3
ว่าด้วยเรื่องของแฟนเก่า
นอกจากรูปร่างสูงใหญ่ มาโนชยังสายตาดี เขาเลยมองเห็นแต่ไกลว่ามีใครมายืนรอเขาอยู่หน้าร้าน ซึ่งไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาเปิดร้าน ด้วยตอนนี้เลยสองทุ่มครึ่งแล้ว ร้านของเขากับร้านข้างเคียงปิดแล้ว อีกชั่วโมงครึ่งประตูเข้าออกก็จะปิดลง ไม่นึกว่าจะมีผู้หญิงมารอพบเขาตรงนี้
“เกิดอะไรขึ้นเหรออี๊ด” มาโนชคิดว่ามันเป็นคำถามที่ดีกว่าการถามว่าอยากกินกาแฟไหม แต่การที่อมราปล่อยโฮทันทีที่ได้ยินคำถามไม่ใช่เรื่องดีเลย
“พี่โน้ต อี๊ดอกหัก”
อกหักเป็นเรื่องที่ฟังแล้วแย่สุดๆ แต่ปฏิกิริยาตอบสนองของมาโนชก็ดีสุดๆ เช่นกัน เขาเลือกทิ้งข้าวของในมือที่กำลังหิ้วเข้าร้านเพื่อรับการพุ่งเข้าหาของอมรา ดังนั้นต่อให้เธอพุ่งเต็มแรง เขาเลยแค่จุก พร้อมจะลูบหลังลูบไหล่ปลอบใจเธอ ขณะเดียวกันก็ส่งสายตาบอกคนที่ผ่านไปผ่านมาว่าอย่าเข้าใจเขาผิด
มาโนชห่างไกลจากคำว่าชายร่างเล็ก แต่อมราก็ไม่ใช่ผู้หญิงบอบบางเช่นกัน เธอแข็งแรง สูงเพรียวแบบนักกีฬาไตรกรีฑาที่เธอร่วมแข่งขันเป็นประจำ ขณะเดียวกันก็มีส่วนเว้าส่วนโค้งแบบที่ชุดกระโปรงเรียบๆ ปกปิดไม่ได้ ผู้ชายคนอื่นอาจค่อนแคะว่าเธอเหมือนกอริลลาเพราะความสูงเมื่อสวมรองเท้าส้นแหลมเกือบร้อยแปดสิบเซนติเมตรของเธอ แต่สำหรับเขาเธอเป็นสาวหุ่นดี และการที่มีสาวหุ่นดีมากอดรัดเช่นนี้ท้าทายการตอบสนองจากร่างกายผู้ชายไม่น้อย แต่เขาเลือกใช้สตินำหน้าฮอร์โมนเสมอ
“เข้าไปคุยในร้านก่อนดีกว่า” มาโนชทั้งพยุงทั้งประคอง แทบจะต้องอุ้มอมราเข้าไป เพราะเธอเอาแต่กอดเขาแล้วร้องไห้ไม่หยุด ส่งผลต่อความอยากรู้อยากเห็นของคนที่ผ่านไปผ่านมา
ร้านของมาโนชตั้งอยู่ในยูเนี่ยนมอลล์ใกล้กับมหาวิทยาลัยชื่อดัง ค่าเช่าสถานที่อาจจะแพงอยู่บ้าง แต่เมื่อเทียบกับกำลังซื้อของคนแถวนี้นับว่าคุ้มค่า ประกอบกับจุดขายของทางร้านไม่ได้มีแค่ขนมอร่อย เครื่องดื่มรสชาติดี แต่ยังมีเจ้าของร้านที่น่ากินยิ่งกว่า ผลกำไรต่อวันจึงเกินพอสำหรับการซื้อคอนโดมิเนียมใกล้ๆ ซึ่งสะดวกต่อการทำงาน ไม่ต้องโดนสายตากล่าวหาจากภุมรินว่าเป็นก้างขวางคอ แต่มีข้อเสียก็คือคอนโดมิเนียมแห่งเดียวกันนั้นเป็นที่อยู่ของอมรา น้องสาวคนเล็กและคนเดียวของเพื่อนสนิทด้วย อจลเพื่อนรักฝากฝังน้องสาวเอาไว้ เขาคงรู้สึกผิดถ้าจะปล่อยให้น้องสาวของเพื่อนร้องไห้อยู่ตรงนี้โดยไม่สนใจไยดี
ตอนนี้ใกล้จะสามทุ่มแล้ว ร้านของเขาปิดตอนสองทุ่ม ไม่นับวันนี้ที่เป็นวันหยุดของร้าน ปกติมาโนชจะเปิดมู่ลี่กันแดดเพื่อให้คนผ่านไปผ่านมาเห็นการตกแต่งด้านในเอาไว้ดึงดูดใจให้คนเข้ามาใช้บริการ แต่เขาคิดว่าตอนนี้ที่คนจ้องมองเข้ามาคงไม่ใช่เพราะร้านที่ตกแต่งสไตล์วินเทจ มีตุ๊กตาและของน่ารักที่เขาสะสมไว้เต็มไปหมด แต่น่าจะเป็นเพราะผู้หญิงที่ร้องไห้โฮเกาะกอดเขาไม่ปล่อย ขนาดเขาเดินไปดึงเชือกปิดมู่ลี่ เธอยังเกาะติดเขาราวกับลูกหมีโคอาล่า ที่จริงโคอาล่าไม่ใช่หมี มันเป็นตัวพอสซัม แต่มันเกาะหลังแม่มันแน่น คล้ายอมราที่กอดเอวแล้วพยายามซุกหน้าเข้าไปร้องไห้ในอกเขาอย่างเต็มที่
“กินอะไรก่อนไหม” เขาพยายามหาข้ออ้างเพื่อจะได้แยกห่างจากเธอสักพัก แต่กลายเป็นเปิดช่องให้เธอเรียกร้อง
“อี๊ดอยากกินเหล้า” อมราบอกต่อก่อนมาโนชจะปฏิเสธ “พี่โน้ตมีพวกเหล้าสำหรับทำอาหารเก็บเอาไว้ในร้านเยอะ อี๊ดจำได้”
มันก็แค่พวกไวน์กับเหล้ารัม แต่ถ้าทำให้อมราเลิกกอดเขาไม่ปล่อย มาโนชคิดว่ามันคุ้มค่ากับการไม่มีของไปทำเมนูพิเศษสักพัก
เมื่อเรือนร่างกลมกลึงน่ากอดผละออกห่าง ส่วนที่เป็นผู้ชายในตัวมาโนชรู้สึกเสียดายหน่อยๆ แต่ส่วนใหญ่เขาโล่งใจมากกว่า ยิ่งเมื่อเห็นใบหน้าที่ปกติแต่งแต้มเครื่องสำอางอย่างประณีตของอมราเละเทะด้วยคราบน้ำตา เขายิ่งรู้สึกว่าควรเอาเวลาที่คิดว่อกแว่กมาหาคำตอบว่าทำไมน้องสาวของเพื่อนถึงได้วิ่งมาขอการปลอบโยนถึงที่นี่
“ทำไมมาที่ร้านนี้ล่ะ” มาโนชคิดจะถามอ้อมๆ แทนที่จะถามตรงๆ ว่าเธออกหักได้ยังไง ไม่นึกว่าจะจี้ใจดำอมราเข้าไปเต็มๆ
“อี๊ดแอบสะกดรอยแฟน เขาแอบมาควงกับนักศึกษาที่นี่” กล่าวจบเธอก็ปล่อยโฮแล้วทำท่าจะโผมากอดเขาอีกรอบ แต่ติดขวดไวน์ที่เขาเพิ่งเอาออกมาจากตู้เย็น เธอเลยแย่งมันมาแล้วใช้เครื่องมือจากมืออีกข้างของเขาดึงจุกออกอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะกระดกเหมือนไวน์เป็นน้ำเปล่า
“แน่ใจเหรอว่าไม่ได้เข้าใจผิด” เป็นอีกครั้งที่มาโนชถามคำถามผิด
“แน่ใจสิพี่โน้ต อี๊ดไม่ได้โง่นะ ก่อนจะมานี่อี๊ดตั้งโปรแกรมสะกดรอยเขามานานแล้ว”
ถึงขั้นตั้งโปรแกรมสะกดรอยก็น่าจะไม่พลาด แต่ยิ่งฟังอมราขุดความเลวร้ายของแฟนหนุ่มออกมามากเท่าไร มาโนชก็ยิ่งไม่แน่ใจว่าเขาควรจะสงสารฝ่ายไหนดี
อมราทำงานเป็นหัวหน้าฝ่ายประสานงานให้หน่วยงานทางราชการแห่งหนึ่ง ด้วยเนื้อหางานต้องเดินทางไปมาระหว่างกรุงเทพฯ กับต่างจังหวัด เพื่อความสะดวกเธอจึงเชี่ยวชาญการใช้งานระบบเน็ตเวิร์กและการสั่งงานโปรแกรมต่างๆ ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต จะได้ติดตามว่างานดำเนินไปตามแผนหรือไม่ คนหรือสิ่งของที่ต้องการไปถึงจุดนัดหมายหรือยัง มันคงจะดีกว่านี้ถ้าเธอไม่เอาความชำนาญทางด้านวิชาชีพมาใช้กับคนรัก
ไม่แค่ลอบสืบข่าวจากคนรอบข้างเขาเป็นระยะ อมรายังแอบลงซอฟต์แวร์เพื่อตรวจจับการเดินทางของเขาด้วย มีกระทั่งการตรวจเช็กข้อมูลในโทรศัพท์มือถือกับโน้ตบุ๊กส่วนตัวยามเขาเผลอ
“ไม่มีผู้ชายคนไหนชอบผู้หญิงที่จ้องแต่จะจับผิดหรอก” มาโนชอดที่จะตำหนิไม่ได้ เขาเป็นเพื่อนกับพี่ชายของอมรา แล้วอจลก็ฝากฝังน้องสาวเอาไว้ เท่ากับเธอเป็นน้องของเขากลายๆ
“พี่โน้ตเข้าข้างผู้ชายด้วยกันเหรอ!” อมราสลับโหมดจากสะอื้นมาถามเสียงแข็ง
มาโนชที่กำลังสวมบทบาทพี่ชายถึงกับผงะ “ก็ไม่เชิงอย่างนั้น พี่ก็แค่อยากให้อี๊ดมองต่างมุม” แล้วเขาก็ควรย้ายตัวเองไปอยู่คนละมุมกับเธอด้วย เท่าที่รู้เธอเป็นพวกชอบใช้กำลังคนหนึ่ง เขาอาจจะตัวใหญ่ แต่ไม่สันทัดต่อยตีกับใคร
“อี๊ดรู้ว่าทำเกินไป แต่พี่โน้ตต้องดูด้วยว่าเจมเป็นคนยังไง เขาชอบทำให้อี๊ดระแวงอยู่เรื่อย พอไม่ยอมมีอะไรด้วย เขาก็ชอบพูดว่ามีผู้หญิงเต็มใจนอนกับเขาเยอะแยะไป”
ฟังดูแล้วไม่น่าจะเป็นผู้ชายประเภทที่ควรจะคบหาอย่างจริงจัง มาโนชคันปากอยากจะถามอมราว่าเธอไปคบผู้ชายประเภทนี้ทำไม แต่เกรงใจอารมณ์ร้ายๆ ของเธอจนยั้งปากเอาไว้ แล้วฟังเธอพร่ำบ่นถึงจามร อดีตแฟนที่นอกจากคำว่าเลวแล้วไม่มีคำอื่นสำหรับใช้บรรยายคุณสมบัติอีกต่อไป
จามรเป็นพวกสารเลวเห็นแก่ตัวที่ชอบเอาความคิดของตนเป็นใหญ่ ชอบเป็นคนสำคัญ ถ้าไม่พอใจก็จะยั่วยุให้แฟนหึงหวงเพื่อยกระดับอีโก้ของตนเอง ที่หนักหนาสุดก็คือเขามีทัศนคติว่าผู้หญิงเป็นวัตถุทางเพศ และแฟนสาวควรตอบสนองในเรื่องนี้
“สำหรับอี๊ด คนเราคบกันมันไม่จำเป็นต้องมีเรื่องอย่างว่าเสมอไปก็ได้ แต่เจมบอกว่าผู้ชายไม่เหมือนผู้หญิง ถ้าไม่มีเซ็กซ์กันจะเป็นแฟนกันได้ยังไง”
เซ็กซ์ถือเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้นๆ สำหรับมาโนชเช่นกัน แต่เขาจะไม่เข้าข้างจามรในช่วงที่อมรากำลังเกรี้ยวกราดอยากขบหัวใครสักคน
“พอเขาตื๊อมากๆ อี๊ดก็โอเค อี๊ดให้ได้แค่ซอฟต์เซ็กซ์เท่านั้นนะ”
เรื่องชักจะลงลึกเกินไปแล้ว มาโนชอ้าปากจะห้ามอมราเล่าต่อ แต่เธอดื่มไวน์ขวดที่สองจนหมด แล้วคว้าเหล้ารัมมากระดกต่อ สิบนาทีเธอกำจัดแอลกอฮอล์หมดไปเกือบสามขวด ทำให้เขาอ้าปากค้างเลยทีเดียว เลยลืมห้ามไม่ให้เธอเจาะลึกชีวิตรักของตน
“อี๊ดว่าอี๊ดก็ศึกษาเรื่องพวกนี้ดีแล้วนะ แรกๆ ก็ไม่ค่อยถนัดเท่าไรหรอก พี่โน้ตคงไม่รู้ว่าการออรัลเซ็กซ์ให้ผู้ชายมันยากแค่ไหน” เธอหรี่ตามองเขาด้วยความสงสัย ขาดก็แต่ถามออกมาตรงๆ ว่าเขาเคยทำให้ผู้ชายคนไหนหรือเปล่า
ขนาดอยู่ในช่วงกระอักกระอ่วน มาโนชยังอดกลอกตามองบนใส่อมราไม่ได้ หลังจากรู้จักกันมาหลายปี เธอยังคงสงสัยในรสนิยมทางเพศของเขาอยู่เลย แต่เรื่องนี้เขาก็ต้องโทษตัวเองเหมือนกันที่ชอบอะไรน่ารักแหวนแหวว สมัยจบใหม่ๆ ไปหาประสบการณ์ชีวิตด้วยการทำงานเป็นเชฟบนเรือสำราญ เขามีงานอดิเรกสะสมตุ๊กตาจากนานาชาติ แล้วความผิดพลาดใหญ่หลวงของเขาก็คือถามเธอว่าควรจะหาซื้อเสื้อผ้าของตุ๊กตาเจ้าหญิงจากที่ไหนดี เขาอยากให้บรรดาเจ้าหญิงของเขามีเสื้อผ้าหลากหลาย ซึ่งรสนิยมชอบเล่นตุ๊กตาแบบนี้ทำให้เขาคล้ายชะนีมากกว่าหมีควาย
เมื่ออจลมาเล่าติดตลกให้ฟังว่าอมราคิดว่าเขาเป็นเกย์ที่คบหญิงบังหน้า มาโนชก็ปฏิวัติการแต่งตัวของตนด้วยการไว้ผมยาว ไว้หนวดเคราเต็มหน้า เปลี่ยนจากผู้ชายสะอาดสะอ้านเป็นพ่อหนุ่มฮาร์ดร็อก ผลก็คืออมรายังคงคิดว่าเขาแอ๊บแมน ส่วนแฟนสาวทนแฟชั่นลุงๆ ไม่ไหว ขอเลิกกับเขาไป
“พี่โน้ตไม่เชื่อเหรอว่าอี๊ดออรัลเซ็กซ์เก่ง” อมราขัดจังหวะการหวนคำนึงถึงอดีตอันไม่น่าจดจำของมาโนช
“พี่ไม่ได้ว่าอย่างนั้น” น่าเสียดายที่เขาทำให้เธอกระตือรือร้นในการโอ้อวดว่าตัวเองเก่งกาจแค่ไหน
“จะบอกให้นะ เพื่อฝึกซ้อมอี๊ดลงทุนซื้อดิลโด้ไซซ์ยุโรปมาลองดูเลย ขนาดแปดนิ้วอี๊ดกลืนลงไปได้สบายๆ ของเจมแค่สี่นิ้วเอง กระจอก” เธอจบประโยคด้วยการกระดกเหล้ารัมจนหมดขวด ซึ่งทำให้มาโนชเพิ่งนึกได้ว่าอจลเคยเล่าให้ฟังว่าอมราคออ่อน
“พี่ว่าอี๊ดพอก่อนเถอะนะ” ควรจะหยุดทั้งดื่มและเล่าเรื่องก่อนเขาจะประสาทเสียไปมากกว่านี้
“ทำไมล่ะ เดี๋ยวอี๊ดซื้อมาใช้ให้ก็ได้”
อย่างน้อยอมราก็เข้าใจการห้ามปรามของมาโนชครึ่งหนึ่ง แต่เขาเสียใจที่เธอดันเข้าใจอีกครึ่งที่เขาห้ามปรามแบบไม่กระจ่างนัก
“หรือว่าพี่โน้ตไม่พอใจที่อี๊ดเล่าเรื่องเจม”
ไม่มีผู้ชายแท้ๆ คนไหนหรอกที่ชอบให้ผู้หญิงมาเล่าถึงเรื่องบนเตียงกับผู้ชายอีกคนให้เขาฟัง ยกเว้นพวกมีอาการทางจิต มาโนชกำลังจะแจกแจงเมื่ออมราขยายความในสิ่งที่เธอเข้าใจผิดต่อ
“อย่าคิดมากน่า อี๊ดเข้าใจ อี๊ดศึกษามาแล้วว่าผู้ชายไทยไซซ์มาตรฐานก็ประมาณแค่นั้นแหละ พี่โน้ตไม่ต้องคิดมาก”
การที่เธอย้ำเรื่องเหล่านี้ไม่หยุดทำให้เขาลืมนึกถึงความจริงบางอย่างไป คนทำจริงไม่พูดเยอะ
มาโนชพูดไม่ออกบอกไม่ถูก อยากจะงัดไซซ์ยุโรปของตนเองให้อมราดูชัดๆ แต่นี่มันในร้านอาหารของเขา และชายหนุ่มไม่นิยมฉวยโอกาสกับผู้หญิงเมา โดยเฉพาะกับน้องสาวเพื่อน
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เหล้าในร้านมีแค่นี้ กลับกันเถอะ”
ยูเนี่ยนมอลล์เปิดถึงสี่ทุ่ม เจ้าของร้านภายในมอลล์อยู่ได้จนถึงสี่ทุ่มครึ่ง ตอนนี้ใกล้ได้เวลาปิดประตูสำหรับเข้าออกแล้ว มาโนชไม่อยากจะตอบคำถามพนักงานรักษาความปลอดภัยว่าทำไมเขาถึงนั่งอยู่ในร้านที่ปิดประตูกับมู่ลี่มิดชิดกับผู้หญิงที่เมาแล้วอยากจะเล่าแต่เรื่องเซ็กซ์
“กลับก็ได้ อี๊ดจะไปดื่มต่อที่ห้อง”
ฟังแล้วไม่ใช่เรื่องดีเท่าไรนัก แต่ไม่ใช่สิทธิ์ของเขาที่จะห้ามปราม
มาโนชดีใจที่วันนี้เขาเอารถมาแทนที่จะนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินมาตามปกติ เพราะเขาคงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนตอนอมราพร่ำด่าแฟนหนุ่ม ตั้งแต่การนอกใจไปถึงการออรัลเซ็กซ์ที่เขาอยากให้เธอเป็นคนลงมือฝ่ายเดียว
แต่เขาเสียใจเป็นอย่างมากที่เมื่อไปถึงคอนโดมิเนียม เขาดันส่งเธอเข้าห้องพักแล้วไม่เดินหนีออกมาทันทีที่มีโอกาส
หลบหนีจากน้ำผึ้งที่คิดจะกินหมีสำเร็จ มหรรณพก็เข้าถ้ำจำศีล หรือในที่นี้ก็คือเข้าห้องปิดประตูลงกลอนป้องกันภุมรินตามมาพูดอะไรให้เขาไขว้เขว ระหว่างเรียบเรียงสมองว่าอดีตเด็กหญิงตัวน้อยที่เขาเคยอุ้มได้ด้วยมือข้างเดียวมีเจตนาอะไรกันแน่ เขามีเวลาไม่ถึงชั่วโมงก่อนจะต้องลงไปข้างล่าง เนื่องจากมีกฎซึ่งไม่ได้บัญญัติเป็นลายลักษณ์อักษรว่าเขาต้องเดินไปส่งภุมรินให้ถึงบ้านอย่างปลอดภัยทุกคืน
เขาทำตัวเหมือนพ่อจริงๆ มหรรณพอดถอนใจใส่ตัวเองไม่ได้ นอกจากสองปีที่เขาไปเป็นทหาร เขามอบความเอาใจใส่แบบเดียวกับที่พ่อมอบให้ลูกแก่ภุมรินตลอดมา ความจริงเพราะสองปีที่เขาไปเป็นทหารคือสาเหตุหลักที่เขาเอาใจใส่เธอผิดปกติ
เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือขัดจังหวะความคิดของมหรรณพ แต่พอเห็นรายชื่อผู้ติดต่อ เขาก็อยากจะเอามันฟาดหัวตัวเองให้สลบ เพราะมาจากคนที่มีส่วนร่วมอย่างยิ่งกับเหตุการณ์ในตอนนั้น
“สวัสดีริน” นอกจากทักทายอย่างสุภาพ มหรรณพไม่รู้จะกล่าวอะไรกับอดีตภรรยาดี แม้ในใจจะสงสัยอย่างยิ่งว่าเหตุใดเธอถึงติดต่อมาหลังจากไม่ได้คุยกันอย่างจริงจังเลยตลอดเจ็ดปีที่หย่าร้าง อันที่จริงหลายปีหลังเขาไม่ได้คุยกับเธอเลย
“พี่น้ำสบายดีไหมคะ” ลดารินก็ทักทายตามมาตรฐานเช่นกัน
หลังจากตอบคำถามนี้ มหรรณพก็เป็นฝ่ายถามบ้าง ทั้งสองคนสอบถามเรื่องทั่วไปจากอีกฝ่ายครู่หนึ่ง ก่อนชายหนุ่มจะตัดสินใจเข้าเรื่อง
“รินโทร. มานี่มีอะไรหรือเปล่า” เขาไม่รู้ว่าเสียมารยาทหรือไม่ที่ถามตรงๆ แต่รู้สึกแปลกๆ ที่จะต้องมาคาดเดาว่าอดีตภรรยาที่จบกันไปไม่ค่อยดีนักโทร. มาทำไม
ก่อนแต่งงานกับลดาริน มหรรณพคบหากับเธอเพียงหนึ่งปี ไม่มากพอสำหรับการตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ซึ่งพิสูจน์ได้จากการที่ทั้งสองหย่าร้างกันในสามปีต่อมา เขาเคยคิดว่ารู้จักเธอดี อย่างน้อยเธอก็ไม่จู้จี้กับนิสัยส่วนตัวของเขา รับได้กับการที่เขาจะเข้าฝึกทหารเกณฑ์แล้วขอให้เธอมาคอยดูแลบ้าน เขาเองก็ชอบนิสัยสบายๆ เข้ากับคนง่ายของเธอ และชอบที่เธอไม่พยายามจะเปลี่ยนแปลงเขา ขนาดเขาไว้ผมยาว หนวดเครารุงรัง เธอก็ไม่เคยบังคับให้เขาไปใช้บริการร้านเสริมสวยที่เธอทำงานสักครั้ง ทั้งสองคงไปกันได้ดีถ้าไม่มาพบทีหลังว่ามีหลายอย่างที่ทำให้ทั้งสองไปกันไม่ได้ หนึ่งในนั้นคือภุมริน
“เมื่อเช้ารินเจอน้ำผึ้ง”
คำตอบของลดารินน่าตกใจยิ่งกว่าเธอโทร. มาชวนมหรรณพให้ไปทำธุรกิจเสริมความงามร่วมกันเสียอีก
“ทะเลาะกันหรือเปล่า” เขาหลุดปากถามไปโดยไม่ทันคิด
“ถ้าเราทะเลาะกัน พี่น้ำจะเข้าข้างใครคะ” เธอถามเจือเสียงหัวเราะ แต่เขาได้ยินความเครียดแฝงอยู่ในนั้น
“พี่ขอโทษ” มหรรณพทำได้แค่เอ่ยคำพูดเดิมที่เคยกล่าวกับลดารินเมื่อเจ็ดปีก่อน ตอนทั้งสองพบว่าการแต่งงานเข้าสู่ทางตัน
“ไม่เป็นไรค่ะ รินเข้าใจ พี่โน้ตไม่ต้องคิดมาก” เธอยังเป็นผู้หญิงใจกว้างคนเดิมที่เขาเคยรู้จัก แม้เขาจะรู้ว่านั่นเป็นการเสแสร้งก็ตาม
“เราไม่ได้เจอกันนานแล้ว ไปกินข้าวด้วยกันดีไหม” มหรรณพเอ่ยคำชวนนี้ตามมารยาท แต่ถ้าลดารินจะตอบรับ เขาก็ไม่ลำบากใจ
“ดีเลยค่ะ รินก็อยากเจอพี่น้ำเหมือนกัน แต่จะรบกวนพี่น้ำกับแฟนหรือเปล่า” เป็นคำถามเจาะลึกแบบอ้อมๆ ที่เขาตอบได้
“ไม่รบกวนพี่หรอก แล้วพี่ก็ไม่ได้คบใคร รินล่ะ มีแฟนหรือยัง” เขาเกือบหลุดปากถามว่าเธอแต่งงานใหม่หรือยัง แต่เปลี่ยนทันก่อนจะสะกิดแผลเก่าระหว่างทั้งคู่
“ไม่มีเหมือนกันค่ะ ความจริงแล้วริน...”
“ลุงน้ำคะ น้ำผึ้งจะกลับบ้านแล้ว”
เสียงเรียกของภุมรินขัดจังหวะคำพูดที่กำลังจะเอ่ยของลดาริน มหรรณพเดาได้ว่าปลายสายคงได้ยินเสียงจากฝั่งนี้ถึงได้เงียบไป
“พี่ไปธุระแป๊บนะ เดี๋ยวโทร. กลับ”
มหรรณพได้ยินแว่วๆ ว่าลดารินตอบรับ เขาเอาโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋ากางเกงขาสั้น ก่อนจะไปทำหน้าที่ผู้ดูแล ส่งภุมรินถึงประตูบ้าน เพื่อจะดูรอบๆ ว่าบ้านของเธอเรียบร้อยปลอดภัยหรือไม่ ทั้งที่บ้านสองหลังห่างกันแค่รั้วกั้น และเธอตะโกนเรียกเขาได้หากมีเหตุฉุกเฉิน
“วันนี้น้ำผึ้งเจอป้ารินด้วยค่ะ”
ก่อนจะเดินถึงประตูหน้าบ้าน ภุมรินก็หันมาบอกเรื่องที่มหรรณพรู้อยู่แล้ว เขาไม่ได้แสร้งทำเป็นไม่รู้ แต่ก็ไม่บอกว่าลดารินเพิ่งจะโทร. มาหาเขาเมื่อครู่
“ไปเจอกันบนสถานีรถไฟฟ้า ป้ารินถามถึงลุงน้ำด้วย” เธอไม่พูดอะไรเกี่ยวกับการนิ่งเงียบของเขา แต่ขยายความว่าไปเจอกันที่ไหน อย่างไร มหาวิทยาลัยของภุมรินกับที่ทำงานใหม่ของลดารินมีจุดตัดบนเส้นทางสายรถไฟฟ้า ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากยูเนี่ยนมอลล์อันเป็นที่ตั้งร้านของมาโนชเท่าไร น่าแปลกที่ทั้งคู่ไม่เคยเจอกันมาก่อนหน้านี้
ลดารินอายุน้อยกว่ามหรรณพสองปี ภุมรินเรียกเธอว่าป้าเพราะเป็นอดีตภรรยาของลุงข้างบ้าน แต่ระหว่างทั้งคู่ไม่ได้มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน และต้นเหตุก็เกิดจากลุงข้างบ้าน
“คุยกันได้แบบนี้ไม่ติดใจเรื่องเมื่อเจ็ดปีก่อนแล้วใช่ไหม” มหรรณพถามทั้งที่เขาเองเป็นคนติดใจเหตุการณ์ในอดีตยิ่งกว่าใคร
“ผ่านมาตั้งนานแล้ว น้ำผึ้งไม่โกรธป้ารินแล้วค่ะ” เธอทำท่าทางเหมือนผู้ใหญ่ใจกว้าง น่ารักจนเขาอดยิ้มแล้วเอื้อมมือไปขยี้ผมเธอไม่ได้ แล้วหัวเราะเมื่อภุมรินเบี่ยงศีรษะหนี บ่นพึมพำเรื่องที่มหรรณพชอบปฏิบัติต่อเธอเหมือนเธอเป็นเด็กเล็กๆ
“เด็กน้อยของลุงโตแล้วสินะ ลุงดีใจจริงๆ” เขาไม่ได้โกหก เพียงแต่เหตุผลที่เขายินดีก็คือการที่เธอสามารถก้าวผ่านเรื่องร้ายในอดีตมาได้ จนไม่ติดใจอะไรกับการพบหน้าหนึ่งในคนที่อยู่ร่วมเหตุการณ์นั้น
“ป้ารินยังถามอ้อมๆ ด้วยนะคะว่าลุงน้ำแต่งงานใหม่หรือยัง แต่น้ำผึ้งไม่ได้บอกว่าลุงน้ำไม่มีแฟนมาหลายปีแล้ว อยู่แต่บ้านเหมือนหมีจำศีล”
ถึงพฤติกรรมของเขาจะเป็นอย่างนั้นจริง มหรรณพก็อดเขินอายไม่ได้ เขาโตป่านนี้ แต่ชีวิตรักของเขากลับอยู่ในสายตาเด็กข้างบ้านตลอดเวลา อาจเพราะเขารู้สึกไม่ดีอย่างหาเหตุผลไม่ได้ถ้าจะให้เธอพบหน้าผู้หญิงซึ่งเป็นคู่ควงชั่วคราวของเขา ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องแอบคบแอบเลิก แล้วหลังจากรายล่าสุดเขาก็อยู่เป็นโสดราวหมีจำศีลอย่างที่เธอว่ามาเป็นปีแล้ว
“ช่างลุงเถอะน่า น้ำผึ้งเอาเวลาไปตั้งใจเรียนเถอะ” มหรรณพกล่าวประโยคหลังเพราะรู้สึกว่าภุมรินยังเด็กเกินไปที่จะมาสนใจเรื่องความรัก เขาอยากให้เธอไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปอีกสักสิบปี เขาจะได้มั่นใจว่าเธอโตแล้วจริงๆ
“ลุงน้ำเพิ่งจะพูดไปเองนะคะว่าน้ำผึ้งอายุจะครบยี่สิบแล้ว จะบรรลุนิติภาวะแล้ว ทำไมน้ำผึ้งจะพูดเรื่องแฟนกับลุงน้ำไม่ได้”
ไม่รู้ทำไมเมื่อเธอย้ำเรื่องนี้บ่อยๆ เขาถึงรู้สึกรับมือไม่ถูก ไม่แน่ใจว่าควรปฏิบัติต่อเธอเหมือนผู้ใหญ่คนหนึ่ง หรือทำตัวเป็นคนแก่กว่าที่ปกป้องเธอแบบพ่อดูแลลูกอย่างที่ผ่านมา ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงดุเธอไปแล้วว่าทำตัวแก่แดด แต่เพราะเขาพูดเองว่าเธอใกล้จะบรรลุนิติภาวะ การทำเหมือนเธอเป็นเด็กห้าขวบจึงไม่ใช่เรื่องเหมาะสมเท่าไร
“ลุงน้ำจะเอาเบอร์ป้ารินไหมคะ”
ภุมรินไม่ได้แสดงท่าทีอะไร แต่มหรรณพรู้โดยสัญชาตญาณว่าหากเขาขอเบอร์อดีตภรรยาจากเธอต้องมีคนงอแง
“ไม่ต้องหรอก” เขารู้สึกร้อนตัวนิดๆ เมื่อเห็นเธอยิ้มเพราะคำปฏิเสธของเขา เพื่อไม่ให้เธอมาโวยวายภายหลังว่าเขาปิดบัง มหรรณพเลยบอกความจริงออกไป
“ลุงมีเบอร์รินอยู่แล้ว”
ใบหน้าเล็กเหมือนตุ๊กตาบูดบึ้งตามคาด ทั้งที่การกระทำของภุมรินเป็นเหมือนเด็กเอาแต่ใจ ทว่ามหรรณพยังมองว่ามันน่ารัก แล้วกล่าวเอาใจ
“จะหน้างอทำไม เดี๋ยวโตไปไม่สวยหรอก” เป็นอีกครั้งที่มหรรณพรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นชายแก่ที่ชอบล่อลวงเด็ก
“รอโตรวดเดียวตอนอายุยี่สิบแล้วแต่งงานเลยก็ได้ค่ะ”
คำพูดของภุมรินทำให้มหรรณพอยากจะเผ่นหนีอีกแล้ว แต่เขาต้องรอจนเข้าไปดูว่าบ้านของเธอปลอดภัยไม่มีใครมาวุ่นวาย ก่อนจะหนีกลับบ้านตนเองได้
หนุ่มใหญ่ใจอ่อนได้แต่ทอดถอนใจเพราะอารมณ์ของตนที่แกว่งไปแกว่งมาเพียงเพราะคำพูดของเด็กสาวคราวหลาน ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าโทรศัพท์มือถือที่ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงส่งความร้อนผิดปกติออกมา
เมื่อเดินถอยห่างออกจากหน้าประตูบ้านภุมริน มหรรณพซึ่งสังหรณ์ใจในทางร้ายก็รีบหยิบมือถือออกมาตรวจดู พบว่าตลอดเวลาลดารินไม่ได้วางสาย เขาลองเอามันมาแนบหูแล้วกล่าวฮัลโหลเบาๆ ไม่นึกว่าอีกด้านจะตอบกลับมาด้วยคำถาม
“ยังดูแลน้ำผึ้งเหมือนเดิมเหรอคะ”
เป็นคำถามที่มหรรณพไม่รู้จะตอบอย่างไรดี หนำซ้ำยังไม่รู้จะกล่าวตำหนิลดารินดีหรือไม่ที่ถือโอกาสฟังการสนทนาระหว่างเขากับภุมริน
“ที่พี่น้ำถามรินว่าโทร. หาพี่น้ำทำไม” อยู่ๆ ลดารินก็หวนกลับไปหาบทสนทนาที่ผ่านมาหลายนาที จนมหรรณพเองยังลืมไปแล้ว
“อือ... รินโทร. มาหาพี่ทำไมเหรอ”
“รินแค่อยากจะบอกพี่น้ำ ว่ารินยังไม่มีใคร”
ประโยคบอกเล่าของเธอทำให้บรรยากาศรอบตัวเขาหนักอึ้ง มหรรณพไม่ใช่คนถนัดตอบโต้ด้วยวาจา จึงปล่อยเวลาผ่านไปกับคำพูดเกินคาดของลดาริน
“ในเมื่อพี่น้ำก็ไม่มีใคร เรากลับมาคบกันได้ไหมคะ”
ความคิดเห็น |
---|