7

บทที่ 7


 

7

 

“พี่หนาม” นคราวิ่งรี่เข้าหาอ้อมกอดของพี่ชายที่ยืนอ้าแขนรับหล่อนอยู่หน้าประตูบ้าน หน้าตาหล่อเหลายิ้มถึงตาดีใจที่ได้เจอน้องสาวไม่ต่างกัน

อีกฝ่ายก็กอดน้องสาวไว้เต็มแรง ให้สมกับความคิดถึงเพราะไม่ได้พบกันนานหลายเดือน

“เป็นไงบ้าง คนสวยของพี่” นคเรศกอดจนหนำใจแล้วก็ดันตัวน้องสาวออกเพื่อดูอีกฝ่ายให้เต็มๆ ตา ใครจะรู้ว่าจากการที่นคราเดินทางกลับประเทศไทยหลังเรียนจบเมื่อสองเดือนก่อน จะนำมาซึ่งอะไรๆ แบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ “จะเป็นเจ้าสาวอยู่แล้ว ทำไมหน้ายุ่งอย่างนั้นล่ะ”

“ค่ะ เจ้าสาวที่เจ้าบ่าวไม่ใส่ใจ นิคกี้คงมีความสุขหรอกนะคะ” นคราบอกตามจริง ทุกคนในครอบครัวรู้กันดีว่าเหตุใดทั้งหล่อนและฉัตรบดินทร์จึงเข้าพิธีสมรสโดยด่วน และรู้ดีว่าฝ่ายชายทำทุกอย่างแบบขอไปทีมากแค่ไหน

“นี่นิคกี้เพิ่งไปดูความเรียบร้อยที่โรงแรมเป็นครั้งสุดท้าย พรุ่งนี้จะไม่ทำอะไรแล้ว” หญิงสาวบอกด้วยความเหนื่อยล้า ทั้งงานที่ต้องช่วยแบ่งเบาจากบิดา ทั้งเรื่องตกแต่งเรือนหอเพิ่มเติม และเรื่องงานทำบุญบ้านในอีกสัปดาห์หนึ่ง เล่นเอานคราหัวหมุนไม่น้อย เพราะว่าที่เจ้าบ่าวตัดช่องน้อยแต่พอตัว บอกให้ทุกอย่างอยู่ภายใต้การตัดสินใจของหล่อน เนื่องจากเขาจะเร่งรับคนไข้ นัดวันผ่าตัด จะได้ไม่มีอะไรไปรบกวนพิธีวิวาห์ที่จะเกิดขึ้น

“โธ่ พี่ฉัตรปากแข็ง นิคกี้ก็รู้” นคเรศปลอบน้องสาว คุ้นเคยกับว่าที่เจ้าบ่าวไม่น้อย เพราะโตมาด้วยกัน อายุอานามไล่เลี่ยกัน ถึงแม้จะห่างกันไปตั้งแต่บิดามารดาของเขาแยกทางกัน แต่ก็ยังติดต่อกันอย่างสม่ำเสมอ

“ว่าแต่เจ้าบ่าวจะมาถึงกี่โมงล่ะ” หนุ่มรูปงามวัยสามสิบมองหน้าน้องสาวคนเดียว  เค้าโครงหน้าที่เหมือนกันแต่แฝงไว้ด้วยความแข็งกร้าวตามประสาบุรุษเพศ นัยน์ตาที่ฉายความเด็ดขาดมากกว่า ทำให้นคเรศดูเข้มแข็งและพร้อมสู้โลกมากกว่านคราเป็นไหนๆ

“คงอีกสักสองชั่วโมง” นคราบิดข้อมือดูเวลา ท่าทางเหมือนไม่ใส่ใจทั้งๆ ที่นับถอยหลังว่าเมื่อไหร่จะได้เจอเขา

“ว่าแต่คุณแม่กับแด๊ดล่ะคะ” หญิงสาวถามถึงมารดากับบิดาเลี้ยงที่บินมาร่วมงาน หล่อนเรียกอีกฝ่ายว่าพ่อเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างสนิทปาก โดยบิดาผู้ให้กำเนิดอย่างนาคราชก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะสนิทสนมคุ้นเคยเป็นมิตรกับฝ่ายโน้นเป็นอย่างดี

“นอนอยู่ แต่เดี๋ยวคงตื่น แล้วนี่เก็บข้าวของหมดแล้วเหรอ” นคเรศโอบรอบเอวน้องสาวพาเดินเข้าบ้าน ก่อนเจ้าตัวจะลากพี่ชายไปนั่งเล่นในบริเวณส่วนตัวของตน ทั้งๆ ที่อีกคนก็มีพื้นที่ส่วนตัวเหมือนกัน

“เก็บแล้ว แต่ไม่หมดค่ะ นิคกี้ทิ้งของไว้ที่นี่เยอะเหมือนกัน คงกลับมานอนบ้านอาทิตย์ละสองสามวัน” หญิงสาวบรรยาย หล่อนไม่รู้จะบอกพี่ชายอย่างไรว่ากลัวขนไปแล้วต้องขนกลับในไม่ช้าเพราะความใจร้ายของฉัตรบดินทร์

“สามีเราเขาจะยอมเหรอ เห็นว่าทุ่มงบแต่งเรือนหอใหม่ไม่อั้น คงกะจะให้เราอยู่ที่โน่นเต็มที่มั้ง” ร่างสูงใหญ่เกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตรนั่งลงตรงข้ามนครา ส่วนสูงผิดกันเกือบยี่สิบห้าเซนติเมตรทำเอาหญิงสาวดูตัวเล็กไปเลยเมื่อยืนเทียบกับพี่ชาย “แล้วไอ้พอลไปไหน ทำไมมันให้เราออกไปตะลอนคนเดียว”

ด้านนครารินเครื่องดื่มโปรดให้พี่ชายเสร็จก็ยื่นให้เขาตามความเคยชินแล้วนั่งลงบ้าง ปากเจื้อยแจ้วรายงานสิ่งที่พี่ชายอยากรู้

“พอลไปเอาสูทค่ะ นี่ให้ภูมิขับรถไปให้ เดี๋ยวก็มา ทันมื้อค่ำแน่นอนค่ะ” คนหน้าสวยเหลือบมองออกไปที่สนาม เห็นเหล่าลูกน้องเกือบยี่สิบชีวิตวิ่งออกกำลังกายอยู่ หลังจากนี้ก็คงเข้าไปฝึกการต่อสู้กันในโรงยิม ทันเวลาก่อนที่แขกจากบ้านว่าที่สามีจะมาถึง ไม่อย่างนั้นฝ่ายโน้นอาจจะออกอาการงงๆ กันเล็กน้อย ถึงแม้จะรู้ดีว่าบิดาหล่อนทำธุรกิจแบบไหน แต่คงไม่เคยเห็นคาตาแบบนี้

“นี่พี่หนามได้ขึ้นห้องหรือยังคะ” หญิงสาวเบนสายตากลับมามองสายเลือดเดียวกัน ดวงตาที่เคยเปล่งประกายสดใสตลอดเวลากลับมีความกังวลเจืออยู่

พี่ชายต้องกวักมือเรียกให้น้องมานั่งข้างๆ น้องสาวก็เดินมาซุกตัวในอ้อมแขนเขาแบบรู้งาน โอบแขนเรียวรอบลำตัวพี่ชาย กระแซะหาไออุ่นจากคนสายเลือดเดียวกันทันที

“ยัง อยากเจอเราก่อน ไหนบอกพี่ซิ ถ้ามันไม่มีความสุขจะฝืนอยู่ทำไม” มือหนาลูบหัวน้องสาวคนสวย เกลี่ยผมออกจากหน้าผากเกลี้ยง ไม่เข้าใจว่าฉัตรบดินทร์คิดอะไรอยู่ถึงทำท่ารังเกียจนคราขนาดนี้ หรือว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ชอบน้องสาวเขาแบบที่ทุกคนแอบคิดจริงๆ

“นิคกี้อยากทำให้ถึงที่สุด ให้รู้ว่าเต็มที่แล้ว ถ้ามันจะไม่รอดก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย”

“แล้วไปทำท่าทางไม่น่ารัก ใครเขาจะรัก” ทำไมเขาจะไม่รู้ว่านคราทำตัวแข็งกระด้างประชดฝ่ายโน้นไม่น้อย รับประกันว่าถ้าสาวข้างๆ เขาทำตัวน่ารัก ออดอ้อนตามเนื้อแท้ที่เป็น เป็นใครก็ต้องตกหลุมรักลูกสาวเจ้าพ่อคนสวยได้ง่ายๆ แต่ไอ้ที่แสดงออกกับฉัตรบดินทร์มันคือนคราภาคมารร้าย กวนประสาทยั่วโมโหที่สุด

“ก็เขาทำตัวไม่น่ารักกับนิคกี้ก่อน ดูถูกนิคกี้สารพัดว่าจะจับเขา” หน้าเรียวได้รูปเงยขึ้นสบตาพี่ชาย “พี่หนามก็รู้ว่านิคกี้ไม่เคยอยากให้ใครบังคับใคร”

“ฟังพี่นะ พี่อยากให้นิคกี้เป็นนิคกี้ ไม่ว่าใครจะทำอะไรไม่ดีกับเราแค่ไหน เราก็ไม่ควรทำไม่ดีใส่เขา เรายิ่งต้องทำดีให้เขาละอายใจรู้ไหม” พี่ชายสอนน้องสาว

ถึงแม้ในวัยเด็กจะโดนแยกกันเลี้ยงคนละประเทศ แต่พอน้องสาวตามไปเรียนต่อ พี่อย่างเขาก็ต้องคอยดูแล ปกป้อง ช่วยเหลือน้องที่ต้องปรับตัวเข้ากับสังคมใหม่ๆ แถมยังมีความกลัวลึกๆ ว่าน้องจะไม่รัก เลยยิ่งทั้งตามใจ ทั้งใส่ใจ จนหลายคนบอกว่าเขาหวงนคราเหมือนพ่อหวงลูกสาว หวงจนคนเป็นพ่อแท้ๆ อย่างนาคราชกับพ่อเลี้ยงอย่างเซบาสเตียน วางมือเรื่องลูกสาวคนนี้ได้ ไม่นับเพื่อนสนิทของคุณหนามที่คอยแท็กทีมพี่ชายดูแลนคราไม่ให้คลาดสายตาอีกคน

“นิคกี้ก็เป็นนิคกี้นิ พี่หนามเข้าข้างคนอื่นหรือไงคะ”

นี่ไง พูดปุ๊บก็ออกอาการ ขืนตัวออกจากอ้อมแขนเขาทันที แสนงอนขึ้นชื่อ แต่เขาก็เต็มใจง้อน้องทุกครั้ง

“พี่จะไปเข้าข้างคนอื่นทำไม พี่ต้องอยากให้นิคกี้ได้สิ่งที่ต้องการมากที่สุดสิ” นคเรศรั้งตัวน้องสาวกลับมาพิงเขาเหมือนเดิม ใช้หลังนิ้วชี้กับนิ้วกลางคีบริมฝีปากน้องสาวที่ยื่นออกมาเพราะไม่พอใจ

“พูดอย่างกับนิคกี้เป็นตัวเองแล้วเขาจะดีด้วย ยิ่งโดนโขกสับ กดขี่สิคะ” หน้าสวยพยายามหลีกหนีการคุกคามของพี่ชาย ที่ขยี้ผมเผ้าหล่อนเสียรุงรังไปหมด “โอ๊ย พี่หนามอย่าแกล้งสิ ผมนิคกี้ยุ่งหมดแล้วนะคะ เดี๋ยวบ้านโน้นจะมาแล้ว นิคกี้ไม่มีเวลาแต่งตัวแล้วนะคะ”

“โอ๊ย ห่วงสวยอีก” อดหมั่นไส้ไม่ได้ เขาเคยเห็นน้องสาวหน้าสดในชุดนอนหลายหน ยังอดคิดไม่ได้ว่านคราเป็นผู้หญิงที่สวยได้ทุกชุดทุกเวลา “จนจะแต่งอีกวันสองวัน ไม่ต้องสวยยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้ว”

“สวยขนาดนี้ ลูกพี่พี่หนามก็ยังไม่แล” คนตัวบางขยับหนี ยืนขึ้นเต็มความสูงร้อยหกสิบเจ็ดเซนติเมตร แทนชื่อฉัตรบดินทร์ด้วยคำว่าลูกพี่ ก่อนจะกรีดนิ้วให้พี่ชายมองตามตั้งแต่ศีรษะจดเท้า ผมยาวสีน้ำตาลอ่อนเป็นธรรมชาติถูกม้วนเป็นลอนทิ้งชายเลยบั้นเอว ร่างผอมแต่มีทรวดทรงอยู่ในเดรสคอปาดแขนยาว กระโปรงสั้นแค่ครึ่งขาอ่อน เห็นขาเรียวเรียกน้ำลาย ดีที่เขาเป็นพี่ชายเลยไม่ได้คิดอะไรเลยเถิด แต่กล้าพูดตามประสาผู้ชายว่าร้อยทั้งร้อยเห็นน้องสาวเขาก็ต้องคิดทั้งนั้น

“สวยแต่นิสัยไม่น่ารักไง เชื่อพี่สิ กลับไปเป็นตัวเอง แล้วถ้าพี่ฉัตรไม่รักนิคกี้ พี่ยอมทำอะไรให้นิคกี้ก็ได้”

คราวนี้นคราเป็นฝ่ายโผเข้าใส่นคเรศเอง ถามเสียงใสระหว่างหอมแก้มซ้ายขวาของพี่ชาย อ้อนคนมีสายเลือดเดียวกัน

“พี่ต้องตามใจนิคกี้อยู่แล้วหรือเปล่าคะ ไม่ว่าใครจะรักนิคกี้หรือเปล่า” มือบางบังคับหน้าพี่ชายให้มองหน้าหล่อน ก่อนจะระดมจูบให้ลิปสติกเปื้อนหน้าหล่อที่มีแต่สาวๆ มาหลงใหล

“ส่วนเรื่องกลับไปเป็นคนเดิม อยู่ดีๆ นิคกี้เปลี่ยน เขาก็หาว่านิคกี้บ้า ไม่ก็สร้างภาพสิคะ” จูบสุดท้ายนคราฝากไว้ที่ปลายจมูกโด่งของนคเรศ ที่นั่งนิ่งให้น้องสาวแสดงความรัก ให้สิทธิพิเศษหญิงสาวมากกว่าทุกคน

“งั้นก็ค่อยๆ เป็นตัวเอง เลิกทำตัวประชดกดดันแบบนี้ แล้วถ้าถึงวันที่นิคกี้เป็นตัวเองเต็มที่ แล้วเขายังร้ายกับนิคกี้อยู่ นิคกี้จะได้รู้ว่าเขาไม่ได้รักตัวเราจริงๆ” นคเรศสอนน้องสาวอย่างมีเหตุผล เข้าใจอารมณ์ของนคราดี ถึงแม้ว่าจะเรียนจนจบ กลับมาช่วยบิดาคุมงานได้ แต่บางเรื่องก็ยังทำตัวเป็นเด็กๆ อยู่ “ถ้าเขาอ่อนให้นิคกี้ที่เป็นแบบนี้ แสดงว่าเขาชอบนิคกี้ที่ไม่ได้เป็นตัวเอง อยากให้เขารักเราในเงาคนอื่นหรือไง”

 

หลังจากโดนนคเรศสั่งสอน นคราก็ขอตัวขึ้นมาเก็บเสื้อผ้าที่จะใช้ในวันสำคัญ ทบทวนคำพูดที่ได้ฟังมาอีกที เริ่มคล้อยตามว่านอกจากตัวเองจะเหนื่อยกับการไม่เป็นตัวเองแล้ว หากฉัตรบดินทร์เกิดรักคนที่ไม่ใช่หล่อนขึ้นมา รับประกันได้ว่าชีวิตสมรสต้องมีปัญหาแน่นอน

หญิงสาวมองภาพสะท้อนในกระจก มองลึกลงไปในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของตัวเอง แล้วก็ต้องยอมรับว่าการฝืนทำตัวแข็งกร้าวใส่ฉัตรบดินทร์ การบอกตัวเองว่าต้องเอาชนะเขา ข่มเขา หยาบคายใส่เขา บั่นทอนจิตใจตัวเองมากแค่ไหน

คิดได้แบบนั้นก็พยักหน้าให้หน้างดงาม ยิ้มกว้างแบบที่เคยยิ้ม บอกตัวเองว่าจากวันนี้หล่อนจะค่อยๆ ถอดหน้ากากที่เคยสวม แล้วเผยตัวจริงของนครามากขึ้น หากเป็นตัวเองเต็มที่แล้วยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น วันนั้นนคราจะยอมตัดใจ ให้ฉัตรบดินทร์มีอิสระแบบที่เขาต้องการทันที

 

ไม่นานหลังจากตั้งสติใหม่ คนร่างบางก็ลงมารอรับแขกที่ควรจะมาถึงในอีกครึ่งชั่วโมงข้างหน้า แต่กลับกลายเป็นว่าแขกในวันนี้มากันพร้อมหมดแล้ว หญิงสาวเดินตามเสียงไปทางห้องนั่งเล่น ก่อนจะเห็นหลังผึ่งผายของว่าที่สามี ที่แต่งตัวง่ายๆ ด้วยเสื้อเชิ้ตขาว กางเกงสแล็กส์ดำ ยืนถือแก้วเครื่องดื่ม อีกมือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ฟังพี่ชายหล่อนกำลังคุยอยู่ ไม่ได้สนใจคนที่เพิ่งก้าวเข้ามาในห้อง แต่เป็นมารดาของหล่อนเองที่หันมาเห็นเข้า เลยปรี่เข้ามากอดเสียให้หายคิดถึง

“ลงมากันเร็วจังค่ะ” นครากอดมารดาแน่นพอกันระหว่างถาม ก่อนจะผละออกให้พ่อเลี้ยงกอดบ้าง

“น่าจะให้ใครไปตาม เสียมารยาทมากนิคกี้ ลงมาคนสุดท้ายเลย” หญิงสาวแก้ตัวอย่างมีมารยาท ก่อนจะจูบแก้มสามีใหม่ของมารดาตามธรรมเนียมตะวันตก “แด๊ดผอมลง ไม่สบายหรือคะ”

“โน ไดเอตมางานหนูไง ลูกสาวแต่งงานทั้งที ขอหล่อหน่อยสิ” เจ้าของธุรกิจโทรคมนาคมบอกลูกเลี้ยงที่เขารักเหมือนลูกแท้ๆ

“แล้วนี่พร้อมหรือยัง แด๊ดอยากให้ถึงงานไวๆ อยากให้ของขวัญจะแย่” บุรุษที่ดูภูมิฐานมองสาวสวยที่เขาช่วยภรรยาเลี้ยงมาตั้งแต่อายุสิบสอง บัดนี้เติบโตงดงามเป็นสาวจนจะเข้าพิธีมงคลวันมะรืนแล้ว

“แค่นี้ก็หล่อจะแย่” สาวสวยเย้ากลับด้วยประโยคคล้ายๆ กัน

“ว่าแต่เจอว่าที่คู่หมั้นนิคกี้กันหรือยังคะ” นคราปรายตาไปทางฉัตรบดินทร์ที่ยังคุยกับนคเรศอยู่ กะพริบตาถี่ๆ จนขนตายาวแนบกับโหนกแก้ม เมื่อเห็นพี่ชายทำหน้าจริงจังเอาเรื่อง หญิงสาวเดินไปหาคนทั้งคู่ แต่ไม่ทันได้ยินบทสนทนา จับความได้แค่ไม่กี่ประโยค

“อย่าฝืนตัวเองเลยครับพี่ฉัตร วันนี้พี่ฉัตรอาจคิดว่าผมจะมารู้ดีกว่าพี่ได้ยังไง แต่เชื่อผมเถอะ คนนอกมันมองอะไรเห็นชัดกว่าเสมอ”

นคเรศยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นดื่มจนหมด ท่าทางเหมาะสมแล้วที่จะเป็นทายาทผู้มีอิทธิพล น่ายำเกรง ข่มขวัญฝ่ายตรงข้าม แต่ไม่คุกคาม

“อะไรทำให้หนามเชื่อแบบนั้น”

สีหน้าว่าที่คู่หมั้นเป็นเช่นไรนคราไม่รู้ รู้แค่ว่าน้ำเสียงที่เขาพูดฟังดูตกใจไม่น้อย ถามพี่ชายว่าที่ภรรยาเสียงตื่น ไม่เคยคิดว่าจะมีคนล่วงรู้สิ่งที่แม้แต่เขาเองก็ยังไม่อยากจะยอมรับ

ส่วนนคเรศก็ได้แต่ยิ้มมุมปากแบบคนถือไพ่เหนือกว่า เรื่องเรียนเก่งเชี่ยวชาญในอาชีพ เขาอาจจะต้องยกให้ฉัตรบดินทร์ แต่เรื่องอ่านคนออก มองเกมขาดต้องยกให้เขาเท่านั้น

“เอาเป็นว่า ถ้าวันหนึ่งพี่ฉัตรยืนยันว่าสิ่งที่พี่แสดงออกวันนี้เป็นความจริง แล้วยังทำให้นิคกี้เสียใจแบบนี้ไม่หยุด วันนั้นผมก็จะขอน้องผมกลับไปดูแลเอง”

นคเรศชะงักทันทีที่พูดจบประโยคเพราะเห็นน้องสาวเดินมาจนประชิดหลังฉัตรบดินทร์ ก่อนเจ้าตัวจะทำเหมือนไม่ได้ยินอะไร ออกปากขอตัวชายหนุ่มไปพบมารดากับบิดาเลี้ยง

“คุยอะไรซีเรียสอยู่หรือเปล่าคะ จะขอยืมพี่ฉัตรไปหาคุณแม่กับนิคกี้หน่อย”

ตาวาววับมองเขาแบบจับพิรุธ แต่นคเรศก็ทำเป็นไม่สนใจ ยิ้มเจ้าเสน่ห์ให้น้องสาวคนสวยทันที

“เอาไปเลยจ้ะ พี่แค่ถามไถ่ตามประสาคนไม่ได้เจอกัน” ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เหมือนชาวตะวันตกมองคนตรงหน้า ขนาดฉัตรบดินทร์สูงเกินมาตรฐานชายไทยไปเยอะแล้วยังแพ้ความสูงของนคเรศ “แต่เมื่อกี้ก่อนนิคกี้ลงมา พี่ฉัตรเจอคุณแม่กับแด๊ดแล้วนะ”

“ค่ะ แต่ยังไม่ได้เจอพร้อมนิคกี้ ขอเวลาแป๊บเดียวค่ะ นิคกี้ไม่กวนนาน” ท้ายประโยคหล่อนหันไปบอกคุณหมอหน้านิ่ง ที่หน้าหล่อเจือสีเลือดเพราะผลของแอลกอฮอล์เล็กน้อย

ว่าที่เจ้าบ่าวก็ไม่ได้ขัดแย้งอะไร ได้แต่พยักหน้ารับ โดยที่ไม่หันมองนคราสักนิด ทว่าก็ยอมเดินตามไปแต่โดยดี

 

วงสนทนาของรุ่นพ่อรุ่นแม่ขยายใหญ่ขึ้น เมื่อมีเจ้าของบ้านอย่างนาคราชและว่าที่พ่อแม่สามีของสาวสวยนางเอกของงานร่วมวงอยู่ ครื้นเครงเกินกว่าการที่จะมีทั้งสามีเก่าและสามีใหม่ของแม่เจ้าสาวนั่งอยู่ร่วมกัน

“คุณแม่ เจอกันแล้วใช่ไหมคะ นี่ไงคะพี่ฉัตร” นคราแนะนำอีกรอบตามมารยาท

มารดาก็พยักหน้ารับ ยิ้มอ่อนโยนให้ว่าที่ลูกเขย

“เจอแล้ว หล่อขึ้นจม โตเป็นผู้ใหญ่ ท่าทางไว้ใจได้เชียว” อดีตเมียเจ้าพ่อบอก

“น้าฝากน้องด้วยนะฉัตร ถึงจะรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก แต่น้าคิดว่าคงไม่ได้รู้จักกันดี หรือถูกใจกันทุกอย่าง” สุมนฑาบอกว่าที่ลูกเขย เห็นชายหนุ่มผู้นี้มาตั้งแต่ยังเด็ก รู้บ้างว่ามีการพูดกันทีเล่นทีจริงระหว่างสองครอบครัวเรื่องให้เด็กสองคนนี้แต่งงานกัน แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีเหตุให้เกิดขึ้นจริงจนได้แบบนี้

“น้ารู้ว่าฉัตรไม่ได้เต็มใจแต่ง แต่เต็มใจหย่า” หน้าสวยไม่เสื่อมคลายมองหน้าลูกสาว เห็นเงาความเสียใจพาดผ่านในดวงตา จึงออกโรงปกป้องเต็มที่ “ในเมื่อคิดแบบนั้น มั่นใจแบบนั้น ก็อย่าทำให้น้องเสียหายละกันนะจ๊ะ”

ด้านคุณหญิงสรวงสุดากลับไม่เห็นด้วย ดีใจแทบตายตอนสองคนนี้ลงเอยกันได้ ทางเดียวที่จะทำให้นคราเป็นสะใภ้ฉัตราวุธไปตลอดคือต้องให้หญิงสาวตั้งท้องทายาทรุ่นต่อไปต่างหาก

“ไม่ทันแล้วค่ะคุณสุ ไอ้ที่ต้องแต่งกันก็รู้กันดีว่าเกิดอะไรขึ้น ยังไงก็ต้องดูแลรับผิดชอบกันไปตลอด” แม่ฝ่ายชายโอบลูกสาวคนใหม่มาไว้ในอ้อมแขน “หนูจะเป็นส่วนหนึ่งของฉัตราวุธตลอดไปนะนิคกี้ แม่รออุ้มหลาน จะหลานสาวหลานชาย จะมาเดี่ยวมาคู่ รีบๆ เลยนะ ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีใครเลี้ยง แค่หนูท้อง แม่จะจัดการให้ทู้กอย่าง”

ชั่ววินาทีที่นคราเงยหน้าขึ้นสบตาผู้ใหญ่นั่นเอง หล่อนมองเห็นแววตาของฉัตรบดินทร์ แววตาที่เคยได้รับจากเขาเมื่อเนิ่นนาน ก่อนที่จะตกใจมากขึ้นเมื่อคนที่พูดต่อกลายเป็นชายหนุ่มเอง

“คุณน้ามั่นใจเถอะครับ ถึงสาเหตุของการแต่งงานจะแปลกไปสักหน่อย แต่ผมเองก็บอกนิคกี้ไปแล้วว่า ถ้าเขาอยากหย่าก็ให้บอก ถ้าเขาไม่อยากหย่า ผมก็ไม่มีปัญหาอะไรที่จะอยู่แบบนี้ครับ ส่วนเรื่องหลาน ถ้านิคกี้
อยากท้องหรือพร้อมมีลูกแล้วผมก็พร้อม”

เขาพูดทั้งๆ ที่ตาจ้องอยู่กับว่าที่เจ้าสาว หน้านิ่ง แต่น้ำเสียงไม่ก้าวร้าวเหมือนเคย และหากหล่อนไม่คิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไป จะหมายความว่าหากหล่อนไม่อยากเลิกเขาก็ไม่เลิกใช่ไหม

“คุณสุหนิ งานมงคลลูกมาพูดเรื่องเลิกกันทำไม” นาคราชปราม อยากให้สถานการณ์ดีขึ้น การนัดกันกินข้าวมื้อเย็นวันนี้ก็เพื่อให้มีโมเมนต์ดีๆ ระหว่างสองครอบครัวก่อนงานสำคัญ

“ไปๆ นั่งโต๊ะดีกว่า อาหารน่าจะพร้อมแล้ว” ว่าแล้วเจ้าของบ้านก็เดินนำแขกทุกคนไปยังห้องอาหารที่วันนี้เชิญเชฟชื่อดังจากโรงแรมมารังสรรค์อาหารให้ถึงบ้าน โดยมีพี่ชายเจ้าสาวกับน้องสาวเจ้าบ่าวเดินรั้งท้าย ท่าทางคลอเคลียกันพิกล

 

“พี่หนามขา ระวีสงสารน้อง ไม่เข้าใจพี่ฉัตรจริงๆ ทั้งๆ ที่ทุกคนก็มั่นใจว่าพี่ฉัตรชอบนิคกี้”

สาวเปรี้ยวบอกชายหนุ่มข้างๆ น้ำเสียงออดอ้อน จริตจะก้านแพรวพราว นิ้วเรียวเกี่ยวข้อมือเขาเล็กน้อย เรียกให้คนตัวโตฟังหล่อน

“ทำไมคิดอะไรไม่แสดงออกอย่างนั้น จะสร้างเรื่องกันทำไมให้ยุ่งยาก”

คนตัวโตได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มกริ่ม ก้มลงมองฉัตรระวีตาวาว ปลายจมูกไล้แก้มใสจนอีกคนขืนตัวหนี อ่อยเขา แต่พอเขาเอาจริงหล่อนก็ไม่กล้า

“พี่หนาม อย่านะคะ” ฉัตรระวีขึงตาใส่ หล่อนเป็นผู้หญิงสมัยใหม่ที่ไม่ถือสาหากผู้ชายจะถูกเนื้อต้องตัว แต่ก็ไม่ใจกล้าขนาดปล่อยให้เกินเลย ถึงจะรู้ว่าอีกฝ่ายพึงใจ แต่ก็ไม่เคยมีการสานสัมพันธ์ ดังนั้นทุกอย่างจึงต้องมีระยะห่างเสมอ

“อ้าว ก็เห็นระวีบอกว่าคิดอะไรให้แสดงแบบนั้น พี่ก็ทำตามที่บอกไง นี่ถ้าคุณพ่อคุณแม่เขาจับคู่พวกเราแทนคงง่ายกว่าเยอะ ว่าไหมคะคนสวย”

นคเรศออกลายเพลย์บอยเต็มที่ ทั้งเขาและฉัตรระวีเหมือนหมาหยอกไก่ เหมือนคนมองตากันก็รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร แต่กลับไม่มีใครอยากกระโจนใส่ความสัมพันธ์กันทั้งคู่ อาจเพราะเขาเองก็มีภาระความรับผิดชอบมากมาย และยังอยากสนุกกับชีวิตหนุ่มโสด ในขณะที่สาวสวยโพรไฟล์แน่นก็อยากจะสวยโสดให้ผู้ชายเสียดายเล่นก่อน ทั้งคู่จึงไม่เคยเริ่มความสัมพันธ์จริงจัง เพราะต่างฝ่ายต่างรู้ว่าหากเริ่มในเวลาที่ไม่เหมาะสมจะพานจบไม่สวย บาดหมางกันเสียเปล่าๆ แต่สงสัยว่าดึงเกมกันมาถึงตอนนี้นคเรศจะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำก่อน เพราะนับวันจะยิ่งใจเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อเจอสาวเปรี้ยวนามว่าฉัตรระวี

“เมื่อไหร่จะใจอ่อนคะ ถ้าระวีใจอ่อน พี่จะให้คุณพ่อไปขอ จัดพร้อมคู่นั้นก็ยังไหว” ชายหนุ่มใช้ปลายนิ้วไล้แขนเรียวยาวและคลอเคลียแถวข้อมือเรียกเลือดสาวอีกครั้ง

อีกฝ่ายก็ยั่วเย้าไม่แพ้กัน เขย่งเท้าขึ้นกระซิบชิดหูหนุ่มหล่อลูกชายเจ้าพ่อ แถมท่าทางจะได้มรดกเป็นบริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ในอเมริกาจากพ่อเลี้ยงอีกหนึ่งอย่าง

“แล้วเมื่อไหร่พี่หนามจะเอาจริงล่ะคะ ระวีก็รอจนเบื่อแล้วเหมือนกัน” น้ำเสียงกระเง้ากระงอดเหมือนไม่เอาจริง ทั้งๆ ที่ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

“ถ้าพี่หนามพร้อมก็ต้องรีบจีบนะคะ คู่แข่งเขาทำคะแนนนำกันไปหมดแล้ว” พูดจบฉัตรระวีก็ยิ้มมุมปากเหมือนเยาะเย้ยทายาทสายตรงของเจ้าพ่อ

ทิ้งไว้เพียงกลิ่นหอมคุ้นจมูก กลิ่นที่นคเรศหมายมั่นปั้นมือแล้วว่า จากนี้ได้เวลาที่เขาจะต้องได้กลิ่นทุกเช้า

 

สมาชิกทั้งสองครอบครัวรวมทั้งสิ้นเก้าคน ซึ่งกำลังจะแตกออกมาเป็นครอบครัวที่สามในอีกวันสองวันนี้รับประทานอาหารกันเรียบร้อย เจ้าบ้านที่ดีก็เดินออกมาส่งผู้เป็นทั้งสหายสนิท ทั้งจะดองกันเป็นญาติในอนาคต

“เจอกันวันงาน ภพ คุณหญิง” นาคราชตบบ่าเพื่อนรักเบาๆ ก่อนจะรับไหว้ว่าที่ลูกเขยที่ยืนอยู่ข้างๆ ลูกสาว “หวังว่าฉัตรคงไม่มีผ่าตัดด่วนนะ”

ชายหนุ่มไม่ตอบ แต่กลับยิ้มน้อยๆ ก่อนจะก้มลงหาคนที่ต้องแต่งงานกัน สายตาอ้อยอิ่งจนคนในบริเวณนั้นลอบยิ้ม จะมีก็แต่นคราที่ไม่ได้สนใจ มัวแต่ชี้ชวนให้พลพัฒน์ดูคลิปตลกที่แชร์กันในสื่อออนไลน์

“ไม่มีหรอกครับ ยังไงผมขอคุยกับนิคกี้สักครู่ละกัน” สิ้นประโยคนั้นก็เรียกความสนใจจากนคราได้

หญิงสาวเงยหน้ามองชายหนุ่มทันที เขานี่นะจะอยากมีบทสนทนากับหล่อนสองต่อสอง แต่ก็ไม่สามารถขัดได้เลยได้แต่พยักหน้าไวๆ เก็บโทรศัพท์มือถือลงกระเป๋ากางเกง และยกมือไหว้ผู้ใหญ่ฝ่ายชายหลังจากได้ยินเขาพูด

“คุณพ่อคุณแม่กลับไปก่อนได้ครับ ยังไงก็มากันคนละคันอยู่แล้ว”

คุณหญิงสรวงสุดากับฉัตรภพมองหน้ากันครู่หนึ่ง ก่อนคนเป็นภรรยาจะเป็นคนปิดฉากการพบปะในวันนี้

“อย่าดึกนะฉัตร เกรงใจพ่อตาแม่ยายเราบ้างละกัน อีกคืนเดียวก็ได้ลูกสาวเขาไปนอนด้วยแล้ว”

ฉัตรบดินทร์ได้แต่ถอนหายใจแล้วพยักหน้ารับ รออยู่พักใหญ่กว่าทุกคนจะแยกย้ายกันหมด ถึงได้ฤกษ์ออกปากตกลงกับนคราถึงรายละเอียดที่จะต้องอยู่กันไปทั้งชีวิต

หญิงสาวพาเขาเข้ามา ณ ที่เกิดเหตุที่เขาไม่เคยได้มาเหยียบอีกเลยตั้งแต่วันนั้น ร่างบางที่ดูจะผ่ายผอมลงอีกนั่งจมหายไปในโซฟาตัวนุ่ม

ส่วนคนอยากคุยได้แต่ยืนขมวดคิ้วมองนคราด้วยความไม่พอใจ...ทำไมปล่อยให้ตัวเองผอมแบบนี้

“ป่วยเหรอ”

หน้าสวยส่ายปฏิเสธทันทีที่เขาถาม

“แล้วทำไมผอมลง” ถามจบก็นั่งลงฝั่งตรงข้าม ตาคมกริบมองหญิงสาวไม่วาง ไม่เจอกันแค่สองสัปดาห์ทำไมถึงซูบไปขนาดนี้ หมอหัวใจวูบในใจเสียเอง

“คงยุ่งค่ะ นิคกี้เก็บของย้ายเข้าบ้านโน้น จัดการเรื่องตกแต่งใหม่ให้ทัน ไหนจะรายละเอียดเรื่องแต่งงานอีก คงวุ่นๆ จนลืมทานแหละค่ะ” ใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามอะไรแบบนี้จากปากเขา หน้าสวยที่นึกว่าต้องเจอเรื่องปวดหูกลับกลายเป็นมีสีเลือดขึ้นมา พานเผลอยิ้มหวานให้คนตรงหน้า

ฉัตรบดินทร์ใจกระตุกไม่น้อย รับรู้ได้ทันทีว่ายิ้มในวันนี้คือยิ้มที่ออกมาจากใจ ไม่ใช่ยิ้มมารยาทมารยาแบบที่ผ่านมา เขาเผลอยิ้มตอบและคิดไปไกลว่าหากได้รับยิ้มแบบนี้ทุกวันก็คงดีไม่น้อย แต่แล้วก็เหมือนฉัตรบดินทร์จะได้สติ วกกลับเข้าประเด็นที่ตั้งใจจะคุย

“ผมไม่รบกวนเวลานาน แค่อยากทำความเข้าใจอะไรนิดหน่อย” คนหน้าหล่อกลืนรอยยิ้มเมื่อครู่ลงไป ปรับสีหน้าเป็นไร้อารมณ์ดังเดิม เฉไฉเลี่ยงไปมองทางอื่น เพิ่งรู้วันนี้ว่าความรู้สึกตอนเขาเคยมองสาวคนสวยจนตาค้างและทำให้ใครหลายคนผิดสังเกตเมื่อหกปีก่อนไม่ได้หายไปไหน มันแค่ตกตะกอนอยู่ในหัวใจของเขาเอง

“ผมไม่ได้คาดหวังให้คุณเป็นภรรยาที่ดีพร้อม อยู่กับบ้านรอผมกลับ เพราะอย่างที่รู้ ผมก็กลับบ้านไม่บ่อย บางทีต้องอยู่เวรติดกันหลายวัน”

หน้าสวยเจื่อนลง แต่ก็พยักรับ ยอมรับสภาพหลังแต่งงานตั้งแต่ยังไม่เริ่ม รู้ดีว่าเขาไม่ได้ยินดีกับพิธีมงคลนี้ “ค่ะ นิคกี้รู้ พี่ฉัตรแค่ทำให้มันจบๆ ไป”

“แต่ผมอยากเตือนให้คิดว่าเหมือนคุณเป็นภรรยาผมแล้ว ช่วยรักษาเกียรตินี้ จะทำอะไรคงไม่ได้อิสระร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนเมื่อก่อน”

เขาคันยิบๆ ในหัวใจมาหลายครั้งเวลาเห็นนคราทำท่าสนิทสนมกับพลพัฒน์ พยายามบอกตัวเองว่าทั้งคู่คงคุ้นเคยกันมาก และแสดงออกกันตามประสาคนที่โตในเมืองนอก แต่ทำไมไม่รู้ ทุกครั้งที่เห็นกลับร้อนในอก และไม่ชอบใจสายตาที่อีกฝ่ายมองว่าที่เมียเขาเอาเสียเลย

“ผมไม่แน่ใจว่าทุกวันนี้คุณทำงานอะไร ต้องออกจากบ้านไปไหนมาไหนก็บอกให้ผมรู้บ้าง ส่วนตารางเวร ตารางตรวจ กำหนดการผ่าตัดของผม จะให้คุณจุ๋มส่งไลน์บอกไว้ทุกต้นอาทิตย์ละกัน”

หญิงสาวพยักหน้ารับอีกรอบ ก่อนจะอธิบายในส่วนของตัวเองบ้าง “นิคกี้ทำงานไม่เป็นเวลา ช่วยงานคุณพ่อเป็นหลัก เขาสั่งให้ทำอะไรก็ทำ”

นคราบอกตามจริง ไม่เป็นเวลาคือไม่เป็นเวลา เพราะบางครั้งลูกน้องที่ส่งไปคุมผับต่างๆ ก็รายงานผลในแต่ละคืนกลับมาดึกดื่นจนเกือบเช้า ยิ่งถ้าผับไหนมีเรื่องมีราวยิ่งยืดเยื้อกันไปใหญ่ กว่าจะเคลียร์ปัญหาให้เด็กๆ ในสังกัดหมด

“ส่วนเรื่องงานของพี่ฉัตรก็ขอบคุณค่ะ ที่บอกให้นิคกี้ทราบ เผื่อไม่กลับบ้านวันไหน นิคกี้จะได้กลับมานอนบ้านบ้าง”

เสียงหวานเจือเศร้าจนน่าสงสาร ทำเอาฉัตรบดินทร์ปลอบไปโดยไม่รู้ตัว “อันที่จริงผมก็ให้เขาวางตารางงานใหม่ รู้ว่าเมื่อแต่งงานกันแล้วผมก็มีคุณต้องรับผิดชอบเพิ่มขึ้น ไม่ปล่อยให้อยู่บ้านคนเดียวบ่อยๆ หรอก ส่วนเรื่องจะกลับมานอนที่นี่ ถ้าวันไหนผมไม่ยุ่งจะมาด้วยละกัน ผู้ใหญ่จะได้ไม่หาว่าผมไม่ใส่ใจ”

พูดจบชายหนุ่มก็หยิบซองเอกสารที่ถือติดมือมาแล้วเปิดเอาบัตรพลาสติกหลายๆ ใบออกมาวางไว้ เริ่มต้นเข้าเรื่องที่เขาขอเวลาอยู่ต่อในวันนี้

“ใบนี้” บัตรสีดำที่แสดงการถือเอกสิทธิ์ทางการเงินอย่างสูงสุดถูกเลื่อนมาตรงหน้าหญิงสาว “เป็นเงินเดือนคุณแต่ละเดือน ผมให้คุณเดือนละสามแสน แล้วจะทิ้งเงินสดไว้ให้อีกเดือนละแสน เผื่อหยิบจับอะไรจะได้สะดวก”

นครากะพริบตาถี่ๆ เงินเดือนคืออะไรหล่อนไม่เคยรู้ เพราะตั้งแต่จำความได้บิดาก็มักจะเอาเงินสดเป็นปึกๆ วางไว้ให้ในตู้เซฟเสมอ พอไปเรียนต่อทั้งมารดาและบิดาเลี้ยงก็ทำไม่ต่างกัน แถมมีบัตรเครดิตที่ไม่เคยรู้วงเงินจากบุพการีทั้งสามอีกคนละใบ รูดได้แบบไม่ต้องยั้งคิดทั้งสามใบ

แต่เท่าๆ ที่รู้บัตรแบบนี้ส่วนใหญ่ไม่จำกัดวงเงิน เพราะหน้าตาเหมือนบัตรที่นาคราชให้หล่อนไว้ใช้ไม่มีผิด ดังนั้นการที่ฉัตรบดินทร์ให้ข้อจำกัดแค่สามแสนถือว่าเป็นวงเงินขั้นต่ำมาก

“ส่วนนี่” บัตรอีกใบที่น่าจะรูดแทนเงินสดได้ไม่ต่างกัน

“เอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน น้ำ ไฟ อินเทอร์เน็ต ของสดต่างๆ เงินเดือนแม่บ้าน” มือหนาเลื่อนสมุดบัญชีที่คงมากับบัตรมาวางคู่

“ผมจะเอาเงินสดใส่บัญชีนี้เดือนละสองแสน คุณก็เลือกบริหารเอา จะตัดบัตรหรือจะรูดเวลาไปซูเปอร์มาร์เกตก็แล้วแต่ ถ้ามีเรื่องใหญ่ต้องซ่อมแซมอะไรก็มาบอก เดี๋ยวผมจัดการให้ แต่ฝากหน้าที่ดูแลบ้านเป็นของคุณ ส่วนนี่...” คนเสียงทุ้มตั้งท่าจะอธิบายต่อ ทว่านครากลับเบรกไว้

“เดี๋ยวค่ะ” หล่อนยกมือเรียวบางขึ้นห้าม หน้าสวยมองเขาแบบสงสัย “จริงๆ พี่ฉัตรไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้ แค่แต่งงาน พ่อไม่ได้จะเลิกเลี้ยงนิคกี้นะคะ”

คราวนี้ชายหนุ่มกลับส่ายหน้า สอนให้คนที่จะมาเป็นเมียรู้ถึงหน้าที่และความรับผิดชอบที่มากขึ้น

“อันนั้นส่วนของครอบครัวคุณผมไม่ทราบ แต่ในฐานะที่ผมเป็นสามี ผมก็ต้องดูแล นี่” กุญแจดอกเล็กถูกวางลง พร้อมกับคีย์การ์ด

“กุญแจตู้เซฟในห้องนอนที่เรือนหอ ผมมีแล้วดอกหนึ่ง ย้ายของมีค่าเข้าไปแล้วเมื่อเช้า ส่วนการ์ดนี่คือการ์ดคอนโดผม ติดไว้เผื่อมีอะไรฉุกเฉิน” ชายหนุ่มบอกนิ่งๆ เหมือนอธิบายวิธีกินยาให้หล่อนฟัง ทั้งๆ ที่ใจตุ๊มๆ ต้อมๆ ลุ้นว่านคราจะรู้ไหมว่าเขาเปิดประตูให้หล่อนก้าวเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวมากแค่ไหน

“เงินเดือนคุณผมจะเพิ่มให้ทุกปีที่เราอยู่ด้วยกัน” อธิบายไปเรื่อยๆ ไม่ทันได้สังเกตว่าอีกฝ่ายน้ำตาคลอเบ้า พูดเสียงแผ่วจนน่าใจหาย

“นิคกี้ไม่ได้อยากได้เงินพี่ฉัตร” นคราก้มหน้าลงบีบมือแน่น สิ่งที่อยากได้จากเขาคือหัวใจ

“ว่าอะไรนะ” คนไม่ได้ตั้งใจฟังเงยหน้าขึ้นจากทุกอย่างบนโต๊ะ

“เงยหน้ามาพูดกันสิ พูดเบาแบบนั้นผมไม่รู้เรื่อง” อารมณ์ที่ดีๆ เริ่มจะเปลี่ยนเป็นโมโหอีกครั้ง เมื่อคิดว่าอีกฝ่ายจะตีรวน

ส่วนนคราก็ตัดปัญหาด้วยการเลิกคุยเสียดีกว่าที่จะแสดงความอ่อนแอให้เขาเห็น กลั้นน้ำตาได้ทันเวลาก่อนมันจะไหลออกมาประจานตัวเอง

“เปล่าค่ะ พี่ฉัตรมีอะไรอีกไหมคะ วันนี้นิคกี้เหนื่อยทั้งวัน ถ้าไม่มีเราเจอกันวันงานเลยนะคะ”

คนร่างบางตวัดขาที่ไขว้ออก ไม่สังเกตเลยว่าฉัตรบดินทร์มองตามไม่วางตา รู้สึกวูบวาบจนชายหนุ่มต้องขยับตัวตามบ้าง

“เหนื่อยก็ไปพักเถอะ เดี๋ยวข้าวของผมขนไปให้เลยนะ” ฉัตรบดินทร์หมายถึงกระเป๋าใบใหญ่หลายใบที่เด็กในบ้านนครายกขึ้นรถเขา ดีที่วันนี้เลือกใช้เอสยูวีคันใหญ่ถึงได้มีพื้นที่ขนของให้คุณผู้หญิงของบ้าน

“แล้วเจอกัน พักผ่อนเยอะๆ ละ” ตาคมกวาดมองร่างบอบบางอีกครั้ง ก่อนจะก้าวเดินตามหล่อนไป ท่าทางสะโอดสะองทำให้ชายหนุ่มเผลอยิ้มออกมาโดยไม่ทันตั้งตัว นึกในใจว่าดีเหมือนกัน อย่างน้อยเมียที่แม่หามาให้ก็สวยงดงามตั้งแต่ศีรษะจดเท้า ไม่น่าอาย ถ้าต้องพาไปไหนก็เหมาะสม เชิดหน้าชูตาเขาได้

ส่วนนครายกมือไหว้ ก่อนจะเดินนำไปส่งเขาขึ้นรถ ไม่มองหน้าอีกฝ่ายแม้แต่น้อย จนชายหนุ่มขับรถพ้นประตูบ้านไป น้ำตาที่กลั้นไว้จึงไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ได้สติอีกทีเมื่อพี่ชายคนเดียวเขย่าแก้วให้น้ำแข็งกระทบแก้วเรียกหล่อน

“พี่หนาม มาทำอะไรฝั่งนี้คะ” หล่อนเช็ดน้ำตาลวกๆ ถามคนที่ยืนอยู่ข้างหลังโดยไม่ต้องหันไปมอง

“ก็มาดูเราไง ร้องไห้ทำไม ได้แต่งงานกับคนที่รักต้องดีใจสิ” รู้ทั้งรู้ว่าน้องสาวกำลังเสียใจ แต่ก็ไม่รู้จะช่วยอะไรได้มากกว่านี้ เขาต้องประคับประคอง ในขณะเดียวกันก็ต้องสอนให้น้องรู้จักชีวิตจริงด้วยตัวเอง

“ค่ะ ดีใจก็ดีใจ แต่ก็เสียใจที่เขาไม่รักเรา” คนร่างบางเดินไปหาพี่ชายทันทีที่เช็ดน้ำตาเสร็จ ซุกไซ้หน้าสวยกับอกกว้าง “ถ้าเขารักนิคกี้บ้าง หรือแค่อย่างน้อยไม่พูดจาทำร้ายจิตใจกันก็คงจะดี”

มือหนาที่โอบประคองน้องสาวไว้เปลี่ยนมาลูบศีรษะ ในขณะที่มืออีกข้างยกแก้ววิสกี้ออนเดอะร็อกขึ้นดื่ม ตามองสนามกว้างขวางหน้าบ้าน

“เชื่อพี่สิ เป็นตัวเอง ถ้าเป็นนิคกี้แล้วเขาไม่รัก พี่จะหาคนมารักนิคกี้เอง”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น