17

เรื่องคืนนั้น

17 

เรื่องคืนนั้น

 

รถคันงามถูกขับเข้ามาในบริเวณเรือนไม้บะเก่าอย่างช้าๆ 

หญิงชรานั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้สักตัวเก่าซึ่งตั้งประจำที่ชานบ้าน มือเล็กที่เต็มไปด้วยร่องรอยเหี่ยวย่นลงตามวัยโบกพัดที่ทำจากไม้ไผ่สานอย่างง่ายๆ พอให้ลมเย็นพัดปะทะใบหน้าเรียบเฉยของแกช้าๆ ดวงตาเล็กของยายจับจ้องไปยังรถสีแดงคันนั้นแทบตลอดเวลา แม้จะแอบละสายตาไปบ้างด้วยสีที่ร้อนแรงนั้นาหากจ้องมองไปนานๆ ก็ทำให้ตาล้าได้เหมือนกัน

เสียงปิดประตูรถดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงเดินย่ำบนเรือนไม้บะเก่า สัญญาณรถร้องดังมาตามหลังจากมันตรารีบถอดรองเท้าส้นเตี้ยของเธอแล้วย่ำขึ้นเรือนมาอย่างรีบร้อนเพระอยากอวดขนมที่ซื้อมาจากตลาดนัด เสียงกรุ๊งกริ๊งของกระดุมกระดิ่งนำมาก่อนตัว จนยายแปงที่นั่งรอหลานอยู่ถึงกับยกยิ้มเมื่อเห็นหญิงสาวหิ้วถุงผ้าที่เต็มไปด้วยของว่างนับไม่ถ้วนเต็มสองมือ

“ยายจ๋า กลับมาแล้วค่ะ”

ยายแปงแอบเป็นห่วงอยู่ว่าสาวเจ้าจะเป็นอย่างไรบ้าง การทำงานวันแรกของเธอจะราบเรียบหรือเปล่า แต่พอได้เห็นใบหน้าหวานที่ยิ้มแฉ่งขนาดพระอาทิตย์ยังต้องอาย คนเป็นยายก็ถึงกับโล่งอก

“ปิ๊กมาละก๋า เป๋นไดพ่องลูก” (กลับมาแล้วเหรอ เป็นยังไงบ้างลูก) ยายแปงเอ่ยกับหลานสาวก่อนเธอจะวางขนมที่ซื้อมาลงกับโต๊ะไม้สักเตี้ย แล้วนั่งคุกเข่าลงกอดหญิงชราผู้เป็นยายอย่างคิดถึง ด้วยยายแปงตัวเล็ก แถมผิวหนังเหี่ยวย่นไปตามวัย พอเข้าไปสวมกอดแล้วให้ความรู้สึกนุ่มนิ่ม กลิ่นน้ำอบจางๆ ที่พรมไว้ให้พอสดชื่นก็หอมละมุนจนมันตราแทบไม่อยากผละออกจากแกเลย ยายแปงเองก็ชอบสัมผัสของหลานสาวเช่นกัน

“ตัวเจ้าเปื้อนไม่ใช่เหรอ” ชายที่เดินขึ้นเรือนตามมาเอ่ยทักเสียงเข้ม 

มันตรานึกขึ้นได้ว่าเสื้อที่สวมอยู่ตอนนี้เปรอะสีแดงของน้ำหวานที่หกลงมาเมื่อตอนอยู่บนรถ จึงผละออกจากยายแปงเล็กน้อยพร้อมกับหัวเราะแหะๆ อย่างเผลอตัวที่คิดถึงยายมากเกินไปหน่อยจนไม่ระวังตัว

“ท่านมาโตยก๋า ตะเจ๊าไปยะก๋านคนเดวบะไจ้ ”ยายแปงเอ่ยทัก (ท่านมาด้วยเหรอ เมื่อเช้าไปทำงานคนเดียวไม่ใช่เหรอ)

“มาๆ มานั่งก่อน” (มาๆ มานั่งก่อน) ยายผายมือให้สมิงร่างใหญ่นั่งลงเสียก่อน 

“เอ่อ...”

มันตราพยายามจะหาเหตุผลมาบอกกับยายแปงว่าสมิงแค่ไปรับที่ที่ทำงานเฉยๆ แต่หากพูดแบบนั้นออกไปยายจะสงสัยหรือเปล่า หรือจะดีมั้ยถ้าหากบอกออกไปแบบนั้น สาวเจ้าจึงนิ่งเงียบ มีเพียงเสียงลมพัดโชยจนใบไม้ไหว เสียงใบไผ่เสียดสีกันซึ่งดังกว่าเสียงอื่นใด

“ข้าไปรับนางเอง” สมิงร่างใหญ่ที่เดินมานั่งยังเก้าอี้ไม้สักตามคำเชิญของยายแปงถือโอกาสพูดแทนเสียเลย 

ดวงตากลมสีน้ำตาลอ่อนมองไปยังร่างใหญ่ที่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น 

ยายแปงได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้ว่าอะไร ด้วยเพราะมองออกแต่แรกอยู่แล้วว่าทั้งสองคนคงจะชอบพอถูกใจกันอยู่

“หลานเจ้าแทบจะเหมาของเสียจนหมดตลาด” สมิงเหน็บแนมเสียจนเจ้าตัวหันไปมองค้อนน้อยๆ สร้างความขบขันให้ยายแปงเป็นอย่างมาก

“เปล่านะคะ หนูซื้อแค่ไม่กี่อย่างเอง แถมซื้อมาฝากทุกคนด้วย” มันตรารีบแก้ตัว ถึงอย่างนั้นก็ฟังไม่ขึ้นเท่าไร เนื่องจากขนมมากมายในถุงผ้าที่วางอยู่บนโต๊ะเป็นหลักฐาน

“โถ่...” สาวเจ้าส่งเสียงโอดอย่างกับเด็กน้อย ด้วยรู้สึกเหมือนถูกสมิงแซวอยู่ตลอด สองมือหยิบขนมหลายอย่างออกมาเรียงบนโต๊ะไม้สีซีดจากกาลเวลา ข้าวเกรียบปากหม้อจำนวนห้ากล่อง ขนมเบื้อง ลูกชุบ ขนมเกลือ ขนมครก ข้าวต้มมัดสอดไส้กล้วยและถั่ว แถมด้วยบ้าบิ่นอีกหนึ่งถุงเล็ก ทำเอายายแปงถึงกับขมวดคิ้วเลยทีเดียว

“เจ้าว่าท่าจะหมดกาดละ” (ฉันว่าสงสัยจะหมดทั้งตลาดแล้วจริงๆ) ยายแปงเริ่มจะเห็นด้วยกับคำพูดของสมิงเสียแล้ว 

“ยายง่าาา...” สาวเจ้าโอดครวญ

“เอาๆ จะไห้ละก้า” (เอาๆ จะร้องไห้แล้วมั้งน่ะ) ด้วยยายแปงรู้นิสัยของมันตราอยู่จึงหยอกเล่นตามประสาของยายหลาน ก่อนจะตบแขนเล็กของมันตราเบาๆ เชิงปลอบใจ ก่อนจะใช้ให้เธอเอาขนมไปแบ่งกับญาติคนอื่นๆ

“น้าสาวกับป้าหมวยอยู่ในเต๋าไฟปุ้น ตั๋วไปบอกน้าสาวหื้อเอาขนมใส่ถ้วยมากำเลาะ แล้วก่อเอาไปแบ่งๆ หมู่ละอ่อนลูกป้าหมวยมันตวยเน่อ” (น้าสาวกับป้าหมวยอยู่ในครัวแน่ะ หนูไปบอกน้าสาวให้เอาขนมใส่จานมาให้ยายหน่อย แล้วที่เหลือก็เอาไปแบ่งๆ หลานป้าหมวยนางด้วยนะ)

สาวร่างบางรีบทำตามอย่างว่าง่าย ตรงนี้จึงเหลือเพียงสมิงกับยายแปงเพียงสองคน หญิงชราหัวหงอกนั่งฟังเสียงบรรยากาศรอบๆ ที่เงียบลงจนสงบ ก่อนมือเล็กของแกจะยื่นไปหาสมิง 

ชายร่างใหญ่มองอย่างรู้กัน หยิบถุงกำมะหยี่สีแดงใบเล็กออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเขาแล้วยื่นไปตรงหน้า ก่อนจะปล่อยให้ถุงสีแดงที่บรรจุของบางอย่างที่มีน้ำหนักพอสมควรหล่นตุ้บลงบนมือเล็กของหญิงชรา

“จะไปว่าจะอั้นจะอี้เน่อป้อปู่ หยังใดป้อปู่ก่อเป็นป้อจายหนา” (อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะพ่อปู่ ยังไงพ่อปู่ก็เป็นผู้ชาย)

ยายแปงเอ่ยบอกกับสมิงที่รู้ธรรมเนียมกันอยู่แล้วว่านี่คือกฎเกณฑ์ที่ถูกสร้างขึ้น และปฏิบัติกันมาแต่ช้านานแล้วอย่างติดตลก ของยายแปงค่อยๆ โบกพัดในมือช้าๆ อย่างใจเย็น

“ข้ารู้” ชายร่างใหญ่ตอบเสียงเรียบ ด้วยเพราะเข้าใจธรรมเนียมการปฏิบัตินี้ดี และหากเทียบของที่สมิงต้องยกให้ยายแปงไป กับตัวมันตราแล้ว ถือว่าเทียบกันไม่ได้เลย

เสียงคุยกันจากหลังเรือนดังโหวกเหวกขึ้นอย่างผิดสังเกต ยายแปงกระแอมออกมาทันที คงเป็นเพราะน้าสาวกับป้าหมวยทะเลาะกันอีกแล้ว พัดในมือเล็กของแกพัดแรงขึ้นอย่างสังเกตได้ ก่อนแกจะนึกเรื่องสำคัญอีกเรื่องที่จำเป็นต้องแจ้งกับชายร่างใหญ่ข้างๆ

“อ่อ...แล้วก่อ...วันนี้มีคนบ้านใต้เปิ้นมาขอเข้าไปขอขมาแหมเมาะ ไปลบหลู่หยังป้อปู่แหมเหมาะ” (อ่อ แล้วก็วันนี้มีคนจากอีกหมู่บ้านมาขอเข้าไปขอขมาท่านอีกแล้ว ไปลบหลู่อะไรท่านอีกล่ะ) 

ยายแปงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงปกติ ตอนนั้นเองที่มันตราเดินขึ้นเรือนมาพร้อมกับขนมที่ซื้อมาจากตลาดนัด ทั้งสองคนจับจ้องไปยังมันตราที่เดินเข้ามาทั้งๆ ที่แทบไม่ได้ยินเสียงย่ำเท้าเลย แน่นอนว่าดูมีพิรุธ

“เอ๋?...มะ...มีอะไรเหรอคะ” ร่างบางเอ่ยถามอย่างแปลกใจ ด้วยเพราะพอหล่อนเดินมา ทั้งคู่ก็หยุดพูดคุยกันเสียอย่างนั้น

“แม่ไอ้หมอกาฬน่ะเหรอ” สมิงเลือกจะพูดต่อ

มันตราหยุดยืนนิ่งอยู่ ด้วยเหมือนกับว่าทั้งสองจะมีอะไรพูดคุยกับเธอ แต่พอสมิงเริ่มพูดต่อกลับไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับเธอเลยแม้แต่น้อย จึงค่อยๆ เดินเข้ามาหาทั้งสองและวางจานขนมลงบนโต๊ะไม้ น้ำเปล่าถูกใส่มาในเหยือกแก้วทรงเก่า พร้อมๆ กับขันเงินใบเล็กสองใบให้ยายกับสมิง

“แม่นนะ ยะหยังมีก้าคนมาลบหลู่ท่าน” (ใช่แล้ว ทำไมถึงมีแต่คนมาลบหลู่ท่าน) ยายแปงว่าขณะขยับตัวนั่งในท่าที่สบายขึ้น 

มันตรารู้สึกว่าเธอไม่ควรจะนั่งอยู่ตรงนี้ จึงลุกขึ้นยืนเบาๆ

“มันตรา เจ้าอยู่ฟังเถอะ” เจ้าของนัยน์ตาคมเอ่ยออกมาด้วยเสียงเรียบ 

ร่างบางที่ขยับลุกยังไม่ทันจะยืดตัวตรงเลยต้องขยับนั่งลงอีกครั้ง เสียงทุ้มต่ำของสมิงทำเอามันตราถึงกับเกร็งไปเสียทุกครั้ง

“ว่ากันตามตรง มันไม่ได้ลบหลู่อะไรข้ามากนักหรอก” สมิงตอบ

“เอ้า แล้วไปยะหื้อเปิ้นเป๋นบ้าเป๋นว้อนี่มันบะเกินไปหน้อยยย...ก๊ะ” (อ่าว แล้วไปทำให้เขาเป็นบ้าเสียสติไป มันดูจะไม่เกินไปหรือพ่อ) ยายแปงเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ 

ดวงตากลมสีน้ำตาลอ่อนจ้องมองสลับไปมาระหว่างสมิงกับยายแปงที่กำลังพูดคุยกันอยู่ แต่เธอยังปะติดปะต่อเนื้อหาไม่ได้ว่าพวกเขาทั้งสองคนพูดคุยเรื่องอะไรกันแน่

“แต่เพราะมันทำอะไรข้าไม่ได้ มันเลยมาทำหลานเจ้าต่างหาก คำแปง” สมิงปรามความคิดของยายแปงก่อนที่แกจะเข้าใจผิดไปมากกว่านี้ 

พอชายร่างใหญ่เอ่ยออกมาเช่นนี้ ยายแปงก็รีบหันขวับไปมองมันตราทันที ดวงตาเล็กมองสำรวจผู้เป็นหลานตั้งแต่หัวจดเท้าของ แต่ก็เห็นว่าเธอยังครบอาการ 32 ไม่ขาด ไม่เกิน

“นะ...หนูเหรอคะ” มันตราชี้ตัวเองอย่างฉงน ด้วยเพราะยังไม่รู้ตัวว่าถูกทำร้ายหรือถูกทำอะไรตอนไหน

“มันยะหยังอีหล้า” ใบหน้ากลมเล็กของยายแปงแฝงไปด้วยความกังวลอยู่น้อยๆ (มันทำอะไรหนู)

“มันส่งของมันมาจัดการ ดูจากเจตนาแล้วข้าว่ามันตั้งใจเอาให้ถึงตาย แต่โชคดีที่ร้านของแม่หยาดมียันต์ที่ลงอักขระเอาไว้ จึงพอช่วยกันอะไรได้บ้าง แต่ก็คงยังไม่สมใจมัน มันเลยส่งสมุนมันมาอีกตอนกลางดึก โชคดีที่ข้ากลับเข้าไปทัน”

สมิงค่อยๆ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยน้ำเสียงสุขุมให้ยายแปงฟังช้าๆ พอจะทำให้มันตราเริ่มปะติดปะต่อเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้บ้าง มันคือเรื่องที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนั้น คืนที่เกิดพายุใหญ่จนเธอต้องนอนค้างที่บ้านของคุณหยาดทิพย์ และสมิงเลือกจะบอกมันตราว่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เธอพบเจอในคืนนั้นเป็นเพียงแค่ฝันร้าย ถึงอย่างนั้นก็โอบกอดหล่อนเอาไว้จนเช้า ไม่ได้หนีหายไปไหนเลย

หญิงสาวมองไปยังชายร่างใหญ่อย่างอ่อนโยน ความอบอุ่นในหัวใจมันตราเกิดขึ้นช้าๆ

“แต๊หว่าอีหล้า” (จริงเหรอลูก) ยายแปงเอ่ยขึ้นอย่างใจหาย ด้วยเพราะแกเองไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับมันตรา 

หญิงสาวพยักหน้ารับน้อยๆ ก่อนมือเล็กของยายแปงจะทุบลงกับที่พักแขนอย่างมีน้ำโห

“อั้นก่อต๋ายจ้างมันเต๊อะ คนอะหยังใจ๋บาปใจ๋ดำ ยะหื้อคนบะหมีตางสู้” (งั้นก็ปล่อยมันตายไปเถอะ คนอะไรใจบาปใจดำ ทำร้ายคนไม่มีทางสู้) ยายแปงก่นด่าออกมาอย่างมีน้ำโห 

สมิงเลิกคิ้วสูง ด้วยยายแปงไม่เคยด่าว่าหรือแม้แต่แช่งชักใคร แต่กลับแสดงความโกรธออกมาหลังจากทราบเรื่องของมันตรา เจตนาในตอนแรกของแกที่หวังว่าจะมาช่วยพูดกับสมิงให้อโหสิกรรมให้หมอผีบ้านใต้ที่เสียสติฟั่นเฟือนไปแล้ว กลับกลายเป็นแช่งชักให้ปล่อยให้ตายไปเองเสียอย่างนั้น 

“อย่าเพิ่งใจร้อนไปคำแปง หลานเจ้าฟังอยู่” สมิงปราม

“แล้วสมิงก็เลยกลับไปทำร้ายเขาเหรอคะ”

ดวงตากลมจ้องมองมายังร่างใหญ่อย่างหวังบางอย่าง อีกฝ่ายคงไม่ใช่คนที่จะฆ่าคนได้หรอก  ดวงใจดวงเล็กยังคงหวังว่าเลือดที่เปรอะร่างเสือสมิงใหญ่ในวันนั้นจะไม่ใช่เลือดของชายคนที่ทำร้ายเธอ

ยายแปงหันกลับมารอฟังคำตอบจากปากสมิงใหญ่ จนทุกอย่างรอบๆ ตัวเงียบสงัดลงอีกครั้ง

“ข้าไปหามันในตอนค่ำ ดูมันจะไม่ได้สำนึกอะไรเลยว่าของที่มันส่งมาถูกแก้ไปหมดแล้ว มันยังมีหน้ามาส่งควายธนูตัวเดิมออกมาอีก สิ่งเดียวที่ข้าฆ่าไปในคืนนั้นคือควายธนู” สมิงเล่าต่อ นัยน์ตาสีแดงเพลิงจับจ้องไปยังใบหน้าหวานของมันตราตลอด

“เลือดในคืนนั้น...” ริมฝีปากเล็กขยับเมื่อเริ่มเข้าใจทุกอย่าง

“อ่า...” สมิงตอบกลับมาอย่างรู้กันกับมันตราว่าเเข้าใจถูกต้องแล้ว แม้จะฟังดูโหดร้ายไปหน่อย แต่นั่นมากพอที่จะทำให้มันตราใจชื้นขึ้นว่าสมิงเองไม่ได้ทำร้ายใครก่อน

“แล้วป้อปู่จะเอาจะได จะหื้อเปิ้นมาขอขมาอยู่ก่อ” (แล้วพ่อปู่จะเอายังไงต่อ จะให้พวกเขามาขอขมาอยู่รึเปล่า)

 

“ถ้าพวกมันอยากจะมาก็มา แต่ข้าคงช่วยอะไรพวกมันมากไม่ได้ เพราะมันโดนของของมันเอง”

สมิงเอ่ยออกไปด้วยเสียงเรียบ เพราะในทางไสยศาสตร์แล้ว เรื่องของมนตร์คาถาต่างๆ ความแข็งแกร่งขึ้นอยู่กับพลังอำนาจ ด้วยว่าใครที่มีคาถาแก่กล้ากว่ากันก็มักจะชนะผู้ที่มีคาถาเบากว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่เมื่อมีการต่อสู้กันของผู้ใช้เวทมนตร์คาถา ผู้แพ้ไม่เพียงแต่จะได้รับความอับอาย หรือร้ายหน่อยคือได้รับบาดเจ็บจากการถูกของของอีกฝ่าย แล้วยังจะถูกของของตัวเองสะท้อนเข้าตัว จนบางรายถึงกับเป็นบ้าเสียสติ ร้ายหน่อยก็อาจจะถูกทำให้ถึงตายเลยก็เป็นได้

จากเรื่องที่สมิงเล่ามานี้ทำเอายายแปงถอนหายใจ สถานการณ์แบบนี้ทำให้ลำบากใจอยู่เหมือนกัน

“แต่อย่างน้อย...ก็ถือว่าเราได้อโหสิกรรมให้เขานะคะ”

มันตราเอ่ย มือหนึ่งกุมหน้าอกอย่างสะเทือนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ดวงตาสวยแสดงออกโดยชัดเจนว่าต้องการจะให้พวกเขามาขอขมา และอีกใจหนึ่งก็หวังว่าคู่กรณีจะได้รับการให้อภัยด้วย

“เข้าใจแล้วน่า”

สมิงเองถึงกับจำยอมต่อความมุ่งมั่นของสาวเจ้า ยายแปงก็เช่นกัน

...
แสงสว่างจากดวงอาทิตย์เริ่มค่อยๆ เลือนหายไปจากท้องฟ้าใส แต่เมฆขาวจากฟ้าไกลเริ่มจะหนาขึ้น ตั้งเค้ามาแต่ไกลทีเดียว มิวายคืนนี้คงจะต้องนอนฟังเสียงฝนอีกเป็นแน่ สมิงขอตัวกลับหลังจากพูดคุยเรื่องการขอขมาเสร็จได้ไม่นาน ตอนนี้จึงมีเพียงมันตราคนเดียวที่ยังคงนั่งอยู่ที่เติ๋นหน้าบ้าน มองออกไปยังต้นไม้มากมายที่ขึ้นเรียงรายอยู่บริเวณนั้น

ก่อนนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนจะเหลือบมองที่เสื้อขาวของเธอที่ตอนนี้เปื้อนสีแดงจากน้ำหวานเป็นวงกว้าง ลืมไปเลยว่าหล่อนจะต้องรีบถอดเสื้อตัวนี้ออกไปซัก เพราะหากทิ้งคราบเอาไว้นานเข้าเกรงว่ารอยเปื้อนจะซักออกยาก แต่พอนึกถึงสาเหตุแล้วก็ทำให้ใบหน้าขาวแดงแจ๋ขึ้นมาเสียอย่างนั้น มือเรียวประกบแก้มใสของเธอที่กำลังร้อนฉ่า

“ถะ...โถ่ อุตส่าห์ลืมไปแล้วแท้ๆ คนบ้า!!” หญิงสาวบ่นกับตัวเอง เสียงที่ตะโกนออกมานั้นดังจนน้าสาวและยายแปงที่นั่งพับผ้าอยู่ในเรือนถึงกับสะดุ้ง

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น