆ

“หยุดแล้วต้องทำเหรอ”

“ทำสิคะ คนอื่นเขาทำงานกันปกติ ส่งยอดปกติ นิคกี้ก็ต้องคอยดู” ปากตอบ แต่ตายังโฟกัสอยู่ที่จอตรงหน้า

“แล้วไหนบอกว่าหนามทำแทน” คนตัวโตตัดสินใจปิดหนังสืออีกรอบเพราะรู้ดีว่าอ่านไม่รู้เรื่อง แล้วนอนตะแคงตั้งศอกขึ้นใช้มือเท้าศีรษะไว้ ตั้งใจฟังภรรยาบรรยายงานในความรับผิดชอบของหล่อน

“พี่หนามเขาจะมารู้เรื่องเงินได้ยังไง เขาก็ทำได้แต่คุมคน แก้ปัญหาเฉพาะหน้า รับรายงานเฉพาะวันไป” คราวนี้นครายอมละความสนใจจากงานตรงหน้า หันไปหรี่ตามองเขาอย่างไม่ไว้ใจ “แล้วนี่หนังสือของตัวเองไม่อ่านแล้วเหรอคะ  ถึงมากวนนิคกี้”

“นิคกี้นั่นแหละ เอางานมากวนเวลาของเรา” คำว่าเราที่เขาพูดทำเอาสาวสวยอุ่นวาบในหัวใจ

“นี่ไม่ได้มีเวลาพักบ่อยๆ ควรจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันบ้าง” คุณหมอใหญ่หยิบไอแพดออกจากมือภรรยาสาว ก่อนจะใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าคนสวยของเขา รวบตัวหล่อนเข้ามานอนในอ้อมแขนแล้วรัดแน่นจนริมฝีปากหล่อนแนบอยู่กับอกเขา

“นี่พี่ฉัตรไม่คิดจะใส่เสื้อบ้างหรือไงคะ” นคราอดที่จะถามเสียงอู้อี้อยู่กับอกแกร่งไม่ได้

ถ้าอยู่กันสองคนในห้องนอนทีไร ฉัตรบดินทร์แทบจะไม่สวมเสื้อผ้าปกปิดท่อนบน มีแค่กางเกงขายาวเนื้อดี เดินร่อนไปร่อนมา แม้กระทั่งจะเข้านอนก็ยังไม่ยอมใส่ เปลือยอกโชว์กล้ามท้อง ทำตัวเป็นนายแบบโฆษณา ซึ่งเอาจริงๆ หุ่นเขาก็ชวนน้ำลายสอ แถมหน้าหล่อๆ ไม่ว่าจะแนวคิ้วเข้มรับกับตาสองชั้นคมกริบสีนิล จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางแดงเหมือนผู้หญิง ไหนจะคางบุ๋มนั่นอีก ดูไปดูมาฉัตรบดินทร์ก็หน้าตาดีมีภาษีกว่าดารานายแบบมืออาชีพไม่รู้กี่คนต่อกี่คน

“ไม่ชอบ ร้อน ส่วนเราก็ไม่รู้อยู่เมืองนอกมายังไง ทำไมขี้หนาวแบบนี้” คนแก่วัยกว่าบอก ใครจะไปคิดว่าคนที่ย้ายไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่อายุสิบสองอย่างนคราจะไม่ชอบอากาศเย็นๆ เขาต้องปรับอุณหภูมิในห้องนอนให้อยู่ที่ประมาณยี่สิบเอ็ดองศา ทั้งที่ปกติคุณหมอรูปหล่อเปิดแอร์ไม่เกินสิบแปดองศาด้วยซ้ำ

“ก็อากาศจากแอร์มันแห้ง ไม่เหมือนอากาศจริงๆ นี่คะ” คนตัวเล็กดิ้นดุกดิก เริ่มจะหายใจไม่ออก “พี่ฉัตรปล่อยก่อน นิคกี้อึดอัด”

ชายหนุ่มได้ยินแบบนั้นก็คลายอ้อมแขนออกเล็กน้อย ก่อนจะพลิกตัวนคราให้นอนหงาย มีเขาคร่อมอยู่ด้านบน

“อึดอัดได้ไง ไม่อ้วนสักหน่อย พุงไม่มีสักนิด”

นคราก็บ้าจี้มองลงต่ำดูหน้าท้องเขา และอดหน้าแดงไม่ได้เมื่อเห็นความเครียดขึงของเขาชัดเจนอยู่กลางลำตัว

“นั่นสิ มีเวลาออกกำลังกายด้วยเหรอคะ” ถามเหมือนไม่ใส่ใจ ทั้งที่อยากเก็บรายละเอียดทุกอย่าง

“เมื่อก่อนก็ไม่ค่อยมี ต้องหาเวลาออก” ท่อนแขนสองข้างที่วางอยู่ข้างศีรษะหญิงสาวค่อยๆ ผ่อนแรงลง ส่งผลให้ร่างสูงลดระดับลงในแนวราบจนริมฝีปากประกบกัน ก่อนที่แขนคู่นั้นจะเหยียดขึ้นเต็มแรงอีกครั้ง เปิดโอกาสให้ตาคมกริบมองหน้าสวยจัดของหญิงสาวใต้ร่าง

“แต่เดี๋ยวนี้คงใช้วิธีวิดพื้นบนเตียงแบบนี้แทน คงได้เหมือนกัน” พูดจบหมอหนุ่มก็สาธิตวิธีออกกำลังกายแบบเมื่อครู่อีกยก

นคราหน้าแดงก่ำ ใครจะไปคิดว่าคนดุหน้าตายจะมาทำอะไรเจ้าเล่ห์แบบนี้ได้ มือบางยันไหล่หนาทั้งสองข้างไว้ พยายามดันสุดแรงทั้งที่รู้ว่าสู้แรงเขาไม่ไหว

“พี่ฉัตรทะลึ่ง” หน้าสวยบ่ายเบี่ยงไม่ให้คนที่ยังไม่ยอมหยุดออกกำลังประกบจูบได้ “ปล่อยนิคกี้นะคะ ถ้าไม่ให้ทำงานนิคกี้ก็จะนอนแล้ว”

แต่มีหรือที่คนอย่างฉัตรบดินทร์จะเชื่อคำพูดคนที่เด็กกว่า ต่อให้เป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมายหรืออะไรก็ตาม มือหนาเปลี่ยนมาสอดประสานมือของนคราไว้ เปลี่ยนจังหวะจากจูบเบาๆ เป็นเร่าร้อน ทำเอาอีกฝ่ายแทบสำลักอากาศ รู้ดีว่าเอาตัวรอดจากเขาไม่ได้ ได้แต่ตอบสนองอย่างร้อนแรงไม่ต่างกัน และชายหนุ่มก็ยอมเปลี่ยนจากจูบปากมาเป็นซอกคอ ก่อนจะไซ้ต่ำลงสู่เนินอกอวบอิ่ม

“พะ...พะ...พี่ฉัตรไม่พักเหรอคะ” เสียงหวานกระท่อนกระแท่น เขาเป็นคนพูดเองว่าอยากเข้านอนแต่หัวค่ำ เพราะอยากเข้ากรุงเทพฯ แต่เช้า แต่นี่กลับกลายเป็นว่าจะเป็นคนเริ่มกิจกรรมใช้พลังกับหล่อนเอาตอนเกือบสี่ทุ่ม แล้วอย่างนี้จะไปตื่นเอากี่โมง

“ไหนว่าจะตื่นเช้าไงคะ” คนตัวบางยังไม่วายหาข้ออ้าง หาเหตุผลไม่ให้เขารุกรานต่อ ถึงแม้จะไม่รังเกียจ แต่ก็เคอะเขินกับกิจกรรมเช่นนี้

“ก็นี่แหละ วิธีผ่อนคลาย เชื่อสิ” ไม่พูดเปล่า แต่มือไม้เขาย้ายที่อย่างรู้จุดหมาย ไล้ลงต่ำแล้วรูดแพนตีตัวบางออกจากเรียวขาหล่อนก่อนจะแทรกกายเข้ามา แก่นกายเครียดขึงเสียดแทงใจกลางความอ่อนไหวของนคราทั้งที่ยังไม่ถอดกางเกงของตัวเองออก มือหนาอีกข้างก็ฟอนเฟ้นอกอวบคู่งาม กอบรวบส่งเข้าปากดูดดึงเร่งเร้าให้หล่อนระทดระทวย

“อ๊า” หล่อนเปล่งเสียงปลดปล่อยอารมณ์ที่พวยพุ่ง ร่างบางบิดเกร็งเพราะจังหวะยั่วเย้าที่อีกคนมอบให้ “พี่ฉัตร พี่ฉัตรขา นิคกี้ นิค...”

“นิคกี้จะเอาอะไร” คนหน้าหล่อที่คลอเคล้ากับเนื้อสาวพึมพำเสียงพร่า รู้ดีว่าหญิงสาวต้องการอะไร แต่อยากได้ยินหล่อนวอนขอกับหู

“บอกซิ จะเอาอะไร เดี๋ยวทำให้” ไม่พูดเปล่า แต่ฉัตรบดินทร์ดึงกางเกงนอนของตัวเองแล้วสะบัดให้พ้นปลายเท้า มือหนาจับขาเรียวของนคราแยกออกให้กว้างอีก จดจ่อแก่นกายแข็งกร้าว เสียดสีหยอกล้อแต่ไม่รุกล้ำ จนนคราแทบขาดใจ

“อะ...อะ...เอา” คนโดนรังแกบอกกระท่อนกระแท่น แอ่นหลังให้สามีที่ยังพะวงอยู่กับยอดอกสีชมพูเข้ม บิดข้อมือออกจากการเกาะกุมของเขา สอดนิ้วเรียวเข้าไปในผมสั้นที่ตัดแต่งอย่างดีของสามี ดึงรั้งให้เขาสนใจอย่างอื่นบ้าง โดยเฉพาะความต้องการของหล่อน “เอาพี่ฉัตรนะคะ”

สิ้นเสียงหวาน ตาคมกริบก็มองนครา เห็นตาสีน้ำตาลอ่อนหวานเชื่อมทั้งด้วยความรัก ทั้งด้วยราคะ ก็ยิ่งลุ่มหลง ยิ้มมุมปากแต่เพิ่มเสน่ห์ให้หน้าหล่อเกินความเป็นหมอ ยืดร่างสูงใหญ่ขึ้นกดจูบเร่าร้อนให้รางวัลคนช่างยั่วแสนหวาน ลิ้นเรียวเจนวิชาไล้ริมฝีปากอิ่มจนคนตัวบางสั่นสะท้าน และเปิดปากด้วยสัญชาตญาณตามการปลุกเร้าของเขาจนเกือบถึงจุดเดือด มือหนาไล้ลงต่ำ ปลายนิ้วลูบสัมผัสจุดอ่อนไหว ก่อนจะยิ้มกริ่มเมื่อพบว่านครายิ่งกว่าพร้อม คุณหมอหนุ่มเลยคุกเข่า เคลื่อนตัวเข้าหาภรรยาจนหญิงสาวสะดุ้งเฮือกด้วยความจุก

“เจ็บเหรอ” เสียงทุ้มสั่นพร่า ความอ่อนนุ่มรัดแน่นจนเขาแทบระเบิดในวินาทีที่เข้าหาหล่อนสุดตัว อยากจะตอกย้ำรัวใส่ไม่ยั้ง ทว่าความสดใหม่ของคนใต้ร่างทำให้ฉัตรบดินทร์ต้องหยุดอารมณ์ดิบเถื่อนไว้ เพราะกลัวนคราจะแหลกคามือหมอไปเสียก่อน

ด้านหญิงสาวก็ได้แต่ส่ายหน้า ถึงแม้จะเพิ่งเคยมีประสบการณ์วาบหวามเช่นนี้เป็นครั้งแรกเมื่อคืนที่ผ่านมา แต่ฉัตรบดินทร์ก็อ่อนโยน เตรียมพร้อมหล่อนให้รองรับเขาได้อย่างน่ารัก

“ไม่ค่ะ แค่จุกนิดหน่อย”

คนตัวโตได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าหล่อชื้นเหงื่อ ก้มลงจูบหน้าผากใส ก่อนจะเพิ่มจังหวะรักให้ระอุ เปลี่ยนอากาศเย็นของเขาใหญ่ช่วงต้นหนาวให้ร้อนแรงยิ่งกว่าเดือนเมษายน มือหนาที่จับแต่มีดผ่าตัดมาเป็นสิบปีเคล้นคลึงทรวงอกที่เขยื้อนตามการคุมเกมของเขา

ส่วนนคราได้แต่นอนกัดริมฝีปากทั้งที่สะโพกผายเด้งรับเขาอย่างเร่าร้อน จนคุณหมอหนุ่มต้องละมือข้างที่จับสะโพกหล่อน แล้วใช้ปลายนิ้วลูบปากฉ่ำ ทำเอาสาวสวยตัวแดงก่ำเพราะฉัตรบดินทร์ปรือตามอง

“ขา?” คนเสียงหวานเอ่ยเป็นคำถาม “พี่ฉัตรเบาๆ นิค...นิคกี้”

“นิคกี้อะไร” นัยน์ตาร้อนแรงจ้องคนของเขาไม่วาง เห็นมาตั้งแต่เกิด จับมือเขียนหนังสือมาตั้งแต่เล็ก ชีวิตที่เกือบจมน้ำตายก็เป็นเขาที่ปลุกขึ้นมาจนฟื้น ดังนั้นถ้าเขาจะเป็นเจ้าข้าวเจ้าของนคราก็คงไม่ผิด และคงไม่แปลกนัก

“ตอบมา นิคกี้จะเอาอะไร” ถึงจะปากหนัก แต่เชื่อเถอะว่าในใจของฉัตรบดินทร์พร้อมที่จะหาอะไรก็ตามที่นคราอยากได้มาทูนหัวทูนเกล้า

“นิคกี้ ตอบมา” เสียงทุ้มเข้มขึ้นทั้งเพราะอารมณ์ดิบหวามที่จะปะทุ และอยากให้นคราเปิดเปลือยความรู้สึกออกมาบ้าง

“นิคกี้เสียว พอแล้ว ไม่ไหวแล้ว” ตาหวานปรือเยิ้มขณะวอนขอความเห็นใจ หารู้ไม่ว่าสิ่งที่รู้สึกอยู่ต้องดับด้วยความรู้สึกเดียวกันเท่านั้น

“ไม่สิ หยุดตอนนี้ไม่โอเคหรอก” คนมากวิชากว่าได้ยินภรรยาบอกแบบนั้นก็รู้ว่าหล่อนจะทิ้งเขาไปมีความสุขก่อนจึงผ่อนแรงลงชะลอระยะทางเพื่อให้เขากับหล่อนได้อยู่ด้วยกันอีกนิด

“ทนหน่อย แล้วจะดี ดีแบบที่นิคกี้ติดใจเลยละ” สิ้นประโยคนั้นฉัตรบดินทร์ก็โหมแรงจาบจ้วงจนนคราครางครวญสลับกับเรียกชื่อสามี จนร่างบางกระตุกสั่นพร้อมๆ กับที่ฉัตรบดินทร์ฝังร่างแรงๆ ย้ำๆ ซ้ำๆ อีกสองสามทีก็กระตุกเกร็ง ทิ้งร่างลงจูบซับเหงื่อให้นคราที่ตัวชื้นไม่ต่างกัน

“ตกลงนิคกี้ว่าหยุดตอนนั้นกับจบตอนนี้ แบบไหนดีกว่า”

คนหน้านิ่งพูดด้วยน้ำเสียงเป็นจริงเป็นจังผิดกับนัยน์ตาไหวระริกที่สาวสวยมองไม่เห็น เพราะเหนื่อยเกินกว่าจะขยับเปลือกตา ได้แต่พยักหน้ารับ หวังจะให้เขาหยุดพูดเพื่อจะได้พักผ่อน แต่กลับกลายเป็นว่าคุณหมอไม่ยอมจนกว่าจะได้คำตอบที่ชัดเจน และเริ่มใช้ลิ้นไล้เลียเช็ดเหงื่อตามซอกคอหล่อน ขบเม้มตั้งท่าจะเริ่มยกสอง

หญิงสาวขมวดคิ้วแน่นทั้งที่หลับตา ก่อนจะเปิดเปลือกตามองสามี “พี่ฉัตรจะทำอะไรคะ”

“ก็นิคกี้ไม่ตอบ นึกว่ายังหาคำตอบไม่ได้ เลยจะทำให้ดูอีกรอบไง”

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น