5
อดีตที่เจ็บปวด
บ้านของปริมาคือทาวน์เฮาส์สองชั้นขนาดกลางในหมู่บ้านจัดสรรที่อยู่ห่างจากโรงเรียนพิริยศึกษาไปไม่เท่าไร ทำให้ใช้เวลาในการเดินทางมาถึงไม่นานนัก พอพากันลงจากรถของร้อยรักและเข้าไปนั่งบนโซฟาสีขาวในบ้านแล้ว ปราชญ์ก็รีบไปเอาน้ำมาเสิร์ฟให้แขกและน้าสาวอย่างรู้ความ
“น้องปราชญ์ พี่ปริม พี่รัก...ผมขอโทษนะครับ ที่ทำให้บรรยากาศในรถตึงไปหมด”
พันรบเอ่ยเสียงอ่อยด้วยความรู้สึกผิด ตลอดการเดินทางมา แม้เขาจะพยายามปรับอารมณ์ที่ไม่เสถียรให้มันนิ่งขึ้นอย่างไร แต่ร่องรอยของความเกรี้ยวกราดก็ยังคงหลงเหลืออยู่ แถมยังมากพอจนทำให้พวกเขาดูเกรงๆ ตน และพากันนิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรกันเลย
“พี่ไม่รู้หรอกนะว่าน้องรบมีเรื่องอะไรในใจบ้าง แต่พี่จะอยู่ข้างรบนะ” บอกด้วยภาษาปากแล้ว ร้อยรักก็บอกด้วยภาษากายโดยการยกมือแตะไหล่เขาเบาๆ ทำเอาพันรบเต็มตื้นไปทั้งใจ
“ส่วนพี่...ก็เป็นคนนอก พี่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยอยู่แล้ว และพี่ก็ไม่เป็นไรหรอก พี่โอเค รบอย่าคิดมากเลยนะ” ปริมาสำทับอีกเสียง พยักพเยิดให้หลานไปเปลี่ยนชุดนักเรียน แล้วหันมาคุยกับเพื่อนทางสายตา
‘ฉันรู้นะว่าแกอยากสาระแนเรื่องน้องรบกับคุณ ผอ. คนนั้น’
ร้อยรักยิ้มขัน ส่งสายตาวิบวับ ยอมรับแต่โดยดีว่าต่อมสาระแนของตนกำลังจะกำเริบขึ้นมาอีกครา หลังจากที่หยุดการทำงานไปในช่วงที่เดินทางมาบ้านปริมา
“จริงๆ กลับกันเลยก็ได้นะน้องรบ รัก” ปริมาเอ่ยอย่างต้องการเปิดทางให้เพื่อนได้อยู่กับชายหนุ่มตามลำพัง ยืดอกว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไรมาก แล้วบอกคนทั้งคู่ “ฉันโอเคมาก”
“แกโอเคแน่เหรอปริม” ร้อยรักถามจากใจ แม้จะอยาก ‘เผือก’ แต่ก็เป็นห่วงเพื่อนมากกว่า
“โอเคสิวะ นี่ใคร ปริมา หญิงถึกของแก๊งนะ”
ร้อยรักหัวเราะเสียงใส ก่อนจะพยักหน้าให้พันรบ แล้วก็พากันเดินออกจากบ้าน ส่วนปริมาก็มองตามไป เห็นแผ่นหลังกว้างของพันรบแล้ว สาวห้าวก็อดนึกถึงเขาคนนั้นไม่ได้
คงเพราะความเป็นอาหลาน เลยทำให้รูปร่างของทั้งคู่ดูคล้ายกันเหลือเกิน ทว่าก็มีความต่างกันตรงที่พันรบยังดูเป็นหนุ่มละอ่อนที่กำลังเตรียมก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่แบบเต็มตัว ในขณะที่พิธานนั้นดูภูมิฐาน น่าเคารพ น่าเกรงขามอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ก็ไม่ถือตัวกับคนต่างฐานะ ดูเป็นผู้ชายแสนดีจนทำให้ใจเธอหวั่น...
‘เย้ย! หวั่นไหวอะไรเล่ายายปริม อย่ามาสาวแตกเอาตอนนี้เชียวนะแก’
อุตส่าห์ฝึกวิทยายุทธ์ต้านบุรุษมาจนยี่สิบเจ็ดปี มันใช่เรื่องที่จะมาหวั่นไหวให้คนที่เพิ่งเจอกันแค่ครั้งเดียวเรอะ
เขาก็แค่หน้าตาหล่อเหลาคมคาย แค่ท่าทางใจดี แค่ดูเป็นผู้ใหญ่ แค่มีรอยยิ้มแสนละมุน แค่มีแววตาอบอุ่น...
กะ...กะ...ก็...ก็แค่เนี้ย
น่าหวั่นไหวตรงไหนกัน!
ท่าทางประเดี๋ยวอ้าปาก ประเดี๋ยวหุบปากของคนที่นั่งเคียงกันอยู่ สร้างความขบขันให้คนที่กำลังขับรถอยู่นัก เขาดูออกว่าร้อยรักต้องการทราบเรื่องราวระหว่างเขากับตระกูลพิริยนารถเต็มแก่แล้ว แต่คงยังเกรงใจเขาอยู่ เธอเลยไม่โพล่งถามมา
ซึ่งอันที่จริงแล้ว ถ้าเธอถามกันตรงๆ พันรบก็พร้อมจะตอบทุกอย่าง ไม่ได้รู้สึกว่าเธอละลาบละล้วงกันแต่อย่างใด อีกทั้งครานี้ยังมีเหตุการณ์ปะทะให้เห็นต่อหน้าจะจะ เลยยิ่งเสริมความอยากรู้อยากเห็นให้ทวีคูณมากขึ้นไปอีก
“พี่รัก อยากถามอะไรก็ถามผมได้เลยครับ ผมพร้อมตอบทุกอย่าง”
“ถามได้จริงๆ เหรอ” ร้อยรักถามกลับ และยิ้มแห้งที่โดนน้องจับอาการได้ พอเขาพยักหน้ารับ เธอก็สูดลมหายใจเรียกความกล้าเฮือกใหญ่ แล้วเริ่มเกริ่น “งั้น...รบเล่าให้พี่ฟังได้ไหมว่าทำไมรบถึงดู...ไม่อยากเป็นคนของตระกูลพิริยนารถ”
พันรบยิ้มบาง ก่อนจะเปิดปากเล่าเรื่องทุกอย่างให้เธอฟังอย่างตรงไปตรงมา โดยเริ่มตั้งแต่สมัยที่ตัวเองยังไม่เกิด
พิชาน...พ่อของเขา ลูกชายคนโตของตระกูลพิริยนารถ คนที่พิชัยยุทธคาดหวังให้เป็นผู้บริหารโรงเรียนในเครือของตระกูลพิริยนารถต่อจากตัวเอง ได้หักความหวังของบิดาจอมบงการด้วยการประกาศก้องกลางบ้านว่าจะไม่สืบทอดหน้าที่นี้
เขามีอุดมการณ์แรงกล้าที่อยากจะพัฒนาโรงเรียนบนดอยที่เชียงใหม่ซึ่งกำลังขาดแคลนครูเป็นอย่างมาก และคนที่ทำให้พิชานมีความคิดเช่นนี้ก็คือพรรณี สาวสวยจิตใจดี คนรักต่างฐานะของเขา
พิชัยยุทธโกรธเกรี้ยวจนแทบกระอักที่ลูกรักไม่เป็นในสิ่งที่ตนปูทางไว้ให้ ทั้งยังเกลียดหญิงสาวที่เป็นแรงบันดาลใจของลูกชายอย่างหนักหน่วง จนมีความคิดร้ายกาจว่าจะทำลายความรักของทั้งคู่โดยการบังคับให้พิชานแต่งงานกับลูกสาวของเพื่อนสนิท
ทว่า...ความหัวแข็งของพิชัยยุทธที่ส่งต่อให้ลูกชายคนโตนั้นช่างมีฤทธิ์เดชนัก นอกจากพิชานจะปฏิเสธการแต่งงานอย่างไม่ไว้หน้าใครแล้ว ชายหนุ่มยังก้าวขาออกจากบ้านพิริยนารถ เพื่อไปใช้ชีวิตกับผู้หญิงที่เขารัก โดยไม่สนใจการตัดหางปล่อยวัดของบิดามารดาเลย
เขาและพรรณีไปเป็นครูสอนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนบนดอยดังใจปรารถนา และใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย มีความสุขด้วยความพอเพียง จนเวลาผ่านไปสักพักก็มีพยานรักเกิดมาให้ทั้งคู่ได้ชื่นใจ
แต่แล้ว...ความสุขก็ถึงคราวชะงัก เมื่อพิชานรู้ว่าตัวเองป่วยเป็นโรคหัวใจ และต้องมีค่าใช้จ่ายในการรักษาพอสมควร ซึ่งนั่นก็ทำให้เกิดปัญหาทางการเงินขึ้น และส่งผลให้พรรณีต้องรับจ้างทำงานอื่นๆ เพื่อหาเงินมารักษาสามี
พิชานนั้นเครียดเหลือคณานับที่ทำให้ภรรยาต้องทำงานหนักขึ้น เขาเลยยอมบากหน้ากลับมายืมเงินพ่อแม่ และพาพันรบในวัยห้าขวบมาพบกับปู่ย่าด้วย
แม้ตอนนั้นพันรบจะยังเยาว์วัยนัก แต่เขาก็จำได้ดีว่าปู่ย่ามองพ่อแม่ตัวเองด้วยสายตาดูแคลนเพียงใด ไหนจะวาจาเยาะเย้ยจากพิชัยยุทธที่เอ่ยกับพิชานอย่างไร้ความเมตตานั่นอีก...
‘แกกลับมาทำไม ฉันตัดพ่อตัดลูกกับแกไปแล้ว แกไม่ใช่ลูกฉันแล้ว แกไม่มีสิทธิ์มาเหยียบบ้านหลังนี้’
‘เฮอะ! สุดท้ายแกก็เอาตัวไม่รอด ต้องซมซานกลับมาหาฉัน’
‘อุดมการณ์แกหายไปแล้วเหรอ ทำไมตกต่ำจนตรอกจนต้องมายืมเงินฉันล่ะ’
‘ฉันไม่ให้เงินแกหรอก แกออกจากบ้านฉันไปเดี๋ยวนี้เลย!’
สำหรับคนวัยห้าขวบเช่นเด็กชายพันรบ แม้จะยังไม่เข้าใจความหมายของวาจาเหน็บแนมนั้นอย่างลึกซึ้ง แต่เขาก็รู้สึกได้ว่ามันสร้างบาดแผลให้พ่อได้มากเพียงใด
ท่านน้ำตาคลอ ก้มหน้ารับคำด่าโดยที่ไม่เถียงอะไรสักคำ จากนั้นก็อุ้มเขาและจูงมือแม่พากันเดินออกมาจากบ้านพิริยนารถโดยที่ไม่เหลียวกลับไปมองคนใจร้ายสองคนนั้นอีกเลย
พอกลับมายังเชียงใหม่ ด้วยสถานการณ์ย่ำแย่ที่เกิดขึ้น พ่อเลยสะสมความเครียดไว้ในใจ จนเกิดเป็นภาวะที่อันตรายต่อโรคหัวใจ และ...เสียชีวิตไป
ส่วนแม่ก็ต้องพาพันรบย้ายบ้านจากเชียงใหม่มาอยู่กับพันแสงผู้เป็นพี่ชายที่เมืองสองแคว เวลานี้นี่เองที่แม่เริ่มกลับมาติดต่อกับเพื่อนเก่าอย่างแรมใจ ด้วยกำลังว้าวุ่นและคิดถึงมิตรภาพที่แสนดี
ความน่ารักของเพื่อนเก่าช่วยทำให้พรรณีกระชุ่มกระชวยหัวใจได้บ้าง...ทว่าเมื่อว่างคราใด พันรบก็มักจะเห็นแม่แอบไปร้องไห้คนเดียวเสมอ...จนท้ายที่สุดแม่ก็ป่วยเป็นไข้ใจ และเสียชีวิตตามพ่อไป
ตอนนั้นเขาอาจจะตัดพ้อแม่ที่ทิ้งเขาไว้คนเดียว แต่พอเติบโตขึ้นมาก็เข้าใจได้ว่าความเข้มแข็งของมนุษย์นั้นต่างกัน
ไม่ใช่ว่าแม่ไม่รักเขา แต่แม่แค่ยังตั้งรับความเสียใจและความสูญเสียที่ถาโถมเข้ามาได้ไม่ดีพอ ประกอบกับสุขภาพร่างกายที่ไม่ค่อยจะดีนัก เลยทำให้ทรุดลงอย่างรวดเร็วจนยื้อชีวิตไว้ไม่ทัน
“พอเสร็จจากงานเผาศพแม่ ลุงพันแสงก็ได้งานพ่อครัวที่ร้านอาหารในตัวเมืองเชียงใหม่พอดี ผมเลยได้กลับไปอยู่ที่เชียงใหม่อีกครั้ง และตอนนั้นแหละครับ...คุณทนายก่อเกียรติก็ตามไปเจอผม เขาบอกว่าเขาตามสืบเรื่องผมตามคำสั่งของ...คุณพิชัยยุทธ” พันรบเรียกคนสูงวัยอย่างห่างเหิน ไม่มีทางหลุดปากเรียกว่าคุณปู่เด็ดขาด
“ช่วงที่ต้องขาดการติดต่อกับป้าแรม ก็คือช่วงที่ลุงพันย้ายบ้านหนี เพราะรำคาญพวกเขานี่แหละครับพี่รัก ลุงพันเกลียดพวกเขามาก...”
พันรบยังจำวันนั้นได้ดี...วันที่พิชัยยุทธ ภารดี พิธาน และก่อเกียรติ พากันไปพบเขา แล้วก็โดนลุงไล่ตะเพิดจนหน้าม้านกันไปทั้งบาง
แม้คนแก่สองคนจะพยายามแก้ต่างด้วยคำว่า ‘ไม่รู้ว่าพ่อรบป่วย’ สักกี่ครั้ง ก็ไม่อาจลบล้างความโกรธที่ฝังแน่นอยู่ในใจของพันรบได้...
และจากมูลเหตุนั้น ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามยัดเยียดอะไรก็ตามที่พวกเขาคิดกันไปเองว่าพันรบต้องอยากได้ หรือควรจะได้...
“แต่ผมก็ไม่ยอมรับอะไรสักอย่างเลยครับพี่รัก ขออยู่แบบพันรบที่เป็นคนธรรมดา ดีกว่าจะต้องเป็นพันรบ หลานของพวกเขา...เป็นไงครับ ชีวิตผม ดรามาไหม”
“เฮ้อ...” ร้อยรักถอนใจกับเรื่องราวที่ได้ทราบ สงสารพันรบจนแทบจะร้องไห้ “มิน่า...น้องรบถึงต่อต้านพวกเขาขนาดนี้ พี่ตกใจมากเลยตอนที่น้องรบโวยใส่คุณ ผอ. ไม่นึกจริงๆ ว่าน้องรบจะมีมุมพยศด้วย”
“แล้วพี่รักผิดหวังในตัวผมไหมครับ คิดว่าผมเป็นเด็กก้าวร้าวไหม”
“ไม่ผิดหวังหรอก พี่เข้าใจได้...ไม่ว่ายังไง น้องรบก็คือน้องรบคนดีของพี่นะ”
พันรบถอนใจโล่งอกที่เธอยังมองว่าตนคือน้องรบคนดี ขืนเธอรู้สึกว่าเขาคือเด็กร้ายกาจ เธออาจจะไม่ให้ความเมตตาใกล้ชิดอย่างที่เป็นอยู่
“ว่าแต่...ที่หายไปวันนี้คือหายไปเจอพวกเขามาใช่ไหม กลับมาถึงหน้าเศร้าขนาดนั้น”
“ครับ เขาเอาเรื่องงานของป้าแรมมาขู่ผม ผมเป็นห่วงป้าแรม ผมเลยต้องไป”
ร้อยรักเลิกคิ้ว พร้อมกันนั้นสมองก็ใคร่ครวญจนเข้าใจอะไรๆ อย่างแจ่มแจ้ง เธอทำตาวาวด้วยความโกรธที่แม่ต้องมาเดือดร้อนเพราะความต้องการของคนแก่ที่มัวแต่เต๊ะท่าอยู่ในบ้าน
“ที่ผมไม่ให้อภัยพวกเขา ไม่อยากข้องเกี่ยวกับพวกเขา มันไม่ใช่ว่าผมงอแง หรืออยากให้เขามาตามง้อ แต่มันเป็นเพราะผมเสียศรัทธาในตัวพวกเขาไปหมดแล้ว แถมยังไม่มีความผูกพัน ไม่มีสายใยที่เชื่อมกันไว้เลย ไม่ว่าพวกเขาจะอยากชดเชยให้ผมยังไง ผมก็ไม่อยากได้อะไรครับพี่รัก ผมจะสร้างทุกอย่างด้วยมือของผมเอง”
และนอกจากจะต่อต้านเพราะยังโกรธพวกเขาแล้ว ในเสี้ยวของความรู้สึกในใจมันยังมีความต้องการที่จะกู้หน้าให้พ่อด้วย
ท่านโดนดูถูกว่าเอาตัวไม่รอด พันรบเลยจะมุ่งมั่นสร้างอนาคตให้ดี ลบคำสบประมาทที่พ่อเคยได้รับ และนำความสำเร็จมาสู้กับวาจาที่เสียดแทงศักดิ์ศรีของท่านจนยับเยิน
“พี่เชื่อว่ารบทำได้จ้ะ” ร้อยรักยิ้มบาง ยื่นมือไปแตะไหล่เขา เข้าใจความทะนงตนของเขาเป็นอย่างดี
งานนี้ทางฝั่งพิริยนารถผิดเต็มๆ แม้จะมีความไม่รู้แฝงอยู่ แต่การเมินเฉยต่อความลำบากของพิชาน เพราะโกรธที่พิชานเลือกผู้หญิงที่รัก เลือกที่จะไปทำตามใจปรารถนา สำหรับร้อยรักแล้ว เธอคิดว่าพวกเขาไร้เหตุผลและใจร้ายเกินไป
หากพวกเขาอยากให้หลานรัก พวกเขาก็ต้องกู้ศรัทธาแห่งความเป็นปู่ย่ากลับคืนมาด้วยตัวเอง ต้องใช้ความพยายามที่จะเข้าหาหลานอย่างสุดความสามารถ ไม่ใช่มาแก้ตัวด้วยการบอกว่าตอนนั้นไม่รู้เรื่องอาการป่วยของพิชาน หรือเอาแต่เรียกร้องว่าทำไมหลานไม่รัก
บอกว่าจะชดเชยให้หลาน แต่กลับยังมีอีโก้สูงจัดจนต้องบีบให้หลานไปหาตัวเองด้วยวิธีที่ไม่เข้าท่าเอาเสียเลย
ตัวพิธาน ด้วยความเป็นลูกชายก็คงกระอักกระอ่วนอยู่เหมือนกัน เพราะคนผิดก็คือพ่อแม่ตัวเอง อีกทั้งก็คงรู้ดีว่าพ่อแม่ตัวเองเป็นอย่างไร เลยขอให้หลานชายเปิดใจให้คนแก่...ซึ่งเธอก็เข้าใจในเจตนาอันดีของเขา แต่เธอก็อยากให้เขามารับรู้ถึงความว้าเหว่เจ็บปวดของพันรบด้วย
ถึงจะมีลุงป้า แต่เชื่อเถอะว่ายังไงก็ไม่เหมือนการมีพ่อแม่ น้องรบของเธอต้องว้าเหว่มาตั้งแต่เด็ก อ้อมกอดพ่อแม่ที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว
การที่เธอเอ็นดูเขาเลยไม่ใช่แค่การเอ็นดูไปอย่างนั้นเอง แต่คือความรู้สึกจากใจ ไม่ว่าจะตอนนั้นหรือตอนนี้ ร้อยรักก็สัมผัสได้จริงๆ ว่าน้องน่าสงสาร
เพราะอย่างนั้น...เธอเลยขอเข้าข้างน้องรบของเธออย่างเต็มอัตราสูบ จะไม่ขับไล่ไสส่งให้เขาไปเป็นคนของตระกูลนั้นโดยที่เขาไม่เต็มใจจะไป
“น้องรบ...ไม่ว่าที่ผ่านมาน้องรบจะว้าเหว่แค่ไหน แต่ต่อจากนี้ไป น้องรบจะไม่ต้องรู้สึกแบบนั้นอีกแล้วนะ พี่จะเป็นที่พักพิงให้รบเอง”
เธอบอกสิ่งที่เป็นความมุ่งหมายในใจด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุน จนทำให้คนที่โหยหาความรักความอบอุ่นจากพ่อแม่น้ำตาคลอ
“ถ้าน้องรบเดือดร้อนอะไร ไม่ว่าจะเรื่องการงาน การเงิน พี่จะสนับสนุนน้องรบทุกอย่างเลยนะ ถ้าเงินพี่ไม่พอ เดี๋ยวพี่ขอยืมพ่อกับแม่พี่ให้ก็ได้”
เอ่ยแล้วก็หัวเราะคิกคัก ส่วนพันรบก็ยิ้มขันความร่าเริงของเธอ นึกอยากจะบอกไปเหลือเกินว่า...ถ้าเขาเดือดร้อนเพราะรักเธออยู่ อยากให้เธอมาเป็นภรรยา มาเป็นแม่ของตาหนู เธอจะสนับสนุนกันโดยการยกหัวใจของเธอมาให้เขาไหม
เพราะเห็นแล้วว่าม้าจอมดื้ออย่างพันรบนั้นกำลังพยศเต็มขั้น บวกกับตัวเองก็ออกปากไปด้วยว่า...‘อาไม่เหมือนคุณปู่นะ’
พิธานเลยตั้งมั่นว่าจะรีบมาคุยเรื่องหลานกับคนเป็นพ่ออย่างด่วนที่สุด แต่พอมาถึงบ้าน พิธานก็ต้องหยุดวาจาทุกอย่างไว้ ด้วยท่านกำลังคุยกับแขกสาวอยู่ในห้องโถงอย่างสนุกสนาน
เธอคือวิมพ์วิภา...สาวสวยวัยสามสิบสองปี ลูกคนกลางของวชิรวิทย์ เพื่อนสนิทบิดา น้องสาวของแวววิไล ผู้หญิงที่พิชานไม่ยอมแต่งงานด้วย
และเพราะเหตุนี้นี่เอง พิชัยยุทธเลยหมายมั่นปั้นมืออยากให้พิธานแต่งงานกับวิมพ์วิภา เพื่อแก้ตัวจากเหตุการณ์หักหน้าในอดีต โดยที่ไม่สนใจเลยว่าพิธานรักเธอคนนี้ไหม
“พี่พอล...กลับมาแล้วเหรอคะ” เธอร้องทักอย่างดีใจเมื่อหันมาเห็นว่าพิธานยืนอยู่หน้าห้องโถง แล้วก็รีบปรี่เข้ามาควงแขนเขาไว้ “วินนี่รอพี่พอลตั้งนาน”
“น้องแวะมาหาแน่ะพอล มาฝากท้องมื้อเย็นกับที่บ้านเราด้วย...ไปพอล พาน้องไปกินข้าวกัน”
พิธานค้อมหัวรับคำสั่งบิดา และหันไปยิ้มเรียบๆ อย่างมีมารยาทให้แขกสาว ก่อนจะพาเธอไปที่ห้องอาหารของบ้าน ซึ่งมารดาตนกำลังให้แม่บ้านเตรียมจานอาหารอยู่
ครั้นจัดแจงทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว พิชัยยุทธก็นั่งลงที่หัวโต๊ะ ภารดีนั่งทางด้านขวาของสามีตรงข้ามกับพิธาน ส่วนวิมพ์วิภาก็นั่งข้างๆ เขา
พอเริ่มลงมือจัดการอาหารแสนอร่อยที่วางอยู่ตรงหน้า พิธานก็โดนพิชัยยุทธสั่งทางสายตาว่าให้ตักอาหารเอาใจแขกสาว ทำเอาชายหนุ่มอึดอัดจนแทบจะลุกออกจากห้องอาหารไป แต่ด้วยความเป็นผู้ใหญ่ที่หักห้ามความไม่สบอารมณ์ไว้ได้ ชายหนุ่มเลยบริการแขกสาวตามหน้าที่ลูกชายเจ้าของบ้านจนจบมื้อ
เมื่อแม่บ้านมาเก็บภาชนะทุกอย่างออกไปเรียบร้อยแล้ว วิมพ์วิภาก็ออดอ้อนพิธานเสียงหวาน “พี่พอลขา...อาทิตย์หน้าวินนี่ต้องไปงานแต่งของเพื่อนในกลุ่ม พี่พอลไปกับวินนี่นะคะ”
“ขอโทษจริงๆ นะครับ...พอดีช่วงนี้พี่ยุ่งมากเลย พี่ไปกับวินนี่ไม่ได้จริงๆ”
เธอหน้าเจื่อนเล็กน้อย ก่อนจะรีบปรับให้กลับมายิ้มแย้มเช่นเดิม แล้วสบตาขอความช่วยเหลือจากคนหัวโต๊ะ ด้วยรู้ว่าพิชัยยุทธต้องช่วยเธออีกแรงแน่นอน
“ยุ่งอะไรพอล งานที่โรงเรียนยุ่งมากเลยเหรอ ให้คนอื่นช่วยบ้างก็ได้นี่”
พิธานถอนใจ ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้แล้วเอ่ย “พอดีว่าช่วงนี้ผมจะต้องไปดูแลคุณปริมครับ”
พิชัยยุทธเลิกคิ้ว “ปริม...ใคร”
“ผู้ปกครองของนักเรียนชายในโรงเรียนเราครับ...ช่วงหลังเลิกเรียนของวันนี้เกิดเรื่อง...” เกริ่นแล้วพิธานก็เล่ารายละเอียดให้บิดาฟัง ซึ่งท่านก็อ้าปากเตรียมจะแย้งเขา ทว่าก็ไม่ทันแขกสาวที่แย้งขึ้นมาก่อน
“นี่ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของพี่พอลเลยนะคะ ทำไมต้องไปดูแลเขาด้วย”
การโวยอย่างเห็นแก่ตัวของหญิงสาวยิ่งทำให้พิธานหน่ายใจในนิสัยของเธอ ก่อนจะพูดอย่างไม่สนใจว่าเธอและบิดาเขาจะแย้งอีกไหม “ไม่มีเหตุผลอะไรมากมายหรอกครับ พี่แค่อยากไปดูแลเขาเฉยๆ”
วิมพ์วิภากำมือแน่น เธออยากจะกรี๊ดให้ดังก้องไปทั่วห้องอาหารนัก แต่ก็ต้องหักห้ามไว้ ด้วยไม่อยากเสียกิริยาต่อหน้าผู้ใหญ่ไปมากกว่านี้ พอสบตาขอความช่วยเหลือจากพิชัยยุทธอีกที ชายสูงวัยก็ส่งสายตาตอบกลับมาให้เธอได้รู้ว่าครานี้คงช่วยไม่ได้ ทำเอาเธอทั้งโกรธทั้งขัดใจที่พิธานไม่ไปงานแต่งงานด้วยกัน
เธอรึก็อุตส่าห์วางแผนไว้ว่าจะทำหน้าเชิดตีเนียนในงาน ประกาศให้ใครๆ รู้ว่าเขาเป็นของเธอ เพื่อบีบให้เขายอมรับสถานะคนรักไปโดยปริยาย
แต่ความหวังของเธอก็ต้องพังทลายลงเพราะยายปริมอะไรนั่น
เธอจะต้องรู้ให้ได้ว่ามันเป็นใคร ทำไมพิธานถึงให้ความสำคัญแก่มันจนถึงขนาดต้องลดตัวไปดูแลด้วย
เมื่อแขกสาวกลับไปแล้ว ก็ถึงเวลาเคลียร์ใจกันระหว่างพิชัยยุทธกับพิธาน คนสูงวัยส่งสายตาเย็นเยียบให้บุตรชายเดินขึ้นบันไดตามตัวเองไปยังห้องทำงานที่ชั้นสองของบ้าน ก่อนจะเอ่ยเสียงหนักว่า
“พอลทำแบบนี้ได้ยังไง วันนี้พอลทำให้หนูวินนี่เสียความรู้สึกมากนะ”
“ก็ผมไม่อยากไปจริงๆ นี่ครับ”
“ทำไมล่ะ”
“ต้องให้ผมบอกอีกกี่รอบครับ ว่าผม...ไม่ชอบวินนี่” พิธานเอ่ยความรู้สึกของตนอย่างตรงไปตรงมาอย่างที่เอ่ยมาตลอด แต่บิดาก็ไม่เคยฟัง ยิ่งบวกกับการที่ตนไม่เคยมีใครสักทีทั้งที่วัยก็ล่วงเข้าสามสิบแปดปีแล้ว เลยยิ่งทำให้คนแก่ยังมีความหวังว่าเขาและวิมพ์วิภาต้องได้ตกล่องปล่องชิ้นกัน
“พิชก็หักหน้าหนูแวว ทำให้พ่อผิดหวังไปคนนึงแล้วนะ พอลก็ยังไม่วายทำท่าว่าจะมาหักหน้าหนูวินนี่ ทำให้พ่อต้องผิดใจกับเพื่อนพ่ออีก”
“คุณพ่ออยากให้ผมแต่งงานกับวินนี่ เพราะไม่อยากจะผิดใจกับเพื่อนอีก แค่นั้นเหรอครับ ไม่ใจร้ายกับผมไปหน่อยเหรอ” พิธานตัดพ้อเสียงหนัก “เมื่อไรคุณพ่อจะเลิกเอาความผิดหวังที่มีต่อพี่พิชมาลงกับผมสักทีครับ ไม่คิดจะให้ผมมีชีวิตเป็นของตัวเองบ้างเลยเหรอ คุณพ่อจะให้ผมรับผิดชอบทุกอย่างแทนพี่พิช เป็นตัวแทนของพี่พิชตลอดชีวิตเลยใช่ไหม”
“...”
“ผมยอมทำทุกอย่างตามที่คุณพ่อต้องการ เพื่อให้คุณพ่อมีความสุข แต่เรื่องความรัก เรื่องคู่ชีวิตของผม ผมขอเลือกเองครับ...ผมไม่มีวันแต่งงานกับผู้หญิงที่ผมไม่ได้รัก”
พิชัยยุทธหน้าบึ้งจัด ทำท่าฮึดฮัดขัดใจ ก่อนจะหมุนตัวเดินหนีไปที่หน้าประตูอย่างคนไม่ยอมรับการตัดสินใจของลูก
“เดี๋ยวครับ” พิธานเรียกคนสูงวัยเอาไว้ พอขาอีกฝ่ายชะงัก ไม่ได้เดินต่อ เขาก็เอ่ยเรื่องสำคัญ “คุณพ่อรู้ไหม วันนี้ผมบังเอิญได้เจอกับตารบ...คุณปริมเขาเป็นเพื่อนกับคุณร้อยรัก คนที่ตารบไปอยู่ด้วย”
พิชัยยุทธหันขวับมาหา เบิกตากว้างอย่างตกใจ
“และผมก็รู้เรื่องที่คุณพ่อจะแกล้งหลานด้วย ผมขอร้องละครับ อย่าทำแบบนั้นเลย” แม้คนเป็นพ่อจะเริ่มหน้าม้านเพราะคำพูดตนเพียงใด แต่พิธานก็เอ่ยต่อ “ทำผิดกับพ่อเขาไปคนแล้วนะครับ อย่าทำผิดซ้ำซ้อนอีกเลย ยอมวางอีโก้ แล้วง้อหลานอย่างจริงๆ จังๆ สักทีเถอะครับ”
คนแก่หัวแข็งไม่ตอบรับอะไร เอาแต่เม้มปากแน่น แล้วก็หมุนตัวเดินตึงตังเปิดประตูออกจากห้องไป ส่วนพิธานก็ถอนใจเฮือกใหญ่ ทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน แล้วหลับตาลงด้วยความเครียดเหลือแสน
ทั้งเหนื่อยใจกับความรั้นของบิดา ทั้งเหนื่อยล้าที่ท่านโยนความคาดหวังต่างๆ นานามาให้บ่าเขาแบกไว้
ตั้งแต่พี่ชายก้าวขาออกจากบ้านไป ท่านก็ทุ่มความฝันและความหวังทั้งหมดมาไว้ที่ตัวเขา ไม่เคยถามสักคำว่าเขาอยากทำอะไร อยากเป็นอะไร จนเขาต้องยอมละทิ้งความฝันที่อยากจะเป็นนักดนตรี แล้วมาทำตามความประสงค์ของท่าน เพื่อชดเชยทุกอย่างแทนพี่ชายที่ตัวเองรักและเข้าใจในอุดมการณ์ที่ดีของอีกฝ่าย...
ด้วยความอ่อนล้าในใจ เลยทำให้ชายหนุ่มเผลอหลับใหลไปพร้อมกับความหม่นหมองที่เกิดขึ้นเพราะบุพการีของตนเอง
ผ่านไปสักพักก็พลันรับรู้ได้ถึงสัมผัสแผ่วเบาทว่าอบอุ่นจากมือเล็กๆ ที่กำลังจับหน้าตนอยู่ พอเขาลืมตาขึ้นมาก็ต้องตกใจจนหน้าเหลอ เมื่อเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กน่ารักจิ้มลิ้มคนหนึ่ง แกสวมชุดกระโปรงฟูฟ่องสีขาว นัยน์ตาสุกสกาวสดใส ดูบริสุทธิ์เหมือนเทพธิดาน้อยไม่มีผิด
“โอ๋ๆ พ่อขา ไม่เศร้านะคะ เดี๋ยวต่อไปหนูกับแม่จะมาเป็นความสุขของพ่อเองนะคะ”
ปากเล็กจุ๋มจิ๋มที่ส่งเสียงใสปลอบประโลมกัน ยิ่งทำให้เขามึนงงไปกันใหญ่
“หนูเป็นใครครับ”
แกหัวเราะคิกคัก ก่อนจะตบอกเบาๆ “หนูคือลูกสาวพ่อไงคะ ขอให้หนูมาเป็นลูกสาวพ่อได้ไหม”
“หือ...ลูกสาวเหรอ หนูอยากมาเป็นลูกสาวฉันเหรอ”
“ค่ะ...นะคะพ่อขา...ขอให้หนูมาเป็นลูกสาวพ่อได้ไหมคะ”
คำขอแสนออดอ้อนนั่นทำพิธานใจละลาย ตอบตกลงไปอย่างง่ายๆ “ได้สิครับ”
“เย้ๆ พ่อยอมรับหนูเป็นลูกแล้ว”
เขาอมยิ้มให้ความร่าเริงที่ได้ยล ก่อนจะนึกสงสัยอะไรขึ้นมา...“แล้วแม่ของหนูคือใครเหรอครับ”
ยายตัวเล็กยิ้มมุมปาก ไม่ตอบว่าแม่คือใคร แต่บอกไปอีกทางว่า “พ่อได้เจอแม่แล้วค่ะ...ต่อไปต้องทำให้แม่รักพ่อ และยอมมีหนูให้ได้นะคะ จุ๊บๆ”
ไม่เพียงจุ๊บแค่วาจา เพราะยายตัวเล็กยังยื่นหน้ามาหอมแก้มพิธานอีกด้วย
สัมผัสแผ่วเบาแสนน่ารักนั้นทำให้เขายิ้มกว้างจนเมื่อยแก้ม ก่อนจะ...สะดุ้งแล้วลืมตาขึ้นมา
เขาสลัดหัวเรียกสติตัวเอง แล้วกวาดตามองไปรอบๆ ห้องทำงานที่มีแต่ความว่างเปล่า
พลันก็นึกรู้ว่าเหตุการณ์เมื่อครู่นั้นคือความฝัน...ไม่ใช่ความจริง ไม่มีเด็กผู้หญิงตัวเล็กน่ารักมาที่นี่แต่อย่างใด
ทว่า...แม้จะเป็นเพียงแค่ความฝัน แต่ก็ทำให้เขาอิ่มเอมใจเหลือเกิน ยิ่งนึกถึงดวงหน้าน่ารักของแก ก็ยิ่งทำให้เขามีความสุขจนล้นอก...
‘ยายตัวเล็ก...หนูจะมาเป็นลูกสาวพ่อจริงๆ ใช่ไหม’
ความคิดเห็น |
---|