15

บทที่ 15


15

 

“พี่ฉัตรคะ นิคกี้อยากมีห้องส่วนตัว” หญิงสาวทบทวนมาทั้งวันหลังจากโดนเขาหลอกล่อกลับมาที่เรือนหอ ใช้ข้ออ้างเรื่องสถาปนิกที่จะเข้ามาจัดการเรื่องห้องทำผม ทั้งที่จริงๆ ก็เป็นฉัตรบดินทร์ที่เจรจาสั่งการทั้งหมด ส่วนนายหญิงของบ้านก็ได้แต่พยักหน้ารับสิ่งที่เขาเสนอ เพราะไม่มีกะจิตกะใจจะตื่นเต้น ฟังบ้างไม่ฟังบ้างเพราะสมาธิวนอยู่แต่กับเรื่องที่เจอเมื่อวาน คิดทบทวนแล้วว่าหากต้องอยู่ใกล้ชิดกัน หล่อนเองก็มีแต่จะเพลี่ยงพล้ำให้เขามากขึ้นเท่านั้น 

พอพูดจบนคราก็ไม่ได้แปลกใจเมื่อฉัตรบดินทร์หันขวับมามองหล่อน ถ้าตาเขาบาดคนได้ เนื้อตัวหล่อนคงขาดวิ่นไม่มีชิ้นดี แต่คนที่เริ่มให้ค่าแก่การตัดใจแล้วก็ทำจิตแข็งคูณสอง มองคนตัวโตกลับเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร ทั้งที่ในใจแทบยืนไม่ไหว ไม่รู้ว่าต้องทนกับกิริยาไม่น่าดู คำพูดไม่น่าฟังอีกนานเท่าไร

“พูดอะไรบ้าๆ ผัวเมียดีๆ ที่ไหนเขานอนแยกห้องกัน”

“แล้วเราเป็นผัวเมียกันดีๆ เหรอคะ นิคกี้ไม่เห็นว่าความสัมพันธ์ของเรามันจะดีตรงไหน” คนเสียงหวานบอกเรียบๆ มือไม้สาละวนอยู่กับการเช็ดเครื่องสำอางออกจากหน้าสวย มองเขาผ่านกระจกเงา เห็นบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ที่กำลังถอดนาฬิกายืนซ้อนหลังหล่อนอยู่หยุดนิ่ง ชะงักเพราะประโยคเมื่อครู่

“เราสองคนน่าจะต้องการความเป็นส่วนตัวนะคะ” หญิงสาวบอกต่อระหว่างรวบผมขึ้น แต่ก็ต้องหยุดค้างเพราะอีกคนก็ตอบกลับมาเสียงเรียบพอกัน

“ไม่เห็นจำเป็น พี่ว่าเราสองคนต่างเป็นเรื่องส่วนตัวของกันและกัน ดูอย่างที่เขาใหญ่เป็นตัวอย่างสิ ถ้านิคกี้จำไม่ได้ เดี๋ยวคืนนี้พี่ย้ำความจำให้เราได้นะ”

นคราหงุดหงิดกับสันดานผู้ชายไม่น้อย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก ใช่สิ...นอกจากรักเขาทั้งใจ ยังพลาดท่าเสียทีเขาไปแล้วอีกด้วย เลยได้แต่ฮึดฮัดอยู่คนเดียว เมื่ออีกฝ่ายพูดจบก็เดินเข้าห้องน้ำแย่งหล่อนอาบน้ำหน้าตาเฉย

 

ด้านนคเรศกับฉัตรระวีที่ความสัมพันธ์ยังไม่สามารถระบุสถานะได้ก็เป็นห่วงชีวิตคู่ของฉัตรบดินทร์และนคราไม่น้อย หลังจากปรึกษาหารือกันอยู่พักใหญ่ว่าจะทำอย่างไรให้สองคนนั้นอยู่กันรอด ฉัตรระวีก็โดนนคเรศลากเข้ามารอเขาคุยงาน โดยที่หน้าสวยเฉี่ยวยู่ยี่จนชายหนุ่มที่โทรศัพท์สั่งงานกับคนทางอเมริกาอยู่ต้องลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะทำงาน และใช้นิ้วเรียวคลายปมระหว่างหัวคิ้วให้ พลางบอกแบบไม่ออกเสียงว่าขอเวลาอีกครู่หนึ่งแล้วเขาจะวางสายโทรศัพท์

ฉัตรระวีเห็นแบบนั้นก็พยักหน้ารับ แต่ยังไม่สบายใจ นคเรศเลยฉุดข้อมือบางให้หล่อนลุกขึ้นจากเก้าอี้นวมตัวใหญ่แล้วทิ้งร่างหนาลงนั่ง ก่อนจะกระตุกมือให้คนสวยเปรี้ยวของเขาร่วงลงบนตัก

“เอ๊ะ พี่หนาม” ตาเฉี่ยวตวัดมองผู้ชายฉวยโอกาสเต็มที่ ปลายเล็บเรียวหยิกเข้าที่หน้าท้องแกร่งไม่เบา

แต่คนโดนกระทำกลับไม่สะเทือน และยักคิ้วหลิ่วตาให้หล่อนด้วยท่าทางเจ้าเสน่ห์ ก่อนจะรั้งท้ายทอยหล่อนลงแล้วจูบแผ่วเบาอ่อนหวาน ผิดกับท่าทีร้อนแรง ทั้งที่มือยังถือโทรศัพท์ หูยังฟังการรายงานจากลูกน้องในต่างแดน แต่ตัวเองรุกรานคนบนตักไม่ยั้ง

จนผ่านไปพักใหญ่ จากจูบหยอกล้อก็กลายเป็นจริงจังดุเดือดเสียจนเพลย์บอยตัวพ่ออย่างนคเรศยังแทบควบคุมจังหวะการหายใจไม่ได้ โชคดีที่สำนักงานทางนิวยอร์กรายงานทุกอย่างเสร็จสิ้นพอดี

That’s would be all for now”

ได้ยินแบบนั้นนคเรศก็ขอบคุณปลายสาย ก่อนจะกดวางแล้วโยนโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะอย่างไม่สนใจ ใช้มือสองข้างรวบเอวบางของฉัตรระวีแน่น

“ดิ้นทำไมคะคนสวย”

“พี่หนามอย่ามาทำแบบนี้นะ” คนกลัวความสัมพันธ์ยังบอก ถึงแม้ว่านคเรศจะแสดงออกชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่มีการพูดอะไรให้เป็นกิจจะลักษณะ แล้วคนที่มีพ่อมีแม่อย่างหล่อนจะปล่อยให้เขามาตอดเล็กตอดน้อยอยู่แบบนี้ได้อย่างไร

“ระวี...” น้ำเสียงเหมือนอ่อนใจ “บอกพี่สิคะ งอนอะไร”

“ระวีไม่ได้งอนนะคะ” หญิงสาวใช้มือบางดันอกกว้างไว้ “ระวีแค่ยังไม่พร้อม”

“ไม่พร้อมอะไร นี่เราอายุเท่าไหร่ พี่อายุเท่าไหร่แล้ว” นคเรศกลับตีความไปว่าที่ฉัตรระวีพูดถึงคือเรื่องอายุ ทำไมคนอย่างเขาจะไม่พร้อม หญิงสาวเองก็เรียนจนจบปริญญาโทแล้ว จะแต่งงานแต่งการมีลูกสักกี่คนก็ไม่ใช่ปัญหา เงินทองล้นฟ้ากันทั้งผัวทั้งเมีย

“ระวีไม่พร้อม ระวีทำใจเห็นพี่หนามเจ้าชู้ไปเรื่อยๆ ไม่ไหว ระวีใจไม่นิ่งขนาดนั้น” หน้าสวยก้มลงหลบสายตาเจ้าชู้ของอีกฝ่าย รักเขาน่ะรัก รู้ดีว่าเขาเองก็คงจะไม่ฟันแล้วทิ้ง คงให้สถานะที่ชัดเจน แต่หากเขาไม่เลิกนิสัยเจ้าชู้ หล่อนเองคงทำหน้านิ่งเป็นเมียหลวงอยู่บนหิ้งไม่ได้

“พูดยังงี้ได้ยังไง พี่เจ้าชู้ที่ไหน” คนตัวโตกระชับอ้อมแขนแน่น รู้ว่าประวัติเรื่องผู้หญิงของเขาไม่ได้เรียกว่าไม่ดี แต่น่าจะต้องใช้คำว่าเลวร้ายเลยดีกว่า แต่ตั้งแต่ไม่กี่เดือนก่อนที่ฉัตรระวีเรียนจบแล้วกลับบ้าน กลับกลายเป็นช่วงเวลาที่นคเรศแทบไม่มีสมาธิทำอะไร ทั้งที่ตอนแรกก็คิดว่าเลือดลมเดินสะดวกเพราะหล่อนต้องรสนิยมเขา

เขาชอบผู้หญิงสวย เปรี้ยว เฉี่ยว เฟลิร์ตเก่ง ซึ่งลูกสาวเพื่อนสนิทพ่อคนนี้มีทุกอย่างที่ต้องการ สาเหตุเดียวที่ทำให้เขายังยั้งตัวเองเป็นเพราะความสัมพันธ์อันดีที่มีกันมาช้านาน หากเขาเอาอารมณ์เป็นใหญ่ กลัวว่าวันหนึ่งจะมองหน้ากันไม่ติด แต่มาวันนี้เขามั่นใจว่าที่รู้สึกกับคนบนตักไม่ใช่แค่ต้องตา แต่ถูกอีกฝ่ายขโมยหัวใจกลับบ้านด้วย

พอกลับมาเจอกันคราวนี้ คนที่นอนคิดมาอย่างดีแล้วถึงได้ออกอาการเต็มที่ ทำคะแนนเต็มสูบเพื่อไม่ให้สาวสวยเสน่ห์แรงคนนี้หลุดไปได้

“หือ...พี่หนามเนี่ยนิยามของคำว่าเจ้าชู้เลยค่ะ” ฉัตรระวีทำหน้ายู่ “เอาความมั่นใจมาจากไหนคะ ว่าตัวเองไม่เจ้าชู้”

“ก็ไม่รู้ละ ตั้งแต่รู้ตัวว่ารักระวี พี่ก็ไม่ได้เจ้าชู้กับใครซะหน่อย นี่ต่อให้นิคกี้ไม่แต่งงานพี่ก็คงต้องรีบเคลียร์งานกลับมาหาระวีอยู่ดี”

“ทำเป็นพูดว่ากลับมาเพราะรัก...” ฉัตรระวีพูดเรื่อยๆ ก่อนจะเบิกตากว้างมองนคเรศที่ยิ้มพราว เพิ่งรู้สึกตัวว่าอีกฝ่ายบอกว่าอะไร และตัวเองก็ทวนประโยคเขาด้วย

“พะ...พะ...พี่หนามพูดว่าอะไรนะคะ” มือบางที่เคยออกแรงยันอกแกร่งอ่อนลงอย่างไม่น่าเชื่อ เลือดจากที่ร้อนเพราะความใกล้ชิดเสียดสีกลายเป็นเย็นเฉียบเพราะตกใจกับสิ่งที่เพิ่งรับรู้

“พี่พูดว่า พี่รักระวี” คนตัวโตยิ้ม ใช้หลังมือหนาไล้หน้าสวย “ระวีล่ะ รักพี่ไหมคะ”

คนเปรี้ยวเฉี่ยว เทผู้ชายมานักต่อนักถึงกับไปต่อไม่ถูกเมื่อได้ยินเสือผู้หญิงตัวพ่อบอกแบบนั้น เขารักได้อย่างไร รักตอนไหน นี่เขารักจริงหรือแค่อยากได้ตามประสาผู้ชายเจ้าชู้กันแน่

“พี่หนามจะรักระวีได้ยังไงคะ”

“โธ่...ระวี ตอนเราอยู่ที่โน่นด้วยกันน่ะ เราเห็นกันทุกวันนะคะ ไอ้ที่เราเฟลิร์ตพี่ พี่อ่อยเรา ระวีอย่าปฏิเสธเลยว่าไม่รู้สึก” ลูกชายเจ้าพ่อบอก ตาสีน้ำตาลอ่อนเฉกเช่นน้องสาวเปล่งประกายเจ้าชู้เต็มที่ มือที่ลูบหน้าสวยค่อยๆ เคลื่อนสู่ท้ายทอยของหญิงสาว

แต่อีกฝ่ายรู้ทันจึงขืนตัวทำตาวาวปรามอีกคนทันที

“โอ๊ย พี่หนามอย่ามา นี่ขนาดระวีไม่ได้เป็นอะไรกับพี่ยังเปลืองเนื้อเปลืองตัวไปตั้งเท่าไหร่” คนร่างบางแต่เย้ายวนตั้งท่าจะลุกหนี

“ก็ใช่ไง งั้นระวีก็ต้องตกลงเป็นอะไรกับพี่ไง จะได้ไม่ขาดทุน” นักธุรกิจดาวรุ่งรองประธานบริษัทโทรคมนาคมระดับโลกเลิกคิ้วกวนประสาทใส่ พลางยกหน้าขาที่สละให้หญิงสาวนั่งอยู่ จนร่างบางเสียหลักซบลงแนบอกเขา “ตกลงตามที่พี่บอกนะ”

“ตกลงอะไร พี่หนามยังไม่เสนออะไรระวีซักอย่าง” คนที่หน้าแดงเขินอายถึงขีดสุดบอก ทั้งที่วาดแขนโอบรอบคอเขาแล้ว

“ก็เสนอให้เราคบกัน เป็นแฟนกันจริงจังไง” นคเรศลูบหลังบางของฉัตรระวี รู้ดีว่าสิ่งที่อีกฝ่ายหวาดกลัวคืออะไร

“พี่ไม่ได้ขอเราแต่งงานนะ พูดกันแบบผู้ใหญ่ คนเราจะไปถึงขั้นนั้นกันได้มันควรจะต้องรัก ต้องศึกษา ต้องเรียนรู้กัน ต่อให้เราถูกใจกันมานานแค่ไหน แต่เรายังไม่เคยรู้จักกันในฐานะแฟน”

“แล้วไงต่อคะ” ฉัตรระวีค่อนข้างเห็นด้วย แม้ใจจะหวิวไหวเมื่อได้ยินว่าเขาไม่ขอแต่งงาน แปลว่าความรักครั้งนี้ของหล่อนก็ยังมีอัตราเสี่ยงที่จะไม่สมหวัง

“ก็อย่างที่บอก พี่เองก็ไม่เคยคบใครเป็นแฟนจริงจัง จะให้พูดก็ได้ว่าไม่เคยมีแฟนดีกว่า แต่พี่อยากใช้คำนี้กับระวี พี่ไม่ได้คิดจะเลิกนะ แค่ระหว่างที่เราเรียนรู้กัน เราก็ใช้คำนี้ไปก่อน พี่ไม่เอาเปรียบระวีหรอก”

“ไม่เอาเปรียบระวีจริงๆ นะคะ” หญิงสาวขืนตัวออกมองคนตรงหน้า หล่อนควรเสี่ยงกับผู้ชายมีชื่อเสียคนนี้ไหม

“จริงจ้ะ” พูดจบมือหนาก็สอดเข้าที่ชายเสื้อ สัมผัสเนื้อเนียนที่หลังหล่อน ก่อนเลื่อนขึ้นปลดตะขอบราเซียร์ของฉัตรระวีออกด้วยความรวดเร็วโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้ตั้งตัว “พี่ไม่เอาเปรียบระวี โดยที่ไม่มีสถานะให้หรอก”

 

“นิคกี้จะทานข้าวเย็นที่นี่หรือจะไปทานที่บ้านคุณแม่” ฉัตรบดินทร์ถามคนที่มีแต่ความเงียบให้เขามาตลอดสองวัน ยอมเปิดปากเฉพาะเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ แต่พออย่างอื่นกลับนิ่ง ทำเหมือนสามีไม่มีตัวตน นี่ขนาดจะจัดงานแต่งกันวันพรุ่งนี้หล่อนยังไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนลงแต่อย่างใด

“ที่นี่ค่ะ” ตอบทั้งๆ ที่ไม่เงยหน้ามองหน้าเขา พูดเสร็จก็ลุกขึ้นเดินหนี ตั้งท่าจะออกจากห้องนอนเหมือนรำคาญเขาเสียเต็มประดา

ชายหนุ่มอดส่ายหัวไม่ได้ ความอดทนแทบจะหมดเหมือนกัน แต่ก็ต้องระงับไว้เพราะรู้ตัวดีไม่น้อยว่าที่พังอยู่ตอนนี้ใครเป็นคนเริ่ม

“แล้วจะไปไหน พี่ยังไม่ได้บอกให้เขาตั้งโต๊ะนะ” คนตัวโตสงสัย

เขาเพิ่งเดินขึ้นมาจากห้องทำงาน หลังจากพยายามเตรียมการสอนอยู่หลายชั่วโมง แต่ไม่เป็นผลเพราะมัวแต่พะวงกับนคราที่ปลีกตัวขึ้นมาบนบ้านตั้งแต่เพื่อนๆ เขากลับหลังรับประทานอาหารเที่ยงเสร็จ

หญิงสาวทำหน้าที่เจ้าบ้านได้เป็นอย่างดี กิริยามารยาททางสังคมงดงาม จนชายหนุ่มอดประทับใจคนที่โตมาจากเมืองนอกไม่ได้ พูดจาแสดงความเห็นไม่มากไม่น้อย จนเพื่อนสนิทของฉัตรบดินทร์ชมกันเปาะ

‘เมียแม่งสวยเช้งอย่างงี้นี่เอง ถึงไม่เคยเอามาเจอะเพื่อน’ เตชินมองหน้าเพื่อนรัก และยิ้มกริ่มอย่างเจ้าเล่ห์ 

‘มิน่า ยายต้าหยอดยังไง ไอ้ฉัตรมันก็ไม่หวั่นไหวสักนิด’ คุณหมอรูปงามไม่แพ้กันบอก เขาเป็นลูกเจ้าของบริษัทยาใหญ่โต น้องสาวเขาหลงรักฉัตรบดินทร์มาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลาย จนตอนนี้ก็ยังกรี๊ดกร๊าดบ้าคลั่งไม่เลิก เคยสารภาพรักบุรุษคนนี้ในวันวาเลนไทน์ด้วยซ้ำ แต่ฉัตรบดินทร์ก็ไม่แยแส เอ่ยขอบใจแล้วบอกให้น้องสาวเขากลับไปตั้งใจเรียนด้วยซ้ำ

‘นั่นดิ เชี่ย นี่เด็กกว่ามึงกี่ปีวะเนี่ย หน้าใสกิ๊ก เด็กกว่านักศึกษาแพทย์กูอีก’ เพื่อนอีกคนบอก มองตามเมียเขาเสียตาพราว ‘มึงดูๆ ก้นงี้งอนเชียว ฮึ่ม อิจฉาไอ้เหี้ยฉัตร!’

ส่วนฉัตรบดินทร์ได้แต่ทำหน้านิ่งตามประสา มีแต่เตชินซึ่งสนิทที่สุดจับอาการได้

‘มึงนี่ก็ เอาแค่พอประมาณ เมียเพื่อนนะครับ พูดถึงดีๆ ด้วย’ พูดแล้วก็ยกเบียร์ขึ้นจิบ ก่อนที่จะหันไปหาฉัตรบดินทร์อีกครั้ง กระซิบแบบที่พอได้ยินกันสองคน ตาเป็นประกายตามประสาคนขี้แกล้ง

‘รูปในหนังสือว่าน่ารักแล้ว ตัวจริงนี่เล่นเอาหัวใจคุณหมอเต้นผิดจังหวะกันทั้งวงเลยนะครับ’ ชายหนุ่มหมายถึงรูปนคราที่เขาบังเอิญเห็นในหนังสือเล่มหนึ่งของฉัตรบดินทร์ รูปสาวน้อยอายุสิบห้าหน้าตาสดสวย สมัยที่ทั้งคู่ยังเรียนต่อเฉพาะทางอยู่

พูดจบก็โดนฉัตรบดินทร์ใช้เท้ากระทุ้งใต้โต๊ะเข้าให้ ถลึงตาแสดงอาการเต็มที่ จะมีก็แต่เตชินนี่แหละที่รู้ว่าเขาติดใจนครามาตั้งแต่หกปีก่อน แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรต่อ คนที่ตกเป็นประเด็นก็เดินกลับมาร่วมวงสนทนา มีแม่บ้านเดินตามมาอีกสองสามคน ขนอาหารมาดูแลเพื่อนสามีเต็มที่

‘ขาดอะไรอีกไหมคะ’ คนหน้าสวยยิ้มหวานแจกเสน่ห์ให้คนรอบวง พอหันมาเจอหน้าสามีกลับเหลือแค่ยิ้มบางๆ แต่ก็ไม่ถึงกับเสียมารยาทให้ใครจับได้

‘เกินพออีกครับ วันหลังพี่ขอมาทานบ่อยๆ’ เตชินขอบคุณภรรยาเพื่อน ทั้งที่จริงๆ ก็คงไม่มีเวลามาแวะที่นี่สักเท่าไร แค่อยากยั่วโมโหคนหน้านิ่งให้หลุดฟอร์มบ้างก็เท่านั้น

ด้านสาวสวยก็พยักหน้ารับคำอย่างเป็นกันเอง ‘ถ้าครบแล้ว นิคกี้ขอตัวนะคะ หนุ่มๆ จะได้คุยกันสะดวก’ คนร่างอ้อนแอ้นกำลังจะหมุนตัวกลับ แต่กลับโดนสามีรั้งข้อมือไว้

‘หนุ่มที่ไหนกัน แก่แล้วทั้งนั้น นั่งด้วยกันนี่แหละ จะได้รู้จักกันไว้’

เจ้าของบ้านพูดแค่นั้น นคราก็นั่งตามที่เขาบอก ไม่แม้แต่จะพูดคุยอะไรกับสามี ให้ความสนใจเพื่อนๆ เขาอย่างน่ารัก จนไม่มีใครสังเกตความผิดปกติระหว่างคู่ข้าวใหม่ปลามัน มีแต่ฉัตรบดินทร์นี่แหละที่รับรู้ว่าภรรยาเห็นเขาเป็นอากาศธาตุอยู่ แล้วได้แต่ทำหน้านิ่งเหมือนที่เป็นประจำ ทั้งที่ในใจคันยิบๆ ไปหมดแล้ว

“จะลงไปดูหนังค่ะ”

คราวนี้ฉัตรบดินทร์ไม่ปล่อยผ่าน เดินตามมาคว้าต้นแขนเรียวเสลาไว้ เห็นตาสีน้ำตาอ่อนฉายแววกรุ่นโกรธ ก่อนเจ้าตัวจะปรายตามองบริเวณที่เขาสัมผัสหล่อน

“ต้องการอะไรคะ”

“นิคกี้อย่าเป็นแบบนี้” เสียงทุ้มอ่อนโยนที่สุดในชีวิต จนเขาอดหน้าร้อนเองไม่ได้ เกิดมาไม่เคยต้องง้อใครมาก่อน

“นิคกี้เป็นอะไรคะ” คนตาใสทำแสร้งไม่รู้เรื่อง แต่เห็นแววตัดพ้ออยู่เต็มเปี่ยม ผู้ชายตรงหน้าใจร้าย นึกถึงแต่ตัวเอง ถูกแล้วที่หล่อนจะตัดใจและอยู่ให้เป็นกับการที่สามีไม่ต้องการการแต่งงาน มีหล่อนไว้ประดับบ้านเฉยๆ

“ก็อย่ามาเงียบแบบนี้ แล้วก็อย่ามาเดินหนีพี่แบบนี้ ทำท่าเหมือนจะตายถ้าจะต้องหายใจร่วมกัน”

หญิงสาวเม้มปากครู่หนึ่ง สะกดกลั้นอารมณ์ นี่ฉัตรบดินทร์ไม่รู้เลยใช่ไหมว่ากิริยาที่เขาแสดงออกที่โรงพยาบาลรวมถึงอาละวาดเอาเรื่องหล่อน มันน่าเสียใจแค่ไหน พอมาตอนนี้ยังจะมาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น โยนให้เป็นความผิดหล่อนว่าที่อยู่กันไม่ดี ไม่มีความสุขแบบนี้เพราะใครเป็นคนเริ่ม

“แล้วพี่ฉัตรรู้ได้ยังไงคะ ว่านิคกี้ไม่ได้กำลังจะตาย หายใจร่วมกับคนที่เกลียดเรา มันไม่คล่องคอหรอกนะคะ” พูดแล้วก็บิดต้นแขนออกจากการเกาะกุมของเขา

แต่ชายหนุ่มกลับกระชับแขนแน่นขึ้น เจ็บในอกไม่น้อยตอนเห็นทั้งแววตาและได้ยินน้ำเสียงของหล่อนแบบนั้น

“พี่...พี่” เพราะไม่เคยก้มหัวให้ใคร เมื่อถึงคราวต้องง้อจึงพูดไม่ออกบอกไม่ถูกไปกันใหญ่

“พี่ฉัตรตามสบายเถอะค่ะ นิคกี้เป็นแค่คนอาศัย อยู่ตรงไหนก็ได้ที่ไม่ขวางตาพี่ฉัตร ขอตัวนะคะ”

 

หญิงสาวออกจากห้องนอนมาได้ก็หมกตัวเงียบอยู่ในห้องดูหนังและเปิดแอร์เสียเย็นฉ่ำ แต่ปิดไฟสร้างบรรยากาศเหมือนโรงภาพยนตร์ หนังรักหวานซึ้งสไตล์ที่นคราชอบเปิดฉายวนอยู่บนจอขนาดใหญ่ แต่ผู้ใช้บริการกลับซุกตัวในผ้าห่มหนา มีน้ำตาคลอเบ้า นึกทำใจกับโชคชะตา ทั้งที่มีพร้อมสรรพทุกอย่าง แต่ชีวิตครอบครัวกลับแตกแยกตั้งแต่เพิ่งเริ่ม อิจฉาความรักของพระนางในจอ อยากรู้ขึ้นมาติดหมัดว่าคนที่เขาสมหวังในความรัก เขาทำบุญวัดไหนถึงไม่ต้องเสียใจกับเรื่องนี้

นคราปล่อยอารมณ์ให้ทอดยาวเสียจนไม่ได้รับรู้เลยว่าข้างๆ ตัวมีเจ้าของบ้านตัวจริงทิ้งตัวลงนั่ง เห็นหยาดน้ำวาววับที่ไหลออกมาจากตาหล่อนแล้วฉัตรบดินทร์ก็ยิ่งใจหาย และรั้งคนข้างๆ เข้ามากอดอย่างรู้สึกผิด

“ขอโทษ” ไม่มีต้นสายปลายเหตุใดๆ ทั้งนั้น คุณหมอหน้านิ่งเอ่ยคำพูดนี้เหนือกลุ่มผมของนครา ริมฝีปากบางจูบย้ำที่หน้าผากของคนที่ยังนั่งแข็งทื่อ จับต้นชนปลายไม่ถูก พอตั้งสติได้ก็รีบขืนตัวออกทันที แต่กลับโดนรัดแน่นยิ่งกว่าเดิม

“พี่ขอโทษ ขอโทษ ได้ยินไหม” มือหนาลูบตัวนคราที่สั่นสะอื้น เชยคางหล่อนขึ้นมาดูก็พบว่าสาวสวยของเขาปล่อยโฮเหมือนคนกลั้นไม่ไหวเต็มทน

“พี่ฉัตรใจร้าย” มือบางทุบเขา

ชายหนุ่มก็ไม่ได้ขัดขืน ปล่อยให้อีกฝ่ายทำร้ายตามอำเภอใจ

“ใจร้ายมาก”

“ขอโทษไง” ลูบก็ไม่หยุดร้อง ฉัตรบดินทร์เลยโยกตัวเจ้าสาวของเขาในวันพรุ่งนี้ ปลอบประโลมนคราให้ใจเย็น ทำเหมือนตอนเด็กๆ เวลาอีกฝ่ายงอแง

“มาหาว่านิคกี้ไม่ให้เกียรติ แล้วตัวเองทำแบบนั้นให้เกียรตินิคกี้เหรอคะ” คนเสียงหวานต่อว่ากระท่อนกระแท่น “นิคกี้รู้ว่าพี่ฉัตรไม่รัก แต่ไม่ต้องทำกันขนาดนี้ก็ได้”

“ใครบอก” ชายหนุ่มยิ้มในหน้า รู้ดีแก่ใจว่านครารักเขา เชื่อหมดหัวใจแล้วว่าหญิงสาวเป็นของเขา...ของเขาแต่เพียงผู้เดียว

“ใครบอกอะไร พี่ฉัตรทำขนาดนี้เด็กที่ไหนก็รู้” นคราเริ่มหยุดร้องไห้ ขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะมือไม้สามีเริ่มอยู่ไม่สุข

“แล้วเด็กคนนี้รู้ไหมล่ะ” ฉัตรบดินทร์ก้มลงมองหน้าคนที่เขารัดไว้แน่น พอดีกับที่นคราเงยหน้าขึ้นมาฟัง แล้วหญิงสาวก็ต้องใจสั่นไม่น้อย เมื่อนิ้วเรียวของคนเป็นหมอจิ้มหน้าผากนูนใส “หืม ตกลงรู้ไหม”

นคราถึงกับนิ่งงันเมื่อเห็นการแสดงออกของฉัตรบดินทร์ แต่แทนที่จะตื่นเต้นยินดีหญิงสาวกลับทวีความโกรธมากขึ้น ปากอิ่มเม้มแน่นระงับอารมณ์เต็มที่

“พี่ฉัตรเห็นเป็นเรื่องตลกเหรอคะ” เสียงหวานเริ่มสั่นเครือ น้ำตาที่เพิ่งหยุดไหลทำท่าจะไหลอีกรอบ “คิดว่าหัวใจนิคกี้เป็นก้อนหินไม่มีความรู้สึกเหรอคะ ถึงมาทำผีเข้าผีออกแบบนี้”

ฉัตรบดินทร์เห็นท่าจะไม่ดี กลัวเด็กน้อยของเขาจะพานคิดไปกันใหญ่ เลยรีบปรามคนตัวบางที่กลิ่นหอมหวานล่อลวงเขาอยู่ นักศึกษาแพทย์เป็นร้อยเป็นพัน เขายังพูดยังสอนให้เชื่อให้เจริญรอยตามได้ ทำไมเมียคนเดียวมันถึงยากเย็นแบบนี้

“เอาใหม่ พี่ขอโทษ ที่วันนั้นอารมณ์เสียไปนิด”

“ไปนิดเหรอคะ” จากหวานเริ่มจะเป็นแหว “พี่ฉัตรพูดอะไรไปบ้าง จำได้ไหม”

“จำได้ ถึงมาขอโทษ” คนตัวโตถอนหายใจ “ขอโทษละกันนะ พี่คงจัดการกับความรู้สึกตัวเองไม่ค่อยเก่ง คงแสดงออกไม่ค่อยถูก มันถึงออกมาเป็นแบบนั้น”

คราวนี้นคราขืนตัวออกจากอ้อมกอดอบอุ่นได้สำเร็จ จ้องหน้าหล่อของสามีทั้งตามกฎหมายและตามพฤตินัยด้วยแววตาเอาเรื่อง เสียงอู้อี้ขึ้นจมูก ทั้งน่าขำและน่าสงสารในเวลาเดียวกัน

“พี่ฉัตรหาว่านิคกี้วางอำนาจกับลูกน้องพี่ฉัตร โดยที่ไม่รู้เลยว่าต้นสายปลายเหตุคืออะไร พอกลับมาถึงบ้านยังมาพูดว่านิคกี้แรดอีก”

คราวนี้ฉัตรบดินทร์รีบยกมือขึ้นห้าม “เดี๋ยวๆ พี่ไม่ได้พูดคำนั้นสักครั้งนะ” คุณหมอเบิกตากว้าง ปฏิเสธข้อกล่าวหาเต็มที่ “พี่แค่โมโหที่พอกลับมาก็มีคนมารอพานิคกี้ไปโน่นไปนี่ ทั้งๆ ที่ตั้งใจแล้วว่าจะพาไปกินข้าว”

คนสวยเถียงกลับคอเป็นเอ็นทันที “อย่ามาอ้าง พี่ฉัตรหมดอารมณ์พานิคกี้ไปตั้งแต่หันหัวรถกลับบ้านแล้ว” 

ชายหนุ่มถึงกับโคลงหัว จริงอย่างที่เมียเขาว่า เขาลมเพลมพัดตั้งใจจะพานครากลับบ้านเลย คิดแค่ว่ากลับมานั่งสงบสติอารมณ์แล้วก็จะพาไปตามที่ตกลง แต่กลับกู่สติไม่กลับเพราะเจอพลพัฒน์ยืนอยู่ในเรือนหอ มองรูปพรีเวดดิงที่คุณหญิงแม่ของเขาจัดแจงอัดใหญ่ใส่กรอบแปะไว้ที่โถงกลางบ้าน ราวกับกลัวแขกไปใครมาไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านทั้งสองคนเป็นใคร เป็นใครก็ของขึ้น เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าไอ้หน้าหล่อคนนั้นรักเมียเขา แถมยังมีประโยคชวนคิดจากลูกน้องกระตุ้นต่อมหึงทิ้งเชื้อไว้ในหัวอีก เลยระเบิดลงเบอร์ใหญ่

“โอเค ยอมรับ”

“ค่ะ รู้ว่าทำอะไรลงไปก็ดี” ตาหวานฉายแววสมใจเมื่อคนแก่กว่าเกินรอบยอมก้มหัวรับผิด แต่แล้วก็ต้องรีบหลบตาครั้นได้ยินเสียงทุ้มอ่อนจนเกือบจะหวาน

“แล้วให้อภัยไหมล่ะ” มือหนาเกลี่ยผมที่หลุดลุ่ยจากการดิ้นหนีเขา ดึงหล่อนมานั่งเกยอยู่บนตัก โดยที่มือยังกุมอยู่ “จะพยายามให้ดีขึ้น ช่วยๆ กันหน่อยละกัน เกิดมาก็ไม่เคยมีเมีย จะได้รู้ว่าต้องทำอะไรแค่ไหนถึงพอดี”

“จะให้นิคกี้ช่วยอะไร มีแต่พี่ฉัตรนะคะที่ออกอาการขนาดนั้น ขนาดนิคกี้โดนลูกน้องพี่ฉัตรเหวี่ยงใส่ นิคกี้ยังต้องเป็นคนรับเคราะห์เลย” ได้ทีนคราเลยฟ้องบ้างว่าปิ่นนภาปีนเกลียวใส่หล่อนขนาดไหน

“นิคกี้ไม่รู้นะคะ ว่าเมื่อก่อนพี่ฉัตรมีอะไรกับใครยังไง” หญิงสาวเลียบๆ เคียงๆ ถาม “แต่ตอนนี้นิคกี้แต่งงานกับพี่ฉัตรแล้ว ก็ควรจะมีพื้นที่ให้นิคกี้บ้าง”

ฉัตรบดินทร์หันขวับทันทีตามพื้นนิสัยเดิม แต่พอรู้ตัวก็ปรับแววตาให้อ่อนลง รู้ว่าหญิงสาวข้างกายอยากรู้ความสัมพันธ์ของเขากับปิ่นนภา เลยถอนหายใจแล้วบอกเล่าเรื่องที่หนักอกมาตลอดให้อีกฝ่ายรับรู้ ก็เมียคือคนที่ต้องแบ่งปัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขนี่นะ

“พูดตามตรง พี่รู้ว่าเขาคิดเกินเจ้านาย แต่พี่ก็ไม่เคยแสดงออกอะไรให้เขามีความหวังนะ” พูดไปนิ้วโป้งก็ไล้คลึงหลังมือของหญิงสาวไป วัดชีพจรนครา กะว่าถ้ารู้สึกว่ามันเต้นแรงขึ้นจะได้รู้ตัวว่าหญิงสาวกำลังโกรธ “ไม่เคยคิดกับเขาเกินลูกน้อง พยายามวางตัวดีตลอด แต่ก็ไม่รู้สิว่าอะไรทำให้เขาแสดงกิริยาแบบนั้นกับนิคกี้”

ส่วนหน้าสวยก็เชิดขึ้นเล็กน้อย แก่แล้วยังไม่วายเสน่ห์แรง ปากแดงจิกกัดคนเป็นสามีทั้งในทะเบียนและบนเตียง

“หึ ก็คงเห็นว่าจะหลุดมือแน่ๆ แล้วไงคะ เลยเร่งสปีดตีนปลายขนาดนี้ นี่ถ้ารู้ว่าเราจดทะเบียนกันเรียบร้อยคงจะขาดใจตาย ไม่ก็ถลาเข้ามาฆ่านิคกี้ ตัวเองจะได้เป็นเมียใหม่เร็วๆ”

ชายหนุ่มส่ายหน้าที่เปื้อนยิ้ม เด็กนี่มันมีจินตนาการดีจริงๆ อย่างว่าละนะ เมียเขาเพิ่งพ้นวัยดูการ์ตูนมาได้ไม่ถึงสิบปีเอง

“เอางี้ หลังงานพรุ่งนี้ เขาก็ไม่น่าจะกล้าทำอะไรล้ำเส้นนิคกี้แล้ว ที่สำคัญคงไม่มีเหตุการณ์อะไรให้ได้เจอกันบ่อยมั้ง” ตาคมปรายมองคนข้างๆ ที่ดูจะอารมณ์ดีขึ้นแล้ว

“แต่ต่อให้ต้องเจอ พี่ก็จะทำให้แน่ใจว่าเขาควรให้เกียรตินิคกี้แบบไหน โอเคไหม” คนตัวโตยังตรึงสายตาอยู่กับคนข้างๆ ใช้มืออีกข้างโอบบ่าหล่อนเข้ามาในอ้อมแขน รับรู้ได้ถึงอาการแข็งขืน แต่เขาก็ทำไม่รู้ไม่ชี้เสีย

“ลงไปทานข้าวกันนะ เสร็จแล้วพักสักแป๊บ พี่เรียกคนมาขัดตัว มานวดให้ พรุ่งนี้เจ้าสาวจะได้สวยที่สุด ดีไหม”

ฉัตรบดินทร์พยายามเอาใจภรรยาให้มากที่สุดเท่าที่คนแบบเขาจะนึกออก ซึ่งก็พอดีสำหรับหัวใจของนครา ถึงแม้จะรู้สึกว่าตัวเองใจง่ายนิดๆ แต่ก็อดมีความสุขชุ่มชื่นหัวใจไม่ได้เมื่อได้รับการดูแลเล็กๆ น้อยๆ จากเขา

“เหรอคะ แล้วพี่ฉัตรจะทำอะไร”

“เดี๋ยวพี่นวดน้ำมันเป็นเพื่อน ขอลองยืมสปาคุณนิคกี้หน่อยจะได้ไหมล่ะ ไม่รู้คุณผู้หญิงจะอนุญาตหรือเปล่า” พูดจบก็จับจูงภรรยาให้ลุกขึ้นยืน เพื่อพากันไปรับประทานอาหารด้านล่าง ที่แม่บ้านได้รับคำสั่งผ่านแอปพลิเคชันโทรศัพท์มือถือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“แหม เงินพี่ฉัตรทั้งนั้น” หญิงสาวบอกงอนๆ ยังไม่วายไว้ตัวเล็กน้อย “จะย้ายลงไปนอนในนั้น นิคกี้ก็ไม่มีสิทธิ์ว่าหรอกค่ะ”

“อ้าว ไม่ทันไรจะไล่พี่ไปนอนนอกห้องเสียแล้ว” คนตัวโตขำ ขำเสร็จก็หยุดคิดครู่หนึ่งว่าเขาเองไม่ได้หัวเราะจากใจแบบนี้มานานเท่าไร คิดได้ก็มองคนตัวบางข้างๆ อีกครั้ง คราวนี้ยิ้มอ่อนโยนอยู่เหนือหัวทุย โดยที่อีกคนไม่ได้รับรู้ว่าตัวเองเป็นบ่อเกิดของความอิ่มเอมในใจฉัตรบดินทร์ ยังคงพูดคุยไปเรื่อยเปื่อยเหมือนสมัยเด็กๆ

“หือ นิคกี้เปรียบเปรยเฉยๆ ทุกตารางเซ็นต์ในบ้านก็เงินที่ฉัตร ที่ก็ของบ้านพี่ฉัตร นิคกี้เป็นคนอาศัยเฉยๆ” ร่างอรชรเดินมาจนถึงเก้าอี้ประจำตัวบนโต๊ะอาหาร แต่กลับโดนชายหนุ่มรั้งไว้ไม่ให้นั่ง จึงหันไปมองหน้าเขา คิ้วเรียวขมวดด้วยความสงสัย “อะไรคะ”

“บ้านของเรา” ตาคมกริบมองไปรอบๆ “แล้วถ้าเผื่อนิคกี้ไม่รู้ ในพานสินสอด โฉนดของบ้านเราหลังนี้ก็ตัดแยกออกมาจากบ้านทั้งหมด แล้วก็ใส่เป็นชื่อนิคกี้แล้วด้วย”

ตาหวานคลายความเอาเรื่องมองเขาแบบทึ่งนิดๆ จนฉัตรบดินทร์ต้องกดบ่าบางให้นั่งลงเพื่อลดอาการเขินอายที่ไม่ใช่ของนครา แต่เป็นเขา

ใช่...คนอย่างเขากำลังเขิน

“ไม่ต้องทำหน้าเหมือนเห็นผีแบบนั้น รีบทานข้าวซะ เดี๋ยวอาหารย่อยไม่ครบหนึ่งชั่วโมงก่อนนวด พี่ไม่ให้เราเข้าไปรีแลกซ์จริงๆ ด้วยนะ”

 

                สองสามีภรรยารับการปรนนิบัติเสร็จสิ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน จากนั้นก็พากันเดินเคียงข้างขึ้นข้างบนมาเงียบๆ แต่ชายหนุ่มส่งแววตาเอ็นดูให้คนข้างๆ เป็นระยะ

“พี่ว่า...” มือหนาเปิดประตูห้องนอน แต่หยุดรอให้นคราเดินเข้าไปก่อน “พรุ่งนี้เราไปทานข้าวเที่ยงที่โรงแรมเลยก็ได้นะ เดี๋ยวรถติด อายเขาแย่ บ่าวสาวไปไม่ถึงงาน”

ด้านนคราก็หัวเราะน้อยๆ เหมือนขื่นในลำคอเสียมากกว่า หล่อนเจอมาหมดแล้วไอ้อาการคุ้มดีคุ้มร้ายของเขา ต่อจากนี้จะไม่ปล่อยใจให้หลงเพริดไปกับกิริยาแสนหวานชวนฝันแบบนี้

“ทำเหมือนตื่นเต้น อยากแต่งกับนิคกี้ซะเหลือเกิน ถึงต้องรีบไปขนาดนั้น” ตอบคนร่วมหอลงโรงแบบไม่ใส่ใจมากนักพลางเดินเรื่อยไปจนถึงห้องแต่งตัว เตรียมทาครีมก่อนนอน

“แล้วรู้ได้ไงว่าไม่อยาก พี่อาจจะอยากแต่งกับเรามาตลอดเลยก็ได้ ถึงไม่หาทางปฏิเสธคุณแม่”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น