9

บทที่ 9


9

 

เช้าวันจันทร์บัวบูชาย้ายมานั่งทำงานที่หน้าห้องของกฤตนัย โดยมีดารินทร์รอรับอยู่พร้อมรอยยิ้ม

“พี่ดีใจมากเลยนะที่น้องบัวย้ายมานั่งด้วยกันที่นี่” ดารินทร์ส่งยิ้มจริงใจไปให้

งานเลขานุการที่ต้องคอยรับคำสั่งและประสานงานกับฝ่ายต่างๆ ต่อนั้น บางคนอาจจะคิดว่าไม่ยาก แต่แท้ที่จริงแล้วงานนี้ไม่ง่ายเลย เพราะนอกจากความละเอียด ถูกต้อง ฉับไวแล้ว อีกหนึ่งคุณสมบัติของเลขานุการที่ดีก็คือต้องทำงานภายใต้ภาวะความกดดันได้เป็นอย่างดี ดังนั้นการมีบัวบูชาเข้ามาช่วยแบ่งเบางานตรงนี้จึงนับว่าเป็นข่าวดีในรอบหลายปีของดารินทร์เลยก็ว่าได้

“ขอบคุณค่ะพี่ดา แนะนำบัวด้วยนะคะ” บัวบูชาค้อมศีรษะลงเล็กน้อย

“มาค่ะ โต๊ะของน้องบัวอยู่ด้านนี้” ดารินทร์พูดพลางเดินนำบัวบูชาไปยังโต๊ะทำงานที่ท่านประธานใส่ใจเตรียมไว้ให้ด้วยตนเอง

โต๊ะทำงานใหม่ของบัวบูชาตั้งอยู่ทางด้านขวาของประตูห้องทำงานของกฤตนัย ส่วนโต๊ะทำงานของดารินทร์นั้นตั้งอยู่หน้าห้องทางฝั่งซ้ายของประตู

            “วันนี้ท่านประธานมีประชุมบอร์ดที่บริษัทจิวเอลรี น้องบัวลองอ่านเอกสารไปพลางๆ ก่อนนะคะ มีอะไรสงสัยก็ถามพี่ดาได้ตลอด”

            “ขอบคุณค่ะพี่ดา”

            เมื่อเก็บสัมภาระต่างๆ เรียบร้อยแล้ว บัวบูชาก็เริ่มหยิบเอกสารต่างๆ มาเปิดทำความเข้าใจ และจดบันทึกหัวข้อต่างๆ เอาไว้เพื่อให้เข้าใจภาพรวมได้ง่ายขึ้น

 

            “ทานกลางวันด้วยกันก่อนนะครับพี่ใหญ่ ผมให้คนเตรียมไว้แล้ว” หลังจากการประชุมที่บริษัทจิวเอลรีที่คุณเล็กดูแลอยู่จบลง เจ้าบ้านจึงเดินเข้าไปหาพี่ชายที่กำลังขยับตัวลุกขึ้นจากโต๊ะประชุม

            “วันนี้พี่ขอตัวนะ ต้องรีบกลับไปเคลียร์งาน” กฤตนัยเหลือบตามองนาฬิกาที่ข้อมือ แล้วจึงเงยหน้าขึ้นตอบน้องชาย

            “ทานข้าวก่อนแล้วค่อยไปก็ได้นี่ครับ หรือมีประชุมด่วน ก็ไหนพี่ใหญ่บอกว่าวันนี้ไม่รับนัดอื่นแล้ว” คุณเล็กเลิกคิ้วถาม

            “อย่าลีลาเจ้าเล็ก เออ พี่จะรีบกลับไปดูใบบัว พอใจหรือยัง” คนเป็นพี่ถอนหายใจก่อนจะตอบน้องชายไปตามตรง

            “ก็แค่นั้น ทำมาเป็นอ้างเรื่องงาน” คุณเล็กยักไหล่ใส่คนฟอร์มจัด

            “รู้แล้วก็ช่วยหลีกทางด้วย” คนฟอร์มเยอะขยับตัว “อ้อ แล้วเย็นนี้ก็รีบกลับล่ะ” ว่าพลางตบบ่าน้องชายเต็มแรง

            “ท่องจนขึ้นใจแล้วครับว่าต้องกลับไปทานข้าวกับคุณพ่อคุณแม่” คุณเล็กกล่าว

            “อืม ไม่ต้องลงไปส่งพี่หรอก แกไปพักเถอะ” กฤตนัยหันกลับมาบอกเจ้าบ้านที่กำลังเดินตามหลังมาติดๆ

            “ครับพี่ใหญ่” คุณเล็กรับคำพี่ชาย ก่อนจะหันไปส่งสัญญาณบอกให้คนสนิทตามลงไปส่งพี่ชายที่หน้าออฟฟิศ

            “เจอหญิงถูกใจหน่อย ข้าวปลาไม่ต้องกินก็อิ่มได้นะคนเรา” คุณเล็กส่ายหน้าบ่นพึมพำ แล้วเดินกลับไปยังห้องทำงานของตนเอง

 

            การจราจรในเมืองกรุงที่แสนยุ่งเหยิงทำให้กฤตนัยใช้เวลาเดินทางบนท้องถนนร่วมชั่วโมง ดังนั้นเมื่อกลับมาถึงออฟฟิศก็พบว่าสองเลขานุการหน้าห้องกลับมาจากการพักกลางวันแล้ว และกำลังตั้งใจจดจ่ออยู่กับกองเอกสาร

            “อะแฮ่ม” เสียงกระแอมของท่านประธานดังขึ้นในระยะใกล้

สองสาวละสายตาจากกองเอกสารตรงหน้าแล้วรีบลุกขึ้นออกมารับ

            “สวัสดีค่ะท่านประธาน” สองสาวประนมมือไหว้ทักทายผู้เป็นนายพร้อมกัน

            “วันนี้เดินกันเงียบมากเลยนะคะ ปกติดาต้องได้ยินเสียง” ดารินทร์กล่าว

            “ผมเห็นคุณสองคนกำลังใช้สมาธิก็เลยเดินเข้ามาเงียบๆ” กฤตนัยตอบเสียงเรียบตามเคย ก่อนจะแอบส่งสายตามองใบหน้าหวานของบัวบูชาเพียงเล็กน้อย

 “คุณใบบัวตามเข้าไปพบผมในห้องด้วยนะครับ” ชายหนุ่มกล่าวเสียงเข้ม แล้วเดินนำพนาและเดชาเข้าไปในห้องทำงาน โดยไม่รอให้บัวบูชาตอบรับหรือซักถามเพิ่มเติม

...

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะห้องประตูห้องทำงานของกฤตนัยดังขึ้น เจ้าของห้องแอบกระตุกยิ้มเล็กน้อย “เชิญคุณใบบัวเข้ามา แล้วพวกนายสองคนก็ออกไปรอด้านนอกก่อน” กฤตนัยเอ่ยกับสองคนสนิท

“แต่ถ้าหากนายมีอะไรด่วน พวกผมสองคนก็จะเข้ามาไม่ทันนะครับ” พนาตีมึนทำหน้านิ่ง

“นั่นสิครับนาย ให้อยู่ด้วยสักคนก็ยังดี” เดชาแสดงความใส่ใจในหน้าที่เพิ่มเติมด้วยสีหน้าที่จริงจัง ส่วนในใจนั้นกลั้นยิ้มอย่างลิงโลด

“แต่ฉันจะจีบสาว พวกแกจะอยู่ด้วยทำไม รีบออกไปเลย ใบบัวรอนานแล้ว” ท่านประธานถอนหายใจดังเฮือก

พนาและเดชาจึงได้แต่กลั้นหัวเราะ แล้วเดินออกไปเปิดประตูเชิญบัวบูชาเข้ามาในห้อง

            “เชิญนั่งก่อน” กฤตนัยผายมือไปยังเก้าอี้ด้านหน้าโต๊ะทำงาน

            “ขอบคุณค่ะ” บัวบูชาค้อมตัวนั่งลงด้วยท่วงท่าเรียบร้อย หลังตั้งตรง มือวางประสานกันไว้บนตัก

            กฤตนัยลอบอมยิ้มเพราะอาการประหม่าเกร็งของหญิงสาวที่มักเกิดขึ้นทุกครั้งที่ต้องอยู่ต่อหน้าเขาเช่นนี้ ผิดกับเวลาที่อยู่กับคนอื่น เธอจะดูสดใส ทะเล้น น่ารัก และช่างเจรจา

            “เริ่มงานใหม่วันแรกเป็นยังไงบ้าง มีอะไรขาดเหลือก็บอกคุณดาได้เลยนะ” ท่านประธานหมุนปากกาไปด้วยในขณะเจรจา

            “ขอบคุณค่ะ ขอบข่ายงานค่อนข้างกว้าง บัวยังใหม่ คงต้องใช้เวลาในการศึกษาอีกพัก” เพราะกฤตนัยคือประธานบริหารที่นั่งกุมบังเหียนเป็นที่ปรึกษาให้อีกสามสายธุรกิจที่น้องชายบริหารด้วย ดังนั้นเธอจึงจำเป็นต้องทำความเข้าใจภาพรวมธุรกิจอีกสามสายงานด้วยเช่นกัน

            “อืม ก็ค่อยๆ เรียนรู้ไป ไม่ต้องเครียดมาก” เสียงของท่านประธานนุ่มนวลขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย

            “ขอบคุณค่ะ บัวจะรีบเรียนรู้งานให้ไวที่สุดค่ะ”

            “คุณมีเวลาทั้งชีวิตที่จะต้องเรียนรู้งานของผม”

คำพูดของท่านประธานทำให้เลขานุการสาวเผลอตัวเงยหน้าขึ้นจับจ้องแววตาที่ฉายแววระยับประหลาดอย่างลืมตัว

            “ก็คุณเป็นผู้ช่วยผม คุณก็ต้องเรียนรู้ไปพร้อมๆ กับผมตลอดเวลา ผมไม่ชอบเปลี่ยนผู้ช่วยบ่อยหรอกนะ ถ้าคิดว่าใช่แล้วก็จะไม่ปล่อยไปไหนอีก”

            ถึงแม้นว่าจะรู้สึกแปลกๆ กับคำพูดของผู้เป็นนาย แต่บัวบูชาก็ไม่ได้ขัดอะไรอีก จึงได้แต่พยักหน้าและยิ้มรับประโยคนั้น

            “ส่วนขอบข่ายงานของคุณกับคุณดาผมจะส่งให้ทางเมล โอ๊ย!...” กฤตนัยพูดยังไม่ทันจบประโยคดีก็เผลอร้องออกมา พร้อมกับนิ่วหน้าเอามือกุมท้องแล้วงอตัวลง

            “ท่านประธาน เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” บัวบูชาขยับตัวลุกขึ้นแล้วเดินอ้อมโต๊ะเข้าไปแตะแขนผู้เป็นนายเอาไว้อย่างเบามือ แต่เพราะเธอมัวกังวล จ้องมองแต่บริเวณท้องที่ชายหนุ่มประสานมือทั้งสองข้างกุมไว้ ดังนั้นเธอจึงไม่ทันเห็นรอยยิ้มร้ายที่ฉายบนใบหน้าหล่อเพียงชั่ววินาที ก่อนจะปรับเข้าสู่โหมดหน้านิ่วคิ้วขมวดอีกครั้ง

            “ผมแสบท้องนิดหน่อย สงสัยจะเป็นกระเพาะ พอดีวันนี้ผมประชุมเพลินจนลืมรับมื้อกลางวัน”

            “อ้าว หรือคะ งั้นเดี๋ยวบัวให้แม่บ้านไปหาอะไรให้ท่านประธานทานรองท้องดีกว่า” บัวบูชาผละจะเดินออกไปจากห้อง

            “ในห้องพักส่วนตัวของผม” กฤตนัยมองไปยังมุมขวามือของห้องทำงานที่มีบานประตูเชื่อมสู่อีกห้องหนึ่ง โดยที่มีเลขานุการสาวมองตาม

            “มีแพนทรีในนั้น พอจะมีอะไรทานรองท้องได้ รบกวนคุณหน่อยได้ไหมบัวบูชา”

แววตาเว้าวอนบวกกับน้ำเสียงกึ่งขอร้องกึ่งบังคับ แล้วแบบนี้มีหรือที่เลขานุการอย่างบัวบูชาจะปฏิเสธได้

            “ได้ค่ะ ท่านประธานยังพอทนไหวใช่ไหมคะ” บัวบูชาถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล ความห่วงใยและใส่ใจทุกรายละเอียดในชีวิตผู้เป็นนายคือเรื่องปกติสำหรับอาชีพเลขานุการ

            “อืม ผมรอได้”

            เมื่อได้รับคำยืนยันอย่างหนักแน่น บัวบูชาจึงรีบมุ่งหน้าไปยังห้องพักส่วนตัวของท่านประธานทันที

            ...

            “ขนมปัง ผลไม้ ขนมขบเคี้ยว ยำสาหร่าย ข้าวปั้น น้ำอัดลม” บัวบูชาเปิดตู้เย็นเพื่อหาของประทังความหิวให้ท่านประธาน

            “น้ำอัดลมเยอะขนาดนี้ เฮ้อ น้ำตาลขึ้นพอดี” บัวบูชาส่ายหน้าบ่นพึมพำกับตัวเอง พลางเดินหยิบโน่นจับนี่อย่างคล่องแคล่ว โดยไม่รู้ตัวสักนิดว่ามีตาคู่หนึ่งจับจ้องการกระทำของเธออยู่ใกล้ๆ พร้อมรอยยิ้ม

            “เวลาเหนื่อย ดื่มอะไรหวานๆ ก็ช่วยทำให้สดชื่นได้นะ” จากเดิมที่คิดว่าจะแอบยืนมองเธอเตรียมอาหารอยู่เงียบๆ แต่ไหนๆ เธอก็กล้าบ่นเขาแล้ว หาเรื่องชวนคุยอีกหน่อยจะเป็นไรไป แค่นี้ไก่คงไม่น่าจะตื่นหรอกใช่ไหม

            “ท่านประธาน” บัวบูชาทำตาโต สีหน้าเหยเก

            “แต่น้ำอัดลมดื่มมากๆ ไม่ดีหรอกนะคะ กัดกระเพาะ” หญิงสาวทำใจดีสู้เสือ แสดงความห่วงใยตามความเป็นจริง

            “แล้วแบบนี้เวลาผมเหนื่อย ผมเครียด ผมต้องกินอะไรล่ะ”

            “น้ำผมไม้คั้นสดก็ได้ค่ะ” เมื่อเห็นว่าเจ้าของแพนทรีไม่ถือสาเรื่องที่เธอแอบบ่นแล้ว แม่ครัวตัวน้อยจึงเดินหน้าเตรียมอาหารว่างอย่างง่ายๆ ต่อ เริ่มจากการนำข้าวปั้นสำเร็จรูปมาแยกหน้าออก แล้วนำไปเข้าเครื่องไมโครเวฟ จากนั้นจึงนำยำสาหร่ายมาทาลงบนขนมปัง แล้วบรรจงหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ เมื่อข้าวปั้นเริ่มอุ่นแล้วเธอจึงนำหน้าข้าวปั้นโปะกลับเข้าไปดังเดิม แล้วกดปุ่มให้ไมโครเวฟเริ่มทำงานอีกครั้ง เมื่อละจากงานหน้าเตาไมโครเวฟแล้ว บัวบูชาจึงนำแตงโมที่แม่บ้านหั่นใส่กล่องไว้อย่างดีออกมาบดคั้นในชามเล็กๆ ด้วยช้อน แล้วจึงค่อยๆ รินแยกน้ำออกมาจนได้น้ำแตงโมคั้นสดแบบง่ายๆ อีกหนึ่งแก้ว

            กฤตนัยยืนกอดอกมองหญิงสาวเตรียมอาหารอยู่เงียบๆ ด้วยความรู้สึกหลากหลาย ถึงแม้ว่าการที่บัวบูชาลงมือเตรียมของว่างให้เขาในวันนี้จะเป็นเพียงแค่การทำตามหน้าที่ก็ตามที แต่สิ่งหนึ่งที่เขาสัมผัสได้ก็คือเธอใส่ใจในรายละเอียด หยิบจับอะไรก็ดูคล่องแคล่วไปหมด ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มีดีแค่หน้าตา เพราะนอกจากจะช่วยงานบริหารได้ดีแล้ว เธอยังเก่งงานบ้านงานเรือนอีกด้วย แบบนี้หากใครได้เธอไปเป็นภรรยา คงจะเป็นผู้ชายที่โชคดีเหลือเกิน เมื่อคิดมาถึงตอนนี้กฤตนัยก็มีสีหน้าที่เคร่งขรึมขึ้นทันที

            “ท่านประธานคะ ท่านประธาน” เสียงหวานของบัวบูชาไม่ดังมากนัก แต่ก็ทำให้คนที่กำลังล่องลอยอยู่ในห้วงความคิดรู้สึกตัว

            “ว่าไงครับ” กฤตนัยขานรับ

            “ให้บัวตั้งโต๊ะตรงไหนดีคะ”

            “เอ่อ ขอตั้งที่ในห้องนี้ดีกว่า ผมอยากเอนหลังสักครู่” กฤตนัยขยับตัวหลีกทางให้บัวบูชายกถาดอาหารออกไปจัดวางบนโต๊ะกลางของโซฟาเบดในห้อง

            ขณะที่บัวบูชากำลังจัดวางอาหารว่างอยู่นั้น กฤตนัยก็ถอดสูทและปลดเนกไทออกแล้วนำไปแขวนไว้ในตู้ และปลดกระดุมสองเม็ดบนและตรงแขนเสื้อออกเพื่อความสบายตัว ก่อนจะเดินกลับมานั่งลงบนโซฟาเบด ที่ตอนนี้บนโต๊ะมีของว่างชิ้นเล็กชิ้นน้อยวางอยู่

            “น่าทานจริง” ท่านประธานพิจารณาหน้าตาอาหารว่างที่บัวบูชาเตรียมให้ขณะพับแขนเสื้อไปพลางๆ ด้วย

            “ขอบคุณมากบัวบูชา”

            “ยินดีค่ะ งั้นบัวขอตัวก่อนนะคะ” บัวบูชาขยับตัวลุกขึ้น

            “เดี๋ยว” เสียงเข้มของท่านประธานรั้งหญิงสาวไว้เป็นครั้งที่สองของวัน

            “คะ?” บัวบูชาขานรับเสียงสั่น

            “ถ้าดื่มน้ำอัดลมมากไม่ได้ แล้วต่อไปผมจะทำยังไง”

            “เอ่อ...ก็...ดื่มน้ำผลไม้หรือนมก็ได้นี่คะ”

            “แล้วน้ำเต้าหู้ล่ะ ดื่มได้ไหม” กฤตนัยจงใจจ้องตาเลขานุการส่วนตัว ที่ตอนนี้ยืนตัวลีบอยู่ชิดกำแพง

            “ดะ...ได้ค่ะ”

            “งั้น คุณทำมาให้ผมทุกวัน ได้หรือเปล่า”

            “คะ?” เสียงหวานสูงขึ้นเล็กน้อย

            “ผมบอกว่า คุณช่วยทำน้ำเต้าหู้แบบที่คุณเคยให้ผมกิน...คืนวันที่ผมไปส่งคุณที่บ้าน...ได้ไหม” เน้นย้ำอีกครั้งอย่างชัดถ้อยชัดคำ เพราะหลงรสมือของเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ชิม

            “เอ่อ...ค่ะ ได้ค่ะ” เป็นอีกครั้งที่เลขานุการสาวจำต้องยินยอม

            “ขอบคุณ งั้นคุณไปพักเถอะ”

            เมื่อท่านประธานอนุญาตแล้ว บัวบูชาจึงเดินปรี่ออกจากห้องพักส่วนตัวของเขาไปอย่างรวดเร็ว

            “ทำอะไรก็อร่อยไปหมดเลยนะบัวบูชา เห็นทีผมคงต้องฝากท้องกับคุณตลอดชีวิตแล้วละ” กฤตนัยพูดกับตนเองพร้อมยิ้มกว้าง ขณะหยิบของว่างที่ทั้งหอมและหวานขึ้นมากิน

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น