6

สองเทพน้อยจอมดื้อ


สองเทพน้อยจอมดื้อ
เห็นสีหน้าหมองหม่นพร้อมกับการถอนใจเฮือกๆ ของคนที่กำลังปิดประตูห้องพระ ภารดีก็รู้ชัดว่าการสวดมนต์เมื่อครู่ไม่สามารถสร้างความสงบให้เกิดขึ้นในใจของเขาได้เลยสักนิด
“คุณ...ผมจะทำยังไงดี ผมไม่อยากมีปัญหากับลูกกับหลานอย่างนี้เลย แก่แล้วก็อยากจะใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุข ได้หัวเราะได้ยิ้มกับลูกหลานบ้าง”
ภารดีส่งค้อนวงโตใส่คนที่เดินเคียงกัน ก่อนชี้แนะเสียงหนัก “ก็เลิกเจ้ากี้เจ้าการใครๆ สักทีสิคุณน่ะ ทั้งพอล ทั้งรบ เลิกวางอำนาจใส่พวกเขาได้แล้ว”
“ผมขอโทษ ผมก็แค่...รักพวกเขา”
เสียงอุบอิบนั้นทำภารดีใจอ่อนยวบ ด้วยความเป็นคู่ชีวิตกัน เลยทำให้เธอเข้าใจอุปนิสัยของสามีเป็นอย่างดี
ทุกสิ่งที่เขาทำล้วนเกิดจากความรักและหวังดีต่อคนในบ้าน แต่ดันเป็นคนเชื่อมั่นในตัวเองสูง เลยคิดเองเออเองว่าทุกอย่างที่ตัวทำนั้นถูกต้อง
กับพิชาน...ความที่ผ่านโลกมาก่อน เข้าใจว่าเงินคือปัจจัยสำคัญของชีวิต เขาเลยกลัวว่าลูกจะลำบากกับอุดมการณ์แรงกล้านั้น จึงอยากให้ลูกดำเนินไปตามแผนที่ตัววางไว้ให้ แต่พอทุกอย่างไม่ได้ดั่งใจเลยพาล และปล่อยให้ความโกรธนั้นมีอำนาจเหนือความรักที่มีให้ลูก
แต่ใครไหนเลยจะรู้ว่าคนที่ทำเป็นปากกล้าตัดหางปล่อยวัดลูกคนนี้...เฝ้าร้องไห้ด้วยความคิดถึงลูกบ่อยแค่ไหน
วันที่พิชานกลับมาขอยืมเงิน เขาก็ทำเป็นเชิดหน้าเชิดตาแดกดันลูก เผลอไล่ลูกออกไป...สุดท้ายแล้วก็ตัวเขาเองนี่ละที่น้ำตาตกในที่สุด ยามที่ได้เห็นสภาพโทรมๆ ของลูก
แถมยังเอาแต่นั่งรอ ชะเง้อชะแง้คอยท่า เตรียมเงินไว้ให้ลูกชายที่รัก หวังใจว่าลูกจะกลับมาง้อตัวเองอีก
แต่พอพิชานไม่กลับมา ทั้งเธอทั้งสามีก็พานเข้าใจผิดไปว่าลูกโกรธจนไม่อยากจะข้องเกี่ยวกัน เลยฮึดฮัดขัดอกขัดใจและเคืองลูกอยู่นาน จนกระทั่งวันที่ยอมลดทิฐิลงบ้าง มอบหมายงานให้ทนายความประจำตระกูลสืบหาความจริง และทราบว่าลูก...เสียชีวิตแล้ว
วันนั้นนั่นละ...ทั้งเธอและสามีพากันร้องไห้จนน้ำตาแทบจะกลายเป็นสายเลือด รู้ซึ้งเลยว่าพวกตนผิดอย่างไม่น่าให้อภัย
กับพิธาน...ความที่ไม่อยากให้ซ้ำรอยลูกชายคนโต กลัวว่าลูกจะไปเลือกทางที่ทำให้ตัวเองลำบากเหมือนพี่ชาย สามีก็เลยเข้มงวดกับลูกมาก ขีดเส้นทางให้ลูกทุกอย่าง โดยไม่ปล่อยให้ลูกเลี้ยวไปในทางอื่นเลย
ไม่ว่าจะการเรียน การงาน และความรัก...พิชัยยุทธก็คิดเอาเองว่า ทุกสิ่งที่ตนเลือกให้ย่อมดีต่อลูกที่สุด
ที่ผ่านมาภารดีอาจจะไม่เห็นด้วยในบางจุด แต่ก็ไม่ได้แย้งอะไร เพราะคิดว่าตัวเองคือช้างเท้าหลัง สามีว่าอย่างไรก็ว่าตามกัน แต่ครานี้คงถึงเวลาที่เธอต้องขัดบ้างเสียที
พอเปิดประตูเข้าไปในห้องส่วนตัว และนอนเคียงกันบนเตียงแล้ว ภารดีก็เอ่ยตามตรง
“คุณ...ฉันดูมานานแล้วนะ ฉันว่าตาพอลกับหนูวินนี่ไม่น่าจะใช่คู่กันหรอก ตาพอลแกมีความเป็นผู้ใหญ่สูง มีความรับผิดชอบในชีวิตตั้งมากมาย คงอยากอยู่กับคนที่ทำให้เขาสบายใจ ไม่ใช่คนที่ต้องคอยให้เขามาเอาใจ ผู้หญิงที่เหมาะกับลูกเราน่าจะเป็นผู้หญิงที่ดูแลตัวเองได้” พอเห็นสามีนิ่งฟัง หญิงสูงวัยก็เอ่ยต่อ “หนูวินนี่...เขาสวย รวย เหมาะสมในทางภายนอก แต่นิสัยเขาไม่เหมาะกับลูกเราเลยนะ คุณไม่สงสารลูกเหรอ งานก็หนักแล้ว ยังต้องมารองรับอารมณ์เอาแต่ใจของเมียอีก”
“ถึงหนูวินนี่จะเอาแต่ใจไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรมากมาย แต่งงานกันไปแล้ว เขาอาจจะปรับปรุงตัว จนทำให้ลูกเรารักเขาก็ได้”
“คุณคะ...ถ้าตาพอลจะรักจะชอบหนูวินนี่ เขาคงรักไปตั้งนานแล้ว นี่เขาเฉยๆ จะตาย มีแต่คุณนี่แหละที่ชอบยัดเยียดหนูวินนี่ให้ตาพอล ส่วนหนูวินนี่ก็ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของลูกเรา เพราะเห็นคุณถือหางอยู่”
คำพูดตรงไปตรงมาจากภรรยาทำพิชัยยุทธอึ้ง พูดไม่ออกบอกไม่ถูกไปครู่หนึ่ง
“ฉันว่าเราต้องปลงกันแล้วละนะ ปล่อยให้ลูกหลานเขาดำเนินชีวิตของเขาเองดีไหม” ขอร้องแล้วภารดีก็ยิ้มมุมปาก ก่อนจะแกล้งขู่ “ถ้าคุณยังรั้นอีก ระวังไว้เถอะ ตาหนูจะไม่รัก”
ตัวละครใหม่ที่โผล่มาในบทสนทนาทำพิชัยยุทธหน้าเจื่อน ถามกลับเสียงเบา “คุณ...คุณคิดว่าตาหนูที่มาเข้าฝันผมคือใครเหรอ”
“เรียกคุณว่าคุณทวด ก็ต้องเป็นลูกตารบสิ” ภารดีอมยิ้มเมื่อจินตนาการถึงตาหนูน้อยน่ารัก และแสดงความเห็นอย่างมั่นใจ “ฉันว่าเขาอาจจะมาเกิดเป็นลูกตารบ”
“รบจะมีลูกได้ยังไง ยังเด็กอยู่เลย คงยังไม่มีเมียมีลูกเร็วๆ นี้หรอกมั้งคุณ”
ชายสูงวัยบ่นอย่างไม่อยากจะเชื่อ ครุ่นคิดกับตัวเองอยู่พักใหญ่ แล้วก็หันไปหาภรรยาอย่างต้องการจะชวนคุยอีก แต่ปรากฏว่าเธอทำตาปรือ เริ่มเคลิ้มหลับ เขาเลยเลิกชวนคุย
ผ่านไปครู่หนึ่งภารดีก็หลับ ส่วนพิชัยยุทธนั้นยังคงครุ่นคิดถึงตาหนูน้อยที่มาเข้าฝันตนเมื่อตอนกลางวัน...อยากรู้จริงๆ ว่าตาหนูคือใคร
มาหาทวดอีกครั้งได้ไหม...
เวลาล่วงเลยไปอีกพักใหญ่ ชายสูงวัยก็หลับใหลไปพร้อมกับคำอธิษฐานของตัวเอง...จนกระทั่งในช่วงเช้ามืดของวันใหม่ ความปรารถนาของพิชัยยุทธก็เป็นจริง
เขาระบายยิ้มกว้าง เมื่อลืมตาขึ้นมาแล้วได้เห็นตาหนูน้อยของตนที่กำลังยืนอยู่ข้างเตียง พลันก็รีบลุกขึ้นนั่ง ร้องทักอย่างยินดี
“ตาหนู! มาหาทวดจริงๆ ด้วย มาให้ทวดหอมแก้มหน่อยเร็ว”
ตาหนูเชิดหน้าใส่ สะบัดตัวหนีคนที่กำลังยื่นหน้ามาหา “ไม่ฮับ ป๋มไม่ให้หอมหรอก”
“ทำไมล่ะลูก”
“ป๋มบอกแล้วไงว่าป๋มโป้งๆ คุณทวดอยู่”
พิชัยยุทธหน้าจ๋อย หลังจากนั้นก็มีอันต้องตื่นตระหนกตกใจจนอ้าปากหวอ เมื่อเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กน่ารักวิ่งมายืนอยู่ข้างเตียงอีกคน พร้อมกับเอ่ยว่า
“หนูก็จะโป้งๆ คุณปู่ด้วย”
“หือ...คุณปู่...” ขมวดคิ้วพลางชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง “หนูเรียกฉันว่าคุณปู่เหรอ หนูเป็นใครลูก”
“หนูคือสุดสวยค่ะ” แนะนำตัวแล้วก็เอ่ยเสียงเข้ม “ป้าคนนั้นไม่ใช่แม่หนูนะคะ คุณปู่อย่าจับคู่มั่วซั่วสิคะ”
“ใช่ๆ คุณทวดอย่าจับคู่มั่วซั่วสิฮับ” ตาหนูทำปากยื่นแสนงอนใส่คนสูงวัย ก่อนจะขู่ส่งท้าย “ถ้าคุณทวดยังดื้ออยู่อย่างนี้...เราสองคนจะรุมแกล้งคุณทวดไปจนโตเลย คอยดู!”
“พวกเราไม่ได้ไปป่วนใครมานะฮับ!/พวกเราไม่ได้ไปป่วนใครมานะคะ!”
ท่านเทพชราหรี่ตามองเทพน้อยสององค์ที่กำลังยืนกระต่ายขาเดียวปฏิเสธความผิดของตัวเองด้วยความหมั่นไส้
ตนหายไปทำภารกิจตรวจเช็กชะตาชีวิตมนุษย์เบื้องล่างได้ครู่เดียว กลับมาอีกทีเจ้าสองเทพก็ไปก่อเรื่องมาอีกแล้ว
“พวกเราไม่ได้ไปป่วนใครมาจริงๆ นะฮับคุณตา เชื่อป๋มนะฮ้าบ”
“ชิชะ! เจ้าเทวดาน้อย อย่ามาหลอกเทพแก่เสียให้ยาก รู้หรอกน่าว่าไปข้างล่างมา” บ่นเสียงเข้มอย่างรู้ทันตัวป่วนสุดซ่า ก่อนจะหันไปหาเทพธิดาน้อยของตน หรี่ตามองอย่างผิดหวัง “ยายหนูของตา เป็นเทพน่ารักอยู่ดีๆ ไหงกลายมาเป็นเทพป่วนตามเจ้าเทวดาน้อยนี่ได้ฮึ”
“ก็หนูสงสารพ่อนี่คะ คุณปู่อยู่ทีมป้าคนนั้น จะให้ป้าคนนั้นมาแต่งงานกับพ่อหนูอะ ป้าคนนั้นไม่ใช่แม่หนูสักหน่อย” เทพธิดาน้อยแก้ต่างเสียงใส ปากเล็กจิ้มลิ้มเม้มแน่นแสดงความไม่ชอบใจจนถึงที่สุด
“แต่มันไม่ใช่เรื่องของเรา มันคือวาระกรรมของเขา เคยบอกไปแล้วไงว่าต้องให้เขาแก้ไขกันเอง”
“แล้วเมื่อไรจะแก้ไขล่ะ ป๋มไม่รอแล้วฮับ ป๋มสงสารพ่อ ป๋มจะช่วยพ่อเอง”
“ใช่ค่ะ หนูก็ไม่รอแล้ว หนูสงสารพ่อ หนูจะช่วยพ่อเอง”
ตัวป่วนทั้งสองประสานเสียงกันอย่างมุ่งมั่น ทำเอาเทพชราต้องยกมือกุมขมับระบายความเครียดซึ่งเกิดจากความดื้อที่ตนกำลังเผชิญ
ทำไมหนอ...ทำไมเทพผู้ใหญ่ในชั้นฟ้าข้างบนต้องให้มาดูแลเจ้าเทพน้อยทั้งสองนี่ด้วย
ในมุมของคนเป็นพ่ออย่างรวี การจะปล่อยให้ผู้ชายที่ประกาศตัวตามตรงว่าอยากจะงาบร้อยรักนั้นได้อยู่ใกล้ตัวลูก ช่างเป็นเรื่องที่น่าหวั่นใจเหลือคณานับ
ทว่า...เมื่อนึกถึงข้อตกลงลับระหว่างลูกผู้ชายในวันนั้น...
‘อย่าห้ามไม่ให้ผมรักลูกสาวคุณลุงเลยครับ เพราะผมไม่มีวันเลิกรักพี่รัก’
‘หน็อย ไอ้เด็กเมื่อวานซืน อายุเท่านี้ รู้แล้วเหรอว่าความรักแบบผู้ใหญ่เป็นยังไง’
‘ผมไม่รู้หรอกว่ารักแบบเด็กกับรักแบบผู้ใหญ่มันแตกต่างกันยังไง ผมรู้แค่ว่าไม่ว่าจะตอนเด็กหรือตอนที่เป็นผู้ใหญ่ ผมก็จะรักพี่รักคนเดียว’
‘นี่แก...’
‘ขอให้ผมได้พิสูจน์ตัวเองเถอะครับ อย่าคิดว่าผมเป็นแค่เด็กอายุยี่สิบสองเลย แค่ผมเด็กกว่าแค่นี้ คุณลุงก็จะไม่ให้ผมรักพี่รักแล้วเหรอ’
‘มันก็...’
‘ในระหว่างที่ผมทำงานกับคุณลุง...คุณลุงก็ดูผมไปด้วยก็ได้ครับ ดูทั้งในฐานะเด็กที่มาทำงานกับคุณลุง ทั้งผู้ชายคนหนึ่งที่รักลูกสาวคุณลุง คุณลุงจะโหดกับผมแค่ไหน จะจับผิดเข้มงวดกับผม จะใช้งานผมหนักขนาดไหน ผมยอมทุกอย่าง แต่ถ้าจะให้ผมเลิกรักพี่รัก...ผมทำไม่ได้’
วาจาที่แสดงถึงความหนักแน่นของเด็กนั่นทำให้รวีกล้าเปิดใจ และยอมปล่อยให้หมาป่าเจ้าเล่ห์ที่สวมหน้ากากใสซื่อได้พิสูจน์ตัวเอง
ทว่า...ถึงแม้รวีจะพิสูจน์ได้ว่าพันรบรักลูกสาวตนจริงๆ อีกทั้งเด็กนั่นก็มีดีพอที่ตนจะฝากลูกสาวไว้ให้ดูแล แต่ก็ยังขัดอกขัดใจและกังวลไปสารพัด ด้วยลึกๆ เขาก็อยากให้ผู้ชายที่เคียงข้างลูกนั้นมีคุณสมบัติที่ดีในทางการงานและการเงิน ไม่ใช่คนที่ยังไม่มีอะไร
แต่แล้ว...ข้อมูลที่ได้ทราบจากคนที่มาหารวี ณ ห้องทำงานในสำนักทนายความของเขาในวันนี้ ก็ทำให้เขาได้รู้ความจริงบางอย่างที่ทำให้อึ้งตะลึงไปหลายวินาที พันรบไม่ใช่คนไม่มีอะไร แถมยังมีมากกว่าเขาด้วยซ้ำ
“นี่รบเป็นหลานของตระกูลนี้จริงๆ เหรอครับพี่ก่อ” เขาเอ่ยถามทนายความรุ่นพี่ที่นั่งอยู่ตรงข้ามตนอีกครั้ง พออีกฝ่ายพยักหน้ารับ ก็ตาโตตกใจอีกรอบ
“คุณรบจะมาทำงานกับวีใช่ไหม”
รวีขมวดคิ้ว เอะใจที่ก่อเกียรติรู้เรื่องนี้ แต่ผ่านไปไม่กี่วินาทีก็เลิกเอะใจ ด้วยรู้แจ้งว่ากับอีแค่การสืบหาเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยากเย็นแสนเข็ญสำหรับก่อเกียรติอยู่แล้ว
“ครับ เดี๋ยวรบจะเข้ามาทำงานที่สำนักทนายความของผมแล้ว”
ก่อเกียรติยิ้มมุมปาก ในหัวก็เริ่มครุ่นคิดถึงคำสั่งเจ้านาย ก่อนบอก “พี่มีเรื่องจะมาขอร้องวี”
“ครับ?”
“อย่าให้คุณรบมาทำงานด้วยได้ไหม”
คำขอร้องที่ออกมาจากปากพร้อมกับมือซึ่งยื่นเช็คที่กรอกตัวเลขเจ็ดหลักมาให้กัน ทำให้รวีเข้าใจโดยพลันว่าหมายถึงอะไร
“คุณท่านของพี่ก่อจะบีบหลานเหรอครับ”
“ใช่ ช่วยหน่อยนะวี ขอร้องละ”
รวียิ้มมุมปาก ยื่นมือไปจับเช็คเสมือนว่าตนยินดีกับเงินจำนวนนี้ ก่อนจะยื่นเช็คกลับไปให้ทนายความรุ่นพี่ “ขอโทษนะครับพี่ก่อ...แต่ผมคงช่วยพี่ก่อไม่ได้ คิดว่าเงินแค่นี้จะทำให้ผมทำลายความฝันของรบเลยเหรอ”
ก่อเกียรตินิ่งไป ส่วนรวีก็เหยียดยิ้ม แล้วเอ่ยอย่างไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน
“เจ้านายพี่ก่อ เขารักหลานเขาจริงๆ เหรอครับ ทำไมเขาถึงทำอะไรสิ้นคิดแบบนี้”
“วี...”
“รู้ไหมครับ ผมน่ะเคยเป็นสามีและพ่อที่ห่วย สักแต่จะบงการลูกเมีย ทำให้พวกเขาไปจากผม...เพราะอย่างนั้น ผมจะไม่ทำอะไรแบบนี้อีกแล้ว และผมก็จะไม่สนับสนุนให้ใครทำแบบนี้ด้วย”
“...”
“ฝากไปบอกเจ้านายพี่ก่อด้วยนะครับ ว่าเงินแค่นี้ซื้อผมไม่ได้หรอก”
ก่อเกียรติอึ้งงัน ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา แล้วก็ตบเข่าฉาดแสดงความดีอกดีใจ “มันต้องอย่างนี้สิ”
“อะไรกันเนี่ยพี่ก่อ ผมงงไปหมดแล้วนะ”
สีหน้าประหลาดใจระคนงุนงงของรวีทำก่อเกียรติยิ้มมุมปาก ก่อนจะยักคิ้วยั่วเย้า แล้วบอกอย่างขี้เล่น “เมื่อกี้เป็นแผนน่ะ”
“แผน?”
“ใช่ แผนพิสูจน์จากคุณท่าน คุณท่านอยากรู้ว่าทนายความที่จะถ่ายทอดวิชาให้หลานตัวเองน่ะเป็นคนยังไง ยินดีด้วยนะ วีสอบผ่าน” ก่อเกียรติมองทนายความรุ่นน้องด้วยความชื่นชม ก่อนจะปรบมือให้ห้าทีรวด แล้วเกริ่นถึงเรื่องสำคัญอีกเรื่อง “คุณท่านฝากมาบอกอีกด้วยว่า...”
“ครับ?”
“ขอทาบทามสู่ขอหนูร้อยรักไว้ล่วงหน้าเลยได้ไหม”
“หา!”
“คราวนี้พี่ไม่ได้พิสูจน์อะไรด้วยนะ คุณท่านอยากสู่ขอหนูร้อยรักจริงๆ”
“แล้วทำไมอยู่ๆ คุณท่านพี่ก่อถึงจะมาสู่ขอยายหนูของผมครับ”
“เพราะคุณท่านรู้ว่าคุณรบรักลูกสาววีน่ะสิ” ก่อเกียรติบอกเหตุผลแก่รวี ก่อนจะยิ้มขันเมื่อเห็นปฏิกิริยาของอีกฝ่าย “ตกใจเหรอที่คุณรบรักลูกสาววี”
“เปล่าครับ ผมตกใจที่คุณท่านของพี่ก่อก็รู้เรื่องนี้ด้วย”
“หือ” ก่อเกียรติขมวดคิ้วเพราะประโยคที่ออกมาจากปากของรวี พอพิจารณาดีๆ ก็เริ่มเข้าใจ “นี่หมายความว่า วีก็รู้แล้วเหรอ”
“รู้แล้วครับ เด็กนั่นสารภาพกับผมตามตรงเลย ซ่ามาก” รวีเอ่ยถึงพันรบอย่างเข่นเขี้ยวผสมหมั่นไส้
ส่วนก่อเกียรติก็หัวเราะร่า นึกขันความใจกล้าของพันรบ “คุณรบนี่สมกับเป็นลูกคุณพิช แน่วแน่อะไรแล้วก็ลุยดะสู่เป้าหมายเลย”
บิดาของหญิงสาวที่เป็นเป้าหมายของพันรบเหลือกตาอย่างไม่ชอบใจ ก่อนจะถาม “แล้วคุณท่านของพี่ก่อรู้ได้ยังไงครับ เด็กนั่นบอกเหรอ”
“โอ๊ย คุณรบไม่มีทางบอกเรื่องนี้กับคุณท่านหรอก คุณรบห่างเหินกับคุณท่านจะตาย” ก่อเกียรติถอนใจกับความสัมพันธ์อันยอดแย่ของปู่หลาน “พี่ก็ไม่รู้หรอกว่าคุณท่านรู้ได้ยังไง พี่แค่รับคำสั่งมา แล้วตกลงว่าไง จะยอมไหมครับ...คุณพ่อหนูร้อยรัก”
“ยังครับ ผมยังไม่ยกลูกสาวให้หรอก” รวีบอกตามตรงอย่างไม่สนใจบารมีของพิชัยยุทธ “ผมมีข้อตกลงส่วนตัวระหว่างผมกับรบ จนกว่าเด็กนั่นจะพิสูจน์ได้ว่าเขาควรค่าแก่การที่ผมจะยกลูกสาวให้ คุณท่านของพี่ก่อก็ยังไม่มีสิทธิ์มายุ่งเรื่องนี้”
ทราบความแล้ว ก่อเกียรติก็ยิ้มแห้ง กลืนน้ำลายดังเอื๊อก
คุณท่านก็หัวแข็ง เอาแต่ใจ อยากจะได้ทุกอย่างที่ตัวเองต้องการ
คุณรบก็หัวดื้อ พยศจัด อยากจะมีทุกอย่างด้วยตัวเอง
ว่าที่พ่อตาคุณรบก็ไม่ยอมใคร ไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน
เฮ้อ...เวรกรรมของไอ้ก่อแท้ๆ ที่ชีวิตจะต้องมาวุ่นวายพัวพันกับตัวจี๊ดทั้งนั้น
“ยังไม่มีสิทธิ์ยุ่งอย่างนั้นเหรอ...เฮอะ ไอ้ทนายคนนี้นี่มันปากดีจริงๆ”
หลังจากที่วางสายจากก่อเกียรติแล้ว ชายสูงวัยก็บ่นด้วยความขัดอกขัดใจเมื่อการทาบทามสู่ขอหลานสะใภ้นั้นไม่สำเร็จ
“ตกลงคุณให้ก่อไปทำอะไร วันนี้คุณดูแปลกๆ ตั้งแต่เช้าแล้วนะ ก่อนตาพอลจะออกไป คุณก็เรียกให้ลูกไปคุยในห้องทำงานกันสองคน มันมีเรื่องอะไรที่ฉันรู้ไม่ได้เหรอฮะ”
พิชัยยุทธหันไปหาคนที่นั่งอยู่ในห้องโถงด้วยกัน ก่อนบอก “ผมก็แค่เรียกไปถามว่าถ้าพอลไม่ชอบหนูวินนี่ แล้วเขามีผู้หญิงที่ชอบหรือยัง”
“อ้อ เรื่องนี้นี่เอง” ภารดีพยักหน้ารับ นัยน์ตาเธอสุกสกาวด้วยความดีใจที่สามีเริ่มยอมลงให้ลูกแล้ว ก่อนถามว่า “แล้วลูกบอกว่ายังไง”
“บอกว่าขอเวลาให้เขาได้ทำอะไรสักอย่างก่อน...ลูกคนนี้นี่ อยู่ๆ ก็ทำตัวมีลับลมคมในเฉยเลยคุณ” พิชัยยุทธบ่นอย่างไม่ชอบใจที่ตนไม่ได้คำตอบที่อยากรู้ใจจะขาด
ตอนที่ยายหนูและตาหนูในฝันบอกว่า ‘อย่าจับคู่มั่วซั่ว’ พอตื่นขึ้นมา เขาก็พลันนึกรู้ว่าวิมพ์วิภาไม่ใช่แม่ของยายหนู และใจร้อนต้องการทราบอย่างด่วนว่าพิธานมีคนที่ชอบจนพอจะมีแนวโน้มว่าจะมาเป็นแม่ยายหนูบ้างไหม
“ถึงผมจะยังไม่ได้คำตอบในเรื่องนี้ แต่ผมก็ได้รู้เรื่องสำคัญอีกเรื่องแทนนะคุณ”
“เรื่อง?”
ชายสูงวัยหัวเราะหึ นึกย้อนไปถึงบทสนทนาในห้องทำงานเมื่อเช้า...
‘คุณพ่ออย่าไปยุ่งกับสองแม่ลูกที่รบไปอยู่ด้วยเลยครับ โดยเฉพาะคุณร้อยรัก อย่าไปทำอะไรให้เขาเดือดร้อนเด็ดขาด เพราะถ้าไม่อย่างนั้น หนทางที่จะทำให้หลานรักมันจะยากขึ้นครับ’
‘ทำไมมันถึงจะยากขึ้น หนูร้อยรักคนนี้สำคัญกับตารบขนาดนั้นเชียวเหรอ’
‘ครับ สำคัญมาก เพราะรบรักผู้หญิงคนนี้’
คราที่ทราบ พิชัยยุทธก็ตกใจจนหน้าตื่นเหมือนกับภรรยาที่กำลังอ้าปากหวออยู่ในตอนนี้นี่ละ
“พอรู้อย่างนั้น ผมเลยปิ๊งขึ้นมาว่า หนูร้อยรักคนนี้อาจจะเป็นแม่ของตาหนูสุดหล่อของผม” ชายสูงวัยเอ่ยอย่างมั่นใจ “นอกจากที่จะให้ก่อไปพิสูจน์ความเป็นทนายความของรวีแล้ว ผมก็เลยให้เขาเปรยเรื่องสู่ขอหนูร้อยรักด้วยเสียเลย”
“หา!” ภารดีอึ้งงันกับความคิดเร็วทำเร็วของสามี ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นตื่นเต้น “แล้วเขาว่ายังไง ตกลงไหม”
“ไม่ตกลง เหมือนว่าเขาจะอยากให้หลานเราพิสูจน์ก่อนว่า หลานเราควรค่าแก่การที่เขาจะยกลูกสาวให้” เอ่ยพลางทำท่าฮึดฮัด “ฮึ! ตารบไม่ดีตรงไหน ทั้งหล่อ บ้านรวย เรียนก็เก่ง จบมาด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง แววรุ่งโรจน์ในอาชีพกำลังมาแล้วชัดๆ หลานเราเจ๋งขนาดนี้ ทนายปากดีนี่ก็ยังจะมายึกยัก”
“ก็คนเป็นพ่อนี่คุณ คงหวงลูกสาวแหละ” ภารดีเอ่ยแย้งอย่างเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อ ก่อนจะอมยิ้มจนแก้มแทบปริ ด้วยเอ็นดูสามีนัก...ตาแก่เอ๊ย ทำเป็นเต๊ะท่ากับหลาน ทั้งที่จริงนั้นภูมิใจในตัวหลานจะตายไป
“แล้วตาหนูของเราล่ะคุณ เขาจะได้มาเกิดไหม ถ้าไอ้ทนายปากดีนั่นยังหวงลูกอยู่อย่างนี้”
ประโยคของสามีทำภารดีเริ่มฉุกคิดตามเขา พลันเกิดความหวั่นวิตกขึ้นมาในใจ หากรวีไม่ยอม แล้วเธอจะทำอย่างไรดี
“แต่อย่าคิดว่าผมจะยอมแพ้ ในเมื่อเข้าทางพ่อไม่ได้ ผมก็จะเข้าทางลูก”
“นี่คุณหมายความว่า...”
พิชัยยุทธหัวเราะหึพลางยักคิ้วให้ภรรยาตามประสาคนมากแผนการ...งานนี้เขาจะทุ่มเต็มที่ นอกจากจะอยากช่วยหลานชายแล้ว ภารกิจครั้งนี้ เขาจะทำเพื่อตาหนูสุดหล่อในฝันด้วย
ชายหญิงสูงวัยที่กำลังยืนอยู่ที่ประตูรั้วเหล็กหน้าบ้าน สร้างความกรุ่นโกรธให้พันรบจนแน่นอก เขาขบกรามแน่น ก่อนจะถามแขกไม่ได้รับเชิญด้วยโทนเสียงที่แสดงออกถึงความไม่ต้อนรับอย่างชัดเจน
“พวกคุณมาที่นี่ทำไม ผมบอกแล้วไงว่าเลิกยุ่งกับผมสักที”
พิชัยยุทธทำตาวาว และประชดหลานจอมพยศ
“เฮอะ! อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย ฉันไม่ได้มาหาแกหรอก”
“แล้วคุณมาหาใคร”
ชายสูงวัยยิ้มมุมปาก เหลือบมองเข้าไปในบ้าน จนพอจะมองเห็นว่าคนที่หลานชายพึงใจกำลังเดินออกมาจึงพยักพเยิดให้พันรบได้รู้คำตอบ ปากก็บอกด้วยว่า
“ฉันมาหาหนูร้อยรัก”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น