ผัวจอมเผด็จการ
หยาดอรุณกลับมาทิ้งกายลงนั่งบนขอบเตียงนอนด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกหลังจากได้ยินสิ่งที่โลเวลเอ่ยกับปลายสาย ความรู้สึกของหญิงสาวยามนี้มันมากกว่าความโกรธเกลียดชิงชัง สับสนปะปนกันไปหมด มากกว่าความคับแค้นใจที่มีต่อผู้ชายสารเลวคนนี้ แล้วเธอยังรู้สึกหนึบๆ ที่อกซ้าย
นี่คงเป็นเพราะว่าเธอคือหนึ่งในผู้หญิงที่โลเวลพอใจจะสนุกด้วยแล้วก็พร้อมจะเฉดหัวทิ้งอย่างไม่แยแส...แต่เธอก็ไม่ได้พร้อมยินยอมจะนอนกับเขาแต่แรกนี่นา
บ้าที่สุด! ทำไมเรื่องเลวร้ายแบบนี้ต้องเกิดขึ้นกับเธอด้วย เธอถูกเขารังแกนับครั้งไม่ถ้วน แล้วนี่เขาป้องกันหรือเปล่าก็ไม่รู้
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสูงยามรู้สึกว่าน้ำตาอุ่นๆ กำลังจะไหลลงตรงขอบตาอีกแล้ว แต่คราวนี้เธอบอกตัวเองว่าต้องเข้มแข็ง จะไม่อ่อนแอหรือยอมแพ้ชะตาชีวิตเลวร้ายในครั้งนี้อีก และเธอจะทำให้ครองขวัญกับป้าทิพย์ต้องเสียใจ อับอายผู้คนเหมือนที่แม่ของเธอเคยทำไว้อีกไม่ได้เด็ดขาด
นึกถึงตรงนี้คำพูดของคนเป็นป้าก็ดังแทรกเข้ามาในโสตประสาท
‘กูเลี้ยงมึงมาตั้งแต่มึงจำความไม่ได้ โตมาแล้วอย่าได้ทำตัวแรดร่านเหมือนแม่มึงอีกคนล่ะ ถ้าเที่ยวไปแรดแล้วท้องไม่มีพ่อเหมือนที่แม่มึงทำไว้ ให้กูและคนในบ้านได้อายชาวบ้านเหมือนแม่มึงละก็ กูเอาเลือดหัวมึงออกแน่ๆ อีน้ำค้าง’
ความร้อนวูบแล่นผ่านหน้าท้องน้อยอย่างบอกไม่ถูก หญิงสาวรีบยกมือขึ้นลูบหน้าท้องไปมา แล้วได้แต่ภาวนาว่าสิ่งที่หวั่นกลัวจะไม่เกิดขึ้นกับเธอให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอย่างที่ป้าทิพย์ได้ตราหน้าไว้เลย
เสียงเปิดประตูห้องนอนผางทำให้ความคิดของหญิงสาวหลุดกระเด็นไปไกล หยาดอรุณหันขวับมองไปยังประตูห้องนอนที่โลเวลโผล่เข้ามา และกำลังสาวเท้าเดินมาหาเธอพร้อมกับถุงกระดาษในมือ
ดวงตาคมกริบของหนุ่มลูกครึ่งมองมายังหญิงสาวที่ปลุกกำหนัดในกายเขาได้ตลอดเวลาเพียงจุดเดียว และอดไม่ได้ที่จะยิ้มมุมปากน้อยๆ ด้วยความเสน่หา รู้สึกว่าความตึงเครียดจากการคุยโทรศัพท์เมื่อสักครู่นี้ค่อยผ่อนคลายลงไปได้บ้าง
เมื่อครู่เขาออกไปคุยโทรศัพท์กับคนสนิทเกี่ยวกับเรื่องผ่าตัดของครองขวัญที่เขาให้คีรีไปจัดการ แต่พอวางสายจากคนสนิทปุ๊บ ยายผู้หญิงบ้าที่ไหนไม่รู้ก็โทร. มาอ้างว่าเคยนอนกับเขาและกำลังท้อง อยากให้เขารับผิดชอบ ทำให้เขาหัวเสียและหงุดหงิดมาก เพราะคนที่ป้องกันตัวเองตลอดเวลาอย่างเขาและไม่เคยนอนกับผู้หญิงคนไหนซ้ำซาก ไม่มีทางยอมปล่อยให้ตัวเองพลาดแบบนั้นได้หรอก
แน่นอนว่าชายหนุ่มเจอผู้หญิงแอบอ้างว่าท้องเพราะคิดจะจับเขามาหลายต่อหลายครั้งแล้ว และไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนท้องจริงๆ สักที มีแต่พวกกุเรื่องขึ้นเพราะอยากได้เงินจากเขาทั้งนั้นละ
“น้ำค้าง ผมจะพาคุณออกไปข้างนอก” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นหลังจากมาหยุดยืนตรงหน้าคนตัวเล็กที่นั่งอยู่บนขอบเตียงนอนพร้อมกับยื่นถุงกระดาษในมือให้ ซึ่งมันเป็นเสื้อผ้าที่เขาขอให้แม่บ้านของคอนโดไปซื้อหามาให้แก่หยาดอรุณเมื่อวานนี้
หญิงสาวมองสิ่งของตรงหน้าสลับกับใบหน้าคมคล้ามหล่อเหลาอย่างไม่ไว้ใจ และตัดสินใจไม่รับถุงกระดาษจากเขา แต่ถามกลับเสียงแข็งจัดว่า
“คุณจะพาฉันไปไหน ฉันไม่อยากออกไปไหนกับคุณ”
“แต่ผมเชื่อว่าถ้าผมบอกคุณว่าจะพาคุณไปที่ไหน รับรองคุณไม่มีทางปฏิเสธแน่ๆ”
“มั่นใจตัวเองจังเลยนะคะคุณวูล์ฟ บางทีฉันอาจไม่ได้อยากไปกับ...”
“ไปหาคุณขวัญที่โรงพยาบาล คราวนี้อยากไปกับผมไหมล่ะ” ไม่รอให้หยาดอรุณพูดจบ โลเวลก็แทรกขึ้นด้วยเสียงเรียบ ซึ่งก็ได้ผล คำปฏิเสธของหญิงสาวกลายเป็นความตื่นเต้นระคนดีใจ
“อะไรนะ! คุณบอกว่าจะพาฉันไปหาพี่ขวัญเหรอ จริงๆ ใช่ไหม” ร่างบางลุกพรวดจากเตียง สีหน้าดวงตาบอกชัดว่าอยากไปพบครองขวัญมากมายเหลือเกิน จนลืมท่าทางแข็งกระด้างที่มีต่อเขาในทีแรก ทำให้โลเวลอยากทอดสายตามองสีหน้าเช่นนี้ให้นานๆ เหลือเกิน
“ใช่ คุณได้ยินไม่ผิด”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปเลยค่ะ ฉันอยากไปหาพี่ขวัญ ฉันเป็นห่วงพี่ขวัญ” ไม่ว่าเปล่า เท้าเล็กยังขยับเดิน ทำเอาชายหนุ่มต้องรีบคว้าข้อมือเล็กของเธอรั้งไว้เสียก่อน
“จะไปทั้งชุดแบบนี้น่ะเหรอ” เขากวาดตามองทั่วร่างบางซึ่งสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหญ่ของเขาปกปิดกายเพียงตัวเดียว และแน่นอนว่าใต้เสื้อเชิ้ตนั่นไม่มีอะไรเลย นอกจากผิวเนื้อแท้ที่แสนนุ่มหยุ่นและหอมหวานของแม่สาวเจ้า
หยาดอรุณมองตามตาคมกริบนั้นแล้วต้องรีบยกมือขึ้นกอดอกพร้อมกับหนีบขาทั้งสองเกี่ยวกันไว้แน่น
“คนบ้า มองอะไร”
“ก็มองเมียผมไง ทำไม...อย่าทำเป็นอายไปเลย ระหว่างเรามันเกินคำนั้นมาไกลแล้วนะน้ำค้าง”
“คุณอยากหน้าด้านก็หน้าด้านไปคนเดียวเถอะ แต่ฉันไม่ได้มีนิสัยอย่างคุณ” ด้วยอารมณ์โกรธกรุ่นจากความเห็นแก่ตัวของเขาก่อนหน้าอยู่แล้ว ทำให้น้ำเสียงของเธอสะบัดติดจะพยศถือดี สายตาที่ตวัดมองเขาแวบหนึ่งแฝงความชิงชัง
โลเวลใจหายวาบ ความเสียดแทงจนเจ็บตรงกลางอกเกิดขึ้นอย่างบอกไม่ถูก
นี่เขาเป็นอะไรไป เพียงแค่สายตาของเธอที่มองมาก็มีอิทธิพลต่อความรู้สึกของผู้ชายอย่างเขาได้มากเพียงนี้เลยเหรอ!
“ถ้าอยากไปหาคุณขวัญก็รับนี่ไป ไปเปลี่ยนชุดซะ ขืนใส่ชุดนี้ไปโรงพยาบาล ทั้งหมอทั้งคนไข้ชายคงได้กลายเป็นผู้ชายบ้ากามกันหมด” เขาทำเสียงขึงขังเปลี่ยนเรื่อง แล้วยัดถุงกระดาษใส่มือเรียวเร็วๆ ก่อนจะรีบหมุนตัวเดินออกไปจากห้องนอน ยอมรับว่าไม่ชอบใจนักที่ถูกหยาดอรุณมองด้วยสายตาเช่นนี้
ความดีใจของหยาดอรุณมาพร้อมกับความแปลกใจอย่างที่สุดเมื่อก้าวเข้ามาในห้องพักฟื้นของคนไข้ระดับวีไอพีในโรงพยาบาลเอกชนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศไทย และหญิงสาวไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้ก้าวเข้ามาเหยียบด้วยซ้ำ
ร่างผอมบางของครองขวัญในชุดคนไข้โรงพยาบาลสีชมพูที่มีผ้าพันแผลสีขาวพันรอบศีรษะบนเตียงทำให้หยาดอรุณสลัดทิ้งความสงสัยทุกอย่าง วิ่งตรงเข้าไปหาคนบนเตียง
“พี่ขวัญ พี่ขวัญได้ผ่าตัดแล้วเหรอคะ พี่คงปลอดภัยแล้ว น้ำดีใจที่สุดเลย” เธอแทบจะโผเข้ากอดคนไข้ด้วยความดีใจอย่างที่ปากบอก ถ้าไม่ห่วงว่าแผลผ่าตัดของพี่สาวจะได้รับความกระทบกระเทือน
ครองขวัญคลี่ยิ้มน้อยๆ สีหน้าของคนที่เพิ่งฟื้นหลังจากผ่าตัดมาได้ไม่กี่วันยังดูเพลียๆ เสียงที่เปล่งออกมาจากลำคอจึงเบาและแหบแห้ง จนหยาดอรุณต้องเอียงหูไปใกล้ๆ ปากอีกฝ่าย
“พี่ปลอดภัยดีแล้ว น้ำไม่ต้องห่วงพี่แล้วนะ”
“ค่ะ โชคดีจริงๆ น้ำดีใจ...ดีใจจริงๆ ที่พี่ขวัญได้ผ่าตัด แล้วก็ขอโทษที่น้ำทิ้งให้พี่ขวัญต้องอยู่คนเดียว ขนาดพี่ขวัญเข้าห้องผ่าตัด น้ำยังไม่มีโอกาสมาให้กำลังใจเลย”
คนเป็นพี่นอนส่ายหน้าช้าๆ ฝืนพูดเสียงแผ่วเบาเป็นเชิงปลอบและให้กำลังใจในที
“ไม่เอาน่า คุณวูล์ฟฝากคุณคีรีมาบอกพี่แล้วว่าช่วงนี้น้ำใกล้จะสอบเลยต้องรีบอ่านหนังสือ น้ำจะจบแล้ว พี่ไม่อยากให้เรื่องของตัวเองกลายเป็นปัญหาทำให้น้ำไม่มีสมาธิอ่านหนังสือนะ พี่อยากให้น้องสาวคนนี้ประสบความสำเร็จในชีวิต”
คำบอกกล่าวของครองขวัญทำให้หยาดอรุณหันขวับไปมองหน้าคนตัวใหญ่ที่ยืนเยื้องอยู่ด้านหลังกับคีรีคนสนิทของเขา ก็เห็นเขามองมาทางเธอและครองขวัญด้วยสีหน้านิ่งเรียบ
‘แบบนี้นี่เอง ผู้ชายเลว เจ้าเล่ห์ เขาโกหกพี่ขวัญว่าเธออ่านหนังสือสอบ แต่จริงๆ เธอถูกเขากักขังหน่วงเหนี่ยวให้เป็นนางบำเรอของเขาต่างหาก’
นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างตนเองกับโลเวลแล้วหญิงสาวก็จำต้องอดทน กัดฟันแน่น ไม่ยอมปริปากหรือแสดงอาการใดๆ ให้ครองขวัญจับพิรุธได้ หยาดอรุณคิดว่าการที่พี่สาวของเธอได้มานอนอยู่ในโรงพยาบาลแสนแพงและได้รับการผ่าตัดในครั้งนี้ก็คงมาจากเม็ดเงินของคนรวยๆ นิสัยไม่ดีอย่างโลเวลนี่ละ และแน่นอนถ้าสิ่งที่เธอถูกเขากระทำคือการแลกกับการรักษาครองขวัญให้หายดี เธอก็คงต้องยอมแลกอย่างจำนน โดยปล่อยให้สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเงียบหายไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน
“อ๋อ...ใช่ค่ะ น้ำใกล้จะสอบแล้ว แต่ไม่เป็นไรนะคะ เดี๋ยวน้ำจะกลับไปเอาเสื้อผ้าที่บ้าน เอาหนังสือมาอ่านที่นี่ด้วย จะได้ดูแลพี่ขวัญด้วย ดีไหมคะ” เธอหันกลับมาพูดกับพี่สาวอีกครั้ง ใจจริงก็ห่วงครองขวัญและอยากมาดูแลเช่นที่บอกไปจริงๆ แต่อีกเหตุผลคือจะได้ไม่ถูกโลเวลจับตัวกลับไปที่คอนโด แล้วต้องกลายเป็นทาสอารมณ์รองรับความต้องการที่มากมายของเขาอีก
“อย่าเลย น้ำจะไม่มีสมาธิเปล่าๆ อีกอย่างคุณวูล์ฟก็จ้างพยาบาลพิเศษไว้ดูแลพี่แล้ว น้ำกลับไปตั้งใจอ่านหนังสือที่บ้านดีกว่านะ”
“ไม่หรอกค่ะ พี่ขวัญอยู่ห้องพิเศษนี่นา เงียบจะตาย ให้น้ำมาเถอะนะคะ” หยาดอรุณพยายามหาเหตุผลโน้มน้าวจิตใจอีกฝ่าย “น้ำอยากดูแลพี่ขวัญนะคะ ให้น้ำมานะ”
ครองขวัญยิ้มบางๆ ชำเลืองมองโลเวลที่ก้าวเดินเข้ามายืนใกล้ๆ กับน้องสาวแวบหนึ่ง นั่นทำให้หยาดอรุณหันมองตาม ถึงรู้ว่าผู้ชายตัวโตยืนใกล้เกินความพอดี จนเธอต้องรีบขยับห่าง
“น้ำค้าง คุณชวนคุณขวัญคุยอะไร อย่าชวนคุยมากนะ คุณขวัญยังไม่แข็งแรงดี ต้องพักผ่อนมากๆ”
ไม่มีคำตอบจากหญิงสาว เธอได้แต่กัดริมฝีปากแน่น หมั่นไส้หนุ่มลูกครึ่งที่เหมือนจะจับทางเธอได้ และเขาคงกำลังหาทางขัดขวางการหนีของเธอแน่ๆ
“คุณวูล์ฟ ขอบคุณมากนะคะที่พาน้ำค้างมาเยี่ยมฉัน” ครองขวัญเอ่ยขึ้นเบาๆ
โลเวลพยักหน้านิดหนึ่ง จากนั้นก็เหลือบตามองคนตัวเล็กข้างกาย ที่ตอนนี้เบือนหน้าหนีเขาไปอีกทางราวไม่อยากเห็นหน้า และก่อนที่โลเวลจะได้ขยับริมฝีปากพูดอะไรกับหยาดอรุณ เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นเสียก่อน
“น้ำค้าง คุณคุยเป็นเพื่อนคุณขวัญต่ออีกสักพักก็ได้ แต่อย่าชวนเธอคุยมาก เดี๋ยวคุณขวัญจะเหนื่อย ผมขอตัวไปคุยโทรศัพท์ก่อน แล้วจะกลับเข้ามารับกลับบ้าน” เขาบอกเสียงนิ่ง
หยาดอรุณรู้ดีว่า ‘บ้าน’ ที่ชายหนุ่มพูดถึงคือที่ไหน และเธอก็ไม่อยากกลับไปที่นั่นอีกแล้ว
หญิงสาวหันมองตามแผ่นหลังกว้างของโลเวลที่เดินออกไปจากห้องพักฟื้นของครองขวัญพร้อมกับคนสนิทของเขา ก่อนจะถอนหายใจหนักอกยาวเหยียดหลังประตูห้องปิดลง
นี่เธอควรจะทำอย่างไรดี ถึงรู้ว่าวันหนึ่งเขาจะเป็นฝ่ายไปจากเธอเอง เพราะเขาไม่ชอบนอนกับผู้หญิงคนไหนซ้ำซาก แต่เธอก็ไม่อยากเป็นของตายให้เขารังแกได้ง่ายๆ ต่อไปหรอกนะ
“น้ำ...น้ำค้าง คิดอะไรอยู่เอ่ย พี่ไม่มีแรงเรียกหลายๆ รอบนะ...” เสียงแผ่วๆ ของคนไข้ที่พยายามเรียกน้องสาวดังขึ้นเป็นรอบที่สามแล้ว หยาดอรุณถึงเพิ่งรู้ตัว
“คะ?...พี่ขวัญเรียกน้ำเหรอคะ”
“ใช่...พี่เรียกน้ำนั่นแหละ จะบอกว่าน้ำไม่ต้องมาเฝ้าพี่หรอก กลับไปบ้านเถอะ พี่ฝากดูแลแม่พี่ด้วย แล้วก็...เออ...แม่ไม่รู้ใช่ไหมว่าพี่อยู่ที่นี่”
คนถูกตั้งคำถามอึกอัก ครองขวัญคงคิดว่าตลอดเวลาหลายวันมานี้เธออยู่ที่บ้านตลอดสินะ
“คือ...ป้าทิพย์ไม่รู้หรอกค่ะ” หญิงสาวจำเป็นต้องโกหก แต่คิดว่าป้าทิพย์ก็คงไม่รู้เรื่องครองขวัญจริงๆ นั่นละ
ไม่แน่ว่าป้าของเธออาจกำลังหนีเจ้าหนี้หัวซุกหัวซุนอยู่ก็เป็นได้ ยิ่งตอนนี้เบอร์เก่าของเธอก็ติดต่อไม่ได้เพราะผู้ชายจอมเผด็จการอย่างโลเวลทิ้งซิมโทรศัพท์ของเธอไปแล้ว มิหนำซ้ำยังไม่ยอมคืนโทรศัพท์ให้เธออีกต่างหาก และไหนจะครองขวัญมาผ่าตัดที่โรงพยาบาลแบบนี้อีก ก็ไม่ได้ใช้โทรศัพท์เลย ป้าทิพย์อาจกำลังแย่เพราะติดต่อลูกหลานไม่ได้ก็เป็นได้
“อืม...อย่างนั้นก็ดีแล้ว อย่าบอกแม่ แล้วก็ช่วงนี้แม่กำลังถูกเจ้าหนี้ตามด้วย พี่...พี่ก็เลยห่วงน้ำ...” หน้าของคนป่วยดูซีดลงกว่าเดิม นึกถึงสิ่งที่แม่ตนเองก่อไว้แล้วก็พลอยกลุ้มไม่หาย “เออ...ยังไงซะน้ำก็ระวังตัวด้วยนะ พี่กลัวว่าเจ้าหนี้แม่จะมายุ่งกับน้ำ”
ผู้เป็นน้องยิ้มรับฝืดเฝื่อน พยายามจะตอบออกมาอย่างไม่หวั่นกลัว ทั้งๆ ที่ในใจลึกๆ ยอมรับว่ากลัวกับการถูกจับไปเป็นตัวขัดดอกให้คนเป็นป้าแทบตาย
“ไม่ต้องห่วงน้ำหรอกค่ะพี่ขวัญ น้ำเอาตัวรอดได้ และน้ำจะไม่ยอมไปเป็นตัวขัดดอกใช้หนี้ให้ป้าทิพย์เด็ดขาด”
ครองขวัญยิ้มเหนื่อยๆ พร้อมกับพยักหน้าช้าๆ ซึ่งอาการที่หญิงสาวแสดงออกว่าเหนื่อยทั้งกายและใจทำให้หยาดอรุณไม่อยากชวนพี่สาวพูดคุยเรื่องเครียดๆ ไปมากกว่านี้ ด้วยเกรงว่าจะทำให้พี่สาวได้รับความกระทบกระเทือนจนร่างกายทรุดลง เธอจึงตัดบทเสีย
“น้ำว่าพี่ขวัญอย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลยนะคะ แล้วก็ไม่ต้องห่วงใครด้วย ตอนนี้พี่ขวัญควรพักผ่อนให้มากๆ จะได้หายเร็วๆ นะคะ”
“อืม...จ้า”
“ถ้าอย่างนั้นน้ำไม่กวนพี่ขวัญดีกว่า น้ำจะอยู่เงียบๆ พี่ขวัญหลับเถอะนะคะ ถ้าพี่ขวัญหลับแล้วน้ำค่อยกลับก็แล้วกันค่ะ” เธอบอกแล้วค่อยๆ นั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงคนไข้เงียบๆ ไม่นานครองขวัญก็หลับตาลง และด้วยความที่ร่างกายยังไม่แข็งแรงดีนัก คนไข้จึงหลับสนิทอย่างง่ายดายในเวลาไม่นาน
อีกด้าน โลเวลซึ่งขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์นอกห้องพักฟื้นคนไข้ขมวดคิ้วหนาได้รูปด้วยความเครียดและกังวลจัด ทำเอาคีรีที่ยืนมองอากัปกิริยาของเจ้านายอยู่พลอยรับรู้ถึงสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งไม่ค่อยดีนัก กระทั่งโลเวลวางสาย คนสนิทก็อดไม่ได้ที่จะรีบเอ่ยปากถาม
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับคุณวูล์ฟ”
“นายธีร์ประสบอุบัติเหตุ หว่าหวาโทร. มาบอก”
คีรีเลิกคิ้วสูงด้วยความตกใจ “แล้วคุณธีร์เป็นอะไรมากไหมครับ”
“เห็นหว่าหวาบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก ตอนนี้ปลอดภัยดีแล้ว” คนเป็นนายเอ่ย แต่น้ำเสียงยังคงเต็มไปด้วยความกังวลไม่หาย ซึ่งไม่ต่างจากสีหน้า
“แต่ฉันยังห่วงนายธีร์ ถ้าไม่เป็นอะไรมากจริงๆ นายธีร์คงไม่ปล่อยให้หว่าหวาโทร. มารายงานฉันแน่ๆ นี่ยังบอกอีกนะว่าเรื่องนี้พ่อฉันก็ยังไม่รู้ เพราะตอนนี้พ่อบินไปเที่ยวแคลิฟอเนียร์ เลยไม่อยากให้ท่านกังวล”
“แบบนี้คุณวูล์ฟจะบินไปดูอาการคุณธีร์ไหมครับ”
“คงต้องเป็นแบบนั้นแหละ ยังไงนายช่วยจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินให้ด้วย เอาไฟลต์ที่เร็วสุด แล้วก็ฝากนายดูแลเรื่องงานแทน และเอ่อ...” เขาเว้นจังหวะพูด ชั่งใจคิดไปชั่ววินาที ก่อนจะเอ่ยต่ออย่างเสียมิได้ว่า “ฝากนายดูแลผู้หญิงของฉันด้วย คงไม่ต้องให้บอกนะว่าใคร”
“ครับคุณวูล์ฟ” คีรีก้มหน้ารับคำสั่งเจ้านายอย่างเต็มใจและรู้ใจ ผู้หญิงของเจ้านายในเวลานี้คงเป็นใครอื่นไปไม่ได้ นอกจากหยาดอรุณ แม่สาวน้อยหน้าหวานคนงาม ที่เล่นเอาหนุ่มลูกครึ่งที่ไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนจริงจังหลงใหลจนโงหัวไม่ขึ้น
จะว่าโชคดีหรือไม่ หยาดอรุณก็ไม่แน่ใจเสียแล้ว เพราะหลังจากที่โลเวลบินไปต่างประเทศก็ทำให้เธอได้รับอิสรภาพมากขึ้น แต่หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ ความสงบสุขก็ไม่อยู่กับเธออีก บ้านหลังน้อยของป้าทิพย์ที่เธออาศัยอยู่ถูกเจ้าหนี้มาอาละวาดรังควานไม่เว้นวัน และที่แย่กว่านั้นหญิงสาวพบว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตรายจากเจ้าหนี้ของคนเป็นป้าที่จ้องจะตะครุบเหยื่ออย่างเธอตลอดเวลา
ที่สุดหยาดอรุณก็ทนที่จะหลบๆ ซ่อนๆ จากเจ้าหนี้ของป้าที่คิดจะจับตัวเธอไปขัดดอกอีกไม่ได้ ยิ่งป้าเธอคอยแต่ถามหาครองขวัญเพราะต้องการเงิน และขูดรีดเงินเก็บอันน้อยนิดจากเธอไปจนเกือบเกลี้ยงบัญชีเพื่อเข้าบ่อนอีก หญิงสาวก็ตัดสินใจหอบผ้าหนีออกจากบ้านในคืนหนึ่ง
คีรีซึ่งคอยดูแลหญิงสาวห่างๆ และสังเกตการณ์ว่าเธอไปไหนมาไหนกับใครบ้างไม่ค่อยเห็นหญิงสาวออกจากบ้านสักเท่าไร จะเห็นก็แต่ผู้ชายสองสามคนไม่น่าไว้วางใจมาพบหญิงวัยกลางคนบ่อยๆ เท่านั้น จึงไม่กล้าปล่อยให้ผู้หญิงของเจ้านายคลาดสายตา
คืนนี้เขาก็ออกมาสังเกตว่าเธอจะแอบออกไปทำงานกลางคืนไหม เพราะโลเวลสั่งนักสั่งหนาว่าอย่าได้ปล่อยหยาดอรุณไปทำงานเช่นนั้นอีกเด็ดขาด ซึ่งหลายคืนที่ผ่านมาเขาไม่เห็นหญิงสาวออกไปไหน ทว่าทำไมคืนนี้หยาดอรุณถึงหอบกระเป๋าออกจากรั้วบ้านหลังเล็กของเธอนะ แถมยังดูลุกลี้ลุกลน เดินไปหน้าปากซอยแล้วเรียกแท็กซี่
ชายหนุ่มค่อยๆ เคลื่อนรถยนต์ตามแท็กซี่คันดังกล่าวไปอย่างไม่ละสายตา ใช้เวลาสะกดรอยตามแท็กซี่ที่หยาดอรุณนั่งไปเกือบๆ ครึ่งชั่วโมง คนที่ขับรถตามหญิงสาวไปก็ต้องรีบชะลอรถเมื่อเห็นว่าแท็กซี่คันดังกล่าวจอดที่หน้าอะพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง และคงไม่มีอะไรน่าตกใจเท่ากับการที่คีรีเห็นว่าหลังจากที่หยาดอรุณหิ้วกระเป๋าสัมภาระลงจากแท็กซี่ก็มีชายหนุ่มผิวขาวหน้าตาดี หุ่นสูงโปร่ง วัยน่าจะใกล้เคียงกับหญิงสาวรีบวิ่งเข้ามาช่วยหิ้วกระเป๋าสัมภาระของเธอ แล้วทั้งสองก็พากันเดินหายเข้าไปในอะพาร์ตเมนต์ดังกล่าว
คนสนิทของโลเวลหรี่ตามองจนหนุ่มสาวหายลับสายตาไป และไม่อาจตามพวกเขาเข้าไปด้านในได้ เนื่องจากหน้าอะพาร์ตเมนต์มียามรักษาความปลอดภัย และคนที่จะเข้าไปได้ต้องแสดงบัตรในการเช่าอยู่เข้าออกตลอดเวลา
“เรื่องนี้เราควรโทร. บอกคุณวูล์ฟดีหรือเปล่านะ” คีรีพึมพำ ในใจก็พะวักพะวนไปถึงความรู้สึกของคนเป็นนาย
ถ้าโลเวลทราบว่าผู้หญิงของตัวเองวิ่งมาหาผู้ชายคนอื่นแบบนี้คงไม่ดีแน่ ยิ่งสถานการณ์ยามนี้แล้วด้วย คนเป็นลูกน้องอย่างเขาไม่สมควรหาเรื่องรกสมองให้เจ้านายเพิ่ม เพราะตอนนี้ไม่รู้ว่าธีราทรประสบอุบัติเหตุร้ายแรงแค่ไหน
ด้วยเหตุผลนี้ทำให้คีรีตัดสินใจไม่บอกเรื่องนี้กับเจ้านาย จนกว่าจะทราบข่าวจากทางโน้นว่าน้องชายของเจ้านายปลอดภัยดีแล้ว และโลเวลไม่ได้มีเรื่องทุกข์ใจอะไรอีกนั่นละ เขาถึงจะบอกเรื่องที่อาจทำให้โลเวลแทบคลั่งได้
เกือบสามสัปดาห์เลยทีเดียวที่คีรีได้แต่เก็บความลับเรื่องหยาดอรุณวิ่งมาหาผู้ชายอื่นถึงอะพาร์ตเมนต์แห่งนี้ และดูเหมือนหญิงสาวจะอาศัยอยู่ที่นี่ด้วย เพราะหลายครั้งที่คีรีมาคอยเฝ้าดูก็เห็นหยาดอรุณเข้าออกที่แห่งนี้เป็นว่าเล่น ถ้าวันไหนไม่ได้ไปนอนเฝ้าครองขวัญที่โรงพยาบาล อะพาร์ตเมนต์แห่งนี้ก็คือสถานที่ที่หญิงสาวอาศัยอยู่แทนบ้านหลังเล็กนั้นไปเสียแล้ว
อย่างเสาร์-อาทิตย์เธอจะออกไปมหาวิทยาลัย ขากลับก็เห็นกลับมากับเพื่อนชายคนดังกล่าว แม้บางครั้งจะมีเพื่อนผู้หญิงกลับมาด้วย แต่ก็แทบจะนับครั้งได้ วันธรรมดาคีรีเห็นหยาดอรุณไปโรงพยาบาลเพื่อดูแลครองขวัญ แต่บางวันก็เดินไปตามสถานที่ต่างๆ ทั้งร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ บริษัท โรงงาน ไม่แน่ใจว่าเธอไปทำธุระอะไร แต่จากการคาดเดาแล้ว ชายหนุ่มคิดว่าหยาดอรุณน่าจะไปหางานใหม่
กระทั่งวันหนึ่งหลังจากเข้าสัปดาห์ที่สามที่โลเวลบินไปดูอาการน้องชายที่นิวยอร์ก แล้วเดินทางกลับมาถึงเมืองไทย เมื่อคีรีไปรับกลับจากสนามบินสุวรรณภูมิ และโลเวลเข้ามานั่งในรถได้ สิ่งที่อยู่ในใจของทั้งเจ้านายและลูกน้องซึ่งต่างคนต่างเก็บเอาไว้และอยากจะไถ่ถามมากที่สุดก็ทำให้ทั้งสองโพล่งขึ้นมาพร้อมกัน
“คุณวูล์ฟครับ อาการคุณธีร์เป็นยังไงบ้าง”/ “คีรี ผู้หญิงของฉันเป็นยังไงบ้าง”
“เอ่อ...ผมตอบคำถามของคุณวูล์ฟก่อนแล้วกันครับ” คนสนิทรีบบอก
คนเป็นนายซึ่งนั่งอยู่เบาะหลังของรถรีบส่ายหน้า “ฉันตอบนายก่อนแล้วกัน ตอนนี้นายธีร์ปลอดภัยดีแล้ว อาการไม่ได้มีอะไรน่าเป็นห่วงมากอย่างที่กลัว แต่ฉันให้รักษาตัวอยู่ที่นั่นต่อเพราะอยากให้เขาได้อยู่ใกล้ๆ คู่หมั้น จะได้หายวันหายคืน”
“อย่างนี้ผมก็สบายใจครับ เห็นคุณวูล์ฟเงียบหายไปเลย ผมก็พลอยคิดห่วงคุณธีร์ไปไกล”
“ที่ฉันหายไปนานเพราะต้องอยู่ช่วยเคลียร์งานโรงแรมทางโน้นแทนนายธีร์ไง ยิ่งพ่อฉันหนีไปเที่ยวแบบนี้ด้วย ที่ว่าจะให้นายธีร์ไปดูงานและช่วยพ่อ กลายเป็นว่าทุกคนทิ้งงานให้ฉันคนเดียว”
คนสนิทหัวเราะน้อยๆ ในลำคอ ก่อนใบหน้าที่เจือรอยยิ้มจะนิ่งลง เพราะเริ่มหนักใจกับคำตอบที่โลเวลต้องการได้รับยามนี้
“แล้วผู้หญิงของฉันล่ะ ฉันให้นายแอบตามดูเธอ เป็นยังไงบ้าง หวังว่าคงไม่ได้หนีไปทำงานกลางคืนอีกหรอกนะ”
“เอ่อ...คือ...คุณน้ำค้างไม่ได้หนีไปทำงานกลางคืนหรอกครับ แต่ว่าเธอ...” อาการน้ำท่วมปากเป็นเช่นนี้นี่เอง คีรีหนักใจจนพูดไม่ออก
“อ้ำอึ้งอะไร เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า” คิ้วเข้มขมวดมุ่น สีหน้าหนุ่มลูกครึ่งเริ่มฉายความกังวลเจือไม่พอใจ “รีบๆ บอกมา แล้วก็ขอความจริงด้วย”
“ครับ คือตอนนี้คุณน้ำค้างเธอไม่ได้อยู่ที่บ้านกับคุณครองขวัญแล้ว...” ไม่ทันเล่าจบโลเวลก็รีบโพล่งถามเสียงแข็งจัดว่า
“แล้วไปอยู่ที่ไหน”
“ผมเห็นเธอย้ายไปอยู่ที่อะพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง น่าจะอาศัยอยู่กับเพื่อนครับ”
“เพื่อนงั้นเหรอ” คิ้วหนาที่ขมวดอยู่ก่อนหน้านี้เริ่มผูกเป็นปม “เพื่อนผู้หญิงหรือผู้ชาย”
คีรีกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคออย่างยากเย็น ก่อนจะตอบคำถามที่รู้ว่าจะทำให้ภายในรถยนต์ที่เปิดเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำยามนี้ร้อนระอุแทบไหม้
“ผู้ชายครับ!”
ด้านหน้ามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในเวลาบ่ายสองโมงเศษ แสงแดดที่ร้อนผ่าวทำให้นักศึกษาหลายคนต้องกางร่มที่พกติดตัวมา เพื่อช่วยบดบังผิวสวยๆ จากแสงแดดร้ายกาจ ซึ่งหนึ่งในนักศึกษาพวกนั้นก็มีหยาดอรุณรวมอยู่ด้วย
หญิงสาวเดินอยู่ใต้ร่มสีฟ้า โดยมีเพื่อนชายคนหนึ่งมีน้ำใจช่วยกางร่มให้และเดินเคียงคู่กันมา ภาพกะหนุงกะหนิงของหนุ่มสาวที่เดินหยอกเย้ากันอยู่ใต้ร่วมคันเดียวกันออกมาจากประตูรั้วมหาวิทยาลัยนั้นเป็นภาพที่ทำให้หนุ่มลูกครึ่ง ซึ่งนั่งอยู่ในรถยนต์คันใหญ่ที่จอดฝั่งตรงกันข้ามถึงกับหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ
“ไอ้หมอนั่นใช่ไหมที่นายบอกว่าน้ำค้างย้ายมาอยู่ด้วย”
“ครับผม” คีรีซึ่งมองตามตาวาวโรจน์ของเจ้านายอยู่ก่อนแล้วตอบเสียงนิ่ง แต่ลึกๆ แล้วแฝงความไม่สบายใจ เพราะเขารู้ดีว่านี่คือสัญญาณอันตรายที่อาจจะทำให้ ‘ไอ้หมอนั่น’ เดือดร้อน
“น้ำค้าง...น่านัก กล้ามากที่คิดหนีจากฉันไปหาไอ้หมอนั่น อย่าหวังเลยว่าจะไปเสวยสุขกับไอ้ระยำนั่นได้อย่างสบายใจ” เขาเค้นเสียงเข้มลอดไรฟัน ดวงตาวาววับด้วยแสงแห่งโทสะ ก่อนที่คีรีจะได้ห้ามปรามหรือเตือนสติเจ้านาย โลเวลก็เปิดประตูรถแล้วก้าวอาดๆ ข้ามถนน ตรงดิ่งไปหาหนุ่มสาวในชุดนักศึกษาอย่างรวดเร็ว
หยาดอรุณสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ๆ ร่างบางก็ถูกชายตัวใหญ่ที่มาประชิดรวดเร็วกระชากเต็มแรง จนหญิงสาวเซถลาเข้าไปสู่วงแขนข้างหนึ่งของเขา ก่อนบางสิ่งเหนือความคาดคิดจะเกิดขึ้น เพราะในขณะที่หยาดอรุณเบิกตาโตด้วยความตกใจที่เห็นโลเวลปรากฏตัวอยู่นั้น วินาทีถัดมาหนุ่มลูกครึ่งก็พุ่งตัวเข้าไปหาเพื่อนชายของเธอพร้อมกับปล่อยหมัดหนักๆ ตะบันหน้าขาวใสของอีกฝ่ายจนหนุ่มนักศึกษาล้มตึง
“กรี๊ด! นี่อะไรกันคะสุดหล่อ ชกหน้าฉันทำไม” เสียงร้องลั่นที่ออกมาจากปากเพื่อนชายหน้าขาวของหยาดอรุณทำให้โลเวลถึงกับชะงักไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง เพราะรับรู้แล้วว่าผู้ชายที่เขาโมโหหึงและชกหน้าจนเลือดกบปากเมื่อครู่ จริงๆ แล้วไม่ใช่ชายแท้
แต่ก็เถอะ ถึงจะชายแท้หรือเทียม เกย์หรือตุ๊ด ได้ชื่อว่าเป็นผู้ชายเขาก็ไม่ชอบที่จะให้อยู่ใกล้หยาดอรุณของเขาอยู่ดี
“คุณทำบ้าอะไร ชกเพื่อนฉันทำไม” คนที่อ้าปากค้างเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรวดเร็วเกินจะทัดทานทันพอได้สติก็รีบวิ่งไปพยุงเพื่อนด้วยความห่วงใย “เป็นไงบ้างกี้”
“ก็เจ็บสิยะ ถามได้ แล้วนี่สุดหล่อคนนี้เป็นใคร หน้าตาก็หล่อบาดใจอยู่หรอกนะ แต่หมัดหนักเป็นบ้า ฟันฉันจะหักหรือเปล่าก็ไม่รู้” เพื่อนหนุ่มสาวแตกอย่างไม่เก็บอาการ ใช้นิ้วกรีดเลือดตรงมุมปากเบาๆ แล้วหยัดตัวลุกยืนช้าๆ พลางครางซี้ดๆ ด้วยความเจ็บ แต่ยังมีหน้าชม้ายชายตาออเซาะให้สุดหล่อหมัดหนักตรงหน้าอย่างอดไม่ได้ ก็พ่อหนุ่มลูกครึ่งตรงหน้าทั้งคมเข้ม หุ่นดี แบบนี้น่ากินเป็นบ้า
“เลิกสนใจไอ้หมอนี่ได้แล้ว และไปกับผม” แม้รู้ว่าผู้ชายตรงหน้าไม่ได้มีใจชอบหยาดอรุณอย่างชู้สาวเป็นแน่แท้ แต่เวลานี้เขาอยากเคลียร์กับหญิงสาว และเพราะความคิดถึงที่ไม่เจอเธอนานสามสัปดาห์ทำให้เขาไม่อยากเสียเวลากับเรื่องไร้สาระตรงหน้าอีก
“จะพาฉันไปไหน ปล่อยเลย” เธอรีบกระชากแขนออกเมื่อมือใหญ่เข้ามาคว้า และถอยห่างจากโลเวลอย่างหวาดระแวง
“ผัวกลับมาทั้งที ไม่คิดจะสนใจเลยหรือไง จะไปกับผมดีๆ หรือจะให้ผมอุ้มคุณไป” เขาตะคอกใส่แถมถลึงตาดุ ทำเอาเพื่อนเกย์ที่เผลอส่งตาหวานฉ่ำให้โลเวลอยู่ขวัญผวา รีบถอยหนีไปโดยอัตโนมัติ
“คนบ้า คุณคิดว่าที่นี่มันที่ไหน”
“แล้วคุณคิดว่าคนอย่างผมสนงั้นเหรอว่าที่นี่มันที่ไหน ถ้าไม่เชื่อก็ลองดู” เขาไม่พูดเปล่า ย่างสามขุมมาถึงตัวหญิงสาวอย่างรวดเร็วแล้วตวัดร่างบางขึ้นอุ้ม ไม่นำพาต่อแรงขัดขืน
“ปล่อยฉันนะ ปล่อยนะ คนนิสัยไม่ดี ฉันไม่ไปกับคุณ” หยาดอรุณร้องลั่นขณะถูกโลเวลอุ้มไปยังรถยนต์ ซึ่งคีรีขับมาจอดเทียบรอรับอย่างรู้งานโดยง่ายดาย
ภายในรถยนต์ราคาแพงทั้งกว้างและใหญ่ หญิงสาวร่างบางถูกโยนลงบนเบาะนั่งเต็มแรง โชคดีที่เบาะรถราคาหลายสิบล้านคันนี้นุ่มพอที่จะทำให้กระแทกตัวลงไปอย่างไม่เจ็บตัว ทว่าเจ็บใจที่ถูกเขาอุ้มมาให้เป็นที่อับอายคนทั้งมหาวิทยาลัยนี่สิ อย่างไรเสียก็เจ็บใจไม่หาย โชคดีนะที่เธอสอบเสร็จวันสุดท้ายแล้ว ไม่อย่างนั้นเธอคงได้ยินข่าวซุบซิบสนุกปากจากเพื่อนนักศึกษาเป็นแน่
“คุณทำเกินไปแล้วนะคุณวูล์ฟ คุณชกหน้าเพื่อนฉันอย่างไม่มีเหตุผล แถมยังไม่ขอโทษ แค่นั้นยังไม่พอ ยังลากฉันมากับคุณอีก นี่คุณต้องการอะไรจากฉันกันแน่” เธอแว้ดเสียงสูงใส่เขาด้วยความโกรธจัด ความเกร็งกลัวที่เคยมีต่อโลเวลหายวับไปตั้งแต่นาทีที่เขาชกหน้าเพื่อนชายจนปากแตก
“ก็คิดถึงเมีย คิดว่าผัวต้องการอะไรจากเมียสวยๆ อย่างคุณกันล่ะ” เขาบอกหน้าตาเฉย มิหนำซ้ำยังใช้นิ้วช้อนคางมนให้เงยขึ้น แต่วินาทีถัดมาหยาดอรุณก็สะบัดหน้าหนีอย่างรังเกียจ
คนคิดถึงเมียกัดฟันแน่นก่อนจะเอ่ยเสียงเข้มกว่าเดิมว่า “และที่ชกไอ้หมอนั่นก็เพราะไม่ชอบให้เมียของตัวเองไปเดินควงกับผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้น แล้วก็อย่าหวังจะได้กลับไปอยู่กับมันด้วย”
“คุณรู้...” หยาดอรุณอ้าปากค้าง
นี่เขาไปต่างประเทศ แต่รู้เรื่องราวของเธอได้ยังไง คำถามนี้มีคำตอบในวินาทีถัดมาทันที หญิงสาวตวัดสายตามองไปยังคนหลังพวงมาลัยที่ขับรถนิ่งๆ ไม่ได้วอกแวกกับสิ่งใดเลย ประหนึ่งว่าเขาอยู่ในสถานที่อันสงบเพียงลำพังอย่างไรอย่างนั้น
“ผมรู้ทุกเรื่องที่ผมต้องการรู้ และจำไว้ด้วยนะน้ำค้าง คุณไม่มีสิทธิ์ทำอะไรตามอำเภอใจอีกแล้ว โดยเฉพาะสิ่งที่ผมไม่ชอบให้ทำ”
“จอมเผด็จการ! คุณก็อย่าคิดว่าจะมีสิทธิ์ชี้นิ้วสั่งฉันให้ทำอะไรหรือไม่ทำอะไรได้เลย” เธอเชิดหน้าเข้าสู้ ประสานดวงตาวาวโรจน์กับอีกฝ่าย “อย่าคิดว่าฉันกลัวคุณนะ”
สายตาเขานิ่งเมื่อจับจ้องใบหน้าเรียวที่แสนหลงใหลตรงหน้า มุมปากกระตุกยิ้มน้อยๆ
“ผมก็ไม่คิดว่าคุณจะกลัวผมหรอก โดยเฉพาะเวลาอยู่บนเตียง คุณสู้ผมยิบตาเลยแหละที่รัก แต่ทุกครั้งเราก็เสมอกันนะ ขึ้นสวรรค์ด้วยกันทั้งคู่”
“กรี๊ด! คนบ้า...น่าเกลียดที่สุด” เธอต่อว่า หน้าแดงเรื่อ ทั้งโกรธทั้งอาย
มือเรียวทุบตีร่างใหญ่ของผู้ชายทะลึ่งจอมเผด็จการอย่างไม่ลืมหูลืมตา แต่เพียงวินาทีถัดมาคนเป็นฝ่ายกระทำก็ต้องตกอยู่ในอ้อมกอดที่แข็งแกร่งราวกรงขังเหล็กกล้า
หยาดอรุณดิ้นรนสุดตัว ทว่าเธอกลับถูกผลักให้นอนหงายยาวไปตามเบาะนั่งของรถ แล้วไม่นานร่างใหญ่ของโลเวลก็ทาบทับตามมา ปากร้อนๆ ของเขาประกบจูบดูดดื่มด้วยความกระหายใคร่รักบวกความคิดถึง โดยไม่สนใจเลยว่าภายในรถยนต์มีผู้ชายอีกคนเป็นส่วนเกินอยู่
“พะ...พอแล้ว พอแล้วคุณวูล์ฟ อย่ารังแกฉัน...” เสียงปรามนั้นเล็ดลอดออกมาได้หลังจากเขายอมถอนริมฝีปากออกจากปากเล็กของเธอ
หญิงสาวรีบผลักคนตัวใหญ่ออกห่าง ซึ่งเขาก็ยอมขยับตัวอย่างไม่อิดออด อาจเพราะกำลังเห็นใจคนขี้อายที่ตอนนี้เนื้อตัวของเธอแดงก่ำไปหมด
“ตัวแดงเป็นกุ้งถูกน้ำร้อนเชียว ทำไม อายหรือไง ปกติเราสองคนทำมากกว่าจูบอีกนะ” เขาก้มหน้ามาใกล้ ใช้จมูกโด่งคลอเคลียพวงแก้มนุ่มนิ่มเล่นอย่างถวิลหา
“คนบ้า คุณนี่มัน ทำอะไรไม่คิดถึงความรู้สึกคนอื่นเลย” เธอต่อว่าเสียงอุบอิบ รู้สึกอายคนที่กำลังขับรถเหลือเกิน ถึงแม้คีรีจะทำทีไม่สนใจ แต่เขาก็รู้ก็เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างเมื่อครู่ “ฉันอายคนของคุณนะ”
คำสารภาพน่ารักน่าชังนั้นทำเอาโลเวลหุบยิ้มไม่อยู่ “ผมรู้ แต่ผมคิดถึงคุณใจจะขาดอยู่แล้ว เห็นหน้าก็ทนไม่ไหวน่ะสิ ยิ่งคุณเป็นเด็กดื้อ หนีไปอยู่กับเพื่อนคนเมื่อกี้ ผมก็ยิ่งทั้งคิดถึงทั้งอยากลงโทษ”
ความคิดเห็น |
---|