5
นัยน์ตาหวานจดจ้องดอกกุหลาบขาวสัญลักษณ์ของความรักที่บริสุทธิ์พลางอมยิ้ม เธอชอบสีขาวและชอบดอกกุหลาบสีขาวมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่เธอไม่เคยบอกใครเลยว่าเธอชื่นชอบดอกกุหลาบขาว นอกจากเขาคนนั้นแล้วไม่เคยมีใครรู้เรื่องนี้มาก่อน
แม้ว่าดอกกุหลาบขาวจะสื่อถึงความรักที่บริสุทธิ์ แต่คริษฐาไม่ได้มองว่ากุหลาบขาวดอกนี้ถูกส่งมาเพื่อสื่อถึงความรักที่บริสุทธิ์หรอกนะ เธอมองว่ามันสื่อถึงความใส่ใจของคนให้เสียมากกว่า เขาส่งในสิ่งที่เธอชอบมา หมายความว่าเขาใส่ใจเธอ แม้หลายครั้งเขามักแสดงออกว่าไม่ได้ใส่ใจเรื่องยิบย่อยใช่มั้ยล่ะ
“กุหลาบก็มา ของโปรดก็มา แต่ทำไมตัวไม่มา ใจคอจะไม่มาเจอหน้าเลยรึไง รอเจอก่อนก็ไม่ได้”
“เขาไม่รอเจอแก ก็เพราะเขากลัวคุยนานๆ แกจะจับได้น่ะสิ” จิรชาแทรกขึ้นพร้อมกับก้าวมานั่งข้างๆ
คริษฐามองเพื่อนสาวใจห้าวที่ไม่ได้เดินมามือเปล่า แต่ยังมีเค้กชิ้นพอดีจานติดมือมาด้วย ก่อนจะหลุดขำเมื่อมองไปที่ริมฝีปากของเพื่อน ดูเอาเถอะยัยห้าวที่บางครั้งทำตัวแมนกว่าผู้ชาย เวลากินเค้กก็กินเปื้อนอย่างกับเด็กๆ เลย จะไม่ให้ขำได้ยังไง
“กินเลอะเป็นเด็กๆ ไปได้”
“ก็คนมันหิวนี่หว่า ก็ต้องเลอะบ้างอะไรบ้าง”
“เออ หิวก็กินไป แต่ฉันให้แกแค่เค้กนะ แซนด์วิชน่ะของฉัน ห้าม-ยุ่ง” หญิงสาวเน้นเสียงในคำว่าห้ามยุ่งก่อนจะหยิบช้อนส้อมอีกคันที่อยู่บนจานมาตักขนมเค้กสตรอว์เบอร์รีของโปรดเข้าปาก
“น้อยๆ หน่อยค่ะคุณมาการิต้า อย่าลืมว่านี่คอนโดฉัน แกอะหอบผ้ามาอาศัยคอนโดฉัน อย่าลืม” จิรชาแย้งก่อนจะดึงจานขนมเค้กไปใกล้ตัวราวกับจะไม่ให้คนมาอาศัยคอนโดอยู่ได้กินด้วย
คริษฐาถอนใจพรืดไม่จริงจัง...ใช่ เธอมาอยู่กับจิรชาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วและอาจจะอยู่ไปอีกพักใหญ่
จริงๆ แล้วเธอก็ซื้อห้องข้างๆ จิรชานี่ละ แต่ว่าอยู่คนเดียวแล้วมันรู้สึกแปลกๆ เลยหอบผ้าหอบผ่อนมานอนที่ห้องของจิรชาและทิ้งห้องนั้นไว้
“ชิ ไปหากินเองก็ได้”
จิรชายักไหล่ไม่ง้อคนที่บอกว่าจะไปหากินเองและลุกก้าวดุ่มๆ ไปในครัว สาวห้าวมองตามเพื่อนสาวก่อนจะหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาพิจารณาอย่างใคร่ครวญ...คริษฐาควรรู้เรื่องนี้มั้ยนะ
“เฮ้อ เอาไงดีวะ” คนห้าวแต่ยืนยันว่าตัวเองไม่ใช่ทอมคิดอย่างสับสน ก่อนจะเผลอกดเปิดคลิปเสียงเมื่อได้ยินเสียงเข้มๆ ดังมาจากด้านหลัง
“เอาไง อะไร”
“เรื่องของผมเถอะเฮีย...” เสียงที่ดังมาจากสมาร์ตโฟนทำให้กรินยกรที่โผล่มาทำเสียงแมนใส่เพราะกะจะแกล้งสาวห้าวถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
“เชี่ยแล้วไง” จิรชาสบถเสียงดังลั่น รีบปิดคลิปเสียงก่อนที่คริษฐาจะเดินกลับมาจากห้องครัว
“นี่มันอะไรเจี๊ยบ”
“ชู่!” สาวห้าวส่งสัญญาณก่อนจะรีบพุ่งตัวไปปิดปากกรินยกรไม่ให้พูดอะไรออกมา “ไม่ถาม ไม่พูด แล้วจะปล่อย โอเค้?”
กรินยกรพยักหน้าหงึกๆ แต่จิรชาก็ยังไม่ยอมปล่อย เธอหันมองซ้ายที ขวาทีก่อนจะค่อยๆ ลดมือลงและกลับไปนั่งราวกับก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต่างฝ่ายก็ต่างเงียบด้วยไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดเรื่องนี้อย่างไรดี แต่ในที่สุดกรินยกรก็อดรนทนไม่ไหว
“แก เราต้องบอกเคท”
“ไม่ดีมั้ง”
“ต้องบอก เคทมันควรรู้” แม้กรินยกรจะยังไม่รู้ทั้งหมด แต่ก็เดาได้ว่าคริษฐาคงจะยังไม่รู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน ซึ่งในฐานะเพื่อนเขาจะไม่ยอมให้คริษฐาโดนหลอกแบบนี้แน่นอน สิ่งที่คีรินทร์ทำนั้นมันไม่ถูก
“เคทต้องรู้”
“ต้องรู้อะไรเหรอ”
“ก็ต้องรู้ว่าเฮียคีย์ปลอมใบหย่าน่ะสะ...” คำพูดที่หลุดออกจากปากสะดุดกึกเมื่อรู้สึกได้ว่าเสียงที่ถามนั้นไม่ใช่เสียงของจิรชา หนึ่งสาวห้าวและหนึ่งหนุ่มใจสาวมองสบตากัน ก่อนจะหันไปยังทิศทางต้นเสียงพร้อมๆ กัน
“เคท!!!”
ใช่แล้ว...เป็นคริษฐาที่กลับออกมาจากห้องครัวพอดีนั่นเอง แม้จะตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน แต่หญิงสาวก็ยังคงมีสติอยู่พอสมควร
“ที่พูดหมายความว่ายังไง”
จิรชาสบตากรินยกร ก่อนจะตัดสินใจเปิดคลิปเสียง ให้บทสนทนาที่บันทึกไว้บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมด คริษฐาฟังคลิปเสียงอย่างใจเย็นและพยายามตั้งสติให้ได้มากที่สุด
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบเมื่อคลิปเสียงบทสนทนาจบลง หญิงสาวไม่พูดอะไรออกมา ทำเพียงวางจานเค้กที่ถือมาจากในครัวลงบนโต๊ะและเดินหนีเข้าห้องไป คริษฐาไม่ใช่คนขี้โวยวาย หญิงสาวระงับอารมณ์ได้ประมาณหนึ่ง สองเพื่อนสนิทจึงไม่ได้เห็นเพื่อนสาวโวยวายอะไรออกมา แต่ทั้งคู่ก็รู้ดีว่าการเดินหนีเข้าห้องคือการหลบไปจัดการกับอารมณ์ของตัวเอง คนเป็นเพื่อนที่รู้กันดีจึงไม่คิดจะตามไปรบกวน
ความจริงข้อหนึ่งที่จิรชาและกรินยกรรู้ดีก็คือคริษฐาไม่ชอบโดนหลอก เธอเกลียดการถูกหลอก และไม่เคยให้อภัยคนโกหกหลอกลวงง่ายๆ คริษฐาเป็นคนใจแข็ง เวลาโกรธนั้นน่ากลัวไม่ใช่น้อย งานนี้มีคนโดนดีแน่ๆ
“สาธุ ขอให้เฮียคีย์แคล้วคลาดปลอดภัย”
“อ้าวยัยเจี๊ยบ แกเชียร์เฮียคีย์เหรอ” กรินยกรแย้งทันทีที่เพื่อนสาวห้าวทำท่าประนมมือบนบานศาลกล่าวทำนองเข้าข้างคนผิด
“ข้างไอ้เคทแหละ แต่ก็เห็นใจเฮียคีย์นิดหน่อย”
“ไม่ได้นะนังชะนีห้าว แกจะไปเห็นใจเฮียคีย์ไม่ได้ เฮียคีย์ทำไม่ถูก เราต้องเชียร์ไอ้เคทให้จัดการกำราบคนนิสัยไม่ดี”
“อย่าเชียร์เยอะ พอเขาดีกันเราจะหมากันหมด” จิรชาแย้งก่อนจะหยิบจานเค้กทั้งของตัวเองและที่คริษฐาทิ้งไว้ไปเก็บในตู้เย็น
หมดอารมณ์กินแล้วละ
คริษฐาเก็บตัวอยู่ในห้องทั้งคืน โผล่ออกมาอีกทีก็ตอนเช้า สีหน้าหญิงสาวแสดงออกถึงความมุ่งมั่นจนจิรชาและกรินยกรแปลกใจ คริษฐาเป็นคนใจเด็ด...คนใจเด็ดคงไม่ได้ตัดสินใจทำอะไรแผลงๆ หรอกนะ
“เช้านี้ฉันไม่เข้าออฟฟิศนะ ลาให้หน่อยละกัน”
“แกจะไปไหน”
“ถามมาได้ ก็ไปจัดการคนหลอกลวงไง” หญิงสาวตอบกลับโดยไม่มีอารมณ์ล้อเล่นทำเอาเพื่อนทั้งสองกลืนน้ำลายเฮือก เสียวไส้แทนคนจะโดนจัดการ
“กะ...แกจะทำอะไรวะเคท ตั้งสติดีๆ นะเว้ย ผัวแกอะตำรวจนะ” จิรชาเอ่ยอย่างต้องการเตือนสติ “คุกไม่ได้มีไว้ขังหมานะ”
“ฉันก็ไม่ได้จะไปประทุษร้ายเขาสักหน่อย ฉันมีสติ และมีวิธีจัดการอย่างมีสติด้วย”
“แน่ใจนะ”
“แน่ซะยิ่งกว่าแน่ แกรอดูแล้วกัน ฉันจะทำให้ผู้กองคีรินทร์คนเก่งหมอบราบคาบแก้วให้ได้เลย ถ้าทำไม่ได้นะ ฉันยอมเป็นม่ายตลอดชีวิต” หญิงสาวเอ่ยจริงจัง ก่อนจะมุ่งตรงออกจากห้องไปโดยไม่รอให้จิรชาและกรินยกรได้ถามอะไรอีก จุดหมายปลายทางของหญิงสาวก็คือสถานที่ทำงานของคีรินทร์นั่นเอง
ดวงตาคู่คมลอบมองคนร่างสูงที่ยืนใจลอยอยู่ริมระเบียงก่อนจะอมยิ้ม...ไม่ได้มีบ่อยๆ นะที่คนตรงหน้าเขาจะใจลอยแบบนี้
มีโอกาสทั้งที มีหรือที่เขาจะปล่อยไป
มือหนาเคลื่อนไหวไปฉวยกระเป๋าสตางค์จากกระเป๋ากางเกงของคนใจลอยมาด้วยความว่องไว แม้ว่าที่สุดแล้วคนใจลอยจะรู้สึกตัวทัน แต่กระเป๋าสตางค์ก็โดนช่วงชิงไปอยู่ดี
“อะไรเนี่ยเฮียเสือ ในกระเป๋ามีเงินแค่เนี้ย” คีรินทร์เอ่ยพร้อมกับหยิบธนบัตรสีม่วงออกมาจากกระเป๋าที่ฉวยมาให้คนโดนฉกกระเป๋าดูด้วย....ในกระเป๋ามีแค่นี้จริงๆ บัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตก็ไม่มีเลย
“แม่หนูแฝดให้มาแค่นี้แหละ ไม่พอให้จอมฉกแบบแกหรอก เอาคืนมา” คีรินทร์บอกพร้อมกับฉวยกระเป๋าและเงินกลับมาเก็บไว้
“ถามจริงเฮีย เมียให้แค่นี้จริงดิ”
“ก็แค่นี้สิวะ ขอมากกว่านี้เขาไม่อนุมัติ” คนถูกเรียกว่าเฮียตอบพร้อมกับทำหน้าหมั่นไส้ “ไม่ต้องมามองแบบนั้นเลย เมียไม่ยึดกระเป๋าบ้างให้มันรู้ไป”
“ไม่ให้มองได้ไงวะ บ้านเฮียก็ออกจะรวย พ่อก็มียศใหญ่โต มีค่ายมวยเป็นของตัวเอง ทำไมเมียให้เงินมาน้อยจัง”
พันตำรวจตรีศารทูล บดินทร์นุกูล สารวัตรมือปราบยาเสพติดคนดังมองคนที่ทำหน้าประหลาดใจและสงสัยก่อนจะยักไหล่ “ไม่ว่ารวยแค่ไหนหรือใหญ่แค่ไหน สุดท้ายก็ต้องยอมลงให้เมียเว้ย เงินเราก็คือเงินเขา เงินเขาก็คือเงินเขา ถ้ารักซะอย่าง แค่นี้ให้ได้อยู่แล้ว”
“เหอะ เป็นผมไม่ทำแบบนั้นหรอก โบราณว่าผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้า ส่วนผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง จะให้เมียมามีอำนาจขนาดที่ว่าบริหารการเงินทั้งหมดไม่ได้หรอก ไม่มีทาง”
“ไอ้พวกที่พูดแบบนี้สุดท้ายก็โดนเมียกำราบทุกราย เหอะ แกอะ รายต่อไป ฟันธงได้เลย” ศารทูลเอ่ยราวกับคนอาบน้ำร้อนมาก่อน ก่อนจะแสยะยิ้ม “ฟังนะไอ้น้อง โบราณว่าผู้หญิงคือช้างเท้าหลังน่ะ มันผิด จริงๆ แล้วผู้หญิงเป็นควาญช้างต่างหากล่ะ ไอ้พวกคิดว่าตัวเองเป็นช้างเท้าหน้าน่ะทาสเมียมากี่รายแล้ว ทั้งหน่วยเนี่ยไปไล่ดูเลยมีกี่คน เกินครึ่งละบอกให้”
“ก็ช่างพวกทาสเมียไปสิ เฮียคอยดูนะผมจะเป็นคนแรกของที่นี่ที่ไม่ใช่ทาสเมีย”
“จริงเหรอคะ” น้ำเสียงหวานดังแทรกขึ้นทำให้คีรินทร์และศารทูลต้องหันไปมองหญิงสาวในชุดเครื่องแบบตำรวจหญิงที่มีใบหน้าสะสวยสะดุดตา
“ขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะนะคะ พอดีลินจะมาตามผู้กองไปประชุมทีมน่ะค่ะ” หญิงสาวผู้มาใหม่ชี้แจงกับศารทูลก่อนจะเอ่ยกับคีรินทร์ “สารวัตรคเชนทร์และคนอื่นๆ มากันพร้อมแล้วค่ะ”
“เอ่อ งั้นผมไปประชุมก่อนนะเฮียเสือ ไว้คุยกันต่อวันหลัง”
“เออ ไปทำงานเถอะ” ศารทูลตอบก่อนที่คีรินทร์จะเดินตามหลังหญิงสาวออกไปจากตรงนั้น
“ไม่ยักรู้ว่าผู้กองสนิทกับสารวัตรศารทูลด้วย” ร้อยตำรวจตรีลินดาเอ่ยอย่างชวนคุยทันทีที่เดินห่างออกมาจากจุดที่สารวัตรหนุ่มมือปราบยาเสพติดคนดังยืนอยู่ หญิงสาวเพิ่งจะเข้ามาทำงานได้ไม่นานทำให้ยังไม่รู้อะไรอีกหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะความสนิทสนมระหว่างคีรินทร์กับสารวัตรคนดังที่ดูจะมากกว่าเพื่อนร่วมงานทั่วไป
“สารวัตรศารทูลกับสารวัตรคเชนทร์จบรุ่นเดียวกัน ผมสนิทกับสารวัตรคเชนทร์อยู่แล้วเลยได้สนิทกับสารวัตรศารทูลด้วยน่ะ อีกอย่างพ่อผมเป็นรุ่นน้องพ่อของสารวัตรศารทูล เราเลยได้เจอกันบ้างมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว”
“อ๋อ อย่างนี้เอง มิน่าล่ะถึงได้พูดคุยกันอย่างสนิทสนม ว่าแต่คุยเรื่องอะไรกันคะ ได้ยินเรื่องช้างเท้าหน้า ช้างเท้าหลังด้วย”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่ประหลาดใจที่เขารักเมียยอมเมียมากจนไม่เหมือนคนเดิมที่ผมรู้จัก เขาก็เลยสอนผมว่าเมียน่ะคือควาญช้าง ไม่ใช่ช้างเท้าหลังก็เท่านั้น”
“แล้วสำหรับผู้กองล่ะคะ อยากจะมีภรรยาเป็นควาญช้าง หรือช้างเท้าหลัง” ลินดาเอ่ยถามด้วยใบหน้าที่บ่งบอกถึงความเขินอายประมาณหนึ่ง
คีรินทร์ทำทีครุ่นคิดก่อนจะหยุดเดินและหันมาจ้องมองใบหน้าหวาน “ก่อนผมจะตอบ ผมขอถามก่อนได้มั้ย ผู้หมวดอยากเป็นควาญช้าง หรือว่าช้างเท้าหน้าล่ะครับ”
“เป็น...แฟนผู้กองได้มั้ยล่ะคะ”
“เป็นได้ค่ะ แต่รอผู้กองหย่าก่อนนะคะ” น้ำเสียงหวานที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองดังแทรกขึ้นเสียก่อนที่คีรินทร์จะตอบ
สองหนุ่มสาวที่กำลังพูดคุยกันอยู่หันขวับไปมองตามเสียงทันทีด้วยอารมณ์ที่แตกต่างกัน
“เคท”
“ใช่ เคทเอง” คนมาใหม่เอ่ยพร้อมกับเดินมาหยุดใกล้ๆ คนทั้งคู่ มือบางผลักลินดาให้ถอยห่างออกไปก่อนจะผลักอกคีรินทร์และรีบฉวยจังหวะที่อีกฝ่ายตกใจซัดหมัดหนักๆ ใส่ชายหนุ่มจนหน้าหัน
“เป็นแฟนผู้กองก็ได้ค่ะ แต่รอผู้กองหย่าก่อนนะคะ ไม่เกินอาทิตย์หรอก” คริษฐาเอ่ยบอกกับลินดาก่อนจะจับคอเสื้อคนโดนต่อยเดินออกมาโดยไม่สนสายตาของใคร
ลินดาได้แต่ยืนงง ขณะที่คนอื่นๆ พากันซุบซิบ...นี่มันอะไรกัน!!!
ความคิดเห็น |
---|