14

บทที่ 14


 

14

 

“คุณนิคกี้ล่ะ” ฉัตรบดินทร์นั่งลงบนเก้าอี้ข้างโต๊ะอาหารขนาดสิบสองที่นั่งในเรือนหอ หลังจากแม่บ้านที่คุณหญิงสรวงสุดาถ่ายโอนมาให้จากตึกใหญ่เข้ามาบอกว่าตั้งโต๊ะอาหารมื้อเย็นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“คุณนิคกี้ออกไปกับเพื่อนนี่คะ” แม่บ้านที่เห็นคุณหมอมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกบอก “หิ้วกระเป๋าเดินทางไปด้วย บอกป้าดิบดีว่าเดี๋ยวเจอกัน นี่คุณฉัตรไม่รู้เหรอ”

คนตัวโตที่ตั้งท่าจับช้อนถึงกับทิ้งอุปกรณ์รับประทานอาหาร ไม่อยากเชื่อว่านคราจะกล้าถึงขั้นออกไปกับพลพัฒน์ ที่สำคัญ...กล้าหิ้วกระเป๋าออกไปกับผู้ชายอื่น หน้าหล่อแดงก่ำด้วยความโกรธ ตบกระเป๋ากางเกงหาโทรศัพท์มือถือ ตั้งใจจะโทร. อาละวาดหล่อนให้รู้ดำรู้แดงกันไปข้าง ก่อนจะพบว่าตัวเองทิ้งโทรศัพท์มือถือไว้ในห้องทำงาน นึกได้ดังนั้นก็ลุกขึ้นจนเก้าอี้สะบัดออกดังครืน ทำเอาสาวใช้ที่จะเข้ามาบริการสะดุ้งเฮือก

“โอ๊ย ลุกให้มันเบาๆ ค่ะ โตจนป่านนี้ยังทำอะไรเสียงดัง โวยวายเป็นเด็กๆ นี่ถ้าคุณหญิงเห็นต้องโดนดุแน่ๆ” สมจิตกล้าปรามคนดุเพราะเลี้ยงมาตั้งแต่เกิด ไม่กลัวที่จะสั่งสอนคุณหมอตัวโต

“แล้วนี่จะไปไหน ไม่ทานข้าวหรือไงคะ” ตะโกนไล่หลังไปก็เท่านั้น เพราะหนุ่มหล่อกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไป ไม่สนแม่บ้านเก่าแก่ที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่เกิด

 

ฉัตรบดินทร์เดินดุ่มๆ กลับเข้ามาในห้องทำงาน ไม่สนใจที่จะตอบคำถามใคร คว้าโทรศัพท์ได้ก็ตั้งท่าจะกด แต่ดันเห็นชื่อน้องสาวแสดงขึ้นที่หน้าจอเป็นสายเรียกเข้า คิ้วเข้มขมวดเป็นปมด้วยความไม่สบอารมณ์ทันที แต่ก็จำใจกดรับ

“ว่าไง ระวี” ไม่อยากรับโทรศัพท์น้อง อยากจะโทร. หาเมีย ตามเมียกลับบ้าน

“พี่ฉัตรเกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมนิคกี้ร้องห่มร้องไห้กลับมาบ้านแบบนี้” ฉัตรระวีแหวใส่พี่ชาย หล่อนกับนคเรศตั้งใจจะออกไปกินอาหารข้างนอกแล้วแท้ๆ แต่กลับได้รับข้อความจากพลพัฒน์ว่าให้รออยู่ที่บ้านก่อนเพราะกำลังพานคราที่จิตใจไม่สู้ดีเข้าไป

“นี่กลับมา ระวีชวนทานอะไรก็ไม่ทาน ทำหน้าจ๋อยเดินขึ้นบ้านฝั่งน้องไปแล้ว นี่ทะเลาะอะไรกันคะ เพิ่งแต่งงานกันสามวันเอง...” น้องสาวคุณหมอตั้งท่าจะบ่นอีกยืดยาว แต่กลับโดนพี่เมียคุณหมอแย่งโทรศัพท์ไป

“พี่ฉัตร” ถึงจะเรียกฉัตรบดินทร์ว่าพี่ แต่น้ำเสียงนคเรศเหมือนจะทอนความเคารพในตัวเขา “นี่มันอะไรกันครับ”

ฉัตรบดินทร์ไม่ตอบ ได้แต่ย้อนถามว่า “อยู่ที่บ้านกันใช่ไหม งั้นเดี๋ยวพี่เข้าไปรับเขาเอง หนามรอแป๊บนึง”

ชายหนุ่มหมุนข้อมือเพื่อดูเวลา “ไม่เกินยี่สิบนาทีเดี๋ยวพี่ไปถึง”

 

ไม่เกินเวลาที่บอกไว้รถเบนท์ลีย์สีเทาดำของนายแพทย์ฉัตรบดินทร์ก็เข้าจอดที่มุกหน้าบ้านของนคราช ชายร่างสูงใหญ่ก้มหัวรับการทำความเคารพจากลูกน้องนับสิบที่เรียงรายอยู่แถวนั้น ขณะหันซ้ายหันขวาอยู่ครู่หนึ่งเพราะไม่แน่ใจว่าควรเดินไปบ้านฝั่งนคราหรือฝั่งนคเรศดี สาวใช้ที่พอคุ้นหน้าก็เดินออกมาไขข้อข้องใจให้เขา

“คุณหมอคะ คุณหนามให้มาเชิญค่ะ”

เขยของบ้านพยักหน้ารับคำ ถึงแม้ในประโยคจะบอกว่าลูกชายเจ้าของบ้านเป็นคนเชิญ แต่ทางที่กำลังไปคือพื้นที่ส่วนตัวของภรรยาเขา เมื่อแม่บ้านคนเดิมกดรหัสนิรภัยได้ก็ผายมือให้ชายหนุ่มเข้าไปเอง เพราะทายาทคนโตและแขกอีกสองนั่งอยู่ในส่วนรับแขกที่คุณหมอรูปหล่อจะเห็นได้ชัดอยู่แล้ว ซึ่งทั้งสามต่างขยับเนื้อขยับตัวด้วยกิริยาแตกต่างเมื่อเห็นว่าคนมาใหม่เป็นใคร

“นิคกี้ล่ะ” ไม่พูดพร่ำทำเพลง ฉัตรบดินทร์ถามหาภรรยาที่ขยันหาเรื่องร้อนใจให้เขา โดยที่พี่เมียก็ทำท่าบุ้ยใบ้ขึ้นไปด้านบน แต่ยังไม่ยอมให้เขาขึ้นไปหาหญิงสาว

“คุยกันก่อนครับพี่ฉัตร” คนกำยำแบบฝรั่งนั่งกอดอก นคเรศอยู่ในชุดง่ายๆ เสื้อยืดโปโลสีดำ กับกางเกงสแล็กส์ยีนสีกากี มีโลเฟอร์เปิดส้นแบบใส่ในบ้านติดเท้าอยู่ ดูสบายๆ แต่กลับมีรังสีแห่งอำนาจแผ่ออกมาเสียจนคนเป็นสามีน้องสาวต้องยอมนั่งลงตามคำบอก

“ว่าไงหนาม มีอะไร” ฉัตรบดินทร์ร้อนใจ อยากจะขึ้นไปจัดการภรรยาให้รู้เรื่อง รู้หรอกว่าอายุยังน้อย แต่ก็ไม่น่าทำตัวเด็กถึงขั้นหอบผ้าหอบผ่อนกลับบ้านทั้งๆ ที่เพิ่งแต่งงานได้ไม่กี่วันแบบนี้ ตาคมกริบปรายมอง พบทั้งน้องสาวเขา ทั้งคนที่ขโมยเมียเขาหนีอย่างพลพัฒน์นั่งอยู่

“พี่จำที่ผมบอกในวันแต่งงานได้ไหม”

แค่นั้นฉัตรบดินทร์ก็สะอึก ทำไมจะจำไม่ได้ ก็อีกฝ่ายบอกว่าถ้าเขาไม่รัก จะเอาน้องสาวกลับไปดูเอง แล้วตอนนี้ก็คงรู้แล้วด้วยสิว่าเมื่อบ่ายเขาพูดอะไรกับนครา เพราะไอ้ลูกครึ่งหน้าหล่อคงคาบมารายงานคนบ้านนี้เรียบร้อยแล้ว

“จำได้” อาจารย์หมอตอบเสียงไม่หนักแน่นเหมือนเวลาดุลูกศิษย์ หวั่นใจลึกๆ กับคำพูดที่จะได้ยินต่อจากนี้

“แล้วผมก็รู้สึกเหมือนว่าพี่รู้ตัวแล้วว่าไม่ได้รัก?” คนหน้าหล่อที่มีเค้าเหมือนนคราถาม ข้างๆ มีฉัตรระวีนั่งลูบขาเหมือนจะปลอบให้ลูกชายเจ้าพ่อใจเย็น

ฉัตรบดินทร์อดคิดไม่ได้ว่าสิ่งที่เขาเห็นตอนนี้มันแปลกๆ ฉัตรระวีควรมานั่งข้างเขาในฐานะน้องสาว แต่นี่อะไร ไปอยู่ข้างนคเรศเหมือนแปรพักตร์เป็นคนบ้านนี้ไปเสียแล้ว

“มันไม่ใช่แบบนั้น” จะให้พูดอย่างไรว่าที่พ่นออกไปทั้งหมดเพราะหึง หวง และยังจัดการกับความรู้สึกตัวเองไม่ได้ แถมไอ้คำถามที่ว่ารู้ตัวแล้วว่าไม่ได้รักนั่นอีก ความจริงต้องบอกว่าเขารู้ตัวแล้วว่ารักต่างหาก

“เอาเป็นว่า พี่ขอคุยกับนิคกี้ก่อน เรื่องที่เราเคยคุยกันก็ให้มันเป็นไปตามกำหนดเดิม อย่าลืมว่าพี่สองคนเพิ่งอยู่ด้วยกัน ต้องใช้เวลาปรับตัวกันบ้าง”

เมื่ออีกฝ่ายพูดแบบนี้ นคเรศก็พยักหน้ารับ ไม่ใช่ว่าพอใจหรือวางใจ แต่อยากวัดใจฉัตรบดินทร์ว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร ซึ่งรับประกันได้เลยว่าหากครบกำหนดตามที่เขาเคยเอ่ยแล้วนครายังน้ำตาเช็ดหัวเข่าอยู่แบบนี้ ต่อให้เขานับถือคุณหมอตรงหน้ามากแค่ไหน ทว่าแม้แต่ความเป็นเพื่อนร่วมโลกเขาก็จะไม่มีเหลือให้

“ถ้าพี่ว่ายังงั้น ผมก็จะเคารพคำพูดพี่ แต่ถ้าวันนั้นมาถึงแล้วมันยังเป็นแบบนี้อยู่ พี่ช่วยเคารพคำพูดผมด้วย” พูดจบนคเรศก็คลายแขนที่กอดอกออก วางมือลงบนมือบางของฉัตรระวี ตบสองสามทีก่อนบอกเสียงอ่อน

“ระวีคะ พาพี่ชายระวีขึ้นไปหานิคกี้ไป ให้ผัวเมียเขาเคลียร์กันเอง ส่วนเราสามคนออกไปหาอะไรทานกันตามแผนเดิมดีกว่า พี่หิวแล้ว”

นัยน์ตาวิบวับของนคเรศทำเอาพลพัฒน์แทบหลุดขำ ปากมันบอกหิวข้าว แต่ตามันหิวอย่างอื่นชัดๆ

ฉัตรระวีเจอท่าทางแบบนี้ก็ได้แต่ค้อนลมค้อนแล้ง พูดมาหลายวันว่าอย่ามาทำอะไรประเจิดประเจ้อแบบนี้ เพราะยังไม่พร้อมจะตอบคำถามใครทั้งสิ้น แต่อีกฝ่ายก็ไม่ฟัง ตั้งท่าใส่เกียร์หมาเข้าหาหล่อนตลอดเวลา แต่สาวสวยเปรี้ยวเฉี่ยวก็ยอมลุกขึ้นเดินนำพี่ชายร่วมสายเลือดขึ้นไปยังห้องพักของนคราแต่โดยดี จนมาหยุดยืนกันอยู่หน้าห้องนอนใหญ่ของปีกนี้เรียบร้อย ชายหนุ่มก็ทำท่าจะหมุนลูกบิดประตู ทว่าน้องสาวกลับรั้งต้นแขนไว้

“พี่ฉัตร ระวีขอพูดอะไรหน่อย”

หน้าหล่อไม่สบอารมณ์ แต่ก็ยอมฟังแต่โดยดี

“ผู้หญิงเป็นเพศที่ประหลาดมากนะพี่ฉัตร ถ้ารักก็จะยอมทำทุกอย่างเพื่อคนรัก แต่ถ้าวันนึงที่เราเจ็บเพราะคนที่เรารัก เราก็สามารถทำตัวเหมือนไม่รักเขาได้ทั้งๆ ที่จะขาดใจ หรือถ้าแย่ที่สุด ผู้หญิงอย่างเราก็ยอมเฉือนหัวใจตัวเอง ดีกว่าทนเจ็บเรื่องเดิมซ้ำๆ ไปเรื่อยๆ” ฉัตรระวีเว้นระยะหายใจ

“แล้วนิคกี้ที่ระวีรู้จักก็อยู่ในจำพวกผู้หญิงใจเด็ด ระวีเชื่อว่าถ้าวันนึงเขารู้สึกเหมือนถูกดันไปไว้ที่ขอบเหว เขาจะตัดสินใจโดดเอง ไม่รอให้ใครผลัก พี่ฉัตรอยากให้มันเป็นแบบนั้นเหรอ”

คราวนี้คุณหมอส่ายหน้าโดยอัตโนมัติ ไม่...เขาไม่มีทางปล่อยนคราไปแน่ๆ

“ระวีรู้ว่าพี่ฉัตรอาจจะไม่รู้จะทำยังไงกับนิคกี้ คนไม่เคยคบ ไม่เคยเรียนรู้กันมาก่อน แต่ระวีเชื่อว่าในความสัมพันธ์แปลกๆ ของพี่สองคน มันมีพื้นฐานความรักรองรับอยู่ ลองใช้หัวใจแทนสมองบ้าง แล้วก็ลองพูดอย่างที่ใจรู้สึกบ้าง ไอ้หน้านิ่งเสียงดุ เก็บไว้ใช้กับลูกศิษย์เถอะค่ะ” พูดจบฉัตรระวีก็เดินลงบันไดไป ไม่ให้พี่ชายที่แก่กว่าเป็นสิบปีอย่างเขาได้แก้ต่างอะไร 

ฉัตรบดินทร์มองตามน้องสาวครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับมาเปิดประตูโดยไม่เคาะ แต่กลับพบว่าห้องนอนกว้างที่เขาเคยใช้เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเมื่อวันแต่งงานมืดสนิท มีเพียงไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศพุ่งออกมา คนร่างหนาเดินเข้าไปอย่างรู้ทาง แม้จะมาเพียงครั้งเดียว แต่เขาก็จดจำรายละเอียดทุกอย่างได้แม่นยำ นายแพทย์หนุ่มเอื้อมมือไปเปิดประตูห้องนอนที่แยกไว้เป็นสัดส่วนจากห้องนั่งเล่นอีกที ก่อนจะได้ยืนเสียงสะอื้นกับเงารางๆ บนเตียงขนาดคิงไซซ์

“ไม่กินไงพี่ระวี ไปกันเถอะ นิคกี้อยากนอน” นคราบอกด้วยความรำคาญเพราะมั่นใจว่าคนที่เข้ามารุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวคือพี่สาวที่รักเหมือนเพื่อนสนิท ไม่รู้เลยว่าคนมาใหม่คือคนที่หล่อนเพิ่งหนีมา กว่าจะรู้ก็ตอนที่เขาทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงนุ่ม กดเปิดไฟหัวเตียงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“พี่ฉัตร” เสียงหวานดังขึ้นด้วยความตกใจ หน้าตาเหยเก หรี่ตาหนีแสงสว่าง

ในขณะที่ฉัตรบดินทร์ใจหายวาบ ขนาดไฟน้อยแค่นี้ยังเห็นว่าตาหวานบวมแดงก่ำเพราะผ่านการร้องไห้อย่างหนัก ยังไม่ทันได้ทำอะไรนคราก็นั่งพิงหัวเตียง ใช้มือข้างที่มีแหวนแต่งงานเช็ดน้ำตาและลูบผมเผ้าให้เข้าที่ทันที

“หนีมาทำอะไรที่นี่” หน้านิ่ง แต่เสียงอ่อน ชายหนุ่มพยายามแล้ว แต่ทำได้เท่านี้ เลยได้แต่บอกตัวเองในใจว่าค่อยๆ พัฒนาไปทีละอย่าง

“ทำอะไรเป็นเด็กๆ คิดว่าหนีแล้วต้องมาตามหรือไง” ถามทั้งที่ตัวเองก็แจ้นตามมาจริงๆ

ส่วนคนที่น้อยใจเสียใจกลับไม่ได้รับรู้ เพราะเจ็บจนมองความรู้สึกอื่นไม่เห็น มือบางผลักร่างหนากะให้เขาลุกไปให้พ้นเตียง แหวเสียงไม่เบา ไม่มีความคิดที่จะต้องทำตัวน่ารักใส่เขา ก็ในเมื่อตั้งใจรักแค่ไหนอีกฝ่ายก็ไม่รักตอบ

“ใช่สิ เพราะพี่ฉัตรคิดว่านิคกี้วิ่งตามตลอดใช่ไหม ถึงตั้งหน้าตั้งตาวิ่งหนี ไม่ฟังอะไรมาตลอด นิคกี้จะอ้าปาก จะหายใจก็เป็นคนผิดคนแย่ไปหมด แล้วพอวันนี้นิคกี้จะหนีพี่ฉัตรบ้าง พี่ฉัตรจะมารั้งนิคกี้หาอะไร!”

“อย่ามาตะโกนใส่พี่นะนิคกี้ พี่มาพูดกับเราดีๆ ไม่ได้มาชวนทะเลาะ”

คนตัวโตส่ายหัวทำท่าอ่อนใจ มีเมียเด็ก แถมเป็นเมียเด็กที่ดื้อแสนดื้ออีกต่างห่าง ไอ้นักเรียนที่ว่าป่วนที่ว่าดื้อ น่าจะไม่ได้ครึ่งของเมียเขาเลยด้วยซ้ำมั้ง

“อ่อ...ตอนนี้กลายเป็นว่านิคกี้ชวนพี่ฉัตรทะเลาะ เอาสิคะ เด็กไม่ดีอย่างนิคกี้ เคยไม่สนใจยังไงก็ทิ้งขว้างไว้แบบนั้นแหละค่ะ”

เพราะความน้อยใจบังตา นคราเลยไม่ได้สังเกตว่าฉัตรบดินทร์ใช้คำว่าอะไรแทนตัวกับหล่อน ความห่างเหินระหว่างการสนทนาที่นคราเคยน้อยใจมาตลอดโดนคนตัวโตทำลายเสียสิ้นซาก

“อย่ามารวนกับพี่นะ...พี่เป็นสามีเรา ให้เกียรติพี่บ้าง จะดื้อ จะโมโหอะไรก็ทำแต่พอดี”

คนโตกว่าอดที่จะสอนอีกฝ่ายไม่ได้ ยอมรับว่าเรื่องปิ่นนภาเป็นเรื่องเล็กน้อย รู้อยู่แก่ใจว่าอาการร้อนรุ่มของตัวเองมีสาเหตุมาจากผู้ชายหน้าหล่อที่ชื่อพลพัฒน์

“หึ ไม่ให้เกียรติเหรอคะ แล้วที่พี่ฉัตรทำกับนิคกี้ที่โรงบาลเรียกว่าให้เกียรติเหรอ” ยิ่งพูดก็ยิ่งเสียใจ “ถ้านิคกี้มันแย่ขนาดนั้นก็ไม่ต้องแต่ง!

ฉัตรบดินทร์หน้าชา ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีใครมาทำให้ใจร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่มได้แบบนี้ รับรู้มาพักใหญ่ว่าตาที่ไม่เคยมองใคร คอยแต่จะสอดส่องหานคราคนนี้ คนที่เขาบอกทุกคนมาตั้งแต่ต้นว่าสร้างความวุ่นวายให้เขาเหลือเกิน มือที่ไม่เคยอยากจับอะไรนอกจากมีดผ่าตัด ตอนนี้กลับอยากจะรั้งคนตัวบางมาไว้ในวงแขนแล้วรัดแน่นๆ ไม่ให้ไปไหน แต่ทำได้เพียงพูดว่า

“มาถึงขั้นนี้ พี่ไม่ใช่เด็กเล่นขายของ พี่ไม่ยกเลิกงานแต่งหรอก แถมเรายังมีอะไรกันแล้ว ใครที่ไหนมันจะมาเอาต่อ ทะเบียนก็จดแล้ว อย่ามาบ้าออกฤทธิ์อะไรตอนนี้นะ”

“ถ้าอย่างนั้น พี่ฉัตรก็จำไว้เลยว่าพี่จะไม่มีวันได้อะไรจากนิคกี้อีก ไม่ว่าจะเป็นตัวหรือหัวใจ”

ไอ้ใจที่ร่วงไปที่ตาตุ่มกลับวูบหนักเหมือนโดนเหยียบซ้ำ เมื่อเห็นแววตาเอาจริงของนคราตอนพูด จนเกิดแรงฮึด แรงหวง ให้ตายเขาก็ไม่ปล่อยอีกฝ่ายไปแน่ๆ

“ลองดูละกัน ลืมไปหรือเปล่าว่าพี่น่ะเป็นหมอหัวใจ”

หญิงสาวที่ของขึ้นเต็มที่จำต้องหันหน้าไปมอง เห็นแววตาที่ไม่เคยพบเคยเจอจากเขา อดเสียววาบในช่องท้องไม่ได้

“หมายความว่าไง” เสียงหวานพร่าแผ่วแบบคนตระหนก มือไม้สั่นขึ้นมาแบบไม่มีเหตุผล

“ก็หมายความว่า พี่ถนัดมาก เรื่องทำให้คนวางใจ วางหัวใจไว้ในกำมือพี่”

 

แต่แล้วคนที่มั่นอกมั่นใจในตัวเอง คนที่ทำทุกอย่างสำเร็จดังใจนึก คนที่ตั้งใจจะอุ้มเมียกลับบ้านก็ต้องยอมแพ้ฤทธิ์ของนครา ชายหนุ่มจำต้องโทร. ขอความช่วยเหลือจากพี่เมียให้ส่งทั้งเสื้อนอน ทั้งชุดสำหรับวันพรุ่งนี้มาให้ที่บ้านฝั่งคนสวยของเขา เพราะหญิงสาวออกอาการเต็มที่ บอกว่าเป็นตายร้ายดีก็จะไม่กลับ จะนอนบ้านของตัวเอง เดือดร้อนเขาต้องนอนที่นี่ด้วย

“ล้างหน้าหน่อยไหม” ฉัตรบดินทร์ถามสาวสวยที่นั่งพิงหัวเตียงทำหน้าเป็นตูดอยู่ในตอนนี้

นคราผิดคาดไม่น้อยเมื่อสามีไม่ยอมกลับบ้านไป แต่กลับปักหลักอยู่กับหล่อนแทน

“ร้องไห้ขนาดนั้น ไม่เหนอะหนะหรือไง” คนตัวโตอ่อนลงมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เริ่มปรับตัวปรับใจให้เคยชินกับความจริงที่ว่าเขาทั้งหึงทั้งหวงภรรยาคนสวย ต้องค่อยๆ จัดการความรู้สึกตัวเองเพื่อที่จะได้แสดงออกอย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น

ส่วนคนตัวบางที่ตั้งใจจะถอยห่างเพื่อรักษาสวัสดิภาพของหัวใจตัวเองก็มองเขาอย่างขุ่นเคือง

“จะมายุ่งอะไรคะ นิคกี้จะเป็นจะตายก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพี่ฉัตร” มือบางกระแทกหมอนย้ายที่ให้วุ่นไปหมด ทำทีเป็นไม่สนใจฉัตรบดินทร์ที่นอนลงข้างๆ พอจะขยับเข้าใกล้ นคราก็ถอยห่าง

“จะเข้ามาทำไมคะ ถอยไปเลยนะ” หญิงสาวทำท่าทางลนลาน หนีจนเสียหลักเกือบหงายหลังตกเตียง ถ้าฉัตรบดินทร์ไม่เอื้อมมือคว้าไว้

“ระวังหน่อยสินิคกี้” เสียงทุ้มแม้จะดุแต่กลับฟังอ่อนโยน

ไม่รู้ว่าเพราะมือหนาของเขาลูบปลอบอยู่ด้วยหรือเปล่า แต่มาถึงจุดนี้นครากลับไม่วางใจ ไม่โอนอ่อนเหมือนที่เคย บอกตัวเองให้ระแวงและระวังทุกอย่าง อย่าปล่อยตัวปล่อยใจไม่ลืมหูลืมตาแบบที่ผ่านมา

“ปล่อยเถอะค่ะพี่ฉัตร” หญิงสาวถอนหายใจแบบยอมรับความเป็นจริง ผู้ชายที่ไหนอยู่ใกล้ผู้หญิงมันก็อ่อนไหวกันได้ทั้งนั้น แต่กิริยาที่เขาแสดงออกเวลาลืมตัวต่างหากที่ชัดเจนว่าผู้ชายคนที่หล่อนรักสุดหัวใจคนนี้ไม่ได้แคร์หล่อนแบบที่หล่อนแคร์เขา

“พี่ฉัตรอย่ามาใช้ความใกล้ชิดหาประโยชน์จากนิคกี้เลยนะคะ ถึงไม่รักกัน แต่เราไม่ต้องทำจนเกลียดกันก็ได้นี่คะ” ตาหวานมองคนที่กอดหล่อนแน่นอยู่กับอก รับรู้ได้ว่าอ้อมแขนเขากระตุกเกร็งชะงักค้างอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรัดแน่นยิ่งขึ้น

และนคราก็ได้รับสัมผัสอุ่นๆ เป็นรอยจูบที่หน้าผาก ไม่มีคำตอบ ไม่มีคำพูดใดๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับประโยคที่หล่อนเพิ่งพูดไปเมื่อกี้

“นอนเถอะ พรุ่งนี้เช้าเราว่ากันใหม่”

 

เจ้าพ่อใหญ่อย่างนาคราชแปลกใจไม่น้อยเมื่อเห็นลูกสาวเดินทำหน้าไม่สบอารมณ์เข้ามาในห้องทำงานของเขา ด้านหลังมีลูกเขยที่เลือกเองกับมือเดินตามมา ท่าทางมีความสุขกว่าคนตรงหน้าแน่ๆ หน้านิ่งมีอำนาจของบุรุษวัยหกสิบพยักรับไหว้ฉัตรบดินทร์ ก่อนจะอ้าแขนรับลูกสาวคนสวยเข้ามากอด

“ไปไงมาไงนิคกี้” คนไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าลูกสาวหอบผ้ากลับบ้านตั้งแต่เมื่อวานถาม “แวะมากินข้าวกับพ่อเหรอ”

“เปล่าค่ะ นิค...” นคราตั้งท่าจะบอกตามความเป็นจริง แต่สามีเอ่ยขัดขึ้นก่อน

“นิคกี้อยากกลับมาเอาของน่ะครับ ผมเลยพามา จะได้ถือโอกาสทานข้าวกับคุณพ่อ กับหนามด้วย” นอกจากจะแทนตัวเองว่าพี่กับนคราอย่างไม่ละเลยสักประโยค ยังเรียกคนตรงหน้าว่าคุณพ่ออย่างไม่เคอะเขิน ทั้งที่วันแต่งงานยังเรียกคุณลุงเสียชัดถ้อยชัดคำ

“ลืมอะไรล่ะ ให้ภูมิเอาไปให้ก็ได้ ไม่เห็นต้องกวนให้ฉัตรพามา นานๆ พี่เขาจะได้พัก น่าจะอยู่บ้านกันสบายๆ”

นาคราชสบตากับลูกเขย เลยไม่เห็นว่าลูกสาวที่ซุกกอดอยู่กับอกเขาทำปากขมุบขมิบค้อนสามีที่ทำตาพราวคุยกับบิดาหล่อน แต่ก็ลอบมองภรรยาคนสวยเป็นระยะๆ อยากจะขำก็อยาก คนเพิ่งโตเป็นผู้ใหญ่ทำท่าอยากออกฤทธิ์กับเขาเต็มแก่ แต่คงเพราะติดที่มีนาคราชนั่งอยู่เลยทำอะไรได้ไม่มาก

“ให้ภูมิพักบ้างเถอะค่ะคุณพ่อ คนนั้นน่ะตื่นก่อนนอนทีหลังนิคกี้ตลอดนะคะ ว่าแต่...ไปไหนล่ะเนี่ย” หญิงสาวมองซ้ายมองขวาหาคนสนิท

ด้านสามีป้ายแดงก็สูดลมหายใจสงบสติอารมณ์ นอกจากพลพัฒน์ก็ยังมีบอดีการ์ดหน้าหล่อที่ดูก็รู้ว่ามีใจให้เมียเขาแน่ๆ แต่ยังพอทำเนาตรงที่อีกฝ่ายไม่รู้ว่าลูกน้องคนสนิทคิดเกินงาม และอีกคนก็ไม่เคยทำอะไรเกินตัว

“กลับไปนอนบ้านมั้ง” ปกติภูมิจะพักอยู่ที่อาคารด้านหลังที่เจ้าพ่อใหญ่สร้างเหมือนเป็นคอนโดโลว์ไรซ์ขนาดร้อยกว่าห้องนอน มีทั้งห้องชุด ห้องเดี่ยว ห้องหมู่ แล้วแต่ระดับการบังคับบัญชา โดยตำแหน่งคนสนิททายาทของนาคราชอย่างภูมิก็มีห้องพักระดับห้องชุดกว้างขวาง ตกแต่งเหมือนคอนโดหรูหราไว้ในครอบครองเช่นกัน “มาถามอะไรเอากับพ่อ ลูกน้องตัวเองแท้ๆ”

“ก็ไม่เห็นบอกว่าจะกลับบ้าน นึกว่าจะโต๋เต๋อยู่แถวนี้ซะอีก” นคราอดใจหายไม่ได้ เพราะภูมิมีหน้าที่ดูแลหล่อนมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย เรียกว่ากึ่งดูกึ่งเล่นมาด้วยกัน จนหญิงสาวเห็นอีกคนเป็นเพื่อนสนิทไปด้วย

แม้กระทั่งช่วงที่ไปเรียนหนังสือ ไปอยู่กับมารดาทางโน้น ภูมิก็ได้รับอานิสงส์ตามไปดูแล ไปเรียนอยู่ใกล้ๆ นคราตลอดเวลา โดยที่นาคราชให้เหตุผลว่าการมีเด็กที่โตกว่าเดินวนรอบๆ ตัวนคราในโรงเรียน ดูผิดสังเกตน้อยกว่าการส่งผู้ติดตามตัวเขื่องไปประกบเป็นเงาตามตัวเป็นไหนๆ

“เดี๋ยวนิคกี้โทร. หา ตามภูมิมาทานข้าวด้วยดีกว่า คุณพ่อไม่ได้มีนัดอะไรใช่ไหมคะ” หญิงสาวตาเป็นประกายขึ้นมาครู่หนึ่ง ไหนๆ ก็ไม่รู้จะทำอะไร อีกสองวันสองคืนเต็มๆ กว่าจะถึงงานแต่งงาน งานที่หล่อนไม่มีความจำเป็นต้องกระดิกตัวทำอะไร แค่ตื่นให้ทันเวลาที่ช่างแต่งหน้าจะมาแต่งองค์ทรงเครื่องหล่อนก็เท่านั้น

“จะทำอะไรก็ทำเถอะ พ่อไม่ได้ไปไหน ว่าแต่เอานิคกี้ไปเลี้ยงสองสามวัน หวังว่าฉัตรคงยังไม่ถอดใจนะ” นาคราชหวังในตัวฉัตรบดินทร์ไม่น้อย คิดว่าจะช่วยดูแลฝากผีฝากไข้นคราได้ ไม่ต้องรักลูกสาวเขาปานจะกลืนกินก็ได้ แค่ไม่ทิ้งขว้างทำร้ายจิตใจก็พอ

ส่วนคนตัวโตที่ได้แต่นั่งนับหนึ่งถึงร้อย ควบคุมอารมณ์ไม่ให้ธาตุทั้งหลายแตกซ่านก็เพิ่งจะได้สติ ทำหน้าเหลอหลา กะพริบตาเรียกสติอยู่ไม่กี่วินาทีก็สานต่อบทสนทนาได้

“คุณพ่อว่าอะไรนะครับ”

“ถามว่าหมอฉัตรยังไม่เปลี่ยนใจเอามาคืนนะ” ถามเหมือนเล่นแต่แววตาเอาจริง

ฉัตรบดินทร์ก็ตอบหนักแน่นเสียจนคนเป็นพ่อตาเบาใจ รับรู้ได้ผ่านสายตาลูกผู้ชายว่าคุณหมอหนุ่มพูดจริง จะมีก็แต่นคราที่ได้แต่แบะปากกลอกตาให้เพดานระหว่างที่รอภูมิรับสาย คนอย่างฉัตรบดินทร์ คนใจร้าย ไม่มีหัวใจอย่างเขาน่ะหรือจะมาทำตามที่พูดกับพ่อหล่อนได้ จะมีก็แต่ทำให้หล่อนช้ำใจตรอมใจตายไปเองนั่นแหละ คนอย่างหมอฉัตรถึงจะเรียกได้ว่าไม่กลืนน้ำลายตัวเอง

“ไม่เปลี่ยนครับ คุณพ่อไม่ต้องห่วง ถ้าผมตกลงรับผิดชอบดูแล ก็เลี้ยงกันไปจนกว่าจะตายกันไปข้างนั่นแหละครับ”

 

โต๊ะอาหารวันนี้แน่นขนัดไปด้วยสมาชิกทั้งในและนอกครอบครัว โดยที่ทุกคนก็ดูคุ้นเคยเป็นกันเองดี จะมีก็แต่ลูกเขยของบ้านที่ทำตัวไม่ถูกเพราะเรียกได้ว่าน่าจะสนิทกับทุกคนน้อยที่สุด แต่บรรยากาศก็ครื้นเครงเรียกเสียงหัวเราะให้คนวงนอกอย่างฉัตรบดินทร์คล้อยตามได้ไม่น้อย

“อย่ามาพูด ยิงแข่งกันวันนี้ก็ยังได้” นคราแลบลิ้นใส่ภูมิที่นั่งท้ายแถว แค่นี้ก็ได้รับเกียรติมากที่เจ้านายให้ความสนิทสนม ให้นั่งร่วมโต๊ะอาหารแบบที่ไม่มีลูกน้องคนไหนในบ้านได้สิทธิ์นี้

“ภูมิสอนนิคกี้ยิงก็จริง แต่เอาเข้าจริง นิคกี้มือนิ่งกว่าภูมินะ” คนสวยยักไหล่ ถ้าเรื่องเป้านิ่งหล่อนไม่เคยพลาด นัดไหนก็เข้ากลางเป้าเสมอ

“แต่ลองเป้าเคลื่อนไหวสิ คุณนิคกี้ไม่เคยชนะผมสักครั้งนะครับ” ภูมิเย้ากลับ ฝีมือการยิงปืนของนคราจัดได้ว่าดีเยี่ยม แต่อาจเป็นเพราะมีความถนัดกันคนละแบบกับเขา

“ค่า พ่อคนเก่ง ว่าแต่พี่หนามจะกลับอเมริกาเมื่อไหร่แน่นะคะ นี่นิคกี้ถามคุณแม่กับแด๊ดก็ไม่มีใครให้คำตอบสักคน”

มารดาขึ้นเครื่องบินส่วนตัวของบิดาเลี้ยงแทบจะทันทีที่ส่งตัวหล่อนเข้าห้องหอเสร็จ จูงมือเซบาสเตียนไปท่องเที่ยวหมู่เกาะทางตอนใต้ของประเทศไทย หล่อนโทร. ไปถามกี่ครั้งๆ ก็บอกว่าเดี๋ยวเจอกันเช้าวันแต่งงานเลย ส่วนพี่ชายหน้าหล่อแบบไทยแต่ตัวใหญ่ไซซ์ฝรั่งนี่ก็ไม่ให้คำตอบมาหลายวัน ตอบแค่ว่าดูก่อนๆ จนนคราชักหงุดหงิดขึ้นมาบ้าง

“พี่จะกลับเมื่อไหร่แล้วเกี่ยวอะไรกับเรา” นคเรศยกแก้วกาแฟหลังมื้ออาหารขึ้นจิบ

“หรือเราจะกลับกับพี่” ถามน้องแต่ตาจ้องน้องเขยไม่กะพริบ ก่อนจะปรายตามองฉัตรระวี ใจแป้วไม่น้อยตอนเห็นแววตาผิดหวังจากหญิงสาวข้างๆ

“ถ้านิคกี้กลับด้วยก็ดีสิ กลับไปก็เหลือคบอยู่กับเนทสองคน ผมไม่ไหวนะ” พลพัฒน์พูดขึ้นบ้าง เรียกเพื่อนสนิทด้วยชื่อฝรั่ง แววตาว่างเปล่าโดดเดี่ยวจนนคราสงสาร เพราะรู้ปัญหาชีวิตของชายหนุ่มดี กลับไปพี่ชายหล่อนก็คงทุ่มเทเวลาให้การทำงาน เวลาว่างที่เหลือก็คงเทให้สาวๆ เสียหมด จะเหลือพื้นที่ให้เพื่อนรักคนนี้สักเท่าไรกัน เพราะพลพัฒน์เองก็เป็นทรัสฟันด์เบบี้ มีรายได้จากดอกเบี้ยของกองทุนที่พ่อแม่จัดการไว้ให้ ธุรกิจมากมายก็มีคนบริหารดูแลซึ่งไว้ใจได้ชนิดที่ไม่ต้องย่างกรายเข้าไปทำงานก็เหลือกินเหลือใช้ไม่รู้กี่ชาติต่อกี่ชาติ

“โธ่...พอลก็อยู่ที่นี่ก่อนสิ งานการก็ไม่เห็นต้องทำอะไร มีคนดูแลให้ทุกอย่าง ไว้มีประชุมค่อยกลับไป เผื่อนิคกี้ว่างนิคกี้จะกลับไปเป็นเพื่อน จะได้เยี่ยมคุณแม่กับแด๊ดด้วย”

นคราบอกตาใส แต่เริ่มเอะใจตอนได้ยินเสียงแก้วกาแฟของสามีกระทบจาน หญิงสาวจึงชะงักแล้วหันไปจนลอนผมแตกกระจาย

เคร้ง!

หญิงสาวมองแก้วก่อนมองเขา เห็นกาแฟกระฉอกออกนอกภาชนะพอร์ซะลินลายสวย

“ไม่อร่อยเหรอคะ” นคราเงยหน้ามองสามีบ้าง เห็นหน้าหล่อเรียบตึง แต่ก็ยังอุตส่าห์ยิ้มให้หล่อน “นิคกี้ให้เด็กชงให้ใหม่ไหม”

“เปล่า กะน้ำหนักผิดไปหน่อย” ฉัตรบดินทร์บอกหน้าตาเฉย

“เดี๋ยวเสร็จนี่เราเข้าบ้านกันเลยนะ พี่จะเรียกช่างเขาไปทำห้องสระผมให้ เมื่อเช้าอีเมลคุยกับเขาคร่าวๆ เขาบอกไม่เกินสัปดาห์น่าจะเสร็จ” คนเพิ่งเคยโอ๋เมียครั้งแรกบอกเหมือนพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ

แต่ก็ทำเอาทุกคนบนโต๊ะอาหารรับรู้ได้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้มาเล่นๆ เห็นพี่ฉัตรเงียบๆ บทจะเปย์เมียขึ้นมาก็เอาซะเจ้าพ่อใหญ่ที่นั่งหัวโต๊ะหัวเราะร่วน

“หึๆ” นาคราชมองลูกสาวสลับกับลูกเขย แววตาระรื่นมีความสุข “ตามใจนิคกี้ขนาดนี้ อีกหน่อยทั้งพ่อ ทั้งหนาม ตกกระป๋องเรียบ”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น