บทที่ ๑

แฟนคลับ

 

เช้านี้ทีมงานละครมารวมตัวที่ชั้นสามของอาคารสำนักงานให้เช่าแต่เช้าเพราะมีกำหนดการแคสติงหรือคัดเลือกนักแสดงสำหรับละครเรื่องเพลิงพรางตา ละครสร้างสรรค์สังคมเรื่องใหม่ของบริษัทเจนจัด พลัส สตูดิโอของเจนกิจ ผู้จัดละครวัยสามสิบกลางๆ ที่ได้รับโอกาสให้ผลิตละครป้อนสถานีโทรทัศน์เป็นเรื่องที่สอง หลังจากละครเรื่องแรกของบริษัทได้รับรางวัลละครสร้างสรรค์สังคม ทีมงานยังมากันไม่ครบ คนที่มาแล้วจึงมานั่งคุยกันที่มุมกาแฟ

“ตื่นเต้นไหมแดน” กัลยา คนเขียนบทที่ใช้ชีวิตอยู่บนรถเข็นถามแดนสรวง ผู้กำกับการแสดงหนุ่มที่ยังนับว่าเป็นมือใหม่

“ก็...ไม่เท่าไหร่นะ” แดนสรวงบอก

“ปากแข็ง” เพื่อนสาวที่คบกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยเอ่ยยิ้มๆ 

เพื่อนหนุ่มหันมาส่งสายตาอย่างจะบอกว่า ‘เกลียดคนรู้ทัน’ สาวเจ้าเลยหัวเราะแล้วว่าต่อไป 

“ตาอย่างกับหมีแพนด้า ทำไมจะไม่รู้ ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับแหงๆ”

“ว่าแต่เขา ตัวเองไม่ตื่นเต้นเลยงั้นสิ เปลี่ยนแนวเขียนแบบนี้” แดนสรวงแซวเพื่อนบ้าง

“ก็ตื่นเต้นน่ะสิถึงได้ถาม” กัลยาบอก แววตาสนุกสนานที่ได้แซวเพื่อนเมื่อครู่จางหายไป เพราะคนพูดก็หวั่นใจ

กัลยาเคยเป็นลูกทีมเขียนบทของสุชาติ คนเขียนบทมือรางวัลที่กวาดรางวัลบทละครโทรทัศน์ยอดเยี่ยมจากหลายสถาบันตลอดระยะเวลาสามสิบปีในการทำงาน สุชาติเป็นหัวหน้าทีมเขียนบทละครโทรทัศน์เรื่องแรกของบริษัทเจนจัดพลัส เขาเลือกลูกทีมจากลูกศิษย์ในคอร์สอบรมการเขียนบทโทรทัศน์ที่เคยเปิดสอน สุชาติคัดเลือกลูกศิษย์ชายหนึ่งหญิงหนึ่งมาร่วมทีมทำงาน พอมีงานละครเรื่องใหม่สุขภาพของสุชาติก็ไม่อำนวยให้เร่งทำงานเขียนบทได้ สุชาติจึงเสนอให้เจนกิจมอบหมายให้กัลยาเขียนบทละครเรื่องใหม่นี้คนเดียว เป็นงานฉายเดี่ยวงานแรกของเธอ

“แต่พี่มั่นใจในตัวแก้วนะ” เจนกิจ ผู้บริหารสูงสุดของบริษัทบอกพลางเดินถือแก้วกาแฟมาส่งให้หญิงสาว

กัลยายกมือไหว้ก่อนรับแก้วกาแฟแล้วบอกกับเจนกิจ “แก้วต้องขอบคุณพี่เจที่ไว้ใจให้แก้วเขียนเดี่ยวนะคะ”

“พี่เจบอกแก้วไปเลยสิฮะว่าพี่เจเลือกแก้วเพราะเห็นฝีมือมัน ไม่ใช่เพราะสงสาร แก้วมันชอบคิดอย่างนี้อยู่เรื่อย” แดนสรวงว่า

“เฮ้ยแก้ว คิดอย่างนี้ได้ไง พี่ชาติเสนอแก้วมา พี่ก็ชอบสำนวนและมุมมองการเขียนของแก้วพี่ถึงได้เลือกแก้ว มันไม่เกี่ยวกับที่แก้วเป็นแบบนี้สักหน่อย” เจนกิจนึกจะพูดว่ามันไม่เกี่ยวกับที่กัลยาเดินไม่ได้ แต่นึกได้ทันจึงเลี่ยงที่จะพูดเช่นนั้น เมื่อเห็นว่ากัลยายิ้มรับด้วยแววตาที่ไม่สดใสนักเจ้าของบริษัทหนุ่มจึงกล่าวต่อไป “ละครเรื่องหนึ่งใช้เงินตั้งเท่าไหร่ พี่ทำธุรกิจ ไม่ได้ทำงานการกุศลนะแก้ว ถึงจะได้ตัดสินใจอะไรเพราะความสงสาร”

คราวนี้กัลยายิ้มให้เจนกิจทั้งปากและตา

“ผมก็ชอบบทของพี่แก้วนะ ผมว่าพี่เขียนดีกว่าเรื่องที่แล้วอีก” จีรพัฒน์ ผู้ช่วยผู้กำกับที่เคยร่วมงานในละครเรื่องก่อนเอ่ยขึ้นขณะชงกาแฟ

“เรื่องที่แล้วเขียนกันตั้งสามคน จีรู้ได้ยังไงว่าตอนไหนเป็นตอนที่พี่เขียน” กัลยาถาม เพราะถึงอย่างไรเธอก็ยังไม่มั่นใจในความสามารถของตัวเอง

“ของอย่างนี้มันมีลายเซ็นนะพี่ ลายเซ็นพี่แก้วออกจะชัด”

“ใช่ ชัดมาก ใครอ่านก็รู้ แต่แก้วอาจจะไม่รู้ตัว สนุก ได้ประเด็น เห็นภาพ เอาไปทำต่อก็ง่าย” แดนสรวงออกความเห็นในมุมมองของผู้กำกับ

“พี่ชอบซีเรียลของแก้ว แต่คราวนี้เราต้องราดช็อกโกแลตเยอะๆ หน่อยนะ” ผู้จัดหนุ่มว่า

“แก้วก็พยายามเคลือบช็อกโกแลตเต็มที่แล้วนะคะพี่เจ”

เจนกิจเรียนจบปริญญาโททางด้านสร้างสรรค์ธุรกิจการแสดงจากประเทศอังกฤษ เมื่อกลับมาเมืองไทยก็ใช้ทุนของครอบครัวเปิดบริษัทแห่งนี้ เขามุ่งหวังจะทำละครดีมีคุณภาพและบริษัทก็ได้รับการยอมรับในวงการเมื่อเปิดตัวงานชิ้นแรกได้ดี มีรางวัลเป็นขวัญกำลังใจในการสร้างสรรค์ผลงานต่อไป เจนกิจรู้ดีว่ารางวัลอย่างเดียวไม่ทำให้บริษัทอยู่รอดได้ ละครดีก็ต้องได้รับความนิยมจากประชาชนด้วยจึงจะเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง 

เขามักบอกกับทีมงานเสมอว่างานบันเทิงที่เน้นสาระอย่างเดียวนั้นเข้าใจยากเหมือนซีเรียลธัญพืชที่มีประโยชน์แต่ไม่อร่อย จึงต้องเคลือบช็อกโกแลตให้หอมหวานชวนรับประทาน

เจนกิจอยากทำละครที่ไม่ใช่เพียงสะท้อนสังคม แต่ช่วยชี้นำให้คนดูรู้ถูกรู้ผิดด้วย เขาเห็นว่าละครสมัยนี้มักมีเรื่องความรักความแค้น ริษยาอาฆาตเป็นส่วนใหญ่ การถ่ายทอดบทละครก็มักเล่าผ่านภาพความรุนแรง ตบตีแย่งชิง แม้ว่าผู้จัดละครจะอ้างว่าทำเพื่อเรียกเรตติงหรือความนิยมจากผู้ชม แต่เจนกิจกลับคิดว่าละครบางเรื่องทำไปเพื่อสนองอารมณ์ผู้สร้างมากกว่า ผู้จัดหนุ่มอยากให้ละครของตนเป็นทางเลือก และไม่เชื่อว่าที่ละครในท้องตลาดไม่มีคุณภาพนั้นเป็นเพราะเมื่อทำละครดีก็ไม่มีคนดู เขาเชื่อมั่นว่าถ้าละครดีจริง อย่างไรเสียก็ต้องมีคนดู

“แล้วเรื่องนี้พี่ขอให้กำกับแบบแซ่บๆ หน่อยนะแดน แบบขยี้ได้ขยี้ไปเลย เหมือนที่เราคุยกันไว้ เอาให้สนุก แต่อย่าให้มันแรงจนคนดูกดรีโมตหนีก็แล้วกัน เรื่องนี้พี่ตั้งเป้าไว้ว่าต้องได้ทั้งเงินทั้งกล่อง”

“ไม่ต้องห่วงครับพี่ ผมเต็มที่อยู่แล้ว บทดี มีผู้ช่วยคู่ใจอย่างนายจี ทุกอย่างผ่านฉลุยแน่นอน” แดนสรวงรับคำด้วยความมั่นใจ

“คร้าบพี่...โยนมาเหอะ ผมรับไว้เอง” จีรพัฒน์รับคำขำๆ เป็นที่รู้กันว่าผู้ช่วยผู้กำกับนั้นต้องคอยดูแลงานในหลายส่วนเพื่อให้การถ่ายทำละครโทรทัศน์เป็นไปได้อย่างราบรื่น จีรพัฒน์ไม่เคยกลัวงานหนัก คนอย่างเขาพร้อมที่จะลุยอยู่แล้ว

“นัดนักแสดงมาแคสต์ได้ครบหรือเปล่า” แดนสรวงถามผู้ช่วย

“คนเด่นๆ ที่เราคาดไว้มากันครบฮะ บทนางเอก พระรอง สมทบทั้งหมด ผมว่าน่าจะแคสต์หมดในวันนี้เลย”

“อ้าว แล้วพระเอกไม่ต้องแคสต์เหรอคะ” กัลยาถาม เธอเห็นแดนสรวงมีสีหน้าเครียดขึ้นเล็กน้อยก็รู้สึกได้ว่าต้องมีอะไรผิดปกติ

“พี่ยังไม่ได้บอกแก้วเหรอ พอดีวันนั้นแก้วไม่ได้มาประชุม คืองี้นะ ทางผู้บริหารช่องเขาส่งลูกชายมาเป็นพระเอก พี่เข้าใจว่าทีมเราไม่เคยเจอเงื่อนไขอะไรแบบนี้ พี่เองก็รู้ว่าพวกเราคงลำบากใจ แต่พี่ก็ไม่มีทางเลือกมากนักหรอก” เจนกิจบอก

“ถึงจะเซ็ง แต่ก็เข้าใจได้ฮะ” แดนสรวงว่า “ผมไม่มีปัญหาอะไรที่จะใช้นักแสดงหน้าใหม่ ขอแค่อย่าอีโก้สูงก็พอ”

“เขาก็ไม่ใหม่มากนะคะพี่ นุกไปค้นข้อมูลมา คุณต้นเนี่ยเขาเป็นนายแบบ มาเล่นเป็นพระรองแค่เรื่องเดียวก็จริง แต่ก็มีแฟนคลับพอตัวทีเดียวนะคะ” นุกนิก สวัสดิการกองถ่ายที่เตรียมงานของตัวเองเสร็จแล้วเดินมาร่วมวงออกความเห็น

“ถ้างั้นก็ดีสิ จะได้มาช่วยดึงเรตติงให้ละครเรา” จีรพัฒน์บอก

“หนูว่าเขาหล่อดีนะพี่จี เสียดายที่เขามีแฟนแล้ว แฟนเขาก็เป็นดารานะ”

“รู้ดีนะเรา” จีรพัฒน์พูดกับนุกนิกด้วยความเอ็นดู นุกนิกเป็นนักศึกษาที่เคยมาฝึกงานที่บริษัท หลังฝึกงานก็ยังแวะเวียนมาเยี่ยมพี่ๆ ทีมงานอยู่เสมอ เมื่อเรียนจบเธอก็มาสมัครทำงานที่นี่ จึงเป็นน้องเล็กที่สนิทสนมกลมเกลียวกับทุกคน

“ก็พอหนูรู้ว่าเขาจะมาเป็นพระเอกหนูก็เลยติดตาม หนูสนใจงานนะพี่จี”

“เออ งั้นเดี๋ยวแคสต์เสร็จ หาประวัติผลงานคนที่แคสต์ได้มาให้พี่ทุกคนเลยนะ”

“อะไรพี่ นั่นมันเกินงานสวัสดิการแล้วนะ”

“อ้าว ก็เห็นชอบเรียนรู้” ผู้ช่วยว่ายิ้มๆ ทำให้ทุกคนพากันขำท่าทางแง่งอนอย่างเด็กสาวของน้องเล็กในทีม

“แล้วที่ว่าแฟนเขาเป็นดาราน่ะใคร ดังไหม” กัลยาถาม

“พี่แก้วไม่รู้เหรอคะ ก็คุณต้น ตรีภพเขาเป็นแฟนกับเอม อัจจิมาไง คู่นี้เขาหวานกันจะตาย”

“คุณเอมเขาก็จะมาแคสต์บทนางเอกด้วยนะ ถ้าได้ก็ได้เล่นคู่กันเป็นคู่ขวัญเลย” จีรพัฒน์ที่กำลังเลือกขนมอบกินแกล้มกาแฟบอก

“เอม อัจจิมา... ท่าทางงานนี้จะต้องสนุกแน่ๆ ใช่ไหมแดน” กัลยาว่ายิ้มๆ 

“ไม่รู้...ไปทำงานกันได้แล้ว ไปจี” แดนสรวงลุกออกจากวงสนทนา ทำให้จีรพัฒน์หยุดชะงัก รีบยัดขนมที่เหลือครึ่งชิ้นเข้าปาก ดื่มกาแฟรวดเดียวหมดแก้วแล้วเดินตามลูกพี่ไปอย่างงงๆ 

“แดนเป็นอะไร ทำไมมันหุนหันแปลกๆ” เจนกิจถาม

“มันเขินน่ะพี่” กัลยาบอก

“เขิน...”

“ค่ะ แดนเป็นแฟนคลับคุณเอม”

“ถ้าจะชอบเอามากๆ ด้วยนะเนี่ย เสือยิ้มยากถึงเขินได้ งานนี้น่าจะสนุกอย่างที่แก้วบอก” ผู้จัดหนุ่มไฟแรงว่ายิ้มๆ 


 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น