10

บทที่ 10


 

10

 

            “เดชา บอกคุณดาให้แจ้งฝ่ายพัฒนาธุรกิจด้วยว่าให้ส่งแผนพัฒนา 5 ปีของโพรเจกต์ใหม่ให้ฉันภายในสัปดาห์หน้า” กฤตนัยสั่งงานผ่านผู้ช่วยมือหนึ่ง

            “ครับนาย” เดชารับคำแล้วเดินออกไปสั่งการตามคำสั่ง

            จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นสั่งงานคนสนิทอีกคน “พนา ตามบัวบูชาให้ที ฉันมีงานจะให้ทำ”

            “เดี๋ยวนี้อะไรๆ ก็เรียกหาแต่คุณใบบัวตลอดเลยนะครับ พวกผมชักจะน้อยใจแล้ว”

            “เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ว่าใครก็ทำแทนกันได้” กฤตนัยวางเอกสารในมือลง แล้วยืดอกขึ้นพร้อมตอบกลับประโยคของพนา

            “ผมก็ทำได้ทุกอย่างนะครับนาย”

            “แต่แกทำให้หัวใจฉันเต้นแรงไม่ได้ ออกไปตามบัวบูชามาได้แล้ว ถ้าหากปีนี้ยังอยากได้โบนัสอยู่”

คำขู่ของกฤตนัยยิ่งกว่าได้ผล พนารีบก้าวขายาวๆ ออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ไร้ซึ่งคำทัดทานใดๆ อีก

            “คุณใบบัวครับ นายเชิญที่ห้อง” พนาหยุดยืนที่หน้าโต๊ะทำงานของบัวบูชา

            เดชาและดารินทร์ที่กำลังคุยงานกันอยู่หยุดการกระทำทั้งมวลลงชั่วคราว และจ้องมองไปยังโต๊ะทำงานของบัวบูชาเป็นตาเดียว

            “ค่ะ คุณพนา” บัวบูชารับคำแล้วลุกขึ้นเพื่อเข้าไปพบท่านประธานตามคำสั่ง

            เมื่อบัวบูชาเดินพ้นประตูเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัวของท่านประธาน สองมือขวาและอีกหนึ่งเลขานุการสาวก็แอบสบตากันพร้อมกับอมยิ้มน้อยๆ

            “ท่านประธานเอาจริงใช่ไหมคะ คุณพนา คุณเดชา” ดารินทร์ที่สังเกตเห็นความผิดปกติในการวางตัวของกฤตนัยที่ปฏิบัติต่อบัวบูชาเอ่ยถามขึ้น เพราะที่ผ่านมากฤตนัยจะไม่อยู่ในที่ลับตากับพนักงานหญิงตามลำพัง เพื่อป้องกันคำครหาและป้องกันตัวเองจากบรรดาสาวๆ ที่แฝงตัวเข้ามาในบริษัทเพื่อหวังผลอย่างอื่นไปในตัว แต่ในกรณีของบัวบูชาช่างแตกต่างกันสิ้นเชิง ท่านประธานเรียกเข้าพบเป็นการส่วนตัววันละหลายรอบ

            “ก็คงต้องดูกันต่อไป” เดชาระบายยิ้มที่มุมปาก

            ...

            “นั่งลงก่อน” ทันทีที่บัวบูชาปิดประตูห้องทำงานเรียบร้อยแล้ว กฤตนัยก็ผายมือให้หญิงสาวนั่งลงบนโซฟารับแขกกลางห้อง ที่ที่ตัวเขาเองกำลังนั่งตรวจเอกสารอยู่เช่นกัน

            บัวบูชาเลือกที่จะนั่งลงบนโซฟาตัวเล็กที่อยู่ด้านขวามือของผู้เป็นนาย

เมื่อหญิงสาวนั่งลงเรียบร้อยแล้ว กฤตนัยจึงยืดตัวขึ้นนั่งตรงๆ แล้วเริ่มสำรวจใบหน้าหวานก่อนเป็นอันดับแรก

            “ผมอยากให้คุณช่วยทำสรุปผลการวิเคราะห์รีสอร์ตแห่งนี้หน่อย” กฤตนัยชี้นิ้วไปที่หน้าปกเอกสารเล่มหนาที่วางอยู่บนโต๊ะกลาง

            “ได้ค่ะ” บัวบูชาเลื่อนมือไปพลิกเปิดดูสารบัญคร่าวๆ

            “งั้นบัวขอตัวก่อนนะคะ” ว่าพลางยกเอกสารขึ้นวางบนตักพร้อมกับขยับตัวคล้ายจะลุกขึ้น

            “ผมยังคุยกับคุณไม่จบเลย”

เสียงเข้มของท่านประธานขัดจังหวะการขยับตัวของเธอ จนคนที่ถูกเบรกตกใจแทบล้มคะมำ

            “เอ่อ...ค่ะ ขอโทษค่ะ” บัวบูชาย่อตัวลงอีกครั้งด้วยอาการสงบ

            “ทำไมต้องทำเป็นรีบร้อนทุกครั้งที่ผมเรียกคุยงาน” ถึงแม้จะรู้ว่าเธอเกรงและกลัวเขาอยู่ แต่ชายหนุ่มก็ยังแสร้งถาม

            “เปล่าค่ะ บัวแค่อยากรีบกลับไปทำงานที่ค้างอยู่ให้เสร็จ กลัวว่าจะทำเสร็จไม่ทันเวลา”

            คำตอบของหญิงสาวทำให้ท่านประธานตระหนักได้ว่า เขาคงสั่งงานเธอเยอะเกินไปจริงๆ ด้วยความที่อยากหาเรื่องใกล้ชิดเธอ ดังนั้นเขาจึงเรียกเธอเข้ามาสั่งงานวันละหลายๆ รอบ และกำหนดวันส่งให้เสร็จสรรพ จนลืมไปสนิทว่าแต่ละงานนั้นไม่ใช่ง่ายๆ เลย เพราะทั้งต้องใช้เวลาหาข้อมูล แล้วยังต้องนำมารวบรวมสรุปส่งเขาอีก

            “เอ่อ ผมสั่งงานคุณเยอะเกินไปหรือเปล่า” กฤตนัยถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความรู้สึกผิด

            “เปล่าค่ะ บัวแค่กังวลไปหน่อยก็เท่านั้นเอง มีหลายงานที่บัวต้องใช้เวลาเรียนรู้ เลยกลัวว่าจะทำไม่เสร็จตรงตามเวลา ไม่อยากให้ท่านประธานต้องเสียเวลารอค่ะ”       

            คำตอบของบัวบูชาส่งผลให้ประธานบริหารเผลอยิ้มกว้างด้วยความลืมตัว ก่อนจะกระแอมเสียงเบาเพื่อปรับโหมดอารมณ์สุนทรีย์ลงมาเล็กน้อย

            “งานชิ้นนี้ก็ค่อนข้างต้องใช้เวลา แต่ผมมีวิธีลัด เอาเป็นว่าเคสนี้ผมจะสอนคุณทำเองก็แล้วกัน” กฤตนัยพูดกับหญิงสาวตรงหน้า พลางหยิบสมาร์ตโฟนออกมาต่อสาย

            “พนา ยกโน้ตบุ๊กของบัวบูชาเข้ามาที”

            บัวบูชาทำตาโตด้วยความงุนงงกับคำสั่งของท่านประธาน

            “ก็ผมจะสอนคุณทำวิเคราะห์โครงการนี้เอง สอนและทำไปพร้อมๆ กันจะได้เข้าใจ” เมื่อเห็นสายตาเจือความสงสัยของบัวบูชา กฤตนัยจึงขยายความต่อ

            “ค่ะ” เลขานุการสาวจึงทำได้แค่เพียงก้มหน้ารับฟังอย่างสงบเสงี่ยม

            “เอาละ รีสอร์ตนี้ตั้งอยู่บนทำเลที่ดีทีเดียว แต่นโยบายของฝ่ายบริหารไม่ชัดเจนพอ ทีมบริหารจึงบริหารไปแบบไม่มีหลักการ จนสุดท้ายก็ขาดสภาพคล่อง เจ้าของเองก็ไม่อยากบริหารต่อแล้ว เลยติดต่อขอนำมาขายให้กับบริษัทของเรา” กฤตนัยเริ่มต้นอธิบายภาพรวมของโครงการ

บัวบูชาพยักหน้าพร้อมกับคิดภาพตามไปด้วย

            “ความจริงฝ่ายพัฒนาธุรกิจวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของโครงการมาแล้วสามทางคือ หนึ่ง ให้ทีมบริหารชุดเดิมบริหารต่อและคงสภาพรีสอร์ตไว้ตามเดิม โดยที่เราจะไม่ลงเงินเพิ่มในการปรับปรุงทรัพย์สินใดๆ ทั้งสิ้น แต่ทางเราจะส่งทีมเข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด ให้นโยบายที่ชัดเจน ที่สำคัญที่สุดราคาห้องพักจะต้องไม่แพงไปกว่าเดิม” กฤตนัยอธิบายยาวเหยียดพร้อมกับเหลือบตามองเลขาส่วนตัวที่ก้มหน้าก้มตาจดสิ่งที่เขาพูดมือเป็นระวิง

            “ส่วนทางที่สองก็คือ เราจะปรับปรุงเป็นบางส่วน แล้วให้ทีมบริหารชุดเดิมบริหาร แต่ทางนี้ต้องมีการเพิ่มค่าห้องพัก และทางที่สาม คือ รื้อ ทุบ ทำใหม่ทั้งหมดแล้วเอาเชนเข้ามาบริหาร คุณพอเข้าใจภาพรวมหรือยัง” เมื่ออธิบายจบ อาจารย์ใหญ่จึงลองสอบถามความเข้าใจของนักเรียนดู

            “พอจะเข้าใจค่ะ”

            “อืม และสิ่งที่ผมต้องการจะรู้ก็คือ ตามที่ทีมพัฒนาธุรกิจวิเคราะห์มาทั้งสามทาง เราจะลงเงินเท่าไหร่ แล้วจะคืนทุนตอนไหน ความเป็นไปได้ตรงกับความเป็นจริงหรือเปล่า อาจจะค่อนข้างยาก แต่ผมอยากให้คุณลองมองว่าถ้าหากคุณเป็นผม แล้วต้องลงทุนด้วยเงินจำนวนมหาศาล คุณหวังว่าคุณจะได้เงินก้อนแรกที่คุณลงไปคืนมาตอนไหน สิ่งที่ต้องระวังก็คือเงินที่ลงทุนจะมาจากการกู้ธนาคาร ดังนั้น คุณต้องตรวจดูให้ดีว่ารายได้ในแต่ละเดือนเพียงพอกับค่าใช้จ่ายและค่าดอกเบี้ยธนาคารหรือเปล่า”

            “1,200 ล้านคือ ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างหรือคะ” บัวบูชาถาม

            “ถูกต้องครับ เป็นค่าที่ดิน 350 ล้าน ที่เหลือเป็นค่าห้องพัก บ้านพัก อาคาร และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ”

            “งั้นถ้าหากเราเลือกข้อที่สามก็เท่ากับว่าเราทุบเงิน 850 ล้านทิ้งน่ะสิคะ” เสียงหวานสูงขึ้นเล็กน้อยตามอัตราความตกใจ

            “ก็...ประมาณนั้นครับ” กฤตนัยอมยิ้ม

คนช่างเปรียบเปรยก็เผลอยิ้มหวานตอบเช่นกัน และก็เป็นบัวบูชาอีกเช่นเคยที่ต้องรีบหลุบตาลงทันทีที่รู้สึกตัวว่าเธออยู่ที่ไหน และอยู่กับใคร

            “เอาละ ทีนี้คุณก็ลองเอามาสรุปลงเอ็กเซลดูว่าแต่ละออปชันมีข้อดีข้อเสียต่างกันยังไง ความจริงฝ่ายพัฒนาธุรกิจทำมาหมดแล้ว ผมแค่อยากให้คุณตรวจความถูกต้อง”

            กฤตนัยขยับตัวเข้าไปใกล้ๆ กับบัวบูชาที่ตอนนี้นั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่บนพรม นิ้วเรียวบรรจงดีดลงแป้นพิมพ์โน้ตบุ๊กที่วางอยู่บนโต๊ะกลางของชุดโซฟาอย่างรวดเร็วและแม่นยำ ท่านประธานโน้มใบหน้าลงมองหน้าจอโน้ตบุ๊กใกล้ๆ ใกล้เสียจนคนที่กำลังตั้งใจใช้สมาธิทำงาน สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่รดอยู่บริเวณลำคอ

            หญิงสาวพยายามรักษาอาการสั่นประหม่าของตนเองด้วยการจดจ่ออยู่กับชิ้นงานที่ได้รับมอบหมาย แต่ยิ่งนิ่งเท่าไร คนที่แฝงตัวอยู่ทางด้านข้างก็ดูเหมือนกับยิ่งได้ใจ ขยับเข้าใกล้มากขึ้นเท่านั้น

            “เอ่อ บะ...บัวพอจะเข้าใจแล้วว่าท่านประธานต้องการอะไรบ้าง บัวขอออกไปทำต่อที่โต๊ะนะคะ” บัวบูชาก้มหน้าขออนุญาต จึงไม่ทันเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ประดับอยู่บนใบหน้าดุของท่านประธาน

            “ไม่ใช่แค่นั้น โครงการใหญ่ขนาดนี้ผมต้องการผลวิเคราะห์ครบทุกด้าน ทำตรงนี้แหละ ผมจะได้รู้ว่าที่คุณบอกว่าเข้าใจแล้วน่ะ เข้าใจตรงกับผมหรือเปล่า โครงการนี้เราจะตรวจไปพร้อมกันก่อน จะได้เข้าใจตรงกันทุกรายละเอียด เพื่อที่ว่าโครงการต่อไปผมจะได้มั่นใจว่าสิ่งที่คุณตรวจแล้ว ผมจะไม่ต้องตรวจซ้ำอีก”

            “ไม่ตรวจซ้ำอีก?” บัวบูชาถามย้ำ

            “ใช่ ผมจะได้เอาเวลาไปทำอย่างอื่นแทน” เช่นการคิดหาวิธีพิชิตใจเลขาฯ อย่างคุณไง ประโยคหลังนี้กฤตนัยเอ่ยขึ้นในใจเพียงลำพัง

            “ผมคาดหวังว่าต่อไปคุณจะช่วยแบ่งเบางานพวกนี้ได้”

            “เอ่อ ค่ะ บัวจะพยายาม”

            “ถ้าเข้าใจแล้วก็ลงมือทำต่อ คุณลองดูตัวเลขนี้สิ ทางเลือกที่สามเราเสียเงินลงทุนหลายต่อก็จริง แต่ถ้าทำเสร็จแล้วปรับราคาห้องพักเพิ่มขึ้น ให้เชนมาบริหาร ตัวเลขผลตอบแทนกลับสูงกว่าและคืนทุนเร็วกว่าการลงทุนในทางเลือกที่หนึ่งและสอง” กฤตนัยลดตัวลงใช้แขนข้างขวาอ้อมตัวหญิงสาวไปชี้ตัวเลขที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งกิริยานี้คล้ายกับว่าท่านประธานกำลังโอบกอดเลขานุการส่วนตัวกลายๆ

            “แปลกจังเลยนะคะ” บัวบูชาเอียงคอถามผู้รู้

            “เพราะฉะนั้นตัวเลขการลงทุนก้อนใหญ่นำมาเป็นข้อสรุปของโครงการไม่ได้ ต้องวิเคราะห์ลงลึกถึงตัวเลขผลประกอบการในแต่ละช่วงเวลาด้วย” อธิบายพลางสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ อิ่มเอมกับกลิ่นหอมละมุนจากกลิ่นกายสาวในอ้อมกอด (กลายๆ)

            “ค่ะ” นักเรียนพยักหน้ารับทราบพร้อมกับจดบันทึกข้อมูลต่างๆ เอาไว้ด้วย

            “ดังนั้น การลงทุนน้อยก็ใช่ว่าจะได้ผลตอบแทนไวและคืนทุนเร็วกว่าการลงทุนเยอะ แต่ก็ไม่ใช่เสมอไปนะ เราอาจจะเอาทางเลือกที่หนึ่ง สอง สามมาลองปรับใช้เป็นทางเลือกที่สี่ก็ได้ ลองเอาผลวิเคราะห์การตลาดมาดูประกอบ”

            “ค่ะ” บัวบูชาพยักหน้า

            “เอาละ ตอนนี้ผมหิวแล้ว คุณช่วยทำอะไรให้ผมทานหน่อยได้หรือเปล่า ผมให้คนเอาของสดและเตรียมอุปกรณ์ทำครัวมาไว้ที่แพนทรีเพิ่มแล้ว วันนี้ขอของหนักหน่อยนะครับ ใกล้พักกลางวันพอดี ผมขอฝากท้องกับฝีมือคุณสักมื้อก็แล้วกัน”

            ได้ทีท่านประธานก็สั่งงานเลขานุการคนเก่งเพิ่มเติม นอกจากงานกองมหึมาแล้วยังต้องเข้าครัวทำอาหารให้กินอีกต่างหาก

            บัวบูชาออกอาการอึกอักเล็กน้อย จะปฏิเสธก็ไม่กล้า จะพยักหน้ารับเลยก็ดูจะผิดวิสัย เพราะวันนี้ตั้งแต่เช้าเธอก็อยู่ติดตัวท่านประธานมาตลอด จนเกรงว่าคนอื่นจะมองไม่ดี

            “เอ่อ...คือ”

            “นะครับ รีบทำ รีบทาน จะได้มาลุยงานกันต่อ”

            “ค่ะ” บัวบูชาก้มหน้ารับคำแล้วจึงขยับตัวจะลุกขึ้น แต่ด้วยความที่เธอนั่งกับพื้นเป็นเวลานาน ดังนั้นตอนลุกขึ้นขาจึงชาไร้ความรู้สึกไปชั่วขณะ

            “อุ๊ย” หญิงสาวเผลอร้องเมื่อทรงตัวไม่อยู่ ส่วนคนที่สังเกตอาการของเธออยู่นานแล้วก็รวดเร็วยิ่งกว่าความไวแสง รีบเข้าไปประคองร่างบอบบางนั้นเข้าสู่อ้อมกอดอย่างรวดเร็ว แต่ด้วยความที่ประหม่าด้วยกันทั้งคู่ จึงทำให้ตอนนี้ร่างของบัวบูชาล้มทับกฤตนัยทั้งตัว

            ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะแม้กระทั่งคนที่แอบเก็บเล็กผสมน้อย แอบโอบแอบตอดหญิงสาวตลอดเวลายังตั้งรับไม่ทัน แต่ด้วยสัญชาตญาณนักล่า เสือใหญ่รู้แค่เพียงว่าการได้โอบกอดบัวบูชาไว้เต็มอ้อมแขนเช่นนี้ช่างดีต่อใจเหลือเกิน

            “เอ่อ ท่านประธานคะ” บัวบูชาขานเรียกเสียงสั่น

            “ครับ คุณเป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” กฤตนัยขานรับ โดยที่อ้อมแขนแกร่งยังคงทำหน้าที่อย่างต่อเนื่อง

            “ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ นั่งนานเลยขาชานิดหน่อยค่ะ” บัวบูชาตอบแล้วดันตัวเองลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว พานให้คนที่กำลังอิ่มเอมกับร่างนุ่มนิ่มแอบลอบถอนหายใจด้วยความเสียดาย

            “ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว นั่งพักก่อนก็ได้ แล้วค่อยไปทำอาหาร”

            “ไม่เป็นไรค่ะ บัวหายแล้ว ขอตัวไปดูของในแพนทรีก่อนนะคะ” พูดจบหญิงสาวก็รีบสาวเท้าออกไปจากจุดดูดวิญญาณอย่างรวดเร็ว

            “ทำไมใจเต้นแรงแบบนี้บัวเอ๊ย ซุ่มซ่ามไม่ดูเวล่ำเวลา จะตกงานก็คราวนี้ละ ทับไปเต็มแรง” บัวบูชาเดินหลบเข้าไปยืนพิงผนังห้องพักส่วนตัวของกฤตนัยพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อปรับอัตราการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ

            ...

            “นี่ผมเห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่าบัวบูชา ใช้งานคุณเกินหน้าที่ขนาดนี้ เฮ้อ” เมื่อหญิงสาวก้าวพ้นประตูไปแล้ว กฤตนัยก็เอนตัวพิงพนักโซฟาตัวยาวพร้อมกับอมยิ้มน้อยๆ นึกขอบคุณเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไป

            “ไม่สิ ไม่เกินแน่นอน เพราะนี่คือหน้าที่ของสะใภ้ใหญ่แห่งโภคินอภิวัฒน์” คิดได้ดังนั้นคนเจ้าเล่ห์จึงขยับตัวขึ้น เลื่อนเปิดดูไฟล์งานของบัวบูชาที่ทำค้างไว้ไปพลางๆ ระหว่างรออาหารกลางวัน

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น