16

ตอนที่ 15



“ปราก!!!”

ลลนาตะโกนออกมาด้วยความดีใจ เมื่อในที่สุดเธอก็ไขรหัสชื่อสถานที่ออก หลังจากใช้เวลาทั้งวันตั้งแต่เช้าถึงบ่ายภายใต้ความช่วยเหลือจากหนุ่มน้อยยิ้มง่ายแต่ขี้อายอย่างบี

หญิงสาวลุกขึ้นจับมือกับบีเขย่าไปมาและเต้นรำไปรอบๆ บริเวณห้องทำงานด้วยความตื่นเต้น เจที่นั่งอยู่ไม่ห่างก็เข้ามาร่วมดีใจด้วยอย่างครื้นเครง

“อะไรกันเนี่ย” แอลทูที่เพิ่งเข้ามาในห้องถามเสียงขุ่น แต่ไม่มีใครตอบ เขาวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ แล้วตะโกนถามซ้ำ “กำลังทำอะไรกัน นี่มันเวลาทำงานนะ”

ลลนาหันไปตามเสียงขุ่นๆ ที่คาดว่าน่าจะขุ่นกว่าน้ำในคลองแสนแสบ เมื่อเห็นคนต้นเสียงก็รีบบอกด้วยความตื่นเต้น

“ฉันคิดว่าฉันไขรหัสในย่อหน้าที่สามออกแล้วละแอล หลังจากที่กลับจากห้องสมุดเมื่อวาน ฉันก็นั่งอ่าน นั่งเล็ง นั่งปลุกปั้นอักขระยึกยือพวกนี้จนหัวแทบจะระเบิดตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเช้า และในที่สุด ฉันก็เข้าใจ เข้าใจอย่างถ่องแท้ โอ...ฉันช่างฉลาดเลิศล้ำจริงๆ”

“ต้องชมผมด้วยนะพี่” บีรีบเสริม

“ใช่ เธอเก่งมากบี”

“แล้วก็ต้องให้เครดิตเจด้วยที่จดรหัสพวกนี้มาให้เรา” หนุ่มน้อยหน้ามนไม่เคยลืมเพื่อนสาวคนสวย

“ใช่” ลลนาพยักหน้าปลื้มปริ่ม เอื้อมมือไปคว้าเจให้เข้ามาร่วมวง “พี่ขอประกาศตรงนี้เลยนะว่าพวกเราสามคนนี่มันเก่งระดับอัจฉริยะจริงๆ ไม่ใช่สิ พวกเราเป็นอัจฉริยะอยู่แล้วนี่ ต้องพูดว่าพวกเราเนี่ยเก่งกว่าอัจฉริยะทั่วไปอยู่หลายขุมเลยทีเดียว”

“ใช่แล้ว”

“ถูกต้อง”

เด็กหนุ่มสาวขานรับแทบจะพร้อมกัน

“ฮูเร่!!!”

แล้วสามอัจฉริยะที่เก่งกว่าอัจฉริยะทั่วไปก็กระโดดอย่างเริงร่าไปรอบๆ ห้องพร้อมกันอีกครั้ง ปล่อยให้คนที่ไม่ได้เป็นอัจฉริยะเพียงหนึ่งเดียวในห้องอย่างแอลทูยืนหัวโด่เพียงลำพัง

“อะแฮ่ม ผมเป็นส่วนเกินของที่นี่ไปแล้วใช่ไหม”

สายลับหนุ่มขัดขึ้นดังๆ ทำเอาคนที่กำลังกระโดดเฮฮาหยุดชะงัก แต่ยังมีรอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้า แล้วก็เป็นลลนาที่เอ่ยออกมาก่อน

“แหม อย่าเพิ่งอารมณ์เสียเลย ฉันไขรหัสในย่อหน้าที่สามออกแล้วนะ ขอดีใจให้สมกับที่พยายามหน่อยเถอะ”

“ไขออกจริงเหรอ โม้รึเปล่า ขอผมดูซิ”

ลลนาก้าวพรวดๆ ไปหาแอลทู วางแผ่นกระดาษที่เต็มไปด้วยสีสันสะท้อนแสงแสบตาหลากสีลงบนโต๊ะทำงานที่แสนสะอาดสะท้านของชายหนุ่ม บีและเอ็นก็ก้าวตามมาที่โต๊ะทำงานของสายลับหนุ่มด้วย

หญิงสาวเอื้อมมือไปหยิบปากกาลูกลื่นสีดำเรียบๆ มาแท่งหนึ่ง สบตาเจ้าของเพื่อขออนุญาต และเพื่อให้ตนเองมั่นใจจริงๆ ว่าคราวนี้ไม่ได้แตะต้อง ‘อุปกรณ์พิเศษ’ ใดๆ ของพวกสายลับให้เป็นอันตรายอีก เมื่อแอลทูพยักหน้าอนุญาต เธอก็ใช้ปากกาวงตามตัวอักขระที่เรียงกัน โดยเว้นช่องไฟทีละสามอักขระ

“รหัสจากย่อหน้าที่สาม อ่านจากซ้ายไปขวา”

“อ่านได้ว่าอะไร” แอลทูเร่ง

“อ่านได้ว่า กรุงปราก”

จากนั้นลลนาจึงขีดเส้นใต้ที่อักขระ เว้นทีละสามช่องไฟเหมือนเดิม แต่เรียงจากขวาไปซ้าย

“ส่วนตรงนี้ อ่านได้ว่า นางฟ้าแห่งสรวงสวรรค์”

แอลทูมีท่าทางตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด มือหนาที่ยกแก้วกาแฟขึ้นจิบกำแน่นเข้าในระหว่างที่ฟังเธออธิบาย เมื่อฟังจบก็เอ่ยถามทันที

“คุณมั่นใจใช่มั้ยเอ็น เพราะถ้ามันใช่ตามที่คุณบอก มีโอกาสที่เราจะยับยั้งการโจรกรรมครั้งนี้ได้ เพราะตอนนี้แอลวันอยู่ที่ปราก”

หญิงสาวพยักหน้า “ฉันค่อนข้างมั่นใจนะแอล เสียดายที่รหัสพวกนี้ไม่ได้บอกวันเวลาที่คนร้ายจะลงมือ ไม่อย่างงั้นเราคงทำงานได้ง่ายกว่านี้ ฉันลองสะกดคำทุกแบบแล้ว แบบตรงๆ ก็ลองแล้ว ทแยงมุมก็ทำแล้ว ให้บีช่วยก็แล้ว ก็ยังไม่เจอวันเวลาที่คนร้ายจะลงมือในอักขระพวกนี้เลย คาดว่าคงมีเท่านี้แหละ”

แอลทูยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย และหญิงสาวก็พยายามมองให้เป็นรอยยิ้ม

“แค่นี้ก็ดีมากแล้วละ ขอแค่คนร้ายลงมือโจรกรรมเรียงตามย่อหน้าของรหัส จากหนึ่งไปถึงห้า เราต้องภาวนาขอให้มันลงมือตามนี้”

“ใช่ ฉันก็คิดเหมือนคุณ ว่าแต่...ที่ปรากเนี่ยถือเป็นดินแดนแห่งสรวงสวรรค์รึเปล่านะ ในรหัสถึงได้กล่าวถึงนางฟ้าแห่งสรวงสวรรค์ด้วย”

“ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน อาจจะเป็นชื่อภาพวาดที่กำลังจะถูกขโมยก็ได้”

ลลนาดีดนิ้วดังเปาะ พยักหน้าแรงๆ เป็นเชิงเห็นด้วยกับอีกฝ่าย

“ใช่แล้ว ถูกอย่างที่คุณบอก ต้องเป็นชื่อภาพวาดแน่ๆ อย่าบอกนะว่าคุณก็เป็นอัจฉริยะเหมือนกัน ถึงได้ฉลาดปราดเปรื่องขนาดนี้”

สายลับหนุ่มไม่สนใจคำชมของเธอ เขาเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับภาพเขียนที่ชื่อนางฟ้าแห่งสรวงสวรรค์ กดแป้นคีย์บอร์ดรัวเร็วอยู่ครู่หนึ่ง จึงหันมาบอกเสียงเคร่งขรึม

“พวกเรามาถูกทางแล้วละเอ็น นางฟ้าแห่งสรวงสวรรค์ เป็นชื่อภาพเขียนจริงๆ”

“เอ็นถอดรหัสในย่อหน้าที่สามออกแล้ว”

เชอร์ชิลเอ่ยขึ้นเป็นประโยคแรกเมื่อภาพสัญญาณจากแอลวันในกรุงปรากปรากฏขึ้นบนจอภาพขนาดใหญ่ในห้องประชุมสีขาวสะอาดตา

แม้จะเป็นการติดต่อข้ามประเทศ แต่สัญญาณคมชัดราวกับนั่งคุยกันตรงหน้าเลยทีเดียว

“โอ จริงเหรอแวน ผมคิดอยู่แล้วว่าเธอต้องทำได้ เพียงแต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้” แอลวันหรือชื่อจริงคือโลแกนตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มยินดี

ภาพด้านหลังของสายลับหนุ่มเป็นห้องไม่กว้างนัก ทว่าการตกแต่งหรูหรา ดูออกว่าไม่ใช่ห้องพักราคาถูกใกล้แหล่งท่องเที่ยวหรือตามสถานีรถไฟแน่นอน

แม้แสงไฟสลัวที่เปิดอยู่บริเวณหัวเตียงจะไม่สว่างนัก แต่ก็เพียงพอที่จะมองเห็นใบหน้าหล่อเหลาโดดเด่นที่มีรอยยิ้มแต่งแต้มอยู่เสมอของชายหนุ่มได้อย่างชัดเจน

ถัดจากโคมไฟหัวเตียงซึ่งให้แสงสว่างออกไปไม่ห่างนัก เป็นโต๊ะข้างเตียงทำจากทองเหลือง วางถาดเงินแวววาวด้านบน ภายในมีจานกระเบื้องเคลือบเนื้อดี มีเนื้อสเต็กเหลืออยู่อีกครึ่งชิ้น กับจานสลัดผักที่หมดแล้ว และแก้วไวน์แดงทรงสูงซึ่งยังดื่มไม่หมด

ดูจากส้อมที่ยังปักคาอยู่กับชิ้นเนื้อชุ่มฉ่ำที่ถูกหั่นออกมาเป็นรูปสี่เหลี่ยมลูกเต๋า บอกได้เลยว่าเชอร์ชิลคงโทร.มาทำลายมื้อเย็นที่แสนสุขของอีกฝ่ายเป็นแน่

เชอร์ชิลอมยิ้มกรุ้มกริ่ม ในขณะที่เอ่ย

“เอ็นมีความสามารถจริงๆ ฉันไม่เคยเลือกคนพลาดหรอก จริงไหม อันที่จริงเธอเองก็รู้ว่าไม่ได้มีแค่เราหรอกนะที่ได้รหัสยึกยือแผ่นนี้ไป แต่ฉันกล้าพูดได้ว่าพวกนั้นยังไม่น่าจะถอดรหัสได้ เรียกว่าเรานำทุกคนไปครึ่งก้าวแล้ว ด้วยความสามารถของเหล่าอัจฉริยะของเรา”

“แล้วรหัสบอกถึงอะไรบ้าง สถานที่ใช่ไหม” โลแกนเอ่ยถาม

“ใช่ ถอดรหัสได้เป็นชื่อสถานที่ เป็นอย่างที่เราคาดเดากันไว้ตั้งแต่แรก”

สายลับหนุ่มขยับมาใกล้จอด้วยความตื่นเต้น ดวงตาคมเต้นระยับ

“อย่าบอกนะ...ว่า...”

เชอร์ชิลขยิบตาก่อนจะเฉลย

“ใช่แล้วไอ้ลูกชาย...กรุงปราก”

เมื่อได้ยินคำตอบ โลแกนก็กำหมัดชกอากาศด้วยความสะใจ

“โอ้โห บิงโกเลยแวน อะไรมันจะดีขนาดนี้ ไม่เสียแรงเลยที่ผมเฝ้าสอดส่องและหาข้อมูลเกี่ยวกับระบบความปลอดภัยของพิพิธภัณฑ์ซึ่งมีภาพเขียนล้ำค่าของกรุงปรากอย่างละเอียดทุกแห่ง คราวนี้พวกเราต้องชนะ เป็นคราวของพวกเราบ้างแล้ว”

เชอร์ชิลโบกไม้โบกมือให้อีกฝ่ายเบาเสียงลง ก่อนจะพูดต่อ

“ฉันมีของขวัญให้เธอมากกว่านั้นอีกนะ”

“อะไรเหรอแวน อย่าบอกนะว่าคุณรู้ว่าคนร้ายจะลงมือวันไหน”

เชอร์ชิลหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แค่รู้ชื่อภาพเขียนที่เป็นเป้าหมายของมัน”

“วิเศษไปเลยแวน นั่นมันวิเศษมาก เท่ากับผมไม่ต้องสุ่มควานหาไปทุกพิพิธภัณฑ์ในกรุงปราก เรายิ่งใกล้เป้าหมายเข้าไปทุกทีๆ”

โลแกนชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้จออีกนิด จนร่างสูงแกร่งแทบจะบังเต็มจอ สายลับหนุ่มหรี่ตาเพ่งมอง แล้วตะโกนลั่นเมื่อเห็นว่าเงาตะคุ่มที่ข้างจอเป็นคนที่นึกถึง

“เฮ้ แอล นั่นนายใช่ไหม แล้วไปนั่งทำบ้าอะไรอยู่ตรงนั้น ทำไมไม่มานั่งใกล้ๆ กล้อง จะได้คุยกันสะดวก ฉันก็นึกว่ามีแค่แวนคนเดียวในห้องประชุม ไม่นึกว่านายอยู่ด้วย”

โลแกนทักเลนนอนฝาแฝดของเขาเสียยาวเหยียด

“นั่งตรงนี้ก็ได้ยินน่า” เลนนอนพูดอย่างไม่ยินดียินร้าย

“นายดูอิดโรยนะ ไม่สบายหรือเปล่า ทำไมดูไม่รื่นเริงเลย”

เลนนอนยักไหล่ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง

“ลองนายมาอุดอู้อยู่แต่งานเอกสาร หาข้อมูล เอกสาร หาข้อมูล สลับกันไปมาอย่างนี้สักสองสามสัปดาห์ โดยไม่ได้ออกภาคสนามอย่างฉันบ้างสิ อยากรู้นักว่ายังจะรื่นเริงอยู่ไหม”

โลแกนแหงนหน้าหัวเราะเสียงดัง

“นี่นายยังหงุดหงิดเรื่องที่พนันแพ้ฉัน จนต้องเป็นฝ่ายอยู่โยงทำงานหาข้อมูลและเอกสารอยู่อีกหรือ ไม่เอาน่า ฉันอุตส่าห์เปิดโอกาสให้นายได้ทำความรู้จักกับหญิงสาวยอดอัจฉริยะจากเมืองไทยนะ น่าจะขอบคุณกันบ้าง”

เลนนอนไม่ตอบอะไร ทำเพียงชูนิ้วกลางให้ โลแกนหัวเราะร่วน รีบฟ้อง

“แวนดูสิ แอลทำตัวไม่สุภาพกับผม จัดการมันเลย”

“โดยการให้อยู่โยงที่นี่อีกสามสัปดาห์ดีไหม” เชอร์ชิลรับมุก

เลนนอนแยกเขี้ยวใส่ฝาแฝด ก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ออกให้พ้นไปจากรัศมีที่กล้องจะถ่ายถึง

โลแกนส่ายหน้าขำๆ “ดูสิ คนใจน้อยหนีไปเสียแล้ว”

“ยังอยู่แถวๆ นี้แหละ ไม่ได้ออกไปไหน” ชายสูงวัยบอกยิ้มๆ

“เมื่อกี้คุณบอกว่ารู้ชื่อของภาพเขียนที่เป็นเป้าหมายของพวกมันด้วยใช่ไหม ผมขอชื่อภาพตอนนี้เลยได้รึเปล่า”

“ได้สิ ไม่มีปัญหา”

“ชื่ออะไร”

เชอร์ชิลยิ้มกว้าง ก่อนจะเอ่ยชื่อภาพช้าชัด

“นางฟ้าแห่งสรวงสวรรค์”

เสียงเพลงสนุกคึกคักดังแว่วมาจากข้างในคลับชั้นดีกลางกรุงปารีส ทุกค่ำคืนถนนสายเล็กๆ แห่งนี้จะสว่างไสวไปด้วยแสงไฟหลากสีจากป้ายหน้าร้านของสถานบันเทิง

หญิงสาวสวยเซ็กซี่สองคนกำลังยืนเข้าแถวรอเพื่อที่จะเข้าไปด้านในคลับด้วยความตื่นเต้น คนหนึ่งมีผมสีแดงเพลิงแสนเซ็กซี่ยั่วยวน แต่งหน้าคมเข้มแบบที่เรียกว่าสโมคกี้ กรีดตาด้วยสีดำสนิทดูลึกลับน่าค้นหา ส่วนอีกคนหนึ่งย้อมผมเป็นสีเงินยวง ทว่าใบหน้าสวยหวานกับลิปสติกสีชมพูสดใสที่เคลือบริมฝีปากทำให้เธอดูสวยน่ารักแบบแมวน้อยยั่วสวาทมากกว่าจะออกไปในแนวแม่เสือสาวคาวราคะ 

สองสาวต่างโยกตัวซ้ายขวาไปตามจังหวะดนตรีเร้าใจอย่างเมามัน มีเพียงเด็กหนุ่มร่างสูงหน้าตาดี ผิวขาวสวมหมวกแก๊บเพียงคนเดียวที่ไม่ได้มีท่าทางว่าจะสนุกสนานไปกับสถานการณ์ตรงหน้าเลยสักนิด แม้จะมีสาวชาวเอเชียที่เดินผ่านไปมาแอบมองเขาอยู่หลายคน แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ ใบหน้าขาวจัดดูซีดเซียวจนแทบจะไร้สีเลือด

“มันจะดีเหรอพี่เอ็นที่เราแอบออกมาแบบนี้” บีหนุ่มน้อยชาวเกาหลีหันไปพูดกับหญิงสาวผมสีแดงเพลิงด้วยความระมัดระวัง ก่อนจะหันไปหาผู้หญิงผมสีเงินยวง แล้วบอกด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล “ลองคิดดูนะเจ ถ้าโดนพี่แอลทูจับได้ พวกเราต้องแย่แน่ๆ”

“ไม่มีทางถูกจับได้หรอกน่าบี ปลอมตัวกันขนาดนี้แล้ว ใครจะไปจำได้ ต้องขอบคุณสเปรย์เปลี่ยนสีผมของพี่แอลวันที่เคยเอามาให้ฉันฉีดเล่นแก้เซ็งเลยนะ พวกเราเลยได้เนรมิตลุคใหม่ได้เจ็บจี๊ดแซบลืมขนาดนี้”

เจโยกตามจังหวะเพลงพลางสะบัดผมสีเงินยวงของเธอไปมา อธิบายให้เพื่อนหนุ่มฟังเป็นฉากๆ ถึงการปลอมตัวที่คาดว่าจะไม่มีใครจำได้

“แต่เขาอาจจะตามหาพวกเราอยู่ก็ได้นะ” บีแย้ง แต่เจกลับส่ายหน้า

“ไม่มีทาง ตอนนี้พี่แอลทูและแวนกำลังประชุมวิดีโอคอลล์กับพี่แอลวันอยู่ที่ห้องประชุม กว่าจะเสร็จคงอีกนาน ฉันคิดว่าพี่แอลทูคงไม่กลับไปที่ห้องทำงานอีก น่าจะตรงไปห้องพักเลยมากกว่า และคงไม่ได้สนใจว่าพวกเราจะอยู่ที่ไหน กว่าพวกเราจะกลับไปที่ตึกแปดเหลี่ยมอีกครั้ง พี่เขาก็คงหลับไปแล้ว”

“ใช่” ลลนาพยักหน้าสนับสนุน “พี่ลงทุนเอาหมอนยัดไว้บนเตียงให้ดูเหมือนมีคนนอนอยู่ด้วยนะ ถ้าอีตาปลาทูหน้างอคอหักนั่นเกิดนึกพิเรนทร์ เปิดประตูเข้ามาตามพี่ในห้องนอน ก็ต้องคิดว่าพี่นอนหลับอยู่บนเตียงอย่างไม่ต้องสงสัย สบายใจหายห่วง อย่ากังวลไปเลยน่าบี”

“แต่เราอยู่ในเวลางาน” บีบอกเสียงอ่อย

“ในเวลางานที่ไหนกัน นี่มันเวลาพักผ่อนแล้ว อีกอย่างหนึ่ง พวกเราเพิ่งทำงานสำเร็จไปหนึ่งชิ้นนะ ก็น่าจะได้ใช้เวลาพักผ่อนร่างกาย ผ่อนคลายสมองบ้าง คนเราทำงานติดกันหลายวันได้ที่ไหนร่างกายนะ สมองนะ ไม่ใช่เครื่องจักร” ลลนาอธิบาย

“หรือถ้านายกลัว ก็กลับไปก่อน” เจบอกด้วยน้ำเสียงรำคาญ “เดี๋ยวฉันไปต่อกับพี่เอ็นเอง”

“ได้ยังไงเล่า เธอกับพี่เอ็นเป็นผู้หญิง ฉันเป็นผู้ชายก็ต้องอยู่คุ้มครอง จะปล่อยให้เข้าไปในสถานที่แบบนี้กันตามลำพังสองคนได้ยังไง” บียืดตัวเต็มความสูง ใช้ฝ่ามือตบหน้าอกตัวเองแรงๆ ก่อนย้ำชัด “ฉันเป็นผู้ชายนะ เป็นผู้ชายเต็มตัวแล้วด้วย”

เด็กสาวค้อนควัก “ถ้าเป็นผู้ชายเต็มตัวจริงก็อย่ากลัวสิ แล้วก็ไม่ต้องพูดมากด้วย แค่ยืนรอเงียบๆ ก็พอ”

“ฉันไม่ได้กลัว แค่รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง” บีเถียงเสียงเบาหวิว

ลลนากลัวว่าเด็กหนุ่มจะเป็นกังวลจึงรีบเสริม

“เอาเป็นถ้าพวกเราดวงซวยถูกจับได้ว่าหนีเที่ยวจริงๆ พี่รับผิดชอบเอง พี่จะเป็นคนไปรับโทษกับอีตาปลาทูเอง โอเคนะ”

“พี่เอ็นคะ เรามาถ่ายเซลฟี่กันเป็นที่ระลึกระหว่างรอคิวหน่อยดีไหม แต่งตัวแต่งหน้าจัดเต็มกันมาขนาดนี้แล้ว” เจชวนพลางหยิบโทรศัพท์ออกมา

“เอาสิ”

ลลนาตอบรับอย่างกระตือรือร้นก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือของตนเองออกมาบ้าง แล้วก็ต้องชะงักเมื่อนึกถึงคำเตือนของแอลทูว่าห้ามใช้เครื่องมือสื่อสาร

แต่เอ...เธอแค่เปิดโทรศัพท์เพื่อใช้ถ่ายรูปเท่านั้น ไม่ได้โทร.ออกไปหาใคร หรืออัพรูปลงโซเชียล คงไม่เป็นไรกระมัง

หญิงสาวยักไหล่ กดเปิดโทรศัพท์เครื่องบางในทันที รอให้ระบบปฏิบัติการพร้อมใช้งานเพียงไม่นาน จากนั้นจึงถ่ายรูปกับเจและบีที่หน้าคลับอย่างเพลิดเพลิน โดยไม่รู้เลยสักนิดว่ามีคนอีกกลุ่มสามารถแกะรอยสถานที่อยู่ของเธอได้แล้วจากการจับสัญญาณโทรศัพท์มือถือ
 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น