12
ตั้งแต่วันที่คุณใหญ่ คุณรอง และคุณเล็กเดินทางไปตรวจงานสาขาที่ญี่ปุ่น หลังจากว่างเว้นจากการดูงาน กฤตนัยก็มักจะเปิดแอปพลิเคชันต่างๆ เพื่อสวมบทเป็นเสือซุ่มติดตามชีวิตของบัวบูชาอยู่เสมอ ซึ่งหากเป็นช่วงเวลาทำงานเขาก็มักจะเปิดโปรแกรมกล้องวงจรปิดดู แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับตัวเองอยู่บ่อยครั้ง อาการรักหนักอกในครั้งนี้ของพี่ชายคนโตทำให้น้องชายสองคนที่ร่วมเดินทางมาด้วยถึงกับต้องกุมขมับ
“พี่ใหญ่นี่เข้าขั้นโรคจิตได้หรือยังวะเล็ก” คุณรองที่ลอบมองอาการของพี่ชายแอบกลั้นขำกระซิบถามน้องชาย
“ถ้าพี่กลางมาด้วยก็น่าจะดีนะครับ จะได้จับตรวจเสียหน่อย อาการค่อนข้างหนัก” สองพี่น้องขำพรวดออกมาพร้อมกัน
“พี่ใหญ่ครับ วางมือถือลงแล้วออกไปหาอะไรทานกันเถอะ ผมหิวแล้ว” คุณรองผู้หิ้วท้องรอพี่ชายซึ่งกำลังทำตัวเป็นหนุ่มโรคจิตริรักมาร่วมชั่วโมงเอ่ยเรียก
“ไปสิ โทษทีเพลินไปหน่อย” กฤตนัยเก็บมือถือใส่กระเป๋าอย่างอารมณ์ดี
“แล้ววันนี้น้องบัวเถลไถลหรือเปล่าครับ” คุณเล็กเลิกคิ้วถาม
“จากพิกัดจีพีเอสระบุว่ามุ่งหน้ากลับบ้าน” คุณใหญ่ยักคิ้วตอบ
กฤตนัยรู้ทุกความเคลื่อนไหวของบัวบูชาจริงๆ เนื่องจากเขาให้คุณเล็กใส่ระบบติดตามตัวไว้ในสร้อยเพชรรูปตัวเคเส้นนั้นด้วย เขาถึงได้ย้ำนักย้ำหนาว่าห้ามถอดสร้อยออกเด็ดขาด
การใส่ระบบติดตามตัวในครั้งนี้วัตถุประสงค์หลักไม่ใช่เพื่อการติดตามดูว่าเธอเถลไถลออกนอกเส้นทางกลับบ้านหรือเปล่า ข้อนี้เป็นแค่เพียงผลพลอยได้เท่านั้น เพราะแท้ที่จริงแล้วการทำเช่นนี้คือการปกป้องว่าที่นายหญิงของตระกูลโภคินอภิวัฒน์ต่างหาก ยิ่งธุรกิจของพวกเขาเติบใหญ่ขึ้นมากเพียงใด คู่แข่งและศัตรูทางธุรกิจก็มีมากขึ้นเท่านั้น
ที่ผ่านมาทั้งสี่หนุ่มไม่เคยมีจุดอ่อนเรื่องคนรักให้ฝ่ายตรงข้ามโจมตี แต่ตอนนี้หนึ่งในสี่ว่าที่ศรีสะใภ้ปรากฏตัวแล้ว ดังนั้นการหามาตรการป้องกันไว้ก่อนจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด
“ว่ายังไงคะคุณผกากรอง” บัวบูชารับสายเพื่อนสนิท
“แกอยู่ไหนบัว” ผกากรอง หนึ่งในแก๊งสาวโสดผู้เป็นต้นสายส่งเสียงกลับมา
“กำลังขับรถกลับบ้าน”
“งั้นแกมารับฉันหน่อยสิ ฟ้าใสชวนไปปาร์ตียันสว่างที่บ้านนาง แล้วนางก็ให้ฉันโทร. มาจิกแก พร้อมกับสั่งไว้ว่าห้ามปฏิเสธ” ผกากรองเมาท์เพื่อนสาวอีกคน
“งั้นแกรอฉันแป๊บนะ ขอแวะเอาเสื้อผ้าก่อน เดี๋ยวเจอกัน” เมื่อวางสายเรียบร้อยแล้ว บัวบูชาจึงรีบขับรถกลับบ้านเพื่อเก็บเสื้อผ้า แล้วออกไปรับผกากรองไปปาร์ตียันสว่างต่อทันที
ทางฝั่งคณะผู้บริหาร หลังจากเคลียร์งานที่ญี่ปุ่นเสร็จเรียบร้อยแล้ว สามเสือพี่น้องจึงพากันมานั่งดื่มเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ ก่อนจะไปตรวจไซต์งานก่อสร้างที่จีนต่อในวันรุ่งขึ้น
“ดื่มให้กับความสำเร็จ” คุณเล็กยกแก้วขึ้นมาชนกับพี่ชายทั้งสอง
“เชียร์ส” สามหนุ่มพูดขึ้นพร้อมกันทั้งรอยยิ้มเพราะความสำเร็จของสาขาที่ญี่ปุ่น
“สาวๆ ที่นี่น่ารักกันทั้งนั้นเลย ปากนิดจมูกหน่อย เห็นแล้วใจคนโสดจะละลาย” คุณเล็กพูดกับพี่ชายด้วยสายตากรุ้มกริ่ม
“งั้นย้ายมาดูแลสาขาที่นี่ไหมล่ะ” คุณรองเสนอ
“มาเป็นครั้งคราวก็พอครับ ถ้าให้มาอยู่ประจำเลยผมคงต้องร้องไห้หาคุณแม่แน่ๆ” เด็กติดแม่โอดครวญ
“ร้องหาคุณแม่หรือแม่คุณทูนหัว” คุณใหญ่ดักคอ
“แกก็ระวังหน่อยนะเจ้าเล็ก ฉันอยากเป็นอาก่อนแล้วค่อยเป็นลุง ถ้าหากแกควงสาวไม่ซ้ำหน้า มีหวังฉันได้เป็นลุงก่อนแน่” คุณรองชี้หน้าน้องชายสายปลาไหล
“แค่ไปดูหนังฟังเพลงกันเฉยๆ ครับ ไม่กล้าทำอะไรไม่ดี กลัวโดนคุณแม่ตัดออกจากกองมรดก พูดเรื่องนี้แล้วเครียด ชนแก้วดีกว่า เอ้า! เชียร์ส” สามพี่น้องยกแก้วขึ้นชนกันอีกครั้ง
“เฮ้ย!” คุณเล็กอุทานด้วยเสียงที่เบาที่สุด เมื่อละสายตาจากจอสมาร์ตโฟนแล้วจึงเอื้อมมือไปสะกิดพี่ชายคนรองพร้อมกับแอบส่งสมาร์ตโฟนของตนเองให้ดู
“เฮ้ย!” เมื่อคุณรองเห็นสิ่งที่ปรากฏบนหน้าจอที่คุณเล็กยื่นให้ดูก็อุทานออกมาไม่ต่างกัน ทั้งสองมองหน้ากันพร้อมยิ้มเหย จนพี่ชายคนโตต้องเลิกคิ้วมองเป็นเชิงถาม
“มีอะไรกัน ทำท่าทางแปลกๆ” กฤตนัยหรี่ตามองด้วยความสงสัย
“พี่ใหญ่ครับ น้องบัวถึงบ้านแล้วหรือครับ” คุณรองเอ่ยถามพี่ชาย พยายามทำน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุด
“อืม น่าจะถึงแล้วนะ เพราะก่อนออกมาที่นี่พิกัดบอกว่าใกล้ถึงหมู่บ้านแล้ว มีอะไรหรือเปล่ารอง เล็ก” น้ำเสียงของคุณใหญ่เริ่มดุขึ้นเล็กน้อย
คุณเล็กจึงส่งสมาร์ตโฟนของตนเองให้พี่ชายดู คุณใหญ่มองภาพที่เพื่อนของบัวบูชาแท็กมาพร้อมกับถอนหายใจยาว
ห้าสาวในชุดบิกินีสีขาวนั่งบนขอบสระว่ายน้ำหันหลังให้กล้อง โชว์แผ่นหลังขาวเนียน เอาเท้าจุ่มลงไปในสระ และทุกคนชูมือข้างขวาขึ้น ในมือมีผ้าเช็ดหน้าสีชมพูผืนใหญ่ครบทุกคน และบรรยายใต้ภาพว่า Pool Party
กฤตนัยหยิบสมาร์ตโฟนของตนเองขึ้นมาต่อสายไปยังบัวบูชา เขากดย้ำไปหลายครั้ง แต่ก็ไร้การตอบรับใดๆ เมื่อไม่อาจติดต่อนางในดวงใจได้ อารมณ์สุนทรีย์ที่ผ่านมาก็มลายไปจนหมดสิ้น คุณใหญ่ลุกขึ้นเดินออกจากร้านอาหารขึ้นไปยังห้องพักทันที ทิ้งให้น้องชายสองคนวิ่งตาม
“ถ้าน้องบัวไม่รับสายคืนนี้ มีหวังเราได้เปลี่ยนกำหนดการกลับแน่เลยครับ” คุณเล็กหันไปพูดกับคุณรองเสียงหอบ
“เออสิ ท่าทางพี่ใหญ่จะหวงน้องบัวน่าดู” คุณรองตอบด้วยเสียงเหนื่อยหอบเช่นกัน
กฤตนัยยังคงไม่ละความพยายาม กดโทรศัพท์ต่อสายไปหาเลขานุการส่วนตัวสายแล้วสายเล่า “รับสายสักทีสิบัวบูชา ทำไมถึงชอบทำให้ผมเป็นห่วงอยู่เรื่อย” กฤตนัยทอดถอนลมหายใจ
ในที่สุดความพยายามของชายหนุ่มก็สำเร็จ บัวบูชาที่เล่นน้ำกับกลุ่มเพื่อนจนเหนื่อยขอตัวขึ้นจากน้ำตั้งใจจะไปหาผลไม้กิน แต่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเสียก่อน เมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏในสายเรียกเข้า และจำนวนสายที่ไม่ได้รับก็ตกใจพอสมควร
“ท่านประธานโทร. มาตั้งหลายสาย” บัวบูชาทำตาโตบ่นกับตัวเอง ก่อนจะรีบกดรับสายที่กำลังต่อเข้ามาใหม่อีกครั้งอย่างรวดเร็ว
“อยู่ไหน” นั่นคือคำแรกที่กฤตนัยพูดกับเธอ เขาโทร. มาเกือบสามสิบสายเพื่อถามว่าเธออยู่ไหนเช่นนั้นหรือ
“บัวอยู่บ้านเพื่อนค่ะ ขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ได้รับสาย คือบัวว่ายน้ำอยู่เลยไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ค่ะ” บัวบูชาตอบกลับเสียงสั่นจนคู่สนทนาสัมผัสได้
“ทำไมเสียงสั่นแบบนั้น”
“บัวหนาวค่ะ เพิ่งขึ้นมาจากน้ำ ท่านประธานมีอะไรด่วนหรือเปล่าคะ”
“งั้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยโทร. กลับมาหาผม อ้อ อาบน้ำอุ่นด้วยนะ” กฤตนัยพูดเสียงเข้ม แต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยนก่อนจะวางสาย
เมื่อปลายสายกดวางไปแล้ว บัวบูชาจึงรีบไปอาบน้ำแต่งตัว จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายตรงหาเจ้านายตามคำสั่งทันที
“อาบน้ำเสร็จแล้วหรือ” คนที่ถือสมาร์ตโฟนรออย่างใจจดใจจ่อรีบกดรับสายอย่างรวดเร็ว
ส่วนน้องชายสองคนที่นั่งคุมเชิงอยู่ก็รีบเดินมานั่งใกล้ๆ แอบเงี่ยหูฟังเสียงหวานที่เล็ดลอดออกมาจากโทรศัพท์แบบเกาะติดสถานการณ์ จนกฤตนัยต้องเดินเลี่ยงออกไปคุยที่ระเบียงห้องพักแทน
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“แล้วทำไมถึงยังไม่กลับบ้าน หืม?”
“วันนี้มานอนที่บ้านฟ้าใสค่ะ”
“แล้วจะกลับเมื่อไหร่”
“เอ่อ น่าจะพรุ่งนี้นะคะ ท่านประธานมีอะไรให้บัวทำหรือเปล่าคะ”
“ถ้าเป็นเรื่องงานยังไม่มีอะไรด่วน แต่ที่โทร. มาวันนี้แค่อยากได้ยินเสียง”
“อะ...อะไรนะคะ” บัวบูชาถามย้ำพร้อมกับกะพริบตาปริบๆ เพราะปลายสายพูดเสียงเบากว่าปกติ ดังนั้นเธอจึงไม่มั่นใจมากนัก ว่าสิ่งที่เธอได้ยินนั้นถูกต้องหรือเปล่า
“ผมถามว่าไปทำอะไรกันที่บ้านฟ้าใส” กฤตนัยกระแอมหนึ่งทีก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าสาวโสดจัดพูลปาร์ตี แต่ก็อยากฟังจากปากของเธอเองมากกว่า
“คือวันนี้ฟ้าใสจัดพูลปาร์ตีค่ะ” บัวบูชาตอบเสียงสดใส และด้วยเสียงใสๆ ตอบตรงๆ เช่นนี้ ก็ทำให้คนที่หงุดหงิดเป็นหมีกินผึ้งเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนระบายยิ้มกว้าง เขาชอบที่เธอเป็นคนพูดตรงแบบนี้ เธอไม่เคยคิดปรุงแต่งคำพูดหรือแกล้งหลอกสร้างสถานการณ์ให้ตัวเองดูดี
“อย่าดื่มเยอะล่ะรู้ไหม เราเป็นผู้หญิง”
“ค่ะ บัวยังไม่ได้ดื่มเลย มีจิบดราย มาร์ตินีไปนิดหน่อยตอนที่ขึ้นมาจากน้ำแล้วหนาวมากๆ”
กฤตนัยถึงกับหลุดขำความซื่อของเธอ “งั้นคุณไปสนุกกับเพื่อนต่อเถอะ ผม...เอ่อ...” กฤตนัยทำเสียงอึกอัก
“แล้วผมจะรีบกลับนะ อย่าดื้อ อย่าเถลไถล” พูดจบประโยคก็กดวางสายทันที
และเมื่อหันกลับมาก็พบว่าน้องชายตัวแสบทั้งสองยืนแอบฟังบทสนทนาอยู่ด้านหลัง คนเป็นพี่จึงชี้หน้าทั้งสองคนพร้อมยิ้มเขิน
“แล้วผมจะรีบกลับนะครับคนดี” น้องชายคนเล็กได้ทีรีบแซ็วพี่ใหญ่ของบ้าน พลางกอดคอพี่ชายคนรองเดินกลับเข้าไปในห้องนอน ปล่อยให้คนขี้หวงยืนเขินอยู่กลางระเบียงตามลำพัง
“อาการหนักขั้นสูงสุด” คุณรองเอ่ยขึ้นเมื่อเข้ามาในห้องแล้ว และสองแสบก็หลุดขำพรืดออกมาเสียงดัง
ส่วนทางด้านบัวบูชาหลังจากได้ฟังประโยคสุดท้ายที่ฉาบน้ำเสียงอบอุ่นของท่านประธาน สองแก้มนวลก็ร้อนผ่าว ใจหวิวเต้นระรัว หญิงสาวค่อยๆ ทรุดลงนั่งที่เก้าอี้ข้างสระว่ายน้ำ แล้วจึงค่อยๆ ยกมือขึ้นลูบสร้อยเพชรรูปตัวเคอย่างแผ่วเบา
ความคิดเห็น |
---|