8

วันวานที่เรียกคืนมาไม่ได้แล้ว


วันวานที่เรียกคืนมาไม่ได้แล้ว
เพราะลูกความจากคดีที่ตนรับผิดชอบอยู่นั้นนัดพบที่ร้านอาหารแถวโรงเรียนสอนศิลปะที่แรมใจสอนอยู่พอดี พอจัดการธุระเสร็จสิ้นแล้ว รวีเลยโทร. หาแรมใจ และบอกว่าจะขับรถไปส่งเธอที่บ้านเอง
รออยู่หน้าโรงเรียนได้พักใหญ่ แรมใจก็ผลักประตูกระจกเดินออกมาพร้อมกับชายหนุ่มในชุดยีนมาดเซอร์คนหนึ่งที่น่าจะอายุราวๆ สามสิบกว่า ทั้งยังกำลังยิ้มแย้มและมองแรมใจด้วยแววตาหวานเยิ้มจัด จนรวีดูออกว่าหมอนี่...ชอบ (อดีต) เมีย เขาแน่ๆ!
“แรม!” เรียกเสียงแข็งอย่างหึงหวง
“อะไร เรียกเสียงดังเชียว” เธอบ่นอุบ ก่อนจะผายมือแนะนำให้ผู้ชายทั้งสองคนได้รู้จักกัน “วี นี่คุณทัศ ครูสอนวาดรูปคนใหม่ของที่นี่น่ะ...คุณทัศ นี่วี...”
“สามีของแรมครับ”
แรมใจทำหน้าเหลอใส่คนที่โพล่งแทรกบอกสถานะเก่าของตัวเอง ส่วนทัศนัยก็ขมวดคิ้วเอะใจ
“หือ แต่มีคนบอกผมว่าคุณแรมหย่าไปนานแล้วนี่ครับ”
“ก็...ค่ะ หย่านานแล้ว หย่ากับคนนี้นี่แหละ”
“อ้อ” ทัศนัยหันไปหารวี เลิกคิ้วใส่เขา “งั้นคุณก็ไม่ใช่สามีของคุณแรม แต่เป็น...สามีเก่า”
สถานะปัจจุบันที่ทัศนัยเอ่ยออกมาช่างแทงใจดำรวี ทำให้เขาโกรธจนตาวาว บรรยากาศระหว่างกันก็มาคุและเต็มไปด้วยความตึงเครียดจนแรมใจต้องรีบเอ่ยแทรกเพื่อจบสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น
“คุณทัศคะ...ฉันขอกลับก่อนนะ ลูกฉันกำลังรอกินข้าวอยู่ที่บ้านน่ะค่ะ”
ทัศนัยยิ้มรับ ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เขาค้อมหัวให้ ก่อนจะหมุนตัวเพื่อเดินกลับเข้าไปในโรงเรียน ทว่าในจังหวะที่เขาผลักประตูกระจกนั้น เขาได้หันมาส่งสายตาท้าทายให้คนหวงอดีตเมียได้ร้อนรนว่าเขากำลังจะ...จีบแรมใจ
“ฮึ! อย่าหวังว่าจะมาเต๊าะเมียฉันได้ ฝันไปเถอะ”
คนโดนท้าบ่นอย่างฮึดฮัด หันไปทำหน้ายักษ์ใส่ภรรยาอดีต ก่อนจะสั่งเสียงแข็ง “กลับบ้านได้แล้ว!”
พอพากันมานั่งในรถได้ รวีก็เอาแต่มองหน้าอ่อนกว่าวัยของเธออย่างขัดอกขัดใจ “หน้าเด็กจนได้เรื่องนะแรม”
“ได้เรื่องอะไรล่ะ พูดอะไรเนี่ย”
“ก็แรมหน้าเด็กเอ๊าะจนหมอนั่นมาชอบแรมไง อายุห่างจากเราเป็นสิบกว่าปีเลยมั้งนั่น ทำไมมันไม่ไปชอบคนวัยเดียวกัน มาชอบแรมทำไม”
“แล้วจะให้แรมทำยังไงล่ะ” แรมใจมองค้อนใส่เขา และแกล้งค่อนอย่างหมั่นไส้ “แล้วนี่มาทำฮึดฮัดใส่แรมได้ยังไง ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วนะ”
“สถานะไม่สำคัญเท่าความรู้สึกหรอก วีเชื่อว่าแรมก็รู้ดีว่าวี...ยังรักแรมอยู่”
เขาเอ่ยออกมาแล้วก็พลันเงียบกริบกันทั้งสองคน จนเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง รวีถึงค่อยสตาร์ตรถและขับออกไปจากหน้าโรงเรียน พอพ้นออกมาได้ไกลพอสมควรแล้ว ชายวัยกลางคนก็เปรยออกมาอย่างเสียดาย
“ถ้าวีง้อแรมตั้งแต่ตอนนั้นก็ดีสิเนอะ วีนี่มันห่วยแตกจริงๆ ปล่อยให้แรมหลุดมือไปด้วยทิฐิและความมั่นใจโง่ๆ”
แววตาของแรมใจหม่นหมองลงเมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านพ้นมาแล้ว ก่อนจะบอกความในใจของตนบ้าง “วีรู้ไหม ตอนเลิกกันใหม่ๆ แรมรอให้วีมาง้อ แต่วี...ก็ไม่มาง้อแรมเลย”
“แรม...”
“วีปล่อยให้แรมอยู่กับลูก จนแรมสบายใจที่จะอยู่กันแค่สองคน...โดยไม่มีวี”
น้ำคำของเธอทำคนฟังหน้าสลดลงทันควัน “วีขอโทษ ตอนนั้นวีดันมีแต่อีโก้ คิดว่าตัวเองไม่ผิดอะไร พอมาสำนึกได้มันก็สายไปแล้ว”
“...”
“ถ้าตอนนั้นวีทำทุกอย่างเพื่อให้แรมและลูกกลับมาอยู่กับวี ตอนนี้วีคงจะมีความสุขมาก กลับมาบ้านก็มีคนคอยถามว่าเหนื่อยไหม เครียดเรื่องอะไรก็มีแรมอยู่ข้างๆ คอยเป็นกำลังใจให้วี ไม่ใช่มาอยู่คนเดียว เป็นตาแก่ผู้โดดเดี่ยวแบบนี้” ระบายออกมาแล้วรวีก็หัวเราะเยาะ สมเพชตัวเองนัก “วีรู้นะว่าแรมกับลูกอึดอัด ไม่ค่อยอยากเจอวี เพราะวีขี้บ่น แต่ทุกอย่างที่วีบ่นไปมันก็เป็นเพราะวีรักและเป็นห่วงแรมกับลูกมากๆ”
“...”
“ถ้าวีอยากจะง้อแรมตอนนี้ อยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับแรม แรมจะรำคาญไหม จะคิดว่าวีเป็นแค่สามีเก่าอย่างที่หมอนั่นพูดไหม”
แรมใจนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปมองข้างทาง เสมือนไม่สนใจการวอนขอของรวีแม้แต่น้อย ทำเอาใจรวีห่อเหี่ยวจนเหมือนจะหยุดเต้นเสียให้ได้
“ต่อให้เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่วีก็แอบคิดมาตลอดว่าแรมยังรักวีอยู่...ใช่ไหม” รวีกลั้นใจถามออกไป ทั้งที่ความจริงก็หวาดหวั่นนัก กลัวเธอจะตอบมาว่า...ไม่รักแล้ว
ผ่านไปครู่หนึ่ง แรมใจก็ยังเอาแต่นิ่งเงียบ ไม่ให้คำตอบที่รวีรอคอย สร้างความระทมทุกข์ให้เขาจนน้ำตาลูกผู้ชายเริ่มมาคลอที่นัยน์ตา และตัดพ้อเสียงสั่น
“ไม่รักวีแล้วจริงๆ เหรอ”
“...”
“ก็นะ ใครจะมารักตาแก่ขี้บ่นอย่างวีล่ะ”
คนโดนตัดพ้อถอนใจ ก่อนจะหันมามองค้อนใส่อดีตสามี เอ่ยเสียงเบาอย่างคนกำลังเขินจัด “ตาแก่งี่เง่า อย่ามาดรามาได้ไหม ดูไม่ออกจริงๆ เหรอว่า...ยังรักอยู่”
เท่านั้นแหละ ดวงหน้าหล่อเหลาของรวีก็แช่มชื่นขึ้นมา นัยน์ตาแพรวพราวเปล่งประกายความสุขจนแรมใจอดยิ้มตามไม่ได้ ก่อนจะหันหน้าหนีไปมองข้างทางเช่นเดิม ส่วนรวีก็ไม่ได้ตัดพ้อเซ้าซี้อะไรอีก เพราะคำว่ารักที่เธอเอ่ยออกมานั้นทำให้ความน้อยใจและความหวาดหวั่นต่างๆ มลายไปจนหมดสิ้นแล้ว
เหลือก็แต่มวลตะกอนของความหึงหวงที่ไม่สามารถขจัดให้ออกไปจากใจได้...ไอ้หมอนั่นมันบังอาจท้าทายกัน ประเดี๋ยวเถอะ จะทำให้มันรู้ว่าของใครเป็นของใคร
“ขอบใจพอลมากนะที่โทร. มาบอกลุง...เดี๋ยวลุงคุยกับหลานเอง”
เอ่ยส่งท้ายกับพิธานที่โทร. มาแจ้งเรื่องพฤติกรรมแสนเกเรของหลานชายแล้ว วชิรวิทย์ก็กดวางสาย ก่อนจะสั่งให้เด็กในบ้านไปตามวิคเตอร์มาพบตนที่โถงกลางบ้าน รอไม่นานหลานชายก็เดินหน้าง้ำมาพลางบ่นอุบอย่างไม่ชอบใจ
“คุณตาอะ ผมกำลังเล่นเกมสนุกๆ เลยนะครับ”
วชิรวิทย์ส่งสายตาเย็นเยียบระคนเข้มงวดใส่ จนคนโดนมองตัวสั่นกับภาวะอารมณ์ตึงเครียดที่กำลังแผ่กระจายไปทั่วโถง ก่อนจะเกริ่นถาม
“มีคนมาบอกตาว่าวิคเตอร์ไปทำตัวเกเรใส่เพื่อนในห้อง...”
“เปล่านะครับ ผมไม่ได้ทำ ผม...”
“อย่าโกหกตานะวิคเตอร์ รู้ใช่ไหมว่าตาไม่ชอบเด็กโกหก!”
เสียงเข้มหนักของคนเป็นตาทำเด็กชายหน้าซีดเผือด พลันก้มหน้าหนีนัยน์ตาเรียบนิ่งที่กำลังหรี่มองมาอย่างจับผิด
“มีอะไรกันคะคุณพ่อ ทำไมต้องเสียงดังใส่หลานด้วย”
วชิรวิทย์หันไปหาแวววิไลที่กำลังเดินเข้ามาด้วยสีหน้าร้อนรนเป็นห่วงเป็นใยลูกชายของเธอ ก่อนจะออกคำสั่ง “แวว กำลังจะไปตั้งโต๊ะไม่ใช่เหรอ ไปจัดการให้เรียบร้อยเถอะ พ่อมีเรื่องต้องคุยกับวิคเตอร์แบบส่วนตัว”
“ไม่ค่ะ แววไม่ไป” แวววิไลรั้นใส่พลางเดินไปกอดลูกชาย ถามเสียงนุ่ม “วิคเตอร์ เป็นอะไรลูก มีอะไรหรือเปล่า คุณตาดุอะไร”
“พ่อยังไม่ได้ดุเลย พ่อแค่จะถามหาความจริงว่าวิคเตอร์ไปทำตัวเกเรใส่เพื่อนในห้องจริงหรือเปล่า”
แวววิไลชะงัก ก่อนก้มหน้าสบตากับลูกชาย แล้วก็ได้คำตอบว่า...จริง
แต่ครั้นจะให้ดุลูกก็ทำไม่ลง เธอเลยส่งสายตาเรียกเด็กในบ้านให้พาตัววิคเตอร์ออกไป ส่วนคนสูงวัยก็ถอนใจอย่างเหนื่อยหน่ายที่ลูกสาวให้ท้ายหลานชายอีกแล้ว
ใช่...มันเคยเกิดกรณีแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วน และแวววิไลก็เลือกที่จะปกป้องลูกแบบผิดๆ มาตลอด
“แวว...พ่อว่าแววปรับการเลี้ยงวิคเตอร์เสียใหม่เถอะ วิคเตอร์กลายเป็นเด็กเกเรเอาแต่ใจ แถมยังชอบโกหก ทำผิดก็ยังไม่ยอมรับผิด พ่อไม่อยากให้หลานโตไปเป็นเด็กนิสัยเสีย เราวางกรอบความเป็นเด็กดีให้วิคเตอร์กันเถอะนะ”
“นี่ลูกแวว...แววจะเลี้ยงจะสอนแบบไหนมันก็เรื่องของแววค่ะ”
วชิรวิทย์ถอนใจ ก่อนจะเอ่ยไปถึงน้องอีกสองคนของแวววิไล “กับวินนี่และตาวุตม์ แววก็ตามใจจนน้องเสียนิสัยกันทั้งสองคน กับลูกตัวเอง แววก็ยังจะมาทำซ้ำรอยเดิมอีกเหรอ”
“ค่ะ สงสัยแววคงจะเก็บกดมั้งคะ” แวววิไลส่งเสียงฮึในลำคอ “ตัวเองโดนบังคับมาตลอดชีวิต เลยเลี้ยงน้องเลี้ยงลูกแบบนี้ คุณพ่อคงจะไม่พอใจที่น้องๆ และลูกของแววไม่ได้โง่เง่าหัวอ่อนเหมือนแววที่จะฟังและทำตามที่คุณพ่อสั่งไปเสียทุกอย่าง”
ท่าทางแข็งกระด้างและการกล่าวโทษของลูกสาวคนโตสร้างความเจ็บช้ำให้คนสูงวัยนัก แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ไม่กล้าที่จะแย้งอะไร เพราะมีชนักติดหลังอยู่มากโข
“ที่เรียกหลานมาดุแบบนี้ เพราะคุณพ่ออายเขาใช่ไหมล่ะ ที่หลานไม่ทำตัวให้สมกับเป็นหลานของคุณพ่อที่หน้าบางและรักษาภาพลักษณ์ยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด”
“นี่มันไม่ใช่เรื่องของการรักษาหน้านะแวว พ่ออยากให้วิคเตอร์เป็นเด็กดีจริงๆ ไม่เกี่ยวกับเรื่องหน้าบางอะไรทั้งนั้น แววอย่าเอาส่วนที่พ่อเคยทำผิดกับแววมาเกี่ยวกันได้ไหม เมื่อไรแววจะปล่อยวางและมีความสุขกับชีวิตสักทีล่ะลูก จะทำตัวอมทุกข์ไปถึงเมื่อไร”
“แล้วที่ชีวิตแววมันทุกข์แบบนี้...มันเป็นเพราะใครล่ะคะ!”
พอโดนจี้จุดเข้า แวววิไลก็สติหลุด ตอกกลับบิดาตนเอง ก่อนย้อนไปถึงอดีต “คุณพ่อบังคับแววทุกอย่าง ขอให้แววแต่งงานกับพี่พิช เพราะคิดแค่เรื่องของภาพลักษณ์และความเหมาะสม ทั้งที่แววไม่ได้รักเขา แล้วเป็นยังไงคะ ในตอนนั้นลูกสาวของพลโทวชิรวิทย์ก็โดนหักหน้าไม่มีชิ้นดี เพราะว่าที่เจ้าบ่าวเลือกที่จะไปใช้ชีวิตกับผู้หญิงคนอื่น”
“...”
“ด้วยความอับอายผู้คน คุณพ่อก็เลยรักษาหน้าตัวเองด้วยการหาผู้ชายมาแต่งงานกับลูกสาวแทนเขา แล้วผลเป็นยังไงคะ ผู้ชายที่คุณพ่อเลือกให้แววและบังคับให้แววแต่งงานกับเขาเพราะห่วงภาพลักษณ์ตัวเอง ก็มาทำให้แววเจ็บช้ำเสียใจเพราะความเจ้าชู้มักมากของเขา จนแววทนไม่ไหว ต้องขอหย่ากับเขา...สุดท้ายแววก็กลายมาเป็นแม่ม่ายแก่ๆ คนนึง” แวววิไลเหยียดยิ้ม เยาะทั้งบิดา เยาะทั้งตนเอง “เพราะคุณพ่อ ชีวิตแววเลยพังไม่มีชิ้นดีแบบนี้!”
ระเบิดอารมณ์เสียงแข็งใส่คนเป็นบิดา จากนั้นแวววิไลก็เดินออกจากโถงกลางบ้านโดยไม่สนใจเลยว่าบิดาตัวเองหน้าซีดเพราะความรู้สึกผิดมากเพียงใด...
นอกจากจะมาส่งแรมใจที่บ้านแล้ว รวียังตีเนียนขอรับประทานอาหารเย็นด้วย แม้จะฉุนหน่อยๆ ที่เห็นพันรบทำเป็นออดอ้อนเอาใจลูกสาวและอดีตภรรยาเขาว่า ‘พี่รักครับ ป้าแรมครับ ผมตั้งใจทำอาหารเย็นสุดฝีมือเลย’ แต่เมื่อบวกลบกันแล้ว รวีก็มีความสุขจนล้นอกอยู่ดี เลยพอที่จะมองข้ามท่าทางน่าหมั่นไส้ของเด็กเจ้าเล่ห์ไปได้
จัดการอาหารเรียบร้อยแล้ว แรมใจก็เตรียมปอกผลไม้เพื่อเป็นของหวานตบท้าย ร้อยรักอาสาขอเป็นคนล้างจาน ส่วนสองหนุ่มก็พากันออกมาจากในครัว แล้วมานั่งบนโซฟา
“คุณลุงดูมีความสุขจังเลยนะครับวันนี้”
พันรบเย้าหยอกคนที่นัยน์ตาสุกสกาวรื่นเริงกว่าใคร ด้านคนโดนเย้าก็เหลือกตาใส่คนหนุ่มหน้าใส ก่อนจะเหลือบมองไปทางครัว พอเห็นว่าทางสะดวกก็เอ่ยถามถึงเรื่องสำคัญ
“รู้หรือเปล่าว่าวันนี้ปู่เธอให้ทนายมาสู่ขอยายหนูของฉันให้เธอ”
“หือ...สู่ขอเหรอครับ”
สีหน้าเหลอหลาของพันรบทำให้รวีรู้คำตอบ “อาการแบบนี้ ไม่รู้เรื่องใช่ไหม แล้วนี่ไปทำอีท่าไหน ปู่เธอถึงรู้ว่าเธอรักยายหนูของฉัน”
พันรบทั้งอึ้งและงงงวยกว่าเดิม...ไม่รู้เลยว่าคนเป็นปู่ทราบความในใจของตนด้วย
“ช่างเถอะ จะรู้ได้ไง อะไรยังไง ฉันไม่สนใจหรอก ฉันแค่อยากจะบอกเธอว่า...” รวีลากเสียง พอเห็นว่าพันรบเลิกคิ้วทำหน้าอยากรู้มากก็แกล้งขู่ “ฉันไม่ยกลูกสาวฉันให้เธอง่ายๆ หรอก ไอ้เด็กเจ้าเล่ห์”
“เหรอครับ” พันรบกระตุกยิ้ม ไม่กลัวคำขู่แต่อย่างใด ด้วยตนมีหมัดเด็ดที่เตรียมมาต่อรองกับคุณพ่อตาแล้ว
“ยิ้มอะไรของเธอ”
“ผมเองก็มีอะไรจะบอกกับคุณลุงเหมือนกันครับ”
“อะไร”
พันรบกระแอม ก่อนจะดัดเสียงให้เล็กลง แล้วเอ่ยออกมาว่า “คุณตาจะใจร้าย ไม่ยอมให้แม่รักกับพ่อรบได้เลิฟๆ กันเหรอฮับ ป๋มก็ไม่ได้มาเกิดน่ะสิฮับ...ตาหนูน้อยฝากมาบอกคุณลุงครับ”
“อะ...อะไรนะ” รวีเบิกตากว้าง “ตาหนูน้อยงั้นเหรอ ตาหนูน้อยไหน”
“ก็ตาหนูน้อย ลูกชายสุดหล่อของผมกับพี่รักไงครับ”
“หา!”
พันรบยิ้มกริ่มพลางอธิบายขยายความ “ผมไม่ได้มโนหรือพูดขึ้นมาเล่นๆ นะครับ พอดีพี่รักฝันว่ามีเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักมาเขย่าแขนปลุกพี่รัก เรียกพี่รักว่าแม่ แล้วก็ขอมาอยู่กับพี่รัก และมันก็ไม่น่าเชื่อเลยว่าผมก็ฝันถึงตาหนูน้อยด้วย แกปีนมานั่งบนตัวผม บอกให้ผมเร่งมือ เพราะแกอยากมาอยู่กับผมและพี่รักแล้ว ผมเลยเดาว่าตาหนูน้อยน่ารักคนนี้น่าจะเป็นลูกชายของผมกับพี่รัก หลานของคุณลุง”
“หลานงั้นเหรอ...หลานของฉัน”
เสียงเปรยแผ่วเบา สีหน้าตาที่กำลังอึ้งงันและแววตาที่กำลังล่องลอยของรวีทำพันรบหลุดยิ้ม ก่อนจะหลอกล่อต่อ “ครับ หลานตัวน้อยที่กำลังจะเกิดมาให้คุณลุงรัก เรียกคุณลุงว่า...คุณตาฮับ ป๋มรักคุณตาที่สุดเลย”
คนฟังเริ่มเคลิบเคลิ้ม พลันจินตนาการตามคำพูดของพันรบ แล้วก็ยิ้มบางอย่างมีความสุขอิ่มอกอิ่มใจ
“เห็นป้าแรมบอกว่า ตอนป้าแรมท้องพี่รัก ก็มีเด็กผู้หญิงมาขออยู่ด้วย...แม่ลูกเขามาเกิดด้วยวิธีเดียวกันเลยนะครับ”
“อืม...ไม่น่าเชื่อจริงๆ” รวีเผลอตอบรับไปโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่พอได้สติและเห็นว่าพันรบกำลังหลุดขำ จึงตีรวนแก้เก้อ “ขำอะไรฮะ!”
โดนแหวเข้าพันรบก็หยุดขำ กระแอมสองครั้ง แล้วก็หลอกล่อต่อ “คุณลุงรู้ไหมครับ ตาหนูในความฝันหน้าตาเหมือนพี่รักมากกว่าผม พี่รักหน้าเหมือนคุณลุง ตาหนูเลยหน้ากระเดียดไปทางคุณตาของแกด้วย”
“แน่นอนอยู่แล้ว หลานฉันก็ต้องหน้าเหมือนฉันสิ จะให้หน้าจืดๆ เหมือนเธอได้ยังไง” รวีข่มคนหนุ่มหน้าใสพลางยิ้มร่า ขำร่วนในใจ...‘วะฮ่าๆๆ โอ๊ย ภูมิใจ๊ภูมิใจ หลานหล่อเหมือนเรา’
ทว่า...รื่นเริงได้ไม่เท่าไรก็นึกเอะใจขึ้นมา “เดี๋ยวนะ นี่ก็หมายความว่า ไม่ว่ายังไงเธอก็จะมาเป็น...”
“ครับ เป็นลูกเขยคุณพ่อตาและสามีพี่รัก” พันรบยักคิ้วให้อีกฝ่าย ยืดอกยืนยันสถานะในอนาคตของตัวเอง “แต่พี่รักยังไม่รู้นะครับว่าผมก็ฝันด้วย คุณลุงอย่าบอกพี่รักนะครับ ผมกลัวพี่รักจะระวังตัวแจ แล้วผมจะอดแต๊ะอั๋งพี่รัก”
“อะไรนะ!” ข้อความที่ออกมาจากปากของพันรบทำรวีหน้าตื่นตาเหลือก “นี่แกแต๊ะอั๋งลูกฉันเหรอ แกทำอะไรลูกฉัน!”
“โธ่ อย่าเพิ่งโมโหสิครับ ผมไม่ได้ทำอะไรมากมายหรอก ทำแค่เล็กๆ น้อยๆ พอชื่นใจน่ะครับ”
“แก! ไอ้เด็กหื่น” คุณพ่อจอมหวงชี้หน้าพันรบอย่างโกรธเกรี้ยว ดวงตาวาววับเคืองขุ่นกับการกระทำและคำพูดของอีกฝ่าย “คอยดูนะ ฉันจะบอกแรมกับรัก ให้เมียกับลูกฉันรู้ว่าแกมันชั่วร้าย”
“ก็เอาสิครับ บอกเลย” พันรบยักไหล่อย่างสบายอารมณ์ “ตาหนูก็จะเป็นได้แค่ตาหนูในความฝัน เพราะคุณตาของแกใจร้ายโหดเหี้ยม จ้องแต่จะขัดขวางหนทางเลิฟๆ ซาบซ่านของพ่อรบกับแม่รัก”
“นี่แกขู่ฉันเหรอ”
“ครับ ผมขู่”
รวีกัดฟันกรอด หมั่นไส้พันรบจนอยากจะเตะก้นสักทีสองที แต่ก็ต้องห้ามใจไว้ เพราะถ้าใช้กำลังกับคนหน้าซื่อเจ้าเล่ห์อย่างเด็กนี่ขึ้นมา มันก็คงจะทำหน้าหมองออดอ้อนแรมใจและร้อยรักว่า...‘ป้าแรมครับ พี่รักครับ ผมเจ็บ ลุงวีทำร้ายร่างกายผมอะครับ’
แล้วรวีก็จะโดนเมียกับลูกโกรธ คะแนนที่เริ่มทำวันนี้ก็จะกลับมาติดลบเหมือนเดิมไปโดยปริยาย
“สรุปคุณพ่อตาจะยอมยกพี่รักให้ผมแล้วใช่ไหมครับ”
“ยังโว้ย!”
“โธ่...” พันรบแสร้งส่งเสียงตัดพ้อ ทำหน้าหงอย “ตะไมคุณตาใจร้ายจังฮับ ตาหนูคงคิดอย่างนี้แน่ๆ”
“เจ้าเล่ห์นักนะแก”
“ไม่เจ้าเล่ห์ก็ไม่ได้เป็นพ่อตาหนูสิครับ คุณลุงก็รู้ว่าลูกสาวคุณลุงรักอิสระขนาดไหน เขาไม่ชอบการผูกมัด ไม่อยากมีลูกมีสามี ถ้าผมไม่เจ้าเล่ห์ตีเนียนใช้สถานะน้องชายมาอยู่ใกล้พี่รัก ผมก็ไม่มีทางได้มาใกล้ชิดพี่รักอย่างนี้หรอกครับ”
พันรบวิเคราะห์ตัวตนของร้อยรักอย่างตรงเผงจนรวีได้แต่อึ้งงัน เงียบไปอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยอมเปรยออกมาว่า “นี่...แล้วเธอจะเริ่มช่วยฉันเมื่อไรเหรอ”
“หือ...ช่วย?”
“เอ้า ก็ที่เธอบอกว่าจะช่วยฉันเรื่องแรมไง จะช่วยเมื่อไร”
“อ้อ” พันรบยิ้มเผล่ ก่อนจะเหลือบมองไปทางครัว พอเห็นว่าสองสาวยังไม่มีทีท่าว่าจะออกมาก็เอ่ยออกไป “ผมเตรียมแผนไว้หมดแล้วครับ”
“แผน?...ยังไง” รวีถามอย่างตื่นเต้น
“ผมจะแกล้งไม่เข้าใจการทำงาน ต้องให้คุณลุงมาช่วยติวเข้มให้ที่บ้าน เผลอๆ อาจจะต้องอยู่จนดึกดื่น คุณลุงก็จะได้ค้างกับ...ป้าแรม”
รวีตาโตพราว แค่นึกก็ใจเต้น ครึ้มอกครึ้มใจ คิดถึงเนื้อนวลหอมกรุ่นที่เคยแนบชิดจนขนกายลุกซู่ไปทั้งตัว
“แต่ป้าแรมคงจะไม่ยอมง่ายๆ น่าจะให้คุณลุงมาค้างกับผม แต่เดี๋ยวผมจะบอกว่าผมนอนดิ้นมาก อาจจะเผลอเบียดคุณลุงจนตกเตียงได้ คุณลุงก็ใช้โอกาสนี้รีบอ้อนขอนอนห้องเดียวกับป้าแรมละกันนะครับ”
รวีมองพันรบอย่างอึ้งๆ กับความเหลี่ยมจัดแผนสูง ก่อนจะถอนใจยอมรับ ด้วยนิสัยนี้ของพันรบดูจะมีประโยชน์กับตนมาก
“โอเคไหมครับคุณลุง ยินดีรับแผนการนี้ไหมครับ”
“ก็...อืม ฉันยินดีรับแผนการ เริ่มแผนพรุ่งนี้เลยนะ ฉันต้องเร่งมือแล้วละ เพราะตอนนี้มีคนจะมาจีบเมียฉัน” ใส่ความหึงหวงลงในวาจาไปอย่างเต็มที่ ก่อนจะกระแอมกระไอปรับอารมณ์ ข่มคนหนุ่ม “นี่ ฉันบอกไว้ก่อนนะ ถึงเธอจะออกตัวช่วยฉัน แต่ฉันก็ยังไม่ยอมยกยายหนูของฉันให้เธอหรอกนะ เธอต้องพิสูจน์ให้ฉันเห็นก่อนว่าเธอรักและดูแลลูกสาวฉันได้”
“ครับ...ผมยินดีพิสูจน์ตัวเอง จะแสดงให้คุณลุงเห็นว่าผมดูแลพี่รักได้”
รวียิ้มบาง พยักหน้าให้พันรบ ถึงเด็กนี่จะเจ้าเล่ห์ในเรื่องอื่น แต่ทุกครั้งที่เอ่ยถึงความรักที่มีให้ลูกสาวตน แววตาของพันรบนั้นจะดูหนักแน่นและจริงใจจนคนเป็นพ่อเช่นเขาสัมผัสได้
“นี่...” เรียกให้พันรบหันมามองกัน ชั่งใจครู่หนึ่งว่าจะเอ่ยถึงสิ่งที่ตนอยากได้อีกประการให้พันรบทราบดีหรือไม่...สุดท้ายก็ห้ามใจไม่ไหว ยอมละฟอร์ม วอนขอ “ถ้าต่อไปตาหนูน้อยมาเข้าฝันเธออีก เธอบอกให้ตาหนูไปเข้าฝันฉันบ้างนะ ฉัน...อยากเห็นหลาน”
พันรบยิ้มเผล่ “ได้สิครับ ผมจะบอกให้ตาหนูไปเข้าฝันคุณลุงบ้าง คุณลุงจะได้เห็นว่าตาหนูหน้าเหมือนคุณลุงขนาดไหน”
เสียงนุ่มรับประกันอย่างตั้งมั่นนั้นทำเอารวีเผลอยิ้มหน้าบานโดยไม่ทันระวังว่าตัวเองยังหมั่นไส้คนเจ้าเล่ห์อยู่ ส่วนคนเจ้าเล่ห์ก็ขำก๊ากในใจ ที่คุณพ่อตาถูกมนตร์รักตาหนูละลายใจเข้าเต็มเปา
คอยดูเถอะ พันรบจะหลอกล่อด้วยการพูดเรื่องตาหนูให้ฟังทุกวัน ทำให้คุณพ่อตาใจอ่อนยอมรับเขาเป็นลูกเขยจนได้

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น