6

บทที่ 6


 6

 

ลลิษารู้สึกได้ถึงอาการสั่นระริกของเนื้อตัว กายร้อนผ่าว วูบวาบไปทั่วสรรพางค์ราวกับคนจับไข้ เธอยึดบ่าเขา พลางแหงนหน้าไปด้านหลังอย่างสุดจะต้านทาน ปราณธรทำให้เธอใจหวิว เป็นประสบการณ์แปลกใหม่ ตอนลองกับพิมพ์ใจยังไม่เสียวซ่านเท่านี้ ครั้งนั้นตื่นเต้นและอยากรู้อยากเห็น แต่ครั้งนี้เธอหายใจไม่ทั่วท้อง ลมหายใจติดขัด หัวใจแทบโลดเต้นออกมาข้างนอกในทุกสัมผัสที่เขาแตะต้อง ทุกอณูที่ปลายลิ้นเขาลากผ่านก่อให้เกิดความเสียวซ่าน สุขสม โดยเฉพาะเมื่อเขาครอบครองยอดอก ใช้ฟันงับครูดไปตามนวลเนื้อ ก่อเกิดความรัญจวนและทรมานแปลกๆ ราวกับมีผีเสื้อนับร้อยกำลังกระพือปีกในช่องท้อง

“พี่ปราณ” เธอครางเรียกชื่อเขา จิกเล็บกับไหล่เขาอย่างทรมาน

ปราณธรไม่เคยรู้เลยว่าชื่อตัวเองยามหลุดจากปากจิ้มลิ้มจะให้ความรู้สึกทั้งอบอุ่น เซ็กซี่และชวนให้วาบหวามแบบนี้ เขาตอบด้วยเสียงนุ่มนวลโดยไม่ผละจากทรวงอกงาม

“เธอยังไม่พร้อมแม่หนูน้อย ให้เวลาฉันอีกหน่อย”

“แต่หนูทรมาน”

ปราณธรอึ้งเมื่อเธอไม่แค่พูด แต่ยังจับมือเขาสอดเข้าไปในชุดเอี๊ยม เกาะกุมนวลเนื้อผ่านกางเกงใน

“นั่นหรือที่ที่เธอทรมาน” เขาถามเสียงเข้ม

ลลิษาพยักหน้า หน้าแดงก่ำ เธอเขินเกินกว่าจะเอ่ยออกมาเป็นคำพูด ไม่กล้าสบตาเขา ได้แต่เสมองคาง

“อยากให้ฉันจับแบบนี้หรือเปล่า” ปราณธรลูบไล้จุดหวามไหวผ่านเนื้อผ้าบางเบาของกางเกงในตัวสวย แววตาเข้มข้นเหลือบมองลลิษาที่เกร็งตัว กายบิดเร่า ใบหน้างามแฉล้มและทั่วสรรพางค์แดงก่ำ ตาปรือ ริมฝีปากเจ่อนิดๆ จากการโดนเขาตะโบมจูบ เป็นภาพที่งดงามและเซ็กซี่ ปราณธรยื่นหน้าไปจุ๊บริมฝีปากนุ่มเร็วๆ ทีหนึ่งอย่างอดใจไม่อยู่

ลลิษาทรมานหนักขึ้นด้วยว่าฝ่ามือเขาให้ความรู้สึกไม่ต่างจากลูกไฟที่กำลังนาบเนื้อตัว เธอยื่นหน้าไปจูบเขาอย่างไม่อาจสะกดกลั้นอารมณ์ได้อีกต่อไป เธอจูบเขาอย่างดุดัน หนักหน่วง

“ช่วยหนูด้วย” เธอครางกับริมฝีปากเขา งับกลีบปากล่างเขา

ปราณธรครางในลำคอ ลลิษาอารมณ์รุนแรง เร่าร้อน และร้อนแรงสมดั่งที่อวดสรรพคุณ เขาจูบตอบเด็กสาวอย่างดูดดื่มและเร่าร้อน สอดมือเข้าไปในกางเกงใน เกาะกุมนวลเนื้อที่แสดงความเป็นหญิง จนเธอครางอย่างสุขสม เขากระตุ้นเร้าหนักขึ้นด้วยการบดขยี้จุดที่ไวต่อสัมผัส พลางดูดซับเสียงกรีดร้องของเด็กสาว ต้นขาเธอหดเกร็งหนีบมือเขา กระนั้นเขายังไม่หยุดกระตุ้นเร้า

ลลิษาหลับตาพริ้ม สติเริ่มรางเลือน แต่ก็รับรู้ได้ถึงความสุขสมและความเสียวซ่านที่เขากำลังปรนเปรอ ความเสียวซ่านแผ่กระจายไปทั่วช่องท้อง กระนั้นยังไม่อาจบรรเทาความทรมานแปลกๆ ได้

“พระเจ้า...เธอหวานเหลือเกินแม่หนูน้อย รู้ตัวหรือเปล่า” ปราณธรอุทานเสียงแหบพร่าด้วยว่าขณะนี้ร่างตรงหน้ากำลังสั่นสะท้านอย่างรุนแรงจากสัมผัสที่เขามอบให้ เขายังไม่เคยเจอปฏิกิริยาจากเพศตรงข้ามที่สวยงามเท่านี้มาก่อน กายสาวแอ่นโค้งไปด้านหลังไม่ต่างจากคันธนูที่ถูกง้างสายจนตึง แต่ขณะเดียวกันก็สั่นไหว สองมือที่กุมบ่าเขาเกร็งจนเล็บจิกลงมาบนเนื้อ ทั้งหมดเป็นภาพงดงามอ่อนหวานและเซ็กซี่ ก่อให้เกิดความรู้สึกอ่อนหวานและพาให้ใจละลาย ปราณธรบันทึกภาพตรงหน้าไว้ในความทรงจำ ภาพเธอจะตราตรึงอยู่ในใจเขาไปอีกนาน

“มากกว่านี้ได้ไหม” ลลิษากระซิบผะแผ่ว น้ำเสียงแหบพร่า

ปราณธรไม่ตอบ แต่ชะโงกหน้าไปจูบเด็กสาว เขาบดขยี้กลีบปากนุ่มพลางสอดปลายนิ้วเข้าไปในกายเธอ เด็กสาวสะดุ้ง พยายามหุบขาตามสัญชาตญาณ ทว่าปราณธรกลับชะงักเมื่อเจอสิ่งกีดขวาง

“ลิซ?” เขาเรียกด้วยเสียงไม่แน่ใจ คิ้วขมวดมุ่น

“คะ?” เธอปรือตามองเขา แววตางุนงง

ปราณธรคราง แววตาเด็กสาวที่มองเขาฉ่ำหวานยังกับผู้หญิงบานฉ่ำ “ช่วยยกตัวให้ฉันหน่อยได้ไหมแม่หนูน้อย ฉันอยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง”

ลลิษาไม่เข้าใจความหมายของเขา แต่เธอก็ทำตามความต้องการเขาเงียบๆ เธอยืดตัวนั่งตรงจากท่าคุกเข่า ส่งผลให้เอี๊ยมหลุดลุ่ยลงไปกองที่หัวเข่า ปราณธรปลดกางเกงใน รูดไปกองที่หัวเข่าแล้วเลื่อนเธอไปนั่งบนปลายขา

“เกาะบ่าฉันให้มั่น ฉันจำเป็นต้องรู้ความจริง”

“ความจริงอะไร” ลลิษาขมวดคิ้ว ถามอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็ทำตามคำขอเขาเงียบๆ

ปราณธรไม่ตอบ เขาอ้าขาตัวเองเป็นผลให้เด็กสาวต้องถ่างขาตาม สอดนิ้วเข้าไปในกายนุ่มอย่างช้าๆ เฝ้าจับสังเกตใบหน้างามที่บัดนี้แดงก่ำไม่ต่างจากผลตำลึงสุก

ลลิษาปรือตามองเขาด้วยนัยน์ตาฉ่ำหวาน ก่อนเหยเกบิดเบี้ยวเมื่อเขาแทรกปลายนิ้วเข้าไปสัมผัสหลักฐานที่แสดงถึงความเป็นสาวบริสุทธิ์

พระเจ้า...เด็กสาวยังเป็นสาวบริสุทธิ์!

ปราณธรหลับตาลง พยายามสะกดกลั้นความต้องการ การขึ้นเตียงกับลูกสาวแฟนเก่าเป็นเรื่องหนึ่ง แต่หากเธอทั้งเยาว์วัยไร้เดียงสาแถมยังเวอร์จินด้วยแล้วก็เป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับเขา เขายังไม่คิดอยากฝืนกฎตัวเองในตอนนี้

“ลิซ” เขาเรียกเสียงเข้ม น้ำเสียงกรุ่นโกรธอยู่ในที

“คะ?” เธอปรือตามองเขา มนตร์คลายตัวเมื่อเห็นสีหน้าบึ้งตึงของเขา

“ไหนว่าเคยมีอะไรกับผู้ชายมาแล้ว”

ลลิษาขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจคำถามเขา มากกว่านั้นคือไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องเป็นโกรธเป็นแค้น ทำไมจู่ๆ อารมณ์เขาถึงแปรปรวน เด็กสาวกะพริบตาถี่ๆ พยายามเรียกสติกลับคืน

“คะ? หนูเคยผ่านเรื่องอย่างว่ามาแล้วจริงๆ” เธอยืนยัน หน้าแดงก่ำด้วยความขัดเขิน

“ทั้งที่ฉันกำลังจับพยานหลักฐานนี่นะ ยังจะโกหกอีกหรือ” ปราณธรถามเสียงเครียด

ลลิษานิ่วหน้าด้วยความเสียวซ่าน กัดริมฝีปากสะกดกลั้นเสียงคราง เธออยากหุบขาแต่ติดมือเขา “หนูเคยผ่านเรื่องอย่างว่ามาแล้วจริงๆ” เธอยืนยัน เสียงขาดเป็นห้วงๆ

ปราณธรหรี่ตา แววตาส่งสัญญาณเตือน “ฉันเกลียดที่สุดคือคนโกหก”

“หนูไม่ได้โกหก” เธอโต้กลับ “หนูเคยลองเรื่องอย่างว่ามาแล้วจริงๆ กับเพื่อน”

“เพื่อน?”

ลลิษาเชิดหน้า “ใช่ เพื่อนหนู”

“ผู้ชายหรือผู้หญิง”

“ทอม” เธอตอบโดยไม่มองหน้า

ปราณธรพ่นลมหายใจพรืดใหญ่ ยกมือเสยผมด้วยความหงุดหงิด พลันชะงักเมื่อพบว่าเป็นมือข้างเดียวกับที่สำรวจส่วนซ่อนเร้นของเด็กสาว กลิ่นเนื้อหอมกรุ่นรัญจวนยังติดอยู่ที่ปลายนิ้ว ก่อเกิดความกำหนัดอย่างรุนแรง ปราณธรต้องสะกดกลั้นตัวเองเต็มที่ที่จะไม่กระชากเด็กสาวมาครอบครองและบดขยี้อย่างหนักหน่วงรุนแรงบนหน้าขาตัวเอง

เขาตัดใจยกเด็กสาววางลงบนโซฟา ส่วนตัวเองลุกยืน เขาต้องการน้ำเย็นจัดเพื่อช่วยกำจัดอะไรก็แล้วแต่ที่กำลังลุกโพลงจนทำให้ความคิดความอ่านที่เป็นเหตุเป็นผลถดถอยอยู่ในขณะนี้ เขาพยายามดึงสติกลับคืนแล้วกล่าวโดยไม่มองหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพรา

“สวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยซะ เราต้องคุยกัน อีกสิบนาทีเจอกันที่นี่ ฉันจะไปทำธุระส่วนตัวแล้วกลับมา ส่วนเธอ...ถ้าต้องการใช้ห้องน้ำก็ใช้ชั้นล่างได้ มีผ้าขนหนูพร้อม”

ลลิษาคอแข็ง “แล้วทำไมต้องเป็นคืนนี้ พรุ่งนี้ได้มั้ย คืนนี้หนูเหนื่อยแล้ว อยากพักผ่อน”

ปราณธรชะงักเท้าที่เพิ่งก้าวพ้นเด็กสาว หันกลับมามองแล้วต้องชะงัก รีบเมินหนี เพราะลลิษายังคงนั่งนิ่ง ไม่คิดจะคว้าเสื้อผ้ามาสวม

บ้าจริง...ยอดอกกลมกลึงชูชันอวดสายตา เขาอยากดูดกลืนยอดอกคู่นั้นอีกครั้ง จำรสชาติได้ดีว่าหวานล้ำแค่ไหน มันยังติดอยู่ที่ปลายลิ้น พระเจ้า...ปราณธรคราง ด้วยว่าแค่คิด น้องชายเขาก็กลับมาแข็งขึง แม่ตัวแสบช่างยั่วกิเลสได้ดีแท้ แถมมีความกวนประสาทพอๆ กับความเซ็กซี่เลยทีเดียว

“ถ้าฉันจะคุย ฉันก็จะคุย” ปราณธรกัดฟันพูด น้ำเสียงแทบไม่ลอดไรฟัน

“เผด็จการเกินไปแล้ว”

ปราณธรหันขวับไปมองจนได้ เขาจ้องหน้าเด็กสาวตรงๆ จำกัดสายตาให้อยู่แค่วงหน้างาม “ถ้าเธอยอมรับไม่ได้ ก็ออกไปจากบ้านนี้ ฉันไม่ได้บังคับให้เธออยู่ นี่คือกฎกติกาของฉัน เมื่อฉันสั่งเธอต้องทำ ถ้าจะอยู่บ้านนี้ก็ต้องยอมรับมันให้ได้ ฉันจะกลับมาในอีกสิบนาที ถ้าไม่เจอเธอ ระหว่างเราเป็นได้เห็นดีกันแน่”

ลลิษาเม้มปากแน่น มองจนปราณธรเดินลับสายตาแล้วจึงหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมด้วยมือไม้ที่สั่นระริก เธอสวมเสื้อในอย่างกระแทกกระทั้นด้วยว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงหยุดไปดื้อๆ ยังกับปิดสวิตช์ ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ ถึงร่วงตกจากขอบสวรรค์ทั้งที่ทุกอย่างกำลังไปได้สวย กระทั่งเขาพูดถึงเรื่องพรหมจรรย์บ้าๆ นั่น

บ้าฉิบ...ลลิษาสบถ สาบานเลยว่าต่อไปนี้ถ้าเขาไม่เริ่มก่อน เขาไม่มีทางได้แอ้มเธอแน่ เพราะเธอเบื่อเต็มทีแล้วเหมือนกันกับการเสนอตัวให้เขา ชีวิตเธอไม่เคยทำอะไรตื้นเขินแบบนี้มาก่อน นับแต่หลงรักผู้ชายโง่ๆ คนนี้ ชีวิตเธอก็พลิกตะแคงตีลังกา

ลลิษานึกพลางปาดน้ำตาที่ซึมหางตา เธอจะกลับมาเป็นตัวของตัวเอง จะเลิกเสแสร้งแกล้งทำว่าเก่งเรื่องอย่างว่าเสียเต็มประดา เลิกแล้วที่จะตามตื๊อเขา ถ้าเขาอยากได้เธอ ก็จงเดินหน้าใช้ความสามารถบวกกับความฉลาดเอาเองเถอะ อ้อ...ถ้าถึงตอนนั้นเธอยังต้องการเขาอยู่นะ เพราะผู้หญิงอย่างเธอเกลียดผู้ชายโง่ๆ โดยเฉพาะผู้ชายโง่ๆ ที่ชอบทำตัวงี่เง่ากับเรื่องไม่เป็นเรื่อง

 

ปราณธรกลับมาที่ห้องรับแขกอีกครั้ง พบว่าเด็กสาวแต่งตัวเรียบร้อย ใบหน้างามแฉล้มสะอาดหมดจดอย่างที่ดูออกว่าเพิ่งผ่านการล้างหน้ามาหมาดๆ เธอยืดตัวนั่งหลังตรง เชิดหน้า มองตรงไปยังประตูทางเข้า ไม่แม้แต่ชายตามองเขาเมื่อเขาทรุดตัวนั่งตรงข้าม

“ทำไมต้องเสแสร้งว่าเคยเสียตัวมาแล้ว” ปราณธรยิงคำถามตรงๆ

เธอเกลียดผู้ชายสำอาง เกลียดหนุ่มสำราญคนนี้ กลิ่นหอมของเนื้อตัวหลังอาบน้ำของเขาโชยมาแตะจมูก มันเป็นกลิ่นโคโลญหลังโกนหนวดผสมกับกลิ่นเนื้อแท้แห่งบุรุษเพศ กลิ่นของความเย่อหยิ่งจองหอง ถือตัว กลิ่นของคนเจ้ายศเจ้าอย่าง กลิ่นของการถือทิฐิโง่ๆ

“ไม่ใช่เสแสร้ง ถ้าคุณจำได้วันนั้นดิฉันใช้คำว่า ดิฉันเคยผ่านเรื่องอย่างว่ามาแล้ว”

ปราณธรชะงัก คิ้วเลิกสูงเมื่อเด็กสาวเปลี่ยนสรรพนามมาใช้คำแทนตัวห่างเหินว่าคุณและดิฉัน แววตาที่สบตาเขาเย็นชาไร้ซึ่งความรู้สึก ไม่ได้ฉายแววรักใคร่อบอุ่นแบบเดิมอีก ปราณธรอึ้ง เกิดความรู้สึกโหวงๆ แปลกๆ ตอบไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆ เขาไม่ชอบใจเลย

“โอเคงั้นฉันก็คงเข้าใจผิดไปเองสินะ” น้ำเสียงปราณธรอ่อนลง

“ดิฉันเคยมีเพื่อนเป็นทอม โอเค...ดิฉันอาจปากแข็งเกินไป ใช่...พิมพ์เป็นแฟนดิฉัน เราเคยมีอะไรด้วยกันมาก่อน เราทำออรัลเซ็กซ์ให้กัน เพราะงั้นแบบนี้จะถือว่าเคยผ่านเรื่องอย่างว่ามาได้มั้ย”

ปราณธรบดกรามแน่น เมินหน้าจากใบหน้าเกลี้ยงเกลาหมดจด พระเจ้า...แค่ได้ยิน เขาก็รู้สึกทนไม่ได้แล้ว ใจร้อนรุ่มแปลกๆ เมื่อได้ยินว่าทอมเพื่อนเธอเคยมีโอกาสทำในสิ่งที่เขาอยากทำมาแล้ว

“เธอเข้าใจใช่ไหม การทำออรัลเซ็กซ์ไม่ได้หมายความว่าเสียความบริสุทธิ์ เธอยังเป็นสาวพรหมจรรย์” น้ำเสียงเขาแหบห้าวจนต้องกระแอม พระเจ้าช่วย...ลลิษาเป็นเด็กสาวประเภทไหนกัน ที่คิดว่าเข้าใจดีแล้ว เธอกลับกระโดดไปเป็นอีกคนที่เขาไม่เคยรู้จัก ดี้ คำคำนี้เขาไม่เคยรู้จัก ไม่เคยอยู่ในสารบบชีวิตเขามาก่อน ผู้หญิงทุกคนที่เขายุ่งด้วยเป็นผู้หญิงเต็มร้อย

ลลิษาไหวไหล่ “ดิฉันก็ไม่ได้บอกว่าดิฉันเคยเสียตัวมาก่อน ว่าแต่ทำไมต้องให้ความสำคัญกับพรหมจรรย์นัก มันก็แค่เยื่อบางๆ ไม่ได้ทำให้ชีวิตเราวิเศษวิโสอะไรขึ้นมานัก”

ปราณธรคอแข็ง “เธอเข้าใจผิดแล้ว พรหมจรรย์เป็นสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิตลูกผู้หญิง เธอควรเก็บสิ่งที่มีค่านั่นให้แก่ผู้ชายที่เธอรักในคืนแต่งงาน”

หัวโบราณชะมัด...ใจคิด แต่ปากตอบว่า

“ขอบคุณที่สั่งสอน ดิฉันว่าดิฉันมีพ่อคนที่สองแล้ว ดิฉันไม่ควรเรียกคุณว่าพี่ แต่ควรเรียกคุณว่าพ่อน่าจะเหมาะสมกว่า ไหนๆ คุณก็เป็นเพื่อนแม่ ไม่สิ...แฟนเก่าแม่ที่ไม่คิดจะนอนกับดิฉันอยู่แล้วด้วยเหตุผลที่แสนจะนอนเซนส์ว่ายังเวอร์จิน เพราะงั้นต่อไปนี้ดิฉันเรียกคุณว่าพ่อน่าจะเหมาะสมกว่า ไม่สิ...ป๋าเหมาะกว่า เพราะคุณโคตรจะรวย มีสาวๆ ในฮาเร็มเพียบ”

ปราณธรบดกรามแน่น พูดเสียงต่ำอย่างส่งสัญญาณเตือน “อย่ายั่วฉันให้มาก เธอรู้ใช่ไหมว่าเธอมีความสามารถในการยั่วโทสะคนเป็นเลิศ เธอมีความแสบความกวนมากพอๆ กับความสวย ลลิษา”

ลลิษาไหวไหล่ ตอบไปอีกทางว่า “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ดิฉันขอตัว ดิฉันง่วงอยากไปนอนแล้ว”

“เธอจะเริ่มมาเป็นเลขาฯ ฉันได้เมื่อไหร่” ปราณธรถามไปอีกทาง

“ดิฉันขอทำที่ร้านจนถึงสิ้นเดือน เพราะดิฉันเบิกค่าจ้างล่วงหน้าแล้ว อ้อ...อย่างที่คุณพูด ดิฉันว่าดิฉันอยู่ที่เรือนคนใช้จะสะดวกและมีอิสระมากกว่า เพราะงั้นตกลงตามนั้น ดิฉันจะกลับไปอยู่เรือนคนใช้ตามเดิม”

 

“เป็นอะไร หน้าแดงยังกับตูดลิงแสม”

ลลิษาสะดุ้งโหยง กำลังคิดอะไรเพลินๆ ธราธรก็โผล่มานั่งข้างๆ เธอตวัดตาค้อนแล้วขยับถอยห่างไปชิดม้านั่งอีกด้าน หญิงสาวเพิ่งเอาขยะไปทิ้งที่ถังขยะใหญ่ริมถนน ขากลับเลยแวะนั่งพัก หยิบใบไม้ขึ้นมาพัด ดูต้นไม้ใบหญ้าไปเรื่อย แล้วจู่ๆ ธราธรก็โผล่มานั่งข้างๆ

“เปล่า”

“ยังจะเปล่าอีก ต้องมีดีอะไรแน่ๆ ไม่งั้นไม่หนีมานั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียวแบบนี้หรอก”

“ยิ้มบ้าอะไร คนกำลังเซ็ง” ลลิษาผุดลุก หยิบที่คีบขยะที่วางอยู่ข้างตัวติดมือมาด้วย ออกเดินโดยมีร่างสูงโปร่งของธราธรก้าวตาม เดินเคียงคู่ไปช้าๆ

“เซ็งอะไร เล่าให้ผมฟังมั้ย เผื่อช่วยอะไรได้” ธราธรถามอย่างมีน้ำใจ พลางยื้อที่คีบขยะมาช่วยถือ

ลลิษาหันไปแยกเขี้ยว แล้วต้องชะงักเมื่อเห็นเขายิ้มตอบกลับมา ยิ้มนั้นสดใสจนทำให้ใบหน้าเขาดูสว่างเจิดจ้าราวกับมีแสงสว่างส่องกระทบจนเธอต้องหยีตา ลลิษากะพริบตาปริบๆ รีบเบือนหน้ากลับ

ธราธรหน้าตาดี หล่อเหลาคมคายราวกับมีเลือดผสม เขาสูงไล่เลี่ยกับเธอ ใบหน้าเรียวรีล้อมกรอบด้วยผมหยักศก คิ้วหนาได้รูปสวยราวคันศรพาดเหนือดวงตาสีนิล จมูกโด่งรับกับริมฝีปากหนานิดๆ เขาหล่อไม่แพ้พี่ชาย เธอไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมไม่ชอบธราธร จะได้สิ้นเรื่องสิ้นราว ไม่ต้องมานั่งหงุดหงิดกวนใจกับผู้ชายที่ทั้งซับซ้อนและเข้าใจยากอย่างปราณธร

นาทีหนึ่งเขาทำท่าลุ่มหลงคลั่งไคล้ในตัวเธอ แต่อีกนาทีกลับผลักไสไม่แยแส แค่เพราะเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์ ไม่เคยเสียตัว เขาเลยไม่ขึ้นเตียงด้วย ตรรกะโง่ๆ ผู้ชายเส็งเคร็ง...เส็งเคร็งแล้วก็งี่เง่าด้วย ลลิษานึกบริภาษอยู่ในใจ เมื่อคืนเธอโกรธจัดเลยประชดไปว่าจะกลับไปอยู่เรือนคนใช้ แต่เขากลับรับฟังด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่ยินดียินร้าย ผู้ชายเฮงซวย... ลลิษาบริภาษอย่างหงุดหงิด

“เป็นอะไร มองหน้าผมแล้วทำท่าอยากกินเลือดกินเนื้อ”

“เปล่า” เธอล้วงกระเป๋ากางเกงผ้า ร้านกาแฟของชาลิสามียูนิฟอร์มให้พนักงานสวม เป็นเชิ้ตกับกางเกงผ้าสีน้ำตาลเข้ม พนักงานชงหรือพนักงานเสิร์ฟ ชายหรือหญิง สวมเหมือนกันหมด ไม่แบ่งแยกว่าหญิงต้องสวมกระโปรง ชายต้องกางเกง

ลลิษาแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่สดใสกระทั่งเห็นท้องฟ้าเป็นสีฟ้า นั่นสิ...ทุกอย่างรอบตัวสดใส อากาศก็แสนปลอดโปร่ง บอกถึงวันดีๆ แล้วทำไมเธอต้องมาหงุดหงิดกวนใจ ทำไมต้องยอมให้ปราณธรเข้ามามีอิทธิพลจนทำให้ใจเธอร้อนรุ่มขุ่นมัว ไม่ละ...ต่อไปนี้เธอจะตัดเขาออกจากใจ จะเปิดใจรับคนใหม่ๆ เข้ามาในชีวิต

“ปากแข็งจริง ลิซน่ะเป็นพวกจับไม่ได้ไล่ไม่ทันรู้หรือเปล่า”

สองปีก่อนเขาย้ายมาเรียนที่โรงเรียนนานาชาติซึ่งตอนนั้นเขายังฟาดงวงฟาดงา ไม่พอใจกับการที่พ่อแม่เรียกตัวกลับจากอเมริกา เลยอาละวาดไปทั่ว รวมถึงเด็กสาวตัวเล็กๆ ข้างกายคนนี้ก็ถูกเขาแผลงฤทธิ์ใส่ เขาแกล้งลลิษาสารพัด ทั้งเปิดกระโปรง เอาสัตว์ที่เธอเกลียดหย่อนใส่กระเป๋า ขัดขาจนเธอสะดุดล้ม หนักสุดคือแกล้งคว่ำจานหลุมที่เต็มไปด้วยอาหารใส่ศีรษะเธอ เขาชอบแกล้งเพราะลลิษาเป็นนักเรียนคนเดียวที่เขาแกล้งแล้วไม่ไปฟ้องครูหรือพ่อแม่ แต่คนที่ทนไม่ได้กลับเป็นพิมพ์ใจ เขาเลยทะเลาะกับพิมพ์ใจบ่อยๆ จนกลายมาเป็นไม้เบื่อไม้เมากัน

ตลอดเวลาที่แกล้งลลิษา เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเกิดจากการแอบชอบเธอ จนกระทั่งทุกคนเริ่มรังเกียจ จับกลุ่มซุบซิบนินทาเธอในทันทีที่เดินคล้อยหลังไป ลลิษาไปที่ไหนกลุ่มเพื่อนแตกฮือราวกับฝูงผึ้งแตกรัง ถูกปฏิบัติจากเพื่อนๆ ราวกับชนชั้นสอง เพื่อนๆ รังเกียจไม่ยอมให้เข้ากลุ่ม เธอมักหนีไปนั่งอ่านหนังสือคนเดียวในห้องสมุดหรือทำกิจกรรมต่างๆ คนเดียว นั่นเป็นภาพที่เขาคุ้นตามากที่สุด คนเดียวที่อยู่ข้างลลิษาคือพิมพ์ใจ และเมื่อเขารู้สาเหตุที่เพื่อนๆ รังเกียจ เพราะเธอเป็นนักเรียนทุนเนื่องจากพ่อเสียชีวิต ขณะที่แม่เองก็ป่วยเป็นโรคมะเร็ง ต้องใช้เงินรักษาเป็นจำนวนมาก วันนั้นจึงเป็นวันที่เปลี่ยนโลกเขาตลอดกาล

เขาเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อลลิษา จากคนที่เคยแกล้งเธอ เปลี่ยนมาเป็นสงสารเห็นใจ ทึ่ง นับถือ และคอยดูแลปกป้องเธอ โดยเฉพาะจากเพื่อนๆ ที่คอยแกล้ง เขาขอให้ปิยบุตรช่วยอุปการะเธอ แต่ลลิษาปฏิเสธ เธอเลือกที่จะทำงานหาเลี้ยงตัวเอง นั่นเป็นจุดเปลี่ยนอีกครั้งในชีวิตเขาที่มาสมัครงานพาร์ตไทม์ที่นี่เพื่อจะได้ใกล้ชิดเธอ แล้วเขาก็ได้รับเสียงชื่นชมจากพ่อแม่ว่าเขานิสัยดีขึ้น ไม่ทำตัวเกเร เป็นเด็กรักดี ทำให้ได้รับค่าขนมเพิ่มขึ้นแถมได้รถสปอร์ตมาเป็นรางวัลอีกด้วย

ลลิษาหันมาแยกเขี้ยวใส่ ไม่ตอบเขา

ธราธรยิ้มกับภาพนั้นแล้วเปลี่ยนเรื่องพูด “แล้วทำไมเมื่อคืนถึงมาดึก”

เมื่อคืนเป็นงานเลี้ยงวันเกิดของชาลิสา เธอมาสายสุด มาเอาตอนที่ชาลิสาเป่าเทียนไปแล้ว

“เมื่อคืนบอกเธอไปแล้วนี่ เพิ่งเสร็จธุระแถมรอรถนาน” เมื่อคืนกว่าจะหลุดจากปราณธรก็เป็นเวลาเกือบสองทุ่ม แถมยังรอรถนาน ปกติเธอจะประหยัดค่าใช้จ่าย ใช้บริการรถเมล์เป็นหลัก ถ้าด่วนหน่อย ช่วงกลางวันก็ใช้บริการแท็กซี่หรือมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แต่กลางคืนใช้บริการแกร็บเพื่อความปลอดภัย แต่เมื่อคืนเรียกรถผ่านแอปเท่าไรก็ถูกยกเลิกหมด

“ทำไมไม่โทร. ตาม ผมจะได้ไปรับ”

“ไม่ดีมั้ง บ้านเธอไกลออก”

“จะไกลจากบ้านลิซสักแค่ไหนเชียว วันหลังไม่ต้องเกรงใจนะบอกได้เลยผมเต็มใจไปรับ เดี๋ยวนี้มีรถของตัวเองแล้วยิ่งสะดวก ว่าแต่ลิซคืนห้องเช่าไปแล้วใช่ไหม ว่าจะถามหลายครั้งแล้ว ลิซย้ายไปอยู่ไหน พี่ชัญบอกว่าออกไปอยู่กับญาติเหรอ”

ลลิษาสำลัก ตอบไม่เต็มเสียง “ไม่ใช่ญาติสักทีเดียว คนรู้จักน่ะ” เธอไม่กล้าโกหกธราธร กลัวเจอจุดไต้ตำตอ

“วันนี้เลิกงานแล้วให้ผมไปส่งไหม จะได้ไปทำความรู้จักกับญาติผู้ใหญ่ลิซด้วย”

“มะ...ไม่ต้อง” ลลิษารีบปฏิเสธละล่ำละลัก

“ทำไมล่ะ”

“เย็นนี้ฉันมีนัดกับพิมพ์”

ธราธรพ่นลมหายใจพรืดใหญ่ “น่าอิจฉายายทอมนั่นจริง เมื่อไหร่ลิซจะหันมามองผู้ชายทั้งแท่งดูบ้าง ผู้ชายจริงๆ มีอะไรให้น่าค้นหามากกว่านะ ลองเดตกันสักครั้งไหม”

ลลิษาส่ายหน้าเร็วปรื๋อ แต่เมื่อนึกได้ว่าเธอเพิ่งบอกตัวเองให้โอกาสคนใหม่ๆ เธอเลยตอบว่า “ก็ได้ ถือเป็นการเลี้ยงส่งก็ดี”

“เลี้ยงส่ง? หมายความว่าไง” ธราธรนิ่วหน้า หันขวับมองลลิษา เสี้ยวหน้าด้านข้างชวนมอง หน้าผากกลมมน รับกับจมูกโด่งและริมฝีปากจิ้มลิ้มเป็นรูปกระจับ ลลิษาสวยคมและอ่อนหวาน ไม่มีเลือดผสมแต่สวยยังกับลูกครึ่ง ถ้าบอกว่ามีเลือดลาตินกับญี่ปุ่น เขาจะไม่แปลกใจเลย เพราะเธอสวยคมอย่างสาวลาติน และขาวอมชมพูยังกับเด็กญี่ปุ่น เขายอมรับว่าหน้าตาลลิษาเป็นสิ่งแรกที่ดึงดูดให้เขาสนใจ และเมื่อได้รู้จักเธอ บุคลิก นิสัยและอะไรอีกหลายๆ อย่างทำให้เขาประทับใจจนอยากได้มาเป็นแฟน เขาลงทุนทำงานพาร์ตไทม์แถมตั้งใจเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกับเธอ เพื่อหวังได้ใกล้ชิด แล้วดู...เธอกำลังจะหนีเขาไป

ลลิษาไม่ได้มองเขา แต่ทอดสายตามองไปยังทางเดินเบื้องหน้า กล่าวช้าๆ ว่า “ฉันกำลังจะลาออกจากที่นี่ ฉันยังไม่ได้บอกใครแม้แต่พี่ชัญหรือพิมพ์ ฉันบอกเธอเป็นคนแรก ว่างๆ เราไปหาอะไรกินกัน ที่ผ่านมาเธอช่วยฉันไว้มาก ถือเป็นการเลี้ยงขอบคุณแล้วกัน”

ธราธรบดกราม “ลิซจะลาออกไปไหน”

“ไปทำงานบริษัท มีคนเสนองานให้ทำ ค่าตอบแทนโอเค แต่อย่าเพิ่งถามเลยว่าที่ไหนเพราะยังไม่มีความชัดเจน รอให้อะไรๆ ชัดเจนหรือฉันได้เริ่มงานแล้ว ฉันจะบอกเธออีกที”

“ลิซจะบอกผมได้ไงในเมื่อเราจะไม่ได้เจอกันแล้ว”

“ตลกไปแล้ว เดี๋ยวเราก็เจอกันในมหา’ลัย อีกอย่างเธอมีเบอร์ฉันแล้วนะ มีอะไรก็โทร. หาได้”

ธราธรผ่อนลมหายใจยาวเหยียด “แล้วลิซจะทำงานที่นี่ถึงวันไหน”

“สิ้นเดือนนี้”

“ไวจริง” ธราธรพึมพำ “งั้นวันเกิดพี่บุตรเดือนหน้า ลิซไปให้ได้นะเราจะได้มีโอกาสเจอกัน”

“อะไรนะ”

เขายิ้มใส่ตาเด็กสาว “พี่ชัญอยากหาโอกาสเจอพี่ปราณ ผมไม่รู้จะใช้โอกาสไหนแนะนำตัวให้รู้จักกัน ก็เลยคิดว่าเดือนหน้าที่เป็นวันเกิดพี่บุตรน่าจะเป็นจังหวะดีที่จะพาพี่ชัญไปรู้จักกับพี่ปราณ ลิซยังไม่รู้จักพี่ปราณสินะ พี่ปราณเป็นพี่ชายคนโตของผม เป็นพี่ชายคนละแม่ หล่อ รวย สาวๆ จีบเพียบ เดี๋ยวในงานวันเกิดพี่บุตร ผมจะแนะนำให้รู้จัก ลิซต้องไปให้ได้นะ”

ลลิษาหน้าซีด ยิ้มเจื่อนๆ “ไม่ดีมั้ง ฉันไม่รู้จักคุณบุตร” เธอพยายามตัดอีกคนที่สร้างความกังวลทิ้งไป

“ไม่รู้จักอะไร เมื่อวานผมแนะนำให้รู้จักแล้ว” วานซืนเขาจงใจให้ปิยบุตรมาส่งที่ร้าน เป้าหมายเพื่อให้พี่ชายมาดูตัวลลิษา เขาอยากให้พี่ชายได้รู้จักผู้หญิงที่เขาชอบ

“แค่แนะนำทำความรู้จักกันแบบนั้น เขาไม่เรียกว่ารู้จักแล้วหรอกนะ อีกอย่างเจ้าตัวก็ไม่ได้เชิญด้วย เพราะงั้นไม่เหมาะหรอก เอาไว้โอกาสหน้าเถอะ”

ธราธรไม่ยอมรับคำปฏิเสธ เขาบอกอย่างดื้อดึง “งั้นผมจะให้พี่บุตรโทร. มาชวนลิซด้วยตัวเอง แบบนี้ลิซคงปฏิเสธไม่ได้ใช่ไหม โอเคนะ...ผมอยากพาลิซไปแนะนำให้คนที่บ้านรู้จักจริงๆ ผมเชื่อว่าทุกคนจะชอบลิซ”

ลลิษาเลยได้แต่ยิ้มเหยเก ไม่ตอบอะไร

           

“ร้านเสื้อฝั่งตรงข้ามมีอะไรดีนะ” โฉมฉายเปรยขึ้นพลางจ้องใบหน้าหล่อเหลาคมคายของปราณธรอย่างจับผิด เขาชวนเธอมาเป็นเพื่อนตรวจตราโรงแรม เสร็จงานขึ้นเตียงด้วยกันแล้วเขาก็ชวนเธอมากินมื้อค่ำที่ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ เธอหวังออดอ้อนให้เขาซื้อเสื้อผ้าแพงๆ ให้ แต่ตลอดเวลาเขาไม่ได้ฟังเธอ เอาแต่มองวนเวียนไปที่ร้านเสื้อฝั่งตรงข้าม เธอพยายามจ้องเข้าไปในร้าน ดูว่ามีอะไรน่าสนใจถึงดึงดูดความสนใจของปราณธรได้ แต่เธอไม่พบอะไรนอกจากนักชอปปิงที่เดินเข้าเดินออกเป็นปกติ

“ไม่มีอะไร” ปราณธรตอบสั้นๆ แล้วกลับมาให้ความสนใจกับจานอาหารตรงหน้า

“ไม่มีอะไร แล้วทำไมคุณถึงหันไปมองบ่อยๆ เผลอไม่ได้ เป็นต้องหันไปมอง”

สีแดงระเรื่อปรากฏทั่วแก้มขาวผ่องของปราณธร ชวนให้เป็นพิรุธอย่างมาก โฉมฉายจ้องตาไม่กะพริบ

“คุณมีพิรุธนะ”

“ไม่มีอะไร อย่าคิดมาก รีบกินเถอะ จะได้ไปชอปปิง”

 

“ไม่แก่ไปหน่อยหรือ ฉันว่าชุดนี้ยิ่งทำให้เธอดูแก่เป็นสาวทึนทึกนะ” พิมพ์ใจตั้งข้อสังเกตพลางจ้องเงาสะท้อนของเพื่อนในกระจก

ลลิษากำลังถือเสื้อกระโปรงตัวใหม่ทาบกับตัว หมุนซ้ายหมุนขวาเพื่อดูว่าชุดที่เลือกเข้ากันไหม

“ไม่ลองก็ไม่รู้” ลลิษาวางชุดใหม่บนเบาะนั่ง ก่อนถอดเสื้อกับกางเกงยีนที่สวมอยู่เกี่ยวกับตะขอผนัง หยิบเสื้อลูกไม้สีขาวมาลองเป็นตัวแรก

พิมพ์ใจจ้องหน้าอกที่ดันยกทรง ตาไม่กะพริบ “ฉันว่าเสื้อบางไปหรือเปล่า มันบางจนเห็นยกทรงเลยนะ แล้วนมเธอทะลักซะขนาดนั้น” ไม่แค่พูด พิมพ์ใจยังเอื้อมมือไปจับหน้าอกที่ดันยกทรงขึ้นมาครึ่งเต้า

“บ้ารึไง” ลลิษาตวาดแว้ดพลางผงะอย่างตกใจ รีบปัดมือเพื่อน “จู่ๆ มาจับนม คนเขาตกใจหมด”

“ก็นมเธอขาวจั๊วะ แถมกลมบ๊อกน่าจ๊วบมาก ฉันว่าคืนนี้เธอไปค้างกับฉันเถอะ”

“บ้า...จู่ๆ จะชวนไปให้เธอฟัน”

“ไม่บ้าหรอก เราไม่ได้ขึ้นสวรรค์ด้วยกันนานแล้วนะ ไปค้างกับฉันคืนนี้เถอะนะ”

“บ้า ไม่เอาหรอก แล้วเอามือเธอไปไกลๆ ด้วย ฉันจะรีบลองเสื้อ” ลลิษาดึงมือพิมพ์ใจที่กำลังยุ่มย่ามอยู่แถวหน้าอกกับสะโพกออก เธอจัดเสื้อลูกไม้ให้เข้าที่แล้วคว้ากระโปรงทรงสอบสีดำมาสวม กระโปรงยาวเลยเข่า แต่ผ่าข้างเลยเข่าขึ้นมาเล็กน้อย

“ขาเธอสวยนะ ขาวเรียวนวลเนียนน่าลงลิ้นมาก”

เสียงพิมพ์ใจตามมาก่อกวนอีก แต่ลลิษาไม่สนใจ เธอคว้าสูทดำมาสวมทับเสื้อลูกไม้ตัวใน สูทเข้ารูปกระชับตัวจนเห็นเอวคอดกิ่วและสะโพกผายกลมกลึง เธอดึงหางเปียออกจากปกเสื้อ ขยับกระโปรงให้เข้าที่ ยืนหมุนซ้ายหมุนขวาเพื่อตรวจสอบว่าเสื้อผ้าเข้าชุดกันและรับกับรูปร่างไหม

“สวมสูทแบบนี้เธอเหมือนสาวออฟฟิศจริงๆ” พิมพ์ใจชม มองเพื่อนตาหยาดเยิ้ม กวาดตามองตั้งแต่ศีรษะจดเท้าเรียวเล็กที่หายไปในรองเท้าส้นสูงคู่ใหม่

ก่อนแวะเข้าร้านเสื้อ ลลิษาถอยรองเท้าคัตชูและรองเท้าส้นเข็มมา ลลิษาสวยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อมาอยู่ในชุดสาวออฟฟิศราคาแพงระยับ เลยยิ่งเสริมให้ดูเป็นสาวสะพรั่ง สวยหรูและดูแพง

“ดี ฉันจะได้ดูภูมิฐานน่าเชื่อถือ” ลลิษามองภาพเงาสะท้อนของตัวเองในกระจก ดูเหมือนสาวออฟฟิศ ไม่ดูเป็นเด็กมัธยมอีก เธอถอดชุดที่เพิ่งลองวางพาดกับเบาะนั่งอย่างระวัง จัดแจงลองชุดต่อไปซึ่งเป็นเสื้อสูทสีดำคอวีติดกระดุมล่างเม็ดเดียว แขนยาวแต่งขลิบสีชมพูเก๋ไก๋ อกซ้ายมีป้ายหลอกคล้ายเข็มกลัดของสาวพนักงานโรงแรม สูทเข้ารูปคลุมทับเสื้อเกาะอกสีขาว ส่วนกระโปรงทรงเอสั้นเหนือเข่าสีดำเข้าชุดกัน

“ชุดนี้ก็ดูดี แต่คอเสื้อคว้านลึกไปหน่อยเปล่า จะเห็นนมอยู่แล้ว”

“มีเกาะอกย่ะ ว่าแต่เธอนี่สนใจแต่นมนะ”

“ธรรมดานี่ ฉันเป็นผู้ชายนะก็ต้องสนใจนมเป็นธรรมดา”

ลลิษาปรายตาค้อน แต่พิมพ์ใจหน้าค่อนไปทางผู้ชายจริงๆ ยิ่งทรงผมที่ซอยเปิดข้าง ทำให้หน้าเด่น ผมด้านบนก็ถูกเซตให้มีวอลุม ยิ่งดูเป็นหนุ่มน้อยจริงๆ

“ถามจริง เธอซื้อชุดที่ดูยังกับสาวแก่พวกนี้ไปทำไม หลายตังค์ด้วย”

“ฉันกำลังจะได้งานใหม่”

“งานอะไร ทำไมต้องสิ้นเปลืองขนาดนี้ แต่ละชุดแพงๆ ทั้งนั้น อุตส่าห์ทำงานพาร์ตไทม์ทั้งเดือน ซื้อได้แค่ไม่กี่ชุดเอง”

“เอาน่า บางอย่างเราก็ต้องลงทุนเพื่อสร้างรายได้ในอนาคต”

“นี่ไม่ใช่การลงทุนในตลาดหุ้นนะเธอ”

“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง” ลลิษาตอบแล้วไหวไหล่

“สรุปไปทำงานอะไรถึงต้องใช้ความน่าเชื่อถือ ขายตรงหรือ หรือว่าเคาะประตูบ้านขายประกันชีวิต”

“บ้า กวนตีนจริง ฉันกำลังจะไปเป็นเลขาฯ ให้คุณปราณ”

“คุณปราณ? ปราณไหน อย่าบอกนะว่าคุณปราณธร พี่ชายธร”

“ใช่ ปราณนั้นแหละ ฉันจะทำงานกับพี่ชัญถึงสิ้นเดือนนี้ แล้วจะออกไปทำที่บริษัทไมเนอร์ต้นเดือนหน้า ฉันแจ้งพี่ชัญไปแล้ว”

“อะไร เรื่องสำคัญขนาดนี้ ทำไมไม่บอกฉัน”

“กำลังบอกอยู่นี่ไง ที่ชวนมากินข้าว มาเป็นเพื่อนซื้อชุดทำงานก็เพื่อจะบอกเธอนี่แหละ”

“แล้วไปรู้จักกับคุณปราณธรได้ไง เธอนี่ดูหงิมๆ หยิบชิ้นปลามันเหมือนกันนะ”

“บ้า...เปล่าเลย เขาเป็นเพื่อนแม่ เรื่องมันยาวเอาไว้ค่อยเล่าให้ฟังตอนกินข้าว เรารีบไปจ่ายเงินกันก่อนเถอะ เข้ามาลองเสื้อนานแล้ว ลูกค้าคนอื่นจะได้ใช้ห้องลองเสื้อต่อ”

“เดี๋ยว...” พิมพ์ใจยื้อแขน “แล้วทำไมเขาถึงชวนเธอไปทำงานได้ล่ะ”

“ก็บอกแล้วว่าค่อยเล่าตอนกินข้าว ตอนนี้ออกไปก่อน ฉันหิวจะกินช้างได้ทั้งตัวอยู่แล้ว เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง ถือว่าฉลองงานใหม่ล่วงหน้า” ลลิษาบอกแล้วฉวยเสื้อผ้าเข้าอ้อมแขน ส่วนเสื้อผ้าในถุงที่ซื้อและชำระเงินแล้วจากร้านก่อนหน้า ปล่อยให้เพื่อนช่วยถือ เธอเปิดกลอน ผลักประตูห้องลองเสื้อแล้วพลันต้องชะงักตัวแข็งทื่อ เมื่อพบร่างสูงของปราณธรกำลังยืนกอดอก จ้องมาที่เธอด้วยสีหน้าเรียบเฉยจนติดจะเย็นชา

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น