๓
ฤกษ์แรกก็ไม่ดีแล้ว
เมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าจะเดินหน้าจีบธนาดลที่เจ้าตัวเชื่อว่าเจ้าแม่ประทานมาให้ตามคำขอ อารดาจึงออดอ้อนเพื่อนรักให้ช่วยหาทางให้ได้เจอกับธนาดล รติยาจึงคิดได้วิธีเดียว คือ นัดมากินข้าวด้วยกัน
รติยานัดอารดามาที่บ้านในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่มั่นใจว่าธนาดลจะไม่ไปไหนแน่ แล้วทุกอย่างก็เป็นตามแผน เมื่อธนาดลไม่ได้ไปไหน และเป็นโชคดีที่แม่สามีไม่อยู่ ไปทัวร์ญี่ปุ่นกับพวกคุณหญิงคุณนายกลุ่มอาวุโสด้วยกัน โดยมีตุลยาตามไปดูแลและเที่ยวเป็นเพื่อนด้วย ไม่อย่างนั้นคงทำอะไรได้ไม่สะดวกนัก เพราะอารดาค่อนข้างเกร็งกับนงนภาพอสมควร เนื่องจากนงนภาไม่ค่อยชอบความกระโดกกระเดกของอารดาสักเท่าไร
รถยนต์โตโยต้า อัลติสสีขาวแล่นเข้ามาในเขตบ้านรัตนธนการ ก่อนจะจอดที่ทางเข้าตัวบ้าน เจ้าของรถในชุดเสื้อครอปสีเลือดหมูเปิดไหล่ แขนเสื้อยาวจดข้อศอก สวมกางเกงยีนเข้ารูปอวดส่วนเว้าส่วนโค้งพอให้ได้เห็นว่าเจ้าตัวรูปร่างดี ก้าวลงมาจากรถ เรือนผมสีน้ำตาลคาราเมลดัดลอนใหญ่ทำให้ดูอ่อนหวานพลิ้วไหวเบาๆ ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางดูสวยงาม
เจ้าตัวเดินไปเปิดประตูด้านหลังรถแล้วหยิบของที่วางอยู่ออกมาส่งให้ป้าอุ่นผู้เป็นแม่บ้านที่กุลีกุจอมาต้อนรับ เพราะรู้แล้วว่าอีกฝ่ายที่เป็นเพื่อนของสะใภ้ใหญ่จะมา
“สวัสดีค่ะคุณปุ๊ก”
“สวัสดีค่ะป้าอุ่น ปุ๊กมีของมาฝากเยอะแยะเลย”
“คุณรุ้งบอกแล้วว่าคุณปุ๊กจะมา มาค่ะป้าช่วยถือ” ป้าอุ่นรับของพะรุงพะรังจากเพื่อนของรติยาไปถือ แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้เหมือนกันว่าอารดาจะหอบหิ้วอะไรมาเยอะแยะขนาดนี้ แล้วดูท่าจะมีแต่ของกินทั้งนั้น
“คุณปุ๊กขนอะไรมาคะเนี่ย”
“ของฝากล้วนๆ เลยค่ะป้าอุ่น ปุ๊กสายกิน เห็นอะไรดูน่ากินหรืออร่อยก็ซื้อดะ” อารดาเฉลยแล้วปิดประตูรถ ก่อนจะหันมาส่งถุงขนมเล็กๆ สามถุงให้แม่บ้านโดยเฉพาะ “อันนี้กล้วยแขกทอดเจ้าดัง ไม่อมน้ำมัน อร่อยกำลังดี ปุ๊กซื้อมาฝากป้าอุ่น คุณลุงคนขับรถ แล้วก็หลานป้าอุ่นอีกคนค่ะ”
“อุ๊ย ขอบคุณค่ะคุณปุ๊ก”
“ส่วนถุงนี้ป้าอุ่นช่วยใส่จานให้หน่อยนะคะ ถ้าอยู่ในถุงต่อเดี๋ยวจะนิ่มหมด เป็นเปาะเปี๊ยะกุ้งชีสเจ้าดังค่ะ”
อารดาเฉลยพอดีกับที่รติยาเดินออกมาจากตัวบ้าน เพราะได้ยินเสียงรถของเพื่อนรัก แต่ไม่เห็นเข้ามาเสียทีก็เลยสงสัยจนต้องออกมาดู พอเห็นเพื่อนซื้อของมาเยอะแยะก็ร้องทักทันที
“ปุ๊ก แกซื้ออะไรมาเยอะแยะเนี่ย”
“ของอร่อยทั้งนั้นแหละค่ะคุณหนูรุ้งของคุณแม่ขา ฉันเห็นที่บ้านแกมีคนอยู่เยอะ อุตส่าห์ชวนฉันมากินข้าวด้วย แล้วฉันจะมามือเปล่าได้ยังไง” หญิงสาวจีบปากจีบคอบอก ยิ้มแฉ่งให้เพื่อน ถึงอารดาจะเป็นสายงก มีเครื่องคิดเลขคอยบวกลบคูณหารราคาอยู่ในหัว แต่ก็เป็นการงกในเรื่องส่วนตัวมากกว่าไม่เคยงกกับผู้อื่น โดยเฉพาะเรื่องกินนั้นเจ้าตัวไม่งกเลยสักนิด แล้วก็เป็นคนมีน้ำใจกับผู้อื่นอยู่เสมอด้วย
“จ้ะๆ คุณเพื่อน” รติยายอมแพ้ในข้ออ้างแล้วจึงพาเพื่อนเข้าไปในบ้าน
สองสาวเดินเข้ามาถึงห้องนั่งเล่น ก็เจอน้องมิวนั่งเล่นอยู่กับลูกสุนัขตัวหนึ่งบนโซฟา โดยมือข้างหนึ่งจับสายจูงที่ผูกกับปลอกคอเอาไว้ในลักษณะปล่อยให้สุนัขกระโดดขึ้นกระโดดลงเป็นอิสระได้
“น้องมิวเป็นไงบ้างคะ สบายดีไหมเอ่ย อ้าว นี่เลี้ยงน้องหมาแล้วเหรอคะ” อารดาทักทายหลานสาวของสามีเพื่อนรักพลางมองลูกสุนัขที่เล่นกับน้องมิวอยู่บนโซฟา
น้องมิวยกมือขึ้นไหว้และยิ้มแฉ่งทักทายกลับมา แต่ไม่ได้ลุกมาหา เพราะลูกสุนัขค่อนข้างซน ถ้าลุกมันจะพาวิ่งอีก
“สวัสดีค่ะอาปุ๊ก น้องมิวมีน้องหมาแล้ว น้องมิวตั้งชื่อว่าโคอะลา มาร์ช แต่เรียกสั้นๆ ว่า เจ้าโคล่าค่ะ”
“คะ? โคอะลา มาร์ช ทำไมตั้งชื่อนี้ล่ะคะ”
หญิงสาวทำตาปริบๆ ไม่เข้าใจ ขณะนั่งลงบนโซฟาข้างเด็กหญิง แล้วจึงรับเจ้าสุนัขตัวไม่น้อยที่น้องมิวอุ้มส่งมาให้ แต่ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนโคอะลา มาร์ช ของน้องมิวเลย แถมสีนี้ ขนาดตัวแบบนี้ ชัดเจนเลยว่าลูกโกลเดน รีทรีฟเวอร์ สุนัขที่เฟรนด์ลีและขี้เล่นสุดๆ ที่หล่อนรู้เพราะว่าญาติเคยเลี้ยง เจ้าสุนัขพันธุ์นี้พร้อมจะเห็นหล่อนเป็นของเล่นได้เสมอเมื่อเจอหน้า เฟรนด์ลีจนญาติถึงกับเอ่ยปากว่า ถ้ามีขโมยขึ้นบ้านมันคงเล่นกับขโมย
“ก็น้องมิวชอบกินโคอะลา มาร์ชค่ะ”
‘โอเคค่ะ รู้เรื่อง ไม่ถามแล้วจ้ะน้องมิว!’
อารดาโคลงศีรษะแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะขืนคุยเรื่องนี้ต่อเห็นทีจะยาวและคงออกอ่าวไปถึงดาวอังคาร
“วันนี้อาปุ๊กซื้อเปาะเปี๊ยะกุ้งชีสมาด้วย อร่อยมากน้องมิวน่าจะชอบ ป้าอุ่นกำลังไปใส่จานให้อยู่ค่ะ”
“เย่ ชีสของโปรดน้องมิวเลย” น้องมิวยิ้มแป้นดีใจเพราะนอกจากโคอะลา มาร์ชที่ตัวเองชอบแล้ว ก็มีเมนูที่มีชีสด้วยนี่ละที่ชอบรองลงมา “งั้นน้องมิวเอาเจ้าโคล่าไปเก็บก่อน จะได้ไปกินเปาะเปี๊ยะอร่อยๆ ของอาปุ๊กกัน”
“จ้ะๆ ได้เลย” อารดารับคำแล้วมองตามเด็กหญิงจูงเจ้าโคอะลา มาร์ชไป
คล้อยหลังจากน้องมิวไปแล้ว หล่อนก็หันมาหาเพื่อนที่ยืนอมยิ้มอยู่ “ยิ้มอะไรคะ คุณหนูรุ้งของคุณแม่ขา”
“ฉันว่าฉันเดาออกนะว่าแกทำคะแนนกับน้องมิวเพราะอะไร” เพราะรู้ว่าอารดาไม่ค่อยเก่งทางด้านการเข้าหาเด็กๆ ไม่ถึงกับไม่ชอบเด็ก แต่อยู่กับเด็กไม่ค่อยได้ เพิ่งเคยเห็นกับน้องมิวนี่ละคนแรกที่อารดายอมเข้าหาด้วย
“อื้อฮือ รู้ทัน เชอะ” อารดาค้อนใส่ แต่ไม่ปฏิเสธ “ก็จะจีบน้าชายของหลานก็ต้องเข้าหาทุกคนแหละ ว่าแต่ฉันยังไม่เห็นคุณดลกับคุณรุจเลย ผิดแผนหรือเปล่าเนี่ย”
“ไม่ผิดหรอก สองคนนั้นอยู่ที่ศาลาไม้ในสวนหย่อม คุณรุจเขาชอบไปนั่งเล่นที่นั่น บางทีก็ปรึกษางานกัน ว่าแต่แกเถอะเตรียมตัวมาดีแล้วใช่ไหม ไม่ใช่ตกม้าตายเพราะเจอหน้าคุณดลแล้วไม่รู้จะเดินหน้าจีบยังไงนะ”
“เตรียมตัวมาดี รับรอง อย่างดีก็แค่แห้ว”
“ไหนบอกเตรียมตัวมาดี นี่จะกินแห้วก่อนเลยเหรอ” รติยาแย้งขบขัน เห็นแววจะรุ่งริ่งมาแต่ไกล
“ก็เตรียมแล้วจริงๆ แต่ก็ต้องเผื่อใจไว้ด้วยเมื่อถึงจุดหนึ่ง แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น ฉันก็ต้องพยายามให้เต็มที่ก่อน”
อารดายืนยันว่าเตรียมตัวมาดีพอ รติยาจึงชวนเพื่อนรักไปที่ศาลาไม้ในสวนด้วยกัน
“งั้นไปหาคุณรุจกับคุณดลกัน แล้วจะได้ไปกินข้าว ป้าอุ่นเตรียมกับข้าวไว้เพียบเลย”
สองสาวออกจากห้องนั่งเล่นไปยังศาลาไม้สีขาวในสวนหย่อม ที่นั่นอติรุจกับธนาดลกำลังนั่งคุยกันอยู่ แต่เพราะความเป็นสองหนุ่มที่หล่อเหลาอย่างที่อารดาบอกว่าหล่อร้อยเมตรก็มองเห็น พอมานั่งอยู่ด้วยกันแบบนี้ ช่างเป็นอาหารตาอาหารใจดีจริงๆ
“สวัสดีครับคุณปุ๊ก ผมได้ยินเสียงรถเมื่อกี้ คิดว่าต้องมาถึงแล้ว แต่ป้าอุ่นยังไม่มาบอกก็เลยไม่แน่ใจว่าได้ยินไปเองหรือเปล่า” อติรุจเอ่ยทักทายเพื่อนสนิทของภรรยาแล้วยิ้มให้ อารดาจึงยิ้มรับแล้วทักทายกลับไป
“มาถึงสักพักแล้วค่ะ พอดีปุ๊กเอาของอร่อยๆ มาด้วย แล้วก็แวะทักทายน้องมิวกับน้องโคอะลา มาร์ชค่ะ”
สาวเจ้าตอบไปแล้วก็มองไปทางธนาดลครั้งหนึ่ง อติรุจจึงแนะนำให้รู้จักกับน้องชายเขา เพราะภรรยาบอกไว้ล่วงหน้าแล้วว่าน้องชายของเขากับอารดายังไม่เคยได้พูดคุยกันเลยสักครั้ง แล้วก็บอกด้วยว่าอารดาตั้งใจจะจีบธนาดล แต่ก็ไม่ได้อยากจะทำให้อึดอัดใจ เลยอยากทำความรู้จักกันก่อน เขาก็เลยต้องช่วยเป็นกามเทพให้เท่าที่พอจะทำได้
“นี่ธนาดลน้องชายผม ส่วนนี่คุณปุ๊ก อารดา เพื่อนสนิทของคุณรุ้ง”
“สวัสดีค่ะคุณธนาดล เราเจอกันอีกแล้วนะคะ”
ธนาดลหันมอง คิ้วหนาได้รูปขยับยกเล็กน้อย เช่นเดียวกับมุมปากที่มีรอยยิ้มจางๆ ปรากฏ แบบที่ไม่แน่ใจว่ายิ้มอย่างเป็นมิตร หรือยิ้มอย่างชวนให้หนาวๆ ร้อนๆ กันแน่ ดวงตาคมกล้าที่มองแขกผู้มาเยือนก็ไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ ใบหน้าหล่อเหลาที่แม้จะมีแววอบอุ่นดูเป็นมิตร แต่ก็มีอะไรบางอย่างที่ชวนให้สะดุ้งได้เหมือนกัน
สีหน้าและแววตาของเขาทำให้คนที่เตรียมตัวมาจีบถึงกับชะงักไปเล็กน้อย บทชวนประทับใจที่คิดเตรียมเอาไว้ดิบดีปลิวหายไปแล้วเรียบร้อย ตอนนี้ในหัวของหล่อนมีแต่ความว่างเปล่า เพราะแววตาของเขาเหมือนกับจะบอกหล่อนว่า เขารู้ทันในการมาของหล่อน!
แต่ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าตนเองมีกำแพงกั้นมากเกินไป เขาจึงยิ้มให้และทักทายกลับมา
“สวัสดีครับ วันก่อนที่เจอกันต้องขอโทษด้วยที่ผมจำไม่ได้ในทันทีว่าคุณเป็นเพื่อนสนิทของคุณรุ้ง”
ฉึก! แทงใจดำสุดๆ ไปเลยค่า
แต่จะว่าเขาก็ไม่ได้หรอก แค่เขาจำได้ว่าหล่อนเป็นเพื่อนกับรติยาก็ดีแล้ว ดีกว่าถูกเขาถามว่าคุณเป็นใคร แบบนั้นลากไปตบกลางสี่แยกยังเจ็บน้อยกว่า
“ไม่เป็นไรค่ะ เราทำความรู้จักกันใหม่ก็ยังไม่สาย” อารดาตอบกลับ เริ่มเข้าใจที่รติยาเคยบอกว่าให้เผื่อใจไว้บ้าง เขาไม่ใช่ผู้ชายที่จีบได้ง่ายๆ
หลังจากทักทายกันพอหอมปากหอมคอแล้ว อติรุจก็ชวนทุกคนเข้าไปในบ้าน เพื่อจะได้ไปกินอาหารด้วยกัน แต่จังหวะที่เดินออกจากศาลานั่งเล่นและผ่านบริเวณสระน้ำ จู่ๆ แมวสีส้มตัวอ้วนกลมตัวหนึ่งก็กระโดดลงมาจากกำแพงของบ้านหลังใหญ่ที่อยู่ข้างๆ แล้ววิ่งโกยแน่บมาชนขาอารดา
ตุ้บ!
เจ้าตัวที่กำลังเดินอยู่ร้องเมื่อรู้สึกเหมือนมีอะไรวิ่งมาชน ตอนแรกคิดว่าเป็นลูกสุนัขของน้องมิวหลุดมา แต่พอก้มมองแล้วเห็นว่าเป็นแมวตัวใหญ่อ้วนกลม เจ้าตัวก็กระโจนหนีทันที
“อ๊าย...ไม่เอานะ!!”
แมวสีส้มทำหน้างุนงงที่มนุษย์ร้องเสียงหลงเหมือนเห็นผี แถมยังกระโดดหนีมันอีกต่างหาก ความตกใจทำให้มันดีดตัวโหยงตามไปด้วย เล่นเอาคนที่ไม่ถูกโรคกับแมวถึงกับกระโจนหนีอีกรอบเมื่อเจอแมวดีด และนั่นก็คือข้อผิดพลาด เมื่อข้างหลังของหล่อนเป็นสระน้ำ!
อารดาหงายไปเบื้องหลัง เจ้าตัวพยายามจะขืนตัวไว้ แต่ไม่สามารถต้านทานแรงดึงดูดของโลกได้ ธนาดลที่อยู่ใกล้สุดเห็นดังนั้นก็กระโจนพรวดเดียวถึงตัวหล่อน เขาพยายามจะคว้าหล่อนไว้ แต่อารดาที่เสียการทรงตัวไปแล้วทำให้ทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่คิด สุดท้ายสองร่างก็ตกลงไปในสระน้ำด้วยกัน
ตู้ม!
“ปุ๊ก!”
“ดล!”
รติยากับอติรุจร้องเรียกพร้อมกันเมื่อเห็นร่างของทั้งสองตกลงไปในสระน้ำ อึดใจถัดมาทั้งสองก็โผล่พ้นผิวน้ำ ธนาดลรีบเข้าไปล็อกตัวอารดาไว้จากด้านหลัง ไม่แน่ใจว่าหล่อนว่ายน้ำเป็นหรือไม่ และแม้ว่าสระน้ำนี้จะไม่ลึกมาก แต่ถ้าว่ายน้ำไม่เป็นก็ทำให้แย่ได้เหมือนกัน
“คุณเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ ไม่เจ็บ แค็กๆ...” อารดาส่ายหน้าและไอออกมาสามสี่ครั้ง ใบหน้าสวยด้วยเครื่องสำอางและผมที่เซตทรงมาอย่างดี ตอนนี้เปียกน้ำจนดูไม่จืด โชคยังดีที่หล่อนใช้อายไลเนอร์กันน้ำ ไม่อย่างนั้นสภาพใบหน้าตอนนี้คงไม่ต่างอะไรจากผี
ธนาดลพาหล่อนเข้าฝั่ง แต่เพราะถูกเขาโอบกอดไว้ อารดาก็เลยเขินไม่ใช่น้อย แล้วก็เขินยิ่งกว่าตอนที่เขาพามาตรงน้ำตื้นแล้วอุ้มหล่อนขึ้นไปนั่งบนขอบสระได้อย่างง่ายดาย
“อุ๊ย!” อารดาร้องเบาๆ หน้าแดง ไม่คิดว่าเจ้าแม่จะเป็นใจให้ถึงขั้นได้โอบกอดใกล้ชิดเขารวดเร็วขนาดนี้ ฝ่ายรติยากับอติรุจ พอเห็นเพื่อนกับน้องชายเข้ามาที่ริมสระแล้วก็รีบวิ่งไปหาด้วยความเป็นห่วง
“ดล! คุณปุ๊ก! บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
“ผมไม่เป็นไร” ธนาดลบอกแล้วมองอารดาที่นั่งอยู่บนขอบสระ
คนถูกมองที่แม้จะยังเขินกับความใกล้ชิดที่เกิดขึ้น แต่สติยังดีอยู่ ไม่ได้ตกใจหรือสติแตก เอ่ยตอบกลับไป
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ แค่เปียกและหมดสวย” อารดาตอบแล้วก็ยิ้มเจื่อนๆ ที่สภาพตนเองในตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากลูกหมาตกน้ำ หมดกันความสวยที่อุตส่าห์เตรียมมาเป็นอย่างดี แล้วตอนนั้นเองที่แม่บ้านวิ่งออกมาดู พอเห็นว่าธนาดลกับอารดาตัวเปียกทั้งคู่ก็ตกใจ
“ตายแล้ว เกิดอะไรขึ้นคะ!”
“ปุ๊กกับคุณดลตกน้ำค่ะ ป้าอุ่นช่วยเตรียมผ้าขนหนูแล้วก็เตรียมชุดของรุ้งให้ปุ๊กหน่อย ปุ๊กกับรุ้งใส่เสื้อไซซ์เดียวกัน ไม่มีปัญหาค่ะ” รติยาหันมาบอกแม่บ้าน แค่นั้นแม่บ้านก็รีบเข้าไปในบ้านเพื่อเตรียมของดังกล่าวให้
คล้อยหลังจากแม่บ้านไปแล้วรติยาก็ช่วยพยุงเพื่อนให้ลุกขึ้นยืนและถอยออกมาจากขอบสระ ส่วนธนาดลก็ขึ้นจากน้ำตามมา แต่สภาพเขาที่เปียกเป็นลูกหมาตกน้ำไม่ต่างอะไรกับหล่อนทำให้อารดาถึงกับทำหน้าจ๋อยไปเลย
“ขอโทษนะคะ ฉันทำคุณเปียกไปด้วยเลย”
“ไม่เป็นไร มันเป็นอุบัติเหตุ” ธนาดลบอกปัดไม่ใส่ใจเรื่องเล็กน้อย เพราะเขาดูออกว่าหล่อนไม่ได้ตั้งใจ แต่อารดายังทำหน้าจ๋อยไม่เลิก เพราะรู้สึกผิดและอายเขาด้วย
ทว่าตอนที่หล่อนกำลังเอ่ยปากพูดต่อไปนั้น เจ้าแมวส้มตัวต้นเหตุตัวเดิมก็เดินเข้ามา คนไม่ถูกโรคกับแมวก็ร้องกรี๊ดแล้วกระโจนหนีไปอีกทางหนึ่งทันที
“กรี๊ด! ออกไปนะเจ้าเหมียว!” อารดาร้องแล้วชี้ให้แมวส้มหยุดเดินเข้ามาหาหล่อน แต่แมวตัวอ้วนกลับทำหน้าไม่เข้าใจแล้วร้องใส่ แค่นั้นเองคนกลัวแมวก็ร้องอีกรอบ แต่คราวนี้ร้องให้เพื่อนช่วยแทน
“รุ้ง เอาแมวแกออกไปที!”
“ไม่ใช่แมวบ้านฉัน” รติยาตอบไปแล้วก็ไม่รู้จะเข้าไปหิ้วแมวออกมาอย่างไรไม่ให้ถูกมันตบ ก็มันไม่ใช่แมวบ้านนี้และหล่อนก็ไม่เคยเลี้ยงแมวมาก่อน ขืนสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไปมีหวังได้โดนยันต์ห้าแถวก่อนได้ช่วยเพื่อนเสียละมั้ง
อติรุจเห็นท่าทีเพื่อนของภรรยาก็รู้ทันทีว่าหล่อนกลัวแมว เขาจึงดึงภรรยาไว้เป็นเชิงบอกว่าจะเข้าไปช่วยจับแมวเองเพราะไม่อยากให้หล่อนเจ็บตัวไปด้วย แม้เขาจะไม่เคยเลี้ยงแมวมาก่อน แต่ตอนอยู่ที่อเมริกาเคยมีเพื่อนเลี้ยงแมวจึงค่อนข้างรู้วิธีการเข้าหาแมว
แต่ยังไม่ทันที่อติรุจจะได้ก้าวเข้าไปหาเจ้าแมวตัวยุ่ง ธนาดลก็หันไปเด็ดกิ่งไม้เล็กๆ ของต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆ แล้วเอามาล่อให้แมวเดินมาหา เพียงพริบตาเดียวเจ้าแมวส้มก็เดินเข้ามาคลอเคลีย ธนาดลจึงคว้าอุ้มมันไว้ แม้ว่ามันจะดิ้นอยู่สักหน่อยเพราะตัวเขาเปียกน้ำ แต่สุดท้ายมันก็ยอมทำหน้าฟินเมื่อเขาเกาคางเกาตัวให้มัน เรียกว่าปราบเจ้าแมวตัวยุ่งได้อยู่หมัดไปเลย
แล้วพอเจ้าแมวส้มอ้วนกลมยอมสงบ ธนาดลก็หมุนปลอกคอของมันเพื่อดู
‘นิ่งนิ่ง ๐๘ ๙๔๙X XXXX’
ชายหนุ่มอ่านชื่อแล้วทำเสียงในลำคอ รู้สึกว่าชื่อไม่เข้ากับตัวมันเลยสักนิด สงสัยว่าเจ้าของจะตั้งชื่อแก้เคล็ด ก็เจ้าแมวนี่มันออกมาป้วนเปี้ยนวุ่นวายที่บ้านคนอื่น ไม่ได้นิ่งเหมือนชื่อเลย
“แมวใครน่ะดล พอรู้ไหม” คนเป็นพี่ส่งเสียงถามมา
“ผมเห็นมันมาจากกำแพงฝั่งนู้น” เขาบุ้ยใบ้ไปที่กำแพงบ้านข้างๆ “ถ้าไม่ใช่ว่ามาจากบ้านอื่นแล้วเดินเล่นเลยเถิดมาถึงนี่ ก็น่าจะเป็นของคุณอั๋นบ้านข้างๆ นี่แหละพี่รุจ”
สิ้นเสียงตอบของธนาดล เสียงออดหน้าบ้านก็ดังขึ้น ทุกคนหันไปมองก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่หน้าบ้านและตะโกนสอบถามเข้ามา เมื่อเห็นแล้วว่าแมวของตัวเองอยู่ในบ้านหลังนี้
“ขอโทษครับ ผมมาตามแมวคืน เจ้านิ่งนิ่งครับ มันหลุดแล้ววิ่งข้ามมาบ้านคุณ”
เจ้าของแมวร้องบอกแล้วก็ทำหน้าเจื่อนตอนที่เห็นแมวของตัวเองถูกอุ้มอยู่ไกลๆ เพราะบริเวณบ้านค่อนข้างกว้าง ดังนั้นระยะทางจากหน้าประตูมาถึงสวนหย่อมตรงนี้ทำให้มองเห็นอะไรได้ไม่ค่อยชัดนัก แต่มั่นใจว่าไอ้ตัวส้มๆ ที่อยู่ในอ้อมแขนของเพื่อนบ้านในตอนนี้น่าจะเป็นแมวตัวยุ่งของตัวเอง
“นั่นไงพี่รุจ เจ้านี่มาจากบ้านคุณอั๋นจริงๆ เดี๋ยวผมเอาไปคืนเจ้าของให้เอง พี่กับคุณรุ้งรีบพาคุณปุ๊กเข้าไปในบ้านก่อนดีกว่า อยู่ข้างนอกนานตัวเปียกแบบนั้นเดี๋ยวจะไม่สบาย” ธนาดลกล่าวตัดบท เดินไปที่หน้าบ้านเพื่อเอาแมวไปให้เจ้าของที่ยืนรออยู่
อติรุจจึงพยักหน้าให้ภรรยาพาเพื่อนรักเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าในบ้านก่อน รติยาจึงรีบพาอารดาเข้าไปในบ้าน โดยคนถูกพาไปโกยแน่บเข้าบ้านนำหน้าไปก่อนเลยด้วยซ้ำ เพราะกลัวแมว แต่ก็พยายามรักษาอาการ ไม่อยากขายหน้าธนาดลไปมากกว่านี้
เมื่อเข้ามาในบ้านได้ รติยาก็พาเพื่อนขึ้นไปที่ห้องชั้นบน แล้วก็ให้เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เป็นชุดที่แม่บ้านของหล่อนได้จัดเตรียมไว้ให้ตามที่บอกไว้ อารดาใช้เวลาอาบน้ำอยู่ไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย แต่มาเสียเวลาตอนเป่าผมให้แห้งอีกครู่ใหญ่
“ไอ้รุ้ง ฤกษ์ไม่ดีเลยอะ” อารดางอแงหลังจากเป่าผมเสร็จและกำลังหวีให้เรียบร้อย หน้าตาจ๋อยสนิทกับฤกษ์หาผัวที่ดูท่าจะไม่เอื้อให้หล่อนเลยสักนิด ไหนจะตกน้ำ ไหนจะต้องยืมเสื้อผ้าเพื่อนใส่ ถึงตอนนี้ตัวจะแห้งแล้วและได้เครื่องสำอางของเพื่อนรักช่วยแต่งแต้มให้กลับมาสวยเหมือนเดิม แต่เจ้าความมั่นใจที่เตรียมตัวมาทั้งหมด มันบินจากไปแล้วเรียบร้อย
“อะไรกัน ปกติคุณอารดาของเราแข็งแกร่งกว่านี้นี่น่า เจอแมวป่วนเข้าหน่อย อย่าเพิ่งถอดใจสิคะคุณอารดาขา” รติยาให้กำลังใจ แต่ก็คิดว่าคนอย่างอารดาไม่ได้สลดง่ายๆ หรอก แต่ตอนนี้ที่ห่อเหี่ยวคงเพราะเรื่องแมวมากกว่า เนื่องจากอารดาเคยเล่าให้ฟังว่าตอนเด็กๆ เคยโดนแมวตบถึงขั้นเย็บไปสิบห้าเข็ม ดังนั้นเจ้าตัวจึงค่อนข้างขยาดแมวเอามากๆ ถึงมันจะน่ารักและเข้ามาคลอเคลียอย่างไร เจ้าตัวก็ยังกลัวกรงเล็บแมวไม่หายอยู่ดี
“เฮ้อ...เอาวะ ไม่ถึงที่สุด อารดาไม่ม้วนเสื่อกลับบ้าน” อารดาถอนหายใจแล้วกลับมาฮึดอีกครั้ง ซึ่งนี่เป็นข้อดีสุดๆ ของเจ้าตัวที่ใครๆ ก็เอ่ยปากชม เมื่อเจอเรื่องอะไรที่มากระทบจิตใจ หรือทำให้ใจไม่สู้แล้ว แต่พอสักพักตกผลึกความคิดได้ก็มีลูกบ้า ลูกฮึดขึ้นมาใหม่ ไม่ใช่ว่าหล่อนโลกสวยหรือมองโลกในแง่ดีแบบวิ่งเล่นอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ แต่ต้องเรียกว่าเป็นคนที่มีพลังใจเหลือเฟือมากกว่า
“ดีมากค่ะคุณเพื่อน ในเมื่อตอนนี้แกกลับมาแข็งแกร่งแล้ว เราลงไปกินอาหารกันดีกว่า ทุกคนรอแย่แล้ว”
สองสาวจึงลงมาที่ห้องอาหารด้วยกัน อารดาขอโทษทุกคนที่ต้องหิ้วท้องรอ ทุกคนเข้าใจว่ามันเป็นอุบัติเหตุและไม่ได้ถือสา แล้วจึงร่วมกินอาหารด้วยกัน โดยรติยาก็เปิดทางให้อารดาเต็มที่เพื่อให้เพื่อนได้เริ่มทำความรู้จักกัน
ทว่าดูเหมือนแผนที่วางไว้จะไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เพราะธนาดลคุยกับอารดาตามมารยาท เขามีความเป็นสุภาพบุรุษและเป็นเจ้าบ้านที่ดี แต่นอกเหนือจากนั้นแล้วอารดาสัมผัสได้ว่า เขาไม่ได้เปิดใจมองหล่อนในฐานะของผู้หญิงที่ดูน่าสนใจเลยสักนิด
สุดท้ายการทำความรู้จักกันก็ดูเหมือนจะถูกปิดประตูตายแต่เนิ่นๆ เพราะอารดาเองก็ไม่กล้ารุก ออกตัวแรงตั้งแต่แรก เพราะประสบการณ์กินแห้วก่อนหน้านี้ทำให้หล่อนเรียนรู้ว่าผู้ชายที่ดูนิ่งๆ เข้าหายากอย่างเขา ถ้าหากทะลึ่งพรวดเข้าไปในอาณาเขตที่เขาไม่ได้ยอมให้เข้าไปเอง มีแต่จะโดนดีดออกมา ต้องรู้จักรุกและถอยในเวลาที่ใช่
จนกระทั่งมื้ออาหารจบลง ธนาดลขอตัวรับสายโทรศัพท์ ส่วนอารดาก็อยู่คุยกับรติยาอีกพักใหญ่ก่อนจะขอตัวกลับ แต่ดูเหมือนโชคร้ายของหล่อนในวันนี้จะไม่จบลงแค่โดนแมววิ่งมาทักทายจนตกน้ำ เมื่อตอนที่หล่อนกำลังเดินออกจากตัวบ้านพร้อมกันกับรติยาและอติรุจ กำลังลงบันไดเตี้ยๆ หน้าบ้านนั้นเอง จู่ๆ เจ้าลูกสุนัขตัวไม่น้อยของน้องมิวก็วิ่งหน้าตั้งมา พร้อมกับเสียงร้องเรียกของน้องมิวที่ดังไล่หลังมาด้วย
“โคล่า หยุดวิ่งนะ! ลุงรุจขาช่วยจับไว้ที!”
อารดาสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นจึงเอี้ยวตัวไปมองตอนที่อยู่ตรงบันได เป็นจังหวะเดียวกับที่ลูกสุนัขตัวไม่น้อยกระโจนกึ่งตะกายสองขาหน้าใส่หล่อน ทำเอาคนที่ไม่ทันได้ตั้งหลักให้ดีถึงกับผงะถอยไปตามแรงก่อนจะล้มลงไปบนพื้น ข้อเท้าฟาดกับขอบบันไดไปเต็มๆ
โครม!
หญิงสาวลงไปกองกับพื้นบันได ข้อเท้าเจ็บจนน้ำตาเล็ด แต่เจ้าตัวพยายามกลั้นไม่ร้องไห้ออกมา ส่วนรติยาก็รีบเข้าไปพยุงเพื่อนทันที อติรุจเองก็รีบคว้าสายจูงที่ผูกติดอยู่กับปลอกคอของเจ้าโคอะลา มาร์ชไว้ก่อนที่มันจะวิ่งหนีไปไหนอีก เป็นจังหวะเดียวกับที่น้องมิววิ่งหน้าตั้งมาถึงตัวผู้เป็นลุง
เด็กหญิงหน้าเสียเมื่อเห็นว่าสุนัขของตัวเองทำให้อารดาเจ็บตัว
“อาปุ๊กเป็นอะไรหรือเปล่าคะ อาปุ๊กเจ็บมากไหม น้องมิวขอโทษ น้องมิวไม่ได้ตั้งใจทำเจ้าโคล่าหลุด” น้องมิวละล่ำละลักบอก
อารดาส่ายหน้า กัดฟันหน้าเบ้ แล้วยกมือโบกเป็นเชิงบอกว่าเจ็บไม่มาก แต่จริงๆ เจ็บมากต่างหาก ฝ่ายธนาดลที่วางสายจากโทรศัพท์เพราะได้ยินเสียงร้องของหลานสาวและพี่ชายก็รีบวิ่งมาดู
“เกิดอะไรขึ้นพี่รุจ!”
“เจ้าโคล่าหลุดแล้ววิ่งมาชนคุณปุ๊กตกบันไดน่ะ”
ธนาดลแอบถอนหายใจที่ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร แต่พอหันมามองสภาพของอารดาที่ถูกรติยาหิ้วปีกให้ยืนขึ้นมา เขาก็รู้ได้อย่างไม่ต้องถามว่าหล่อนเจ็บมากแน่ และเพราะปกติเขาเป็นคนที่คอยดูแลคนอื่นอยู่เสมอ เป็นสุภาพบุรุษ บวกกับความเป็นเจ้าของบ้าน อีกทั้งพี่ชายก็รั้งสายจูงเจ้าโคล่าอยู่ เขาจึงเดินเข้าไปหาหล่อนเอง
“คุณเจ็บมากหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ ไม่เท่าไหร่ อื้อ...” อารดาตอบแล้วก็ได้แต่ทำหน้าเหยเกครางหงิง ตอนที่เขาคุกเข่าลงข้างๆ แล้วถือวิสาสะจับข้อเท้าหล่อนหมุนเบาๆ แค่นั้นเขาก็รู้แล้วว่าหล่อนโกหก
“หักไหมคะคุณดล” รติยาส่งเสียงถาม
“ไม่น่าจะหักครับ เพราะถ้าหักจะบวมและปวดมากกว่านี้ จับเข้าไปนี่คงร้องแล้ว น่าจะแค่เคล็ด” ธนาดลตอบและลุกขึ้นยืน
อารดาทำตาปริบๆ ที่เขาเชี่ยวชาญ มองปร๊าด จับปุ๊บก็รู้ แต่เขาไม่คิดว่าการตรวจดูของตัวเองจะน่าสนใจอะไรในเมื่อตอนนี้อาการเจ็บของหล่อนสำคัญกว่า
“ถึงจะไม่หัก แต่ไปให้หมอใเขาเอกซเรย์ดูให้แน่ใจดีกว่า”
“ไม่ค่ะ!” อารดาโพล่งตอบกลับมาทันที เล่นเอาทั้งธนาดลและอติรุจถึงกับทำหน้าแปลกใจ มีเพียงรติยาที่เข้าใจ เพราะถ้าคนที่บ้านมารู้เข้าก็จะเป็นห่วงอารดามาก แล้วเจ้าตัวก็จะโดนตำหนิที่ทำให้ตัวเองบาดเจ็บ ไม่ระมัดระวังตัวเองให้ดี ดังนั้นอารดาจึงพยายามหลีกเลี่ยง ถ้าเจ็บเล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่เคยไปหาหมอเลย
“ถ้าไม่ไปหาหมอ งั้นก็เข้าบ้านไปนวดประคบก่อนดีกว่า” รติยาเสนอทางเลือกให้เพื่อน แต่อารดาปฏิเสธเพราะดูเวลาแล้ว หล่อนจะกลับไปไม่ทันนัดของพี่สาว
“ไม่เป็นไร ฉันยังไหว พอดีฉันนัดพี่สาวไว้ พี่จะมาเอาของที่คอนโด ขืนฉันกลับไปถึงช้า พี่อรได้แหกอกฉันแน่”
ธนาดลที่ฟังอยู่ก็เห็นว่าไม่เข้าท่าสุดๆ ที่หล่อนจะดื้อ เขาจึงตัดบทตัดสินใจให้ ซึ่งเป็นทางที่ดีที่สุดสำหรับหล่อนแล้ว
“คุณเข้าไปทายาและพันข้อเท้าก่อน แล้วถ้าคุณจะรีบกลับ ผมจะพาคุณไปส่งเอง” ชายหนุ่มกล่าวจบก็ก้มลงช้อนร่างอารดาขึ้นอุ้มอย่างไม่ให้อีกฝ่ายทันตั้งตัว
อารดาถึงกับหวีดร้องเบาๆ แต่ไม่กล้าดิ้น ไม่กล้าโวยวาย ไม่ใช่ว่าเขาดุจนน่ากลัว แต่เพราะกลัวหัวใจตัวเองในตอนนี้มากกว่า ใครจะไปคิดว่าหล่อนจะได้เข้าใกล้เป้าหมายที่ตัวเองต้องการจีบได้เร็วขนาดนี้ ได้ถูกกอด ถูกอุ้ม ตายอย่างสงบศพสีชมพูไปแล้วเรียบร้อย
‘อ๊าย! เจ้าแม่ขา เจ็บคราวนี้คุ้มค่าแล้วค่ะ’
อารดาร้องกรี๊ดดีใจอยู่ในใจ มีแต่เพียงรติยา อติรุจ และน้องมิวเท่านั้นที่มองออกว่า อารดากำลังเจอธนาดลในโหมดเอาจริงอยู่ แต่เจ้าตัวกลับไม่รู้ตัวเลยสักนิด
“นั่นอาปุ๊กจะรอดไหมคะลุงรุจ” น้องมิวถึงกับถาม
“ลุงว่าไม่”
“พี่รุ้งก็ว่าไม่”
ทั้งสามคนลงความเห็นเหมือนกันก่อนจะกลับเข้าไปในบ้าน อติรุจเอาเจ้าโคอะลา มาร์ชไปเก็บให้ ส่วนน้องมิวก็หลบไปนั่งทำการบ้านในห้องของตัวเอง เพราะเวลาน้าธนาดลผู้แสนใจดีเอาจริงทีไร น้องมิวก็ไม่กล้าหือด้วยเลยจริงๆ
ฝ่ายคนที่ยังไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองก็แอบหน้าบานอยู่ในใจที่ธนาดลเอาใจใส่หล่อน แล้วยังเอายาแก้เคล็ดและผ้ามาพันข้อเท้าให้ด้วย เรียกว่าหลงใหลได้ปลื้มไปแล้วเรียบร้อย โดยไม่รู้เลยว่าธนาดลจับสังเกตพฤติกรรมของเจ้าตัวได้หมดแล้ว ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของหล่อนที่มากินอาหารด้วยกันในวันนี้คืออะไร และใครเป็นโต้โผให้เขาได้รู้จักกับหล่อน
ธนาดลเงยหน้าขึ้นมองพี่ชายกับพี่สะใภ้แวบหนึ่ง รติยากับอติรุจทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ที่ถูกจับได้ แต่ในใจคิดว่าหลังจากนี้ การจีบธนาดลของอารดาไม่หมูแน่ๆ เพราะธนาดลรู้ตัวแล้ว!
“ขอบคุณนะคะ” อารดาบอกหลังจากที่ธนาดลพันผ้าให้เสร็จเรียบร้อย หล่อนลองขยับข้อเท้าพบว่าเจ็บน้อยลงกว่าเมื่อครู่นี้ก็แอบโล่งใจ “ทีนี้ฉันก็ขับรถกลับบ้านได้แล้ว”
“ผมไม่ได้พันผ้าให้ เพื่อให้คุณไปหาเรื่องให้เจ็บอีกรอบหรอกนะ” เขาเตือนแล้วส่งยิ้มให้ แต่กลับทำให้อารดารู้สึกหนาวๆ อย่างบอกไม่ถูก เจ้าตัวจึงหันไปมองเพื่อนรักเหมือนหาตัวช่วย แต่เพื่อนกลับส่ายหน้าเบาๆ แล้วส่งยิ้มแห้งแล้งให้ เท่านั้นเองอารดาก็ถึงบางอ้อ
หล่อนมาเพื่อตะปบเหยื่อ แต่ดูเหมือนจะกลายเป็นเหยื่อและโดนเล่นงานเสียเองแล้ว!
“ฉันขับรถกลับได้จริงๆ ค่ะ รถฉันเกียร์ออโต้ แล้วขาที่เจ็บก็ขาซ้าย ไม่จำเป็นต้องใช้” อารดาหันไปทำใจดีสู้เสือ พยายามบอกเขาว่าหล่อนไม่เป็นไร แต่ธนาดลไม่ได้คิดอย่างนั้น และเขาจะสอนเหยื่อตัวนี้เองว่า อย่าคิดมาตะปบเสืออย่างเขา แต่จะปรานีกว่าคนอื่นสักหน่อย เพราะถือว่าหล่อนเป็นเพื่อนรักของพี่สะใภ้
“เกียร์ออโต้ไม่ต้องใช้ขาซ้าย แต่คุณอยู่คอนโดไม่ใช่เหรอ” เขาถามกึ่งย้ำ ใบหน้านิ่งๆ แต่ดวงตานี่สิไม่ใช่เลย “ตอนเดินขึ้นคอนโด เข้าลิฟต์แล้วกว่าจะเดินไปถึงห้อง คุณยังต้องใช้ขาอยู่ดี”
“แต่...” หล่อนยังเถียงไม่ทันถึงไหน ธนาดลก็เอ่ยแทรกมา
“คุณกำลังจะบอกว่าคุณไม่เป็นไร สามารถขับรถกลับเองได้จริงๆ หรือถ้าไม่ได้จริงๆ คุณก็จะให้คุณรุ้งช่วยขับรถไปส่งให้ แต่คุณรุ้งกับพี่รุจต้องไปร่วมงานเลี้ยงเย็นนี้ นี่ก็สี่โมงแล้วคงต้องไปเตรียมตัว ส่วนคนขับรถที่บ้านก็ต้องเตรียมขับรถพาพี่รุจกับคุณรุ้งไปร่วมงาน ดังนั้นตอนนี้เหลือผมที่ขับรถได้ คุณมีทางเลือกแค่จะให้ผมขับรถไปส่งคุณที่คอนโด หรือจะให้ผมพาไปหาหมอเพื่อเอกซเรย์ แล้วหลังจากนั้นคุณก็ให้คนที่บ้านของคุณมารับและเอารถของคุณกลับไปเอง” ธนาดลตัดบทให้ทางเลือกหล่อนแค่นี้
พอเจอไม้นี้เข้าไปอารดาก็ไปไม่เป็น เริ่มรู้ซึ้งขึ้นมาแล้วว่า ไอ้คำว่า ‘เคี้ยวยาก’ หมายถึงอะไร เพราะคำพูดของเขาปิดทางหล่อนได้ แล้วเขาก็พูดด้วยเหตุผลที่ฟังขึ้น ถ้าหล่อนไม่ทำตามก็ย่อมได้ แต่ต้องมีเหตุผลที่ดีกว่านี้และไม่ทำให้ตัวเองต้องลำบากแบบโง่ๆ เขาถึงจะยอมรับ
แต่...ยิ่งเขาแสดงออกมาอย่างนี้ ยิ่งเขาเคี้ยวยากมากเท่าไร ก็ยิ่งเหมือนกับเป็นการกระตุ้นให้หล่อนมีความพยายามและใช้ใจในการจีบเขามากขึ้นกว่าเดิม
ไม่ใช่คิดว่าจะจีบเล่นๆ ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร หรือแค่คิดว่าเจ้าแม่ส่งมาให้แล้วแค่ลองสักตั้งก็พอ ตอนนี้ความคิดของหล่อนพุ่งไปข้างหน้ายิ่งกว่าเดิม ต้องทำให้เขาหันมองหล่อนให้ได้ด้วยการใช้ใจแลกใจ ใช้ความจริงใจทั้งหมดที่มี ไม่ใช่แค่อยากเอาชนะเพื่อให้ได้ใจเขามาแค่นั้น
“ถ้าอย่างนั้น รบกวนคุณดลด้วยค่ะ” อารดายอมทำตามเขาอย่างว่าง่าย
มีเพียงรติยากับอติรุจเท่านั้นที่แอบถอนหายใจ เมื่อเห็นว่าอารดาตกหลุมพรางไปแล้วเรียบร้อย คนที่อ่านธนาดลออกเท่านั้นที่จะรู้ว่าการยื่นข้อเสนอนี้คือการหยั่งเชิง แล้วการที่ธนาดลบอกว่าจะไปส่ง นั่นคือการเก็บข้อมูลทุกอย่างเพื่อประเมินอารดา เพราะแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเพื่อนสนิทของพี่สะใภ้ แต่ใช่ว่าธนาดลจะใจดียอมให้มาลูบคมจีบกันได้ง่ายๆ เขามีวิธีตอบโต้กลับอย่างเนียนๆ รวมทั้งดูความประพฤติของคนที่กล้าเข้ามาจีบไปด้วยในตัว โดยไม่ทำให้อีกฝ่ายรู้ตัว!
เมื่อตกลงกันได้เรียบร้อยแล้ว ธนาดลก็ขับรถของอารดาพาหล่อนกลับไปส่งที่คอนโด ตอนอยู่บนรถและตั้งจีพีเอสนำทางกลับไปที่คอนโด หล่อนก็แอบเห็นธนาดลขมวดคิ้วตอนที่ได้ยินชื่อคอนโด ตอนแรกหล่อนไม่เข้าใจ แต่พอคิดอีกทีก็พอจะเดาได้ว่า ธุรกิจบริษัทของธนาดลคือบริษัทอสังหาริมทรัพย์ มีคอนโดในกรุงเทพฯ หลายแห่ง บางทีคอนโดหล่อนอาจจะเป็นของบริษัทคู่แข่งของเขาก็ได้ แต่ทำไงได้ล่ะ ก็นั่นมันคอนโดที่คุณอาของหล่อนเป็นเจ้าของนี่ หล่อนได้ส่วนลดมากกว่าที่อื่นๆ แถมทำเลดี เดินทางก็สะดวกด้วย
อารดาคิดแล้วก็แอบถอนหายใจ ดูท่าว่าความรักครั้งนี้เริ่มต้นมาก็มีแต่อุปสรรคมาทดสอบเสียแล้ว แต่ในเมื่อตัดสินใจจะลุยแล้วก็ต้องลุยให้เต็มที่และทำให้ดีที่สุดก็พอ
ธนาดลขับรถมุ่งหน้าพาหล่อนไปส่งคอนโด แต่ระหว่างทางเขาก็สอบถามกึ่งย้ำกับหล่อนอีกครั้ง
“คุณแน่ใจนะว่าไม่ต้องการไปหาหมอ”
“แน่ใจค่ะ” หล่อนยืนยัน แค่ข้อเท้าเคล็ดไม่ไปหาหมอเด็ดขาด แถมยังบอกด้วยว่า “ขืนฉันผิดนัดกับพี่อร แล้วไปที่โรงพยาบาล แล้วพี่อรรู้ว่าฉันอยู่ที่โรงพยาบาล รับรองว่าได้ตามมาถึงโรงพยาบาลแน่ แล้วแบบนั้นพ่อกับแม่ก็จะแห่มาด้วยแน่นอนค่ะ”
ธนาดลนิ่วหน้าสงสัย เพราะถ้าฟังจากที่หล่อนบอกมา ถ้าครอบครัวจะเป็นห่วงถึงขนาดนั้น ทำไมถึงกล้าปล่อยให้หล่อนออกไปอยู่คอนโดตามลำพัง จะบอกว่าหล่อนโตแล้ว มีหน้าที่การงานและคอนโดอาจจะอยู่ใกล้ เดินทางไปทำงานง่ายกว่า แบบนั้นก็อาจจะเป็นได้ แต่ก็ไม่น่าจะต้องห่วงกันจนเว่อร์ถึงขนาดนั้น
หรือว่าในครอบครัวของหล่อนมีปัญหาภายใน มีเรื่องอะไรที่ทำให้เป็นห่วงกันมากมาย?
“พี่สาวของคุณดุมากเหรอ”
“เป็นซือเจ๊สั่งลุยเลยแหละค่ะ”
ชายหนุ่มพยักหน้า อยากจะถามต่อว่าพี่สาวของหล่อนเป็นใคร แต่คิดอีกทีไม่ถามดีกว่า ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นเขาสนใจเรื่องราวของหล่อนมากเกินไป และจะทำให้หล่อนเข้าใจผิดได้ว่าเขาสนใจหล่อน
ครึ่งชั่วโมงต่อมาเขาก็ขับรถมาถึงคอนโดของหล่อนแล้วก็ขับขึ้นไปบนอาคารจอดรถตามที่หล่อนบอก เมื่อขึ้นมาถึงบริเวณชั้นสองของอาคาร อารดาก็ชี้ให้เข้าไปจอดที่ช่องจอดรถที่มีป้ายบอกทะเบียนรถยนต์ของหล่อนติดไว้ ธนาดลนิ่วหน้า แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา กำลังคิดว่าห้องพักของหล่อนคงกว้างพอสมควร เพราะสำหรับคนคร่ำหวอดในวงการอสังหาริมทรัพย์แล้ว การคำนวณพื้นที่จอดรถคอนโดเป็นเรื่องที่รู้กันดี
ช่องจอดรถสำหรับหนึ่งคันจะถูกคำนวณจากพื้นที่ใช้สอยของลูกบ้าน ถ้าเป็นห้องที่เล็กที่สุดในคอนโด การได้พื้นที่จอดรถแบบล็อกที่ไว้แบบนี้ไม่มีทางทำได้อย่างแน่นอน ต้องเป็นห้องพักที่ใหญ่เข้าเกณฑ์เท่านั้นถึงจะมีช่องจอดรถได้ แล้วการที่ล็อกที่ไว้ได้แบบนี้ก็ต้องระดับวีวีไอพี หรือไม่ก็จ่ายหนักเพื่อจะได้ที่จอดรถแบบล็อกที่
ธนาดลถอยรถเข้าจอดในช่องจอดเรียบร้อยแล้วก็ช่วยพยุงหล่อนลงจากรถ ก่อนจะพาเดินเข้าไปในอาคารและขึ้นลิฟต์ไปด้วยกัน จนมาถึงชั้นที่พักของหล่อน เขาก็พยุงหล่อนเดินไปตามโถงทางเดินช้าๆ แต่ระหว่างนั้นมีลูกบ้านคนหนึ่งเดินถือลังใบใหญ่ซ้อนกันท่วมหัวกำลังจะเดินสวนมา
แล้วก็ไม่รู้ว่าคราวเคราะห์ของเขาหรือของหล่อนกันแน่ เมื่อจู่ๆ ลังใบใหญ่ที่ซ้อนกันอยู่นั้นเกิดเอียงกระเท่เร่ ธนาดลเห็นดังนั้นก็ดึงอารดาให้ถอยไปที่ผนัง ส่วนตัวเองก็เบี่ยงกายมากันลังใบนั้นไว้ไม่ให้มันร่วงหล่นไปปะทะกับหล่อน
ตุ้บ!
ลังใบใหญ่ที่อยู่ด้านบนสุดร่วงหล่นลงพื้น ส่วนคนที่หอบหิ้วของเกินกำลังก็รีบขอโทษขอโพยพอเห็นว่าตัวเองเกือบทำให้คนอื่นบาดเจ็บ โดยมีผู้หญิงอีกคนวิ่งตามมาและร้องบอก
“โธ่! พ่อ ก็แม่บอกแล้วไงว่าเดี๋ยวช่วยขน ดูซิเกือบหล่นใส่คนอื่นแล้ว” หล่อนว่าแล้วก็รีบหันมาขอโทษ “ขอโทษด้วยนะคะ สามีฉันไม่ระวัง คุณสองคนบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ”
“ไม่ครับ”
ธนาดลบอกและมองมาทางอารดา หล่อนแค่สั่นหน้าเป็นเชิงตอบว่าไม่เป็นไร สองสามีภรรยาจึงได้แต่ขอโทษและรีบเก็บลังที่ตกอยู่ก่อนจะเดินจากไป
คล้อยหลังจากทั้งสองคนนั้นไปแล้ว ธนาดลก็หันมาหาอารดาที่ยืนพิงผนังทางเดินอยู่ สีหน้าของหล่อนดูแปลกๆ จะว่าตกใจก็ไม่ใช่ เหมือนมีอะไรมารบกวนจิตใจของหล่อนมากกว่า
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
“คะ...เอ่อ เปล่าค่ะ ไม่ได้เป็นอะไร” อารดาปฏิเสธแล้วปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ก่อนจะก้าวเดินตรงไปยังห้องตัวเอง โดยมีธนาดลช่วยพยุงไปตลอดทาง
เขาก็ยังไม่ทิ้งความสงสัยในท่าทีแปลกๆ ของหล่อน เพียงแต่ไม่ได้จี้ถามออกไป
อึดใจใหญ่ถัดมาอารดาก็มาถึงหน้าห้องของตัวเอง หญิงสาวแตะคีย์การ์ดและเปิดประตูห้องเรียบร้อย ธนาดลจึงช่วยเปิดประตูห้องให้กว้างขึ้นอีกนิด เพื่อให้หล่อนเข้าไปในห้องได้สะดวกขึ้น
“คุณเข้าห้องไปได้แล้ว แต่ถ้าปวดข้อเท้ามากทนไม่ไหวจริงๆ ก็ต้องไปหาหมอ อย่าดื้อ”
อารดาพยักหน้า ทำตาเป็นประกาย กำลังจะถามเขาว่า ในเมื่อหล่อนเจ็บข้อเท้า เดินไม่สะดวก ขับรถก็เสี่ยงเจ็บตัวเกินไป อย่างนั้นแล้วหล่อนจะโทร. บอกให้ใครพาไปหาหมอได้ หรือว่าเขาจะอาสา หล่อนจะได้ขอเบอร์ติดต่อเขาไว้
แต่ดูเหมือนเขาจะอ่านใจหล่อนออกอย่างทะลุปรุโปร่ง เขาหยิบกระเป๋าสตางค์แล้วยื่นนามบัตรส่งให้หล่อน
“ถ้าคุณอยากจะไปโรงพยาบาล แต่ขับรถไม่ไหว ก็โทร. ไปเบอร์นี้ เขาเป็นคนขับรถที่บริษัทของผม เขาขอลาสามเดือน ไม่รับเงินเดือนเพื่อไปช่วยภรรยาเลี้ยงลูกที่เพิ่งคลอด แต่ถ้าสุดวิสัยจริงๆ ก็ยังเรียกใช้งานได้ ถ้าคุณต้องการคนขับรถและหาไม่ได้จริงๆ ไม่อยากเรียกแอปพลิเคชันให้วุ่นวาย ก็เรียกคนขับรถคนนี้ได้เลย”
เจอไม้นี้เข้าไปอารดาที่เตรียมจะขอเบอร์เขาถึงกับทำหน้าจ๋อย พับแผนตีเนียนขอเบอร์โทร. ไปก่อนเลย!
“ค่า...” หล่อนรับคำและรับนามบัตรแผ่นนั้นมาก่อนจะหมุนกายเดินเขยกๆ เข้าไปในห้อง แล้วทำท่าจะหันมาปิดประตู แต่เขาบอกว่าจะปิดประตูให้เอง
หญิงสาวจึงเดินไปนั่งที่โซฟา ธนาดลก็ปิดประตูให้อย่างที่บอกไว้ เล่นเอาคนที่ตั้งใจว่าถึงไม่ได้เบอร์ก็ขอให้ได้โบกมือยิ้มหวานให้สักหน่อยก็ยังดีแอบเซ็งไปเลยที่ถูกเขาปิดประตูตายใส่หน้ากันขนาดนี้ แต่หล่อนไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก วันนี้จีบไม่ติด วันหน้าก็ต้องติดบ้างละ
ฝ่ายธนาดลพอส่งอารดาเข้าห้องเรียบร้อย ชายหนุ่มก็เดินกลับไปยืนรอลิฟต์ ระหว่างนั้นก็กดแอปพลิเคชันเรียกแท็กซี่แบบพรีเมียมไปด้วย
ทว่าเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก สาวสวยคนหนึ่งก็ก้าวออกมาจากลิฟต์ ธนาดลมองแวบแรกก็รับรู้ได้ถึงรังสีบางอย่างที่แผ่ออกมาจากผู้หญิงคนนั้น ทั้งการที่ได้สบตากันโดยบังเอิญ ทั้งท่าทางการก้าวเดินอย่างมั่นใจและทะนง รวมถึงวิธีการปรายตาในแบบที่ถ้าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาคงมีหนาวๆ ร้อนๆ แน่ เซนส์ของเขาบอกชัดเลยว่าหล่อนต้องเป็นระดับผู้บริหารของบริษัทใดบริษัทหนึ่ง ชายหนุ่มจึงเบี่ยงกายหลบเล็กน้อยตามมารยาท
ฝ่ายคนที่เพิ่งก้าวออกมาจากลิฟต์ก็นิ่วหน้าเมื่อเจ้าตัวเองก็จับรังสีของคนระดับเดียวกันได้ เรียกได้ว่าคนประเภทเดียวกันย่อมอ่านกันออก
หล่อนจึงแปลกใจอยู่ไม่น้อยว่าคนระดับผู้บริหารของบริษัทไหนมาอาศัยอยู่ที่คอนโดแห่งนี้ แถมยังเป็นชั้นเดียวกับที่น้องสาวของเจ้าตัวอยู่ด้วย ทั้งที่หล่อนตรวจสอบประวัติรายชื่อเจ้าของห้องที่พักอาศัยชั้นนี้ทั้งชั้นมาหมดแล้วพบว่าเป็นคนธรรมดาที่มีฐานะ ไม่มีใครเป็นลูกหลานหรือเกี่ยวข้องกับบริษัทใดๆ เลยแม้แต่ห้องเดียว คิดแล้วก็ได้แต่เดินเลี้ยวไปทางโถงทางเดินต่อไป
ส่วนธนาดลก็ทิ้งความสงสัยไว้แค่นั้นและก้าวเข้าลิฟต์ แต่ในใจกลับรู้สึกว่าใบหน้าของหล่อนคล้ายใครสักคนอยู่เหมือนกัน เขาแน่ใจว่าเขาไม่เคยรู้จัก อีกทั้งหล่อนก็ไม่ใช่สเปกของเขาด้วย ซึ่งเขาไม่ทันได้ฉุกคิดเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะมีความเกี่ยวข้องกับอารดา แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าในอนาคตข้างหน้านี้ ผู้หญิงคนนี้นี่ละจะทำให้เขาแทบดิ้นตายได้เลยทีเดียว!
ความคิดเห็น |
---|