13

บทที่ 13


 

13

 

“รอแป๊บนึงได้ไหม” ฉัตรบดินทร์ถามนคราทันทีที่พยาบาลเวรรายงานว่าผู้ป่วยในความดูแลของเขามีความดันโลหิตผิดปกติ ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะลาหยุดงาน แต่คุณหมอใหญ่กลับดันเพิ่งนึกได้ว่ามีเอกสารบางอย่างที่อยากเอาไปอ่าน สองสามีภรรยาเลยตัดสินใจว่าจะแวะเข้ามาเอาที่ออฟฟิศระหว่างทางกลับจากเขาใหญ่ แต่กลับกลายเป็นว่าพอพยาบาลรับรู้เท่านั้นก็วิ่งมารายงานอาการของคนไข้ให้ทราบ

ด้านภรรยามือใหม่ก็ไม่ติดใจอะไร พยักหน้ารับแล้วเดินไปนั่งลงบนโซฟาในห้องทำงานสามีทันที

“ไปเถอะค่ะ นิคกี้จะดูทีวีรอที่นี่ เสร็จแล้วโทร. มาตามละกัน เดี๋ยวลงไปเจอที่รถ พี่ฉัตรจะได้ไม่ต้องขึ้นมารับ” ตอบยืดยาว ท่าทางไม่ใส่ใจ

แต่คุณหมอใหญ่ยิ้มกว้างเมื่ออีกฝ่ายไม่เป็นผู้หญิงเรื่องมาก เข้าใจความจุกจิกของวิชาชีพของเขาดี คนหล่อแต่ดุพยักหน้ารับก่อนจะบอกเสียงอ่อน แม้จะไม่หวานแต่ก็ไม่มีใครเคยได้ยินแน่ๆ

“ไม่นานหรอก คิดไว้ละกันว่าอยากทานอะไร เดี๋ยวพาไปก่อนเข้าบ้าน”

 

นครานั่งดื่มด่ำกับภาพแฟชั่นในจอตรงหน้าได้ไม่นานก็ต้องขมวดคิ้ว เมื่อได้ยินเสียงล้งเล้งไม่เบาจากด้านนอกห้องทำงานสามี ลูกสะใภ้เจ้าของโรงพยาบาลจึงเปิดประตูออกไปดู เห็นด้านหลังของผู้หญิงรูปร่างดีในชุดสูทสีดำ ยืนต่อล้อต่อเถียงกับเลขาฯ หน้าห้องฉัตรบดินทร์อยู่

“ท่านรองยังอยู่ในช่วงฮอลิเดย์นะคะ คงไม่สะดวกหรอกค่ะ” คนเป็นเลขาฯ หน้าห้องท่านรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลอายุวัฒน์บอกเรียบๆ ทำไมจะไม่รู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าอยากจับเจ้านายหล่อนแค่ไหน แต่ในเมื่ออีกฝ่ายอ้างเรื่องงานก็ต้องตอบด้วยท่าทีสุภาพไปตามมารยาท

“ก็ให้คุณหมอตัดสินใจไหมคะคุณจุ๋ม คุณจุ๋มเป็นเลขาฯ จะไปทราบอะไร” ปิ่นนภาบอก ร้อนใจเป็นที่สุดเพราะอีกไม่กี่วันชายหนุ่มก็จะเข้าพิธีแต่งงานตามการ์ดที่หล่อนได้รับเชิญ ตามข่าวที่แพร่กระจายไปทุกสื่อสังคม ดังนั้นเวลาที่งวดลงทุกทียิ่งเป็นเชื้อเพลิงเร่งเร้าให้หล่อนต้องทุ่มหมดหน้าตัก เพื่อดึงคุณหมอฉัตรบดินทร์มาเป็นของหล่อนให้ได้ตั้งแต่วันนี้ “นี่จริงๆ ให้ปิ่นเข้าไปรอในห้องยังได้ เดี๋ยวปิ่นโทร. บอกคุณหมอเอง”

“ยังงั้นยิ่งไม่ได้ใหญ่เลยค่ะ” เลขาฯ ชายหนุ่มไม่บอกบอกความจริง เพราะไม่รู้ว่าแม่ประชาสัมพันธ์หน้าสวยจะสร้างเรื่องอะไร ทั้งๆ ที่อยากให้รู้เต็มแก่ว่าอันที่จริงเจ้านายหล่อนแต่งงานจดทะเบียนสมรสกับสาวสวยลูกเจ้าพ่อไปตั้งแต่ต้นสัปดาห์แล้ว ไอ้งานเลี้ยงปลายสัปดาห์ก็แค่งานฉลองสมรสเพื่อประกาศให้สังคมรับรู้เท่านั้นเอง

“ทำไมจะไม่ได้คะ ปิ่นเข้าไปคุยงานกับคุณหมอบ่อยๆ คุณจุ๋มนี่ ให้โทร. ถามคุณหมอก็ไม่โทร. จะเข้าไปรอก็ไม่ให้”

ทั้งสองยังเถียงกันไม่ทันจบ เสียงหวานก็ดังขึ้นด้านหลัง จนปิ่นนภาต้องหันหน้าสวยที่เชื่อมาตลอดว่าไม่เป็นรองใครไปดู พบคนที่ได้ชื่อว่าจะเป็นภรรยาคุณหมอฉัตรบดินทร์ยืนพิงกรอบประตู หน้าสวยล้อมกรอบด้วยผมยาวระเอวเป็นลอนไม่ได้มองหล่อน แต่กลับทำทีเป็นดูปลายเล็บที่แต่งแต้มสีสันไว้ ร่างสูงโปร่งดูเย้ายวนในเสื้อกล้ามคอเหลี่ยมเห็นเนินอก แต่มีสร้อยแบบโชกเกอร์ห้อยระโยงระยางกั้นโป๊ ขาเรียวยาวดูดีขึ้นไปอีกเมื่อสวมสกินนียีนเอวสีอ่อนอวดส่วนโค้งเว้า ยืนไขว้ขา เท้าได้รูปสวมส้นสูงรุ่นล่าสุดของคริสเตียง ลูบูแตง กระดิกเคาะพื้นเป็นจังหวะ ท่าทางก๋ากั่น ชวนหมั่นไส้และดูน่าโมโหในคราวเดียวกัน

“คงจะไม่ได้มั้งคะ” สำรวจเล็บเสร็จก็มองคนตรงหน้าตั้งแต่ศีรษะจดเท้าแบบไม่ให้ค่า “พอดีนิคกี้รอพี่ฉัตรอยู่ แล้วเอาจริงๆ ห้องทำงานพี่ฉัตรมันเป็นพื้นที่ส่วนตัว คงไม่ใช่ใครที่ไหนก็จะเข้ามานั่งได้ตามอำเภอใจ”

ปิ่นนภาได้ยินแบบนั้นก็หน้าชา โกรธจนควันแทบออกหู รู้สึกเหมือนถูกตบหน้าว่าหล่อนไม่รู้จักกาลเทศะ แต่ก็ทำได้เพียงฝืนยิ้มแล้วยกมือไหว้คนที่มีศักดิ์สูงกว่า

“แต่ถ้าธุระด่วนมาก เดี๋ยวนิคกี้โทร. เรียกพี่ฉัตรให้เอาไหมคะ นิคกี้ว่าพี่ฉัตรน่าจะรีบรับสายนิคกี้มากกว่าคุณ...”นคราทำท่าสงสัย ก่อนจะมองข้ามหัวอีกฝ่ายไปหาเลขาฯ ของสามี “เอ...คุณคนนี้ชื่ออะไรนะคะพี่จุ๋ม”

“เอ่อ...คุณปิ่น คุณปิ่นนภา เป็นหัวหน้าแผนกประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาลค่ะ” คนที่ดูเหมือนเพิ่งจะได้สติตอบปากคอสั่น เพราะช็อกกับรังสีอำมหิตที่เมียเจ้านายแผ่ออกมา ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงหน้าสวยรูปร่างอ้อนแอ้นจะดูน่ากลัวได้ถึงเพียงนี้ “พี่จุ๋มไม่แน่ใจว่าเคยพบกันหรือยัง คุณปิ่น นี่คุณนิคกี้ คู่หมั้นของท่านรองค่ะ”

“มาสิคะ” นครายื่นมือไปข้างหน้าแล้วกระดิกนิ้วเรียก “ไหนเอกสาร ไหนเรื่องที่ว่าด่วนนักหนา เอามาให้นิคกี้สิ เดี๋ยวนิคกี้บอกพี่ฉัตรให้เองค่ะ เอ๊ะ หรือว่าไม่มี” คิ้วโก่งได้รูปเลิกขึ้นอย่างยียวนเป็นที่สุด

ปิ่นนภาโดนจับได้คาหนังคาเขาว่าแค่หาเรื่องมาเจอลูกเจ้าของโรงพยาบาลก็หน้าเสีย เม้มปากแน่นก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ พูดกับคนตรงหน้าเสียงหวาน แต่แววตาแข็งกร้าวประกาศสงครามพร้อมแย่งอย่างชัดแจ้ง

“เป็นเรื่องภายในของโรงพยาบาลน่ะสิคะ เห็นจะไม่เหมาะหากฝากไว้กับคนนอก”

เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์สาวขยับสูทให้เข้าที่ ทำท่าจะสู้กับคนตรงหน้า แต่เอาเข้าจริงเบื้องลึกในใจก็คิดว่าถึงอย่างไรหล่อนก็ไม่มีทางข่มนคราได้

“เหรอคะ เพิ่งทราบนะคะว่านิคกี้เป็นคนนอกของพี่ฉัตร”

“ตราบใดที่ยังไม่แต่งงาน ก็น่าจะยังเป็นเช่นนั้นอยู่นะคะ”

ถึงแม้น้ำเสียงจะอ่อนหวาน แต่ริมฝีปากสีแดงสดที่คล้ำลงก็ทำให้นครารู้แจ้งแก่ใจว่าสตรีผู้นี้ไม่ยินดีสักนิดที่หล่อนจะก้าวมาเป็นสะใภ้ฉัตราวุธ คิดได้อย่างนั้นนคราก็ขำ ส่ายหน้าน้อยๆ ให้ตัวเอง ไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะมีใครอีกมากมายอยากได้ฉัตรบดินทร์ ใครจะไม่อยากมีสามีรูปหล่อ พ่อรวย แถมยังฉลาด มีอาชีพการงานเป็นที่นับหน้าถือตาในสังคมแบบนี้

“งั้นถ้ายังไม่ทราบ ก็ทราบไว้ซะด้วยว่าทุกตารางเซนต์ในโรงพยาบาลนี้ นิคกี้มีสิทธิ์ทุกอย่าง” ตาหวานกร้าวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

แต่อีกฝ่ายก็สวนกลับ “หึ ผู้หญิงที่ยังออกไปนั่งซบกับผู้ชายอื่นในที่สาธารณะน่ะหรือคะ จะมามีสิทธิ์อะไรที่นี่”

ได้ยินแบบนั้นนคราก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยว่าหล่อนไปทำอะไรแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไร แต่ยังไม่ทันได้ไขข้อข้องใจ เสียงแข็งของคนที่เป็นประเด็นร้อนก็ดังขึ้น

“มีอะไรกัน”

เป็นปิ่นนภาที่ได้สติก่อน รีบแสร้งทำหน้าน่าสงสารก่อนหันไปหาต้นเสียง

“เอ่อ...คุณหมอคะ” หญิงสาวยกมือไหว้เขา

อีกฝ่ายก็พยักหน้ารับแล้วไหว้ตอบ แต่ดวงตาคมกริบจ้องภรรยาแบบไม่พอใจอย่างมาก

“ปิ่นแค่จะมาหารือเรื่องงาน พอดีเจอคุณนิคกี้เข้า เธอเลยคาดคั้นให้ปิ่นบอกว่ามาทำไม”

นคราได้ยินแบบนั้นก็อยากอ้าปากตอบโต้ความกลับกลอกของปิ่นนภา ก่อนจะกอดอกยักไหล่ อยากรู้เหมือนกันว่าฉัตรบดินทร์จะว่าอย่างไร

“มีอะไรค่อยว่ากันละกันครับ ผมลาพักร้อนอยู่” ถึงจะมีทีท่าไว้ตัว แต่แววตาที่มองคนใต้บังคับบัญชาก็ยังอ่อนโยนกว่าที่มองภรรยาเมื่อครู่นี้

นคราอดเจ็บแปลบในอกไม่ได้ และถ่ายทอดความน้อยใจผ่านแววตาทันทีที่คนตัวโตสบตามา

“ผมเสร็จแล้ว กลับ” พูดจบฉัตรบดินทร์ก็หมุนตัวเดินนำออกไป ไม่รอนคราที่ยืนรับรอยยิ้มเย้ยหยันจากปิ่นนภาสักนิด

สาวสวยต้องกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามคนตัวโตมาจนทันรถหรูที่จอดอยู่หน้าโรงพยาบาล มีสารถีตัวโตทำหน้าไม่สบอารมณ์รออยู่ และออกรถอย่างเร็วทันทีที่หญิงสาวปิดประตูรถ

“โอ๊ย ช้าๆ สิคะ หัวนิคกี้เกือบกระแทก” นครามองเขาตาเขียวปั้ด มือบางยันคอนโซลหน้ารถไว้ไม่ให้ตัวเองเสียหลัก

แต่เจ้าของรถไม่ได้สนใจ ขบกรามแน่นก่อนจะเอ่ยเสียงดุ “วันหลังอย่าได้มาทำวางอำนาจในโรงพยาบาลผมอีก”

นคราถึงกับขอบตาร้อนผ่าว มาก็มาตอนปลายเหตุ แถมยังเข้าข้างคนอื่นมากกว่าหล่อน

“อ๋อ...ที่ทำหน้าเหมือนจะกินใคร เพราะไม่พอใจนิคกี้เหรอคะ” เจ็บจนใจร้าว แต่ไม่มีทางหรอกที่นคราจะแสดงความอ่อนแอให้เห็น ลางสังหรณ์และความรู้สึกหวิวโหวงในอกแม่นยำนัก เคยคิดว่าท่าทีอ่อนโยนเป็นกันเองของเขาจะอยู่ได้นานแค่ไหน แล้วก็เป็นอย่างที่คาด มันไม่ได้คงทนถาวร ไม่ได้เริ่มต้นกันใหม่อย่างที่เขาบอกเลย

“ใช่ ผมไม่พอใจมาก” ตาคมกริบเหลือบมองคนข้างๆ ก่อนจะกลับมาโฟกัสที่ถนนข้างหน้า เร่งความเร็วขึ้น แต่ก็ไม่ได้ทำให้นคราหวาดกลัว “มีสิทธิ์อะไรมาเบ่งใส่ลูกน้องผม ต่อให้พ่อกับแม่รักคุณมาก ยกสินสอด ยกหุ้นให้คุณ คุณก็ไม่มีสิทธิ์!”

เขาอุตส่าห์ตั้งใจจะเดินขึ้นไปรับนคราที่ห้องทำงานเอง เพราะเอ็นดูในความเข้าอกเข้าใจและความน่ารักอ่อนหวานที่มีต่อกันตลอดระยะเวลาที่แต่งงานกันมา แต่กลับพบว่าวันนี้ภรรยาเขาทำกิริยาไม่เหมาะสมใส่ลูกน้อง ประกาศตัวเป็นเมียเขา เตรียมออกโรงทำท่านักเลง คงอยากจะให้ทุกคนรู้เต็มแก่ว่าจับเขาได้อย่างที่ตั้งใจทำ 

และที่ทำให้เขาโกรธที่สุดก็เพราะไอ้ประโยคที่เพิ่งได้ยินนั่นแหละว่านคราไปทำท่าถึงเนื้อถึงตัวกับผู้ชายอื่นนอกบ้าน เพราะความโกรธ ความผิดหวัง ทำให้ฉัตรบดินทร์ลืมหมดสิ้นว่าทุกคนบอกว่านครารักเขา นอกจากนั้นความรู้สึกฉ่ำหวานที่มีในช่วงสามวันก็หายไปจากใจทันที

“ต่อให้มีทะเบียน ต่อให้ผมต้องพาคุณออกงานให้คนทั้งโลกรับรู้ ก็ไม่มีสิทธิ์มาทำตัวเป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่ เป็นนักเลง เก็บนิสัยแบบนั้นไว้ทำกับลูกน้องคุณเถอะ” พูดจบก็กระแทกเบรกดับเครื่องยนต์แล้วเดินลงไปทันที

นคราเพิ่งรู้ตัวว่าตลอดทางที่เขาอาละวาดใส่หล่อนจวบจนตอนนี้ก็ถึงเรือนหอพอดี หญิงสาวค่อยๆ เปิดประตูลงจากรถ ขาสั่นเล็กน้อย แต่ก็ยังควบคุมอาการได้ดี เห็นเงาในห้องรับแขกด้านล่างไวๆ และพบว่าฉัตรบดินทร์ยืนพูดกับใครอยู่จึงหยุดดู แล้วก็พบว่าสามีหันหลังกลับด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์กว่าเคย

“หึ แต่งงานยังไม่ครบอาทิตย์ก็มีผู้ชายมาหาถึงบ้าน” ความระแวงผุดขึ้นในใจ คิดว่าผู้ชายคนนี้จะใช่คนที่ปิ่นนภาหมายถึงหรือเปล่า

“ตกลงที่อยากแต่งนักหนานี่เพราะอะไร คิดคำตอบได้แล้วช่วยไปบอกด้วยนะ” ชายหนุ่มขบกรามแน่น แต่สีหน้านิ่งเรียบ “เชิญรับแขกตามสะดวกเถอะ ผมจะทำงานในห้องหนังสือ ไม่รบกวนเวลาหรอก”

ชายร่างสูงใหญ่เดินพ้นไป นครายังไม่ทันได้ปริปากพูดอะไรก็เห็นว่าแขกที่มาพบไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นพลพัฒน์เพื่อนสนิทของพี่ชายที่เป็นเพื่อนรักของตนเองด้วย

“พอล มาทำไม มีอะไรหรือเปล่า” หล่อนแปลกใจไม่น้อยเมื่อคนมีโลกส่วนตัวสูงอย่างคนเลือดผสมตรงหน้ามาหาถึงเรือนหอโดยปราศจากการบอกกล่าว

ด้านคนหล่อที่หลงรักเขาอยู่ข้างเดียวก็มองหญิงสาวนิ่งๆ มาก็เพราะห่วง เพราะคิดถึง เพราะอยากเห็นกับตาว่าคนตรงหน้าสบายดี ตั้งใจว่าหากทุกอย่างโอเคเขาก็จะได้กลับอย่างสบายใจ แต่จากที่เห็นเมื่อครู่นี้สงสัยเขาคงต้องคอยดูแลนคราไปอีกพักใหญ่

“แวะมาดู ตั้งใจจะชวนไปทานข้าวกับหนาม เห็นเขานัดระวีไว้” จริงๆ สองคนนั้นคงไม่อยากให้เขาไปด้วยเท่าไร แต่คงเห็นพลพัฒน์เหลือตัวคนเดียวเลยออกปากชวนไปด้วยอย่างเสียไม่ได้ “ผมว่านิคกี้ไปเคลียร์กับเขาก่อนดีไหม เดี๋ยวผมรอ”

นคราได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้ารับ พลพัฒน์รู้จักหล่อนดีว่าชอบจัดการเรื่องไม่สบายใจให้จบสิ้น

“งั้นรอแป๊บนะ ไม่นานหรอก”

 

นคราเคาะประตูไม้เนื้อดีแค่สองครั้ง ไม่รอให้เจ้าของห้องอนุญาต ก่อนจะก้าวด้วยความมั่นใจเข้าไปในห้องทำงานที่คนร่างสูงใหญ่ก้มหน้าอ่านเอกสารอะไรอยู่

“ใครอนุญาตให้เข้ามา”

“ไม่มีค่ะ” น้ำเสียงเอาเรื่องไม่ต่างกัน

ฉัตรบดินทร์ระอา ถอดแว่นออกแล้วมองหน้านคราที่ยืนอยู่กลางห้องด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก

“ถามอะไรอย่างได้ไหมคะ”

คุณหมอใหญ่พยักหน้า หงุดหงิดเรื่องที่ทำงานไม่พอ ยังต้องมาเจอผู้ชายที่มองหน้าก็รู้ว่ารักเมียเขามาเฝ้าถึงบ้านอีก แม้ว่าจะไม่พอใจปิ่นนภา รู้บ้างแล้วว่าตัวเองใส่อารมณ์ เอาทุกเรื่องมาผสมกันเกินไป แต่พอนึกถึงประโยคสุดท้ายของลูกน้อง คุณหมอรูปหล่อก็พาลพาโลไปหมด

“พี่ฉัตรไม่คิดจะถามนิคกี้หน่อยเหรอคะว่าที่โรงพยาบาลเกิดอะไรขึ้น”

“ทำไมต้องถาม” หน้าหล่อไม่แสดงอาการ ถึงจะรู้ว่าตัวเองเป็นคนผิดที่ไม่ซักไซ้ถึงต้นสายปลายเหตุ แต่ก็ทำหน้านิ่งเหมือนที่เคยเป็นมา “ก็ได้ยิน ได้เห็นหมดแล้ว”

เขาพูดเพราะโมโหเรื่องอื่น เลยรวนมันเสียทุกอย่าง เมื่อครู่พอมานั่งคิดดีๆ ก็พอรู้หรอกว่าปิ่นนภาคงจะทำท่าทางอะไรให้นคราของขึ้น รู้อยู่แก่ใจว่าลูกน้องสาวสวยมีใจให้เขาเกินเจ้านายลูกน้อง แต่เขาก็ถือคติว่านิ่งเสียมาตลอด แต่เมื่อเห็นเหตุการณ์เมื่อบ่ายก็อดไม่พอใจไม่ได้ที่นคราไม่วางตัวให้เป็นผู้ใหญ่ ให้สมกับที่เป็นภรรยารองผู้อำนวยการโรงพยาบาล เป็นสะใภ้คนเดียวของฉัตราวุธ แต่กลับทำตัวเหมือนพวกเด็กเกเรหาเรื่องคนอื่นไปทั่ว จนพานคิดฟุ้งซ่านไปว่าสาวสวยตรงหน้าแค่อยากได้เขา อยากจับเขาอย่างที่เขาคิดตั้งแต่แรก

“แล้วพี่ฉัตรทำแบบนั้น คิดจะให้เกียรตินิคกี้ในฐานะเมียบ้างไหมคะ”

ไม่ใช่แค่เมียตีทะเบียน แต่บทรักเร่าร้อนอ่อนหวานเมื่อสองคืนที่ผ่านมาทำให้หล่อนเป็นเมียเขาอย่างสมบูรณ์ในทุกความหมาย

“ก็เมีย ก็เท่านั้น” คนตัวโตยังไม่แสดงอาการใดๆ ทั้งที่ในใจคิดไปล้านแปด

ถามมาได้ว่าเห็นหล่อนเป็นเมียบ้างไหม แล้วตัวเองล่ะ แต่งงานได้ไม่กี่วันก็มีผู้ชายแล่นมาเฝ้าถึงเรือนหอ เห็นหัวคนเป็นผัวอย่างเขาบ้างหรือเปล่า ความโกรธ ความหึง ความหงุดหงิด จัดการกับความรู้สึกตัวเองไม่ถูก ทำให้หมอฉัตรบดินทร์ลืมเลือนไปว่านคราไม่เคยเป็นของใครก่อนจะมาถึงเขา

“ตัวเองล่ะ รู้ไหมว่าผัวนั่งอยู่ตรงนี้ ถึงมีผู้ชายตามมาหาถึงบ้าน หรือมันก็มีสิทธิ์พอกับผม”

นคราถึงกับหน้าชา น้ำตาร่วงทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น ความรักที่หล่อนมีให้เขาตลอดมา มั่นคงต่อเขาเพียงคนเดียวตั้งแต่รู้จักคำว่ารัก เป็นของเขาคนเดียว ไม่ได้ทำให้เขารับรู้ใช่ไหมว่าหล่อนไม่เคยให้ใครมีสิทธิ์แบบเขา

“พี่ฉัตรไม่รู้จริงๆ หรือคะ ว่านิคกี้รักแต่พี่ฉัตรคนเดียว มีพี่ฉัตรคนเดียว” เสียงหวานที่เคยเปล่งออกมาอย่างมั่นใจสั่นเครือแบบที่เจ้าตัวก็ไม่อยากเชื่อว่านั่นคือเสียงของตัวเอง ก่อนฝืนถามทั้งๆ ที่คิดว่ารู้คำตอบ “พี่ฉัตรไม่รักนิคกี้บ้างเลยเหรอ”

“อย่าหวังสูง ผมไม่โง่ไปรักผู้หญิงที่ทำเรื่องต่ำช้า จับผู้ชายแต่งงานหรอก ผมแต่งเพราะรับผิดชอบการกระทำของตัวเอง แต่ผมไม่ได้รับผิดชอบคุณ”

“แล้วที่ ...” เสียงหวานขาดช่วง สวมบทเป็นคนเข้มแข็งไม่ไหว แต่ยังไม่อ่อนให้เขาเห็น ถึงแม้น้ำตาจะไหลนองหน้าแล้วก็ตาม

“ที่เอากันเมื่อวานน่ะเหรอ ผู้ชายที่ไหนก็เอา" ฉัตรบดินทร์ทำเป็นลืมไปว่าคนที่เขาได้ครอบครองบริสุทธิ์ผุดผ่องชวนหลงใหลขนาดไหน รู้แค่ว่าเมื่อเช้าเขาแทบไม่อยากผละจากเนื้อหอมๆ ไม่อยากกลับจากเขาใหญ่เลย "อีกอย่าง สินสอดเป็นร้อยเป็นพันล้าน คนอย่างผมก็ต้องถอนทุนคืนกันหน่อย”

นคราสูดลมหายใจเรียกสติ เงยหน้าสวยขึ้นให้น้ำตาไหลกลับคืน สวมบทคุณหนูผู้เย่อหยิ่งแบบที่เขาตราหน้า ไหนๆ ก็พูดกันขนาดนี้ หล่อนคงต้องบอกตัวเองให้ค่อยๆ ถอยออกมาเสียที ผ่อนส่งความเจ็บทีละนิด ตัดใจไปเสียดีกว่า หล่อนข่มตาลืมความฝันหวานๆ ตลอดสามวัน บอกตัวเองว่าทุกอย่างที่เขาทำ ที่เขาพูดก็เป็นเพราะความอยากได้ของผู้ชายคนหนึ่ง

“นิคกี้ไม่คิดเลยว่าพี่ฉัตรจะหน้าเลือดแบบนี้” คนที่บังคับตัวเองให้ปากดีทำเป็นตอบโต้ ทั้งที่จริงๆ สั่นไปหมด ขาหมดแรงตั้งแต่ได้ยินประโยคเห็นแก่ตัวจากเขา

อีกคนก็ตอบกลับมาแบบไม่สนใจว่าใครจะเสียใจอย่างไร พูดทั้งๆ ที่ก้มอ่านเอกสารต่อ ไม่สบตา

“อย่าลืมสิ นอกจากหมอ ผมยังต้องเป็นผู้บริหารด้วย ดังนั้นอะไรที่เป็นของผม ผมไม่ทิ้งไว้ให้ตัวเองขาดทุนหรอก”

“ถ้ารู้แบบนี้ก็ดี งั้นนิคกี้ขอตัวค่ะ”

 

หญิงสาวหมุนตัวแล้วก็ตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นว่าเมื่อครู่หล่อนไม่ได้ปิดประตูห้องให้สนิท และพลพัฒน์ผลักประตูบานใหญ่เข้ามาแล้ว หนุ่มเลือดผสมสบตาหวานอยู่ครู่หนึ่ง อ่านภาษากายที่หล่อนสื่อสารกับเขาออก ก่อนจะปล่อยให้นคราเดินสวยออกไป ส่วนตัวเองยืนมองผู้ชายที่ไม่ใช่ลูกผู้ชายตรงหน้า

“ลุกขึ้นมาคุยกับผมหน่อย คุณหมอ”

น้ำเสียงเอาเรื่องเรียกให้ฉัตรบดินทร์เงยหน้าจากงานตรงหน้า แปลกใจไม่น้อยเมื่อคู่สนทนาของเขาเปลี่ยนจากภรรยาเป็นไอ้หน้าตัวเมียรูปหล่อนี่ในเวลาอันรวดเร็ว ชายร่างสูงไม่ปฏิเสธคำเชิญ ลุกอ้อมโต๊ะทำงานออกมายืนประจันหน้ากับอีกฝ่ายทันที ยังไม่ทันได้ตั้งตัวนัก อีกคนก็ผรุสวาทใส่เขาแบบไม่ยั้ง

“คุณมันเหี้ย คุณหมอ” พลพัฒน์ชี้หน้าฉัตรบดินทร์ เสียงก็ดังจนเรียกได้ว่าตวาด ปกติเขาไม่ยุ่ง ไม่แสดงความเห็นเรื่องใดๆ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับความรักของไอ้หมอนี่กับนครา แต่จากที่เขาได้ยินเมื่อครู่ เห็นแววตาเจ็บช้ำของนคราเมื่อกี้ ชายหนุ่มก็ปล่อยให้สาวน้อยของเขาจัดการตามอำเภอใจต่อไปไม่ได้อีกแล้ว

“เธอไม่เคยคิดจะจับคุณ เธอรักคุณมาก รักจนแบกความระยำที่คุณทำไว้คนเดียว เก็บทุกความเสียใจที่มีภายใต้หน้ากากน้ำแข็งนั่นแหละ”

คนที่เพิ่งเห็นแสงสว่างรับรู้บางสิ่งได้ แต่ยังไม่อยากยอมรับความจริง จึงขมวดคิ้วถามหลายเรื่องที่ยังค้างคาตกตะกอนในหัวใจ

“นี่เหรอไม่คิดจับ มอมยาจนผมต้องแต่งงานด้วยเนี่ยนะ คนดี ผู้หญิงดีๆ ที่ไหนเขาทำตัวแบบนี้กันบ้าง”

คนกระด้างไม่วายยึดความเชื่อเดิม ทั้งๆ ที่ทุกคนยืนยันว่านครารักเขากว่าใคร จนพลพัฒน์อยากตบให้ความโง่กระเด็นออกจากหัว

‘คนเป็นหมอแม่งไม่ต้องวัดไอคิวกันก่อนเหรอวะ’

“นิคกี้ไม่เคยทำคุณ ผมเป็นคนใส่ยา เพราะไม่ได้นอนมาหลายคืน” พลพัฒน์อธิบายแค่นั้น ไม่จำเป็นต้องพูดถึงสาเหตุว่าทำไมคนแบบเขาต้องกินยานอนหลับเคล้าแอลกอฮอล์แบบนั้น ไอ้หมอหน้าหล่อนี่เป็นคนนอก เข้ามาในชีวิตเขาได้เพราะนครารักจะเป็นจะตายก็แค่นั้น “เธอวิ่งไปขอให้คุณเปลี่ยนแก้วด้วยซ้ำ แต่คุณไม่ยอม จำได้ไหม”

ภาพเหตุการณ์วันที่เป็นจุดกำเนิดของเรื่องผุดขึ้นมาในความทรงจำ

“ส่วนเรื่องแต่งงาน นิคกี้เป็นคนออกปากบอกแด๊ดตั้งแต่วันแรกที่ถึงเมืองไทย ว่าอย่าบังคับคุณ เธออยากให้คุณรักเธอเอง พูดแม้กระทั่งว่า ถ้าอยู่ใกล้กันแล้วคุณไม่อยากแต่งก็ให้ปล่อยคุณไป แต่คุณโยนความผิดใส่หน้าเธอ ว่าเธอทำเรื่องเหี้ยๆ กับคุณ” พลพัฒน์ส่ายหน้าอย่างระอาเมื่อนึกถึงน้ำตาของนครา จนต้องยอมละความตั้งใจเดิม นครายอมให้ฉัตรบดินทร์ทำร้ายมามากเกินไป

“คุณทำให้นิคกี้ที่สดใสของผมหายไป คุณรู้ไหม กับคุณเท่านั้นที่ทำให้เธอต้องหม่นหมองแบบนั้น เธอเก็บ ไม่พูด ไม่ร้องไห้ ทั้งๆ ที่เป็นคนเปิดเผย น่ารัก ขี้อ้อน เพราะไม่อยากให้คุณรู้ว่าคุณทำเธอเจ็บ”

ยิ่งฟังประโยคเหล่านั้นจากผู้ชายอื่นก็ยิ่งทำให้ฉัตรบดินทร์ใจเสีย ทำไมเขาจะไม่รู้ว่านคราเป็นคนอย่างไร เขาเห็นหล่อนมาตั้งแต่เกิด เล่นด้วยมาตั้งแต่อีกคนจำความได้

“ดังนั้น ถ้าคุณคิดว่าให้ตายยังไงก็ไม่รัก แต่งเสร็จแล้วผมขอนิคกี้คืน ต่อให้เธอไม่รักผม แต่เธอจะไม่มีวันร้องไห้เพราะผม”

ฉัตรบดินทร์รู้สึกเหมือนโดนใครเอาถาดวางอุปกรณ์ผ่าตัดฟาดซ้ำๆ หลายที เขารู้แก่ใจดีมาตลอดว่านครารักเขา แต่ที่ไม่เคยรู้เลยคือสิ่งที่หญิงสาวเป็นอยู่ไม่ใช่ตัวเอง บุคลิกไม่น่ารัก ท่าทางหยิ่งยโสกวนโทสะ ถามคำตอบคำ ขาดความอ่อนหวานจนกลายเป็นแข็งกระด้าง สิ่งเหล่านั้นคือฉากป้องกันตัวเองจากความใจร้ายของเขา และคนที่โตจนเกือบจะแก่ก็ต้องยอมรับว่าสิ่งที่เขาทำกับนครานั้นห่างไกลคำว่าใจดีมาก ทั้งคำพูดและการกระทำแย่จนเกือบจะเรียกว่าไร้มารยาทเลยทีเดียว

ชายหนุ่มหัวเราะอย่างสมเพชตัวเอง ก่อนแสยะยิ้มแล้วส่ายหัว นี่ใช่ไหมที่ถามตัวเองมาตลอดว่าอะไรทำให้สาวน้อยขี้อ้อนที่เขาเคยเห็นกลายเป็นคนไม่น่ารักแบบนี้ คำตอบที่ได้อยู่ไม่ไกลเลย เขาเองนี่แหละคือต้นเหตุของทั้งหมด

ส่วนพลพัฒน์เห็นอีกฝ่ายนิ่งไปเนิ่นนานก็อดรนทนไม่ได้ นึกถึงประโยคที่เขาได้ยินซึ่งมันน่าจะบาดหูลึกถึงหัวใจ

"แล้ววันนี้คุณแม่งยังพูดแบบนี้ใส่เธออีก ผมพูดเลยนะ ผมไม่แปลกใจแน่นอนถ้าเธอยกเลิกการแต่งงานกับคุณ"

“ก็ไหนบอกว่าเธอรักผม” คนรู้ใจตัวเอง มั่นใจในตัวเองยังตะแบง ต่อให้เขาไม่รัก แต่นคราเป็นของเขา เป็นเมีย เป็นคนที่จะมีงานแต่งงานประกาศให้คนทั้งประเทศรู้ในอีกไม่กี่วัน ยังไงเขาก็ทนไม่ได้ที่อยู่ดีๆ มีผู้ชายมาขอรับเมียเขาไปดูแล เมียที่เขาเองก็รักมาตลอด

“ความรักกับความอดทนมันไม่สัมพันธ์กันนะคุณหมอ” พลพัฒน์แสยะยิ้ม “ต่อให้เธอรักคุณ แต่เชื่อผมสิ ความอดทนที่นิคกี้มีมันน้อยลงทุกวันแล้วแน่ๆ”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น