4

เมียแสนพยศ


ให้มันได้อย่างนี้ โลเวลถอนหายใจเฮือกขณะจ้องมองร่างบางของ ‘เมีย’ ที่นอนเนื้อตัวสั่นเทิ้มใต้ผ้าห่มผืนหนา

เขาไม่คิดเลยว่าจะหักโหมเริงรักกับเธอมากไป จนทำให้เธอไข้ขึ้นได้ถึงเพียงนี้ ที่จริงเขาควรจะอ่อนโยนกับหยาดอรุณและทะนุถนอมเธอให้มากกว่านี้ด้วยซ้ำ ทั้งที่ก็รู้ว่านี่เป็นประสบการณ์ครั้งแรกของเธอ แต่เพราะความหน้ามืด โกรธที่ถูกหญิงสาวด่าทอรุนแรง แล้วเธอยังคิดจะผลักไสเขาห่างไปจากชีวิตอีก ทำให้เขาต้องย้ำเตือนความสัมพันธ์ฉันผัวเมียให้เธอซาบซึ้งติดตรึงใจจนไม่มีทางลืมลง

แล้วเป็นไงล่ะ...เขาฝากรักย้ำเตือนเธอตามใจตัวเองมากไปจนเธอต้องนอนโทรมเช่นนี้

“หนาว...” เสียงสั่นพร่าแผ่วเบาหลุดมาจากริมฝีปากเล็กที่แห้งผาก

โลเวลรีบหาผ้าห่มอีกผืนมาคลุมกายคนป่วย หวังช่วยให้เธอคลายหนาวได้บ้าง แต่ดูเหมือนว่าอาการของหยาดอรุณจะหนักเกินไปเสียแล้ว

หนุ่มลูกครึ่งกระวนกระวายใจเจือความห่วงใยที่มากยิ่งยามสัมผัสผิวกายที่ร้อนระอุราวไฟของคนใต้ผ้าห่ม ผิวแก้มใสของเธอยามนี้แดงเรื่อด้วยพิษไข้ ทำให้จากที่คิดว่าจะออกไปซื้อยาที่ร้านขายยามาให้คนตัวเล็กกินลดไข้เท่านั้น เขาก็จำต้องเปลี่ยนใจโทร. ตามหมอซึ่งเป็นคนรู้จักและครอบครัวของพวกเขาสนิทสนมกันมานาน

“สวัสดีไอ้พี่หมอ มีเรื่องจะรบกวนนายหน่อย” หลังจากปลายสายรับสาย โลเวลก็เอ่ยออกไปทันทีอย่างไม่ให้เสียเวลา ซึ่งพี่หมอหรือนายแพทย์เจตน์อายุมากกว่าโลเวลสองปี เป็นศัลยแพทย์หนุ่มที่มีชื่อมาก แถมยังเป็นบุตรชายเจ้าของโรงพยาบาลเอกชน ที่คนในสังคมชั้นสูงรู้จักดี และยกให้เป็นโรงพยาบาลที่มีคุณภาพระดับต้นๆ

“เป็นไปได้ยังไง คนอย่างนายมีเรื่องจะรบกวนหมออย่างฉันน่ะเหรอ อย่าบอกนะว่าผู้ชายตัวโตๆ อย่างนายที่ทั้งปีทั้งชาติไม่เคยเป็นอะไรวันนี้ไม่สบายจนต้องพึ่งหมอ”

“พูดมากจริงไอ้พี่หมอ ฉันไม่ได้เป็นอะไร ยังแข็งแรงดี แต่มีคนป่วยที่อยากให้นายมาดูอาการให้หน่อย เอ่อ...แล้วไม่ต้องบอกใครนะว่าฉันโทร. ตามนาย”

“มีลงท้ายเป็นความลับแบบนี้แสดงว่าผู้หญิงงั้นเหรอ”

“อย่าถามมากได้ไหม รีบๆ มาเลย” พอถูกจับได้ หนุ่มลูกครึ่งก็รีบทำเสียงเข้มกลบเกลื่อน

“อ้าว! ไอ้หมอนี่ ไม่ถามเลยหรือไงว่าฉันว่างไหม”

“ว่างไม่ว่างฉันไม่สนใจ แต่อีกสิบนาทีถ้านายยังไม่ถึงคอนโดของฉัน ฉันจะตามไปลากคอนายถึงที่เลยไอ้พี่หมอ”

“ขู่กันซะขนาดนี้แล้ว จริงๆ นายไม่ต้องนับถือฉันด้วยการเรียกว่าพี่ก็ได้นะไอ้วูล์ฟ” เจตน์พูดกลั้วหัวเราะ ไม่ได้ถือสาอีกฝ่าย ก็เพราะพวกเขาสนิทกันมานาน ซึ่งตัวตนมุมนี้ของเขาก็มีแต่โลเวลเท่านั้นที่รู้จัก เพราะโดยปกตินายแพทย์เจตน์ที่โด่งดังในสายตาของคนรอบข้างเป็นผู้ชายสุภาพ อ่อนโยน และน่านับถือเสมอ “นี่ถ้าไม่เห็นว่าเป็นนาย ฉันคงไม่สละเวลาอันมีค่าไปให้หรอกนะ”

“อืม...ขอบใจ ยังไงก็รีบๆ มาแล้วกัน” คนร้อนใจย้ำ แล้วรีบวางสายทันทียามหันไปมองคนป่วยบนเตียงนอนซึ่งตอนนี้นอนเพ้อ ตัวสั่นงันงก

โลเวลโยนโทรศัพท์มือถือไว้บนเก้าอี้บุหนังราคาแสนแพงตัวหนึ่งที่ตั้งอยู่ในห้องนอนของเขาอย่างไม่สนใจไยดีนัก เพราะความห่วงใยทั้งหมดยามนี้พุ่งตรงไปที่หยาดอรุณ ชายหนุ่มรีบเดินเข้าไปหาคนบนเตียง ยิ่งเห็นอาการจับไข้ของเธอหนักขึ้นเรื่อยๆ ก็ยิ่งทุกข์ใจอย่างบอกไม่ถูก

“น้ำค้าง...รออีกแป๊บนะ ผมกำลังตามหมอมาดูอาการคุณ” เขานั่งลงบนขอบเตียงแล้วดึงร่างที่พันผ้าห่มจนหนาเข้ามากอดไว้แน่น แนบเสี้ยวแก้มคมคล้ามลงกลางกลุ่มผมดำขลับอย่างอ่อนโยน

“พะ...พี่ขวัญ น้ำจะหาเงินไปช่วยพี่ขวัญ...” เสียงแหบแห้งของคนป่วยที่เพ้อออกมาทั้งสั่นทั้งเบาหวิว ทำให้โลเวลต้องนิ่งฟังให้ชัดๆ ว่าเธอพูดอะไรขณะที่ก็กอดร่างบางที่ห่อหุ้มด้วยผ้าห่มหลายชั้นไว้แน่น

“พะ...พี่ขวัญตะ...ต้องผ่าตัด ต้องใช้เงิน นะ...น้ำจะรีบหาเงิน...” ประโยคนี้ทำให้คนที่ตั้งใจฟังจับใจความได้ และรู้ว่าในเวลานี้สิ่งเดียวที่หยาดอรุณห่วงใยอยู่คือญาติผู้พี่นั่นเอง

“ใช่สินะ คุณขวัญยังไม่ได้ผ่าตัดเลย” ชายหนุ่มพึมพำเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเลขาฯ สาวของเขากำลังไม่สบายมาก และไม่รู้ว่าตอนนี้เธออาการเป็นเช่นไรบ้างแล้ว ยิ่งได้ยินหญิงสาวในอ้อมกอดเพ้อหาพี่สาวของเธออย่างเป็นห่วงเป็นใยเช่นนี้แล้วด้วย หัวใจของเขาก็รู้โดยทันทีว่าไม่อยากทำให้ผู้หญิงคนนี้ต้องมีกังวลหรือห่วงใดๆ เลย

“ผมจะจัดการเรื่องของคุณขวัญเองนะน้ำค้าง คุณไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องพี่สาวของคุณแล้วละ” เขากระซิบบอกเธอข้างหู ก่อนจะตัดใจผละห่างจากคนป่วยอย่างอ้อยอิ่ง แล้วสาวเท้าเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่โยนไปเมื่อครู่ขึ้นมาโทร. หาคีรี ผู้ช่วยคนสำคัญให้เป็นธุระจัดการเรื่องการผ่าตัดสมองของครองขวัญทันที

หลังจากสั่งงานให้มือขวาจัดการเรียบร้อย โลเวลก็หันมองมายังร่างหญิงสาวบนเตียงด้วยสายตาหวั่นไหวเจือความห่วงใย ยอมรับว่าเห็นเธอเป็นไข้ตัวร้อนนอนหนาวสั่นแบบนี้ เขาเองก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน เพราะตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยต้องดูแลปรนนิบัติคนป่วยที่ไหนมาก่อน แต่คราวนี้เห็นทีว่าเขาจะปล่อยไว้อย่างนี้ไม่ได้เสียแล้ว

เมื่อคิดได้ดังนั้นโลเวลจึงเดินออกจากห้องนอนไปยังมุมครัวของคอนโด เปิดตู้เย็นเพื่อเอาน้ำแข็งมาแช่น้ำในอ่างพลาสติกขนาดเล็กใบหนึ่ง หาผ้าขนหนูผืนเล็กมาแช่น้ำในอ่างแล้วเข้าไปในห้องนอน วางอ่างพลาสติกดังกล่าวลงบนโต๊ะข้างเตียงนอน แล้วหย่อนกายลงนั่งตรงขอบเตียงอีกครั้ง

โลเวลแตะหลังมือใหญ่ลงบนหน้าผากมนของหญิงสาวอย่างเบามือ รับรู้ถึงความร้อนผ่าวที่แผ่ออกมาจากเนื้อตัวเธอจนอดกังวลไม่ได้ ในใจก็ภาวนาขอให้เจตน์เดินทางมาดูอาการของหยาดอรุณโดยเร็วที่สุด ขณะที่ตัวเองก็หาวิธีที่จะช่วยลดความร้อนจากกายของแม่สาวเจ้าที่ถูกเขารังแกทั้งคืนจนเป็นไข้ และวิธีเดียวที่คิดออกในเวลานี้ก็คือการเช็ดตัว

ชายหนุ่มเอาผ้าขนหนูที่แช่ในอ่างน้ำเย็นขึ้นมาบิดพอหมาดๆ แล้วประคบลงบนหน้าผากมนของคนป่วยเป็นอย่างแรก จากนั้นก็ค่อยๆ เช็ดไปตามขมับและข้างแก้มแดงเรื่อของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา โลเวลไม่รู้ตัวเลยว่าสิ่งที่เขากระทำยามนี้แสนอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยทำให้ใครมาก่อน ยิ่งนัยน์ตาคมกริบที่กวาดไล่มองไปทั่วใบหน้าของหยาดอรุณแล้วด้วย ถ้ามีใครมาเห็นก็ต้องตกตะลึงแน่ๆ ที่เห็นผู้ชายติดจะกระด้างอย่างเขามองผู้หญิงคนนี้ได้อ่อนโยนและแฝงความหวามไหวมากถึงเพียงนี้

ระหว่างรอเจตน์เดินทางมาถึง หนุ่มลูกครึ่งก็ไม่ได้ห่างจากหญิงสาวเลยแต่น้อย เขาใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นเช็ดตัวให้หยาดอรุณอยู่อย่างนั้น กระทั่งได้ยินเสียงออดที่หน้าคอนโดดังขึ้น จึงรีบผละจากคนป่วยแล้วออกไปต้อนรับแขกซึ่งมั่นใจว่าจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคุณหมอที่เขารออยู่

“กว่าจะมาได้นะไอ้พี่หมอ” เมื่อเปิดประตูออกไปเจอผู้มาเยือน โลเวลที่สีหน้าเคร่งเครียดอยู่ก่อนแล้วก็ยิ่งปั้นหน้าตึงใส่คนที่มาช้า

เจตน์อมยิ้ม ขยับกรอบแว่นสายตาที่สวมอยู่นิดหนึ่ง ก่อนจะย้อนคนใจร้อนกลับไปว่า “นายให้เวลาฉันสิบนาทีไม่ใช่เหรอ นี่ช้าไปแค่ห้านาทีเองนะ ทำหน้ายังกับฉันทำผิดใหญ่หลวงอย่างนั้นแหละ”

“ไม่ต้องพูดมากแล้ว รีบๆ เข้าไปดูคนป่วยเลย” คนหน้าตึงรีบกระชากแขนเจตน์เข้ามาด้านในแล้วปิดประตูอย่างรวดเร็ว ก่อนลากคุณหมอเข้าไปในห้องนอน

“ใจร้อนขนาดนี้ ชักอยากเห็นหน้าคนป่วยแล้วสิว่าจะสวยขนาดไหน ถึงได้ทำให้ผู้ชายอย่างนายวูล์ฟกระวนกระวายได้ขนาดนี้” ขณะเดินตามแรงลากจูงของอีกฝ่าย เจตน์ก็ยังคงเย้าแหย่

โลเวลหันมาจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาแข็งจัดพร้อมกับคำขู่แกมบังคับ “บอกไว้ก่อนนะ ถ้าเรื่องนี้รู้ถึงหูคนอื่น ฉันฟ้องนายแน่”

“ไม่ต้องมาขู่กันหรอกน่า ฉันเป็นหมอมีจรรยาบรรณ” คุณหมอหนุ่มบอกอย่างใจเย็นไม่ต่างจากรอยยิ้มล้อเลียน ผิดกับคนที่ออกอาการร้อนตัว สีหน้าบูดบึ้งจนดูดุดันกว่าเดิม

เจ้าของร่างบอบบางสมส่วนยังคงนอนกระสับกระส่ายด้วยพิษไข้อยู่บนเตียงกว้างเช่นเดิม โลเวลจึงเร่งเจตน์เป็นการใหญ่

“เร็วสิไอ้พี่หมอ ชักช้าอยู่ได้”

“เออ...ก็รีบอยู่นี่ไง” เจตน์เดินตามเจ้าของห้องมายืนข้างเตียงนอน และเขาก็ต้องอมยิ้มอีกรอบพร้อมกับมองหน้าโลเวลราวกับอ่านออก

ก็สายตาและสีหน้าของหนุ่มลูกครึ่งยามเห็นคนป่วยบนเตียงฉายชัดว่าโลเวลห่วงใยเธอจับใจแค่ไหน แน่นอนว่าเจตน์ก็ไม่เคยเห็นโลเวลในมุมนี้มาก่อนเลย

“สวยน่ารักแบบนี้นี่เอง มิน่าถึงทำให้นายห่วงจนแทบจะลากคอฉันมาดูอาการให้เธอ”

คนถูกเย้าไม่พูดอะไร นอกจากใช้ตาคมกริบบังคับให้อีกฝ่ายหุบปากแล้วรีบดูอาการคนป่วยเร็วๆ ยิ่งทำให้เจตน์มั่นใจว่าแม่สาวน้อยบนเตียงของโลเวลน่าจะเป็นคนพิเศษกว่าผู้หญิงทุกคนที่โลเวลเจอมาแน่นอน

คุณหมอหนุ่มเลิกพูดเล่นหยอกเย้าให้คนอารมณ์ร้อนหัวเสีย เขาเดินไปนั่งลงข้างคนป่วย ตรวจอาการด้วยการวัดไข้ ตรวจชีพจร โดยโลเวลยืนประกบดูการตรวจทุกขั้นตอนอย่างไม่ละสายตา

“เดี๋ยว นั่นนายจะทำอะไรไอ้พี่หมอ” คนที่ยืนเฝ้าดูการตรวจอาการหยาดอรุณอยู่ไม่ห่างร้องทักเสียงหลงขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าเจตน์เลื่อนผ้าห่มที่คลุมกายหญิงสาวต่ำลงจากหน้าอก แล้วยื่นสเตตโทสโคปหรือเครื่องมือตรวจวัดที่ช่วยให้หมอฟังเสียงต่างๆ ในร่างกายของคนป่วยและชีพจรการเต้นของหัวใจไปยังหน้าอกด้านซ้ายของเธอ

“อ้าว ก็กำลังจะตรวจร่างกายคนของนายไง นายจะทำเสียงดังทำไมเนี่ย”

โลเวลทำสีหน้ากระอักกระอ่วน ยอมรับว่าเขาไม่อยากให้ผู้ชายคนไหนถูกเนื้อต้องตัวหยาดอรุณเลยจริงๆ แม้แต่ไอ้หมอเจตน์ก็ตามที

“งั้นเดี๋ยวฉันจับให้นายเอง” เขารีบเสนอตัว ทำเอาเจตน์กลั้นขำในลำคอ

“นายรู้ตัวหรือเปล่าวูล์ฟว่านายกำลังหวงเธอออกนอกหน้านะ ฉันเป็นหมอ รักษาคนไข้มานับไม่ถ้วนแล้ว ไม่ต้องห่วงว่าจะคิดทะลึ่งกับคนของนายหรอกน่า”

คนถูกจับได้ปั้นหน้าตึงแล้วทำเสียงแข็งกลบเกลื่อนความเก้อกระดาก “เออ งั้นก็รีบๆ ตรวจ เร็วๆ เข้า”

“นายก็อย่ามาร้องเสียงดังข้างๆ อีกแล้วกัน แทนที่ฉันจะได้ตรวจคนไข้เสร็จเรียบร้อยเร็วๆ จะต้องมาพลอยตกใจเสียงนาย ช้าไปกันใหญ่” คุณหมอหนุ่มแสร้งบ่นพึมพำ แล้วตั้งหน้าตั้งตาตรวจคนบนเตียงจนเสร็จ ซึ่งคราวนี้โลเวลได้แต่ยืนลุ้นโดยไม่กล้าส่งเสียงให้อีกฝ่ายรำคาญอีก

 

หมอเจตน์กลับออกจากคอนโดของโลเวลไปแล้วหลังจากตรวจอาการคนไข้เรียบร้อย คุณหมอหนุ่มขออนุญาตโลเวลฉีดยาลดไข้ให้หยาดอรุณหนึ่งเข็ม พร้อมกับจัดยาให้หญิงสาวสำหรับกินประกอบไปด้วย โลเวลต้องทำใจอยู่พักหนึ่งเลยทีเดียวกว่าจะให้เจตน์ฉีดยาให้หยาดอรุณตรงสะโพกผายของเธอได้ และคนหวงเมียตามพฤตินัยก็จ้องมองวินาทีนั้นแทบไม่กะพริบตา

หลังจากคนป่วยได้รับการรักษาและกินยาที่คุณหมอจัดไว้ให้ โดยมีโลเวลดูแลเอาใจใส่ทุกเวลา  คืนนั้นอาการของหยาดอรุณก็ดีขึ้น เนื้อตัวที่ร้อนจัดราวไฟเย็นลงเหลือแค่อุ่นๆ อาการกระสับกระส่ายและเพ้อก็เบาลงจนโลเวลเริ่มเบาใจได้บ้าง แต่เขาก็ไม่ได้ทิ้งเธอให้นอนลำพังอย่างเดียวดาย ชายหนุ่มยังคงนอนข้างๆ เธอทั้งคืน กอดเธอไว้ใต้ผ้าห่มหนาผืนเดียวกัน และบางอย่างบอกเขาว่าผู้หญิงคนนี้คือสมบัติของเขา เขาหวงแหนมากมายเหลือเกิน

ราวๆ เที่ยงคืนกว่าเสียงโทรศัพท์มือถือของหยาดอรุณในกระเป๋าใบเล็กซึ่งเธอนำติดตัวมาด้วยดังขึ้น ทำให้โลเวลที่นอนกอดร่างนุ่มนิ่มอยู่ตกใจตื่น เขาขยับกายห่างหญิงสาวนิดเพื่อสำรวจว่าเธอตกใจตื่นด้วยไหม แต่ก็พบว่าหยาดอรุณยังคงนอนหลับสนิท ไม่มีทีท่าจะได้ยินเสียงอะไร

ชายหนุ่มก้าวเท้าลงจากเตียงอย่างช้าๆ และเบากริบ เพราะไม่อยากทำให้คนป่วยพลอยตกใจตื่นไปด้วยอีกคน จากนั้นก็เดินไปจัดการเจ้าเสียงร้องที่ดังรบกวนนั่นด้วยการถือวิสาสะเปิดกระเป๋าของหญิงสาว แล้วควานหาโทรศัพท์มือถือของเธอขึ้นมาดู และชื่อที่แสดงบนหน้าจอโทรศัพท์ก็ทำให้โลเวลต้องหรี่ตามองอย่างไม่พอใจ

“พี่เอก มันเป็นใคร” ชื่อที่โชว์บอกชัดว่าคนที่โทร. มาหาหยาดอรุณของเขาต้องเป็นผู้ชายแน่ๆ

โลเวลขบกรามแน่น หายใจฮึดฮัดอย่างหัวเสีย และไม่รอช้าที่จะเสียมารยาทด้วยการรับโทรศัพท์ของหญิงสาวโดยที่เจ้าของไม่ได้รับรู้ด้วยเลย

“สวัสดีครับน้องกระต่าย พี่เอกเองนะครับ” เสียงทุ้มหล่อเสียเต็มประดาดังมาจากปลายสายทันทีที่โลเวลกดรับ ยิ่งได้ยินฉายาน้องกระต่าย คนหวงเมียก็หน้าแดงจัดด้วยความโกรธ รู้ทันทีว่าไอ้ผู้ชายที่โทร. มายามนี้ต้องเป็นหนึ่งในลูกค้าร้านที่หยาดอรุณไปทำงาน “น้องกระต่ายครับ วันนี้ไม่มาทำงานเหรอครับ พี่คิดถึงน้องกระต่ายมากเลยนะ อุตส่าห์จองคิวกับเจ๊ส้มเอาไว้แล้ว ทำไมน้องกระต่ายเบี้ยวพี่แบบนี้ละครับ”

มือใหญ่ของโลเวลบีบโทรศัพท์มือถือที่แนบข้างหูแน่นขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่ตอบอะไร นอกจากรอฟังไอ้บ้าที่บอกคิดถึงเมียเขาอยู่เงียบๆ กระทั่งปลายสายถามขึ้นมาอีก

“น้องกระต่ายทำไมเงียบจังล่ะครับ ไม่สบายหรือเปล่าครับถึงมาทำงานไม่ได้ ให้พี่ไปเยี่ยมดีไหมครับ พี่อยากเจอน้อง...”

“ไม่ต้องมา!” เสียงนั้นกร้าวจัดราวกับเสียงคำรามของสัตว์ร้าย “แล้วต่อไปน้องกระต่ายก็จะไม่ไปทำงานที่นั่นอีกแล้ว เพราะผัวเธอไม่อนุญาต แล้วมึงก็อย่าได้เสือกโทร. มาหาเมียกูอีกเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นกูจะไปถลกหนังหัวมึงออกเป็นแผ่นๆ ซะ” คนโกรธจัดไม่รับรู้แล้วว่าตัวเองแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของหยาดอรุณมากมายแค่ไหน เขาควบคุมอารมณ์หึงหวงของตนเองไม่ได้จึงพูดออกไปเช่นนั้น และแน่นอนว่าเขาจะไม่มีทางปล่อยให้หยาดอรุณไปทำงานบ้าๆ นั่นอีกเด็ดขาด

โลเวลตัดสายจากอีกฝ่ายทันทีหลังขู่จบ จากนั้นเขาก็แกะโทรศัพท์มือถือของหญิงสาวออก ดึงซิมการ์ดข้างในออกมาหักแล้วเดินไปโยนทิ้งในถังขยะอย่างถือวิสาสะ และยามที่เดินกลับมาล้มตัวนอนลงบนเตียงข้างๆ หญิงสาวอีกครั้ง สีหน้าของโลเวลยังคงฉุนจัดไม่คลาย

เขาหันไปมองคนที่นอนป่วยไม่รู้อีโหน่อีเหน่ราวตำหนิ แล้วอดไม่ได้ที่จะดึงเธอเข้ามาสู่อ้อมกอดอย่างหวงแหนเต็มกำลัง

“คุณเป็นเมียผมแล้วนะน้ำค้าง ผมไม่ยอมปล่อยให้คุณไปกับไอ้ผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้น” เขาเค้นเสียงลอดไรฟันบอกกับหญิงสาว แล้วประทับเรียวปากหนาจูบเรียวปากอุ่นๆ ของเธออย่างดุดัน จนหยาดอรุณครางออกมาเบาๆ

ด้วยสัญชาตญาณหรือความปรารถนาตามธรรมชาติของมนุษย์ก็ไม่ทราบได้ ทำให้หญิงสาวตอบรับจูบที่คล้ายจะคุ้นเคยนั้นไปอย่างไม่ประสีประสา

“อืม...”

“น้ำค้าง ขนาดป่วยคุณยังทำให้ผมแทบคลั่งขนาดนี้เลย แล้วแบบนี้ผมจะกล้าปล่อยคุณไปได้ยังไงกัน” เขาตัดใจผละจูบออก เพราะรู้ดีว่าถ้ารังแกเธอในขณะที่ยังป่วยแบบนี้ มีหวังเมียเขาคงไม่ได้ฟื้นจากเป็นไข้ภายในสองสามวันนี้กันพอดี

 

หยาดอรุณรู้สึกตัวตื่นหลังจากพิษไข้ได้ลดลงเกือบปกติแล้วในเช้าของวันที่สาม หลังจากที่เธอนอนไม่รู้สึกตัวโดยมีโลเวลคอยดูแลป้อนน้ำป้อนข้าวและยามาตลอดหลายสิบชั่วโมง

ร่างบางค่อยๆ ขยับตัวที่เมื่อยขบลุกขึ้นนั่งช้าๆ สมองหนักตื้อทำให้เธอต้องสะบัดหน้าแรงๆ จากนั้นก็สอดส่ายสายตาสำรวจไปทั่วห้องนอนแห่งนี้ พร้อมกับที่ภาพความทรงจำค่อยๆ กลับเข้ามา

เธอเสียท่าผู้ชายสารเลวนั่นไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ เขารังแกเธอและทำให้เธอล้มป่วยจนไม่มีเรี่ยวแรงจะหนีไปไหนได้ แล้วตอนนี้เธอก็ยังนอนอยู่บนเตียงของเขา ยังอยู่ในห้องนอนภายในคอนโดหรูหราของเขา

หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก ขอบตาแดงก่ำเมื่อนึกถึงความสูญเสียที่น่าเจ็บใจและเจ็บปวด แต่เธอจะมานั่งร้องห่มร้องไห้ให้ได้อะไรขึ้นมาอีก เวลานี้ควรจะไปจากตรงนี้ ไปให้ไกลๆ จากผู้ชายที่ชื่อโลเวลต่างหาก

คิดได้เช่นนี้หยาดอรุณก็รีบก้าวลงจากเตียงแม้จะอ่อนแรง และเพียงแค่เท้าสัมผัสพื้นห้อง เธอก็พยายามเดินให้ห่างจากเตียงที่เต็มไปด้วยเหตุการณ์คาวราคีไม่น่าจดจำนั้น ทว่าเดินได้เพียงแค่สามก้าวเท่านั้นหญิงสาวก็รู้สึกเหมือนจะล้มให้ได้

“น้ำค้าง นั่นคุณจะลุกไปไหน เพิ่งฟื้นไข้ยังไม่หายดีนะ” เสียงร้องทักดังมาจากประตูห้องนอน ซึ่งยามนี้ปรากฏร่างสูงใหญ่ของหนุ่มลูกครึ่งที่ถือถาดชามโจ๊กหมูร้อนๆ เข้ามาพอดี

คนป่วยที่ยืนโงนเงนสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงทุ้มๆ นั้น ยามหันไปมองแล้วแน่ใจว่าโลเวลเดินตึงตังตรงมาหา เธอก็แสดงสีหน้าหวาดกลัวทันตา

“ฉะ...ฉันจะกลับบ้าน” บอกไปด้วยเสียงแหบแห้ง ปากคอสั่นระริก

คนตัวใหญ่วางถาดลงบนโต๊ะ ก่อนจะรีบสาวเท้าเร็วๆ เข้ามาประคองคนป่วย “ไม่ต้องรีบกลับหรอก คุณไม่สบายอยู่นะ อยู่กับผมนี่แหละ”

“ไม่ ปล่อยฉัน ฉันไม่อยากอยู่กับคุณ ไม่อยากเห็นหน้าคุณด้วย คนเลว!” เธอพยายามจะตะโกนสุดเสียงใส่หน้าอีกฝ่าย

โลเวลกัดฟันแน่น ถลึงตาวาววับมองคนป่วยที่แสนดื้ออย่างเอาเรื่อง “อย่ามาดื้อกับผม กลับไปนอนที่เตียง เดี๋ยวกินข้าวแล้วจะได้กินยา”

“ฉันไม่กิน แล้วคุณก็มากักขังฉันไม่ได้ด้วย”

“ผมเนี่ยนะกักขังคุณ” เขาถามเสียงเข้มจัดไม่ต่างจากใบหน้า กวาดตามองคนป่วยอวดเก่งที่ยังฝืนจะเดินหนีไปจากเขาให้ได้อย่างหัวเสีย “เดินก็จะไม่มีแรงอยู่แล้ว คิดว่าจะมีปัญญากลับบ้านได้ยังไงกันฮะ!”

“อย่ายุ่งกับฉัน ฉันกลับได้ก็แล้วกัน ปล่อย” เธอสะบัดแขนออกทันทีที่มือใหญ่ยื่นมาหมายจะคว้าไว้ แล้วสาวเท้าห่างโลเวลไปอีกสองสามก้าว แต่ไปได้แค่นั้นชายหนุ่มก็ต้องเดินตามเข้าไปตวัดร่างบางขึ้นอุ้มก่อนที่เธอจะทรุดล้มลง

“อวดเก่งไม่เข้าเรื่อง กลับไปนอนที่เตียงเลย” เขาคำรามใส่ แล้วไม่นำพาต่อแรงดิ้นรนของคนป่วยที่มีเพียงเล็กน้อยนั้น ชายหนุ่มอุ้มหยาดอรุณกลับมาที่เตียงได้ดังเดิมโดยง่ายดาย

“คุณจะเอาอะไรจากฉันอีก รังแกฉันยังไม่หนำใจหรือไง ปล่อยฉันไปสักทีเถอะ”

“ไม่ปล่อย จนกว่าจะกินข้าวแล้วยอมกินยาดีๆ ก่อน”

“ไม่กิน” หญิงสาวปฏิเสธทันควัน แต่ต้องใจหายวูบเมื่อตาคมกริบของเขาตวัดมองมาอย่างเอาเรื่อง

“คุณจะยอมกินข้าวกินยาดีๆ หรือจะให้ผมกินคุณแทน บอกไว้ก่อนนะว่าถ้าผมกินคุณคราวนี้ รับรองคุณไม่มีแรงก้าวลงจากเตียงได้แน่นอน” เขาขู่ สีหน้าจริงจังจนหยาดอรุณหงอ

หญิงสาวนึกถึงฉากหวามไหวที่ได้รับจากเขาแล้วเนื้อตัวก็สั่นสะท้าน หัวใจเต้นแรงไปหมด แต่เธอก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในความหวาดหวั่นกับเรื่องนั้น จริงๆ แล้วมีความสุขที่เธอเพิ่งเคยสัมผัสเจือปนอยู่ด้วย

“ฉะ...ฉันกินก็ได้ แต่คุณต้องสัญญาก่อนว่าจะปล่อยฉันไป”

“ผมก็ไม่ได้ขังคุณไว้นี่ แต่คุณเองต่างหากที่ไม่สบายจนไปไหนไม่รอด”

“ก็เพราะใครล่ะ เพราะคุณไม่ใช่เหรอที่ทำกับฉันจนฉันไม่สบายแบบนี้ คนละ...อุ๊บ!” คำว่าคนเลวไม่ทันได้ออกจากปากหยาดอรุณอีกรอบ ปากเล็กอิ่มก็ถูกปิดสนิทด้วยปากหนาของโลเวล เขาดูดกลืนคำพูดและความหวานจากหญิงสาวจนร่างกายของเธออ่อนระทวยอย่างห้ามไม่ได้

“อย่าด่าผัวตัวเองว่าเลวอีก ไม่งั้นผมจะทำมากกว่าจูบ” เขาบอกเสียงพร่าแทบริมฝีปากหญิงสาว

“คุณอย่ามาใช้คำนี้กับฉัน คุณไม่ใช่...” เธอกระดากปากเกินไปที่จะเอ่ยคำว่า ‘ผัว’ ออกมา

“จะบอกว่าผมไม่ใช่ผัวคุณอย่างนั้นเหรอ ปฏิเสธไปเถอะ ยังไงความจริงคุณกับผมก็รู้กันอยู่เต็มอก แล้วเรื่องนี้คุณขวัญพี่สาวของคุณก็ควรรู้ด้วย...”

“ไม่นะ ทำกับฉันถึงขนาดนี้แล้วยังไม่พอใจอีกเหรอ คุณยังจะเอาเรื่องเลวร้ายที่ทำกับฉันไปประกาศบอกพี่สาวฉันอีกเหรอ คุณมันไม่ใช่คน คุณมันใจดำ” เธอทุบตีเนื้อตัวชายหนุ่มอย่างบ้าคลั่ง โลเวลก็ไม่หลบ เขาเพียงแค่รวบข้อมือทั้งสองของเธอตรึงไว้ จนหยาดอรุณหมดหนทางทุบตีอีก

“น้ำค้าง เลิกร่ำร้องและทำร้ายร่างกายผมก่อนเถอะ กินข้าวแล้วกินยาก่อน อย่าดื้อ” เสียงนั้นราวผู้ปกครองปรามเด็กตัวเล็กๆ

หยาดอรุณเม้มเรียวปากแน่นข่มความเจ็บใจเอาไว้ ที่ระบายออกมาได้ยามนี้ก็มีแค่น้ำตาซึ่งเริ่มเอ่อคลอ

“อย่าร้องไห้ด้วย หยุดเดี๋ยวนี้” หัวใจคนตัวใหญ่ปวดหนึบยามเห็นน้ำตาของหญิงสาว เขาสูดลมหายใจเข้าปอดลึก เดินหันกลับไปเอาชามโจ๊กแล้วเดินกลับมาที่เตียงอีกครั้ง “หยุดร้อง แล้วกินข้าว”

ที่สุดคนป่วยซึ่งถูกข่มขู่ก็ไม่มีทางปฏิเสธ เมื่อเขาใช้สายตาดุดันบังคับให้เธอกินโจ๊กในชามที่ยื่นมาให้ หยาดอรุณก็จำใจต้องทำตาม

 

เจ้าของร่างบางในชุดเสื้อเชิ้ตผู้ชายสีขาวตัวใหญ่ยาวคลุมหัวเข่ายืนมองเงาตัวเองในกระจกเหนืออ่างล้างหน้าในห้องน้ำด้วยความโศกเศร้าเสียใจเต็มกำลัง ดวงตากลมโตแดงก่ำจากการแอบมาร้องไห้ในห้องน้ำเกือบชั่วโมงเต็ม บวมจนเจ้าของดวงตาคู่สวยรู้สึกว่าจะปรือตาขึ้นไม่ไหวเต็มที

หยาดอรุณยกหลังมือปาดน้ำตาที่คงไหลไม่หยุด ทั้งโกรธและเกลียดผู้ชายเห็นแก่ตัวชั่วช้าที่รังแกเธออย่างโลเวล ไม่อยากจะออกจากห้องน้ำไปเห็นหน้าเขาอีกเลย

เสียงเคาะประตูห้องน้ำดังรัวติดกันหลายที ทำให้คนที่กำลังร้องไห้ถึงกับสะดุ้งไหล่ไหว ร่างบางหมุนตัวมองไปยังบานประตู เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวั่นเกรงเมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อยๆ แถมยังตามมาด้วยเสียงเรียกห้วนห้าว

“น้ำค้าง! คุณจะแช่ตัวอยู่ในนั้นอีกนานไหม ออกมาได้แล้ว ไม่อย่างนั้นผมจะพังประตูเข้าไปเดี๋ยวนี้ แล้วเราจะได้เห็นดีกัน!”

มือเรียวสั่นค่อยๆ เอื้อมไปหาลูกบิดประตูห้องน้ำ แต่ก็ต้องตกใจหน้าซีดอีกครั้งเมื่อเสียงของโลเวลข่มขู่กร้าวขึ้นทุกขณะ

“บอกให้เปิดประตูไง เร็วๆ!”

ปัง! ปัง! ปัง!

เสียงทุบประตูรัวติดกันอย่างไม่ยอมทำให้หญิงสาวต้องรีบตาลีตาลานเปิดประตูห้องน้ำ ก่อนที่จะถูกอีกฝ่ายโกรธและระบายอารมณ์บ้าคลั่งกับเธออย่างที่เคยทำมาจนหนำใจครั้งแล้วครั้งเล่า

“เข้าไปแช่ตัวในห้องน้ำทำไมเป็นชั่วโมง คิดว่าจะหลบหน้าผมพ้นหรือไง แค่ประตูบานเล็กๆ แค่นี้อย่าคิดว่าผมจะไม่มีปัญญาทำอะไรกับมันนะ”

“ฉันก็ออกมาแล้วนี่ไง เลิกขู่ฉันสักทีเถอะ แล้วก็ปล่อยฉันไปจากนรกนี่สักที”

“อยากรีบกลับไปหาไอ้พวกลูกค้าผู้ชายที่เลานจ์นั่นหรือไง” เขาตวัดเสียงกร้าวจัด ถลึงตาวาวโรจน์ปนความหึงหวงลึกๆ ใส่คนตัวเล็กตรงหน้า

หญิงสาวสะบัดหน้าพรืด เดินเลี่ยงร่างสูงใหญ่ไปอย่างไม่อยากใส่ใจ

“ฉันมีเรื่องสำคัญกว่านั้นที่ต้องทำ ไม่ได้จะกลับไปทำอย่างที่คุณว่าสักหน่อย” หยาดอรุณยอมรับว่าใจเธอสั่นกลัวเขาเอาการ แต่ก็พยายามจะทำเสียงแข็งเข้าสู้บ้าง

“เรื่องอะไร ถึงสำคัญมากขนาดที่อยากจะไปจากผัวตัวเองนัก”

“คุณวูล์ฟ เลิกใช้คำนั้นกับฉันได้แล้ว เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน และฉันจะคิดว่ามันไม่เคยเกิดเรื่องบ้าๆ นั่นขึ้นกับฉัน”

โลเวลขบกรามแน่น เดินตามคนตัวเล็กไปแล้วกระชากแขนเธอเต็มแรงจนร่างเล็กปลิวเข้ามาหา

 “อย่างนั้นเหรอ แต่ผิดกับผมลิบลับ สำหรับผม ผมคงไม่ลืมและคงจะไม่ยอมให้คุณลืมว่าผมเป็นผัวคุณง่ายๆ ด้วย” สิ้นคำหนุ่มลูกครึ่งก็อุ้มร่างบางแสนเบาหวิวพาดไหล่ ก้าวอาดๆ ตรงไปยังเตียงนอนอีกครั้ง

“คุณจะทำอะไร ปล่อยฉันนะ!” คนถูกอุ้มพาดไหล่กว้างดิ้นขลุกๆ สองขาเตะอากาศ ขณะที่สองมือทุบตีคนตัวใหญ่บ้าทั้งพลังและอำนาจอย่างไม่ลืมหูลืมตา “ปล่อย...ปล่อยฉัน! ฉันไม่มีทางยอมให้คุณทำอะไรแบบนั้นกับฉันอีกเด็ดขาด”

“งั้นก็ลองดูไหม จะได้รู้กันไปเลยว่าระหว่างผมกับคุณ ใครจะแน่กว่ากัน”

“คุณวูล์ฟ ปล่อย...ว้าย!” เสียงร้องหวีดดังตามมาทั้งที่ยังพูดไม่จบประโยคด้วยซ้ำยามร่างบางถูกเหวี่ยงลงไปนอนอยู่กลางเตียงใหญ่ที่เคยเป็นสนามรักของพวกเขา และมันกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า

มือเรียวที่กำลังทั้งผลักและทุบตีอกกว้างของคนซึ่งเคลื่อนลงมาทาบทับกายเธอชะงักงัน เสียงหวีดร้องต่อต้านถูกปิดกั้นและเงียบหายลงในลำคอเมื่อปากหนาของโลเวลประกบจูบลงมาอย่างหนักหน่วงและแรงร้อน จนสุดท้ายคนตกเป็นรองก็ต้องพ่ายแพ้ต่อแรงจู่โจมที่เขากำลังฝากฝังไว้บนร่างกายของเธออีกคราว

 

“ถ้าไม่อยากให้ผมรุนแรงกับคุณแบบนี้ คุณก็อย่าดื้อกับผมอีก อย่าทำให้ผมโกรธ รู้ไหมน้ำค้าง” เขากระซิบเสียงแหบพร่าข้างหูเล็ก พร้อมกับเพ่งพิศมองเสี้ยวหน้าเนียนขาวของหญิงสาวที่ตอนนี้หลับตาพริ้มราวกับหลับใหลลึก

โลเวลรู้ดีว่าผู้หญิงข้างกายที่มอบความสุขให้แก่เขาอย่างที่ไม่เคยได้รับจากผู้หญิงคนไหนในโลกมาก่อนคนนี้กำลังแกล้งหลับเพื่อที่จะหลบหนีความจริง หรือไม่ก็คงจะไม่อยากลืมตามามองหน้าเขานั่นละ

ก็แน่ละ...เขาทำให้เธอร้องครางไม่เป็นตัวของตัวเองได้มากมายเสียขนาดนั้น เธอก็คงต้องอายที่จะยอมรับความจริงว่าที่แท้แล้วเธอเองก็มีความสุขร่วมไปกับเขาเช่นกัน

เสียงโทรศัพท์มือถือของโลเวลดังขึ้น ชายหนุ่มจำต้องผละห่างร่างนุ่มหอมของคนข้างกายเพื่อเอื้อมคว้าโทรศัพท์มาดู และพบว่าคนที่โทร. มากวนเขาในยามบ่ายแก่ๆ เช่นนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นมือขวาคนสนิทคนเดิม

โลเวลปิดเสียงเรียกเข้าให้เงียบลง ก่อนจะเอี้ยวตัวกลับมาหาหยาดอรุณที่นอนตะแคงหันหลังให้เขาอีกครั้ง แล้วโน้มตัวลงไปกระซิบข้างแก้มใส ลมหายใจอุ่นๆ จากชายหนุ่มทำให้หญิงสาวที่แกล้งหลับถึงกับนอนตัวเกร็ง

“ผมรู้นะว่าคุณแกล้งหลับ แต่ก็เอาเถอะ ผมจะปล่อยให้คุณพักผ่อนให้เต็มที่ก็แล้วกัน เผื่อว่าคืนนี้คุณจะมีแรงลุกขึ้นมาเล่นเกมรักกับผมได้อีกสักเกมสองเกม” พูดจบก็จูบเบาๆ อย่างหลงใหลที่ข้างแก้มนุ่มนิ่ม ก่อนจะยอมผละห่างไปอีกครั้ง ร่างสูงใหญ่ก้าวลงจากเตียงแล้วเลี่ยงไปคุยโทรศัพท์กับคีรีนอกห้องนอน

เมื่อเสียงฝีเท้าหนักๆ ของโลเวลพ้นไปได้ไม่นาน คนที่นอนเกร็งทื่ออยู่บนเตียงก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ก่อนที่ร่างบางจะรีบผุดลุกนั่งอย่างรวดเร็ว กระชับผ้าห่มคลุมกายเปล่าเปลือยไว้แน่น แล้วก้าวลงจากเตียง

หญิงสาวหันซ้ายมองขวาอยู่ชั่ววินาที ก่อนจะรีบก้มเก็บเสื้อผ้าที่ตกเกลื่อนพื้นขึ้นมาหอบไว้แนบอก จากนั้นคนที่อ่อนแรงจากเกมรักจนแข้งขาสั่นแทบจะไม่มีแรงเดินก็พาร่างอ่อนเพลียหายเข้าไปในห้องน้ำ ชำระร่างกายคาวๆ ของเธอเสียพร้อมกับที่คิดหาวิธีหนีออกไปจากนรกแสนหวามใจนี้ของโลเวลให้ได้

หยาดอรุณออกมาจากห้องน้ำหลังจากสลัดความกลัวทิ้งแล้วเรียกสติกลับมาได้ แม้ยังจะไม่เต็มร้อย แต่เธอก็หวังว่าจะมากพอที่จะเอาตัวรอดไปจากคอนโดแห่งนี้

เท้าเรียวค่อยๆ ย่องมาหยุดตรงหน้าประตู ค่อยๆ แง้มบานประตูห้องนอนเปิดออกช้าๆ จากนั้นจึงชะเง้อออกไปด้านนอก หันซ้ายมองขวาว่าเจ้าของคอนโดตัวใหญ่ราวยักษ์ปักหลั่นที่ดีแต่รังแกผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธออยู่มุมไหนของสถานที่แห่งนี้ ทว่ายังไม่ทันได้เห็นตัวของอีกฝ่าย เสียงทุ้มห้วนของเขาก็ดังมากจากมุมไหนสักมุม

หญิงสาวผลุบหัวกลับเข้าไปในห้องนอนอีกครั้ง แต่ก็ยังแง้มประตูพอให้ได้ยินเสียงโลเวล ซึ่งมั่นใจว่าเขากำลังคุยโทรศัพท์กับใครสักคนหนึ่งด้วยอารมณ์ฉุนจัดอยู่เป็นแน่

“อย่ามาทำตัวเป็นผู้หญิงน่ารำคาญ พูดอะไรไม่เข้าใจได้ไหม และอย่าได้คิดว่าการที่ได้นอนกับผมแค่ครั้งเดียวจะมาเรียกร้องสิทธิ์อะไรได้นะ”

คนแอบฟังชายหนุ่มคุยโทรศัพท์อย่างเสียมารยาทอยู่แทบหยุดหายใจ ตัวแข็งเกร็งเป็นหุ่นพร้อมกับที่เสียงเต้นของหัวใจแรงเร็ว ยามได้ยินประโยคถัดมาของเขาตอกย้ำความคิดของเธอว่าเขาเป็นผู้ชายเช่นไร

“ผมไม่ชอบนอนกับผู้หญิงคนไหนซ้ำซาก เรื่องนี้คุณก็รู้ดีและยอมรับมันแต่แรกอยู่แล้วก่อนที่จะยอมขึ้นเตียงกับผม เพราะฉะนั้นอย่ามายุ่งวุ่นวายกับผมอีก ถ้าไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าผมใจร้ายก็แล้วกัน”

หยาดอรุณยกมือขึ้นปิดปากแน่น คำพูดของโลเวลบอกชัดเจนว่าเขาเป็นผู้ชายเห็นแก่ตัวและชั่วช้า

‘ผู้ชายเห็นแก่ตัว ไม่มีความรับผิดชอบ สารเลวที่สุด!’

หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่น รู้สึกปวดหนึบในอก และราวสิ่งที่กำลังได้ยินจากปากของชายนอกห้องเป็นคำทำนายชะตาชีวิตของเธอแล้วว่า ถ้าวันหนึ่งเกิดอะไรขึ้นกับเธอโดยมีต้นเหตุจากเขาเป็นคนกระทำ เธอก็จะไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรได้เหมือนกัน

“คนเลว เห็นแก่ตัว ผู้หญิงคนอื่นง้อคุณ ต้องการคุณเพราะอะไรฉันไม่รู้หรอกนะ แต่ฉันไม่ได้อยากนอนกับคุณเลยสักนิด และไม่มีทางอยากจะเรียกร้องอะไรจากผู้ชายอย่างคุณเหมือนผู้หญิงคนอื่นแน่ๆ” หญิงสาวเค้นเสียงลอดไรฟันบอกกับตัวเองอย่างมาดมั่นระคนคับแค้นใจ

ดูเหมือนว่าบางทีเธอก็คงไม่จำเป็นต้องหาวิธีหนีไปจากโลเวลแล้วสินะ เพราะเขาบอกเองว่าไม่ชอบนอนกับผู้หญิงคนไหนซ้ำซาก และจากที่เขานอนกับเธอมันก็ซ้ำซากจนผู้ชายเลวๆ อย่างเขาน่าจะเบื่อหน่ายพอแล้ว เช่นนั้นเขาก็น่าจะปล่อยเธอไปได้สักที และถึงเวลานั้น สาบานเลยว่าเธอจะไม่มีทางอยากพบเจอกับผู้ชายคนนี้อีกเด็ดขาด

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น