14

บทที่ 14


 

14

 

เมื่อเข้ามาถึงในห้องครัว บัวบูชาก็พบกับคุณน้ำเพชรที่กำลังยืนกำกับแม่ครัวเตรียมอาหารกลางวันอยู่

“อ้าว ตาเล็กพาหนูใบบัวมาทำอะไรในนี้ลูก” คุณน้ำเพชรเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“บังเอิญว่าท่านประธานท่านหิวครับคุณแม่ แล้วก็บังเอิญอีกว่าวันนี้อยากรับมื้อกลางวันเป็นอาหารไทยชาววัง แล้วก็บังเอิ๊ญบังเอิญอีกเหมือนกันที่คุณใบบัวเธอทำเป็นพอดี” คุณเล็กตอบมารดา

คำตอบของคุณเล็กทำให้บรรดาแม่ครัวที่กำลังสาละวนอยู่กับกองผักตรงหน้าละมือจากงานที่ทำอยู่ แล้วหันไปมองหญิงสาวผู้มาใหม่เป็นตาเดียวกัน

“หนูบัวทำอาหารชาววังเป็นด้วยหรือลูก ดีเลย วันนี้นมพิศเพิ่งสั่งกุ้ง หอย ปู ปลา หมู ไก่มาใหม่ หนูเลือกดูได้เลยนะลูกว่าจะทำอะไรให้พี่ใหญ่เขาทาน” คุณน้ำเพชรทำเสียงตื่นเต้นระคนดีใจ

“บัวพอทำได้บ้างเป็นบางอย่างค่ะคุณท่าน”

“คุณท่งคุณท่านอะไรกันล่ะ เรียกคุณแม่สิลูก” คุณน้ำเพชรที่ออกตัวแรงพอๆ กับลูกชายคนโตทำให้คุณเล็กได้แต่กลอกตาโคลงศีรษะไปมา

            “คุณแม่ครับ ใจเย็นๆ นะครับ ชู่ๆๆ” คุณเล็กยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะริมฝีปากของตัวเองพลางส่ายหน้าช้าๆ

“ก็ได้ๆๆ ขัดใจจริงๆ พ่อตัวดี” คุณน้ำเพชรย่นจมูกใส่บุตรชาย ก่อนจะเดินเข้าไปจูงมือบัวบูชาให้เข้ามายืนใกล้ๆ “มา มาตรงนี้ลูก คนที่ยืนข้างแม่คือนมพิศ แม่นมของสี่หนุ่มบ้านนี้จ้ะ นั่งเด็ดผักสองคนนั่นคือแววกับตาล ส่วนคนที่หั่นไก่อยู่ชื่อวัน แล้วคนสุดท้ายที่อยู่หน้าเตาคือแม่ครัวของที่นี่ชื่อแม่แรม”

คุณน้ำเพชรแนะนำบัวบูชาให้รู้จักกับทุกคนที่อยู่ในห้องครัว หญิงสาวประนมมือไหว้อย่างนอบน้อมอย่างเช่นเคย

“สวัสดีค่ะ บัวต้องขอรบกวนด้วยนะคะ” ความอ่อนน้อมถ่อมตนของบัวบูชาเรียกความเอ็นดูได้จากทุกคน

“คุณใบบัวเลือกดูของได้เลยนะคะ แววกับวันคอยเป็นลูกมือช่วยคุณใบบัวเธอด้วยนะ” นมพิศเอ่ยกับบัวบูชา แล้วจึงหันไปสั่งสองสาวที่ดูว่าน่าจะอายุมากกว่าบัวบูชาสักสามปี

บัวบูชาหันไปส่งยิ้มหวานให้แววกับวัน ก่อนจะเดินเลือกดูวัตถุดิบต่างๆ เพื่อคิดหาเมนูที่จะทำให้กฤตนัยรับประทาน

เมื่อเห็นว่าทุกอย่างลงตัวแล้วคุณเล็กจึงขอตัวกลับขึ้นไปสนทนาตามประสาชายโสด

ส่วนคุณน้ำเพชรนั้นยังคงปักหลักอยู่ในห้องครัว เพื่อรอชมว่าที่ลูกสะใภ้โชว์ฝีมือทำอาหาร

เมื่อเลือกเครื่องปรุงครบแล้ว บัวบูชาจึงหยิบกุ้งขึ้นมาเพื่อนำไปทำกุ้งเด้ง โดยการนำฟองเต้าหู้อย่างบางมาห่อหุ้มกุ้งเด้งที่ทำเตรียมไว้ เมื่อได้จำนวนตามที่ต้องการแล้วจึงเอาไปทอดกรอบ แล้วจัดวางลงในกระทงใบตอง เมนูที่หญิงสาวเลือกทำเป็นเมนูแรกนี้เรียกว่า ‘กุ้งเงินยวง’

จากนั้นจึงนำกุ้งสดตัวใหญ่ออกมาล้างให้สะอาด ผ่ากลาง แล้วนำไปผัดกับกระเทียมและพริกไทย เพื่อให้รสชาติจัดจ้านส่งกลิ่นหอมมากยิ่งขึ้น จานที่สองที่บัวบูชาเลือกทำนี้เรียกว่า ‘กุ้งใหญ่ทอดกระเทียม’

หญิงสาวนำเส้นหมี่ไปแช่น้ำอุ่นประมาณห้านาที แล้วเอาขึ้นพักในตะแกรงเพื่อให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นนำหมี่ใส่ลงไปในหม้อ เทน้ำเปล่าที่ผสมกับน้ำส้มสายชูลงไปให้ทั่วเส้นหมี่ เสร็จแล้วจึงปิดฝาหม้อเอาไว้ รอเวลาสักพักก็กลับหมี่ พรมน้ำเหมือนคราวแรกแล้วพักไว้ แล้วตั้งกระทะ ใส่น้ำมันลงไปเล็กน้อย พอกระทะเริ่มร้อนจึงใส่หอมกับกระเทียมสับละเอียดลงไปเจียวสักครู่ พอกระเทียมเริ่มเหลืองจึงใส่หมูและกุ้งลงไปผัด เติมเต้าเจี้ยวแล้วผัดต่ออีกสักพักเพื่อให้ได้กลิ่นหอม แล้วจึงนำหมี่ที่เตรียมไว้ไปทอดให้กรอบ และนำหมี่กรอบที่ได้ไปผัดกับน้ำปรุงที่ผัดไว้แล้ว เมนูที่สามนี้เรียกว่า ‘หมี่กรอบชาววัง’

หลังจากนั้นจึงหยิบกุ้ง ปลาหมึก และปูมาแกะเอาแต่เนื้อ แล้วจึงเดินไปเตรียมเครื่องต้มยำเพื่อทำต้มยำทะเลสูตรของตัวเธอเอง บัวบูชาให้แววช่วยเฉาะมะพร้าวอ่อนให้ จากนั้นเธอจึงค่อยๆ ขูดเนื้อมะพร้าวอ่อนอย่างเบามือ แล้วนำเนื้อมะพร้าวที่ได้ใส่ลงไปในหม้อต้มยำ ทำให้ต้มยำหม้อนี้กลมกล่อมมีครบทุกรสชาติ

หลังจากได้อาหารคาวครบตามต้องการแล้ว เธอจึงเดินไปเลือกผลไม้หลายอย่างมาปอกและหั่นอย่างสวยงาม เมื่อตรวจดูความเรียบร้อยของแต่ละเมนูแล้วจึงค่อยๆ บรรจงจัดเรียงอาหารใส่จานอย่างสวยงาม มีแววช่วยตักข้าวหอมที่หุงไว้ใส่จาน และวันช่วยนำจานที่จัดเสร็จแล้ววางบนถาดเพื่อเตรียมลำเลียงไปส่งที่ห้องของกฤตนัย

คุณน้ำเพชรและนมพิศลอบส่งยิ้มให้กัน บัวบูชาสอบผ่านร้อยเปอร์เซ็นต์ ผู้หญิงคนนี้มีคุณสมบัติครบพร้อม เหมาะสมกับตำแหน่งสะใภ้ใหญ่ของบ้าน เพราะนอกจากจะช่วยแบ่งเบางานนอกบ้านได้แล้ว เธอยังดูแลบ้านและทุกคนในครอบครัวได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

“บัวแบ่งอาหารไว้สำหรับทุกคนแล้วนะคะ ส่วนท่านประธานเธอขอรับบนห้องค่ะ” บัวบูชาเอ่ยกับคุณน้ำเพชร

“ขอบใจมากจ้ะ รีบไปดูพี่เขาเถอะ ตอนนี้คงชะเง้อรอคอยาวเป็นยีราฟแล้วมั้ง แม่ฝากตาใหญ่ด้วยนะลูก” คุณน้ำเพชรยังคงออกตัวแรงอย่างต่อเนื่อง

บัวบูชาพยักหน้ารับน้อยๆ จากนั้นจึงถือแก้วน้ำมะพร้าวอ่อนเดินนำแววกับวันที่ช่วยกันยกถาดอาหารขึ้นไปให้คนเจ็บเจ้าเล่ห์

 

อาหารไทยฝีมือว่าที่สะใภ้ใหญ่ถูกจัดวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงนอนอย่างสวยงาม หน้าตาน่ารับประทานประกอบกับกลิ่นที่หอมรัญจวนส่งผลให้ห้าหนุ่มที่อยู่ในห้องลอบกลืนน้ำลาย

“แค่ได้กลิ่นก็ท้องร้องแล้ว พวกผมขอลงไปรับอาหารกลางวันข้างล่างนะครับ คงต้องรบกวนคุณใบบัวดูแลพี่ใหญ่ต่ออีกสักครู่”

คุณรองพูดจบก็พยักหน้าเรียกคุณกลาง คุณเล็ก และเตชินให้เดินตามออกไป ปล่อยให้บัวบูชายืนตะลึงนิ่งอยู่กับที่ มองตามหลังคนทั้งสี่ไปจนสุดสายตา

“ใบบัว คุณช่วยประคองผมลุกขึ้นหน่อยสิ ผมลุกไม่ไหว” กฤตนัยทอดเสียงเว้าวอน

“ท่านประธานลองขยับอีกทีดีไหมคะ เผื่อจะลุกได้” บัวบูชาเสนอ จะให้เธอกล้าเข้าใกล้เขาอีกได้อย่างไร ในเมื่อเหตุการณ์ถึงเนื้อถึงตัวเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนยังทำให้หัวใจเธอเต้นผิดปกติมาจนถึงตอนนี้

“ไม่ได้หรอกครับ หมอกลางสั่งไว้ว่าห้ามขยับเขยื้อนเอง เพราะจะทำให้แผลอักเสบติดเชื้อ และถ้าแผลติดเชื้อจะต้องตัดขา” คนเจ้าเล่ห์เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“แต่ถ้าคุณลำบากใจก็ไม่เป็นไร ผมจะลองดู หวังว่าผมจะไม่โชคร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว” กฤตนัยว่าพลางแกล้งขยับตัว และแล้วการตีหน้าเศร้าในครั้งนี้ก็ได้ผล บัวบูชารีบพุ่งตัวเข้าไปประคองอย่างรวดเร็ว แต่อ่อนโยน มือนุ่มทั้งสองข้างเอื้อมไปประคองที่หลังและท้ายทอยของเขา

“ค่อยๆ นะคะ อย่าขยับแรง” หญิงสาวช่วยจัดท่านั่งให้กฤตนัย แล้วจึงเดินไปหยิบหมอนใบเล็กมารองตรงขาด้านขวาที่ใส่เฝือกเอาไว้ เธอค่อยๆ ยกเท้าของชายหนุ่มขึ้นอย่างช้าๆ ไม่มีท่าทีรังเกียจเลยแม้แต่น้อย จากนั้นจึงขยับมาจัดขาด้านซ้ายอย่างเบามือ

“ข้างนี้เจ็บด้วยหรือเปล่าคะ”

“นิดหน่อยครับ น่าจะเคล็ด” เมื่อจัดท่านั่งให้เรียบร้อยแล้ว บัวบูชาจึงเดินไปล้างมือ แล้วกลับมาขยับโต๊ะที่วางอาหารไปไว้ด้านหน้าของกฤตนัย เพื่อที่เขาจะได้กินอาหารอย่างสะดวก

“วันนี้มีอะไรทานบ้าง” ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงอ่อนโยน

“มีกุ้งเงินยวง กุ้งใหญ่ทอดกระเทียม หมี่กรอบชาววัง ต้มยำทะเลมะพร้าวอ่อน ผลไม้สด แล้วก็น้ำมะพร้าวอ่อนค่ะ”

กฤตนัยค่อยๆ ตักอาหารขึ้นมาละเลียดชิมทีละอย่าง ก่อนที่จะหันไปยกนิ้วโป้งให้แม่ครัวส่วนตัว จากนั้นจึงเริ่มลงมือกินอาหารในจานจนหมดเกลี้ยงในเวลาอันรวดเร็ว เขายอมรับว่าติดใจรสมือของเธอเหลือเกิน และอยากกินแบบนี้ทุกมื้อตลอดไป

“เป็นอาหารมื้อที่อร่อยที่สุดในชีวิต”

บัวบูชายิ้มรับบางๆ

“แต่ตอนนี้ผมปวดแขนมาก น่าจะยังระบมอยู่ คุณช่วยป้อนผลไม้หน่อยสิ”

บัวบูชาเหลือบตามองคนเจ็บเล็กน้อย ก่อนจะขยับลุกขึ้นไปนั่งที่ขอบเตียง เพื่อที่จะได้หยิบจับผลไม้ได้ถนัด หญิงสาวใช้ส้อมจิ้มผลไม้ขึ้นมา เพื่อที่จะส่งเข้าปากพ่อนกที่กำลังอ้าปากหวอรออยู่

แต่ก่อนที่ผลไม้ชิ้นงามจะถูกส่งเข้าปาก ประตูห้องนอนก็ถูกเปิดและปิดดังโครม

“พี่ใหญ่ขา พี่ใหญ่เป็นยังไงบ้างคะ ดาวเป็นห่วงแทบแย่เลย” เสียงแหลมสูงมาจากหญิงสาวผิวสีแทน แต่งตัวโฉบเฉี่ยวด้วยเดรสเกาะอกกระโปรงสั้นสีแดง เธอวิ่งกระโดดขึ้นไปนั่งบนเตียงพร้อมกับก้มหน้าซบลงที่ลำแขนของกฤตนัย

            “โอ๊ย น้องดาว พี่เจ็บ” คนเจ็บร้องประท้วง

“น้องดาวเบาๆ สิคะลูก พี่ใหญ่ยังเจ็บอยู่นะคะ” คุณดารา มารดาของล้อมดาว ซึ่งเป็นเพื่อนกับคุณน้ำเพชรตั้งแต่สมัยเรียนตำหนิบุตรสาวอย่างไม่จริงจังนัก

“อุ๊ย ดาวขอโทษค่ะพี่ใหญ่ขา” ล้อมดาวเอาใบหน้าถูกับลำแขนแกร่งที่ซบอยู่

“พี่ว่าน้องดาวลุกออกมาจากเตียงก่อนดีกว่าครับ พี่ใหญ่เจ็บแผลแย่แล้ว” คุณหมอกลางว่าเสียงดุ

“นังนั่นยังนั่งได้เลยนี่คะ” ล้อมดาวเงยหน้าขึ้นตวัดสายตามองบัวบูชา

คนที่ถูกพาดพิงขยับตัวลุกขึ้นโดยอัตโนมัติ และขณะที่บัวบูชาถอยออกมานั้น คนป่วยที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงก็คว้าแขนเรียวของเธอเอาไว้เพื่อให้กลับมานั่งตรงจุดเดิม

“สวัสดีครับคุณน้า” กฤตนัยกล่าวทักทายคุณดารา โดยที่มือหนายังคงตรึงแขนของบัวบูชาเอาไว้ข้างกาย

กองหนุนที่นำโดยคุณน้ำเพชร คุณรอง คุณกลาง และคุณเล็กยืนเกาะติดสถานการณ์กันอยู่เงียบๆ เพื่อรอดูว่าคนเจ็บจะจัดการกับสองแม่ลูกคู่นี้อย่างไร

“น้าว่าใหญ่ปล่อยแขนแม่หนูคนนั้นก่อนดีกว่า ส่วนเธอก็ลุกขึ้นได้แล้ว ลูกดาวขา มานั่งตรงนี้ค่ะลูก จะได้ดูแลพี่ใหญ่ได้ถนัดๆ”

จบประโยคของคุณดารา บัวบูชาก็รีบบิดแขนออกจากการเกาะกุม แล้วลุกขึ้นถอยออกไปยืนห่างๆ

ทางด้านล้อมดาวเมื่อบัวบูชาลุกขึ้นแล้ว เธอจึงกระโดดลงจากเตียงแล้ววิ่งอ้อมไปนั่งแทนที่ทันที

“คุณรองคะ คุณชินอยู่ไหนหรือคะ” เมื่อเห็นว่ามีคนมาดูแลคนเจ็บต่อแล้ว และสมควรแก่เวลาที่เธอควรจะกลับไปทำงานต่อ บัวบูชาจึงเริ่มมองหาเตชิน และเมื่อไม่เห็นเจ้านายอีกคนในห้อง เธอจึงเดินไปถามคุณรองแทน

“พี่ชินกลับไปแล้วครับ เห็นว่ามีประชุมเลยออกไปก่อน”

“อ้าวหรือคะ” บัวบูชาทำตาโต

            “งั้นบัวขออนุญาตกลับก่อนดีกว่าค่ะ เผื่อที่บริษัทจะมีอะไรด่วน”

“จะรีบกลับไปไหนบัวบูชา” เสียงที่กดต่ำดังขึ้นพร้อมกับสายตาพิฆาตของคนเจ็บ จนกองหนุนอดเสียวสันหลังแทนไม่ได้

            “บัวต้องรีบกลับไปทำงานค่ะ”

“แต่งานของคุณอยู่ที่นี่”

คำพูดของท่านประธานทำให้เลขานุการออกอาการงงเล็กน้อย บัวบูชาเงยหน้ามองคุณรองก็ได้รับแค่เพียงรอยยิ้มอบอุ่นกลับมา ไร้ซึ่งคำอธิบายใดๆ เพิ่มเติม

“พี่ใหญ่ขา ดาวคิดว่าดาวจะมาดูแลพี่ใหญ่ที่นี่นะคะ ดาวขออนุญาตคุณแม่แล้ว คุณป้าน้ำเพชรก็เห็นด้วยค่ะ”

เมื่อรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นเพียงอากาศธาตุในห้อง ล้อมดาวจึงพูดแทรกขึ้นหมายดึงความสนใจกลับมา

คุณน้ำเพชรผู้ที่ถูกพาดพิงถึง รีบส่ายหน้ารัวๆ เพื่อยืนยันว่าไม่ได้รู้เห็นเป็นใจในเรื่องนี้แน่นอน

“โถ ลูกดาวขา แม่จะไม่อนุญาตได้ยังไงกัน อย่างไรเสียในฐานะคู่หมั้น หนูก็ควรต้องมาดูแลพี่ใหญ่ตอนเจ็บตอนป่วยสิคะ” คุณดาราพูดเสียงดังฟังชัด ชัดเข้าไปถึงขั้วหัวใจของใครบางคน

บัวบูชารู้สึกหวั่นไหวแปลกๆ กับข่าวใหม่ ที่เธอไม่เคยรับรู้มาก่อน

“คุณน้าครับ ผมกับน้องดาวเราไม่ได้เป็นอะไรกัน” กฤตนัยปฏิเสธชัดเจนและจริงจัง

“ถึงตอนนี้จะยังไม่ใช่ แต่ยังไงผู้หญิงที่เหมาะสมกับใหญ่ที่สุดก็คือลูกดาวของน้า น้าหวังดีอยากให้โภคินอภิวัฒน์ได้สะใภ้ใหญ่ที่คู่ควร” คุณดารายังพล่ามต่อไปด้วยสีหน้าระรื่น

“ต่อให้ดีเด่นมาจากไหน แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไรด้วย” คุณใหญ่ตอบเสียงเหนื่อย

“งั้นให้ลูกดาวมาดูแลใหญ่ที่นี่ทุกวัน เราสองคนจะได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น รู้ใจกันมากขึ้น อยู่ๆ กันไปก็รักกันไปเอง”

“ขอบคุณครับคุณน้า แต่ผมไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวาย และผมก็มีคนที่จะอยู่ดูแลอยู่แล้ว”

“ใคร” คุณดาราสะบัดเสียงถาม

“บัวบูชา” กฤตนัยตอบชัดเจนพร้อมกับทอดสายตามองหญิงสาวที่ตนเอ่ยถึง

บัวบูชาเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงพร้อมกับส่ายหน้าไปมา แต่คนเจ็บก็ยังคงยืนยันคำพูดของตนด้วยการพยักหน้าอย่างหนักแน่น

“ไม่ค่ะ ดาวไม่ยอมนะคะ จะให้นังหน้าจืดมันมาดูแลพี่ใหญ่ของดาวได้ยังไง” ล้อมดาวผละลุกขึ้นด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะวิ่งเข้าไปผลักบัวบูชาเต็มแรงจนร่างบางล้มกองกับพื้น

“ใบบัว” กฤตนัยผวาจะลุกขึ้น “โอ๊ย!” แต่ด้วยร่างกายที่ยังบอบช้ำอยู่จึงขยับตัวไม่ได้ดั่งใจนัก

 คุณหมอกลางรีบเดินเข้าไปดูอาการของพี่ชาย ส่วนคุณรองและคุณเล็กเดินเข้าไปช่วยประคองบัวบูชาให้ลุกขึ้น

“รอง เล็ก พาใบบัวมาหาพี่” กฤตนัยสั่งขณะที่ยังนอนให้คุณกลางตรวจอาการอยู่

บัวบูชาเดินตามการประคองของคุณรองและคุณเล็กไปอย่างลอยๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรวดเร็วเสียจนเธอรู้สึกว่าฝันไป

กฤตนัยเอื้อมมือออกไปจับมือบางของบัวบูชามาวางแนบอก

“ผมอยากพักผ่อน ต่อไปนี้ถ้าหากผมไม่อนุญาต ห้ามคนนอกเข้ามาในห้องผมอีก” เจ้าของห้องตั้งใจส่งสายตามองคนนอกทั้งสองคนตรงๆ

“เล็ก เอากุญแจรถใบบัวในกระเป๋าถือไปให้พนา บอกให้ไปขับรถใบบัวมาไว้ที่นี่” จากนั้นจึงหันมาสั่งการกับน้องชาย “รอง เสื้อผ้าและของใช้ของใบบัว ให้คนเอาไปไว้ในห้องรับรองข้างห้องพี่”

“ครับพี่ใหญ่” คุณรองและคุณเล็กขานรับพร้อมกัน

“แต่น้ากับลูกดาวไม่ใช่คนอื่นนะตาใหญ่ เราคนกันเองทั้งนั้น” คุณดารายังคงทำใจดีสู้เสือขณะที่ล้อมดาวนั้นเอาแต่ยืนกระทืบเท้าอยู่ข้างมารดาอย่างเด็กเอาแต่ใจ

“เชิญครับ ผมจะนอน” กฤตนัยพูดเสียงกดต่ำ

“งั้นแม่จะให้แววขึ้นมาอยู่เป็นเพื่อนหนูบัวนะลูก เผื่อจะช่วยหยิบจับอะไรได้” คุณน้ำเพชรบอกลูกชาย

“ครับคุณแม่” กฤตนัยพยักหน้ารับน้อยๆ

จากนั้นคุณรองกับคุณเล็กก็ทั้งกล่อมทั้งลากสองแม่ลูกมหาภัยออกจากห้องไปอย่างทุลักทุเล ทิ้งให้บัวบูชาที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก นั่งมองมือของตัวเองที่อยู่บนอกของคนเจ็บอย่างเงียบๆ

“ใบบัวครับ นี่คือยาของพี่ใหญ่ พี่แยกไว้แล้วสำหรับแต่ละมื้อ ช่วงนี้ร่างกายพี่ใหญ่ยังมีรอยช้ำอยู่มาก ขอให้ช่วยเช็ดตัวแทนการอาบน้ำไปก่อน แล้วก็ต้องช่วยเปลี่ยนท่าพี่ใหญ่บ่อยๆ เพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับ ถ้าหากพี่ใหญ่มีอาการผิดปกติให้รีบบอกพี่ทันที พี่กับพี่เล็กอยู่ชั้นสองทางปีกขวา ส่วนพี่รองอยู่ปีกซ้ายชั้นสองเหมือนกันครับ พวกพี่ฝากพี่ใหญ่ด้วยนะ”

คุณหมอกลางอธิบายการดูแลผู้ป่วยให้บัวบูชาฟัง ถึงแม้นว่าเธอจะกำลังมึนงง แต่ก็ยังคงตั้งใจฟังทุกรายละเอียด เพราะเธอคือซูเปอร์เลขาฯ เธอต้องเข้าใจรายละเอียดทุกอย่างที่เกี่ยวกับเจ้านาย

หลังจากจัดแจงทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว คุณหมอกลางจึงเดินออกจากห้อง ทิ้งให้หนึ่งคนเจ็บกับหนึ่งเลขานุการสาวดำดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองเงียบๆ

“ท่านประธาน/น้องบัว” พอบทจะพูดก็พูดขึ้นมาพร้อมกัน สองหนุ่มสาวเงยหน้าขึ้นมองกันก่อนจะระบายยิ้มบางๆ ให้แก่กัน

“น้องบัวพูดก่อนสิคะ”

“เอ่อ คือ บะ...บัว...กลับได้หรือยังคะ”

“กลับไปไหน”

“ไปทำงานแล้วก็กลับบ้านค่ะ”

“กลับได้ยังไง พี่บอกแล้วไงครับว่างานของน้องบัวอยู่ที่นี่ ถ้าหากน้องบัวไม่ยอมดูแลพี่ พี่ก็จะนอนซมอยู่ในห้องนี้คนเดียว ไม่กินข้าว ไม่กินยา แล้วก็จะนอนให้เป็นแผลกดทับไปทั้งตัวด้วย น้องบัวน่าจะรู้ว่าพี่เป็นคนพูดจริงทำจริง”

“แต่บัว”

“แต่อะไรครับ”

กฤตนัยที่ยังคงจับมือข้างขวาของบัวบูชาไว้แนบอกยกมือข้างที่ว่างเชยคางมนของบัวบูชาให้เงยขึ้นสบตา ก่อนจะเปิดเปลือยความรู้สึกทุกอย่างออกมาทางสายตา

“พี่เชื่อว่าน้องบัวเป็นคนฉลาด สิ่งที่พี่ทำมาทั้งหมด น้องบัวน่าจะรู้ว่าพี่คิดยังไง” กฤตนัยถามแล้วเว้นวรรคให้เธอตอบ

บัวบูชาพยักหน้าน้อยๆ และนั่นก็เป็นคำตอบที่ทำให้คนถามพึงพอใจ

“พี่ถูกใจน้องบัวตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน ยิ่งได้รู้จักได้ใกล้ชิดก็ทำให้พี่รู้ว่า ความรู้สึกของพี่ที่มีต่อน้องบัวมันคือความรัก เปิดใจและให้โอกาสพี่นะครับ”

“แต่บัว บัวกลัว”

“กลัวอะไรครับ พี่ออกจะหล่อ ไม่เห็นน่ากลัวตรงไหนเลย” กฤตนัยหยอกคนตัวเล็กด้วยความเอ็นดู

หญิงสาวแอบย่นจมูกก่อนจะสารภาพความกลัวที่มี

“บัวกลัวเสียใจ บัวไม่อยากเป็นของเล่นของพวกคนรวย ตอนนี้อาจจะยังเจอกันใหม่ๆ ท่านประธานถึงรู้สึกแบบนี้ แต่ต่อไปเมื่อเจอกันนานเข้า ท่านประธานก็อาจจะเบื่อบัวเข้าสักวัน และเมื่อวันนั้นมาถึงจริงๆ บัวก็คงจะเป็นคนที่เสียใจอยู่คนเดียว”

“ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ พี่จะพิสูจน์ให้เห็นว่าใบบัวใบนี้มีค่ากับชีวิตพี่มากแค่ไหน พี่จะไม่สัญญาว่าจะดูแลน้องบัวให้ดีที่สุด แต่พี่จะขอใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ของพี่ปกป้องน้องบัวทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกวินาที” กฤตนัยรั้งแขนบัวบูชาเข้าหาตัว และเธอเองก็ให้ความร่วมมือ ค่อยๆ โน้มตัวลงไปในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่น

“อยู่กับพี่ที่นี่นะครับ อยู่ดูแลพี่ ให้กำลังใจพี่ หนึ่งเดือนนี้พี่จะทำให้น้องบัวเห็นว่าพี่จริงใจและจริงจังแค่ไหน คุณพ่อ คุณแม่ และน้องชายของพี่ทุกคนก็เอ็นดูน้องบัว ตอนนี้คุณแม่เหมาของใช้จากห้างเจ้ารองมาไว้รอเต็มห้องเลย” กฤตนัยว่าพลางลูบผมเธอเบาๆ ก่อนที่จะกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น แน่นเสียจนสัมผัสได้ว่าร่างบางในอ้อมกอดนั้นกำลังสั่นอยู่

“ทำไมตัวสั่นแบบนี้”

“บัวตกใจนิดหน่อยที่ท่านประธาน...”

“กอดกันกลมขนาดนี้ยังจะเรียกว่าท่านประธานอีก” ท่านประธานกระเซ้าเลขานุการส่วนตัว

หญิงสาวส่งค้อนให้เล็กน้อย “แล้วต้องเรียกว่าอะไรล่ะคะ”

“พี่ใหญ่ ไหนลองเรียกให้พี่ชื่นใจหน่อย”

“ค่ะพี่ใหญ่”

เด็กดีต้องได้รับรางวัล กฤตนัยยกศีรษะของบัวบูชาขึ้นจากอก แล้วจึงค่อยๆ โน้มใบหน้าลงประทับริมฝีปากหยักที่หน้าผากมนอย่างอ่อนโยน เพื่อถ่ายทอดความรู้สึกที่มีทั้งหัวใจ

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น