15

ตอนที่ 14

 ไม่มีอะไรเลยทั้งสิ้น 

คอนสแตนตินก้าวเข้ามาในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ด้วยท่วงท่าสง่างาม บอดีการ์ดสองคนที่เดินตามหลังทำเพียงหยุดยืนที่ประตู ปล่อยให้คนเป็นนายอยู่ในห้องตามลำพังกับใครบางคน

วันนี้ชายหนุ่มสวมเสื้อโค้ทสีเทาควันบุหรี่ซึ่งถือเป็นสีนำโชคของเขา ในมือมีช่อดอกไม้สีขาวซึ่งมีทั้งกุหลาบสีขาว ไฮเดรนเยียร์และยิปโซดอกกระจุ๋มกระจิ๋ม เขาหยิบช่อบูเกต์อันเก่าในแจกันโยนทิ้งลงถังขยะ แล้วปักช่อดอกไม้ช่อใหม่ลงไปแทน จากนั้นจึงหันไปหาคนที่นอนอยู่บนเตียงสีขาว

“วันนี้เป็นยังไงบ้างมีเรียม สบายดีไหม ฉันเอาดอกไม้สีขาวแบบที่เธอชอบมาให้ด้วยนะ ขาวบริสุทธิ์เหมือนกับเธอไม่มีผิด”

‘มีเรียม’ มองเขาด้วยสายตาว่าเปล่าเหมือนทุกครั้ง ก่อนจะเบนสายตาออกไปนอกหน้าต่าง ไม่ตอบอะไรทั้งสิ้น

“แล้วนี่กินอะไรหรือยัง คุณดูซูบไปจากคราวก่อนที่ผมเห็นนะ”

แม้ชายหนุ่มจะถาม แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ เธอยังคงทำเหมือนเขาเป็นมนุษย์ล่องหน ไม่มีตัวตน แม้แต่เสียงก็ไม่ได้ยิน

“ไม่เอาน่าที่รัก มองหน้าผมหน่อยสิ อย่างน้อยเราก็เคยรักกันไม่ใช่หรือ อย่าทำหมางเมินไปหน่อยเลย”

คอนสแตนตินทิ้งสะโพกลงบนเตียงของคนไข้ด้านปลายเท้า พลางคลี่ยิ้มสดใส ส่งให้ใบหน้าแกร่งกระด้างทว่าหล่อเหลาดูอ่อนโยนขึ้นทันตา เขาจับที่ปลายเท้าของเธอซึ่งโผล่พ้นผ้าห่มออกมา บีบเบาๆ คล้ายจะนวดให้คลายเมื่อยล้า

“หรือกำลังงอนที่ผมไม่ได้มาหาเสียหลายวัน คุณน่าจะรู้นี่จ๊ะ ว่าผมงานยุ่งขนาดไหน ก็การโจรกรรมภาพเขียนจากพิพิธภัณฑ์ทั่วยุโรปกำลังดำเนินมาถึงภาพที่สามแล้ว จะไม่ให้ผมยุ่งได้ยังไงเล่า จริงไหมจ๊ะที่รัก”

เมื่อได้ยินคำว่าโจรกรรมภาพเขียน มีเรียมซึ่งอยู่ในชุดสีขาวสำหรับคนไข้ของโรงพยาบาลก็หันมามองเขาด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะเอ่ยออกมาเป็นประโยคแรก

“ถ้าอยากให้ฉันสบายดี กินอิ่ม นอนหลับ คุณควรออกไปจากห้องนี้เสียดีกว่า”

คอนสแตนตินยิ้ม มองคนตรงหน้าด้วยสายตาอ่อนโยน

“ฮื้อ ไม่เอาน่า ผมเพิ่งมาถึงนะจ๊ะ คุยกันได้ไม่กี่ประโยค ก็จะไล่กลับเสียแล้ว”

“ออกไป” หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอ เค้นเสียงบอก

“ไม่อยากฟังเหรอจ๊ะว่า ‘งาน’ ของผมก้าวหน้าไปถึงไหนแล้ว ตอนนี้ภาพเขียนที่สามกำลังจะถูกโจรกรรมแล้วนะ คงไม่ต้องบอกใช่ไหมว่าจากที่ไหน เพราะคุณเองน่าจะรู้ดีที่สุด”

“หยุดพล่ามเสียทีเถอะ” มีเรียมตวาดลั่น ดวงตาที่เคยแห้งผากพลันมีน้ำเอ่อคลอ แต่คอนสแตนตินไม่ได้ใส่ใจ ยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆ

“พูดตามตรงก็คือ ผมเป็นหนี้บุญคุณคุณนะมีเรียม เพราะความช่วยเหลือของคุณ งานของผมถึงใกล้จะสำเร็จแล้ว เพราะคุณคนเดียวที่รัก ขอบคุณพระเจ้าที่ส่งคุณมาให้ผมได้พบ...และได้รัก ผมยังจำวันแรกของเราได้ดีเสมอ ยังจำความรู้สึกในตอนนั้นได้ดี”

ท่ามกลางฟลอร์เต้นรำขนาดใหญ่ราวหนึ่งหมื่นห้าพันตารางฟุตซึ่งมีผู้คนมากมายที่กำลังเคลื่อนไหวร่างกายไปตามจังหวะเพลงเร้าอารมณ์ คอนสแตนตินยังคงจำภาพหญิงสาวในชุดสีเขียวมะกอกแสนเซ็กซี่ได้ดี เธอโดดเด่นออกมาจากผู้คนเหล่านั้นด้วยท่วงท่ามีชีวิตชีวาที่กำลังลื่นไหลไปตามเสียงเพลง

หัวใจของเขาเต้นรัวเมื่อได้เห็นเธอเป็นครั้งแรก

แน่นอนว่าเขาเองนั้น ‘รู้จัก’ เธอดีอยู่แล้ว

คอนสแตนตินเป็นชายหนุ่มวัยสามสิบเก้าปีที่ยังหล่อเหลาและดูงามสง่า เบื้องหน้าเขาเป็นนักธุรกิจที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์หลากหลายชนิด เป็นหนุ่มสังคมที่สื่อต่างๆ จับตามอง และเป็นเพลย์บอยนักรักที่สาวๆ ต่างหมายปอง ทำให้เขามั่นใจในเสน่ห์ของตนเองพอสมควร

ชายหนุ่มใช้ให้ลูกน้องลงไปเชิญเธอขึ้นมาบนห้องวีไอพีซึ่งอยู่ชั้นสองของคลับหรูซึ่งเขามาหาความสำราญเป็นประจำ และพระเจ้าคงเห็นใจในความปรารถนาเขา เพราะมีเรียมไม่ได้ปฏิเสธคำเชิญ

เขาใช้เสน่ห์ที่ล้นเหลือหลอกล่อมีเรียมให้หลงรัก ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องยาก ความรักสุกงอมหอมหวาน เขาควรจะคว้าดาวได้ดั่งใจ แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นดั่งใจเมื่อหญิงสาวที่ควรจะเป็นลูกไก่ในกำมือ กลับไม่ยอม ‘ช่วย’ เขาทำงานอย่างที่เขาหวังเอาไว้

และนั่นทำให้หญิงสาวต้องมาลงเอยที่นี่

บนเตียงคนไข้แห่งนี้

“เลิกพูดถึงความรักได้แล้วคอนสแตนติน บอกตามตรงว่ามันทำให้ฉันสะอิดสะเอียนและขยะแขยง” มีเรียมกระชากเสียงบอก “และถ้าเป็นไปได้ ก็อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก แค่ต้องใช้อากาศหายใจในห้องนี้ร่วมกับนักค้าอาวุธสงครามโสโครกอย่างคุณ ฉันก็อยากจะอ้วกเต็มทน คุณมันไอ้ลูกหมาตัวเมีย”

คอนสแตนตินกระตุกยิ้ม ไม่สนใจคำผรุสวาทของหญิงสาว

“แหม ไม่เห็นต้องบริภาสถึงอาชีพลับๆ ของผมก็ได้มั้ง นักค้าอาวุธสงครามก็มีหัวใจนะครับ อย่าลืมสิว่าฉากหน้าของผมจะเป็นเพียงนักธุรกิจชื่อดังนะจ๊ะ ใครๆ เขาก็รู้กันแบบนั้น”

“นักธุรกิจผู้เริ่มสนใจสะสมภาพศิลปะด้วยใช่ไหม” มีเรียมแขวะ

“ผมสนใจแค่บางภาพเท่านั้นแหละ ขอแค่ไม่กี่ภาพเอง”

“น่าหัวเราะนะ แค่บางภาพอย่างนั้นเหรอ”

“ใช่ หรือคุณจะเถียง”

“แต่ก็เป็นภาพสำคัญ ที่จะทำให้คุณได้ครองโลกสินะ”

ชายหนุ่มยักไหล่ ไม่ปฏิเสธในข้อกล่าวหา มีเรียมพูดถูก นักค้าอาวุธสงครามที่ไม่เคยสนใจอะไรนอกจากเงินตราอย่างเขาจะสนใจภาพเขียนไปเพื่ออะไร

มีเพียงเขากับพระเจ้าเท่านั้นที่รู้ดี

คอนสแตนตินมองหน้ามีเรียมนิ่ง เอ่ยช้าชัด

“วันมะรืนนี้ ผมจะลงมืออีกครั้ง”

“ไม่ต้องมาบอกฉัน ฉันไม่ต้องการรับรู้อะไรอีกแล้ว”

“ผมไม่สนใจหรอกว่าคุณอยากจะรู้ไหม แต่ทางที่ดีในช่วงนี้คุณควรจะช่วยผมสวดวิงวอนต่อพระผู้เป็นเจ้า ให้งานของผมสำเร็จลุล่วงนะจ๊ะ เพราะไม่อย่างนั้นผมไม่รู้ว่าไอ้หัวขโมยที่เราส่งไปทำงานจะรอดชีวิตกลับมาไหม”

มีเรียมกำมือแน่นจนเห็นข้อขาว

“ฉันบอกให้หยุดพูดไงไอ้สวะ”

“ไม่แน่นะ เราอาจจะต้องหาหัวขโมยมือดีคนใหม่มาทำงานแทน เพราะไอ้คนเก่าโดนตำรวจส่องจนพรุนไปทั้งร่างเสียแล้ว ตอนนี้ทั้งอินเตอร์โปล ทั้งตำรวจของเยอรมันและเนเธอร์แลนด์ ต่างก็หวังจะจับไอ้หัวขโมยคนนี้เอาผลงานกันทั้งนั้น แต่ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะที่รัก ผมสัญญาว่าจะหาโลงที่สมเกียรติให้มัน หากว่าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริงๆ”

มีเรียมกรีดร้องโหยหวน โผเข้ามาด้วยหมายจะทำร้ายเขา ติดก็ตรงโซ่เส้นใหญ่ที่ตรึงข้อมือทั้งสองข้างของเธอให้ทำได้เพียงการไขว่คว้าอากาศด้านหน้า แต่ไม่สามารถเอื้อมถึงตัวของเขาได้ ขาเรียวทั้งสองข้างขยับดิ้นรน แต่ก็ติดที่ปลอกเหล็กที่ล็อกข้อเท้า

คอนสแตนตินขยับกายหนีเพียงเล็กน้อย พร้อมหัวเราะชอบใจกับท่าทางน่าสมเพชนั้น

“ใจเย็นๆ สิจ๊ะที่รัก ดูสิ คุยเรื่องงานนิดเดียว อาละวาดอีกแล้ว”

หญิงสาวกรีดร้องและดิ้นรนจนหอบเหนื่อย ผมยาวกระเซิงปกคลุมใบหน้ารูปไข่ดูน่ากลัว ปากจิ้มลิ้มที่เขาเคยจูบพ่นด่าคำหยาบคายเป็นภาษาอังกฤษและภาษาของเธอ

คอนสแตนตินทำเพียงมองและยิ้ม ไม่ตอบโต้ใดๆ ปล่อยให้เธออาละวาด กรีดร้องจนพอใจและหยุดไปเอง

เสียงเคาะประตูตามมารยาทของผู้มาใหม่ทำให้นักค้าอาวุธสงครามหนุ่มต้องหันกลับไปมอง สายตาเหยียดหยันแกมสมเพชเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นสายตาอ่อนโยนของชายหนุ่มที่แสนดีผู้มาเยี่ยมคนรักอีกครั้ง

“สวัสดีครับคุณหมอ” ชายหนุ่มเอ่ยทักทาย พร้อมยื่นมือให้จับตามมารยาท

นายแพทย์ปีเตอร์สันยิ้มรับ เขาเป็นหัวหน้าแพทย์อาวุโสชาวอเมริกัน ที่ดูแลมีเรียมเพียงคนเดียวมาตั้งแต่เริ่มแรก

“เป็นยังไงบ้างครับ เธอพอจะจำคุณได้บ้างหรือยัง”

คอนสแตนตินยิ้มเศร้า

“ยังไม่ดีขึ้นเลยครับคุณหมอ เมื่อกี้เธอก็เพิ่งอาละวาดใส่ผม สงสัยผมคงต้องฝากเธอไว้ที่นี่ในความดูแลของคุณหมออีกสักระยะ จนกว่าเธอจะดีขึ้นกว่านี้”

หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ...

จนกว่างานของเขาจะเสร็จ...

นายแพทย์ปีเตอร์สันถอนใจหนักหน่วง

“แปลกนะครับ ทั้งๆ ที่อาการของเธอเหมือนคนปกติทุกอย่าง ตรวจคลื่นสมอง ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ สุขภาพโดยรวมแข็งแรงดี”

“นั่นสิครับ ผมก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เธอถึงยังมีอาการคลุ้มคลั่งแบบนี้”

“เอ่อ...แต่คุณคอนสแตนตินครับ ผมคิดว่า...”

นายแพทย์อาวุโสอ้ำอึ้ง เหลือบตามองไปยังหญิงสาวคนเดียวภายในห้องที่บัดนี้นอนนิ่ง ตามองออกไปนอกหน้าต่าง

คอนสแตนตินก้าวไปตรงหน้านายแพทย์อาวุโส รู้ดีว่าเขาจะทำอย่างไรเพื่อให้ทุกอย่างเข้ารูปเข้ารอยเหมือนที่เคยเป็นมา

“ไม่ทราบว่าตอนนี้ทางโรงพยาบาลกำลังต้องการอะไรเพิ่มเติมอีกบ้างหรือเปล่าครับ บอกผมได้เสมอ ผมยินดีถ้าพอจะช่วยได้ ขอเพียงแค่ทางโรงพยาบาลช่วยดูแลคนรักของผมจนกว่าเธอจะหายดีเท่านั้น คงมีแต่คุณหมอคนเดียวเท่านั้นที่ช่วยผมได้ และผมหวังว่าจะเป็นอย่างนั้นต่อไป”

นายแพทย์ปีเตอร์สันเหลือบมองมีเรียมอีกครั้งด้วยแววตาสำนึกผิด แล้วตอบเบาๆ

“ตกลงครับ ไม่มีปัญหา”

“ขอบคุณมากครับ ผมเลือกคนไม่ผิดจริงๆ” คอนสแตนตินยิ้มกว้าง

ด้วยอำนาจเงินตราของนักธุรกิจซึ่งบริจาคเงินก้อนใหญ่ให้โรงพยาบาลจิตเวทเล็กๆ แห่งนี้มานานนับสิบปี การรับรักษาคนไข้ที่มีอาการประสาทจึงถูกปิดเป็นความลับของโรงพยาบาลอย่างง่ายดาย

ไม่มีการเปิดเผยชื่อ ไม่มีประวัติผู้ป่วย ไม่มีประวัติการรักษา
 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น