8
หลังจากที่เตชินไปส่งร้อยเอกหญิง แพทย์หญิงแก้วกัลยาถึงที่ทำงานเรียบร้อยแล้ว ก็ขับรถมุ่งตรงไปยังคฤหาสน์โภคินอภิวัฒน์ตามคำสั่งของท่านประธานทันที
“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่” เตชินยกมือไหว้เจ้าสัวก้องภพและคุณน้ำเพชร
“ชิน มาหาตาใหญ่หรือลูก” คุณน้ำเพชรเอ่ยถามเพื่อนสนิทของบุตรชายที่เธอเองก็เอ็นดูเหมือนลูกคนหนึ่ง
“ครับคุณแม่ ท่านประธานมีคำสั่งให้เข้าพบด่วน” เตชินตอบ
“โน่น สี่หนุ่มเขาว่ายน้ำกันอยู่ ชินตามไปสิ เล่นกันมาตั้งแต่บ่าย เสียงดังลั่นบ้าน ลูกพ่อมันไม่รู้จักโต ไม่รู้ว่าชาตินี้จะมีลูกสะใภ้เหมือนคนอื่นเขาหรือเปล่า” เจ้าสัวก้องภพบ่นสี่เสืออย่างไม่จริงจังนัก
“ก็ไม่แน่นะครับคุณพ่อ สะใภ้ใหญ่อาจจะปรากฏตัวแล้วก็ได้” เตชินตอบเสียงระรื่น ซึ่งคำตอบนี้ทำให้สองผู้อาวุโสเบิกตากว้างด้วยความสงสัยระคนดีใจ
“จริงหรือตาชิน อย่าหลอกให้แม่ดีใจเล่นนะ”
“อีกไม่นานใหญ่คงจะพามาแนะนำ เอ่อ ถ้าหากผู้หญิงเขามีใจตรงกันนะครับ”
“เฮ้ย ลูกชายพ่อระดับเศรษฐีเลยนะ แล้วก็หล่อด้วย มีสาวไม่สนใจด้วยหรือ เห็นที่ผ่านมามีแต่หนุ่มๆ บ้านนี้ที่วิ่งหนีสาวๆ กันให้วุ่น”
“คนนี้ไม่เหมือนใครครับ คุณพ่อกับคุณแม่อย่าบอกใหญ่นะครับว่าผมเล่าให้ฟัง เดี๋ยวมันหักโบนัสผม” เตชินยกมือขึ้นป้องปาก พลางกระซิบกระซาบติดตลก
“ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น ถ้ามีความคืบหน้าเรื่องลูกสะใภ้ รีบมารายงานพ่อกับแม่ด้วยนะ พ่อจะเตรียมโบนัสพิเศษไว้รอ”
“กราบขอบพระคุณครับคุณพ่อ แบบนี้เตชินทุ่มสุดตัว” ทนายหนุ่มจอมทะเล้นพูดเสร็จก็ขอตัวไปหาสี่เสือที่ว่ายน้ำเล่นกันอยู่ที่สระว่ายน้ำข้างบ้าน
...
เป็นธรรมเนียมของพี่น้องบ้านโภคิอภิวัฒน์ที่จะใช้เวลาในช่วงวันหยุดพักผ่อนด้วยกันแบบนี้เสมอมา เนื่องจากท่านเจ้าสัวและคุณน้ำเพชรพร่ำสอนลูกๆ เสมอว่าให้รักใคร่สามัคคีกัน ถึงจะมีภาระหน้าที่รัดตัวสักเพียงใด แต่ก็อย่าหลงลืมคำว่า ‘ครอบครัว’ ซึ่งคำสอนนี้ทั้งสี่หนุ่มจดจำ และนำมาจัดสรรควบคู่กับตารางการทำงานได้อย่างลงตัว
“พี่ใหญ่ กลาง มาเร็ว ค่อยๆ ว่ายไปทางนั้นกัน อย่าเสียงดัง” คุณรองกระซิบบอกพี่ชายคนโตและน้องชายคนกลางที่กำลังว่ายน้ำลอยตัวอยู่ข้างๆ ให้ค่อยๆ ว่ายน้ำเข้าไปหาคุณเล็กที่นั่งหลับตาทำสมาธิอยู่บนโขดหินข้างสระว่ายน้ำ จากนั้นคุณกลางกับคุณรองก็วิ่งเข้าชาร์จอุ้มคุณเล็กโยนลงน้ำ โดยมีคุณใหญ่คอยกดชัตเตอร์เก็บภาพไว้เป็นหลักฐาน
“โห พี่รอง พี่กลาง เล่นแบบนี้ใช่ไหม ได้เลย” คุณเล็กปีนขึ้นจากสระว่ายน้ำแล้วออกวิ่งไล่พี่ชายทั้งสอง ส่วนคุณกลางพอวิ่งไม่ไหวก็เลยแปรพักตร์มารวมหัวกับแฝดน้องอุ้มคุณรองโยนลงสระบ้าง
“ไอ้แฝด ระวังตัวไว้เลย พี่ใหญ่ครับ ช่วยผมด้วย” คุณรองประท้วงที่อยู่ดีๆ ก็ถูกน้องชายหักหลังเสียอย่างนั้น
“เสียใจว่ะรอง พี่เข้าข้างเสียงข้างมาก” พี่ใหญ่ของบ้านกล่าว
ในขณะที่คุณใหญ่กำลังยืนกอดอกมองน้องๆ อย่างถือแต้มเหนือกว่านั้น เตชินที่ย่องมาทางด้านหลังก็เอื้อมมือออกไปผลักหลังคุณใหญ่เต็มแรง จนคุณใหญ่ตกลงไปในน้ำเสียงดังตูม
เสียงหัวเราะของเพื่อนสนิทยังไม่บาดลึกเท่ากับเสียงของน้องชายทั้งสาม กฤตนัยตะเกียกตะกายว่ายน้ำเข้ามาเกาะขอบสระ “ไอ้ชิน ไอ้เพื่อนทรยศ เรื่องเก่ายังไม่ได้เคลียร์ สร้างเรื่องใหม่อีกแล้วนะ เดี๋ยวฉันก็ไม่ช่วยเรื่องสำคัญหรอก” คนถูกรุมฟาดงวงฟาดงา
“โห ไอ้ใหญ่ครับ เอาเรื่องตัวเองให้รอดก่อนไหมแล้วค่อยคิดมาช่วยคนอื่น” เตชินสวนกลับทันควัน
กฤตนัยจึงได้แต่ชี้หน้าแล้วส่งสัญญาณพิฆาตไปที่น้องชายทั้งสาม ทุกคนพยักหน้าแล้วค่อยๆ ตีวงล้อมเตชินเข้าไปใกล้ๆ
เตชินผู้โดดเดี่ยวที่เพิ่งรู้ชะตาชีวิตตนเองค่อยๆ หยิบมือถือออกจากกระเป๋าเสื้อแล้ววางไว้บนโต๊ะข้างสระว่ายน้ำ หลังจากนั้นเขาก็ถูกทั้งสี่เสือจับโยนลงสระน้ำทั้งเสื้อผ้าชุดหล่อ
ห้าหนุ่มเล่นน้ำกันจนเย็น จากนั้นก็กินมื้อค่ำร่วมกันที่บ้าน แล้วจึงพากันไปนั่งเล่นที่ห้องรับรองส่วนตัว และคืนนี้เตชินก็จะค้างที่นี่ เพราะแต่ไหนแต่ไรถ้าหากมีเวลาว่างก็จะมาทำกิจกรรมร่วมกันจนดึกดื่นแบบนี้เสมอ
“ให้ไว อย่าชักช้า” เตชินเร่งกฤตนัย
“ฉันกำลังใช้ความคิดอยู่” กฤตนัยตอบพลางหยิบหมากตัวใหม่ออกไปวางบนกระดานหมากรุก
“กระดานนี้เกือบชั่วโมงแล้วนะครับ พี่สองคนยังไปไม่ถึงไหนกันอีก พี่รองกับพี่กลางก็อีก จดๆ จ้องๆ อยู่ได้” คุณเล็กที่นอนท่องโลกออนไลน์อยู่บนโซฟาตัวยาวเอ่ยกระทบกระเทียบ
“คนอื่นเขาหากิจกรรมฝึกสมาธิลับสมองทำกัน แล้วแกล่ะทำอะไรอยู่” คุณหมอกลางตะโกนตอบขณะที่เดินหามุมจัดการลูกบิลเลียดที่หมายตาไว้
“จะทำอะไรล่ะ ถ้าไม่ใช่ส่องสาว” คุณรองตอบแทนอย่างรู้ทัน
“แหมพี่รอง แม่นเหมือนตาเห็นเลยนะครับ กำลังส่องอยู่พอดีเลย” คุณเล็กผุดลุกขึ้นนั่งโดยที่สายตายังจับจ้องอยู่ที่หน้าจอสมาร์ตโฟน “เลขาฯ พี่ชินนี่สายแซ่บเหมือนกันนะครับ เพื่อนๆ ก็เด็ดดวงกันทุกคน”
กฤตนัยละสายตาจากตารางหมากรุก เงยหน้าขึ้นมองเตชินด้วยสายตาที่แทนคำถามว่า ‘หมายความว่ายังไง’ ซึ่งคำตอบที่ได้รับก็คือการสั่นศีรษะระรัว
“แซ่บยังไงครับคุณเล็ก ขอดูหน่อย” เตชินทนสายตากดดันของเจ้าที่ตรงหน้าไม่ไหว จนต้องลุกขึ้นเดินเข้าไปดูมือถือของคุณเล็กพร้อมๆ กับคุณรองและคุณกลาง
กฤตนัยขมวดคิ้วก่อนที่จะหยิบสมาร์ตโฟนของตนเองขึ้นมาเปิดดู และนั่นก็คือคำตอบของสายแซ่บที่น้องชายหมายถึง กฤตนัยผ่อนลมหายใจเข้าออก แล้วเลื่อนดูภาพที่เพื่อนของบัวบูชาแท็กมาที่โพรไฟล์ของเธอ เป็นภาพห้าสาวร่างสะโอดสะองในเดรสเกาะอกสีขาวกระโปรงสั้นเหนือเข่า ยืนโพสต์ท่าเอียงตัว 45 องศาหน้าสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง และแน่นอนว่าหนึ่งในห้าสาวนั้นต้องมีบัวบูชารวมอยู่ด้วย โดยมีคำบรรยายใต้ภาพว่า ปาร์ตีสาวโสดเริ่มต้นขึ้นแล้ว พร้อมทั้งแท็กชื่อสถานที่คือ ‘AAA บาร์’
คนขี้หวงผลุนผลันเดินออกไปจากห้องรับรองพลางต่อสายไปยังคนสนิท “พนา ให้ทีมเตรียมรถ ฉันจะออกไปข้างนอกตอนนี้”
“พี่ใหญ่/ใหญ่” สี่หนุ่มที่เหลือร้องตามก่อนจะออกตัววิ่งแล้วโทร. สั่งให้คนสนิทเตรียมรถเพื่อออกไปข้างนอกด้วยเช่นกัน
“ไป AAA บาร์” คุณใหญ่สั่งพนาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
น้องชายอีกสามคนใช้คำสั่งเดียวกันกับผู้ติดตามและขึ้นรถออกไปเช่นกัน
เตชินรีบเปิดประตูรถเข้าไปนั่งข้างๆ กฤตนัย “แกจะตามไปทำไมวะไอ้ใหญ่ น้องเขามีปาร์ตีสาวโสด ส่วนแกเป็นชายโสดที่เขาไม่ได้เชิญ”
“ไอ้ชิน” กฤตนัยตวัดสายตามองคนพูดจาไม่เข้าหู
“ครับเพื่อน” เตชินกะพริบตาปริบๆ จ้องใบหน้าคนควันออกหูด้วยแววตาใสซื่อ กฤตนัยจึงทำได้แค่เพียงฮึดฮัดด้วยความขัดใจ
ทันทีที่ถึงหน้า AAA บาร์ เจ้าของร้านก็รีบออกมาต้อนรับ เนื่องจากพนาได้ต่อสายมายังเจ้าของร้านเพื่อให้จัดโต๊ะที่ใกล้กับกลุ่มห้าสาวชุดขาวก่อนหน้านี้แล้ว
เมื่อเดินเข้ามาถึงโต๊ะที่ทางร้านจัดไว้รอ หนุ่มๆ ก็ไม่อาจละสายตาไปจากสิ่งสวยงามที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าได้เลย ห้าสาวโสดกำลังออกลวดลายโชว์สเตปแดนซ์กันอย่างออกรสออกชาติ จนไม่ได้สนใจผู้ที่มาใหม่ใกล้ตัว คุณใหญ่ คุณรอง คุณกลาง คุณเล็ก และเตชินนั่งอยู่โต๊ะตรงกลาง โดยมีเหล่าผู้ติดตามนั่งโต๊ะขนาบไว้ทั้งสองข้าง
กฤตนัยจ้องมองบัวบูชาตาไม่กะพริบ คืนนี้เธอดูเปรี้ยวมาก อีกทั้งชุดที่สวมใส่ก็วาบหวิวมากกว่าทุกครั้งที่เคยเห็น มากเสียจนน่าจับมาตีลงโทษสักทีสองที โทษฐานที่ทำให้เขาออกอาการจนเสียการควบคุมไปหมด
“เพื่อนคุณใบบัวแจ่มๆ ทั้งนั้นเลย” คุณรองเอ่ยขึ้นเป็นคนแรก และทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย
“น่าตีจริงๆ เลยบัวบูชา” กฤตนัยพูดไปอีกเรื่อง และนั่นก็ทำให้ทุกคนแอบก้มหน้าลงเพื่อซ่อนรอยยิ้ม
ดีที่ตอนเดินทางมาคุณเล็กได้ต่อสายหาคุณรอง เพื่อสอบถามถึงความผิดปกติในการเดินทางออกจากบ้านอย่างเร่งด่วนในช่วงหัวค่ำเช่นนี้ของพี่ชายคนโต คุณรองจึงเล่าให้ฟังเพียงคร่าวๆ ว่าพี่ชายคนโตน่าจะกำลังมีความรัก แล้วก็ดูท่าจะเป็นความรักที่แสนจะหวงแหนเสียด้วย
คิดแล้วก็อดสงสารว่าที่พี่สะใภ้ไม่ได้ คงไม่แคล้วต้องเข้าไปอยู่ในกรงทองล้อมเพชรของท่านประธานจอมโหดเป็นแน่ คุณใหญ่เห็นนิ่งๆ แบบนี้ แต่เป็นคนที่โหดที่สุดในบรรดาพี่น้อง คืนนี้พวกเขาคงได้แต่ภาวนาว่าขออย่าได้มีผู้ชายหน้าไหนมาวุ่นวายกับบัวบูชาเลย เพราะไม่เช่นนั้นราตรีนี้คงอีกยาวไกลเป็นแน่
“เป็นธรรมดานะครับพี่ใหญ่ น้องใบบัวเธอก็ยังเป็นวัยรุ่นอยู่ ก็ต้องมีมาผ่อนคลายบ้าง” คุณหมอกลางกล่าวตามความเป็นจริง
“พี่เข้าใจ แต่ก็อดจะห่วงไม่ได้ ขออนุญาตกันสักคำก็ไม่มี”
“แกเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าวะไอ้ใหญ่ แกเป็นอะไรกับน้องเขา ทำไมเขาต้องขออนุญาตแกด้วย เลขาฯ ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตเจ้านายก่อนท่องราตรีนะเพื่อน แอบชอบเขาแต่ไม่ทำอะไรเลย นั่งคิดนอนคิดมโนเอาเองทั้งนั้น ฉันว่าแกต้องกล้าแสดงตัวแล้วว่ะ ถ้าขืนแกชักช้าแบบนี้ระวังจะโดนคนอื่นคว้าเอาไปครอง” เตชินส่ายหน้ากลุ้มใจ กฤตนัยเป็นคนที่เก่งทุกเรื่อง แต่คงต้องยกเว้นเรื่องจีบสาวไว้เรื่องหนึ่ง
“ผมเห็นด้วยกับพี่ชินนะครับพี่ใหญ่ รุกเลยครับ มัวแต่มองแบบนี้ ไอ้ผู้ชายโต๊ะโน้นมันจะคาบไปเสียก่อน ดูมันมอง ดูมัน” คุณเล็กสนับสนุนความคิดของเตชินอีกคน
...
คนที่ถูกจ้องเริ่มสัมผัสได้ถึงตาหลายคู่ที่กำลังจับจ้องมาที่กลุ่มพวกเธอ
“พวกแก ที่สิบสี่นาฬิกา ค่อยๆ หันแบบเนียนๆ นะยะ เทพบุตรทั้งโต๊ะ” เพนนีสะกิดกลุ่มสาวโสด
“เฮ้ย เขามองพวกเราแก๊ งานดีอ้ะ” ฟ้าใสแกล้งเต้นสะบัดหน้าไปตามทิศที่เพนนีบอก แล้วจึงหันกลับมารายงานผลด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นสุดตัว
กลุ่มสาวโสดสลับกันหันไปมองพ่อเทพบุตรโต๊ะข้างๆ และแล้วก็ถึงเวลาที่บัวบูชาจะได้พบเจอกับเทพบุตรที่เพื่อนๆ ต่างก็กรีดร้องชื่นชมกันเสียงหลง
หญิงสาวค่อยๆ หันมองไปยังทิศที่เพนนีบอก ตาหวานปะทะเข้ากับตาคู่หนึ่งที่จับจ้องตรงจุดที่เธอยืนอยู่ไม่กะพริบ เพียงเท่านั้นบัวบูชาก็รู้สึกชาวาบไปทั้งตัว
ทฤษฎีโลกกลมไม่น่าจะเกิดขึ้นกับเธอได้เลยจริงๆ หญิงสาวรีบหันหน้ากลับมายังทิศทางเดิม
“ไม่มั้ง อาจจะแค่คนหน้าเหมือน” บัวบูชาให้กำลังใจตัวเองพลางยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นมาดื่มเพื่อเรียกสติ ก่อนที่จะหันกลับไปมองโต๊ะเทพบุตรของเพื่อนๆ เธออีกครั้ง คราวนี้นอกจากตาเหยี่ยวคู่เดิมคู่นั้นจะยังจับจ้องเธออยู่ไม่วางตาแล้ว เขายังเลิกคิ้วใส่เธออีกด้วย และเมื่อเธอลองกวาดสายตามองไปรอบด้านก็พบกับทีมเทพบุตรของสาวโสดครบทีม ครบในแบบฉบับที่เปิดประชุมบอร์ดบริหารได้เลยทีเดียว
“หมดกัน บัวเอ๊ย” หญิงสาวยกมือขึ้นกุมหน้าผาก ก่อนที่จะยกแก้วน้ำขึ้นมาจิบแก้อาการประหม่า
“เดี๋ยวบัวมานะ พอดีเจอคนรู้จัก” บัวบูชากระซิบบอกผกากรอง
หญิงสาวค่อยๆ เดินตรงไปยังโต๊ะที่เจ้านายทั้งห้าคนนั่งอยู่ พลางเอามือดึงชายกระโปรงที่สั้นเหนือเข่าให้ลงมาอยู่ใต้เข่าแต่พอดึงกระโปรงลงมาใต้เข่า เกาะอกเจ้ากรรมด้านบนก็เลื่อนลงมาด้วย เผยให้เห็นเนินอกชัดยิ่งขึ้นกว่าเดิม เธอจึงจำเป็นต้องดึงชุดกลับขึ้นไปอีกรอบ
ภาพการดึงชุดขึ้นลงของบัวบูชาเรียกรอยยิ้มเอ็นดูได้จากทั้งห้าหนุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งรอยยิ้มกว้างของเสือยิ้มยากอย่างท่านประธานหน้านิ่ง
“เด็กน้อยเอ๊ย” กฤตนัยกระตุกยิ้มที่มุมปาก
ความจริงเขาก็เห็นอยู่แล้วว่ากลุ่มสาวโสดของบัวบูชานั้นสนุกกันเองแค่ห้าคน หาได้สนใจคนรอบข้างไม่ ผู้ชายที่พยายามจะเข้ามาใกล้ก็ถูกสาวๆ กันออกไปได้หมด เขาเชื่อสนิทใจว่าพวกเธอมาสนุกกันอย่างเดียวจริงๆ ถึงกระนั้นก็อดที่จะหวงและห่วงไม่ได้
“สวัสดีค่ะ” ในที่สุดบัวบูชาก็เดินมาถึงโต๊ะผู้บริหารทั้งห้า หญิงสาวประนมมือไหว้ ค้อมศีรษะลงอย่างนอบน้อม ขัดกับชุดหวาบหวิวที่สวมใส่อยู่เหลือเกิน
“สวัสดีครับคุณใบบัว มาเที่ยวเหมือนกันหรือครับ แหม บังเอิญจังเลยนะครับ มาร้านเดียวกันเลย” คุณเล็กกล่าวทักทายหญิงสาวเป็นคนแรก
“ค่ะคุณเล็ก บังเอิญจังเลยนะคะ” บัวบูชาส่งยิ้มเจื่อน เพราะไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะมาเจอเจ้านายในสถานที่แบบนี้
“ถ้าหากไม่รังเกียจก็นั่งด้วยกันก่อน” กฤตนัยเชิญบัวบูชาให้นั่งร่วมโต๊ะด้วยเสียงที่เข้มกว่าปกติ
และเดชาก็รู้ใจ รีบยกเก้าอี้มาวางด้านข้างผู้เป็นนาย บัวบูชาจึงค่อยๆ ลดตัวนั่งลงตรงเก้าอี้ตัวดังกล่าวอย่างช้าๆ
กฤตนัยก้มลงมองใบหน้าหวานของหญิงสาวที่ทำให้เขาหัวปั่นจนต้องตามมาถึงที่นี่ แต่แล้วก็ต้องตาโตเพราะชุดเกาะอกที่ร่นโชว์เนินอกขาวนวลเนียน ชายหนุ่มลอบกลืนน้ำลาย ก่อนที่จะถอดแจ็กเกตออกแล้วนำไปคลุมไหล่เธอเอาไว้
“ขอบคุณค่ะ” ใบบัวยกมือไหว้ขอบคุณ
“เมาหรือเปล่า” กฤตนัยถาม
“บัวไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์ค่ะ” หญิงสาวตอบกลับด้วยเสียงแผ่วเบา
“แล้วใบบัวมากันยังไงครับ” เตชินถาม
“นั่งแท็กซี่มากันค่ะคุณชิน” บัวบูชาเงยหน้าตอบผู้เป็นนาย
“สวัสดีค่ะสุดหล่อ” ในขณะที่บัวบูชากำลังก้มหน้าลงเพื่อหลบหลีกสายตาดุดันของเจ้านายอีกคนด้านข้าง อยู่ๆ ก็มีเสียงหวานใสดังขึ้นที่โต๊ะห้าหนุ่มโสด
บัวบูชาหันไปมองตามเสียงแล้วก็แทบจะล้มทั้งเก้าอี้ เพราะเพื่อนสาวของเธอเดินตาเยิ้มมายืนเท้าแขนที่โต๊ะ โชว์เนินอกสวยงามให้บรรดาเจ้านายของเธอมอง จนสี่หนุ่มโสดอ้าปากค้าง คงมีแต่กฤตนัยคนเดียวเท่านั้นที่ยังอยู่ในอาการปกติ ปกติที่ว่านั่นก็คือมองใบหน้าหวานของเลขานุการอย่างไม่วางตานั่นเอง
“จีน่า เพนนี มีอะไรหรือเปล่า” บัวบูชาเอ่ยถาม
“ป๊าว ฉันเห็นว่าแกหายไปนานเลยมาตามหา ไม่คิดว่าจะแอบมานั่งจู๋จี๋ดู๋ดี๋กับแก๊งเทพบุตรอยู่ที่นี่” เพนนีส่งสายตาหวานเยิ้มไปยังเทพบุตรทั้งห้า
“นี่เจ้านายบัวเอง จีน่ากับเพนนีกลับไปที่โต๊ะก่อนนะ เดี๋ยวตามไป”
“โอเค ไปก่อนนะคะหนุ่มๆ บัวรีบตามไปนะ ได้เวลาที่เจ้าหญิงขาแดนซ์ต้องทวงบัลลังก์แล้ว” จีน่าทิ้งท้ายไว้ให้บัวบูชาสะดุ้งเล่น เพราะห้าหนุ่มหันขวับมามองเธอกันเป็นตาเดียว
“เอ่อ บัวขอตัวก่อนนะคะ เพื่อนตามแล้ว” เมื่อไม่อาจทนอยู่ท่ามกลางตาเหยี่ยวทั้งห้าคู่ได้ หญิงสาวจึงรีบหาทางหลบหลีก
“อืม ตามสบาย” กฤตนัยอนุญาต ก่อนจะยกมือขึ้นลูบคางตัวเองอย่างคนคิดหนัก
...
เพลงจังหวะสนุกสุดเหวี่ยงยังไม่มันเท่าเจ้าหญิงขาแดนซ์ทั้งห้านาง ทุกคนในบาร์ต่างก็ให้ความสนใจสาวโสดทั้งห้า เพราะกลุ่มของพวกเธอนั้นตัวเล็กน่ารัก แถมยังสวมใส่ชุดที่เปรี้ยวแต่ดูดี และยังใส่กันเป็นทีมอีกด้วย
“ว่าที่พี่สะใภ้ผมเต้นน่ารักเป็นบ้าเลย” คุณเล็กชื่นชมว่าที่พี่สะใภ้ออกนอกหน้า บัวบูชาเต้นได้น่ารักมากกว่าเซ็กซี่ ในขณะที่เพื่อนๆ ของเธอก็มีจังหวะเป็นของตัวเอง ทุกคนจึงโดดเด่นกันคนละแบบ
“อ้าว ไอ้บ้านั่นมันเต้นมาชนใบบัวหลายรอบแล้วนะ” เตชินเริ่มโมโหเมื่อเห็นผู้ชายคนหนึ่งเต้นมากระแซะบัวบูชาอยู่บ่อยครั้ง
กฤตนัยนั่งกอดอกจ้องไปยังทิศที่ผู้ชายหลายคนเต้นมาล้อมห้าสาวเอาไว้ด้วยสายตาที่ชวนให้ขนลุก จนอีกสี่หนุ่มที่นั่งร่วมโต๊ะด้วยรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ไปตามๆ กัน
“สัมผัสได้ถึงพลังบางอย่าง” คุณเล็กลูบแขนพลางบ่นพึมพำกับพี่ชายฝาแฝด
กฤตนัยหันไปพยักหน้าส่งสัญญาณบอกคนสนิท แล้วจึงลุกขึ้นเดินเข้าไปหาบัวบูชาทันที คุณรองทำท่าจะลุกตาม แต่ถูกเตชินปรามเอาไว้
“ให้ใหญ่จัดการเรื่องนี้เองดีกว่าครับ” ดังนั้นสี่หนุ่มจึงจำต้องนั่งลงดังเดิม
ทางฝั่งบัวบูชาที่ยังครองบัลลังก์ขาแดนซ์อยู่รู้สึกได้ว่ามีคนมาล้อมเธอไว้อีกแล้ว หญิงสาวจึงพยายามขยับหาทางหนี แต่กลับถูกมือหนาจับแขนเอาไว้เสียก่อน
“ท่านประธาน” หญิงสาวหันขวับกลับไปมองหน้าคนที่ถือวิสาสะมาจับเธอไว้พร้อมกับร้องเสียงหลง
“ก็ผมน่ะสิ คุณคิดว่าใคร หืม?” กฤตนัยจ้องดวงตาของหญิงสาวไม่ไหวติงจนคนถูกจ้องรู้สึกร้อนผ่าวสะเทิ้นอาย ต้องรีบก้มหน้าหลบสายตาอีกรอบ
“จะกลับหรือยัง นี่ก็ดึกมากแล้ว เดี๋ยวผมไปส่งที่บ้าน” กฤตนัยเข้าเรื่อง
“เอ่อ คือ...วันนี้บัวนอนที่บ้านเพนนีค่ะ คงจะทิ้งให้กลับกันเองไม่ได้ ดูจากสภาพแล้วไม่น่าจะรอด ใกล้ร่วงกันเต็มที” หญิงสาวหันไปมองจีน่า เพนนี ฟ้าใสที่ปีนขึ้นไปเต้นบนโต๊ะ โดยมีผกากรองคอยยืนระวังเพื่อนอยู่ข้างๆ
“เดี๋ยวผมให้เดชาไปส่งเพื่อนคุณเอง มีใครที่ยังพอคุยรู้เรื่องหรือเปล่า”
“ผกาค่ะ เธอดื่มไปนิดเดียว แต่บัวไม่อยากทิ้งเพื่อนไว้ ขอเวลาสักครู่นะคะ บัวจะไปชวนเพื่อนกลับตอนนี้เลย” บัวบูชาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องฟังคำสั่งของผู้ชายคนนี้ด้วย เขาบอกให้กลับก็ต้องรีบกลับ อาจจะเป็นเพราะเขาเป็นเจ้านาย เธอจึงปฏิบัติตามคำสั่งด้วยความเคยชินตามวิสัยของเลขานุการ
บัวบูชาเดินไปเจรจากับสี่สาวโสดสักพักก็จูงมือกันเดินตรงมาหากฤตนัย ชายหนุ่มจึงรีบคว้ามือของบัวบูชาพาเดินออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว
“ท่านประธานคะ เอ่อ ปละ...ปล่อยมือบัวก่อนค่ะ” บัวบูชาพยายามรั้งตัวเองเอาไว้พร้อมกับหมุนข้อมือหลีกหนีการเกาะกุม
“อย่าดิ้นและอย่าดื้อ คนเยอะแยะ เดี๋ยวก็พลัดหลงกันพอดี” กฤตนัยส่งสายตาดุปรามหญิงสาว โดยไม่ยอมปล่อยมือจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ในทางกลับกันมือหนากระชับมือบางแน่นขึ้นกว่าเดิม จนเธอได้แต่ก้มหน้าลงและยินยอมเดินตามไปอย่างว่าง่าย
เมื่อเห็นว่ากฤตนัยกึ่งลากกึ่งจูงบัวบูชาออกไปแล้ว ผู้ร่วมขบวนการที่เหลือจึงเดินตามออกไปเช่นกัน เดชารับหน้าที่ไปส่งสี่สาวโสดที่บ้านของเพนนี ส่วนเตชินกลับไปพร้อมคุณรอง คุณกลาง และคุณเล็ก ส่วนคุณใหญ่นั้นมุ่งหน้าไปบ้านสาวโสดในดวงใจ
“คุณพนารู้ได้ยังไงคะว่าบ้านบัวมาทางนี้” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะเธอได้ยินเขาอธิบายทางไปบ้านของเธอกับคนขับรถอย่างละเอียด
“เตชินบอกไว้น่ะ” กฤตนัยตอบแทน
“อ๋อค่ะ”
“ปกติปาร์ตีกันบ่อยแค่ไหน”
“ไม่บ่อยค่ะ คืนนี้เป็นคืนแรกในรอบสามเดือน พอแยกย้ายกันไปทำงานก็หาเวลาว่างตรงกันยากขึ้น” บัวบูชาตอบตามตรง
“เตชินบอกแล้วใช่ไหมว่าจะต้องย้ายไปทำงานกับผม”
“บอกแล้วค่ะ บัวเองก็ไม่มั่นใจนะคะว่าจะทำได้ดีแค่ไหน แต่ถ้าหากทางผู้ใหญ่เห็นสมควร บัวก็จะพยายามทำให้ดีที่สุดค่ะ” หญิงสาวก้มหน้าตอบ จึงไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ฉายอยู่บนใบหน้าหล่อ
“ถึงแล้ว ขอเข้าไปดื่มน้ำในบ้านหน่อยได้หรือเปล่า” กฤตนัยเอ่ยถามเสียงนุ่ม
“ดะ...ได้ค่ะ เชิญค่ะ” บัวบูชาเดินนำกฤตนัยเข้าบ้าน จากนั้นจึงเดินเข้าไปในห้องครัว ยกแก้วน้ำมาสองใบ ใบแรกใส่น้ำเต้าหู้ส่วนใบที่สองใส่น้ำเปล่า
“น้ำเต้าหู้บัวต้มเองค่ะ”
กฤตนัยยกแก้วน้ำเต้าหู้ขึ้นมาจิบ รสชาติละมุนกลิ่นหอมอ่อนๆ รสมือนี้ที่เขาชื่นชอบนักหนา ชายหนุ่มค่อยๆ ละเลียดดื่มน้ำเต้าหู้จนหมดแก้ว
“อืม รสดี” ถึงแม้ว่าน้ำเต้าหู้ในแก้วจะหอมหวานชื่นใจสักเพียงใด แต่คนฟอร์มจัดก็ยังคงเอ่ยชมด้วยสีหน้าเรียบเฉยเช่นเคย
บัวบูชายิ้มรับน้อยๆ พลางยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาโดยไม่ได้เอ่ยอะไร แต่แขกไม่ได้รับเชิญก็พอจะเข้าใจความหมายเลาๆ
“ดึกแล้ว ผมกลับก่อนดีกว่า คุณจะได้พักผ่อนสักที”
“ขอบคุณท่านประธานนะคะที่มาส่ง” บัวบูชาประนมมือไหว้ขอบคุณ
“ไม่เป็นไร ผมยินดี” กฤตนัยเอ่ยตอบเสียงอ่อนก่อนจะก้าวขึ้นรถ
“เข้าบ้านได้แล้ว ปิดประตูลงกลอนให้เรียบร้อย ไว้เจอกันวันจันทร์” และก่อนที่พนาจะปิดประตูรถ ท่านประธานก็หันมาทิ้งท้ายกับเลขานุการส่วนตัวคนใหม่อีกรอบด้วยประโยคปิดท้ายที่แฝงความหมายบางอย่างเอาไว้ ความหมายที่คนฟังยังไม่เข้าใจ แต่คนพูดก็พร้อมที่จะทำให้เธอเข้าใจในเร็ววันนี้
ความคิดเห็น |
---|