13
ยินดี (ต้อน) รัก
จนบ่ายคล้อยผู้หลักผู้ใหญ่ก็แยกย้ายไปพักผ่อนกันหมด อรรคเองก็ได้รับการดูแลจากคุณแม่เปรี้ยวหวานอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง มีคนรับใช้พาเดินนำมาที่ห้องรับรองที่เตรียมไว้ให้ ชายหนุ่มอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเครื่องแต่งกายได้พักใหญ่ มีเวลาว่างมากพอที่จะไล่เช็กอีเมลงานที่ส่งเข้ามาจบเกือบครบ แต่ก็ต้องชะงักเพราะเสียงเคาะเรียกที่หน้าประตูดังขึ้น
“คุณอรรคพักอยู่หรือเปล่าคะ” ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย แต่เป็นพชรหทัยที่มาหาเขา ใจจริงอรรคอย่างรั้งตัวเจ้าของวันเกิดเข้ามากอดมาหอมเสียให้เต็มรัก ให้หายคิดถึง เพราะตั้งแต่เช้าเขากับหล่อนได้แต่คุยกันห่างๆ เท่านั้น แต่จะทำแบบนั้นก็คงเป็นการไม่เหมาะไม่ควรอย่างยิ่ง ทั้งโดนพ่อแม่พี่น้องพชรหทัยขู่ ทั้งอยู่ในพื้นที่วังวิริยา เลยออก มาคุยกับสาวน้อยที่นอกห้องแทน
“ไม่ครับ เป๊ปเปอร์มีอะไรหรือเปล่า” ชายร่างสูงใหญ่มองคนตรงหน้าตาเป็นประกาย ทำไมแค่วันนี้วันที่หญิงสาวอายุครบสิบแปด เขากลับรู้สึกเหมือนอีกฝ่ายโตขึ้นชั่วพริบตา
“คือจริงๆ มันเป็นเวลาน้ำชาค่ะ” หญิงสาวตอบ นึกในใจว่าเขาอาจจะหาว่าบ้านหล่อนเรื่องมาก พิธีกรรมเยอะ หรือไม่ เพราะเพิ่งแยกย้ายกันไปได้แค่สามชั่วโมง ก็มีกิจกรรมต้องมารวมตัวกันอีกแล้ว “เปอร์ไม่แน่ใจว่าคุณอรรคจะรับ หรือจะพัก เลยเดินมาถามก่อนค่ะ”
“ได้ครับ ทานกันที่ไหนล่ะ” คนตัวโตทำท่าจะออกเดิน เขาไม่มีปัญหากับการพูดคุยกับใครในวังวิริยาทั้งนั้น เพราะมั่นใจในความจริงใจของตัวเอง ต่อให้โดนทั้งคุณชายผู้พี่และคุณชายผู้น้องแท็กทีมกันมามากกว่านี้ เขาก็พร้อมรับมือ
“คือตามปกติ...ถ้าเป็นงานของครอบครัว วันเกิดหลานๆ หรือใครในวังแบบนี้ จะไปรับที่ตำหนักท่านปู่พร้อมกันทุกคนค่ะ แต่ถ้าคุณอรรคอึดอัด เปอร์ให้เขาเอาไปตั้งที่ห้องกระจกได้นะคะ” พชรหทัยเกรงใจเขาไม่น้อย เห็นเขาโดนบรรดาอาๆ ของหล่อนรุมมาตั้งแต่เช้า ทว่าคำตอบที่ได้รับจากชายหนุ่มกลับเป็นอีกอย่าง
“ดีสิครับ พี่ยังไม่มีโอกาสเฝ้าท่านชายเลย เมื่อเช้าได้แค่ถวายบังคมตอนท่านเสด็จเท่านั้น”
พชรหทัยได้แต่ยิ้มหวานใส่ชายหนุ่ม จิตใจไม่เสถียรนัก เกิดมาไม่เคยต้องโดนใครซักไซ้ไล่เลียงเหมือนวันนี้มาก่อน แต่ก็อดดีใจลึกๆ ไม่ได้ที่อีกคนไม่ถอดใจ
“วันนี้โดนเยอะไหมคะ” คนตัวบางถามขณะเดินไปเฝ้าท่านปู่ ป่านนี้คนอื่นๆ คงอยู่กันพร้อมแล้ว
“โดนอะไรคะ” หน้าหล่อเปื้อนยิ้มน้อยๆ รู้ดีว่าหล่อนหมายถึงอะไร แอบใช้นิ้วเรียวไล้ใกล้ๆ ข้อมือหญิงสาวเบาๆ แต่ไม่ถึงกับถูกเนื้อต้องตัวให้ต้องถูกตำหนิ
“ก็โดนคุณอาทั้งหลายรุม เปอร์รู้ คุณอาพชรไม่ปล่อยคุณอรรคให้นั่งเสวนาเฉยๆ หรอก” คนที่รู้นิสัยญาติดีบอก “เปอร์ขอโทษแทนนะคะ ถ้ามีใครทำให้คุณอรรคอึดอัด”
“อย่าคิดมากครับ มันเป็นหน้าที่ของพี่ที่ต้องสร้างความมั่นใจให้ผู้ใหญ่ แล้วที่ทุกคนเขาทำก็เพราะเขารัก เขาห่วงเป๊ปเปอร์กันทั้งนั้น พี่ไม่ได้อึดอัดอะไรเลย ให้ตอบ ให้พิสูจน์มากกว่านี้ก็ยังได้ ถ้าทุกคนจะเชื่อใจให้พี่ดูแลเป๊ปเปอร์” อรรคให้คำมั่นอีกครั้ง หยุดเดิน ก่อนจะแตะต้นแขนเรียวเพื่อให้อีกฝ่ายหยุดฟังประโยคสร้างความมั่นใจ เล่นเอาหญิงสาวหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที จึงได้แต่พยักหน้ารับไวๆ ก่อนจะเดินนำเขาไปสู่ตำหนักกลาง ที่ประทับของท่านปู่และหม่อมย่า
“พี่รู้ว่าอะไรหลายๆ อย่างของเรามันไม่พอดี แต่ที่พี่มั่นใจคือพี่รักเป๊ปเปอร์ ดังนั้นไม่ต้องห่วงครับ พี่จะทำทุกอย่างเพื่อให้เราได้อยู่ด้วยกัน ส่วนเป๊ปเปอร์มีหน้าที่เรียนให้จบไวๆ แล้วกลับมาเป็นภรรยาเท่านั้นครับ”
...
บรรยากาศการจิบน้ำชาร่วมกันเป็นกันเองมากกว่าที่พชรหทัยคิด เนื่องจากท่านปู่เสด็จร่วมโต๊ะเสวยด้วย ทำให้แต่ละคนเก็บเขี้ยวเล็บเสียเงียบ ทำตัวเป็นผู้ดีสมกับชื่อเสียงราชสกุล โดยเฉพาะคุณอาพชรของหล่อน
“ดีจังที่รู้ว่าบริษัทได้คนเก่งๆ อย่างคุณอรรคมาดูแล ชายพัชรจะได้พักผ่อนเสียที ทำงานแทนพ่อมาหลายสิบปีแล้ว”
“กระหม่อมยินดีเพคะ” อรรคที่นั่งอยู่แทบพระบาทหม่อมเจ้าเจ้าของวังตอบเสียงชัด ก่อนจะหันมองหน้าพชรหทัยที่ทำท่ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ยิ้มแหยๆ รู้ดีว่าท่านปู่น่าจะทรงทราบเรื่องความสัมพันธ์ของหล่อนกับเขา แต่ท่านก็ได้แต่ทรงพระสรวลน้อยๆ เมื่อเห็นสีหน้าเป็นกังวลของนัดดาคนสวย
“แล้วก็ดีใจที่เป๊ปเปอร์ได้คนดีๆ อย่างคุณอรรคดูแล ฝากหลานสาวผมด้วยนะคุณอรรค” ท่านปูท่านตาของหลานๆ ราชสกุลวิริยาตรัสโพล่งขึ้นมา
พชรหทัยที่นั่งแทบพระบาทอยู่หน้าแดงก่ำ ก้มหนีสายตาผู้คนเสียคางจดอก โอดครวญเสียงหวาน “ท่านปู่เพคะ”
“อะไรล่ะเรา เขารู้กันทั้งวังแล้ว ดีเสียอีก ปู่จะได้ไม่ต้องห่วงว่าเราจะโดนใครหลอก ยิ่งโตเกินวัย เรียนไว ไปอยู่กับคนที่เขาแก่กว่าหลายปีมาตลอด ปู่กลัวเราจะตามใครไม่ทัน ให้คุณอรรคเขาดูแลน่ะดีแล้ว” พระกรที่เหี่ยวย่นตามวัยลูบศีรษะหลานสาว รักเท่ากันทุกคน แต่ห่วงคนนี้ที่สุด
“วิริยายินดีต้อนรับคุณอรรคนะ” ประมุขแห่งราชสกุลตรัสพร้อมหยิบของขวัญวันเกิดจากมือชายามาประทานนัดดาคนสวย
“นี่จากปู่กับย่า ปีนี้เรียนจบ เดี๋ยวปู่จะให้รางวัลใหญ่อีกที”
พชรหทัยก้มกราบแทบพระบาท ของขวัญที่ได้รับจากท่านปู่ทุกปีไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้น เพราะลูกๆ หลานๆ แต่ละคนจะได้เงินตามจำนวนอายุที่เพิ่มขึ้น เริ่มต้นตอนครบรอบวันเกิดหนึ่งปีที่หนึ่งล้านบาท
“ขอบพระทัยเพคะ”
จากนั้นก็เป็นคิวของสมาชิกที่เหลือที่มอบของขวัญให้เจ้าของวันเกิดจนครบทุกคน จนมาถึงอรรคเป็นคนสุดท้ายก็มีเสียงเชิงประชดประชันมาจากน้องตัวร้ายประจำตระกูลอย่าง หม่อมราชวงศ์วชรฉัตร วิริยา
“มีของขวัญมาให้หลานสาวผมหรือเปล่าครับ ท่านประธาน” คุณอาตัวร้ายมองว่าที่หลานเขยครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปสบตาพี่ชายที่นั่งยิ้มกริ่มหน้านิ่งอยู่ ปล่อยให้เขาทำหน้าที่คุณอาหวงหลาน เพราะตัวเองออกโรงมากไม่ได้ กลัวเมียงอน แต่ก็ร้อนใจไม่น้อยถึงขึ้นนัดแนะเขาไปคุยริมสระน้ำที่ตำหนักรักวันก่อนพร้อมเครื่องดื่มเต็มที่ ทำตัวเหมือนคนมีปัญหาชีวิต
‘ชายพชร ช่วยพี่หน่อยเถอะ...’
‘เรื่องเป๊ปเปอร์ละสิ ทำไมล่ะ แฟนลูกสาวพี่ก็ดูเข้าท่าออก’ หม่อมราชวงศ์ผู้น้องมองหน้าพี่ชายครู่หนึ่ง ไม่เข้าใจว่าคนตรงหน้าจะหนักอกหนักใจอะไรนักหนา
‘ดีแค่ไหน พี่ก็หวง ลูกสาวคนเดียว คนที่พี่รักและเป็นห่วงที่สุดเลยนะชายพชร’
‘ทำใจเถอะพี่ชายพัชร ยังไงสักวันเป๊ปเปอร์ก็ต้องมีผัว’ พอพูดจบพี่ชายเขาก็กระแทกแก้ววิสกี้ดังเสียงจนนึกว่าแก้วจะแตก
เขารู้ว่าสิ่งที่น้องชายพูดคือความจริง แต่กลับฟังไม่ได้ คนหน้าหล่อที่ถอดแบบกันมามองหน้าน้องชายแบบไม่สบอารมณ์
‘ไม่รู้จริงๆ ว่าเปรี้ยวหวานถูกชะตาอะไรอรรคขนาดนั้น’
‘ก็ดีพร้อม แถมได้ข่าวว่าจ้องลูกสาวพี่ชายพัชรตาเป็นประกายตั้งแต่วันแรก คนเป็นแม่เขาก็เลยบริหารความเสี่ยงไง’ หม่อมราชวงศ์วชรฉัตรบอก เขาไม่มีปัญหาเลยกับการที่ลูกจะมีความรัก แต่จะมีปัญหาก็ตอนที่ลูกสาวเขาไม่ยอมรับรักคนที่ตัวเองรักมานาน จนตอนนี้เกิดเรื่องวุ่นวายกันไปหมดต่างหาก
‘แต่พี่ว่า...’ คนที่เคยควบคุมทุกอย่างได้ยกเว้นเมียอ้าปากจะอธิบายต่อ แต่น้องชายกลับยกมือห้ามไว้
‘พี่ชายพัชร เป๊ปเปอร์ไม่ใช่เด็กแล้วนะ ปีนี้จะเรียนจบแล้ว แถมพี่ชายพัชรเลี้ยงเขามาในสังคมที่เขาเด็กกว่าทุกคนรอบตัวหมด เพื่อนๆ ที่โรงเรียนน่ะอายุยี่สิบกว่ากันแล้ว มีแแฟนกันไปไม่รู้กี่คน’
คุณชายวชรฉัตรพักจิบเครื่องดื่มแล้วร่ายยาวต่อ ‘ปล่อยให้เขามีชีวิตแบบคนปกติบ้าง ดูเจ้าปราบเจ้าเปรมสิ เปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า รักลูกห่วงลูกน่ะ พชรก็เป็น แต่ไม่ใช่โอ๋จนลูกไม่รู้ว่าโลกของความเป็นจริงคืออะไร’ คุณชายวชรฉัตรพ่นควันซิการ์ที่อมไว้ในปากออก ‘ต่อให้วันนึงเขาเลิกกัน ไปกันไม่รอด อย่างน้อยพี่ชายพัชรก็สบายใจได้ว่าคนที่เขาคบมาเป็นคนดี คบกันในสายตาพี่ ดีกว่าให้เขาไปเจอใครก็ไม่รู้ที่พี่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าเลย’
‘ก็นั่นแหละ ก็รู้ว่าอรรคเขาคนดี...ที่สำคัญเป็นสุภาพบุรุษพอตัว เดินมาขอคบ มาขออนุญาตตามตรอกตามประตูทุกอย่าง จนไม่มีข้ออ้างอะไรจะกันท่ามัน แต่พี่ก็ไม่อยากให้มันได้ใจ แถมเปรี้ยวหวานก็ถือหาง ทำตัวเป็นแม่ยกซะจนพี่หมั่นไส้’
คราวนี้น้องชายหัวเราะในลำคอ นอกจากหวงลูกจนออกนอกหน้า สงสัยว่าพี่ชายเขาจะน้อยใจเมียที่ชื่นชมผู้ชายคนอื่นจนออกนอกหน้าเสียด้วยละมั้ง นึกอ่อนใจกับพี่ชายในบางครั้ง อยากให้ลองมาสลับกับเขาเอาปัญหาของน้ำเพชรไปจัดการบ้าง เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้น
‘งั้นเอางี้ ผมจัดการให้เอง จะกำราบไว้ไม่ให้มันกล้ามากนัก รู้หรอกว่าพี่ชายพัชรไม่กล้าทำเอง กลัวเปรี้ยวหวานงอนละสิท่า’
‘ก็รู้นิสัยพี่สะใภ้นิ’ พี่ชายคนโตได้แต่พยักหน้า เขาเลิกอายแล้วเวลาคนบอกว่าเขาอ่อนกับเมีย เป็นมาตั้งแต่หนุ่มๆ จนคนเขารู้กันทั้งบ้านทั้งเมืองว่าคุณชายผู้เอาจริงเอาจังเด็ดขาดเป็นที่สุด ยอมให้มาดามปวรศาอย่างไม่มีข้อแม้มาตลอด ‘ฝากด้วยแล้วกันชายพชร ส่วนเรื่องน้ำเพชรมีอะไรก็ขอให้บอก พี่รักหลานเหมือนลูกตัวเองนั่นแหละ’
...
“มีครับ” อรรคตอบด้วยความสุภาพ ก่อนจะหยิบถุงกำมะหยี่สี่ดำยื่นให้หญิงสาว ตอนแรกเขากะว่าจะให้กันสองคนเงียบๆ แต่ในเมื่อสถานการณ์ตอนนี้เป็นแบบนี้เขาก็ไม่มีทางเลือก นอกจากทำตามที่ผู้ใหญ่เอ่ยปาก
“สุขสันต์วันเกิดนะครับเป๊ปเปอร์ ขอให้สมปรารถนาทุกอย่าง พี่จะเป็นกำลังใจให้ในทุกก้าวของชีวิตครับ” พูดจบอรรคก็ได้รับเสียงเชียร์จากบรรดาลูกพี่ลูกน้องของหญิงสาว ในขณะที่พวกผู้ใหญ่ได้แต่อมยิ้ม จะมีก็แต่คุณชายพชรฉัตรกับคุณชายวชรฉัตรที่ทำหน้าไม่สบอารมณ์ มองตากันแบบสื่อความหมายรู้กันแค่สองพี่น้อง
ด้านเจ้าของวันเกิดก็พนมมือไหว้ขอบคุณเขา พูดเสียงอุบอิบดูเขินอายผิดลุคคนมั่นใจในตัวเอง
“ขอบคุณนะคะ” พชรหทัยแกะปมถุงเครื่องประดับออก ก่อนจะหยิบสร้อยข้อมือแบบกำไลมีอักษร ‘AP’ แทนชื่อย่อของทั้งคู่ ประดับเพชรตรงกลาง ดูเรียบหรู และสื่อความหมายในคราวเดียวกันออกมา “สวยจังค่ะ” ตาหวานเป็นประกายด้วยความพอใจจนอรรคเผลอไผล เกือบยกมือลูบหัวพชรหทัยกลางวงศาคณาญาติของหล่อน
“พี่ใส่ให้ไหมครับ...” พูดเสร็จก็นึกขึ้นมาได้ว่าอยู่ท่ามกลางสมาชิกราชสกุลมากมาย เลยได้แต่ยกมือขึ้นลูบท้ายทอยแก้เก้อ “หรือเป๊ปเปอร์เก็บไว้ก่อนก็ได้ครับ ไว้วันไหนอยากใส่ค่อยเอาออกมา”
อีกฝ่ายก็พยักหน้ารับ เขินไม่น้อยเหมือนกัน “ค่ะ” แล้วก็เป็นอันต้องเขินมากขึ้นเมื่อหม่อมย่าแซ็วแบบไม่เห็นแก่หน้าสาวน้อยวัยสิบแปดหมาดๆ
“ไว้งานหมั้นค่อยสวมให้น้องละกัน คุณอรรค วันนี้ให้เป๊ปเปอร์เอาไปเก็บเป็นของขวัญก่อนดีกว่า”
แล้วช่วงเวลาแห่งความสุขที่ได้พบหน้าคนรักตลอดทุกวันของอรรคก็หมดลง เมื่อพชรหทัยฝึกงานเสร็จสิ้นตามกำหนดที่มหาวิทยาลัยวางไว้เรียบร้อย โดยมีเขาเซ็นในเอกสารส่งตัวกลับให้มหาวิทยาลัยด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ เพราะรู้ดีว่าจากนี้หล่อนก็จะไม่มาให้เห็น ไม่อยู่ในสายตาเหมือนตลอดเวลาแบบที่ผ่านมาอีกแล้ว และถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาสามวันแล้ว สามวันที่อรรคไม่เห็นหน้าพชรหทัยเลยแม้แต่เสี้ยวนาที
ตาคมกริบเหลือบขึ้นมองนาฬิกา อีกไม่กี่นาทีเท่านั้นก็จะถึงเวลาที่พชรหทัยบอกว่าจะแวะมาหาเขาที่บริษัทหลังจากเสร็จธุระที่มหาวิทยาลัยเรียบร้อย คิดได้แบบนั้นก็กลับไปจดจ่อกับงานตรงหน้า หลุดจากภวังค์อีกทีก็ตอนที่หญิงสาวมาถึงแล้ว
“คุณอรรค...” เสียงหวานเรียกเขาออกจากงานตรงหน้า
ภาพคนสวยของเขาเดินหน้ายิ้มกริ่มเข้ามาในห้องทำงานที่เคยใช้ร่วมกันตลอดสามเดือนทำเอาอรรคยิ้มกว้างตามไปด้วย เพราะคิดถึงคนคนนี้จับใจ ทั้งๆ ที่เพิ่งเจอกันไปเมื่อสามวันก่อน ชายหนุ่มลุกขึ้นจากความรับผิดชอบกองโต อ้าแขนหวังจะให้อีกคนเดินเข้าหา แต่หม่อมหลวงพชรหทัยกลับส่ายหน้า ก่อนจะทิ้งสายตาไปด้านนอก ทำนองว่าเดี๋ยวคนเห็น
ชายหนุ่มก็ได้แต่หัวเราะน้อยๆ ก่อนจะกดล็อกห้องทำงานด้วยตัวเอง เล่นเอาคุณเป๊ปเปอร์ของคนในบริษัท เบิกตากว้าง
“ล็อกทำไมคะ เกิดใครมีอะไรด่วน...” ถามยังไม่ทันจบประโยคดีคนตัวโตก็รั้งหญิงสาวเข้ามาในอ้อมแขน ก่อนจะกดหอมลงบนกลุ่มผมนุ่มที่วันนี้ถักเปียเป็นที่คาดผมพันรอบศีรษะไว้ ขอหอมให้ชื่นใจ ให้คลายคิดถึงหน่อย สามวันมานี่เจ้าตัวขอไม่เข้ามาหาเขาเพราะอยากจัดการเรื่องจุกจิกในการขอจบการศึกษา ส่วนเขาเองก็ยุ่งจนเวลานอนแทบจะไม่มี ทำให้ทั้งคู่ทำได้แค่ติดต่อกันทางเครื่องมือสื่อสารเท่านั้น
“จะให้รางวัลเด็กเรียนจบไงครับ” ชายหนุ่มหอมหนักๆ อีกหลายครั้ง ก่อนจะดันคนผอมแต่มีสัดส่วนชัดเจนออกมองหน้าสวยให้ชื่นใจ อรรคอดใจรอวันนี้จนอกจะแตกตายวันละหลายรอบ “เรียบร้อยดีเนอะ”
“ดีมากเลยละค่ะ เปอร์ดิสทิงค์ชัน” หม่อมหลวงคนสวยยิ้มตอบท่านประธานรูปหล่อ บอกผลการศึกษาแบบไม่เป็นทางการให้อีกฝ่ายทราบว่าเกียรตินิยมอันดับหนึ่งคงไม่ไปไหน “แล้วนี่คณบดีก็ให้จดหมายเรกคอมเมนด์มาแล้วด้วย เขียนให้เปอร์ดีจนน้ำตาจะไหล สงสัยผ่านฉลุยยันปริญญาเอก” หญิงสาวยังอธิบายต่อถึงเอกสารบางอย่างที่เจ้าตัวต้องใช้ประกอบการสมัครเรียนต่อ
“แล้วสรุปได้หรือยังจะไปเทอมไหนคะ” ชายหนุ่มรั้งคนรักลงนั่งบนตัก อีกคนก็ดิ้นขลุกขลักจะลงจากตัวเขา แต่กลับโดนกระชับตัวแน่น “นั่งดีๆ สิเป๊ปเปอร์ เดี๋ยวก็หล่นลงไปหรอก”
“คุณอรรคก็ปล่อยสิคะ แบบนี้ไม่ดี เดี๋ยวใครมาเห็น” เสียงหวานค้านแม้อ้อมกอดของเขาจะอบอุ่น
“จะเห็นได้ยังไง” เสียงทุ้มอ้อนเบาๆ ข้างหู “พี่ล็อกห้องแล้วค่ะ” ตกลงจะไปเมื่อไหร่ครับ” พูดจบก็วกกลับมาเรื่องเรียนอีกรอบ ในเมื่ออีกฝ่ายเด็ก เขาก็ต้องเป็นผู้ใหญ่คอยดูแลทุกๆ อย่างในชีวิตแบบนี้แหละ
คนที่ไม่อยากให้หญิงสาวไปเรียนต่อเลยต้องกัดฟันยอมคิดถึง เพราะการไปเรียนคืออนาคตของอีกฝ่าย ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าระยะเวลาสี่ปีจากนี้เขาคงทรมานเพราะความคิดถึงไม่น้อย
“เทอมหน้าดีไหมคะ จะได้พอมีเวลาอยู่กับคุณอรรคก่อน”
คนในแขนอ้อนเสียน่ารัก จนคนแก่กว่ายิ่งไม่อยากให้ไปไหน นึกอยากให้อีกฝ่ายโตกว่านี้สักสามปี จะได้จับแต่งงานให้รู้แล้วรู้รอด ชายหนุ่มถอนใจเมื่อคิดถึงอนาคตของตัวเอง ก่อนจะบอกอีกฝ่ายเสียงอ่อยตามใจคิด มือหนาลูบตัวคนที่เขาบังคับให้นั่งบนตัก
“อ้อนแบบนี้พี่ก็หลงแย่สิคะ พี่จับเราขังไม่ให้ไปเรียนแล้วดีไหม อยู่บ้านให้พี่เลี้ยงดีกว่า”
“ไม่ดีค่ะ...เพราะถ้าเปอร์เรียนไม่จบ เรื่องของเราก็ไม่พัฒนาแน่ๆ ให้เปอร์รีบเรียนแล้วรีบกลับมาอยู่กับคุณอรรคนะคะ”
“งั้นรีบบินไปเรียนพรุ่งนี้เลย จะได้ร่นเวลาให้พี่สักสี่เดือน” คนตัวโตได้แต่หัวเราะขื่นๆ ระหว่างกระชับแขนแน่น ทั้งรักทั้งหวง ไม่อยากให้อีกฝ่ายไปอยู่ไกลตา แต่ก็ต้องยอมเพื่ออนาคตของหญิงสาว
เมื่อเจรจากันจบ กอดพอหายคิดถึงแล้ว อรรคก็ยอมคลายแขนออกเพื่อให้อีกคนได้นั่งดีๆ บ้าง
“เย็นนี้พี่จะไปทานข้าวที่วังด้วยนะครับ คุณชายกับคุณเปรี้ยวโทร. มาเชิญแล้ว เป๊ปเปอร์นั่งเล่นรอไปก่อน เดี๋ยวค่อยกลับพร้อมพี่”
“อ้าวเหรอคะ” หญิงสาวทำหน้าเหลอหลา “เปรี้ยวนึกว่าคุณพ่อคุณแม่จะบินไปอังกฤษกันเสียอีก” คนที่ไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรบอก หล่อนคิดว่าจะกลับไปกินอาหารเย็นง่ายๆ แล้วกลับมาเก็บของที่เพนต์เฮาส์ให้เรียบร้อย เพราะเอกสารบางอย่าง เสื้อผ้าบางตัวยังอยู่ในห้องพักบนยอดตึก
“เห็นว่าออกตีหนึ่ง แล้วคืนนี้เราจะนอนไหน” คนตัวโตหันกลับไปมีสมาธิกับงานตรงหน้า
“นอนนี่ละค่ะ จะกลับมาเก็บของด้วย ค้างอีกหลายอย่างเชียว”
อรรคได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มร่า แผนการที่คิดไว้ในหัวคงจะสำเร็จสมหวังทุกอย่าง จากนี้เขาแค่ต้องอดทนรอให้อีกฝ่ายเรียนจบตามที่คุณชายพชรฉัตรขอไว้ แล้วเขาก็จะได้เจ้าตัวมาเป็นของตัวเองตลอดกาล
...
อรรคดับเครื่องรถเรียบร้อย เดินลงจากพาหนะหรูหราพร้อมๆ กับตุ๊กตาหน้ารถแสนสวยของเขา ก่อนจะเดินตามหลังหล่อนเข้าตำหนักใหญ่ สองคนเดินเคียงคู่กันมาจนถึงห้องกระจกริมน้ำ ห้องโปรดของมาดามปวรศา ก่อนส่งเสียงเรียกคุณชายพชรฉัตรที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ มารดาหล่อน
“คุณพ่อ คุณแม่คะ”
ประมุขของบ้านได้ยินเสียงก็หันมาหา พยักหน้าให้อรรคเล็กน้อยเมื่อเห็นอีกฝ่ายยกมือไหว้ ก่อนจะอ้าแขนรับลูกสาวที่เดินเข้ามากอดเหมือนทุกที
“คนเก่งของพ่อ...” คุณชายพชรฉัตรหน้าตามีความสุขที่สุดเพราะบุตรสาวเหมือนตัวเองทุกกระเบียดนิ้ว เรียนจบอย่างเป็นทางการแล้วในวันนี้
“แม่ดีใจด้วยนะเป๊ปเปอร์ เรียนจบแล้ว”
“ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่มากนะคะ” หญิงสาวโผกอดพ่อทีแม่ทีด้วยท่าทางน่าเอ็นดู มีอรรคยืนยิ้มเพราะความสำเร็จของคนรักอยู่ด้านหลัง เขาจะรอให้หล่อนโต คอยดูแลประคับประคองให้หล่อนทั้งพร้อมที่จะมาเป็นหัวเรือใหญ่ของบริษัทที่เขารับจ้างบริหาร ทั้งพร้อมที่จะมาเป็นภรรยาเขา
“อยากได้รางวัลเป็นอะไรล่ะเป๊ปเปอร์ รถคุณพ่อก็เพิ่งซื้อให้ ทั้งๆ ที่จะได้ขับอยู่ไม่กี่เดือน” ปวรศาถามบุตรสาว อดค้อนสามีที่ตามใจลูกไม่ได้ รู้ทั้งรู้ว่าพชรหทัยต้องไปเรียนต่อก็ยังจะซื้อรถเป็นของขวัญวันเกิดให้เมื่อสองเดือนก่อน เท่ากับว่าเจ้าตัวคงได้ขับอยู่ไม่ถึงครึ่งปี กว่าจะกลับมาก็คงตกรุ่นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“นึกไม่ออกเลยค่ะ ไว้เปอร์อยากได้อะไรค่อยขอคุณแม่ได้ไหมคะ” หญิงสาวยิ้มหวานใส่มารดา
“แล้วแต่เราเถอะจ้ะ คุณอรรค วันนี้จะอยู่ทานข้าวกับแม่ด้วยใช่ไหมคะ เห็นว่ามีเรื่องจะคุยกับคุณพ่อด้วยนิ” ปวรศาย้ายคู่สนทนามาคุยกับว่าที่ลูกเขยแทน “แต่เดี๋ยวแม่กับคุณพ่อต้องไปตำหนักกลางครู่หนึ่ง เดี๋ยวไว้หลังอาหารค่ำเราค่อยว่ากันละกันค่ะ”
หม่อมราชวงศ์พชรฉัตรที่โอบบุตรสาวอยู่พยักหน้าเออออกับภรรยา “เป๊ปเปอร์อยู่เป็นเพื่อนคุณอรรคก่อนละกัน เดี๋ยวพ่อกับแม่กลับมาทานข้าวเย็นด้วย”
...
พ้นสายตาคุณชายพัชรกับมาดามคู่บุญได้ไม่เท่าไร พชรหทัยที่ตั้งท่าจะเดินไปหยิบหนังสือเล่มหนึ่งที่ชั้นให้อรรคก็โดนคนตัวโตรั้งไว้ แอบขโมยหอมเบาๆ จนหญิงสาวตกใจ
“ทำอะไรคะ เดี๋ยวใครมาเห็นเปอร์แย่แน่ๆ”
“อยากน่ารักเอง ช่วยไม่ได้” คนตัวโตก็ตอบแบบไม่ยี่หระ อยู่ดีๆ เขาก็เกิดขาดความยับยั้งชั่งใจ อยากจะจับเจ้าตัวมาฟัดตลอดเวลาแบบไม่สนว่าใครจะว่ายังไง เพราะวินาทีนี้เขากับพชรหทัยหมดสถานะอิหลักอิเหลื่อที่ค้ำคอไปแล้ว ไม่ว่าจะโคชกับเด็กฝึกงาน หรือนักศึกษากับนักธุรกิจ วันนี้เหลือแค่เพียงสถานะสาวน้อยกับชายหนุ่มเท่านั้น
“แต่นี่มันที่บ้าน อย่ามาทำแบบนี้นะคะ คุณอรรคโตแล้ว ยับยั้งชั่งใจหน่อยค่ะ” พชรหทัยพูดน้ำเสียงจริงจัง นิ่วหน้าจนอรรคขำ ไม่ค่อยได้เห็นหม่อมหลวงคนสวยในโหมดนี้สักเท่าไร ปกติเจ้าตัวก็แค่เขินอายตามประสาแล้วก็ยินยอมให้เขาหากำไรเล็กๆ น้อยๆ
“อะไร เดี๋ยวนี้หอมไม่ได้แล้วเหรอครับ”
“คุณอรรคอย่ามารวน นี่มันที่บ้าน คนเดินเข้าเดินออกเต็มไปหมดนะคะ เกิดคุณพ่อคุณแม่ผลุบผลับเข้ามา ตายแน่นอน”
“ไม่ตายหรอก” อรรคยังไม่ลดละ ดึงข้อมือหญิงสาวไว้ก่อนจะรั้งเข้ามากอด “พี่ขอหอมแป๊บเดียวเดี๋ยวจะปล่อยเราแล้ว” ชายหนุ่มทำตามที่พูดหลังจากได้หอมฟอดใหญ่จากพชรหทัย ยอมปล่อยหญิงสาวที่เดินหน้ามุ่ยไปหยิบหนังสือเรื่องเดียวกับที่เขาบ่นว่าทำหายวันก่อนจากชั้นของตัวเองให้ ปากยังบ่นอุบอิบไปตลอดทาง
“ใจกล้าอะไรขึ้นมา เห็นคุณพ่อนิ่งๆ แบบนั้น เวลาโกรธน่ากลัวมากเหมือนกันนะคะ” หม่อมหลวงคนสวยพูดตอนยื่นหนังสือให้เขา “อ้ะ เล่มนี้ที่คุณอรรคบอกหาไม่เจอ เอาของเปอร์ไปก่อนเลยค่ะ กว่าเปอร์จะได้ใช้อีกทีก็คงตอนไปเรียนต่อ”
ชายหนุ่มรับหนังสือไปจากมือหล่อน พลิกสองสามทีก่อนจะยิ้มให้คนรัก “ขอบคุณมากครับคนสวย แล้วเดี๋ยวคืนนี้พี่จะให้รางวัล” ไม่พูดเปล่า อรรคยื่นหน้าไปจูบปากอิ่มสีแดงธรรมชาติเบาๆ
อีกฝ่ายได้แต่ยืนอึ้ง ยกมือบางขึ้นปิดปากทันทีที่ชายร่างใหญ่ถอยตัวออกไป ก่อนจะแหวอีกฝ่ายเสียงไม่เบา
“คุณอรรค!”
หลังจากรับประทานอาหารค่ำร่วมกันเสร็จสิ้น พชรหทัยที่รู้สึกแปลกๆ กับบรรยากาศบนโต๊ะอาหารกำลังจะเอ่ยปากถามมารดาที่นั่งอยู่ข้างๆ ทว่าหม่อมราชวงศ์พชรฉัตรผู้เป็นพ่อกลับตวัดตาเหยี่ยวมาหาหล่อนด้วยความหมายที่อ่านไม่ออก ก่อนจะออกปากบอกให้หล่อนขึ้นไปรอบนห้องพัก
“เป๊ปเปอร์ขึ้นไปรอก่อน เดี๋ยวพ่อคุยธุระกับคุณอรรคเสร็จ พ่อจะให้คนไปเรียก”
สาวน้อยของตำหนักใหญ่เลยได้แต่พยักหน้ารับคำ ก่อนจะหันไปสบตามารดาที่ทำหน้านิ่งเหมือนมีเรื่องให้ครุ่นคิดไม่ต่างกัน แต่ยังอุตส่าห์ยิ้มบางๆ ให้หล่อน ก่อนจะบีบมือลูกสาวคนสวย
“ไปเถอะจ้ะ เดี๋ยวเรียบร้อยแล้วเป๊ปเปอร์ค่อยลงมานะจ๊ะ”
คล้อยหลังหม่อมหลวงพชรหทัยได้ไม่นาน คุณชายพชรฉัตรก็เดินนำภรรยาคนสวยและชายหนุ่มเข้าไปในห้องทำงาน รอจนประตูปิดสนิทและทุกคนนั่งลงเรียบร้อยจึงเริ่มเปิดปากพูด
“คุณอรรค...” เสียงเด็ดขาดดังกังวานทั่วห้องทำงานไม้โอ๊ก
อรรค อัครนันท์ หันหามาดามปวรศา แบ็กอัปชั้นดีของเขา ทว่าแววตาที่ได้รับจากสตรีงดงามตรงหน้ากลับเจือความกังวลมากกว่าจะให้กำลังใจเหมือนทุกครั้งคนที่อ่อนวัยสุดในห้องเลยได้แต่ส่งเสียงขานรับไปทั้งๆ ที่หวั่นใจว่าสถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้อาจจะไม่ส่งผลดีกับเขามากนัก
“ครับ...คุณชาย...”
“คุณอรรคทราบไหมว่าวังวิริยามีระบบรักษาความปลอดภัยดีพอๆ กับธนาคารเลยนะ” คุณชายวัยเหยียบหกสิบยกกาแฟขึ้นจิบพลางมองหน้าบุรุษวัยสามสิบไม่วางตา
“บ้านนี้มีระบบจับการเคลื่อนไหวจากอุณหภูมิ และวงจรปิดที่ใช้อยู่นี่ก็จับภาพได้แม้กระทั่งในความมืด” เสียงทุ้มยังคงความนิ่งของอารมณ์ไว้ มีแต่แววตาที่ไหววาบไปด้วยโทสะ “และผมสามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านได้ทุกซอก ทุกมุม เห็นแม้กระทั่งว่ามีมดตรงไหนผ่านระบบมือถือ แต่วันนี้เราลองดูผ่านจอใหญ่กันบ้างก็ได้!”
ความคิดเห็น |
---|