11

บทที่ 11


 

11

 

นับเป็นเวลาร่วมเดือนแล้วที่บัวบูชาย้ายมาทำงานในตำแหน่งใหม่ และด้วยความที่ท่านประธานเรียกหาเธอตลอดเวลา จนเธอกลายเป็นเงาตามตัวกฤตนัยตามพนาและเดชาไปอีกคน ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาของสังคมมนุษย์ที่เต็มไปด้วยความอยากรู้และอยากเห็น จะนำไปพูดในทางเสียๆ หายๆ หลายต่อหลายความคิดเห็นที่พนักงานในบริษัทนำไปบอกต่อทั้งทางดีและทางไม่ดี ส่งผลให้บัวบูชาเป็นกังวลกับเรื่องนี้พอสมควร แต่เมื่อนำกลับมาคิดทบทวนดูแล้ว ในเมื่อเธอบริสุทธิ์ใจ ไม่เคยทำอะไรเสียหาย ถึงแม้ว่าจะใจหวิว แปลกๆ บ้างเวลาที่ต้องอยู่ใกล้ชิดตามลำพังกับท่านประธาน แต่เธอก็เฝ้าเพียรบอกตนเองว่า จงทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดเท่านั้นก็พอ ส่วนใครจะนำเธอไปพูดให้สนุกปากแค่ไหนก็ช่าง เพราะคงไม่มีใครรู้ใจเธอเท่ากับตัวของเธอเอง

“ใครๆ เขาก็ดูออกว่าคุณใบบัวจะจับท่านประธาน”

“น้อยไปสิแก๊ เห็นว่าท่านประธานเรียกเข้าไปพบในห้องทำงานตามลำพังครั้งละนานๆ แกลองคิดดูสิว่าผู้หญิงกับผู้ชายอยู่ด้วยกันสองต่อสองจะเกิดอะไรขึ้น”

“ต๊าย เห็นหนิมๆ เนี้ยบๆ แต่ฟาดเรียบนะคะ”

พนักงานแผนกบัญชีที่นั่งจิบกาแฟอยู่ในห้องพักพนักงานกระซิบกระซาบกันสนุกปาก ถึงแม้ว่าเสียงจะไม่ดังมากนัก แต่หญิงสาวที่ตกเป็นหัวข้อสนทนาก็ได้ยินทุกคำพูด สองขาของบัวบูชาชะงักอยู่หน้าประตูห้องพักพนักงาน ที่ซึ่งก่อนหน้านี้เธอและดารินทร์ตั้งใจว่าจะมาหากาแฟดื่มแก้ง่วงเช่นกัน

“ปากเสีย” ดารินทร์พุ่งตัวหมายจะเข้าไปจัดการคนในห้อง แต่บัวบูชารั้งแขนเลขานุการรุ่นพี่เอาไว้ได้ทันพร้อมกับส่ายหน้าไปมา

“ไปกันเถอะค่ะพี่ดา อย่าใส่ใจเลย” บัวบูชาถอนหายใจ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอได้ยินอะไรแบบนี้

“เราก็เป็นแบบนี้ไง พวกปากหอยปากปูถึงได้ใจ”

“บัวอยากอยู่แบบสงบค่ะ ไม่อยากมีปัญหากับใคร นะคะพี่ดา เราไปกันเถอะ”

“เฮ้อ น้องบัวนี่จริงๆ เลย เราสองคนเป็นเลขาฯ ท่านประธาน ผู้มีอำนาจสูงสุดที่นี่นะคะ บางครั้งใช้อำนาจนายจัดการคนพวกนี้บ้างก็ได้”

“บัวไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นเลขานายใหญ่แล้วทำตัวใหญ่ตามนายค่ะ บัวอยากเอาชนะใจทุกคนด้วยตัวของบัวเอง ในเมื่อเขาไม่ชอบบัว บัวก็จะทำดีกับเขามากขึ้นอีกเท่าตัว” บัวบูชากึ่งลากกึ่งจูงดารินทร์กลับโต๊ะทำงาน

 

            “จริงๆ นะคะคุณพนา คุณเดชา มีคนเอาน้องบัวไปนินทากันสนุกปาก ดาโมโหแทนจริงๆ” เมื่อสบโอกาสดารินทร์จึงรีบนำเรื่องที่ได้ยินมาบอกกับพนาและเดชา

            “ฉันว่าเราคงต้องเรียนนายแล้วละเรื่องนี้” พนาหันไปพูดกับเดชา

            “อืม ฉันเห็นด้วย ปล่อยไว้แบบนี้คุณใบบัวมีแต่จะเสียหาย” เดชาพยักหน้ารับ

            “ดีค่ะ ดาอยากเห็นแม่พวกนั้นหน้าหงายจริงๆ” ดารินทร์พูดพลางส่งสัญญาณให้ทุกคนทราบว่า บัวบูชาเดินออกมาจากห้องทำงานของท่านประธานแล้ว

            “เรียบร้อยดีนะคะน้องบัว” ดารินทร์เอ่ยถามเลขานุการรุ่นน้อง

            “ค่ะพี่ดา กว่าจะเคลียร์จบก็แทบแย่” บัวบูชาเอนศีรษะซบพนักเก้าอี้อย่างหมดแรง

            พนา เดชา และดารินทร์ มองภาพว่าที่นายหญิงนั่งหมดแรงอยู่บนเก้าอี้ด้วยรอยยิ้ม เพราะทั้งสามทราบดีว่าที่ท่านประธานเรียกบัวบูชาเข้าพบและสั่งงานบ่อยๆ นั้น เป็นเพราะต้องการเห็นหน้าและอยากใกล้ชิดกับเธอนั่นเอง งานที่กฤตนัยสั่งอาจจะยากไปบ้าง แต่ท้ายที่สุดแล้วท่านประธานจะลงมือสอน และตรวจงานแบบละเอียดยิบด้วยตนเอง จนตอนนี้ฝีมือการช่วยงานด้านบริหารของบัวบูชาพัฒนาไปไกลมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว

            ...

            “นายครับ ผมสองคนมีเรื่องจะรายงาน” พนาเอ่ยกับกฤตนัย

            “ว่ามา” ท่านประธานตอบกลับ โดยที่สายตายังจับจ้องอยู่ที่กองเอกสาร

            “เรื่องคุณใบบัวครับ” เดชาเกริ่นหัวข้อการรายการ และหัวข้อนี้ก็ทำให้ผู้เป็นนายยอมลดเอกสารในมือลง แล้วเงยหน้าขึ้นรอรับฟังการรายงาน

พนาและเดชาผลัดกันรายงานเรื่องที่มีคนเอาบัวบูชาไปนินทาในทางเสียหาย รวมถึงเรื่องที่เธอได้ยินคำครหาด้วยตนเองแต่เลือกที่จะไม่ตอบโต้

กฤตนัยหมุนปากกาในมือไปมาขณะฟังรายงานเรื่องดังกล่าว

            “อืม ฉันเข้าใจแล้ว เดชาบอกให้คุณดาส่งรายชื่อพนักงานพวกนั้นมาให้ฉันก่อนบ่ายสองโมง” กฤตนัยออกคำสั่งด้วยสีหน้าที่ดุขึ้นกว่าทุกวัน จากนั้นจึงหันไปออกคำสั่งกับคนสนิทอีกหนึ่งคน “พนา นายช่วยไปรับของที่เจ้าเล็กให้ฉันด้วย รีบไป ฉันต้องใช้ของตอนบ่ายสามวันนี้” ก่อนที่จะหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาต่อสายหาน้องชายคนเล็ก

            “ครับพี่ใหญ่” คุณเล็กกรอกเสียงมาตามสาย

            “ฉันให้พนาไปรับของนะ ช่วยเทสต์ระบบและตรวจสอบความเรียบร้อยอีกที” คุณใหญ่เอ่ยบอกน้องชาย

            “ได้ครับ รับรองเนียนกริบ” คุณเล็กรับคำก่อนที่จะวางสาย

           

“คุณใบบัวครับ นายเชิญที่ห้อง” เดชาเดินมาตามบัวบูชาให้เข้าไปพบกฤตนัยในช่วงเย็นก่อนเลิกงาน

“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวระบายยิ้มบางๆ ก่อนจะเดินตามหลังเดชาเข้าไปในห้อง และก็เหมือนเช่นเคย เมื่อบัวบูชาเข้าไปในห้องแล้ว พนาและเดชาก็จะเดินออกจากห้องไปพร้อมกับปิดประตูอย่างมิดชิด

“นั่งรอผมที่โซฟาก่อน” เสียงห้าวดังขึ้นจากด้านหลังกองเอกสาร

“ค่ะท่านประธาน” บัวบูชารับคำพร้อมกับเดินไปนั่งลงบนโซฟาเงียบๆ

“คืนนี้ผมต้องบินไปตรวจงานที่จีนกับญี่ปุ่น คงใช้เวลาประมาณสองสัปดาห์” ท่านประธานกล่าวหลังจากตามมานั่งบนโซฟา

“ค่ะ บัวเห็นในตารางลงไว้ ท่านประธานจะให้บัวเตรียมอะไรให้เป็นพิเศษหรือเปล่าคะ”

“ความจริงผมอยากให้คุณไปด้วย”

บัวบูชาแอบสะดุ้งเล็กน้อยเพราะประโยคนั้น

“เอ่อ...บัว” แค่ตามติดในออฟฟิศยังโดนนินทาขนาดนี้ หากเธอต้องไปต่างประเทศด้วย กลับมาคงไม่มีที่จะยืน

“ผมแค่คิด แต่ไม่ได้หมายความว่าจะบังคับให้คุณไปด้วย แค่นี้ก็ใช้งานคุณหนักเสียจนมีคนเอาไปนินทาแล้ว” กฤตนัยเอ่ยเรียบๆ เหล่ตามองหญิงสาวที่กำลังหลุบตาลงมองฝ่ามือตัวเอง เธอไม่คาดคิดว่าท่านประธานจะรับรู้เรื่องไร้สาระพวกนี้ด้วย

“หันหลังมา” บทจะเปลี่ยนเรื่อง ท่านประธานก็เปลี่ยนเสียดื้อๆ

บัวบูชาเงยหน้าขึ้นสบตากฤตนัยที่ตอนนี้ลุกขึ้นมานั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับเธอ หญิงสาวทำท่าอึกอักเล็กน้อย และในเมื่อหญิงสาวไม่ยอมทำตาม ท่านประธานจึงจำต้องลุกขึ้นเดินอ้อมไปทางด้านหลัง บัวบูชาทำท่าจะขยับหนี แต่กลับถูกมือหนาทั้งสองข้างจับบ่าเอาไว้

“นั่งนิ่งๆ” เสียงเข้มและดุแบบนี้ทำให้หญิงสาวนั่งนิ่งจนตัวเกร็งอยู่กับที่

กฤตนัยใช้มือรวบผมบัวบูชาไปพาดบ่าด้านขวาของเธอเอาไว้ จากนั้นจึงหยิบกล่องกำมะหยี่ที่เขาให้พนาไปรับจากคุณเล็กออกมา ก่อนจะหยิบสิ่งที่อยู่ในนั้นออกมา แล้วบรรจงสวมเข้ากับลำคอคอเรียวระหงของหญิงสาว

อารามตกใจหญิงสาวจึงขยับตัวออกเต็มแรง ส่งผลให้กฤตนัยต้องออกแรงดันไหล่ของเธอให้นั่งลงตามเดิมอีกครั้ง

“อยู่เฉยๆ สิครับ ผมก็ไม่เคยสวมสร้อยให้ใครมาก่อน ขืนคุณขยับตัวหนีอยู่แบบนี้ก็คงต้องอยู่ท่านี้กันทั้งเย็น”

คำขอร้องแกมขู่ของท่านประธานได้ผลเช่นทุกครั้ง หญิงสาวยอมนั่งนิ่งอยู่กับที่แต่โดยดี ทั้งที่หัวใจนั้นเต้นรัวแรงเสียจนแทบจะทะลุออกมาจากอก

เมื่อสวมสร้อยให้เธอเรียบร้อยแล้ว กฤตนัยจึงเดินกลับมานั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับเธอดังเดิม “สร้อยเส้นนี้ผมออกแบบเอง สัญลักษณ์และตัวอักษรที่แฝงอยู่มีความหมายในตัวของมัน”

บัวบูชาก้มลงมองจี้เพชรรูปตัวเคที่มีกอบัวทำจากเพชรสีชมพูประดับอยู่ข้างๆ เธอเงยหน้าขึ้นสบตากับกฤตนัยด้วยความรู้สึกหลากหลาย

“แต่ของมีค่าขนาดนี้ บัวคงรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ” ว่าพลางเอื้อมมือจะถอดสร้อยออก แต่ถูกกฤตนัยรวบมือทั้งสองข้างของเธอมากุมไว้เสียก่อน

“นี่คือคำขอร้องและคำสั่งว่าห้ามถอดสร้อยเส้นนี้ออกเด็ดขาด รอผมกลับมา แล้วเราค่อยมาคุยเรื่องความหมายของสร้อยเส้นนี้กัน” ดวงตาคู่คมประสานกับดวงตากลมโตอย่างสื่อความหมาย

หญิงสาวพยักหน้าขึ้นลงอย่างงงๆ แต่กลับทำให้คนที่ออกคำสั่งหัวใจพองโต

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น