9

ขนมใส่ไส้

9

ขนมใส่ไส้

 

พอตะวันเริ่มบ่ายคล้อย เสียงจิ้งโกร่งตัวจ้อยดังวีวอไปทั่ว คลอไปกับเสียงใบไม้ที่เสียดสีกันอยู่เพราะลมที่โชยเอากลิ่นของฝนโชยมาแต่ไกล ทั้งๆ ที่ในตอนกลางวันฟ้าก็ยังเปิดโล่งเป็นสีฟ้าใสอยู่แท้ๆ กลิ่นดินชุ่มน้ำลอยมาเตะจมูกเล็กมันตราที่นั่งเล่นอยู่ที่เติ๋นหน้าบ้านเพียงลำพัง ยายแปงต้องไปทำธุระกับพ่อใหญ่บ้าน หลานสาวคนนี้จึงอาสาอยู่เฝ้าบ้านให้ โชคยังดีที่ ‘เจ้าเมี่ยง’ แมวสีน้ำตาลตลอดตัวนั่งเล่นนอนเล่นอยู่ข้างๆ 

หากถามถึงความหมายชื่อของเจ้าเมี่ยงแล้ว หลายคนอาจจะเดาไปว่า ‘เมี่ยง’ ก็คงจะมาจากของกินเล่นชนิดหนึ่ง ห่อด้วยใบต่างๆ แล้วแต่เลือกสรร หรือเมี่ยงที่เป็นใบชาหมัก ที่ผู้เฒ่าผู้แก่ล้านนามักเคี้ยวเล่นหลังอาหาร แต่ทุกคนอาจจะเข้าใจผิด เพราะชื่อของ ‘เมี่ยง’ นั้นมาจาก ‘ขี้เมี่ยง’ ที่แปลว่าสนิมนั่นเอง ด้วยเพราะยายทวดแกเห็นว่าสีของมันเหมือนกับสนิม มันจึงได้ชื่อนี้ไปโดยปริยาย

‘แมว~’ เจ้าเมี่ยงร้องเสียงต่ำ แต่ไม่ใช่การขู่หรือแสดงท่าทีก้าวร้าว เพราะเมี่ยงเป็นแมวตัวผู้ ที่สำคัญรูปร่างกำยำ ตัวใหญ่ แถมวันๆ ไม่ค่อยทำอะไร เดินไปเดินมาและทำหน้าตีมึนไม่เป็นมิตรกับใครหน้าไหนทั้งนั้น ยกเว้นแต่คนที่มันให้เข้าใกล้ ซึ่งจะเป็นใครนั้น มันจะเป็นคนเลือกเอง ส่วนนิสัยอื่นก็เหมือนแมวทั่วๆ ไปนั่นแล

“ชอบให้เกาเหรอ” หญิงสาวผมยาวเอ่ยถามกับเจ้าเมี่ยงที่นอนยกคอให้เธอเกาอย่างเมามัน แถมยังถูหัวไปมา ผิดไปจากกับคนอื่นๆ ที่แค่มองหน้าเฉยๆ แล้วมันก็เดินหนี

“พุงย้วยมากเลยเจ้าเมี่ยง”

มันตราหัวเราะชอบใจ ก็เพราะพอเจ้าตัวอ้วนนี้นอนหงายท้องให้เธอเกา พุงนุ่มๆ ก็กลิ้งมากองให้ขยำเล่นอย่างน่ามันเขี้ยว ส่วนเจ้าเมี่ยงก็เหมือนจะชอบที่เธอเกาแบบนั้นเสียด้วยสิ ด้วยพอยกมือออก เจ้าเมี่ยงก็ยกขาหน้าขึ้นตะปบมือเธอให้ลงมาเกาใหม่อีกเรื่อยๆ

แต่ความสุขของเมี่ยงก็หมดลงในทันที เพราะจู่ๆ เสียงท่อรถของกลุ่มป้าหมวยที่ขับเข้ามาจอดกลางลานบ้านก็ดังขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยเสียงเจี๊ยวจ๊าว เจ้าเมี่ยงถึงกับดีดตัวขึ้นมองเลิ่กลั่ก ตากลมที่เคยหลับพริ้มตอนนี้เบิกกว้าง ก่อนมันจะย่างอุ้งตีนเล็กนุ่มฟูสีน้ำตาลอย่างเงียบกริบอ้อมขาเรียวของมันตราตัดกลางตัวบ้านเพื่อออกไปยังหลังเรือน มันตรามองตามเจ้าแมวเอาแต่ใจตัวนั้น ก่อนจะก้าวเท้าตามไปติดๆ ก็ด้วยเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อนนั้นทำให้มันตราเองก็ไม่ค่อยจะสู้หน้าสองแม่ลูกเท่าไรนัก

“เมี่ยง ไปไหนน่ะ” มันตราว่าระหว่างค่อยๆ ก้าวตามแมวไป ครั้นพอเดินก้าวไปถึงชานหลังบ้านก็เห็นร่างหนึ่งปรากฏอยู่ถัดไปจากหลังครัวไฟ หางยาวลายเหลืองอมส้มสลับขาวดำปัดแกว่งอย่างเชื่องช้าอยู่ไวๆ มันตราชะเง้อมองตามทันที เพียงแต่พอถัดจากร่มชาทองที่ปลูกไว้เป็นแนวกั้นเขตบ้านใหญ่ก็มองไม่เห็นอะไรอีก ด้วยต้นไม้ใหญ่แถวนั้นรวมไปถึงต้นไผ่ที่ขึ้นสูงตระหง่านบดบัง ร่างบางเดินอ้อมนำเจ้าเมี่ยงมาทางกระไดหลังเรือน เดินลงไปอย่างไม่รีบร้อนมากนัก รองเท้าแตะของเธอยังคงวางอยู่ที่เดิม

“มันตรา! ลูก!” เสียงตะโกนเรียกช่างคุ้นเคย น้าสาวนั่นเอง แกหอบของพะรุงพะรังเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าอิ่มเอมพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง

“เอานี่! นี่น้าซื้อมาให้” น้าสาวควานหาขนมในถุงผ้าใบโตออกมาให้หล่อน ขนมใส่ไส้ถูกห่ออยู่ภายใต้ใบตองสีเขียวอมน้ำตาล คาดด้วยเตี่ยวที่ทำจากทางมะพร้าวและกลัดด้วยไม้กลัดซี่เล็ก 

กลิ่นกะทิหอมฉุยทำเอามันตราหันไปมองอย่างตื่นตาตื่นใจ “ขนมใส่ไส้นี่คะ” มันตรายิ้มหวานให้

“มา เดี๋ยวน้าเอาใส่จานให้นะ” น้าสาวเดินนำเข้าไปยังครัวไฟ 

สาวเจ้ารีบสอดเท้าเข้าในรองเท้า สาวเท้าตามไปติดๆ โดยไม่ลืมที่จะเหลือบไปมองตามทางเล็กระหว่างพุ่มชาทอง จุดที่เธอเห็นหางยาวของสมิงผ่านไปเมื่อครู่

“นี่จ้ะ เอาไปทาน” พอเข้าไปในครัว น้าสาวก็วางของสำหรับทำกับข้าวเย็นไว้เสียก่อน มือหนึ่งรีบคว้าจานกระเบื้องมาใส่ขนมใส่ไส้ให้มันตรา

“ขอบใจมากเลยนะมันตรา เหรียญทานเมื่อเช้าน่ะ น้าเปิดดู มันเป็นลูกแก้ว น้าก็เลยเอาไปแลกเงินกับพี่มาลัย ได้เงินมาหมื่นหนึ่ง เลยซื้อขนมกับของทำกับข้าวมาทำให้ทุกคนทานเย็นนี้” น้าสาวบอกน้ำเสียงแจ่มใสพลางยื่นจานขนมให้หญิงสาว

มันตรารับจานขนมมาก่อนจะกล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้มกว้าง ก็ด้วยขนมใส่ไส้เป็นขนมโปรดของเธอ 

“ขอ...อีกห่อนึงได้มั้ยคะ” มันตราบอก ชูหนึ่งนิ้วพลางหน้าทะเล้นเชิงว่า ‘เท่านี้คงไม่พอ’ 

น้าสาวเห็นแบบนั้นก็ถึงกับหัวเราะร่วน หยิบออกมาให้เพิ่มอีกหนึ่งพวง “อย่าให้พวกพี่หมวยเห็นนะ ตอนแรกน้าบอกอร่อย ให้ซื้อกิน แต่แกบอกไม่ซื้อ บอกขนมแบบนี้ไม่ค่อยชอบทาน เนี่ย! พอมาชิมแล้วบอกอร่อย จะไปหาซื้อก็ไม่ทันแล้ว เขาขายหมดไปแล้ว น้าว่าจะเก็บที่เหลือแบ่งไว้ให้ยายกับพี่มาลาด้วย” น้าสาวยื่นหน้ามากระซิบก่อนจะรีบให้มันตราไปหาที่นั่งกินที่อื่น เพราะประเดี๋ยวป้าหมวยก็จะเดินตามมาช่วยน้าสาวทำกับข้าวมื้อเย็น แกเคยพูดเอาไว้ว่าแกทำอาหารใต้อร่อย ก็กะว่าจะมาทำให้ยายกับคนอื่นๆ กินเย็นนี้แล 

มันตราพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินออกไปตรงทางเดินพุ่มชาทอง

“อย่าไปเดินเล่นแถวๆ บ่อน้ำล่ะ อันตรายนะลูก” น้าสาวตะโกนบอก

“ค่า” มันตรารับคำแล้วเดินต่อไปพร้อมกับช้อน ขนมในจาน และขนมใส่ไส้อีกพวงหนึ่ง

 

ลมแรงโชยมาผ่านช่องทางเล็ก ทำเอายอดผักยอดไม้ที่ขึ้นเกี่ยวพันขอนไม้ที่ถูกตัดกองไว้โยกไหว ใบมะม่วงเสียดสีกันไปมาส่งเสียงสวบสาบ ความเย็นของไอน้ำที่แกมมากับลมฝนกลายเป็นละอองเบาบาง ดวงตาเป็นประกายมองท้าฟ้าที่ยังคงใสอยู่ครึ่งหนึ่ง แต่ถูกเมฆฝนสีเทาทะมึนค่อยๆ กลืนกินมาช้าๆ

“ฝนจะตกอีกแล้ว...” หญิงสาวพึมพำพลางค่อยๆ ก้าวมาตามทางดินเล็กๆ ก่อนจะหยุดตรงบ่อน้ำเก่าแก่ เธอวางจานลงบนฝาบ่อที่ทำจากไม้เก่า จนตอนนี้สีของมันซีดจนไม่เหลือเค้าสีเดิม ด้วยว่าผ่านมากี่ร้อนกี่ฝนแล้วก็ยังไม่เคยถูกเปลี่ยนเสียที หญิงสาวนั่งยองๆ พร้อมกับแกะไม้กลัดและเตี่ยวทางมะพร้าวออกจากใบตองห่อขนม ค่อยๆ คลี่มันออกช้าๆ

“ขนมใส่ไส้ ไม่รู้เธอจะชอบมั้ย แต่น้าสาวบอกว่ามันอร่อยมากเชียวละ” มันตราว่าพลางยกมือขึ้นแผ่เมตตาให้เจ้าแดง ด้วยเชื่อว่าเจ้าแดงน่าจะอยากกินขนมนี้ เธออมยิ้มอยู่น้อยๆ

“ลาภปากเจ้าแดงมันอีกแล้วเหรอ”

เสียงทุ้มดังขึ้นจากทางข้างหลังของเธอ มันตรารีบหันขวับ ก่อนจะมองหาต้นเสียงที่คุ้นเคยนั้น เพียงแต่เธอกลับไม่พบอะไรเลย จะมีก็แต่ทางเดินที่เหมือนถูกแหวกเข้าไปยังเรือนไม้เก่าอีกหลังซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับบ่อน้ำแห่งนี้ หากไม่สังเกตก็จะมองไม่เห็นเลยว่าภายในพงหญ้ารกนี้มีทางขึ้นเรือนที่ทำจากไม้สีเข้ม เพราะถึงแม้หญ้าจะถูกแผ้วถางไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็ตาม แต่เพราะฝนที่ตกลงมาแทบจะทุกวันทำเอาต้นหญ้าและดอกหญ้าเจริญเติบโตขึ้นเขียวชอุ่มจนบังทางขึ้นเรือน เถาตำลึงพันเกลียวขึ้นตามเสาภายในชั่วข้ามคืน ตัวเรือนไม่สูงมาก เหมือนถูกยกสูงขึ้นเพื่อทำเป็นเรือนพักเล็กของคนงานเท่านั้น แต่ตอนนี้เหมือนจะรกร้างไปแล้ว

คิ้วเรียวขมวดอย่างสงสัย แต่ด้วยประสบการณ์จากบ่อน้ำสอนเธอว่าหากได้ยินเสียงเรียก แม้จะเป็นเสียงอะไรก็ตามอย่าเพิ่งไปขานรับหรือรีบเข้าไปดู แม้มันตราจะรู้อยู่แก่ใจ แต่ก็ยังทำทีชะโงกหน้ามองเข้าไปในเรือนเก่าหลังนั้น ด้วยสงสัยว่าต้นเสียงจะเป็นคนเดิมหรือไม่ แต่แล้วหางยาวเป็นลายปล้องสีดำสลับขาวก็ตบลงมาให้เธอเห็นอย่างตั้งใจที่จะแสดงตัว

“สมิง?” สาวเจ้าเอ่ยนามนั้นทันที มือเรียวไม่ลืมที่จะคว้าจานขนมติดมือมาด้วย 

เสียงหญ้าที่ถูกแหวกด้วยเท้าเรียวดังพอจะให้สมิงร่างใหญ่รับรู้ได้ว่าหล่อนกำลังเดินเข้ามาหา 

“มา...ทำอะไรที่นี่เหรอคะ” มันตราเอ่ยถามจากหน้าบันได ร่างบางเพียงเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายเท่านั้น

“เจอหน้าข้าทีไร เจ้าจะต้องถามคำถามตลอดเลยรึไง” เสือร่างใหญ่บ่น ก่อนจะนอนหาวปากกว้าง 

ชั่ววูบหนึ่งของความคิดเธอผุดขึ้นมาเป็นภาพเจ้าเมี่ยงนอนพุงพลุ้ยหาวอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ทำเอาหญิงสาวยกมือขึ้นปิดปากขำแทบไม่ทัน 

เสือใหญ่เลิกคิ้วมองเธอ มันตราจึงรีบเม้มริมฝีปากนุ่มเล็กของเธอทันที

“ข้าก็แค่มาหาที่เย็นๆ นอน” สมิงตอบสั้นๆ

นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนมองไปรอบๆ แต่เธอยังไม่กล้าเดินขึ้นเรือนไป ด้วยเพราะไม่ทราบมาก่อนว่าเรือนนี้เป็นของใคร จะขึ้นไปโดยไม่ได้รับอนุญาตก็กลัวจะไม่ดี ถึงแม้ว่าที่แห่งนี้จะดูร้างไปแล้วก็ตามที จึงเลือกยืนคุยกับสมิงจากหน้าเรือน

“แล้ว...นี่บ้านใครเหรอคะ” มันตราเอ่ยถามพลางเอี้ยวตัวซ้ายทีขวาทีเพื่อมองสำรวจ ด้วยเพราะไม่กล้าก้าวเท้าเข้าไป กลัวงูเงี้ยวเขี้ยวขอจะกัดเอา มือสองข้างกระชับจานขนมเอาไว้แน่น

“ของเจ้าพลมัน แต่มันไปแขวนคออยู่บนต้นมะกอกป่าข้างศาลข้าเสียแล้ว คงไม่กลับมาแล้วละ” สมิงร่างใหญ่ตอบอย่างไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่พูดออกไปมากนัก 

มันตราถึงกับเลิกคิ้ว ดวงตากลมกะพริบถี่ๆ ด้วยเพราะคนที่ชื่อพล แถมยังไปแขวนคออยู่ที่ต้นมะกอกป่าข้างศาลก็คงจะมีอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น

“พ่อ...ของ...” เธอไม่กล้าหันไปชี้ที่บ่อน้ำ แต่เพียงแค่เธอเหลือบมองด้วยหางตา สมิงก็เข้าใจได้ในทันที

“อ่า” สมิงตอบ

“เขา...ไปสู่สุคติแล้วใช่มั้ยคะ...” สาวเจ้าหันซ้ายทีขวาที ลมที่พัดมาเย็นยะเยือกทำเอาเธอเริ่มกลัว

“ข้าบอกแล้วว่ามันไม่กลับมาหรอก วิญญาณมันวนเวียนอยู่แถวนั้น วันๆ ก็แค่ขึ้นไปแขวนคอตายตอนประมาณย่ำรุ่งนั่นละ” สมิงย้ำคำ

“มะ...หมายถึง...” สาวเจ้าแทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง

“หมายถึง...ข้าเบื่อขี้หน้ามันเลยเดินมานอนที่นี่แทน เข้าใจรึยัง” เจ้าของลายพาดกลอนตอบ

“กะ...ก็...” มันตราอ้ำอึ้ง ก่อนลมแรงจะพัดเอาใบไม้แห้งแถวนั้นปลิวมาตามทางแคบ หญิงสาวยกมือขึ้นป้องจานขนม 

“ขึ้นมา” สมิงเอ่ยบอกเสียงเรียบ ฟังดูเป็นประโยคคำสั่งเสียมากกว่า 

แม้สาวร่างบางยังไม่ค่อยแน่ใจ แต่เธอก็ก้าวขึ้นไปยังเรือนไม้เก่าหลังเล็กทันที บันไดเล็กมีเพียง 5 ขั้นเท่านั้น ครู่เดียวเธอก็ขึ้นไปบนเรือนไม้เก่านั้นแล้ว ด้วยเพราะเป็นเรือนคนงานหลังเล็กจึงไม่จำเป็นจะต้องทำให้สูงมากนัก พอขึ้นไปด้านบนก็จะพบว่ามีเพียงชานบ้านและพื้นที่ยกสูงแบ่งด้วยฝาห้องที่กั้นไว้เป็นห้องนอนเท่านั้น น่าแปลกใจที่ภายในเรือนค่อนข้างสะอาด แม้จะมีใบไม้แห้งหล่นอยู่สองสามใบ แต่พวกฝุ่นผงเอย หยากไย่เอย เรียกว่าแทบจะไม่มีให้เห็น

สาวเจ้านั่งลงข้างๆ สมิงร่างใหญ่ หากคาดคะเนด้วยสายตาแล้ว ตั้งแต่หัวไปจนจดปลายหางยาวนั้นกินความยาวไปกว่า 3 เมตรได้ เรียกได้ว่าทำใจดีสู้เสือของจริงทีเดียว เพราะตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งจะได้เข้าใกล้เสือที่ตัวใหญ่ขนาดนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต

ลมเย็นเริ่มโหมแรงขึ้นไปอีก ทำเอามันตราต้องรีบป้องจานขนมของเธอเอาไว้ไม่ให้เศษผงตกลงไป ก่อนเสียงครวญของฟ้าจะเริ่มดังขึ้นอีกระลอก สักพักฝนห่าใหญ่ก็ตกลงมากระทบกับหลังคาบ้านทำจากแป้นเกล็ดเก่า ทำให้บางจุดที่ไม้เริ่มเก่าแล้วมีน้ำฝนไหลซึมลงมา น้ำหยดแหมะลงกับพื้นไม้สีเข้ม ทั้งสองนั่งเงียบอยู่อย่างนั้นโดยที่ไม่มีใครเริ่มพูดอะไรก่อน

สาวร่างบางรู้สึกหนาวขึ้นทันที ด้วยเพราะละอองฝนที่สาดเข้ามาแม้จะเป็นเพียงละอองฝอยเล็กๆ แต่มาแทบจะจากทุกด้าน สาวเจ้าขยับตัวเข้าหาสมิงพลางยกมือขึ้นลูบแขนเล็กป้อยๆ

“หนาวเหรอ” สมิงร่างใหญ่เอ่ยถาม

มันตราส่ายหน้าเชิงปฏิเสธ แม้ตอนนี้เธอจะหนาวจนขนลุกไปทั่วทั้งตัวก็ตาม “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฝนคง...หยุดตกแล้ว...” 

ยังไม่ทันจะพูดจบ แขนใหญ่ของชายหนุ่มก็ขยับขึ้นกระชับกอดเธอจากด้านหลัง สาวร่างบางรีบหันมองในทันที เจ้าของนัยน์ตาสีเพลิงกระชับร่างเธอเข้าหาร่างที่เปลือยเปล่าของเขา ไออุ่นจากร่างกายร้อนของเสือใหญ่อบอุ่นจนมันตราสบายตัวขึ้น ใบหน้าหวานของเธอออกสีน้อยๆ ด้วยเพราะอีกฝ่ายไม่ได้สวมเสื้อผ้าอาภรณ์ใดๆ เลย

สาวเจ้าทำได้เพียงก้มหน้าก้มตา ร่างทั้งสองแอบอิงกันอยู่เช่นนั้นเนิ่นนาน กลิ่นหอมของน้ำอบจากตัวมันตราทำเอาเจ้าของเนตรสีเพลิงอดใจไม่ได้ที่จะค่อยๆ ก้มลงสัมผัสกลิ่นหอมนวลนั้น มือใหญ่เชยคางเล็กของเธอขึ้นน้อยๆ ระหว่างที่จมูกโด่งได้รูปกดลงสูดกลิ่นเนื้อเย็นอย่างหลงใหล ร่างบางถูกปลุกเร้าด้วยลมหายใจร้อนผ่าว ริมฝีปากเล็กอมชมพูของมันตราเผยอหอบน้อยๆ

ใบหน้างามเงยขึ้นตามแรงมือ ต้นคอขาวถูกรุกรานโดยไออุ่นจากลมหายใจสมิงอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยริมฝีปากร้อนผ่าว เขาก้มลงจุมพิตที่ต้นคอขาวนั้นจนออกสี โดยที่ตัวเธอเองก็หาได้ปฏิเสธสัมผัสนั้นแม้แต่น้อย

น้ำฝนเย็นเฉียบหยดหนึ่งหยดลงบนเนินอกของเธอ เสื้อสีขาวตัวนอกแนบลงกับอกอิ่มจนเห็นเป็นสีเนื้อ มือใหญ่อีกข้างช่วยประคองเนื้อสวยอย่างเต็มไม้เต็มมือ เสื้อแขนกุดทำจากผ้าชีฟองสีขาวเปียกน้ำฝนที่หยดลงมาจากหลังคา มือใหญ่เกี่ยวจนกระดุมเหล็กกลางตัวเสื้อหลุดออกจากกัน หน้าอกอิ่มกับชั้นในสีขาวเผยออกจนร่างบางต้องยกมือป้อง

“ดะ...เดี๋ยวก่อน...” สาวเจ้าร้องห้ามทันที ใบหน้าออกสีอย่างชัดเจน ใบหูเล็กร้อนผ่าว ด้วยว่าสถานที่แห่งนี้แม้จะอยู่ในร่ม แต่เบื้องหน้าของเธอเป็นทางเดินเล็กที่ใครๆ ก็เดินผ่านมาเจอพวกเขาทั้งสองได้ มันตราอายเกินกว่าจะยอมให้เขาทำอะไรตามใจ แต่ชายร่างใหญ่ยังคงเพิกเฉย ด้วยสิเน่หาในเนื้อเย็นตรงหน้านี้เหลือคณานับ

“ไม่คิดเหรอว่าข้าจงใจ” เสียงทุ้มตอบกลับ 

สาวร่างบางส่งเสียงประท้วง

ได้ยินดังนั้นสมิงร่างใหญ่ก็ขยับแขนช้อนตัวเธอเข้าหาแผ่นอกกว้าง เนื้อตัวร้อนผ่าวทำเอาสาวเจ้าใจเต้นโครมคราม ก่อนสมิงจะพลิกเธอลงสู่เบื้องล่าง เธอใช้แขนเล็กยันตัวเอาไว้ หายใจถี่ขึ้นเรื่อยๆ นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องมองแววตาดุดันที่มองมา เขาจุมพิตเธออย่างเชื่องช้าและเนิบนาบ ความเร่าร้อนจากริมฝีปากหนาแผ่เข้ารุกรานริมฝีปากเล็กของเธอ กอบโกยความหวานในโพรงปากสีชมพู พันเกี่ยว ดูดเม้มเสียจนร่างสาวอ่อนระทวย ทิ้งแผ่นหลังงามลงทาบกับแผ่นไม้เย็นเฉียบสีดำเข้มนั้นทันที

“คุณมันเสือร้าย...” มันตราจิกกัด 

สมิงกระตุกยิ้ม และเลื่อนตัวลงหยอกล้อกับผิวกายละเอียดนุ่ม ดอกบัวตูมขาวชูยอดขึ้นภายใต้ชั้นในลายลูกไม้ ก่อนตะขอที่รั้งมันอยู่จะถูกปลดออก ทำเอาดอกบัวงามคล้อยลงตามแรงโน้มถ่วงเล็กน้อย แต่ยังคงชูช่อดอกชูชัน ปลายดอกสีชมพูละเอียดอ่อน นุ่มนิ่มเสียจนเสือใหญ่ไม่วายที่จะก้มลงไปลิ้มลองความหอมหวนและรสสัมผัสละเอียดนั้น กระทั่งส่วนปลายรั้งขึ้นตามแรงดึงดูด ดอกไม้งามแอ่นรับริมฝีปากร้อนผ่าว แม้จะไม่ได้ยินยอมให้สมิงดอมดมเธอเช่นนี้ แต่สองมือใหญ่ที่ประคองอยู่บีบคลึงเสียจนเธอต้องยกมือขึ้นมาปิดริมฝีปากเล็กมิให้เผลอหลุดเสียงหวานออกมาจนเสือใหญ่ได้ใจ

“เจ้ารู้รึเปล่าว่าทุกครั้งที่เจ้าอายจนยกมือปิดปาก เสียงเจ้าหวานขึ้นไปอีก” เขากระเซ้าเธอเสียงเข้ม 

ใบหน้าหวานแสดงความเขินอายออกมาเสียจนเธอต้องรีบปิดหน้าปิดตา เสียงขบขันในลำคอสมิงชวนให้โมโห

“ยะ...อย่าพูดอะไรแบบนั้นนะ” สาวเจ้าประท้วงเสียงค่อย

ระหว่างที่ดวงตาเจ้าเล่ห์ยังคงไล่มองไปตามเรือนร่างสวย มือใหญ่ก็หยอกล้อกับเรียวขางาม ทำเอากระโปรงพลิ้วของเธอรั้งขึ้นมากองอยู่ใต้สะดือ สองแขนแกร่งจึงถือโอกาสนี้แทรกเข้าไปอยู่ตรงกลางระหว่างขาสวย มันตราถึงกับรีบดึงชายกระโปรงเธอลงปิดชั้นในลายลูกไม้อย่างหวงเนื้อหวงตัว ก่อนแขนเล็กจะถูกรวบด้วยฝ่ามือใหญ่เพียงข้างเดียว

“ดะ...เดี๋ยวก่อน ขะ...ขี้โกงนี่นา” สาวเจ้าที่ตกเป็นรองร้องขึ้น 

มือหนึ่งของเขารุกล้ำเข้าไปใต้กระโปรงผ้าชีฟองของเธอเสียแล้ว สมิงก้มลงลิ้มรสหวานผ่านผ้าลูกไม้บางที่ชุ่มฉ่ำ ดอกไม้ที่เบ่งบานอยู่ภายใต้ผ้าลูกไม้ตาถี่ทำเอาน้ำหวานฉ่ำซึมผ่านเนื้อผ้าออกมา จนสมิงหนุ่มอดใจไม่ไหวที่จะลิ้มลอง เธอร้องครางเสียงนุ่มออกมาและกลั้นลมหายใจเป็นจังหวะ ถึงอย่างนั้นน้ำหวานจากดอกไม้สีขาวนี้ก็หาได้น้อยลงไม่

มือหยาบรั้งผ้าลูกไม้บางนั้นขึ้นจนกระทั่งมองเห็นกลีบดอกสวยอย่างชัดเจน เนื้อเนียนขาวอมชมพูเต่งตึงอย่างกับผิวเด็ก ไรขนอ่อนสีน้ำตาลปกคลุมดอกตูมอยู่เบาบาง แต่น้ำหวานฉ่ำอาบตัวดอกไม้เสียจนเปียกปอนไปหมด ไม่มีเหตุผลที่เขาจะปล่อยน้ำหวานนั้นไว้เช่นเดิม ลิ้นร้อนลากผ่านกลางดอกสวยจนกลีบนุ่มนั้นเผยอออกพร้อมๆ กับเสียงครางเบาๆ ร่างบางบิดตัวเกลียว แต่มือทั้งสองข้างถูกรั้งเอาไว้จนขยับตัวลำบาก สองขายกขึ้นได้เพียงเล็กน้อย ด้วยเพราะร่างใหญ่กุมพื้นที่ตรงกลางไว้เต็มไปหมดแล้ว

“ยะ...หยุดก่อน ได้โปรด...” เธอร้องขอเสียงกระเส่า แต่ไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นเลย เมื่อร่างใหญ่ยังคงกอบโกยความหวานอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน ความเร่าร้อนที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งตัวของหญิงสาวทำให้สองแขนเล็กไร้เรี่ยวแรงที่จะขัดขืนลงทันที หล่อนทิ้งตัวลงอย่างจำยอมต่อสัมผัส

“มะ...ไม่นะ... ถ้า...ไม่หยุดละก็....” เสียงเล็กเอ่ยขึ้นเบาๆ

แต่นั่นยิ่งทำให้เจ้าของนัยน์ตาสีเพลิงได้ใจเข้าไปอีก สมิงปล่อยมือที่ไร้เรี่ยวแรงนั้นเสีย ก่อนจะขยับมารั้งขาสองข้างของเธอขึ้น ลิ้นร้อนแทรกผ่านช่องทางแคบเล็กนั้นจนสาวเจ้ากระตุกเกร็ง สองแขนเล็กขยับมาประคองศีรษะของเขาที่ตอนนี้ง่วนอยู่กับการจัดการน้ำหวานของเธอจนไม่ยอมสนใจสิ่งอื่น แผ่นอกขาวขยับถี่ขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งร่างบางกระตุกไหวขึ้นอย่างแรง สาวเจ้าไปถึงฝั่งฝันในทันที

แขนเล็กทิ้งลงข้างตัวอย่างหมดเรี่ยวแรง มันตราหายใจหอบพร่าอยู่อย่างนั้นระหว่างที่สองขาของเธอค่อยๆ ถูกปล่อยลงช้าๆ แต่สมิงหนุ่มไม่ได้ปล่อยให้หล่อนได้พักร่างกายนานนัก แขนใหญ่ของเขาปาดเช็ดน้ำหวานหอมออกจากริมฝีปาก ดวงตากลมของมันตรามองอีกฝ่ายอย่างเว้าวอน ความเป็นชายของเขาที่ตื่นขึ้นแสดงการมีตัวตนได้อย่างเต็มภาคภูมิ สาวเจ้าเฉมองไปทางอื่นอย่างเหนียมอาย ถึงอย่างนั้นความเป็นชายของเขาก็เพียงทาบลงบนกลีบดอกสวยเท่านั้น

“เจ้าสวยมากรู้มั้ย” เขาเอ่ยเสียงทุ้มต่ำเล้าโลมเธอ 

สาวเจ้าเม้มริมฝีปากนุ่มพลางส่ายหน้า เธอไม่คิดว่าเธอจะสวยในสภาพแบบนี้ แต่มันยิ่งทำให้ความเป็นชายของสมิงใหญ่ตื่นขึ้นเท่าทวี น้ำหวานของเธออาบชโลมมันเสียจนลื่นมัน มือใหญ่ประคองความเป็นชายที่เปียกปอนเข้าหาดอกไม้ตูมสวยที่เขาเพิ่งจะดอมดมมันเสียจนชุ่มฉ่ำ ปลายแหลมแหวกผ่านช่องทางแคบ เผยเกสรสีชมพูที่แข็งขึ้นเป็นไต สองขายกขึ้นไปตามการกระทำของเขา

“จะ...เจ็บ...”

มือเรียวรีบป้องไปยังหน้าท้องแบนราบของเธอ เจ้าของกล้ามเนื้อแน่นเป็นลอนหยุดการกระทำทุกอย่างของเขาเสียก่อนเพื่อไม่ให้ดอกไม้งามของเธอบอบช้ำ ร่างเล็กหายใจถี่ หน้าอกขยับขึ้นลง แต่เอวเล็กของเธอก็ไม่ได้ขยับหนีเขาไปไหน ริมฝีปากนุ่มขบเม้มอย่างเก็บอาการ ด้วยเพราะความเป็นชายนั้นสอดแทรกเข้ามาเสียเกือบจะมิดอยู่แล้ว

สมิงค่อยๆ ถอนตัวออก แต่ความแช่มช้านั้นทำให้มันตรารับรู้ได้ถึงความวาบหวามที่เกิดขึ้นภายในตัวของเธอ สาวเจ้าบิดกายพร้อมครางกระเส่า สองมือควานหาสิ่งยึดเหนี่ยวใกล้ๆ

“สะ...สมิง~...”

สาวร่างบางเอ่ยชื่ออีกฝ่ายอย่างเผลอตัว สองมือเรียวโอบกอดแผ่นหลังกว้างไว้แน่น ก่อนร่างใหญ่นั้นจะตอบรับเธอโดยการขยับเข้าไปภายในอีกครั้ง ดึงเอาน้ำหวานสีใสให้ไหลหลั่งออกมาจนเปรอะหน้าขาไปหมด สองแขนใหญ่โอบกอดร่างบางให้รู้สึกปลอดภัย เม็ดฝนยังคงร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า ทำให้ภายนอกนั้นก็ชุ่มฉ่ำไม่แพ้ภายในตัวเธอเช่นกัน

สาวเจ้าเงยหน้าขึ้นพร้อมกับส่งเสียงหวานในทุกๆ ครั้งที่อีกฝ่ายแทรกกายเข้ามา สัมผัสร้อนทำให้แม้เม็ดฝนเย็นเฉียบก็กลายเป็นไออุ่นไปเลยทีเดียว

“เจ้าเร่าร้อนเหลือเกิน รู้ตัวบ้างมั้ย”

สมิงหนุ่มกระเซ้าเสียจนใบหน้าสวยร้อนฉ่า กระชับกอดเธอแล้วจึงค่อยๆ เร่งความเร็วขึ้นแต่น้อย ปล่อยให้ร่างบางคุ้นชินกับจังหวะ ก่อนที่เธอจะตอบรับเขาโดยการตอดรัดความเป็นชายอย่างไม่รู้ตัว เสียงครางทุ้มของสมิงเล็ดลอดออกมา ใบหน้าเขาเหยเกด้วยความรัดแน่นของดอกไม้สาว ร่างใหญ่แม้แกร่งดั่งหินผ่าก็เกือบพังทลายลงมาเช่นกัน

ลมพายุที่พัดโหมเข้ามาซัดสาดเรือนน้อยจนสั่นไหว เสียงเนื้อกระทบกันคลอไปกับเสียงไหวหวิวของเรือนไม้เก่า ฝนเม็ดโตตกกระทบเป็นเสียงน้ำแตกกระจาย หินผาพังครืนลงทันทีเมื่อมวลน้ำมากมายทะลักทะล้นเข้าเสียจนเต็มดอกไม้งาม

มันตรานอนหมดเรี่ยวหมดแรง ดวงตากลมสวยหรี่ลงน้อยๆ ร่างใหญ่บรรจงจูบริมฝีปากนุ่มอย่างปลอบประโลม ก่อนจะถอนตัวออกจากร่างกายเธอ มือเรียวรีบปกปิดความน่าอับอายพร้อมกับหุบเรียวขาเข้าหากันช้าๆ แต่ร่างใหญ่เองก็ยังคงจุมพิตไปทั่วใบหน้าหวาน สาวเจ้าขยับตัวซุกแผ่นอกกว้างที่ยังคงร้อนผ่าว ถึงคราวที่เธอจะกอบโกยไออุ่นจากร่างใหญ่ของเขาคืนบ้างแล้ว สองแขนแกร่งโอบกอดเธอเอาไว้ไม่ให้ห่างกาย มือใหญ่ลูบผมยาวสลวยพลางก้มลงจูบหน้าผากเล็กครั้งแล้วครั้งเล่า

“...”

“ต่อมั้ย” สมิงกระซิบกระซาบ

“สะ...เสือบ้า...” สาวเจ้าเอ็ดเบาๆ พลางซุกลงกับแผ่นอกหนานั้นต่อ

กินเวลาไปกว่าชั่วโมงแล้วที่ทั้งสองนอนกอดก่ายกันอยู่บนเรือนไม้ร้าง ฝนก็ค่อยๆ ซาลงจนเกือบจะหยุดแล้ว แต่ละอองน้ำยังคงลอยลงมาเป็นสุย มันตราผละออกมาจากแผ่นอกกว้างนั้นก่อน ดึงชั้นในที่หลุดลุ่ยมาสวมให้เข้าที่ กระดุมเม็ดเล็กค่อยๆ ถูกติดไปทีละเม็ดช้าๆ กระโปรงยาวถูกปัดลงให้อยู่ในสภาพเดิมเสียก่อน

“อะ...เอ๋!” ร่างบางเหลือบไปเห็นจานขนมใส่ไส้ที่น้าสาวซื้อมาให้ซึ่งตอนนี้ถูกฝนสาดจนนองไปด้วยน้ำเสียแล้ว

“โถ่...” สาวเจ้าร้องออกมาอย่างเสียดายพร้อมกับหันไปหาเจ้าเสือใจร้ายที่ทำให้เธอชวดขนมอร่อยๆ จานนี้ไปเลย แต่ไร้วี่แววของร่างใหญ่ที่เคยนอนอยู่ตรงนั้น มันตรารีบมองหา คนอะไรจะหายตัวไปไวขนาดนี้

“หายไปไหนแล้ว...” ชั่ววูบหนึ่งในความคิดของเธอคือเขาคงจะเดินจากไปแล้ว

“...”

ไม่นานชายร่างใหญ่คนเดิมก็เดินออกมาในชุดผ้าฝ้ายขาว มันตราถึงกับโล่งใจเมื่อรู้ว่าเขายังอยู่กับเธอตรงนี้

“นะ...นึกว่าคุณไปแล้ว” สาวเจ้าบอกเสียงค่อย

“คิดว่าข้าเป็นคนแบบนั้นรึไง” ชายร่างใหญ่ถามอย่างตัดพ้อ

ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นบ้างแล้ว แต่มัคงจะสว่างไปกว่านี้ได้ไม่มาก ด้วยเพราะใกล้ถึงเวลาเย็น พระอาทิตย์ก็ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะส่องแสงลงมาได้

“มาสิ ข้าจะไปส่ง” มือใหญ่ยื่นมาตรงหน้าหญิงสาว 

มันตรายื่นมือเรียวไปจับพลางยันตัวขึ้นน้อยๆ สัมผัสร้อนผ่าวยังคงระอุอยู่ในตัว แม้จะผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้วก็ตาม

“อ๊ะ~” หญิงสาวยังยืนเซอยู่บ้าง แต่แขนใหญ่นั้นประคองเธอไว้ตลอด

“ขะ...ขอบคุณค่ะ” เธอว่า ก่อนสมิงใหญ่จะประคองเธอลงจากเรือนไม้ แขนแกร่งกระชับร่างบางของเธอเบาๆ ค่อยๆ อุ้มสาวเจ้าลงมาโดยที่เธอไม่ได้ร้องขอ แม้บางทีใบหน้าดุดันนั้นจะทำให้กลัวจนหวาดหวั่น แต่การกระทำของเขาทำให้สาวเจ้าอบอุ่นหัวใจทีเดียว

ฝ่ามือใหญ่กุมมือเรียวเล็กนั้นค่อยๆ พาเดินไปช้าๆ ละอองน้ำในอากาศลอยมาเกาะแก้มขาวอยู่น้อยๆ กระทั่งเดินมาถึงปากทางต้นชาทองที่อีกไม่กี่ก้าวเท่านั้นก็จะเข้าสู่อาณาเขตของบ้านแล้ว ร่างใหญ่หยุดส่งเธอตรงนั้น โดยมันตราหารู้ไม่ว่าดวงตาซอกแซกคู่หนึ่งกำลังมองมาที่เธอ

“ส่งแค่นี้ก็ได้ค่ะ ไม่เป็นไร” สาวเจ้าเอ่ยบอก

“แน่ใจนะว่าเดินไหว” เสียงทุ้มถามย้ำอีกครั้ง

ร่างบางพยักหน้าหวานย้ำคำตอบของเธอ ใบหน้าสวยอมยิ้มน้อยๆ มองดวงตาสีเพลิงคู่นั้นอยู่ก่อนจะบอกลา

“ขอบคุณนะที่เดินมาส่ง...” สาวเจ้าเอ่ยเบาๆ ก่อนชายร่างใหญ่จะก้มลงจุมพิตเธอเป็นค่าแรง

“อืม! ~”

ดวงตากลมสีน้ำตาลเบิกขึ้นอย่างตกใจ ก่อนสมิงใหญ่จะผละออกแล้วเดินหายไปในแนวพุ่มไม้ ทิ้งให้หญิงสาวยืนประท้วงอยู่ตรงนั้นลำพัง

“ตะ...ตาบ้า...”

มันตราพึมพำกับตัวเอง มือเล็กยกขึ้นสัมผัสริมฝีปากนุ่มของเธอน้อยๆ เพราะจริงๆ แล้วเธอก็แอบหลงใหลจุมพิตหวานนี้เช่นกัน


รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น