5

จะรัก


5

จะรัก

 

ชายร่างสูงร้อยแปดสิบแปดเซนติเมตรสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ในห้องแต่งตัวของเพนต์เฮาส์บนยอดตึกวิริยะทรัพย์ หนึ่งในสวัสดิการที่เขาได้รับจากการดำรงตำแหน่งประธานกรรมบริหารบริษัทของราชสกุลวิริยานี้

เมื่อสำรวจตัวเองครบถ้วนว่าเรียบร้อยดีแล้ว หนุ่มหน้าหล่อก็ยิ้มให้ตัวเองในกระจกน้อยๆ ตื่นเต้นพอตัวที่จะได้พาหม่อมหลวงพชรหทัยออกงานคู่กัน ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไปในฐานะตัวแทนคุณพ่อคุณแม่ ไม่ได้ไปในฐานะคู่ควงของเขา แต่ก็อดภูมิใจไม่ได้ เพราะหลังจากเปิดใจกับมาดามของคุณชายพัชรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังมื้ออาหารเขาก็ยังทำใจดีสู้เสือขออนุญาตคุณชายด้วยตัวเองอีกครั้ง

ท้ายที่สุดก็ได้รับโอกาสให้เข้าใกล้หม่อมหลวงคนสวยอีกระดับ ดังนั้นตอนนี้ปัญหาเดียวของอรรคก็มีแต่ทำอย่างไรให้พชรหทัยรับรักเขา

ชายหนุ่มสวมนาฬิกาเรือนหรูเข้าที่ข้อมือเสร็จสรรพก็กระชับสูทอีกครั้ง ก่อนจะเดินไปรับคู่ควง อย่างน้อยในเวลาหนึ่งเดือนที่หม่อมหลวงพชรหทัยย้ายมาอยู่ที่เพนต์เฮาส์ห้องข้างๆ ระหว่างที่บิดามารดาของหญิงสาวบินไปจัดการเรื่องบ้านพักที่ต่างประเทศให้ทายาทสองฝาแฝดคนโตนั้น เขาต้องจัดการอะไรให้ได้สักอย่าง ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถหาโอกาสดีๆ ที่จะได้ใกล้ชิดหญิงสาวได้ขนาดนี้อีกแน่ๆ

อรรคยืนรออยู่หน้าห้องพักข้างๆ ไม่นานประตูนิรภัยก็เปิดออกโดยอัตโนมัติจากการปลดล็อกของเจ้าของห้อง อรรคค่อยๆ ก้าวเข้าสู่ห้องที่มีทุกอย่างเหมือนห้องเขาช้าๆ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของหญิงสาวลอยฟุ้งรอบๆ ในอากาศจน แขกผู้มาใหม่เผลอสูดกักเก็บเข้าเต็มปอด ก่อนจะมองซ้ายมองขวาหาเจ้าของห้อง จนเมื่อหมุนตัวกลับไปทางบันไดจึงได้เห็นหญิงสาวค่อยๆ ก้าวเดินลงมาช้าๆ อย่างระมัดระวังเพราะความยาวของกระโปรง และสิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าทำให้อรรคแทบจะลืมหายใจ

สาวน้อยของเขาดูสวยหรูในชุดปักมุกสีแชมเปญคอวีแขนกุด ทว่าช่วงเอวลงมาถึงชายกระโปรงระพื้นนั้นตัดด้วยผ้าโปร่งสีเดียวกันเป็นสุ่มพองทรงเอประดับมุกเม็ดเล็กๆ เต็มไปหมด ทำให้เจ้าตัวดูเหมือนเจ้าหญิง ผมยาวดำขลับแสกกลางเป๊ะครึ่งใบหน้า รวบตึงทิ้งเป็นพวงสวยเสมอกันไปด้านหลัง หน้าสวยสะกดคนถูกแต่งแต้มมากกว่าปกติ ตาที่เปล่งประกายเจ้าเสน่ห์กรีดอายไลเนอร์เสียคมกริบ รับกับแพขนตาหนา พวงแก้มใสแต้มสีพีชรับกับสีปาก...สวยไปทั้งเนื้อทั้งตัว

ส่วนพชรหทัยได้แต่ยืนหน้าแดง เพราะอรรคเล่นมองไม่วางตา แถมส่งสายตาหยาดเยิ้มขนาดนั้นจนเจ้าของบ้านได้แต่ยืนเก้อ เก้อแล้วเก้ออีกจนต้องเรียกเขาเพื่อพาตัวเองออกจากสถานการณ์น่าเขิน ถ้ามองกันแบบนี้จะคิดแล้วนะว่าคุณอรรคเองก็คิดกับหล่อนเกินเจ้านายกับเด็กฝึกงาน

“เอ่อ...คุณอรรค...คุณอรรคคะ” เสียงหวานเรียก

ชายหนุ่มต้องกระแอมแก้เก้อ ก่อนจะยื่นมือไปรับตามมารยาท อีกฝ่ายก็ส่งมือบางมาแตะมือเขาตามมารยาทตะวันตกอย่างดี

“ครับ...เอ่อ...เป๊ปเปอร์สวยมาก”

หญิงสาวก้มหัวรับคำ ยิ้มน้อยๆ แต่หน้าแดงก่ำรับคำชมที่ได้ยินมาจนชินหู แต่พอเป็นผู้ชายคนนี้พูด เจ้าตัวก็อดเขินอายไม่ได้

“ขอบคุณค่ะ คุณอรรคก็หล่อมากเหมือนกัน”

“ถ้าเบื่อหรือขี้เกียจอยู่บอกพี่เลยนะครับ เดี๋ยวพี่พากลับ” อรรครีบออกปากเอาใจ กลัวพชรหทัยจะเก้อเขินในงานสังคมที่เต็มไปด้วยคนแก่กว่า

อีกฝ่ายยิ้มรับน้อยๆ อย่างอ่อนหวาน ชายหนุ่มก็ยิ้มกว้างตอบ โดยไม่ได้รู้เลยว่ายิ้มนั้นกว้างจากปากไปถึงตาเลยทีเดียว

 

แต่แล้วคนที่เบื่องานจนอยากจะกลับตั้งแต่สิบห้านาทีแรกที่มาถึงดันไม่ใช่หม่อมหลวงคนสวยวัยสิบเจ็ดปี กลับกลายเป็นท่านประธานอรรครูปหล่อ เพราะหงุดหงิดหัวใจเหลือเกินที่มีแต่คนชม้ายสายตาหาสาวน้อยของเขาอยู่ตลอดเวลา ยิ่งพอได้รับการแนะนำว่าเป็นลูกสาวของหม่อมราชวงศ์พชรฉัตร ผู้ซึ่งมีชื่อเสียงกว้างขวางในแวดวงการเงินการธนาคาร หญิงสาวก็ยิ่งได้รับความสนใจมากขึ้นไปอีก จนกลายเป็นดาวเด่นของงานไปเลย

“รู้แต่ว่าลูกสาวคุณชายเรียนเก่งมาก แต่ลุงไม่เคยรู้เลยว่าหนูสวยขนาดนี้” เจ้าของธนาคารเอกชนรายหนึ่งเอ่ยขึ้นระหว่างหันไปพยักพเยิดกับบุตรชายที่ทำท่ากะลิ้มกะเหลี่ยอยู่ข้างๆ “สงสัยต้องตามข่าวสังคมมากกว่านี้”

“ผมบอกป๋าแล้วว่าสวยมาก ให้แนะนำให้รู้จักตั้งนาน ป๋าก็ไม่สนใจ” ชายหนุ่มอายุไม่น่าเกินยี่สิบแปดบอก ยิ้มจนตาหยีน่าหมั่นไส้ชะมัด “ว่าแต่เรียนจบแล้วน้องเป๊ปเปอร์ไปทำงานกับพี่ไหมครับ” ฝ่ายอรรคได้แต่กระดกเครื่องดื่ม ดื่มแก้เซ็ง เหล่ตามองลูกเจ้าของธนาคารดัง ข่าวล่าสุดที่ได้ยินมาตัวเอง ยังไม่ยอมเข้าไปทำงานใน ธนาคารที่พ่อตัวเองเป็นเจ้าของ แต่จะมาทำปากเก่ง ชวนเด็กฝึกงานของเขาไปทำด้วย...หึ

“เปอร์ว่าจะเรียนต่อค่ะ เรื่องงานคงเอาไว้ก่อน” ฝ่ายหม่อมหลวงทายาทราชสกุลวิริยาบอกอย่างอ่อนน้อม แต่ไว้ตัว ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายพูดจาสนิทสนม หรือมีช่องที่จะได้สานความสัมพันธ์ต่อ แอบเกรงใจอรรค ทั้งๆ ที่เขาก็ทำหน้านิ่งไม่แสดงอาการไม่พอใจ แต่เพราะอะไรไม่รู้ทำไมพชรหทัยสัมผัสได้ว่ามีไอมาคุบางๆ ระเหยออกมาจากเขา

“แล้วไปเรียนที่ไหนต่อครับ ไว้พี่ไปประชุมแถวนั้น เผื่อแวะไปเยี่ยม” คราวนี้หม่อมหลวงคน สวยยิ้มแค่นิดเดียว เพราะเริ่มไม่ถูกใจอาการของผู้ชายตรงหน้า ที่ทำท่าสนิทสนมเกินเหตุ ทั้งๆ ที่เพิ่งเจอกัน วันนี้เป็นครั้งแรก ก็มาถือวิสาสะจะไปเยี่ยมหล่อนเสียแล้ว

“ยังไม่ได้คิดเลยค่ะ” พชรหทัยเม้มปากน้อยๆ ซึ่งกิริยานั้นไม่ได้หลุดรอดสายตาของชายหนุ่ม ที่จับจ้องอยู่ไปได้ อรรคเลยก้มตัวลงเล็กน้อยกระซิบเบาๆ ข้างๆ หูแค่ให้พอได้ยินกันสองคน

“อยากให้พี่พาไปหาอะไรทานไหมครับ” ซึ่งผลตอบรับก็ไม่ได้ผิดจากที่คาดไปมากนัก เพราะอีกฝ่ายเงยขึ้น สบตาเขาพยักหน้าเร็วๆ อรรคเลยแตะหลังหญิงสาวเบาๆ พร้อมกับเอ่ยขอตัว จากผู้ใหญ่ในบริเวณนั้นแทนพชรหทัยไม่ให้ดาวเด่นของงานต้องออกหน้าให้เสียมารยาทกับผู้ใหญ่

“ผมขอตัวนิดนึงนะครับ พอดีมีผู้ใหญ่ทางนั้นมองมาหลายหน ขอพาคุณเป๊ปเปอร์ไปสวัสดีก่อน” พูดจบก็พาหญิงสาวเดินออกมาหาอะไรกินตามที่บอกไว้ โดยพชรหทัยถอนหายใจแบบโล่งอกไม่น้อยที่หลุดพ้นจากวงสนทนาเมื่อครู่มาได้

“เฮ้อ...”

“เบื่อเหรอครับ” ถ้าบอกว่าเบื่อ เขาจะรีบพากลับบ้านเลย ชายหนุ่มมองหน้าสวยซึ้งตรงหน้า อยากพาไปนั่งกินอาหารบรรยากาศดีๆ มากกว่ามายืนอยู่ในงานแบบนี้

“ไม่เบื่องาน แต่เบื่อคนค่ะ เปอร์ไม่ชอบคนที่ไม่สนิทแล้วมาตีสนิท ไม่ได้ถือตัวนะคะ แค่คิดว่ามันต้องมีมารยาทกันบ้าง” หญิงสาวยู่หน้าสวย อีกฝ่ายพยักหน้ารับรู้พลางหยิบของว่างที่จัดไว้บริการแขกสามสี่อย่างใส่จานก่อนจะยื่นให้หญิงสาว

“ถ้าสนิทกันแล้วจะยังไงก็ได้ เปอร์สบายๆ คุณแม่บอกอ้อนเป็นเด็กสามขวบด้วยซ้ำ”

“พี่เข้าใจ ทานนี่ก่อนครับ เดี๋ยวออกจากงานแล้วจะพาไปทานอะไรอร่อยๆ นั่งกินให้เป็นเรื่องเป็นราวดีกว่าไหมครับ” ชายหนุ่มบอกยิ้มๆ ท่าทางเป็นกันเอง ส่วนสาวน้อยก็พยักหน้ารับแต่โดยดี เพราะไม่ชอบกินอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันตามประสาคนต้องทำทุกอย่างให้ครบถ้วน ถูกต้องตามระเบียบแบบแผนพอกัน ตั้งท่าจะถามเขาอยู่พอดีว่าจะไปกินที่ไหน ทว่าเสียงไม่เบาของสตรีสูงวัยท่านหนึ่งก็ดังขึ้น

“ตาอรรค!” สตรีวัยไม่ต่ำกว่าหกสิบแต่งกายหรูหราตั้งแต่หัวจดเท้า มีเลขาฯ หรือผู้ดูแลเดินตามมา ปรี่เข้ามาหาชายหนุ่มที่คลายยิ้มบนหน้าทันทีที่เห็นอีกฝ่าย แต่ก็ยังยกมือสวัสดีด้วยกิริยานอบน้อม พร้อมๆ กับที่หม่อมหลวงพชรหทัยยกมือไหว้ทันทีที่เห็นผู้สูงวัยกว่า จำได้ทันทีว่าเป็นท่านผู้หญิงมีชื่อเสียงในวงสังคม และพอได้ยินสรรพนามที่เขาเรียกอีกฝ่ายก็อดหันไปมองหน้าไม่ได้

“คุณป้า...” เสียงเรียกของอรรคดังขึ้น

ท่านผู้หญิงอัญชนารับไหว้หม่อมหลวงพชรหทัยก่อน แล้วถึงหันมาเอ็ดหลานชายที่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆ ไม่รู้จะจงเกลียดจงชังอะไรหล่อนนักหนา เรื่องราวก็ผ่านมาไม่รู้กี่สิบปีแล้ว

“นี่แกไม่คิดจะเข้าไปไหว้ฉันบ้างหรือไง”

“ผมไม่เห็นครับ” อีกฝ่ายตอบเสียงเรียบร้อย แต่แสดงออกชัดเจนว่าไม่สนิทสนม

“ไม่เห็นได้ไงฮะ ทำอะไรเห็นแก่หน้าฉันบ้าง คนในงานเขาก็รู้กันว่าแกเป็นหลานฉัน” ท่านผู้หญิงอัญชนากดเสียงลงต่ำ เหลือบตามองผู้หญิงข้างๆ หลานชายนิดหนึ่ง เห็นเจ้าตัวถอยหลังออกไปสองก้าวตั้งแต่หล่อนเปิดปากพูดกับหลานชายอย่างมีมารยาท

“ไม่เห็นจริงๆ ครับ มัวแต่ดูคุณเป๊ปเปอร์อยู่” พูดเสร็จก็นึกขึ้นได้ว่าเขามากับใคร และเมื่อหันไปมองข้างกายก็มองไม่เห็นเจ้าตัวแล้ว เพราะพชรหทัยหลบไปอยู่ข้างหลังเขา พอเห็นแบบนั้นชายหนุ่มก็รีบผายมือเชิญหล่อนกลับเข้ามาในวงสนทนา

“เป๊ปเปอร์ครับ นี่ท่านผู้หญิงอัญชนา” อรรคเว้นวรรคประโยคเล็กน้อย “คุณป้าพี่”

“ส่วนนี่ หม่อมหลวงพชรหทัยครับ”

ผู้สูงวัยยกมือรับไหว้หญิงสาวที่หลานชายแนะนำ ตาคมกริบสำรวจเร็วๆ ก่อนจะยิ้มน้อยๆ

“ลูกสาวคุณชายพัชรหรือเปล่า สวยเหมือนแม่เลยนะ”

ฝ่ายคนได้รับคำชมยิ้มน้อยๆ ไม่ตื่นเต้นกับคำชมที่ได้ยินมาจนชินหู และไม่แปลกใจที่จะมีคนรู้จักหล่อน รวมถึงพี่ชายฝาแฝดอีกสองคนโดยที่ไม่เคยพบกันมาก่อน เพราะทั้งบิดามารดาเป็นผู้มีชื่อเสียงในวงสังคมกันทั้งคู่ โดยเฉพาะคนเป็นแม่นั้นเป็นเซเลบรุ่นใหญ่ จะขยับตัวทำอะไรก็เป็นข่าวได้ตลอด ในขณะที่คุณชายผู้เป็นพ่อก็ถือเป็นทายาทคนโตของราชสกุลเก่าแก่ที่มีสายเลือดสีน้ำเงินเข้มข้น ดังนั้นลูกๆ ทั้งสามคนจึงอยู่ในความสนใจของสาธารณชนมาโดยตลอด

“ขอบคุณค่ะ”

“แล้วทำไมมาด้วยกัน รู้จักกันเหรอ” คนเป็นป้ายังไม่หยุดซักพลางมองสองคนตรงหน้าสลับกัน ถึงแม้จะรู้ว่าหลานชายคนเดียวดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารบริษัทวิริยะทรัพย์ ซึ่งเป็นธุรกิจในครอบครัวอีกฝ่าย แต่ก็ดูไม่มีความเชื่อมโยงอะไรที่คนสองคนจะออกงานสังคมด้วยกันได้อยู่ดี

“เป๊ปเปอร์มาฝึกงานกับผมครับ จะเรียนจบเทอมนี้ คุณชายเลยให้ผมเทรนให้” อรรคอธิบายกับคนตรงหน้าให้น้อยที่สุด ไม่ได้ไม่นับถือสตรีผู้เป็นพี่สาวแท้ๆ ของบิดาผู้ล่วงลับ แต่ด้วยอคติที่ญาติผู้ใหญ่ท่านนี้มีต่อมารดาเขา ทำให้ชายหนุ่มไม่สนิทใจที่จะสนิทสนม จึงไม่คิดที่จะเปิดเผยเรื่องส่วนตัวให้อีกฝ่ายรับรู้

“งั้นหรือ...” ท่านผู้หญิงอัญชนาพยักหน้ารับพลางบอกอรรคที่ยืนนิ่งเงียบ ถ้าไม่ถามก็ไม่คิดจะปริปากชวนคุย อะไรสินะ

“อีกสองอาทิตย์งานวันเกิดป้า จำได้ใช่ไหม โผล่ไปด้วยล่ะ อย่าให้ใครเขามาว่าได้ว่าเราเป็นคนอกตัญญู” พูดไปก็เหลือบมองหม่อมหลวงพชรหทัยไป ฝ่ายนี้ก็ยิ้มในหน้า ไม่แสดงอาการอะไรพอกัน “ป้าเชิญหนูด้วยนะจ๊ะ ไปเป็นเพื่อนอรรคหน่อย ไม่งั้นคงเหยียบบ้านป้าปุ๊บกลับปั๊บ” บอกโดยไม่รอคำตอบรับจากหญิงสาวที่ยืนเคียงข้างหลานชาย ปรายตากลับมามองคนที่ใช้นามสกุลเดียวกันเพียงนิดเดียว ก่อนจะปิดท้ายประโยคแล้วเดินจากไป “แล้วป้าจะส่งการ์ดของพชรหทัยไปที่วังวิริยาเอง”

ญาติผู้ใหญ่ของชายหนุ่มเดินจากไปได้ไม่นาน พชรหทัยก็ทำลายความเงียบของชายหนุ่ม สัมผัสได้ว่าเขามีอะไรบางอย่างในใจ แต่ดูไม่อยากพูดถึงเท่าไร

“เมื่อกี้เปอร์เห็นอาพชรทางโน้น” พชรหทัยหมายถึงหม่อมราชวงศ์วชรฉัตร น้องชายแท้ๆ ของผู้เป็นพ่อที่จำต้องออกงานตามใบสั่ง ทั้งๆ ที่เป็นคนเกลียดงานสังคมอย่างกับอะไร “เราไปสวัสดีกันไหมคะ เผื่อคุณอรรคอยากแวบออกไปหาอะไรทาน จะได้เช็กชื่อว่ามาแล้ว”

หญิงสาวรู้จักวิธีดึงอีกฝ่ายออกจากความไม่รื่นเริงแบบเป็นธรรมชาติ ทอดเสียงให้อ่อนลงจนเหมือนอ้อน ทำเอาชายหนุ่มอารมณ์ดีขึ้นทันตาเห็นเพียงแค่ได้ยินเสียงหวานๆ กับท่าทีเอาใจใส่แบบอ้อมๆ นั้น พยักหน้ารับคำก่อนจะพาหญิงสาวไปตามที่อีกฝ่ายร้องขอ

 

งืด...งืด...งืด...เสียงนาฬิกาที่ตั้งไว้ปลุกคนที่กำลังฝันหวานตื่นจากการหลับใหล ทันทีที่ลืมตาขึ้น อรรคก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ นึกถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วหัวใจก็พองฟู เหมือนพชรหทัยมีเวทมนตร์วิเศษในการทำให้บรรยากาศรอบๆ ตัวเขาหอมหวานขึ้นเรื่อยๆ เมื่อตั้งสติได้ก็คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง อดไม่ได้ที่จะส่งข้อความอรุณสวัสดิ์ให้อีกฝ่าย ทั้งๆ ที่ไม่แน่ใจว่าคนที่อยู่ห้องข้างๆ จะตื่นนอนแล้วหรือยัง

เมื่อคืนถึงแม้ว่าจะออกจากงานมาตั้งแต่ยังไม่สามทุ่ม แต่กว่าอรรคจะพาหม่อมหลวงคนสวยไปกินอาหาร กว่าจะขับรถอ้อยอิ่งมาถึงเพนต์เฮาส์บนตึกวิริยาก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว เมื่อจัดการกับเรื่องของหัวใจเสร็จ ชายหนุ่มก็เดินผิวปากอารมณ์ดีเข้าห้องน้ำไปจัดการกับตัวเอง

ไม่ถึงยี่สิบนาทีร่างสูงเกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตรก็ก้าวออกมาจากห้องน้ำ มีผ้าขนหนูสีขาวพันสะโพกสอบ เนื้อตัวมีหยาดน้ำเกาะพราวเต็มไปหมด มือข้างหนึ่งใช้ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กซับน้ำบนผมออก ก่อนจะชะงักครู่หนึ่งเมื่อเห็นหน้าจอมือถือกะพริบสองทีส่งสัญญาณว่ามีข้อความเข้า อรรคก็ไม่รอช้า ใจเต้นแรงขึ้น คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วก็ต้องยิ้มกว้างขึ้นเมื่ออีกฝ่ายส่งข้อความกลับมา

Pepper : อรุณสวัสดิ์ค่ะ J

Arch : เช้านี้ทานอะไรครับ

Pepper : ว่าจะลงไปร้านข้างล่างค่ะ

หญิงสาวหมายถึงร้านกาแฟที่ขายอาหารเช้าทั้งแบบอังกฤษและอเมริกัน ตั้งอยู่ที่ชั้นล่างของบริษัท เคยคิดอยากลองกินหลายที เพราะทั้งบรรยากาศร้านที่ถูกใจ ทั้งได้ยินพี่ๆ ในบริษัทหลายคนบอกว่ารสชาติดีไม่แพ้อาหารโรงแรม แต่ก็รับอาหารเช้ากับคุณพ่อคุณแม่ก่อนออกมาทำงานทุกวัน เลยไม่มีโอกาสลองรสชาติร้านหน้าตาน่ารักร้านนั้น

Arch : งั้นพี่ลงไปทานเป็นเพื่อน แต่งตัวเสร็จแล้วเท็กซ์มานะครับ

ยิ้มที่กว้างกว่าเก่าระบายขึ้นบนหน้าหล่อ เผื่อเวลาให้หญิงสาวจัดการตัวเองให้เรียบร้อย แต่อีกฝ่ายส่งข้อความกลับมาทันควัน

Pepper: จริงๆ เปอร์จะเสร็จแล้ว ถ้าคุณอรรคสะดวก อีกสิบห้านาทีก็ได้ค่ะ

...

สองหนุ่มสาวใช้เวลากินอาหารเช้ากันนานกว่าปกติ เพราะมีเวลาเหลือเนื่องจากตื่นเช้าด้วยกันทั้งคู่ จนพนักงานของบริษัทที่เริ่มเข้ามาใช้บริการในร้านหนาตาต่างแอบมองท่านประธานรูปหล่อกับคุณเป๊ปเปอร์คนสวยกันใหญ่ แต่กลายเป็นว่าทั้งคู่ไม่สังเกตเห็นบรรยากาศรอบตัวว่าตกเป็นเป้าสายตาของคนเกือบทั้งร้าน เพราะพากันคุยโน่นถามนี่เพลิดเพลินมีความสุขกับโลกส่วนตัวของทั้งคู่ไม่น้อย

“นี่ถ้าเปอร์เรียนจบ เก็บตำแหน่งไว้ให้เปอร์สักตำแหน่งนะคะ” ลูกสาวเจ้าของบริษัทออดอ้อนแบบน่าเอ็นดู บอกครูสอนงานทีเล่นทีจริง “เผื่อไม่มีที่ไหนรับทำงาน ก็จะกลับมาตายรังที่วิริยะทรัพย์นี่แหละ”

“อยากได้ตำแหน่งไหนครับ พี่ให้ทุกตำแหน่งเลย” ตาคมกริบมองคนตรงหน้าแบบเปิดเปลือยความรู้สึก

อีกฝ่ายอดหน้าแดงไม่ได้ พยายามบอกตัวเองว่าเขาไม่ได้เอ็นดูอะไรไปมากกว่าความเป็นลูกเจ้านาย แต่หัวใจกลับบอกให้ตีความไปอีกอย่าง เพราะทั้งคำพูด ทั้งการแสดงออกของเขามันมากขึ้นเรื่อยๆ

“ตำแหน่งอะไรก็ทำค่ะ เด็กจบใหม่ ไร้ประสบการณ์ เลือกมากคงไม่ได้” พูดไปก็เสจิ้มมะเขือเทศญี่ปุ่นลูกเล็กที่ย่างมาเข้าปาก

“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้” อรรคบอก มองหน้าคนตรงหน้าตาไม่กะพริบ ตาคมกริบเปล่งประกายความสุขเสียจน พชรหทัยอดหน้าร้อนผ่าวทุกครั้งที่สบตาไม่ได้ “พี่จะล็อกตำแหน่งไว้ให้ตั้งแต่วันนี้เลยครับ...”

“อ๊ะ...รู้แล้วเหรอคะว่าเปอร์เหมาะกับงานอะไร”

ชายหนุ่มยกแก้วน้ำส้มที่เสิร์ฟพร้อมอาหารเช้าขึ้นจิบ ยิ้มน้อยๆ มองหน้าอีกฝ่ายผ่านขอบแก้ว แววตามีเลศนัย แต่อีกฝ่ายไม่ทันเห็น

“รู้ครับ...อย่างเป๊ปเปอร์ต้องตำแหน่งสำคัญเท่านั้น ไม่ต้องห่วง พี่จะเก็บไว้ให้เราคนเดียวเลย”

 

เมื่อเห็นว่าหญิงสาวจัดการอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็หันไปสั่งเครื่องดื่มเย็นสำหรับเริ่มต้นวันนี้ที่พิเศษกว่าทุกวัน พลางถามความต้องการของหม่อมหลวงคนสวยด้วย ฝ่ายหญิงก็สั่งโกโก้ร้อนของโปรดเหมือนเดิม

“ทำไมวันนี้กินกาแฟปั่นคะ” พชรหทัยถามตาใส ปกติเห็นเขาดื่มแต่กาแฟร้อน ไม่ได้รู้เลยว่าตัวเองเก็บข้อมูลเรื่องของอีกคนไปมากขนาดไหน จนถึงขั้นที่จำพฤติกรรมของอรรคได้ทุกอย่างขึ้นใจ

“ร้านนี้ทำอร่อย ไม่หวานเลย พี่ชอบ” อรรคซึ่งจัดการค่าใช้จ่ายเรียบร้อยตอบพร้อมรับเครื่องดื่มสำหรับสองคนมาจากพนักงานที่หน้าเคาน์เตอร์ ยืนขึ้นแล้วพยักหน้ารับตอนที่คุณเป๊ปเปอร์ยกมือไหว้ขอบคุณเสียน่าเอ็นดู รอจนอีกฝ่ายเดินมายืนข้างๆ ถึงเริ่มออกเดินคู่กัน

“คุณอรรคเลี้ยงตลอดเลย...เปอร์เกรงใจ” หญิงสาวยิ้มน้อยๆ ให้เขาก่อนจะปัดกระโปรง ก้มดูความเรียบร้อยของกระโปรงพลีตสีทองครึ่งแข้งกับเสื้อคอปีนแขนสั้นสีดำ ผมยาวถูกรวบไว้เป็นหางม้า ทรงประจำที่ชอบทำ โชว์ใบหน้ากระจ่างใส “ตั้งแต่ย้ายมาอยู่นี่เปอร์ยังไม่ได้ควักเงินสักบาทเลยนะคะ คุณอรรคเลี้ยงดีจัง”

ประโยคบริสุทธิ์ใจของพชรหทัยทำเอาอรรคอดวูบวาบไม่ได้ ก็แน่ละสิ เขาน่ะกะจะเลี้ยงต้อยไปแบบไม่ให้เจ้าตัวได้มีโอกาสเรียนรู้โลกภายนอกเชียวละ ตาคมเหลือบมองคนข้างๆ เล็กน้อย ก่อนจะยกมุมปากยิ้มแกมเจ้าเล่ห์ขึ้น เอ่ยปากขอในสิ่งที่ตัวเองอยากได้จากคนข้างๆ บ้าง

“เห็นคุณเปรี้ยวบอกว่าเป๊ปเปอร์ทำกับข้าวอร่อย ไว้ทำเลี้ยงพี่สักมื้อละกันครับ ทานกันง่ายๆ ที่เพนต์เฮาส์ก็ได้ จะห้องเปอร์หรือห้องพี่ก็ได้ทั้งนั้น” พูดเองเออเองจบก็ยื่นแก้วกาแฟของตัวเองไปตรงหน้าหญิงสาวที่ทำตาโต ไม่เข้าใจภาษากายของเขา “ลองชิมดูครับ ถ้าชอบ วันหลังพี่จะสั่งให้เขาเอาขึ้นไปส่งให้”

พชรหทัยชะงักไปนิดหนึ่ง แต่อีกฝ่ายกลับยื่นแก้วเข้ามาใกล้มากขึ้นอีก พยักหน้าย้ำให้หล่อนรับข้อเสนอของเขา “เอาสิครับ นี่พี่ยังไม่ได้ดื่มเลย ให้เป๊ปเปอร์ก่อน”

ได้ยินแบบนั้นหญิงสาวก็จำต้องพยักหน้าน้อยๆ ดูดกาแฟปั่นของเขาทั้งๆ ที่ชายหนุ่มเป็นคนถือแก้วไว้ให้ ระหว่างเดินออกจากร้านเพื่อขึ้นไปทำงาน ณ ชั้นผู้บริหาร ปล่อยให้คนในร้านที่ลอบมองต่างมองหน้ากันเองหน้าตาเลิ่กลั่กเพราะภาพที่เห็นกับสิ่งที่ได้ยิน โดยเมื่อเจ้านายทั้งสองเดินพ้นร้านกาแฟไป แต่ประตูร้านยังไม่ทันปิดสนิทดี เสียงคนที่เหลืออยู่ในร้านก็ดังหึ่งราวกับผึ้งแตกรัง

“อารายกานนน ทำไมมันฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้งแบบนั้น” เจ้าที่หน้าฝ่ายบัญชีคนหนึ่งทำตาหวานเยิ้มมองตามหลังทั้งคู่ออกไป ทันเห็นตอนที่ท่านประธานยื่นแก้วกาแฟปั่นของตัวเองให้หม่อมหลวงพชรหทัยดูด ดูยังไงก็ไม่เหมือนเจ้านายกับเด็กฝึกงาน

“บ้า...ไม่หรอก” อีกคนพยายามค้าน “คุณอรรคคงไม่เหิมเกริมกินลูกสาวคุณชายพัชรหรอก แถมนั่นน่ะเด็กกว่าเป็นรอบเลยนะ คงแค่เอ็นดูเฉยๆ ละมั้ง”

แต่คู่สนทนาดูจะไม่เห็นด้วย ส่ายหน้าปฏิเสธสิ่งที่อีกคนพูด “อายุมันไม่สำคัญหรอกย่ะ คุณเป๊ปเปอร์น่ะยังไงไม่รู้ แต่ที่รู้คือคุณชายพัชรคงต้องทำใจ เพราะคุณอรรครวบหมดทั้งอำนาจบริหารทั้งลูกสาวแน่”

 

เป๊ปเปอร์ครับ...พี่ขอดูเอกสารตัวที่ส่งให้พี่เมื่อคืนหน่อยสิเสียงอรรคดังแว่วมาจากข้างประตูที่เชื่อมห้องประชุมขนาดสิบคนกับห้องทำงานที่ใช้ร่วมกัน

หญิงสาวได้ยินแบบนั้นก็รีบคว้าเอกสารเดินเร็วๆ เอาไปให้เขา ตั้งท่าจะหมุนตัวกลับทันทีที่เอกสารถึงมือท่านประธานรูปหล่อที่ยิ้มกว้างเกินพอดี ทว่าอรรคกลับรั้งข้อมือบางไว้ ชะโงกหน้าหล่อเข้ามาเสียชิดหู พูดเบาๆ แบบที่พอได้ยินกันสองคน แต่ทำเอาใจเต้นดังกังวานไปทั่ว

“ถ้าเสร็จงานก่อน รอพี่นะครับ อย่าเพิ่งขึ้นห้อง”

พชรหทัยทำตาโตเล็กน้อย นึกไปว่ามีงานค้างอะไร หรือหล่อนทำรายงานอันไหนไม่ถูกใจเขาหรือเปล่า

“จะให้เปอร์ทำอะไรหรือเปล่าคะ เปอร์ทำระหว่างคุณอรรคประชุมได้” หม่อมหลวงคนสวยถามเสียงแผ่วเพราะหน้าของทั้งคู่ห่างกันไม่เกินคืบ แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือสบตาเขา ดีที่ชายหนุ่มเอนตัวเข้ามาทางห้องทำงาน แถมมีประตูห้องบังอยู่ เลยทำให้ผู้เขาร่วมประชุมที่เหลือไม่เห็นซีนใกล้ชิดล่อแหลมของเจ้านายกับเด็กฝึกงาน

“พี่ไม่ได้จะใช้งาน แต่พี่จะพาไปทานข้าวครับ มีร้านสเต๊กเปิดใหม่ จองไว้ให้เปอร์แล้ว รอพี่ทำงานแป๊บนึงนะครับ”

...

แล้วประธานอรรคก็กวดให้การประชุมเสร็จเลยเวลาเลิกงานไปไม่นาน ทั้งๆ ที่ควรจะยืดเยื้อไปมากกว่านี้ เพราะพะวักพะวนกลัวคนสวยของเขาจะหิวและต้องรับประทานอาหารเย็นเลยเวลา อีกทั้งเพราะมีความสามารถในการสรุปงาน วิเคราะห์โจทย์การเงินโลกได้ตรงเป้า ชายหนุ่มเห็นพชรหทัยปิดคอมพิวเตอร์ของตนเองเรียบร้อย นั่งอ่านหนังสือเล่มบางเงียบๆ ก่อนที่หน้าสวยนั้นจะเงยขึ้นสบตาเขา คลี่ยิ้มหวานแบบที่ทำเอาเรื่องเครียดในห้องประชุมหายวับเป็นปลิดทิ้ง

“อ้าว...เสร็จไวจังค่ะ เปอร์นึกว่าจะช้ากว่านี้”

“พี่กลัวเปอร์หิว ไม่อยากให้เราทานข้าวผิดเวลาด้วยครับ แล้วนี่พร้อมแล้วใช่ไหม” ร่างสูงวางเอกสารไว้บนโต๊ะทำงานอย่างเป็นระเบียบก่อนจะเปิดลิ้นชักหยิบกุญแจรถ คลี่ปมเนกไท และรูดออกมาพับเก็บไว้ในกระเป๋าสูท “ถ้าพร้อมก็ไปกันครับ จะได้กลับไม่ดึก”

 

อาหารร้านใหม่ที่มาลองไม่ได้สร้างความประทับใจในด้านรสชาติมากเท่าไร แต่คนทั้งคู่กลับไม่ได้ใส่ใจ และต่างฝ่ายต่างอิ่มเอมกับบรรยากาศหวานๆ ที่ลอยวนอยู่รอบตัว

“เปอร์ว่าเขาย่างเนื้อแห้งไป” หญิงสาวบอกตามตรงเมื่อชายหนุ่มขอความเห็น เหมือนทุกครั้งที่รับประทานอาหารในร้านต่างๆ ด้วยกัน ตามประสาคนรสนิยมตรงกัน

“เห็นด้วยครับ นี่ขนาดพี่สั่งมีเดียมแรร์ยังแทบไม่เห็นสีเลือด แถมบัลซามิกวีนิการ์ของเขายังหวานไปหน่อยด้วย” อรรคเอ่ยถึงน้ำส้มสายชูชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นส่วนประกอบของน้ำสลัดที่สั่งไปเป็นสตาร์ตเตอร์เมื่อครู่

“เปอร์ว่าเขาไม่ได้ทำน้ำสลัดเองแน่ๆ ที่วังนะคะมีสูตรน้ำสลัดบัลซามิกดีมาก อร่อย ทุกอย่างเป็นออร์แกนิก ไม่ใส่น้ำตาล ไม่หวานเลย เพราะอาหญิงพราวแพ้น้ำตาล” พชรหทัยบรรยายเจื้อยแจ้วอย่างเป็นธรรมชาติ

“ดีจัง ไว้วันหลังทำให้พี่ทานนะครับ” อรรคบอกตาเป็นประกาย

“ก็เพิ่งจะมาทานสเต๊กกันไปเอง คุณอรรคไม่เบื่อเหรอคะ”

“ไม่เบื่อหรอกครับ พี่เป็นคนชอบทำอะไรซ้ำๆ ถ้าชอบอะไรแล้วก็ทานซ้ำๆ รักเดียวใจเดียว ไม่โลเล เป๊ปเปอร์ไว้ใจได้” พูดจบท่านประธานรูปหล่อก็ฉีกยิ้มกว้างมากขึ้นไปอีก นัยน์ตาเปล่งประกายชัดเจน

พชรหทัยหน้าแดงก่ำ นึกเตือนตัวเองว่าอย่าหลงรักเขาไปมากกว่านี้ มากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะแค่นี้ก็ไม่รู้จะเลิกเพ้อ เลิกฝันกลางวันถึงเขาอย่างไร จึงได้แต่ก้มหน้ากินขนมของตัวเองเงียบๆ ในขณะที่อีกฝ่ายก็จิบไวน์แกล้มหล่อนไม่วางตา...หญิงสาวเลยค้อนควักประชดประชันเขาในใจในขณะที่สีหน้าเรียบนิ่ง

‘คุณอรรคนะคุณอรรค พูดแบบนี้เปอร์ก็ละลายสิคะ ถ้าไม่หยุดเปอร์จะคิดว่าคุณอรรคจีบแล้วจริงๆ นะ!’

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น