บทที่ 6
หลาน… เขาก็อยากมีให้แม่สักคน ส่วนแม่ของลูกก็มีคนถูกตาต้องใจแล้ว แต่เธอจะเปิดใจรับรักเขาได้ไหมเพราะเพิ่งรู้จักกันจริงจังได้ไม่นานนี้เอง
เดิมทีเดียวเขาตั้งใจว่าจะช่วยเกล้ามาลาเพียงแค่ให้แน่ใจว่าเธอหายป่วยและไม่ละเมอถึงเรื่องวันนั้นอีก แล้วจะช่วยหางานกับที่พักใหม่ให้ เพราะแม้จะรู้สึกกับเกล้ามาลามากแค่ไหนแต่ก็รู้ว่าตัวเองมีคู่หมั้น จะปล่อยอารมณ์มาเป็นใหญ่แล้วยกเลิกงานแต่งไป ไร้ความรับผิดชอบจนทำให้ช่อทิพย์ขึ้นชื่อว่าเป็นม่ายขันหมากและต้องทนกับความอับอายเพราะหัวใจของเขาร่ำร้องหาผู้หญิงอีกคนไม่ได้ และอีกอย่างคือสำหรับเขาแล้วการใช้ชีวิตด้วยอารมณ์มันไม่ใช่แค่เสี่ยง แต่อาจนำความเสียหายมาเยือนในภายภาคหน้าอีกด้วย
และหากทำอย่างนั้นจริงเกล้ามาลาก็คงคิดว่าเขาใจโลเลไร้ความผิดชอบไปก็เท่านั้น จะรังเกียจกันเสียเปล่าๆ เพราะเท่าที่อยู่กันมาก็พอจะมองออกว่าหญิงสาวทระนงในศักดิ์ศรี คงไม่มีทางยอมได้หากเขาจะทิ้งว่าที่เจ้าสาวแล้วโผเข้าหาเธอ ในตอนนั้นเขาคิดเพียงว่าหากไร้วาสนาได้รักกันก็ขออย่าเป็นคนที่เธอเกลียดเลย ชายหนุ่มจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากตัดใจ คิดว่าเขาพบไม้งามเมื่อตอนขวานบิ่นไปเสียแล้ว
ทว่าเทวดาในอนิรุทธ์คำฉันท์ก็ยังเมตตาไม่อุ้มสมเธอมาให้เขาต้องเสียใจเปล่า เพราะท่านดลใจให้ช่อทิพย์ยอมถอนหมั้นไปอย่างที่เขาก็แปลกใจ แต่ก็เท่ากับว่าตอนนี้เขาเป็นคนตัวเปล่าเล่าเปลือยไร้พันธะ หากจะเกี้ยวคนถูกใจมาเป็นคู่ครองก็ไม่ผิดอะไรอีกแล้ว
แสงภาณุดูออกว่าเธอเป็นลูกผู้ดีมีตระกูลอย่างที่แม่ว่า แต่เขาไม่ได้สนใจว่าหญิงสาวจะเป็นใครมาจากไหน รู้เพียงว่าหัวใจเรียกร้องให้เดินเข้าไปหาเธอตั้งแต่แรกเห็น ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งมีความสุข รอยยิ้มของเธอเหมือนของขวัญที่เข้ามาเติมให้หัวใจอิ่มเอมได้ทุกวัน อยู่กับเกล้ามาลาแล้วอบอุ่นเหมือนอยู่กลางแดดยามเช้าในฤดูใบไม้ผลิ ชีวิตมีแต่ความอิ่มเอมและสดใส เท่านี้ก็มากพอสำหรับเขาแล้ว
เมื่อหัวใจเป็นอิสระ ชายหนุ่มจึงขอเพิ่มเวลาให้ตัวเองโดยเอาเรื่องที่ป้อมพระสุเมรุมาอ้าง แม้จะเป็นเรื่องน่าหวาดระแวงอย่างที่เขาว่า แต่เหตุผลแท้จริงที่กล่อมให้เกล้ามาลาอยู่เพราะอยากอยู่ใกล้ๆ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าเขารู้สึกกับเธออย่างไร ไม่ใช่แค่พร่ำพูดไปเพราะรู้ว่าหญิงสาวคงไม่มีทางไว้ใจกับคำพูดของเขาแน่ คงต้องใช้ความมั่นคงเข้าพิสูจน์คำว่า ‘รัก’ จากปากของผู้ชายคนนี้
และเขาอยากให้เกล้ามาลาได้มั่นใจเช่นกันว่านี่คือความรัก ไม่ใช่อารมณ์หลงใหลได้ปลื้มเพียงชั่วคราว และคงต้องอาศัยเวลาให้หญิงสาวได้หาคำตอบว่าจะยอมผูกพันชีวิตไว้กับเขาได้หรือไม่ แต่ไม่ว่าเธอจะต้องการเวลานานแค่ไหนก็ยินดีจะให้ ไม่นึกท้อใจเลย
“คุณแสง ฉันขอออกไปหางานทำได้ไหมคะ”
เกล้ามาลาเรียกเบาๆ ท่ามกลางความเงียบของค่ำคืนที่นอกหน้าต่างยังมีสายฝนพรำ แต่เหมือนดึงเขาให้กลับจากมาภวังค์ จากเดิมที่นั่งมองหญิงสาวเล่นกับเจ้าลู่เสียนอยู่บนพื้นข้างเตียงนอนก็ต้องมาตั้งใจฟังเธอด้วย อยู่ร่วมห้องในฐานะสามีภรรยาให้คนรู้กันทั้งบ้านมาสองคืนแล้ว ชายหนุ่มก็มีความสุขมากขึ้นทุกวันกับการเฝ้ามองเธอ จับจ้องดวงตาคู่นั้นราวกับต้องมนตร์
เขาชอบดวงตาของเกล้ามาลา สวย หวาน เปล่งประกายพราวระยับงามจับตา ไม่ว่าเธอจะอยู่ในห้วงอารมณ์ใดก็ตาม…
“ฉันไม่อยากอยู่บ้านเฉยๆ อย่างน้อยทำงานหาเงินมาจ่ายเป็นค่าเช่าบ้านให้คุณระหว่างที่ต้องซ่อนตัวก็ยังดี”
“ไม่เห็นต้องจ่ายสักบาท” แสงภาณุยิ้มอย่างชอบใจแต่ก็เห็นด้วยที่ว่าเธออยากทำงาน “แต่ถ้าอยากทำงานจริงๆ ก็ช่วยผมทำบัญชีดีไหม พอจะทำได้หรือเปล่า”
“ได้ค่ะ เคยทำบัญชีของที่บ้านมาบ้าง” หญิงสาวเริ่มเสนอความสามารถของตัวเองให้เขารู้เพิ่ม “ฉันพิมพ์ดีดได้ทั้งไทยและอังกฤษ จดเลกเชอร์การประชุม และสื่อสารภาษาอังกฤษได้ด้วยนะ”
“ช่วงเวลาอย่างนี้ หัดภาษาญี่ปุ่น เยอรมัน หรืออินตาลีเพิ่มด้วยก็ดีนะ”
“ไม่ค่ะ” เกล้ามาลาเสียงแข็งจนเขาใจเสียขึ้นมาเพราะรู้สึกว่าตัวเองไปพูดไม่เข้าหูเธอเสียแล้ว “ที่ฉันเรียนภาษาอังกฤษก็เพราะโรงเรียนสอนให้ตั้งแต่ก่อนเกิดสงคราม แต่ฉันไม่คิดจะเรียนภาษาของพวกคนที่นำสงครามมาสู่บ้านเกิดเมืองนอนของฉัน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายอักษะหรือพันธมิตรก็ตาม และไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบพวกเขา แต่ฉันไม่ชอบสงคราม”
“เอาเป็นว่าถ้าคุณไม่ชอบ ผมจะไม่ให้งานที่ทำให้คุณต้องข้องเกี่ยวกับพวกเขาก็แล้วกันนะ”
ชายหนุ่มเห็นท่าไม่ดีก็ยิ้มกลบเกลื่อนแต่เข้าใจว่าคนที่เคยเกือบกลายเป็นเยื่อสงครามมาก่อนจะไม่ชอบการสู้รบมากแค่ไหนจึงตั้งแง่กับเหล่าทหารต่างชาติที่เข้ามาในประเทศ แต่ก็อมยิ้มเพราะเห็นทีว่าจะได้ผู้ช่วยอีกคนมาทำงาน
“แล้วพรุ่งนี้จะสอนงานให้ แต่วันนี้นอนก่อนเถิด จะถึงเวลาพลางไฟแล้ว”
พูดถึงเรื่องนี้เกล้ามาลาก็ถึงกับถอนหายใจแรง จนเขาเริ่มไม่แน่ใจเสียแล้วกับที่หญิงสาวเคยบอกว่าบ้านถูกระเบิดนั้นเป็นเรื่องโกหกอย่างที่ตัวเองมั่นใจในตอนแรกหรือเปล่า หรือที่หน้ามุ่ยๆ อยู่นี่เพราะเบื่อหน่ายกับภาวะสงครามเต็มที เพราะอย่างน้อยที่สุดมันก็ทำให้เธอเดินทางกลับโรงเรียนอย่างที่ตั้งใจไว้ไม่ได้ แต่แสงภาณุก็นับว่าดีไปอย่าง เพราะหากการเดินทางยังสะดวกเธอก็คงบวชชีไปแล้ว ไม่มานั่งอยู่ในห้องนอนของเขาอย่างนี้แน่
คิดแล้วชายหนุ่มก็หัวเราะตัวเองเบาๆ แต่คงไม่ปล่อยให้เกล้ามาลารู้ว่ากำลังซ่อนอะไรอยู่ในใจ หากเธอรู้ทันว่าเขาหมายปองต้องจิต หญิงสาวคงไม่ยอมเล่นบทผัวเมียกำมะลอนี้ต่อไปแน่ นั่นเท่ากับตัดโอกาสทองของตัวเอง จะว่าเขาเห็นแก่ตัวก็ได้ แสงภาณุจะยิ้มรับแต่โดยดี
ชายหนุ่มพยายามทำหน้านิ่งกลบเกลื่อนอาการ แล้วเดินไปรับตัวเจ้าลู่เสียนออกจากมือของคนที่เกาหัวให้มันอยู่เพราะจะนอนกันแล้วจึงไม่อยากให้มีสัตว์หน้าขนอยู่ในห้องระหว่างที่หลับ แต่พอเปิดประตูจะเอาแมวน้อยไปปล่อยด้านนอก ทั้งเขาและเกล้ามาลาก็ขมวดคิ้วมองไปตามๆ กันเพราะคุณนายเหมยฮัวมายืนยิ้มแป้นพร้อมบ่าวสาวๆ ประกบซ้ายขวา ทำท่าเหมือนกำลังจะเคาะประตู
“จะนอนกันแล้วหรือ” มารดาเปิดประเด็นก่อน “อย่าเพิ่งนอนซี หม่าม้าต้มยามาให้”
“ยาอะไรครับ ไม่มีใครเป็นอะไรเสียหน่อย”
“ยาบำรุง”
แม่ของเขายังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วส่งยิ้มไปให้เกล้ามาลาที่ยังนั่งงงอยู่บนพื้นข้างเตียงนอน
“ของอาเกล้า หม่าม้าต้มมาให้ เห็นอีผอมแห้งแรงน้อยเหลือเกิน เมื่อเย็นก็กินข้าวอย่างกับแมวดม”
“ของฉันหรือคะ”
เกล้ามาลาถามย้ำแล้วผู้ใหญ่ก็ควักมือเรียกแทนคำตอบ หญิงสาวหันมองหน้าเขาเป็นเชิงถามหาความมั่นใจอยู่ครู่หนึ่ง พอพยักหน้าให้เธอก็เดินมาหาถ้วยยาบำรุง ใช้ช้อนตักน้ำยาดื่มจนหมด ถ้ากินยาแบบนี้ทุกวันก็คงเจริญอาหารจนอ้วนท้วนน่าดู
“เอาล่ะ ทีนี้ก็ปิดประตูเข้านอนกันได้แล้ว ส่วนเจ้าลู่เสียนก็เอามานี่ หม่าม้าจะเอาไปเลี้ยงให้เอง”
พอเกล้ามาลาคืนถ้วยยาจีนให้ผู้ใหญ่ก็ยิ้มหวาน รับแมวไปจากมือเขาแล้วบริการเปิดประตูห้องให้เสร็จสรรพ แต่ดูไปแล้วแม่ของเขาจะถูกใจลูกสะใภ้กำมะลอคนนี้ไม่น้อยเลย สงสัยจะต้องรีบทำให้เธอมาเป็นสะใภ้ของแม่จริงๆ ในเร็ววันให้ได้เสียแล้ว
แสงภาณุยังคิดไม่ออกว่าจะเริ่มต้นด้วยคำไหน วิธีใด เกล้ามาลาจึงจะไม่ตกใจหากเขาจะบอกว่ามีใจให้ อยากให้เธอมาเป็นคู่ครอง
ชายหนุ่มยังนอนเอนหลังลงบนเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ คิดไม่ตกตั้งแต่เอาใช้ผ้าขนหนูปิดบังหลอดให้เหลือเพียงแสงสลัวๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องบินทิ้งระเบิดสะดุดตาเข้า ทว่าเรื่องระเบิดกลับไม่อยู่ในหัวของแสงภาณุเลย ตอนนี้มีเพียงแต่ใจจะคิดถึงเกล้ามาลา คนที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงของเขา
“อื้ม!”
เสียงครางของหญิงสาวดังขึ้นกลางดึกทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกฉุดกลับจากจินตนาการล่องลอย แล้วรุดเข้าไปดูใกล้ๆ ว่าเกล้ามาลาเป็นอะไรไปจึงเพ้อเสียงดังนัก หรือเธอจะนอนละเมอเหมือนคืนแรกๆ ที่มาอยู่กับเขา จากที่เคยคิดว่าหายสนิทแล้วนั้นผิดไปหรือ แล้วหากคนเสียขวัญยังไม่หยุดละเมอถึงเรื่องที่ป้อมวันนั้น จะกลายเป็นอันตรายกับเธอหรือเปล่า และหากไปเข้าหูอีกฝ่ายเข้าคงได้เดือดร้อนไปตามๆ กัน
“เกล้าๆ คุณเป็นอะไร”
แสงภาณุเขย่าตัวปลุกไว้ก่อน แต่คราวนี้เธอว่าง่ายเหลือเกินเพราะเรียกนิดเดียวก็ตื่นแล้ว ทว่าตื่นมากลับมีเหงื่อผุดพรายอยู่ตามไรผม มองเขาด้วยสายตาเว้าวอนอย่างที่ไม่เคยเป็น ดวงตาคู่สวยเปล่งประกายจนชายหนุ่มแทบจะอ่อนระทวยลงไปทั้งตัว
“คุณแสง… ฉันร้อน… ช่วยที…”
แต่ละคำที่ออกจากปากของหญิงสาวดังกระเส่าแต่มีผลรุนแรงต่อหัวใจเขาเหลือเกิน แสงภาณุแทบจะตั้งหลักไม่อยู่เพราะจู่ๆ สาวเจ้าก็ลุกขึ้นมาสวมกอด รัดร่างของเขาไว้แน่นแล้วถูไถ่ใบหน้าซุกอยู่บนแผงอก ทว่ามือน้อยกลับอยู่ไม่นิ่งเมื่อเธอลู่นิ้วเรียวสอดใต้ชายเสื้อของเขา ไล้เบาๆ เข้ามา ลู่ยาวไปตามแผ่นหลัง เหมือนตั้งใจปลุกสัญชาตญาณของชายหนุ่มให้ลุกโชติ
“เกล้า!”
เขาได้แต่เรียกเพราะไม่รู้หญิงสาวเป็นอะไรจึงมากอดกันทั้งปกติออกจะไว้ตัว แต่คราวนี้เธอทั้งกอดทั้งซุกไซ้เข้าหา เงยหน้าจูบอยู่บนลำคอของเขาจนชายหนุ่มเองยังพลั้งเผลอ รวบร่างน้อยเข้าอกเอาไว้แน่น มือที่เคยทำเพียงโอบเอวบางไว้ก็ไล้เข้าไปสัมผัสผิวเนียนนุ่มใต้ชายเสื้อ เรียบลื่นยิ่งกว่าแพรไหมชั้นดีไหนๆ ที่เคยสัมผัสมา
“อื้อ! อย่า…”
เขาสอดมือเข้าไปใต้ชายเสื้อเพียงนิดเกล้ามาลาก็ร้องขัดขึ้นมา จากที่เคยกอดอยู่ก็ผลักออกจนแสงภาณุงงไปหมด ไม่รู้ว่าเธอเป็นไปอะไร กระทั่งแววตาของหญิงสาวก็ยังตอบเขาไม่ได้ เธอดูสับสนเหลือเกิน
“เอ่อ… ผมขอโทษ”
เพราะถูกผลักออกแสงภาณุก็ถอยตัวไปให้ห่างเพราะรู้สึกเหมือนกันว่าไปล่วงเกินเธอ กระนั้นก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเมื่อครู่เกล้ามาลาดึงเขาไปกอดอยู่แท้ๆ แต่เมื่อเผลอสนองไปเหตุใดสาวเจ้าจึงผลักออก
“แล้วนี่คุณเป็นอะไร”
“ฉันไม่รู้”
เกล้ามาลาเสียงสั่น ดูสับสนและหายใจหอบ ขบริมฝีปากเข้าหากันอยู่เนื่องๆ เหงื่อออกตามไรผมยิ่งผุดพรายมากขึ้นทุกที หญิงสาวกุมมือประสานกันแน่นแล้วยังบิดนิ้วตัวเอง เหมือนอดทนกับบางอย่างอยู่ ไม่หนัก แต่ก็ไม่เบาจนเหมือนจะทนไม่ไหวอยู่ทุกขณะ
“แต่ฉันร้อนเหลือเกิน”
“ได้ไข้หรือ กินยาไหม”
“ไม่ได้เป็นไข้” หญิงสาวยังเสียงสั่นไปพร้อมกับลมหายใจที่หอบถี่ ดูกระสับกระส่ายเต็มที “แต่ฉันร้อน ไม่รู้ว่าเป็นอะไรไป”
“ถ้าอย่างนั้นก็ลองเอาผ้าเย็นลูบตัวเสียหน่อย ตบแป้งร่ำน้ำปรุงหน่อยไหม เผื่อจะดีขึ้น”
ว่าแล้วแสงภาณุก็รีบลุกเข้าห้องน้ำไปรองน้ำเย็นๆ ใส่กะละมังใบเล็กแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวมาให้ เดินกลับหาคนที่นั่งเหงื่อแตกอยู่บนเตียงอีกที เธอก็ยังหายใจหอบถี่อยู่ไม่หยุดราวกับไปวิ่งที่ไหนมา ไม่รู้เลยว่าเป็นเพราะอะไร
“เช็ดตัวเสียหน่อย”
ชายหนุ่มบิดผ้าขนหนูบาดหมาดๆ ส่งให้ทว่าเกล้ามาลาไม่รับ พอยื่นมือไปหญิงสาวก็คว้ามือเขา กุมไว้แน่นเพียงชั่วครู่แล้วมือฝ่ามือบางก็ค่อยๆ ไล้ขึ้นมาตามต้นแขนของเขา ทำเอาชายหนุ่มหัวใจเต้นแรงระรัวราวกลองรบ มือนุ่มค่อยๆ ไล้ขึ้นมา ดวงตากลมใสคู่งามมองเขาอย่างเต็มไปด้วยความปรารถนา ริมฝีปากบางๆ ขบเม้นเป็นจังหวะ ยิ่งมองยิ่งเย้ายวนใจ… แต่ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนเกล้ามาลาที่เขาเคยรู้จักเลย
“เกล้า!”
แสงภาณุตัดสินใจเรียกดังๆ เผื่อคนมีอาการผิดแปลกไปจะได้สติว่ากำลังทำอะไรอยู่ หรือหากเธอตั้งใจจะทอดสะพานจริงก็ขอถามกันให้รู้เรื่องก่อน เพราะถ้าเขาข้ามไปแล้วก็จะไม่มีทางกลับไปยืนที่เดิมกันได้อีกเลย
“ตัวคุณ… หอมเสียจริง…”
ไม่ทันได้ออกปากถามหญิงสาวก็ซุกตัวเข้าหาอกเขาเต็มเปา น้ำเสียงบางเบาราวสติหลุดลอย แต่ดวงตาคู่สวยยังมองเขาอย่างโหยหา มือที่เคยทำเพียงลูบไล้แขนอยู่ดึงเข้าหาจนคนตัวใหญ่หัวใจอ่อนยวบ เสียหลักล้มลงบนเตียง แต่เกล้ามาลากลับหัวเราะเขาอย่างกับคนเมากัญชายาฝิ่นมีเรื่องชอบใจ
‘เมายา’
คำนี้สะกิดหัวใจของแสงภาณุเข้าเต็มๆ เพิ่งนึกขึ้นมาได้ก่อนจะเข้านอนเกล้ามาลากินอะไรเข้าไป ยาหม้อที่แม่ของเขาต้มมาให้ไม่ใช่ยาบำรุงธรรมดาแน่ มิน่าหญิงสาวจึงเร้าร้อนและปรารถนาในตัวเขารุนแรงเพียงนี้
“คุณแสง… คุณแสง…”
เกล้ามาลาเรียกเขาซ้ำๆ แล้วซุกร่างน้อยลงอกของชายหนุ่ม กอดปล้ำไล่จูบเขาอยู่ไม่หยุด ซุกใบหน้าอยู่บนลำคอของชายหนุ่มไม่ถอดถอน แสงภาณุเบี่ยงหนีไปทางซ้ายทีเธอก็ซุกใบหน้าเข้าเต็มแก้มขวาที สลับไปทางไหนเกล้ามาลาก็ตามไปทางนั้นจนชายหนุ่มเองก็แทบจะทนไม่ไหว แต่ถ้าไม่ทนแล้วทำตามที่ร่างกายมันเรียกร้องอยู่ ก็ไม่รู้เลยว่าจะมีผลอะไรตามมา จะดีหรือร้ายเขาก็ไม่อยากเสี่ยงเลย
“อื้อ… กอดฉันหน่อยซีคะ กอดฉันที”
“เกล้า ตั้งสติหน่อยสิ อยู่นิ่งๆ”
แสงภาณุเรียกเสียงเย็นแล้วพยายามใช้ความอดทนให้มากที่สุดเมื่อมือน้อยสอดเข้ามาใต้ชายเสื้อทำราวกับจะถอดออกเสียให้ได้จนเขาต้องผลักคนเมายาออกเบาๆ แต่สาวเจ้ายังทั้งกอดทั้งซุกไซ้ไม่ยอมปล่อยทำเอาคนดุให้หยุดทั้งหนักใจทั้งเป็นห่วง
“ยังร้อนอยู่ไหม”
“อื้ม”
เสียงครางคราวนี้ไม่ได้ทำให้แสงภาณุวาบหวามเหมือนทุกทีแต่กลายเป็นขบขัน อยากรู้ว่าหากเกล้ามาลารู้ว่าตัวเองกอดปล้ำเขาแล้วเธอจะรู้สึกอย่างไร แต่เขาก็ไม่ขอทนนอนเป็นหุ่นนิ่งให้อีกคนกอดรัดอีกเพราะกลัวห้ามใจไม่ไหวเช่นกัน เร่งคว้ามือไปหาผ้าขนหนูชุบน้ำในกะละมังข้างเตียง เผื่อจะมาเช็ดให้เธอบรรเทาฤทธิ์ยา
“เกล้า!”
ยังไม่ทันจะได้เช็ดตัวให้ แสงภาณุก็แข็งทื่อไปทั้งตัวเพราะหญิงสาวปีนขึ้นมานอนทับบนร่างของเขา อ้อมแขนน้อยกอดรัดไว้แน่น ดวงหน้าผ่องใสเต็มไปด้วยรอยยิ้มนั้นโน้มเข้าหาอย่างที่ชายหนุ่มตั้งตัวไม่ทัน กว่าจะรู้ตัวอีกทีสัมผัสนุ่มหยุ่น ก็แนบอยู่บนริมฝีปาก ส่งไออุ่นเข้ามาล่อเลี้ยงหัวใจ แต่ก็เตือนให้เขารู้ว่าถูกเกล้ามาลาจูบเข้าเสียแล้ว
ความอดทนของแสงภาณุเหมือนขาดผึ่งลงในคราวนั้น แรงปรารถนาทะลักออกมาราวกับกำแพงถูกแรงน้ำซัดจนแตก ให้กระแสธารไหลเชียวกรากไปตามอารมณ์ ชายหนุ่มพลิกร่างน้อยลงไปอยู่ใต้อาณัติ ขังไว้ในลำแขนแข็งแรง โอบเอวบางจนทั้งสองแนบชิดไร้ช่องว่างใดๆ ให้ใบหน้าของเขาบดเบียดอยู่บนแก้มนวลปลั่ง แล้วเลื่อนเข้ามาดูดดื่มกับจุมพิตอันเต็มไปด้วยแรงเสน่หา
ยิ่งหญิงสาวตอบสนองดีมากเท่าไรก็ยิ่งเหมือนมีน้ำมันราดลงกองไฟแห่งอารมณ์ มือน้อยสอดเข้ามาใต้เรือนผมสั้นของชายหนุ่มออกแรงกดเบาๆ ให้สองใบหน้าแนบชิดมากขึ้นทุกที แสงภาณุแทบจะจำความอ่อนหวานของจุมพิตแรกไม่ได้ เพราะจูบนี้เร้าร้อนชวนให้มึนเมายิ่งกว่าสุราชั้นเลิศใดๆ ที่เคยสัมผัสมา ยิ่งลิ้มรสมากเท่าไรก็ยิ่งหลงใหลไม่อาจถอนตัว และรู้ดีว่าหากปล่อยใจถลำไปอีกเพียงนิดเดียว ทั้งตัวเขากับเกล้ามาลาก็จะเปลี่ยนสถานะที่มีต่อไปอย่างไม่อาจหวนคืน
“คุณแสง…”
เกล้ามาลาเรียกเสียงกระเส่าเมื่อเขาตัดใจถอนจุมพิตก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิดในยามที่เธอไร้สติ เพราะหากเธอไม่เต็มใจเขาก็ไม่อยากฉวยโอกาส ที่สำคัญคือหากเขาไม่ห้ามใจแล้วเธอตื่นมาพบว่าถูกล่วงเกิน คงโกรธจนไม่อยากจำชื่อผู้ชายคนนี้อีกเลยก็ได้ ที่เคยหวังไว้ว่าจะทำให้หญิงสาวเชื่อมั่นและไว้ใจจนมอบความรักให้นั้นคงพังทลายตั้งแต่ยังไม่เริ่ม มันไม่คุ้มเลยสักนิดกับความสุขเพียงสั้นๆ ที่จะคว้าได้ง่ายดายในคืนนี้
“นิ่งเสียคนดี อีกไม่นานจะหายเอง”
ปลอบไปแล้วแสงภาณุก็ถอนหายใจยาวเพราะไม่ใช่แค่บอกหญิงสาวให้นิ่งแต่สั่งตัวเองด้วย เขาหยุดทุกอย่างลงไม่ให้เลยเถิดมากไปกว่าที่เป็น เท่าที่ขโมยจูบเกล้ามาลาตอนที่เธอไม่ได้สติก็นับว่ามากแล้ว แต่ไม่วายก่อนจะหยุดยังซุกจมูกสูดกลิ่นหอมจากแก้มของหญิงสาวเข้ามาไปปอด เรียกกำลังใจให้ตัวเอง
มีแรงมากพอแล้วแสงภาณุก็แข็งใจถอนตัวอออกจากร่างน้อยที่กออดกุม ก่อนจะเอาผ้าขนหนูที่ตอนแรกว่าจะใช้เช็ดตัวให้กลายเป็นเชือก พันธนาการข้อมือทั้งสองข้างของคนเมายาให้ติดอยู่กับหัวเตียง
“คุณแสง!” เกล้ามาลาร้องดังเพราะถูกจับมัด “ปล่อยฉันนะ”
“ช่วยอดทนสักนิด หากยาหมดฤทธิ์แล้วผมจะปล่อย”
ชายหนุ่มบอกอย่างเหนื่อยใจแล้วทิ้งเกล้ามาลาให้ถูกมัดอยู่บนเตียง ส่วนตัวเขาถอยกลับไปนอนที่เดิม หาสำลีมาอุดหูไว้เพื่อช่วยลดทอดเสียงที่หญิงสาวพร่ำเรียกหา และเขาจะใจอ่อนไม่ได้แม้ตัวเองก็ต้องการเช่นเดียวกันก็ตาม คืนนี้ทั้งคืนคงผ่านไปอย่างยากลำบากแต่แสงภาณุก็สู้อดทนเพราะไม่อยากทิ้งคนเมาฤทธิ์ยาไปไหน ไม่อยากให้เธออยู่ลำพัง
เพราะหากอยู่นอกสายตาเขาแล้วหลุดออกจากห้องนี้ไปคว้าเอาบ่าวผู้ชายในบ้านเข้า เขาคงใจขาดตาย!
ความคิดเห็น |
---|