บทนำ

บทนำ

“เนื้อคู่ของหนูสองคนเป็นผู้ชายมีตำหนิ”

เสียงของหญิงวัยกลางคนที่มีลูกแก้วขนาดใหญ่วางอยู่ตรงหน้ายังก้องอยู่ในหู หญิงสาวในชุดนักศึกษาเท้าคางลงกับโต๊ะหินอ่อนข้างบ้าน พลางสะกิดแขนเพื่อนสนิทที่ฟุบหน้าอยู่กับโต๊ะ

“ไอ”

“หือ” คนที่ถูกเรียกว่า ‘ไอ’ ค่อยๆ ยกหน้าขึ้นจากแขน

“แกเชื่อคำทำนายของแม่หมอหรือเปล่า” ถึงจะเป็นแฟนพันธุ์แท้เพจดูดวงออนไลน์ แต่ก็ยังไม่เคยสัมผัสกับโหราศาสตร์ที่วิเคราะห์ทำนายแบบตัวต่อตัวเลยสักครั้ง ทว่าวันนี้มีบูทสมาคมมาตั้งดูดวงการกุศลที่หน้ามหาวิทยาลัย ประจวบเหมาะกับตอนที่เธอเลิกเรียนเป็นช่วงนาทีทองที่โต๊ะทุกตัวในบูทตั้งป้ายฟรีพอดิบพอดี เธอจึงไม่รีรอที่จะจูงมือเพื่อนสนิทไปต่อแถว 

ทว่าเมื่อหญิงวัยกลางคนที่การแต่งตัวและกิริยาท่าทางละม้ายศาสตราจารย์ซีบิลล์แห่งฮอกวอตส์ เห็นวันเดือนปีเกิดของเธอสองคนก็เบิกตา ขยับมือหมุนวนเหนือลูกแก้ว จับจ้องดวงหน้าของเธอทั้งสอง เอ่ยคำทำนายที่ติดอยู่ในหูเธอมาจนถึงตอนนี้

“ตอนที่แม่หมอเอามือวนรอบลูกแก้ว ฉันเห็นควันลอยขึ้นมาด้วยนะแก” มือใหม่หัดมูอย่าง ดุจตะวันหรือไออุ่น ยืดตัวขึ้นนั่งหลังตรงก่อนตอบ

“เออจริง ตอนนั้นฉันก็รู้สึกเย็นวาบที่สันหลัง” ศศิมาหรืออิงฟ้าเสริมทั้งที่นั่งอยู่ในท่าเท้าคางดังเดิม

“เอาน่า อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดนั่นแหละแก สินค้ามีตำหนิก็ใช่ว่าจะไม่ดีเสมอไป” ดุจตะวันว่าด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“นั่นสิ จะปาน จะหูด จะไฝยังไงก็เนื้อคู่เรา สู้สิหญิง” ศศิมาชูกำปั้นขึ้นกลางอากาศ

“แกจะสู้กับใครก่อน” ดุจตะวันหัวเราะร่วน

“ยังไม่รู้ แต่ตอนนี้ขอสู้กับน้ำย่อยในกระเพาะก่อนก็แล้วกัน” ศศิมาลุกขึ้นจากเก้าอี้หินอ่อน จากนั้นจึงเดินไปเก็บพริกและใบกะเพราที่ปลูกไว้หลังบ้าน

“งั้นฉันไปหุงข้าวรอก็แล้วกัน” ดุจตะวันตะโกนตามหลังคนที่เกิดวันเดียวเดือนเดียวปีเดียวกัน ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน

“ไปแก้มาใหม่”

“...”

แม้น้ำเสียงที่ใช้จะสุภาพ ไร้การกระโชกโฮกฮากเหวี่ยงวีน ทว่าแววตาคมกริบกอปรกับใบหน้าเรียบเฉยของคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะประชุมก็ทำให้ผู้เข้าร่วมประชุมมือไม้เย็นเฉียบ ขนลุกขนชันพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

“ครับท่านรอง ผมจะรีบปรับแก้ให้เร็วที่สุด” ผู้เข้าร่วมประชุมที่นั่งอยู่เก้าอี้ตัวแรกฝั่งขวามือรีบปิดไฟล์เอกสารที่นำเสนอบนจอใหญ่ฝั่งตรงข้ามกับหัวโต๊ะประชุมรูปตัวยู

“เร็วที่สุดของคุณคือ?” คนหัวโต๊ะถามพลางเลิกคิ้วขึ้น

“เอ่อ...”

“พรุ่งนี้บ่ายสาม ผมจะเรียกประชุมเรื่องนี้อีกครั้ง” เพราะอีกฝ่ายมัวแต่อึกอักชั่งใจ คนหัวโต๊ะที่ไม่ชอบคนโลเลไม่มั่นใจจึงสรุปเดดไลน์ด้วยตัวเอง จากนั้นจึงลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้องประชุม

“หัวใจจะวาย ไม่ถูกใจตั้งแต่หัวข้อแรก” ผู้บริหารที่นั่งฝั่งซ้ายของโต๊ะเป่าลมออกปาก เห็นใจเพื่อนร่วมงานที่ต้องกลับไปแก้งานด่วนก็ส่วนหนึ่ง แต่ก็สงสารพวกตัวเองที่ต้องขยับตารางงานใหม่ทั้งหมด เพื่อเข้าประชุมบ่ายสามโมงของวันพรุ่งนี้ด้วยเช่นกัน และยังไม่รู้ว่าในวันพรุ่งนี้ตนจะตอบคำถามที่เสมือนมีหอกจี้อยู่ตรงคอหอยของรองประธานกรรมการบริหาร บริษัทลักษมีเมธี กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้สักกี่ข้อ

...

“พัฒน์ออกไปรับต้นน้ำแล้วใช่ไหม” ชลชาติหรือเขื่อน รองประธานกรรมการบริหาร บริษัทลักษมีเมธี กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เอ่ยถามผู้ช่วยส่วนตัวที่เดินอยู่ข้างๆ

“ถึงโรงเรียนสักพักแล้วครับ” ธีร์ ตอบผู้เป็นนาย

“อืม” ชลชาติพยักหน้ารับ ก่อนจะถามต่อในเรื่องที่บุตรชายขออนุญาตเขาเอาไว้ตั้งแต่ลืมตาตื่น “พัฒน์รู้แล้วใช่ไหมว่าต้นน้ำจะแวะร้านไอติม”

“รู้แล้วครับ คุณต้นน้ำบอกกับพัฒน์ก่อนลงจากรถเมื่อเช้า” ธีร์ตอบพร้อมยิ้ม

ชลชาติยกมุมปากขึ้นน้อยๆ แม้จะไม่ถึงกับเป็นรอยยิ้ม แต่ก็นับว่ายากนักที่คนภายนอกจะได้เห็น เพราะแววตาและกิริยาที่อ่อนโยนนี้คล้ายกับสงวนไว้ให้เพียงเด็กชายสมุทรหรือต้นน้ำ บุตรชายวัยห้าขวบของเขาเท่านั้น

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น