14

สัญญารัก


14

สัญญารัก

 

หลังจากหม่อมราชวงศ์พชรฉัตรบอกใบ้ให้อรรคทราบว่าทุกอย่างในวังวิริยามีการบันทึกภาพเก็บไว้หมด ก็ไม่ปล่อยให้คนที่นั่งตัวชาคิดประมวลผลอะไรได้นาน มือหนากดรีโมตควบคุมจอแอลอีดีขนาดใหญ่ในห้องทำงาน เคาะแป้นพิมพ์เพื่อเชื่อมต่อระบบอยู่ครู่หนึ่ง ก็ปรากฏภาพเหตุการณ์ในกลาสเฮาส์หรือห้องกระจกที่อรรคกับพชรหทัยอยู่ด้วยกันก่อนมื้ออาหารค่ำ ภาพเคลื่อนไหวจับทุกอากัปกิริยาของหนุ่มสาวจากหลายๆ มุมราวกับว่ามีการเซตกล้องไว้รอบห้อง

อรรคเห็นภาพแบบนั้นก็พูดอะไรไม่ออก ถึงแม้จะบริสุทธิ์ใจ แต่พอตกอยู่ในสถานการณ์ที่พ่อผู้หญิงจับได้คาหนังคาเขาว่าล่วงเกินลูกสาวเขา แม้ว่าจะไม่มากอย่างที่เคยทำมาแล้ว แต่แค่นี้ก็คงมากพอให้คนอย่างหม่อมราชวงศ์พชรฉัตรมีเหตุผลในการฆ่าเขาได้แล้ว

ชายหนุ่มยกมือไหว้คุณชายผู้เป็นนายและกำลังจะเปลี่ยนสถานะเป็นว่าที่พ่อตาทันที “ผมพร้อมรับผิดชอบทุกอย่างครับ”

คิดอยู่แล้วว่าวันนี้จะมาขอพูดเรื่องอนาคตของเขากับพชรหทัยด้วยซ้ำ แต่เมื่อสถานการณ์กลับกลายเป็นแบบนี้ คงต้องข้ามชอตขอลูกสาว แต่ออกโรงรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะกลัวคุณชายพชรฉัตรจะสั่งให้เขาเลิกกับพชรหทัยนี่ละ แถมกองหลังที่เขามั่นใจว่าสนับสนุนเขานักหนาอย่างปวรศาก็นั่งเงียบ ไม่ปริปากอะไรทั้งนั้น

“ผมผิดเองที่ทำอะไรแบบนั้น เป๊ปเปอร์ไม่เกี่ยวนะครับ” คนทำผิดกล้ายอมรับความผิด ยืดอกรับแบบลูกผู้ชาย “ผมเป็นคนเริ่ม”

“ผมอุตส่าห์ไว้ใจคุณนะคุณอรรค” คุณชายผู้พ่อส่ายหัวน้อยๆ ร่างสูงยังยืนทิ้งสะโพกพิงโต๊ะทำงาน “ผมพูดเลยว่าตอนนี้ต่อให้คุณไม่รับผิดชอบ คุณก็ต้องรับผิดชอบ นี่ขนาดอยู่ในบ้านผมคุณยังกล้าขนาดนี้” คนที่เหมือนจะนิ่งกลับนิ่งไม่ไหว เสียงทุ้มเริ่มดังขึ้นจนผู้เป็นภรรยาเงยหน้าขึ้นมอง ไม่เคยเห็นสามีของขึ้นขนาดนี้ “แล้วนี่เวลาลับตาผม คุณจะทำกับลูกผมขนาดไหน!”

นายหญิงของบ้านรีบลุกขึ้นคว้าแขนสามีที่กำลังชี้หน้าอรรคไว้ นอกจากจะไม่เคยได้ยินเขาเสียงดัง ยังไม่เคยเห็นเขาแสดงกิริยาแบบนี้กับใคร ไม่รู้ว่าอรรคได้รับเกียรติหรือโดนเกลียดกันแน่ถึงโดนแบบนี้

“ใจเย็นๆ ค่ะพี่ชายพัชร” คนเสียงหวานพยายามควบคุมสถานการณ์ด้วยการบอกสามีเสียงอ่อน

“เปรี้ยวก็ด้วย” คราวนี้คนเป็นแม่สะดุ้งเฮือกเพราะโดนหางเลขไปด้วย “บอกว่ามันไว้ใจได้นักหนา เป็นไง เห็นคาตาแบบนี้ เถียงพี่สิว่ามันยังเป็นสุภาพบุรุษอยู่” ตาเหยี่ยวตวัดมองภรรยาคนสวยที่ทำหน้าหงอย ถือหางกันดีนัก จนเกิดเรื่องอย่างที่เห็น แล้วดูสิ พอตอนนี้ไม่ปริปากอะไรสักอย่าง เงียบเหมือนไม่เคยเชียร์อีกฝ่ายอย่างไรอย่างนั้น

“คุณอรรค...” หม่อมราชวงศ์พชรฉัตรสูดหายใจลึก เลื่อนมือที่ชี้หน้าอีกฝ่ายมากุมมือภรรยาไว้แน่น “มาถึงตอนนี้ผมว่า...” เจ้าของบ้านกำลังจะอ้าปากพูดต่อ ทว่าอรรคลุกขึ้นเดินมาหยุดยืนตรงหน้าผู้ใหญ่ทั้งคู่ และยกมือไหว้อีกฝ่ายอีกครั้ง

“ผมขอโทษจริงๆ ครับที่เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น...” หน้าหล่อสบตาเหยี่ยวแบบไม่วางตา สายตาแน่วแน่มากที่สุดในชีวิต “ผมยอมรับว่าผมพลาดเอง และเพื่อเป็นการปกป้องชื่อเสียงของน้อง คุณชายอนุญาตให้ผมแต่งงานกับเป๊ปเปอร์นะครับ”

คราวนี้หม่อมราชวงศ์พชรฉัตรหันสบตากับปวรศาทันที สื่อสารกันทางแววตาแบบที่อรรคก็อ่านความหมายไม่ออก ใจเต้นตุ๊มๆ ต้อมๆ อยู่พักใหญ่กว่าผู้เป็นพ่อจะถอนใจยาว ส่ายหัวน้อยๆ แบบคนหมดทางเลือก

“ต่อให้ผมอยากปฏิเสธแค่ไหน ผมก็ไม่มีทางเลือก” บุรุษสูงวัยที่ยังมีเค้าหล่อเต็มเปี่ยม มาดดีไม่มีหลุดเหมือนสมัยหนุ่มบอกแบบอ่อนใจ “ทางออกคงมีทางเดียวแหละครับ เพราะผมคงไม่ปล่อยให้ลูกสาวผมขาดทุนแน่นอน”

พูดจบคุณชายก็ยืนขึ้นด้วยความสูงที่สูสีกับอีกฝ่าย ทั้งมาด ทั้งหน้าตา ทั้งโพรไฟล์กินกันไม่ลงสักอย่าง แต่คนสูงวัยกว่าก็ยังอดไม่สบอารมณ์กับบุรุษตรงหน้าไม่ได้

“คุณไปจัดการกับเป๊ปเปอร์มาให้เรียบร้อย คุณทำเองก็ต้องรับผิดชอบเอง ผมกับแม่เขาจะไม่มาออกหน้าบังคับแต่งงานเหมือนในนิยายหรอกนะ ไปพูดกันเองให้รู้เรื่อง และผมต้องได้คำตอบภายในอาทิตย์นี้”

สิ้นเสียงประกาศิตของหม่อมราชวงศ์พชรฉัตร เจ้าตัวกึ่งลากกึ่งจูงภรรยาออกจากห้องทันที ไม่เปิดโอกาสให้ใครมีเวลาต่อรองอะไรได้อีก เลยไม่ทันได้เห็นปวรศาหันหาอรรคที่ยังยืนทื่ออยู่กลางห้อง ยกมือโป้งให้พร้อมขยิบตาเป็นสัญญาณว่า ‘เยี่ยมมาก!’

 

หลังจากคุณชายและภรรยาขึ้นรถไปสนามบินได้ไม่นาน ทั้งคู่ก็กลับมาที่อาคารวิริยะทรัพย์ ทั้งๆ ที่หม่อมราชวงศ์พชรฉัตรออกอาการหัวฟัดหัวเหวี่ยงเล็กน้อย ท่าทีที่แสดงออกก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการคว้าตัวหม่อมหลวงพชรหทัยมากอดไว้แน่น บอกให้ดูแลตัวเองดีๆ ไม่รู้กี่หน ก่อนจะหันไปกำชับอรรคเสียงเข้มว่าจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย และยังไม่วายหันมาบอกลูกสาวสุดที่รักว่าไม่มีความจำเป็นต้องกลับไปเก็บของที่บริษัทเลย จะส่งใครๆ ไปทำให้ก็ได้

‘โธ่ คุณพ่อทำอย่างกับไม่เคยทิ้งเปอร์ไว้คนเดียว’ พชรหทัยยื่นปากบอกบิดา งงกับท่าทีของอีกฝ่ายไม่น้อย

‘ก็พ่อ...’ หม่อมราชวงศ์พชรฉัตรอ้าปากจะพูดต่อ แต่ภรรยาที่วางโทรศัพท์สายสำคัญพอดีโพล่งขึ้นเหมือนไม่สบอารมณ์ เร่งรัดหม่อมราชวงศ์ผู้เป็นพ่อที่อ้อยอิ่งสั่งลาบุตรสาวอยู่ไม่จบเสียที

‘จะไปไหมคะ ถ้าไม่ออกตอนนี้ก็ไม่ต้องไปแล้วค่ะ วันนี้รันเวย์เต็ม ดีเลย์ไม่ได้แม้สักนาทีเดียว’ คนที่สวยเหมือนสาวๆ บอกสามีตาเขียวปั้ด ถึงแม้การเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวจะให้ความสะดวกสบายหลายอย่าง แต่บางอย่างก็ต้องเป็นไปตามกฎการบินชนิดที่บิดพลิ้วไม่ได้

ได้ยินน้ำเสียงคุณแม่แบบนั้น สาวน้อยก็เริ่มไม่แน่ใจว่าช่วงเวลาที่บิดามารดาหายไปคุยกับอรรค ก่อนจะมาเคาะห้องเรียกหล่อนนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือไม่

เจ้าของตำหนักใหญ่ได้แต่พยักหน้า เดินนำขึ้นรถไปทันทีที่ภรรยาพูดจบ

...

ไม่นานมื้ออาหารค่ำก็เสร็จสิ้นลง หม่อมหลวงพชรหทัยรอส่งบิดามารดาขึ้นรถเพื่อไปสนามบินจนเรียบร้อย ก่อนจะกลับมาที่อาคารวิริยะทรัพย์พร้อมกับอรรคที่ออกปากว่าวันนี้จะนอนที่เพนต์เฮาส์เช่นกัน

“พี่มีของขวัญจะให้” อรรคพูดตอนเดินมาถึงหน้าห้องของหญิงสาว ทำเอาหม่อมหลวงพชรหทัยที่กำลังจะกดรหัสเข้าห้องหันมามองค้าง ก่อนจะพยักหน้ารับ “พี่ทิ้งไว้ที่ห้อง เป๊ปเปอร์ไปอาบน้ำรอก่อนนะครับ เดี๋ยวพี่กลับมาหา” พูดจบเจ้าตัวก็เดินต่อไปที่ห้องข้างๆ กัน กดรหัสเร็วๆ แล้วเดินเข้าไปในห้อง

ทิ้งพชรหทัยให้ยังยืนค้างอยู่ ก่อนจะยักไหล่เมื่อเห็นอาการแปลกๆ ของเขาแล้วเข้าห้องไป

เกือบสี่สิบนาทีกว่าชายหนุ่มจะมากดกริ่งอีกครั้ง ทำเอาหม่อมหลวงพชรหทัยที่กำลังเก็บ

ข้าวของที่ค้างอยู่วิ่งลงมาเปิดประตูด้วยอาการหอบแฮก หน้าสวยซับสีเลือดที่พวงแก้มใส เหงื่อซึมเม็ดเล็กๆ เท่านั้นที่ทำให้คนสวยเป๊ะดูมีเลือดเนื้อมากกว่าประติมากรรมชิ้นเอกที่สมบูรณ์แบบไปตั้งแต่หัวจดเท้า

“รอนานไหมคะ เปอร์เก็บของอยู่” คนสวยคลี่ยิ้มน่ารักใส่ ก่อนจะเบี่ยงตัวให้อีกฝ่ายพาตัวเองเข้ามาในห้องพัก แล้วสาวน้อยจึงเดินไปหยิบแก้วไวน์กับเครื่องดื่มออกจากตู้แช่มาบริการคนรัก

“อะไร...เป๊ปเปอร์อายุเท่าไหร่ มาทำเป็นกินไวน์เป็นขวด” ชายหนุ่มบ่นด้วยความไม่พอใจ นึกกลัวว่าหญิงสาวไปเรียนต่อแล้วจะดื่มตอนอยู่เมืองนอกแบบนี้ อาจจะก่อให้เกิดเรื่องอะไรไม่ดีขึ้น

หม่อมหลวงพชรหทัยได้แต่ทำหน้าน่าสงสารใส่ชายหนุ่ม

“เปอร์หยิบมาให้คุณอรรค ช่วยดื่มหน่อยค่ะ ขวดละตั้งแพง ทิ้งไปเสียดายแย่” คนที่โดนเข้าใจผิดแก้ตัวเสียอ่อนหวาน จนชายหนุ่มอดหน้าเสียไม่ได้ เพราะความห่วงถึงทำให้เขาทำตัวดุเป็นพ่อแก่ “แต่ถึงจะดื่ม เปอร์ก็โตแล้ว เรียนจบแล้วนะคะ” หญิงสาวนิ่วหน้า แต่ก็ยังสัมผัส ได้ถึงความไม่พอใจของเขา “เมื่อกี้ตอนดื่มกับคุณพ่อ ไม่เห็นคุณอรรคจะบ่น ”

“ก็นั่นมันดื่มกับมื้ออาหาร แล้วก็แค่สองแก้ว” คนแก่กว่าสิบสามปียังบ่นต่ออยู่ นึกในใจว่าต้องกำราบผู้หญิงคนนี้ไม่ให้นอกลู่นอกทางเสียแต่เนิ่นๆ ไม่งั้นอยู่ห่างหูห่างตาไป จะไปเกเรที่ไหนเขาก็คงไม่รู้ ท่าทางมั่นใจในตัวเองแบบนี้ กลัวจะเทิร์นโปรกลายเป็นสาวเปรี้ยวเสียง่ายๆ ถ้าไม่ปราบไว้ก่อนก็หวั่นใจกลัวดีเอ็นเอของมาดามปวรศาที่พชรหทัยมีในตัวจะปะทุขึ้นมา

“นี่ก็อยู่บ้าน ไม่ได้ไปดื่มที่ไหนนิคะ” หญิงสาววางแก้วที่เทเครื่องดื่มได้แค่หนึ่งแก้วลง ก่อนจะเดินเข้าไปหาเขาซบหน้าสวยลงกับต้นแขนของชายหนุ่มด้วยกิริยาออดอ้อน “แต่ถ้าคุณอรรคไม่ชอบ เปอร์ก็จะไม่ทำให้ไม่สบายใจค่ะ” ปากบอกจะตามใจเขา แต่น้ำเสียงแง่งอน จนชายหนุ่มใจอ่อน ก็เด็กมันอ้อนแล้วกระชุ่มกระชวยจะตาย

“เอาเถอะ ยังไงก็คงต้องฝึกไว้บ้างเวลาเข้าสังคม” คนที่วางตัวหญิงสาวมารับหน้าที่ภรรยาพึมพำเหมือนพูดกับตัวเอง “ต่อไปนี้ให้ดื่มเฉพาะอยู่กับพี่ละกันนะครับ”

 ก่อนจะนั่งลงบนโซฟาข้างๆ กัน แบมือบางแล้วยื่นไปทางเขา “แล้วไหนอ้ะคะของขวัญ อยากรู้จัง จะถูกใจเปอร์ไหมน้า”

แบบนั้นก็ชื่นใจ รีบชูสร้อยทองคำขาวมีจี้เพชรเล็กๆ เป็นสัญลักษณ์อินฟินิตี้เหมือนเลขแปดแนวนอนโชว์ประกายระยิบระยับขึ้นตรงหน้า แกว่งไปมาล่อให้อีกคนที่ทำหน้าน่ารักใส่เขาดู “อันนี้ของขวัญเรียนจบ...”

หม่อมหลวงเป๊ปเปอร์คนสวยเห็นของขวัญก็กะพริบตาเปล่งประกาย รู้งานดี รีบหันหลังให้เขารวบผมที่ปล่อยสยายมารวมกันข้างซอกคอด้านหนึ่ง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ชายหนุ่มสวมสร้อยให้

อรรคจึงกระซิบเบาๆ ข้างๆ หูเรียกอารมณ์หวามจากหญิงสาวได้ดี

“ยินดีด้วยครับคนเก่งของพี่” ชายหนุ่มพูดจบก็กดจูบแผ่วเบาที่ซอกคอขาวผ่อง ก่อนจะพลิกตัวหญิงสาวที่นั่งหันหลังหน้าแดงให้หันกลับมา หยิบกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินขนาดสองคูณสองนิ้วออกมาอีกกล่อง ทำท่าปิดๆ เปิดๆ จะให้งับมือหม่อมหลวงคนสวย ล่อหญิงสาวที่นั่งตาเป็นประกายอยู่

“อันนี้ก็ของเป๊ปเปอร์ แต่ถ้าอยากได้ต้องตอบคำถามพี่ก่อน” อรรคทำท่าเจ้าเล่ห์ใส่เด็กอายุอ่อนกว่าสิบสามปี

“ไม่เอาแล้วก็ได้ค่ะ”

พอเห็นเจ้าตัวทำท่าจะสะบัดงอน ลุกขึ้นจากเบาะข้างๆ เขา ชายหนุ่มก็ต้องยอมเป็นฝ่ายลงให้ คว้ามือบางข้างซ้ายมากุมไว้ก่อน      

“โอ๋ๆๆ ให้สิให้ ไม่ให้เป๊ปเปอร์ พี่จะให้ใคร” อรรคยิ้มน้อยๆ ให้คนที่กุมหัวใจเขาไว้ตั้งแต่แรกเห็น “แต่ตอบคำถามพี่หน่อยนะครับ”

ฝ่ายหม่อมหลวงพชรหทัยยอมพยักหน้าให้ ตีสีหน้านิ่งทั้งๆ ที่ตื่นเต้นไม่น้อย สงสัยคุณอรรคของหล่อนจะเป็น สายเปย์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าคุณพ่อ ตามที่หล่อนได้ยินเรื่องเล่าจากคุณหญิงผู้เป็นอาทั้งสองว่าหม่อมราชวงศ์พชรฉัตรสปอยล์ภรรยาขนาดไหน

“จะถามอะไรก็ถามมาค่ะ ถามเสร็จก็กลับไปได้แล้ว เปอร์จะได้นอน” พูดจบก็เสหันหน้าไปทางอื่น เพราะร้อนหน้าไม่น้อยจากการที่เขาเขยิบเข้าใกล้มากขึ้นอีก จนคุณเป๊ปเปอร์คนสวยอดนิ่วหน้าไม่ได้ ‘ไม่น่ารินไวน์ให้ดื่มเลย...’

“งั้นหันหน้ามามองพี่หน่อยนะครับ”

“ว่ามาค่ะ” หันมาตามคำขอของเขาแล้วเจ้าตัวก็เปิดปากพูด ยื่นมือขวาข้างที่ไม่ได้โดนกุมไว้ไปข้างหน้า แบมือใส่ชายหนุ่มเหมือนตอนที่กำลังจะได้สร้อยเมื่อครู่ แต่คราวนี้อรรคกลับพลิกฝ่ามืออีกฝ่ายให้คว่ำลงก่อนจะจูบที่หลังมือ

“พี่จะขอ ขอรอเป๊ปเปอร์จนเรียนจบกลับมา พอถึงวันนั้นเป๊ปเปอร์ก็มาเป็นภรรยาพี่นะครับ” พูดจบเจ้าตัวก็ละมือออก เปิดกล่องเครื่องประดับที่ข้างในเป็นแหวนเพชรเม็ดเล็กๆ รอบวงม้วนกันเป็นเกลียวพันไปพันมา ดีไซน์แบบเดียวกับสร้อยที่สวมให้หญิงสาวเมื่อครู่นี้ นึกขอบคุณตัวเองที่สั่งเครื่องประดับเซตนี้มาครบชุด ถึงได้มีแหวนรอพร้อมขอแต่งงานทันที มือหนาจดแหวนที่ปลายนิ้วนางซ้ายของคนตรงหน้า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาหญิงสาวที่นั่งช็อกอยู่

“จริงๆ วันนี้เป็นจุดเริ่มต้น...พี่อยากแต่งงานกับเป๊ปเปอร์ อยากดูแล แต่พี่รู้ว่าต่างคนต่างมีหน้าที่ต้องทำ วันนี้พี่เลยอยากขอให้เป๊ปเปอร์รับหมั้นพี่ แล้ววันที่เรียนจบกลับมาพี่ค่อยขอเป๊ปเปอร์แต่งงาน” ตาคมกริบจับจ้องที่เพชรน้ำดีบนแหวน “จากแฟนพี่ขอเป็นคู่หมั้น แล้วถึงวันนั้นเป๊ปเปอร์ค่อยย้ายมายืนข้างๆ พี่ในฐานะภรรยานะครับ”

ด้านหม่อมหลวงพชรหทัยที่เมื่อชายหนุ่มรูดแหวนลงมาจนสุดปลายนิ้วแล้วหม่อมหลวงพชรหทัยก็ยังนั่งอึ้งทำอะไรไม่ถูก มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ชายหนุ่มใช้ริมฝีปากเขาสัมผัสกับปากหล่อน ไม่ดูดดื่มแต่อ่อนหวาน เจ้าตัวถึงได้สะดุ้งขึ้น

“คุณอรรค เดี๋ยวค่ะ” มือทั้งสองข้างดันตัวเขาไว้ ทั้งตื่นเต้นทั้งตระหนกไปกับสัมผัสเมื่อครู่ รวมทั้งประโยคที่เขาเพิ่งพูดจบไป “เมื่อกี้คุณอรรคว่าอะไรนะคะ” ตาหวานคมเบิกกว้าง ไม่อยากเชื่อว่าสิ่งที่ได้ยินจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้

ชายหนุ่มอดหัวเราะเพราะภาพความไร้เดียงสาตรงหน้าไม่ได้

“พี่ขอจองเราไว้ก่อน” พูดจบคนสวยก็ยิ่งทำตาโตมากขึ้นไปอีก งงกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่รู้จะหาคำไหนมาบรรยายความสัมพันธ์ก้าวกระโดดนี้ได้ หล่อนเพิ่งเป็นแฟนกับเขามาได้แค่สองเดือน “อีกสี่ปีแต่งงานกับพี่นะครับ”

วินาทีนั้นหม่อมหลวงพชรหทัยทิ้งแล้วทั้งสติ ทั้งการไตร่ตรองทุกอย่าง เหลือแค่สัญชาตญาณของเด็กสาววัยสิบแปดที่ฮอร์โมนกำลังพลุ่งพล่านอยู่ในโลกสีชมพู ซึ่งผู้ชายที่ตัวเองแอบรัก แอบปลื้ม มารักตอบจนถึงขอแต่งงาน หน้าสวยจัดพยักตอบแบบไม่คิดหน้าคิดหลังใดๆ ไม่เหลือเค้าคุณเป๊ปเปอร์ที่มักวิเคราะห์ทุกอย่างอย่างมีเหตุผล ใช้ความคิดพิจารณาทุกอย่างอย่างละเอียดก่อนที่จะทำอะไรลงไปแบบทุกครั้ง เพราะความรัก ความหลงเป็นตัวขับเคลื่อนโดยแท้ ถึงทำให้หม่อมหลวงพชรหทัยพยักหน้าตอบรับเขารัวๆ ก่อนจะยกแขนกอดคอชายหนุ่มไว้ด้วยความดีใจ

“แต่งค่ะแต่ง”

เมื่ออรรคได้ยินประโยคกับกิริยาแบบนั้นก็ยิ่งรัดตัวหญิงสาวที่กอดเขาไว้แน่น ซึมซับความรักความอบอุ่น ก่อนจะดันตัวหม่อมหลวงพชรหทัยออก ใช้มือหนาประคองหน้าสวยไว้ สบตาอีกฝ่ายหวานซึ้ง

“ไปเรียนหนังสือ ห้ามเกเรใจอ่อนกับหนุ่มๆ หน้าไหนนะครับ จำไว้ว่าพี่รักเป๊ปเปอร์มาก มากจนยอมทุกอย่าง ขอแค่ให้ได้แต่งกับเรา ทำตัวเป็นเด็กดีของคุณพ่อคุณแม่ เป็นเด็กดีของพี่นะครับ”

“ไม่หรอกค่ะ เปอร์จะรีบเรียน รีบกลับ” หญิงสาวตอบแล้วก็อดไหววูบไม่ได้ “คุณอรรครอไหวแน่นะคะ กว่าเปอร์จะจบอีกตั้งสี่ปี” ความต่างระหว่างคนสองคนเริ่มฉุดให้หม่อมหลวงคนสวยนึกถึงความเป็นจริง ตาเป็นประกายมองผู้ชายตรงหน้าอีกครั้ง เขาทั้งหล่อ ทั้งเก่ง แถมอยู่ในวัยที่ควรมีครอบครัวได้แล้ว ถ้าตกลงว่าจะรอกัน เขากับหล่อนก็จะ ต้องรักกันแบบนานๆ เจอกันที แถมยังเป็นระยะเวลายาวนานถึงสี่ปีเลยทีเดียว

 ปลอบทั้งตัวเอง เพราะเข้าใจความรู้สึกอีกฝ่ายเป็นอย่างดี “ถึงจะต้องคิดถึงมากหน่อย แต่พี่ก็จะอดทน จะบินไปหาบ่อยๆ ดีไหม” พูดจบก็ไล่จูบจากไรผมแถวหน้าผากลงมาถึงแก้มใสทั้งสองข้างที่อยากฟัดตั้งแต่เปิดประตูเข้ามาเห็น

“ไปจริงๆ นะคะ” หญิงสาวพยักหน้ารับพร้อมถามย้ำเพื่อความแน่ใจ “เปอร์เองก็จะกลับมาทุกปิดเทอม จะเป็นเด็กดีของคุณอรรคค่ะ”

อรรครู้สึกเหมือนตัวลอยขึ้นบนฟ้า บรรยากาศรายล้อมเต็มไปด้วยแสงระยิบระยับ หัวใจพองฟูขึ้นแบบไม่รู้สาเหตุ ที่คิดว่ารัก กลับยิ่งรับรู้ว่ารักมากขึ้นจากประโยคอ่อนหวานที่พชรหทัยให้สัญญาเมื่อครู่นี้ มือหนาประคองหน้าสวยขึ้น ก่อนจะบรรจงจูบแผ่วเบาเพื่อไม่ให้คนบนตักตื่นกลัวสัมผัสใกล้ชิดนี้

แต่แล้วคนที่คิดว่าห้ามใจตัวเองได้อย่างอรรคกลับต้องเนื้อตัวสั่นเทาไปหมด เพราะรสชาติของพชรหทัยที่เขาได้สัมผัสทำให้เลือดในกายเขาไหลเวียนทั่วร่างแบบไม่คิดจะเกรงใจเจ้าของ ทั้งๆ ที่หญิงสาวก็นั่งนิ่งๆ ไม่ได้จูบตอบกลับมา แต่รสหวานล้ำที่แทรกเข้ามาน้อยๆ ทำให้อรรคหยุดตัวเองไม่ไหว ต้องยอมปล่อยให้ตัวเองเอาใจ หลอกล่อหญิงสาวเพื่อที่เขาจะได้ครอบครองหล่อนมากกว่านี้

ชายหนุ่มค่อยๆ ขบเม้มริมฝีปากอิ่มของอีกฝ่ายน้อยๆ เหมือนคนกำลังเล็มของหวาน ทำให้หญิงสาวค่อยๆ คุ้นชินกับสัมผัส ก่อนที่จะยอมให้เขาสอดแทรกลิ้นอุ่นเข้าในโพรงปากเล็กๆ แล้วแค่ชั่ววินาทีที่ลิ้นได้สัมผัสกันก็เหมือนมีใครโยนไม้ขีดก้านเล็กๆ ลงในกองไม้ชุ่มน้ำมันทันที จากที่เคยคิดว่ามันจะเป็นแค่จูบแรกอ่อนหวาน แต่กลับกลายเป็นสัมผัสร้อนแรงโหมลุกให้ไม่ว่าพชรหทัยหรืออรรคก็ไม่อาจถอยตัวออกมาได้

“พี่...พี่รักเป๊ปเปอร์ รักมาก” เสียงสั่นพร่าบอกทั้งๆ ที่ริมฝีปากยังแนบชิด มือหนาลูบไปทั่วตัวคนที่นั่งตัวสั่นอยู่บนตักเขา ถึงจะเคยใกล้ชิดกัน แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นไปแบบอ่อนโยน ไม่นับคราวที่หล่อนเป็นไข้ไม่มีสติคราวนั้น

“เปอร์ก็รักคุณอรรค รักมากเหมือนกัน” หญิงสาวค่อยๆ ผละตัวออก รู้ดีว่าอารมณ์เตลิดไปไกลและหวั่นไหวกับสัมผัสตอนนี้มากเพียงไหน

แต่ทว่าทว่าอรรคกลับตามมาประกบปากไว้ไม่ให้เจ้าตัวได้ถอยห่างอย่างที่ตั้งใจ มือที่เคยลูบไล้อยู่ด้านนอกเริ่มย้ายเข้ามาสัมผัสเนื้อเนียนนุ่มแบบห้ามตัวเองไม่อยู่ ชายหนุ่มพรมจูบทั่วหน้าก่อนจะวกกลับมาที่ริมฝีปาก ประกบบดขยี้ได้ทันท่วงทีที่อีกฝ่ายจะออกปากห้าม ปั่นป่วนอารมณ์สาวน้อยวัยสิบแปดอีกรอบจนในหัวของหม่อมหลวงพชรหทัยมีแต่ความว่างเปล่า ขาวโพลนไปหมด มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่หลังสัมผัสที่นอนพร้อมกับที่กระดุมด้านหน้าของเสื้อซาตินตัวสวยถูกปลดออกไปทั้งแผงแล้ว

“คุณอรรค...คุณอรรคหยุดก่อนค่ะ” เสียงหวานท้วง ทว่าเบาจนแทบจะไม่มีใครได้ยิน มือหนึ่งพยายามดันร่างหนาออก อีกมือก็รั้งสาบเสื้อมาประกบกัน จะมีก็แต่อรรคที่ส่ายหน้าอยู่กับเนินอกอวบเกินวัยของสาวน้อย พึมพำไป ขบเม้มไปจนเกิดรอยแดงทั่ว ลุ่มหลงมัวเมาจนเกินที่จะห้ามใจไหว

“จะหยุดยังไงไหว เราน่ากินไปทั้งตัว ทั้งหอมทั้งหวานจนพี่เมาไปหมดแล้ว” คนที่ทั้งรักทั้งหลงเด็กจนหาทางเอาตัวเองออกจากสถานการณ์แบบนี้ไม่ได้เคลิ้มเพ้ออยู่กับเนื้อตัวอุ่นๆ ของหญิงสาว “ขอพี่ชื่นใจนิดเดียวนะครับ สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรมากกว่านี้”

ใจหนึ่งอรรคก็บอกตัวเองว่าไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้ ให้ยึดความเห็นแก่ตัวอยากเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเป็นหลัก คิดเสียแต่ว่าหากพชรหทัยเป็นของเขาแล้ว เจ้าตัวก็จะผูกพันกับเขามากขึ้นอีกระดับ แต่แล้วสติส่วนดีก็ทำให้อรรคยอมละกิจกรรมที่ทำอยู่ หายใจหอบแรงเพราะความต้องการอยู่ที่ข้างหูหญิงสาว...เขาจะไม่มีวันทำลายเกียรติของผู้หญิงที่จะมาเป็นแม่ของลูก คิดได้แบบนั้นชายหนุ่มก็กลั้นหายใจ เหมือนต้องการให้เลือดหยุดไปเลี้ยงอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกาย ผละหน้าออกจากซอกคอหอมกรุ่น ใช้มือหนาลูบผมเผ้าพชรหทัยที่ตาปรือหน้าแดงก่ำให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะขืนตัวผละจากหญิงสาวช้าๆ รั้งพชรหทัยให้นั่งดีๆ ช่วยแต่งตัวให้เรียบร้อย ก่อนจะตัดใจบอกเสียงแข็ง ถ้าเป๊ปเปอร์ไม่ขึ้นห้องในสิบวินาที เขานี่ละจะเปลี่ยนใจอุ้มขึ้นไปส่งเอง

“ขึ้นห้องไปนอนเลยครับ เดี๋ยวพี่ล็อกประตูให้”

ฝ่ายเจ้าของห้องที่ยังงงๆ เหมือนตั้งสติไม่ได้ ตั้งท่าจะถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น แต่อีกฝ่ายกลับถอนหายใจแรง เหมือนคนละแล้วซึ่งความอดทน แล้วประกบจูบร้อนแรงที่ทำเอาพชรหทัยแข้งขาสั่นอีกรอบ

“อย่ามาทำหน้าทำตาแบบนี้ใส่พี่ เดี๋ยวก็ไม่ได้ไปเรียนต่อหรอก”    

 

เป็นเวลาอีกหลายวันหลังจากนั้นกว่าอรรคจะเคลียร์งานและความรับผิดชอบทั้งหมดลงได้ จึงตั้งใจว่าจะเข้าไปเรียนให้หม่อมราชวงศ์พชรฉัตรและคุณปวรศาทราบถึงความคืบหน้าในความสัมพันธ์ของเขากับพชรหทัย และพูดคุยกันถึงรายละเอียดต่างๆ ด้วยความร้อนใจไม่น้อย เพราะจากที่หญิงสาวบอก อีกแค่สี่เดือนเจ้าตัวก็จะไปเรียนต่อแล้ว เขาหวั่นใจกลัวจะจัดพิธีหมั้นอย่างที่ต้องการไม่ทัน อยากให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อนสาวน้อยไปอยู่ไกลหูไกลตา

“เรียนคุณพ่อคุณแม่แล้วใช่ไหมครับ” อรรคที่เดินลงมาจากชั้นสองของห้องพักถามพชรหทัยที่นั่งดูทีวีรอเขา ซึ่งขออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังเลิกงานอยู่ในห้องนั่งเล่น มือหนาขยับติดกระดุมแขนเสื้อเชิ้ตให้เรียบร้อย ถามอีกคนทั้งๆ ที่เขาเองก็โทร. ไปนัดหม่อมราชวงศ์พชรฉัตรด้วยตัวเองแล้ว แต่ฝากคนรักคอนเฟิร์มนัดให้อีกรอบ

“เรียนแล้วค่ะ ไปเลยไหมคะ” คนตาหวานเงยหน้ามองเขาครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปสนใจทีวีต่อ ไม่ได้รู้เลยว่าวันนี้พวกผู้ใหญ่เขาจะไปคุยอะไรกัน คาดคะเนไว้ว่าอย่างมากอรรคก็คงจะไปเรียนเรื่องขอหล่อนแต่งงานให้บุพการีทราบ หรือไม่ก็คุยกับคุณพ่อเรื่องงาน

ตาคมกริบมองสาวร่างบางที่นั่งไขว่ห้าง เห็นเท้าเปลือยเคลือบกากเพชรที่เล็บก็ยิ่งหวั่นไหว นี่ขนาดแค่เท้าบอบบางยังกระตุ้นเขาได้แบบนี้ ถ้าได้เห็นทั้งตัวเขาไม่คลั่งไปเลยหรือไง คนโตกว่าสิบสามปีได้แต่สบถความเลอะเทอะของเขาในใจ

“ไปสิครับ เดี๋ยวช้า”    

 

พชรหทัยออกอาการงงไม่น้อยเมื่อมาถึงวังวิริยาแล้วพบว่าทั้งบิดามารดาต่างเชิญอรรคเข้าห้องรับรอง โดยบอกให้หล่อนกลับขึ้นไปรอบนห้องเหมือนคราวก่อนจนกว่าจะถึงเวลาอาหารเย็น หญิงสาวได้แต่มองตามบุคคลทั้งสามไปก่อนจะเดินขึ้นห้องตามระเบียบ แม้จะอยากรู้ใจจะขาด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

ฝ่ายคนที่นัดแนะกันมาคุยเรื่องสำคัญ เมื่อชายหนุ่มอายุน้อยสุดปิดประตูห้อง หม่อมราชวงศ์พชรฉัตรก็ไม่รอช้า เปิดประเด็นเรื่องที่สังหรณ์ทันที

“นัดผมกับแม่เขาแบบนี้ คงตกลงกับเป๊ปเปอร์รู้เรื่องแล้วสินะ” คุณชายตีท่านิ่งทั้งๆ ที่ใจร้อนรุ่มไปหมด ไม่น่าประมาทคิดว่าลูกสาวจะปฏิเสธคำขอแต่งงานไอ้หน้าหล่อนี่เลย ท่าทางคารมมันคงดีไม่น้อย ลูกสาวเขาที่ปกติเป็นคนตัดสินอะไรด้วยเหตุผลถึงตกปากรับคำมันง่ายๆ

“ครับ” หนุ่มหน้าหล่อเหลาขนาดผู้ชายอย่างคนสูงวัยกว่ายังต้องยอมรับยิ้มน้อยๆ ขึ้นชื่อว่า อรรค อัครนันท์ ไม่มีเสียละที่เจรจาดีลไหนแล้วไม่สำเร็จ “ผมเลยอยากจะมาเรียนคุณชายด้วยตัวเอง แล้วก็คุยรายละเอียดที่เหลือ ผมอยากจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนเป๊ปเปอร์ไปเรียนต่อ ถ้าคุณชายไม่ขัดข้อง”

ฝ่ายคนจะมีลูกเขยก็ได้แต่ทำหน้านิ่ง หันไปสบตาภรรยาที่รู้ดีว่าอาการเขาคือแทบจะเย็นไม่ไหว ปากดีบอกให้อรรครับผิดชอบลูกสาว แต่พอไปนอนคิดดีๆ ตอนเดินทางไปต่างประเทศ ก็พบว่านี่น่าจะเป็นเรื่องที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิตที่เขาเคยตัดสินใจ จริงๆ กับอีแค่การกอดจูบ เขาควรจะหลับหูหลับตาไปซะ แถมพอบ่นเรื่องนี้กับภรรยากลับโดนอีกฝ่ายตอกหน้ากลับมาเสียจนหน้าเสีย

‘ช่วยไม่ด๊ายยย’ ภรรยาคนสวยลดจอแสดงข่าวในมือลง พูดจาออกอาการเหมือนสมัยสาวๆ ไม่มีผิด ‘เปรี้ยวบอกพี่ชายพัชรแล้วว่าให้คิดดีๆ’

‘ก็ตอนนั้นมันโมโหนิครับ’ ผู้เป็นพ่อก็ได้แต่บ่น

ปวรศายักไหล่ มองหน้าหล่อที่ไม่เลือนไปตามวัยของอีกคน มองปราดเดียวก็รู้ว่าเขาคิดไม่ตกเรื่องลูกสาวคนเล็ก

‘คนไม่ได้โกรธแบบมืออาชีพก็แบบนี้ พอโกรธทีก็คิดอะไรไม่ออก’ มือบางหยิบแก้วกาแฟขึ้นจิบ พูดถึงข้อดีของการของขึ้น อารมณ์เหวี่ยงบ่อยๆ ‘บอกให้คิดถึงตอนตัวเองหนุ่มๆ ก็ไม่เชื่อ ตอนนั้นพี่ชายพัชรรออะไรได้ที่ไหน ใจแตกหนีตามเปรี้ยวไปญี่ปุ่น นอนทอดกายบนเตียงเปรี้ยวด้วยซ้ำ’

‘ก็นั่นพี่เป็นผู้ชาย’ คนเคยเป็นเสือซุ่มมาก่อนแก้ตัวเสียงอ่อย

‘ตอนนั้นเปรี้ยวก็เป็นผู้หญิงค่ะ ตอนที่พี่ชายพัชรทำหน้ามึนไปนอนห้องเดียวกับเปรี้ยวที่โอซากาเป็นอาทิตย์ หรือจะตอนที่เรามีอะไรกันตั้งแต่ก่อนแต่งงาน พี่ชายพัชรทำมาแล้วทั้งนั้น’

คุณชายได้ยินเรื่องราวของตัวเองในอดีตก็อดหน้าแดงไม่ได้ ปากคอสั่นพูดไม่ออก เขาทำมาหมดแล้วจริงๆ อย่างที่ภรรยาว่า ทำมากกว่าอรรคด้วยซ้ำ

 เมื่อเห็นกิริยาของสามี สตรีวัยเกือบห้าสิบก็ถอนใจ เข้าใจเขาก็เข้าใจ สมใจหล่อนก็สมใจ

 ‘พี่ชายพัชรออกปากกับอรรคไปขนาดนั้นแล้ว เปรี้ยวว่ากลับคำจะเสียผู้ใหญ่’ เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าเห็นด้วย แต่สีหน้าไม่สู้ดีเท่าไร หล่อนก็ยอมเปิดปากต่อ สี่ห้าวันมานี้หล่อนต้องดูอารมณ์สามีมากเป็นพิเศษก่อนจะพูดอะไร เพราะคุณชายอาการเหมือนคนเลือดจะไปลมจะมา เดี๋ยวดีเดี๋ยวดุอยู่เรื่อย ‘เอาจริงๆ ออกมารูปนี้ก็ดีเหมือนกันนะคะ อย่างน้อยการมีคู่หมั้นเป็นตัวเป็นตนก่อนไปเรียนต่อก็คงทำให้ลูกปลอดภัยระดับหนึ่ง เรียนจบกลับมาค่อยว่ากันเรื่องแต่งอีกที พี่ชายพัชรว่าดีไหมคะ’ คนรู้ดีว่าต้องทำทีเป็นขอความเห็นเขาบอก ทั้งๆ ที่ตัวเองเอ่ยประโยคชี้นำไปแล้ว ‘แต่อรรคอาจจะขอเป๊ปเปอร์แต่งงานไม่สำเร็จก็ได้นะคะ ใครจะไปรู้’

หม่อมราชวงศ์พชรฉัตรได้ยินแบบนั้นก็หน้ามีสีเลือดขึ้น ภาวนาในใจว่าให้ลูกสาวเขาปฏิเสธอรรคไปเถอะ แล้วเขาจะหาเรื่องยุให้เลิกกันให้ได้ด้วย

...

“จริงๆ เรื่องงานหมั้นงานอะไร ผมไม่ซีเรียสนะ ไว้เรียนจบกลับมาค่อยจัดการทีเดียวก็ได้” คนที่ควรจะถือพิธีรีตองมากที่สุดบอกง่ายๆ เกิดอาการอยากพลิกลิ้นขึ้นมาดื้อๆ แต่แล้วภรรยาคนสวยที่นั่งอยู่ด้วยก็เดินเข้ามาร่วมวงสนทนาทันที

“ได้ยังไงคะ อย่างน้อยก็ต้องมีพิธีในครอบครัวให้เป็นเรื่องเป็นราว พี่ชายพัชรทำแบบนั้นไม่ได้นะคะ เปรี้ยวไม่ยอม” จัดการสามีเสียงเขียวแล้วก็หันมายิ้มหวานโปรยเสน่ห์ให้ว่าที่ลูกเขย

“อรรคคิดอะไรไว้บ้างล่ะจ๊ะ แม่น่ะไม่เรียกสินสอดอะไรหรอกนะ รักกัน ดูแลกันดีๆ แม่ก็พอใจแล้ว”

ฝ่ายคุณชายค้อนภรรยาบ้าง ทีพิธีต้องมี แต่สินสอดไม่ต้องงั้นเหรอ...รู้หรอกว่าเมียเขารวยล้นฟ้า ดีไม่ดีจะรวยกว่าราชสกุลวิริยาด้วยซ้ำ แต่ไอ้ที่จะไม่มีอะไรในขันหมากเลยเห็นทีจะไม่ไหว ยังไงก็ต้องสมน้ำสมเนื้อ

“มันก็ต้องมีตามพิธี” คุณชายอ้อมแอ้ม “แต่จริงๆ นะ ผมไม่ซีเรียส จัดงานเลี้ยงเล็กๆ ในครอบครัวก็พอแล้วมั้ง มีเวลาแค่ไม่กี่เดือน ไม่ทันหรอก” คนที่เคยเร่งรัดจัดงานแต่งงานงานช้างในเวลาเดือนครึ่งมาแล้วบอกหน้าตาเฉย “ไว้เรียนจบกลับมาค่อยจัดการ จะได้มีเวลาดูรายละเอียดให้ครบถ้วน เป๊ปเปอร์ชอบความสมบูรณ์แบบ ให้มาทำอะไรลวกๆ คงไม่ยอม เผลอๆ จะพานทะเลาะกับคุณอรรคเปล่าๆ” ว่าที่พ่อตาขู่ว่าที่ลูกเขยรูปหล่อเต็มที่ แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมให้เขา

“มันจะดีเหรอครับ ผมอยากให้เกียรติเป๊ปเปอร์ ทำแบบนั้นมันเหมือนงุบงิบยังไงไม่รู้” อรรคพูดไปก็หันไปมองว่าที่แม่ยายไป ฝ่ายโน้นก็พยักพเยิดเห็นด้วยกับเขา “เดี๋ยวนี้ทีมออร์แกไนเซอร์เก่งจะตายครับ กระดิกนิ้วนิดเดียวก็สั่งได้ทุกอย่างสมใจ ผมว่าเรื่องความเพอร์เฟกต์ไม่ใช่ปัญหาหรอก” อรรคอยากจะต่อประโยคให้จบด้วยซ้ำว่าปัญหาจริงๆ น่ะยืนนิ่งอยู่กลางห้องในตำแหน่งเจ้าของตึกใหญ่ตรงนี้ไง

“นั่นสิ ลูกเราเป็นผู้หญิงด้วยนะคะ จากที่จะปกป้องชื่อเสียง จะกลายเป็นคนครหาเอาได้” ปวรศามองหน้าสามีแบบจริงจัง เรื่องนี้คงต้องคุยกันนอกรอบ กล่อมกันสองคน จะให้มาเถียงกันต่อหน้าบุคคลที่สามคงไม่เหมาะสม “แต่เดี๋ยวเราค่อยคุยในดีเทลกันอีกทีก็ได้ค่ะ ตอนนี้เปรี้ยวว่าเชิญคุณอรรคไปเฝ้าท่านพ่อก่อนนะคะ ยังไงท่านก็ยังเป็นประมุขของราชสกุลอยู่ ยิ่งเรื่องสำคัญแบบนี้ยิ่งต้องรีบทูล”

สิ่งที่ปวรศาบอกมาเป็นสิ่งที่เหมาะสมและสมควรอย่างยิ่ง แต่ใจคนเป็นพ่อนั้นกลับไม่อยากให้ใครรับรู้ว่าลูกสาวกำลังจะมีเจ้าของที่ไม่ใช่เขา อยากจะคุยกับน้องชายตัวดีก่อนเป็นคนแรก เผื่อทางนั้นจะหาวิธีกันอรรคมาแทนตัวเขาได้ หงุดหงิดไปหมดที่คิดจะขยับทำอะไรก็ไม่สะดวก เริ่มทุเรศความเกรงใจเมียของตัวเองจนถึงขั้นรับไม่ได้ก็วันนี้ ทั้งๆ ที่ปกติเขายืดอกภูมิใจด้วยซ้ำว่าไม่มีผู้ชายคนไหนตามใจเมียเท่าเขาอีกแล้ว

“เปรี้ยวว่าเราไปกันไหมคะ เดี๋ยวค่อยกลับมาคุยเรื่องรายละเอียดกันทีหลังก็ได้

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น