13
หลังจากตรวจงานที่ญี่ปุ่นเสร็จเรียบร้อยแล้ว สามเสือจึงเดินทางไปตรวจดูความคืบหน้างานก่อสร้างโรงแรมและห้างสรรพสินค้าที่ประเทศจีนต่อ
“งานก่อสร้างเสร็จไวกว่าที่คิดนะครับพี่ใหญ่ ดูแล้วทุกอย่างก็เรียบร้อยดี” คุณรองรายงานผลจากการประเมินคร่าวๆ
“ผมว่าจะมาเปิดสาขาจิวเอลรีที่ห้างนี้ด้วย พี่รองแนะนำพื้นที่ตรงไหนดี” คุณเล็กหารือเรื่องการขยายสาขาร้านจิวเอลรีที่ตนเองดูแลอยู่
ในขณะที่น้องชายกำลังหารือเรื่องงานกันอยู่นั้น กฤตนัยก็เดินตรวจงานก่อสร้างไปเรื่อยๆ ทันใดนั้นเองก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น
แผ่นเหล็กขนาดใหญ่หล่นลงมาจากชั้นบนที่มีการก่อสร้าง และกำลังลอยลงมาตรงกลางกลุ่มคนงานผู้หญิงที่ยืนทำงานกันอยู่ กฤตนัยที่กำลังเงยหน้าตรวจงานโครงสร้างอยู่ รีบวิ่งเข้าไปผลักคนงานที่ยืนอยู่ออกให้พ้นจากรัศมีของแผ่นเหล็ก แรงกระแทกทำให้ชายหนุ่มล้มลง โดยที่ขาข้างขวาพลาดตกลงไปในหลุมที่ขุดไว้พอดี
ตุ้บ! วัตถุขนาดใหญ่หล่นกระทบพื้นดังลั่นท่ามกลางเสียงหวีดร้องของพนักงานหญิงที่อยู่ในเหตุการณ์ ส่งผลให้อีกหลายชีวิตที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงหันไปมองจุดเกิดเหตุพร้อมๆ กัน
“เฮ้ย!!!” คุณรองและคุณเล็กร้องขึ้นพร้อมกันด้วยความตกใจ แล้ววิ่งเข้าไปดูพี่ชายทันที
“พี่ใหญ่เป็นยังไงบ้างครับ” คุณรองรีบเข้าไปพยุงพี่ชายให้ลุกขึ้น
“ขาพี่น่าจะมีปัญหา” คุณใหญ่เอ่ยบอกคุณรองพร้อมกับก้มลงมองขาข้างขวาที่ตอนนี้รู้สึกชามากกว่าเจ็บ
“เตรียมรถ” คุณเล็กหันไปสั่งให้คนงานเตรียมรถไปโรงพยาบาล
...
“พี่ใหญ่นอนพักที่โรงพยาบาล ให้หมอตรวจอย่างละเอียดอีกทีก่อนดีกว่านะครับ ขาหัก เอ็นฉีก แถมยังต้องใส่เฝือกอีก” คุณเล็กทั้งขอร้องทั้งออกคำสั่ง
“พี่ขอกลับไปพักที่บ้านดีกว่า” คนเจ็บยืนยันเสียงหนักแน่น
“รองช่วยให้คนเตรียมเครื่องบินที พี่จะกลับเมืองไทย ส่วนเล็กช่วยประสานกับหมอกลางให้เตรียมหมอไว้รอด้วยก็แล้วกัน”
“ครับ” คุณรองและคุณเล็กจำยอมต้องขานรับอย่างเสียไม่ได้
กฤตนัยและน้องชายเดินทางกลับประเทศไทยโดยเครื่องบินแบบเช่าเหมาลำ โดยที่คุณหมอกลางเตรียมรถพยาบาลมารอรับที่สนามบินด้วยตนเอง
“เป็นยังไงบ้างครับพี่ใหญ่ อาการไม่เบาเลย ผมจะพาพี่ไปที่โรงพยาบาลก่อนนะครับ ให้หมอเฉพาะด้านตรวจอย่างละเอียดอีกที ส่วนคุณพ่อกับคุณแม่ผมให้รออยู่ที่บ้านนะครับ ท่านกังวลและเป็นห่วงพี่ใหญ่น่าดู โดยเฉพาะคุณแม่เสียน้ำตาไปหลายรอบแล้ว” คุณกลางเอ่ยทักทายพร้อมกับสำรวจอาการของพี่ชายไปพลางๆ ยังดีที่เหตุการณ์ครั้งนี้คนงานคนอื่นๆ ปลอดภัย ไม่อย่างนั้นบริษัทคงได้รับผลกระทบมากพอสมควร
“อืม ยังพอไหว แต่ตรวจเสร็จแล้วพี่ขอกลับไปพักที่บ้านนะกลาง พี่ไม่นอนโรงพยาบาล”
นายแพทย์หนุ่มพยักหน้ารับเนือยๆ ถึงแม้นว่าอาการของพี่ชายนั้นควรต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลก่อน แต่หากคนไข้ที่แสนดื้อยืนกรานขนาดนี้ก็คงต้องยินยอมอนุญาตตามคำขอ
...
เมื่อรถพยาบาลนำคนเจ็บมาถึงโรงพยาบาลก็พบว่าเจ้าสัวก้องภพและคุณน้ำเพชรมายืนรออยู่ก่อนแล้ว
“คุณพ่อ คุณแม่ สวัสดีครับ” สี่หนุ่มทักทายบิดาและมารดาพร้อมกัน
“ผมบอกว่าให้รอที่บ้านไงครับคุณพ่อคุณแม่” คุณหมอกลางถาม
“ก็แม่เราน่ะสิไม่ยอมท่าเดียว แล้วพ่อจะทำอะไรได้ ก็เลยต้องรีบพามานี่แหละ” ท่านเจ้าสัวตอบยิ้มๆ
“เป็นไงบ้างไอ้เสือ” บิดาเดินเข้าไปตบไหล่บุตรชายคนโตที่นอนอยู่บนเปล
“นิดหน่อยครับคุณพ่อ สบายมาก” คุณใหญ่ตอบ
“ใหญ่ลูก เจ็บตรงไหนบ้าง แม่เป็นห่วงมากเลยรู้ไหม” คุณน้ำเพชรลูบผมบุตรชายพร้อมกับเอ่ยถามด้วยเสียงเจือสะอื้น
“คุณแม่ครับ ดูสิ น่าน้อยใจจริงๆ ทักแต่พี่ใหญ่ ไม่สนใจผมกับพี่รองเลย” เมื่อเห็นว่ามารดากำลังจะปล่อยโฮ เสือเล็กจอมออเซาะจึงรีบเดินเข้าไปสวมกอดมารดาเอาไว้พร้อมกับขโมยหอมแก้มไปฟอดใหญ่
“สนใจสิลูก แม่คิดถึงทุกคนเลย” คุณน้ำเพชรโอบกอดลูกชายคนเล็ก ก่อนจะหันไปสวมกอดคุณรองด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ
“หมดเคราะห์หมดโศกกันนะลูกนะ อย่าให้ใครเป็นอะไรอีกเลย แม่ปวดใจไปหมด”
“งั้นผมพาพี่ใหญ่ไปตรวจก่อนนะครับ” เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มคลี่คลายแล้ว คุณหมอกลางจึงขอตัวพาพี่ชายคนโตไปทำการตรวจให้ละเอียดอีกครั้ง
...
หลังจากเอกซเรย์ร่างกายอย่างละเอียดโดยแพทย์เฉพาะทางเรียบร้อยแล้ว คุณหมอกลางจึงพาคุณใหญ่ไปพักที่ห้องรับรองพิเศษของครอบครัว ซึ่งมีเจ้าสัวก้องภพ คุณน้ำเพชร คุณรอง และคุณเล็กรออยู่ในห้องก่อนแล้ว
“พี่ใหญ่คงต้องใส่เฝือกสักเดือนนะครับ” คุณกลางบอกกับพี่ชาย
“งั้นเดี๋ยวกลางช่วยหาพยาบาลพิเศษไว้ไปดูแลตาใหญ่ที่บ้านด้วยนะลูก” คุณน้ำเพชรสั่งการ
“ผมไม่เอาพยาบาลพิเศษครับคุณแม่” คุณใหญ่ตอบมารดา
คำพูดของพี่ชายคนโตทำให้น้องชายทั้งสามแอบลอบสบตากัน
“ไม่เอาก็ไม่เอาลูก แม่จะดูแลใหญ่เอง”
“ผมไม่อยากให้คุณแม่ลำบากครับ” คุณใหญ่ตอบมารดาพร้อมยิ้ม ก่อนจะหันไปพูดกับน้องชายคนรองโดยตรง
“รอง เดี๋ยวนายไปรับใบบัวไปที่บ้าน แล้วก็สั่งให้คนที่ห้างเอาเสื้อผ้าผู้หญิงไปส่งไว้ที่บ้านด้วย”
“พี่ใหญ่หมายความว่า...” หมอกลางหันไปมองคนป่วยที่ยังนอนอยู่บนเตียง
“พี่จะให้ใบบัวเป็นคนมาดูแลพี่ ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนนี้”
“แล้วเธอจะยอมหรือครับ” คุณรองเอ่ยถามจริงจัง
“พี่มีวิธี ตอนที่รองไปรับเธอยังไม่ต้องบอกเรื่องนี้ แค่บอกว่าพี่เจ็บหนักมากก็พอ”
“นี่ผมเริ่มคิดแล้วนะครับว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่พี่ใหญ่ตั้งใจกระโดดลงหลุมนั่นให้ขาหักเอง” คุณเล็กเอ่ยแซ็วพี่ชาย
เจ้าสัวก้องภพและคุณน้ำเพชรนั้นก็ได้แต่มองหน้าบุตรชายทั้งสี่คนสลับกันไปมา “ช่วยอธิบายให้พ่อกับแม่ฟังก่อนได้ไหมสี่เสือ” ผู้เป็นบิดาถาม
“คือ พี่ใหญ่กำลังจะมีเมียครับคุณพ่อ” คุณรองตอบบิดาอย่างรวดเร็ว
“หา!” เจ้าสัวก้องภพและคุณน้ำเพชรร้องเสียงหลง
คุณรอง คุณกลาง และคุณเล็กขำพรวดออกมาพร้อมกันเมื่อเห็นท่าทีของบุพการี
“เกินไปเจ้ารอง” คุณใหญ่มองค้อน ก่อนจะเริ่มอธิบายเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
“คุณพ่อกับคุณแม่จำบัวบูชา เลขาฯ ของเตชินได้ไหมครับ ที่เจอตอนประชุมผู้ถือหุ้น ตอนนี้ผมย้ายเธอมาเป็นเลขาฯ ส่วนตัวของผมแล้ว”
“อ๋อ แม่หนูยิ้มหวานคนนั้น แล้วไงต่อลูก” คุณน้ำเพชรพยักหน้า
“คือ ผมอยากให้เธอมาดูแลผมที่บ้านครับ ผมรู้สึกกับเธอมากกว่าฐานะเจ้านายกับเลขาฯ ผมจึงอยากจะใช้ระยะเวลาหนึ่งเดือนนี้เอาชนะใจเธอให้ได้” คุณใหญ่ส่งสายตาเป็นประกายไปทางมารดา
สองผู้อาวุโสยิ้มกว้างรับข่าวล่ามาแรง ซึ่งนับว่าเป็นข่าวดีที่ทั้งสองรอคอยมานาน “พ่อกำลังจะมีลูกสะใภ้จริงๆ แล้วใช่ไหมเจ้าใหญ่ ดี ดีมาก พ่อทุ่มสุดตัว”
“ไปสิตารอง ไปรับสะใภ้ใหญ่มา แล้วให้คนเอาแค็ตตาล็อกสินค้าที่ห้างมาให้แม่ด้วย เรื่องของใช้หนูใบบัวแม่จะเป็นธุระจัดการให้เอง”
“ขอบคุณครับคุณพ่อคุณแม่” กฤตนัยประนมมือไหว้บิดาและมารดา
“ออกตัวแรงกันขนาดนี้ พวกเราสั่งตัดชุดเพื่อนเจ้าบ่าวรอเลยดีกว่าครับ” คุณเล็กกระซิบกับคุณรองและคุณกลาง ซึ่งพี่ชายทั้งสองก็พยักหน้าเห็นด้วย
หลังจากสมาชิกในครอบครัวเห็นพ้องไปในทิศทางเดียวกันแล้ว คุณรองจึงสั่งการให้คนสนิทเตรียมรถ แล้วมุ่งหน้าไปยังสำนักงานใหญ่ของบริษัทโภคินอภิวัฒน์ทันที
ระหว่างการเดินทางคุณรองได้ต่อสายตรงขอความช่วยเหลือจากเตชิน ให้ช่วยไปแจ้งข่าวที่พี่ชายประสบอุบัติเหตุกับบัวบูชาทราบก่อน พร้อมทั้งให้ตระเตรียมแผนการกับดารินทร์ให้เรียบร้อย
“ใบบัว ดารินทร์ ท่านประธานประสบอุบัติเหตุที่จีน” เตชินเดินมาแจ้งข่าวกับสองเลขานุการสาวด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก
“ตายจริง ท่านประธานเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะคุณชิน” ดารินทร์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลไม่ต่างกัน
“ขาหัก เอ็นฉีก แผลถลอกทั้งตัว”
สิ้นคำตอบของเตชิน ปากกาที่อยู่ในมือของบัวบูชาก็หล่นลงกระทบโต๊ะทำงานทันที ใบหน้าหวานซีดเผือดลงโดยฉับพลัน เตชินและดารินทร์เหล่ตามองเพียงเล็กน้อย ก่อนที่จะเริ่มบทสนทนาต่อไป
“ช่วงนี้ท่านประธานคงไม่ได้เข้าออฟฟิศ อาจจะรบกวนคุณทั้งสองคนคอยประสานงานและรับเอกสารจากฝ่ายต่างๆ แล้วนำไปให้ท่านประธานดูที่บ้าน”
“แต่ว่าช่วงนี้หลานของดาไม่สบาย แล้วก็ไม่มีคนดูแลด้วยค่ะ ดาเพิ่งทำเรื่องขอลาพักร้อนไปค่ะคุณชิน” ดารินทร์ตอบเสียงเศร้า
“อ้าวหรือครับ แล้วจะทำยังไงดี พนากับเดชาก็ต้องคอยไปดูงานที่อื่น”
“พี่ดาไม่ต้องกังวลนะคะ บัวจะคอยดูเอกสารให้ท่านประธานเองค่ะ” บัวบูชาขันอาสาเสียงหวาน และนั่นก็ทำให้สองนักแสดงไร้สังกัดถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก
“ต้องรบกวนน้องบัวด้วยนะจ๊ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ดา บัวยินดี”
“งั้นก็ดีเลย เดี๋ยวผมจะเข้าไปดูอาการท่านประธานพร้อมคุณรอง ใบบัวเข้าไปพร้อมผมด้วยเลยก็แล้วกันนะ เตรียมเอกสารให้พร้อมล่ะ” เตชินออกคำสั่ง
“สวัสดีครับทุกคน” และตอนนี้เองคุณรองก็เหมือนจะรู้คิว รีบเดินเข้ามาร่วมวงสนทนาอย่างทันท่วงที
“สวัสดีค่ะคุณรอง” ดารินทร์และบัวบูชากล่าวทักทายผู้มาใหม่
“คุณรองมาพอดี เดี๋ยวผมกับบัวบูชาขอเข้าไปเยี่ยมคุณใหญ่พร้อมคุณรองเลยนะ” เตชินขยิบตาให้คุณรองอย่างรู้กัน
“งั้นดีเลยครับ พี่ใหญ่ห่วงงานมาก นี่ก็ร้องจะมาออฟฟิศให้ได้ ผมเลยต้องรับอาสามาดูงานแทน มีเอกสารอะไรจะหารือด่วน เตรียมไปให้หมดเลยนะครับ”
บัวบูชาเดินไปจัดการกับเอกสารเสนอลงนามกองพะเนิน เลือกหยิบแฟ้มที่ประทับตรา ‘เอกสารด่วน’ ขึ้นมาใส่ถุงแล้วจึงเดินไปหยิบกระเป๋าสะพาย ปิดคอมพ์ จากนั้นจึงเดินตามคุณรองและเตชินออกไป
“ไปรถผมนะครับพี่ชิน” คุณรองยังท่องบทที่เตรียมไว้อย่างแม่นยำ
“ครับ รถผมเข้าศูนย์พอดีเลย” เตชินตอบ
“เอ่อ เอารถบัวไปไหมคะคุณชิน ตอนกลับเราจะได้ไม่ต้องโบกแท็กซี่” บัวบูชาเสนอ
“ผมว่าไปคันเดียวกันดีกว่า จะได้คุยเรื่องงานไปพลางๆ ด้วย ไว้ตอนกลับผมจะให้คนมาส่ง” คุณรองตัดบทและเชิญทุกคนขึ้นรถ
สปรินเตอร์คันหรูของคุณรองพาทุกคนมุ่งหน้าสู่คฤหาสน์โภคินอภิวัฒน์ เมื่อรถแล่นผ่านประตูรั้วเข้ามาก็พบกับคฤหาสน์สีเหลืองอ่อนสไตล์โคโลเนียล ตั้งอยู่ท่ามกลางต้นไม้น้อยใหญ่บนพื้นที่ร่วม 20 ไร่ บัวบูชาที่เพิ่งได้สัมผัสบ้านหลังนี้เป็นครั้งแรกอดที่จะชื่นชมความงดงามที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าไม่ได้
หลังจากที่รถจอดเทียบประตูทางเข้าเรียบร้อยแล้ว คุณรองจึงเชิญทุกคนเข้าบ้าน เมื่อทั้งสามเดินผ่านห้องโถงใหญ่ก็พบกับเจ้าสัวก้องภพและคุณน้ำเพชรนั่งอ่านหนังสืออยู่
“สวัสดีครับคุณพ่อ คุณแม่” เตชินยกมือไหว้ผู้อาวุโสทั้งสอง
เจ้าสัวก้องภพและคุณน้ำเพชรรับไหว้เตชิน แต่ตาของทั้งสองกลับมองไปยังหญิงสาวที่ยืนแอบอยู่ด้านหลังเตชินแทน บัวบูชาค่อยๆ เดินเข้าไปนั่งลงด้านข้างคุณน้ำเพชร แล้วประนมมือไหว้อย่างนอบน้อม ท่านเจ้าสัวและคุณน้ำเพชรรับไหว้หญิงสาวทั้งรอยยิ้ม
“ตาใหญ่อยู่บนห้อง หมอกลางกับตาเล็กกำลังช่วยกันดูแลอยู่ พอเจ็บตัวก็หงุดหงิดง่าย เด็กๆ ที่บ้านเข้าหน้ากันไม่ติดสักคน” คุณน้ำเพชรส่ายหน้าน้อยๆ
“งั้นผมกับพี่ชินขึ้นไปหาพี่ใหญ่ก่อนนะครับคุณพ่อคุณแม่ คุณใบบัวไปด้วยกันนะครับ พวกเอกสาร คนของผมคงขนใส่ลิฟต์ไปไว้ที่ห้องพี่ใหญ่แล้ว” คุณรองเอ่ยบอกบิดาและมารดา แล้วจึงหันไปชวนบัวบูชา หญิงสาวค้อมศีรษะลงรับทราบ แล้วค่อยๆ ลุกขึ้นเดินตามสองหนุ่มออกไป
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
คุณรองส่งสัญญาณแล้วจึงเปิดประตูเข้าไป ห้องนอนของกฤตนัยตั้งอยู่บริเวณชั้นสามด้านปีกขวาของตึก ซึ่งในบริเวณปีกขวานั้นมีห้องทั้งหมดห้าห้อง จัดเป็นห้องรับรองสี่ห้อง และห้องส่วนตัวของคุณใหญ่อีกหนึ่งห้อง
ภายในห้องส่วนตัวของทายาทหมายเลขหนึ่งนั้นมีพื้นที่กว้างขวาง เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็จะพบห้องรับรองสำหรับนั่งเล่น ถัดไปเป็นห้องทำงาน แล้วด้านในสุดเป็นห้องนอน
เมื่อคุณรอง เตชิน และบัวบูชาเดินไปถึงบริเวณห้องนอน ก็พบว่าเจ้าของห้องนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ขาข้างขวาเข้าเฝือกไว้ โดยมีคุณหมอกลางและคุณเล็กนั่งอยู่ตรงโซฟา สองแฝดลุกขึ้นอย่างเบาเสียงที่สุดเพื่อเดินออกมาต้อนรับผู้มาใหม่
บัวบูชายกมือไหว้คุณหมอกลางและคุณเล็ก ทั้งสองรับไหว้ก่อนที่คุณหมอกลางจะกระซิบบอกทุกคนอย่างไม่ดังนัก
“พี่ใหญ่เพิ่งหลับไปครับ เราออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่า พี่ชินมาพอดีเลย ผมอยากหารืออะไรด้วยสักหน่อย”
“งั้นรบกวนคุณใบบัวอยู่เป็นเพื่อนพี่ใหญ่สักครู่นะครับ” คุณรองขอร้อง
“เอ่อ ดะ...ได้ค่ะ” หญิงสาวตอบรับเสียงเบาพอกัน
จากนั้นทั้งสี่ก็เดินออกจากห้องนอนไปอย่างรวดเร็ว เมื่อทุกคนเดินพ้นประตูห้องออกไปแล้ว บัวบูชาจึงค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียงที่ท่านประธานของเธอนอนอยู่ หญิงสาวสำรวจบาดแผลต่างๆ ตามร่างกายของกฤตนัย พลันหัวใจของเธอก็หวั่นไหวอ่อนยวบลงอย่างน่าประหลาด
หญิงสาวย่อตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเล็กที่ตั้งอยู่ข้างเตียง ก่อนจะกวาดสายตามองใบหน้าผู้เป็นนายในระยะประชิดเป็นครั้งแรก ใบหน้าหล่อคมเข้มแบบชายไทยดูอ่อนเยาว์ลงในยามหลับตา ยิ่งจ้องนานเท่าไร หัวใจของเธอก็ยิ่งเต้นแรงมากขึ้นเท่านั้น
“ใจเย็นๆ ใบบัว นิ่งไว้” เธอเอ่ยกับตัวเองเสียงเบา
ทางด้านคนที่แกล้งหลับนั้นรู้ตัวตลอดว่ากำลังมีใครแอบจ้องอยู่ กฤตนัยยิ้มกริ่มอยู่ในใจ จากนั้นจึงค่อยๆ ขยับเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆ
“ใบบัว มาได้ยังไงครับ” กฤตนัยว่าพลางขยับตัวจะลุกขึ้น แต่ด้วยความที่เพิ่งจะใส่เฝือกอยู่ ดังนั้นการขยับปรับท่าแต่ละครั้ง จึงทำได้อย่างยากลำบากและเชื่องช้า ประกอบกับสีหน้าเหยเกของคนเจ็บ ทำให้เลขานุการสาวขยับตัวเข้าไปช่วยประคอง
“บัวช่วยนะคะ” บัวบูชาขยับตัวเข้าใกล้ หมายจะช่วยประคองคนเจ็บลุกขึ้นนั่ง
“โอ๊ย” แต่ยังไม่ทันจะขยับนั่งเต็มตัว เสียงห้าวของคนเจ็บก็ดังขึ้น ส่งผลให้ผู้ช่วยจำเป็นต้องชะงักกลางอากาศ
“ท่านประธานเจ็บตรงไหนบ้างคะ บัวคงขยับตัวไปโดนแผลที่เจ็บ บัวขอโทษค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ มีหนักที่สุดก็ตรงขาขวา ส่วนขาซ้าย แขน และลำตัวก็มีแผลบ้างนิดหน่อย”
ทุกอย่างเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ ในขณะที่บัวบูชายังประคองร่างหนาของกฤตนัยให้ลุกขึ้นครึ่งๆ กลางๆ อยู่นั้น จู่ๆ คนเจ็บก็เกิดอาการตัวเกร็งแล้วขืนตัวกลับ ส่งผลให้ร่างบางของหญิงสาวที่โอบประคองจากด้านบน ล้มแหมะลงกลางอกแกร่งของคนเจ็บพอดิบพอดี
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ” บัวบูชารีบยันตัวออก แต่ก็ช้ากว่าคนเจ้าเล่ห์ คนเจ็บกระชับอ้อมกอดเอาไว้จนแน่น หญิงสาวสะดุ้งกับสัมผัสนั้นเล็กน้อย ก่อนจะรวบรวมแรงที่มีอยู่ดีดตัวเองออกมา
“เอ่อ บัว บัวไปตามคุณชินก่อนนะคะ แล้วก็จะไปเอาเอกสารมาให้ท่านประธานลงนามด้วยค่ะ”
“ใจคอคุณจะไม่ให้ผมพักสักหน่อยเลยหรือครับ ระบมไปทั้งตัว ข้าวก็ไม่ตกถึงท้องตั้งแต่เช้า”
“บัวไปแจ้งที่ครัวให้นะคะ”
“ผมเบื่ออาหารที่บ้าน คุณช่วยทำอาหารชาววังให้ผมกินหน่อยได้ไหม หิวจะแย่แล้ว”
“เอ่อ...” หญิงสาวทำเสียงอึกอัก
“นะครับ”
อีกแล้ว คำนี้อีกแล้ว ทุกครั้งที่มีคำว่า ‘นะครับ’ เธอก็ไม่เคยหาคำไหนมาปฏิเสธได้สักที
“ค่ะ ได้ค่ะ” บัวบูชารับคำแล้วรีบสาวเท้าออกจากห้องสูบวิญญาณไป ไม่ยอมหันกลับไปมองคนเจ็บที่นอนยิ้มหน้าบานอยู่บนเตียงเลยแม้แต่น้อย
เมื่อหญิงสาวเดินมาถึงประตูทางเชื่อมระหว่างส่วนของห้องนอนกับห้องทำงาน ก็พบว่าสี่หนุ่มที่ขอตัวออกไปคุยงานกันก่อนหน้านั้นซุ่มยืนเกาะขอบประตูอยู่กันครบทีม
“อ้าว คุณใบบัวจะไปไหนครับ” คุณเล็กรีบถามกลบเกลื่อน
“ท่านประธานอยากทานอาหารไทยค่ะ บัวเลยจะลงไปที่ครัว แต่ลืมถามว่าห้องครัวอยู่ตรงไหน” บัวบูชาเงยหน้าตอบ แล้วถามถึงจุดหมายปลายทางไปพร้อมกัน
“งั้นผมไปส่งครับ” คุณเล็กผายมือให้หญิงสาวเดินตาม
ส่วนคุณรอง คุณกลาง และเตชินก็รีบเดินเข้าไปหาคนเจ็บที่นอนจ้องอยู่ทันที
“พวกฉันไม่เห็นอะไรเลยนะโว้ย สักนิดก็ไม่เห็น” เตชินแก้ตัวเสียงสูง
คุณใหญ่ชี้หน้าคาดโทษทุกคนอย่างไม่จริงจังนัก
ความคิดเห็น |
---|