15

เปิดตัวคนรัก


15

เปิดตัวคนรัก

 

เมื่อเฝ้าท่านชายโชติรัตน์เรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดก็กลับมากันที่ตึกใหญ่อีกครั้ง ทั้งว่าที่ลูกเขยว่าที่แม่ยายมีสีหน้าแช่มชื่น เพราะประมุขแห่งราชสกุลวิริยาและชายาตื่นเต้นเห็นด้วยทุกประการ รีบโทร. หาโหรประจำราชสกุลเพื่อให้ดูฤกษ์ยามทันที มีเพียงคุณชายคนเดียวที่ยังทำหน้าเหมือนนิ่งเฉย ไม่ยินดียินร้ายอะไรทั้งนั้น

“ก็เอาอย่างที่หม่อมแม่บอกก็ดีนะคะ ถ้าพี่ชายพัชรไม่อยากให้เป๊ปเปอร์ต้องมาฟังเสียงพวกที่ชอบแอนตี้สังคม ก็จัดงานเรียบร้อยแล้ว ลูกไปเรียนต่อแล้ว เราค่อยส่งภาพให้สื่อ ทีนี้คุณอรรคจะบินไปเยี่ยมไปอะไรทีหลังมันก็คงไม่มีปัญหาให้ใครมานินทาแล้ว”

หม่อมราชวงศ์พชรฉัตรพยักหน้าก่อนจะวางแก้วเครื่องดื่มลง ยอมรับทั้งว่าสิ่งที่ภรรยาพูดเป็นทางออกที่ดีที่สุด และยอมรับในเสียงข้างน้อยหัวเดียวกระเทียมลีบของตนเองอย่างไม่มีข้อแม้ “ก็คงดีที่สุด”

“ส่วนเรื่องผู้ใหญ่ฝั่งคุณอรรค คุณอรรคก็ไปคุยรายละเอียดมาละกันนะคะ แม่ได้ฤกษ์จากโหรแล้วจะรีบโทร. ไปบอก”

ว่าที่ลูกเขยเลยได้แต่ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งคู่ที่ต้อนรับเขาอย่างดี เอื้อเอ็นดู ไม่รังเกียจลูกกำพร้าอย่างเขาโดยเฉพาะว่าที่แม่ยาย ส่วนคุณชายพชรฉัตรถึงแม้ว่าจะชอบออกอาการกันท่า หรือไม่ก็ตีหน้าขรึมใส่ แต่อรรคก็รู้ดีว่าหม่อมราชวงศ์พชรฉัตรเองก็คงไว้ใจเขาไม่น้อยถึงยอมให้คบหาดูใจกับไข่ในหินมาถึงวันนี้

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าการมาเจรจากับผู้ใหญ่ทางวิริยาจะเรียบร้อยไปได้ด้วยดี แต่อรรคก็อดหวั่นใจไม่ได้เมื่อท้ายที่สุดการจะทำเรื่องนี้ให้สวยงามสมเกียรติที่สุด คือเขาต้องเดินเข้าไปขอความช่วยเหลือจากผู้หญิงที่เกลียดเขาและเขาเกลียดที่สุดในโลก

“ขอบคุณคุณชายกับคุณแม่มากครับ ผมจะดูแลเป๊ปเปอร์อย่างดี”

“ค่ะ แม่ก็เชื่อว่าคุณอรรคจะดูแลเป๊ปเปอร์ได้ แม่กับพ่อฝากเป๊ปเปอร์ด้วย ขอให้ใช้เวลาระหว่างเป๊ปเปอร์เรียนหนังสือรักกันให้มาก เรียนรู้กันให้มากๆ เวลากลับมาแต่งงานกันจะได้อยู่กันอย่างมีความสุขนะลูก” ปวรศาพูดจบ ชายหนุ่มก็มาก้มกราบที่ตัก ก่อนจะทำท่าไม่แน่ใจตอนจะเคลื่อนตัวไปกราบที่ตักหม่อมราชวงศ์พชรฉัตร แต่แวบนึงในแววตาคุณชายพัชรแสดงให้เห็นว่าพอใจที่ชายหนุ่มมีกิริยาอ่อนน้อมเช่นนี้

“ขอบพระคุณคุณชายด้วยครับที่ให้โอกาสผม” มือหนาทาบลงบนตัก เกิดความอุ่นวาบในหัวใจเมื่อบุรุษสูงวัยตบบ่าเขา เพราะเขาเสียพ่อไปตั้งแต่อายุไม่เท่าไร

“เอาเถอะ...ลูกรักใคร ผมก็รักด้วย คุณเองก็ไม่มีข้อเสียอะไร ถือว่าผมฝากหัวใจของผมด้วยแล้วกัน”

 

คุณชุดา เดี๋ยวผมขอโทรศัพท์ส่วนตัวสักครึ่งชั่วโมง ถ้ามีอะไรด่วนส่งข้อความเข้ามาถามก่อนละกัน” อรรคต่อสายบอก

เลขานุการ ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ ตอนที่ต่อสายหาท่านผู้หญิงอัญชนาผู้เป็นญาติคนเดียวที่เหลืออยู่ในโลก รอสายไม่นานอีกฝ่ายก็ส่งเสียงทักทายอันอบอุ่นกลับมา

“ใครตายหรือตาอรรค ถึงโทร. หาป้าได้”

นั่นไง...ผิดจากที่คาดไว้ที่ไหน คนที่ตั้งแง่รังเกียจสายเลือดธรรมดาของมารดาเขาทักทายได้สนิทสนมดีแท้

“ไม่มีครับ ผมแค่มีเรื่องจะขอร้องคุณป้า ไม่ทราบว่าจะสะดวกพอให้ไปพบหรือจะให้เรียนทางโทรศัพท์ดีครับ” ถึงแม้ว่าจะไม่อยากเจอหน้าอีกฝ่ายแค่ไหน แต่มารยาทที่พึงกระทำตามวิถีคนได้รับการศึกษาและการอบรมสั่งสอนที่ดีก็ยังมีอยู่ เอ่ยถามด้วยเสียงและคำพูดที่สุภาพ แต่ยังคงความห่างเหินไว้อย่างชัดเจน

“โอ๊ย ท่านประธานใหญ่จะลดตัวมาเจอคนแก่อย่างฉัน สงสัยดวงกำลังขึ้น” ท่านผู้หญิงไม่วายประชดประชันตามประสา “มีอะไรก็พูดมาเถอะ ป้ารู้ว่าแกไม่ค่อยอยากจะเห็นหน้าป้า กลัวหลานคนเดียวที่เหลืออยู่จะขาดใจตายไปเสียก่อน”

“คือผมจะขอให้คุณป้าไปเป็นผู้ใหญ่ให้” อรรคจบประโยคที่สื่อความหมายครบถ้วนแค่นั้น รอคำตอบจากพี่สาวบิดา ในขณะที่อีกฝ่ายก็เงียบไปเช่นกัน

“แต่งกับใคร อย่าบอกนะว่าจับลูกสาวคุณชายพัชรสำเร็จ”

อรรคระงับอารมณ์ที่เริ่มขึ้น ไม่ผิดจากที่คิดไว้สักอย่าง แต่ปล่อยให้ป้าเขาจิกกัดไปเถอะ ตอนนี้ต้องขอความช่วยเหลือก็ต้องยอมให้ถึงที่สุด

“ครับ ผมจะหมั้นกับพชรหทัย ผู้ใหญ่ทางโน้นทราบเรื่องหมดแล้ว ตอนนี้รอฤกษ์อยู่ ผมคงไม่รบกวนอะไรคุณป้ามากไปกว่ารบกวนนั่งเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายชายให้หน่อย ให้ถือขันหมากไปแบบไม่มีผู้ใหญ่เกรงจะเป็นการหยามเกียรติคุณชายกับคุณปวรศา”

“แล้วสินสอด...”

“ผมไม่รบกวนเงินคุณป้าหรอกครับ” ชายหนุ่มถอนหายใจ รีบตัดบท ไม่อยากฟังอะไรที่แสลงใจมากกว่านี้

“เงินแกมันจะมีสักเท่าไหร่กันตาอรรค เล่นจะเอาลูกสาวคุณชายเป็นเมีย ยกไปห้าล้าน สิบล้าน ได้เสียชื่ออัครนันท์ตาย ถึงแกจะไม่นับถือป้า แต่คนในโลกเขาก็รู้ว่าแกเป็นหลานฉัน ทำอะไรหัดคิดถึงชาติตระกูลบ้าง อย่าเอาแต่ตัวเองแบบพ่อแก”

นิ้วเรียวคลึงหัวตาเบาๆ นี่ถ้าเป็นเรื่องอื่นเขาจะตัดสายทิ้งไปเลย แล้วหาทางจัดการเอง แต่พอเป็นเรื่องนี้อรรคกลับต้องข่มความไม่พอใจลงในอก คงทุเรศไม่น้อยหากจะต้องยกขันหมากไปขอสาวคนเดียว หรืออย่างดีก็มีแค่เพื่อนสามสี่คนเดินไปข้างๆ

“ผมจัดการให้คุณป้าไม่อายใครแน่ๆ ครับ” ชายหนุ่มบอก เขาไม่เคยต้องแจงบัญชีทรัพย์สินให้ใครทราบ และคนส่วนใหญ่ก็คงคิดว่าเขามีส่วนได้ส่วนเสียในทรัพย์สินของอัครนันท์ไม่น้อย แต่อันที่จริงแล้วอรรคมีแค่เงินเก็บของบิดาบางส่วน ถึงจะไม่ได้เศษเสี้ยวของเงินถังของผู้เป็นป้า แต่ก็มากพอสมควรชนิดเรียกได้ว่าเป็นเศรษฐี ชายหนุ่มจึงเอาเงินบางส่วนมาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ต่างประเทศ เล่นมาหมดทั้งหุ้นพื้นฐานดี ทั้งหุ้นปั่น ซื้อแม้กระทั่งพันธบัตรรัฐบาล เรียกว่ามือขึ้นตลอดจนรวยขึ้นกว่าเดิมไม่รู้กี่เท่า ไม่นับเงินที่ได้จากการทำงานก่อนกลับเมืองไทยในฐานะผู้บริหารธนาคารอยู่หลายปี จึงเรียกได้ว่าเขามีฐานะไม่น้อยหน้าพชรหทัยเลยละ

“อรรค นี่รู้ไหมว่าบ้านนั้น เอางี้...ตอนคุณชายเขายกขันหมากไปขอปวรศาเลื่องลือกันไปเป็นปีๆ ว่าสินสอดเยอะขนาดไหน แล้วนี่ลูกสาวเขา ลูกสาวคนเดียว แกจะเอาเงินเอาอะไรไปให้สมศักดิ์ศรีเขา” คนที่อยากยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือดูแลหลานบ้างแต่สื่อสารไม่เป็นพยายามพูด “แล้ววันหลังตอนเข้าไปคุยอะไรกับที่วังน่ะช่วยเห็นแก่หัวหงอกหน่อยนะ โทร. มาบอกป้า ป้าจะเข้าไปคุยกับที่วังให้ ไหนจะท่านชายอีก” หัวหงอกคนเดียวที่เหลือในตระกูลบ่นไปแหวไปด้วยความเคยชิน

“ผมเฝ้าแล้วก็ทูลท่านชายไปแล้วครับ”

“แกนิ! ใครสั่งใครสอน มันใช่เรื่องที่จะมาหยิ่งไม่เข้าท่าไหม ตาอรรค” ท่านผู้หญิงอัญชนาถอนใจเฮือก “โทร. ไปนัดที่วังเลยนะ เอาวันไหนก็ได้ที่ท่านชายโปรดให้เข้าเฝ้าได้ ป้าจะไปทูลให้เป็นเรื่องเป็นราว ให้มันถูกต้องตามประเพณีอีกที”

 

และก็ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจอะไรหากงานหมั้นที่น่ารักอบอุ่นเป็นกันเองจะถูกจัดขึ้นได้ทันวันที่กำหนด อย่างสมบูรณ์แบบทุกอย่าง เพราะทั้งแรงเงินและแรงคนถูกทุ่มลงไปแบบไม่ยั้ง เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามความปรารถนาของหม่อมหลวงพชรหทัย

“สวยมากเลยค่ะคุณอรรค” หญิงสาวนั่งมองภาพจำลองแบบสี่มิติที่ทางทีมงานส่งมาให้ดูรอบสุดท้ายก่อนจะถึงวันงานในอีกสามวันข้างหน้า หน้าสวยจัดยิ้มพอใจจนตาหวานเป็นประกายระยิบระยับ เล่นเอาชายหนุ่มที่จะได้เป็นคู่หมั้นในอีกไม่กี่วันอยากโยนปากกาทิ้งแล้วฟัดเจ้าตัวแทบแย่

 “พี่ก็ดีใจครับ ว่าแต่จะไม่ไปกับพี่จริงๆ เหรอ” อรรคพยายามหว่านล้อมให้พชรหทัยไปร่วมงานสังสรรค์เล็กๆ ที่เพื่อนสนิททั้งสองคนของเขาออกปากว่าขอเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารสักมื้อ โดยหากว่าที่คู่หมั้นของชายหนุ่มว่างก็เชิญมาในคราวเดียวกันด้วย ทว่าหม่อมหลวงวัยสิบแปดกลับต้องไปพบอากง หรือเจ้าสัวใหญ่แห่งออยล์เทค ที่เรียกหญิงสาวไปไหว้เจ้าตามประเพณีเดิมก่อนเข้าพิธีมงคล

“ก็ต้องไปหาอากงไงคะ ไว้เปอร์เสร็จธุระกับอากงเรียบร้อยแล้ว หากไม่ดึกมาก เปอร์จะตามไปดีไหมคะ”

“เอางั้นก็ได้ แต่พี่อยากให้เป๊ปเปอร์ไปด้วย” คนตัวโตที่ปิดแฟ้มเล่มสุดท้ายลงบอกเสียงอ่อน เริ่มเก็บของเพราะได้เวลาที่จะออกไปหาคุณตาของสาวน้อยแล้ว ใจหนึ่งก็ดีใจที่จะได้แสดงความเป็นเจ้าของสาวสวยของเขา อีกใจหนึ่งก็ว่างโหวงที่เจ้าตัวต้องห่างไปเรียนต่อถึงสี่ปี เลยอยากใช้เวลาทุกวินาทีที่หญิงสาวยังอยู่ที่นี่อย่างคุ้มค่าที่สุด

“แล้วนี่เสื้อผ้าของคุณอรรคเรียบร้อยไหมคะ เปอร์โทร. ไปถามที่ร้านให้ เขาบอกคุณอรรคเข้าไปฟิตติงครั้งสุดท้ายแล้ว” หม่อมหลวงพชรหทัยเอาใจใส่ “อยากให้เปอร์แวะไปเอาให้ไหมคะ” หล่อนไม่มีความรับผิดชอบใดๆ เลยในช่วงนี้ เรื่องสมัครเรียนต่อก็ได้รับการตอบรับกลับมาจากมหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้ว งานหมั้นที่กำลังจะมีก็มีทีมงานมืออาชีพคอยดูแล แถมคุณแม่ยังลงมาคุมงานเอง เรียกได้ว่าสาวน้อยคนสวยของตึกใหญ่ไม่ต้องเหนื่อยใจเหนื่อยแรงใดๆ

“เป๊ปเปอร์เหนื่อยหรือเปล่า เดี๋ยวพี่ให้คุณชุดาแวะไปเอาก็ได้” ปากพูดไปแบบนั้น แต่ชายหนุ่มหัวใจพองฟู เมื่อได้รับการดูแลเล็กๆ น้อยๆ จากคนรัก ยิ่งหลงคนตรงหน้ามากขึ้นไปอีก

สาวน้อยของเขายิ้มหวาน เงยหน้าจากจอที่ใช้ตรวจสอบความสมบูรณ์ของงาน “เหนื่อยได้ยังไงคะ เปอร์แทบจะไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากลองชุด คุณอรรคต่างหาก งานก็ต้องทำ แถมยังต้องคอยไปคุยเรื่องงานกับคุณแม่ที่วังอีก ถ้ามีอะไรที่เปอร์ทำได้ ก็ให้เปอร์ดูแลคุณอรรคบ้างเถอะค่ะ”

 

รถยุโรปรุ่นท็อปสุดของท่านประธานแห่งวิริยะทรัพย์เลี้ยวจอดหน้าท่าเทียบรถ ก่อนที่ชายหนุ่มจะเปิดประตูหลังลงมาก่อนแล้วถึงส่งมือรับว่าที่คู่หมั้นให้ก้าวตามลงมา มีแม่บ้านรอรับอยู่หน้ามุข

หม่อมหลวงพชรหทัยยกมือไหว้อีกฝ่ายแบบไม่สนใจว่าทางโน้นเป็นคนรับใช้ในบ้านคุณตา แต่ถือแค่ว่าอีกฝ่ายมีอายุมากกว่า

“อากงล่ะคะ” เสียงหวานถามขึ้นทันที

ชายหนุ่มยกมือไหว้แม่บ้านสูงวัยตาม จนคนกินเงินเดือนเขาอดชื่นชมในใจในความไม่ถือตัวไม่ได้

“รออยู่ชั้นสองค่ะ เจ้าสัวบอกว่าถ้าคุณเป๊ปเปอร์กับแฟนมาแล้วให้ขึ้นไปเลย”

หญิงสาวหน้าแดงเรื่อเล็กน้อยเมื่อมีคนเรียกอรรคว่าเป็นแฟนหล่อนแบบเต็มปากเต็มคำ เขินหน้าแดงทั้งๆ ที่จะหมั้นกันอยู่ร่อมร่อ

“แล้วคุณแม่ละคะ” พชรหทัยหมุนข้อมือเรียวดูเวลาเล็กน้อย “ไม่เห็นรถเลย ยังมาไม่ถึงเหรอ”

“คุณเปรี้ยวหวานมาถึงสักพักแล้วค่ะ แต่รถวนไปรับคุณปราบกับคุณเปรม”

รับรู้แค่นั้นหญิงสาวก็ก้มหัวเล็กน้อย ยิ้มหวานให้คนดูแลบ้าน ก่อนจะเดินนำอีกฝ่ายเข้าพบคนที่ได้ชื่อว่ารวยติดอันดับโลก

“สวยอะไรแบบนี้ เป๊ปเปอร์มาหาอากงใกล้ๆ เร็ว อากงคิดถึง” คนที่ท่าทางจะหลงหลานมากกว่าลูกอ้าแขนรับหลานสาวที่เดินเร็วๆ เข้ามาหา ก่อนเจ้าตัวจะทรุดนั่งกับพื้น กราบที่ตักผู้เป็นตา กอดขาผู้สูงวัยไว้ ด้านหลังมีชายหนุ่มตัวสูงนั่งพับเพียบอยู่ข้างๆ ก่อนจะยกมือสวัสดีเจ้าของบ้านท่าทางอ่อนน้อม

“คุณอรรคคะ นี่ไงคุณตาที่ใจดีที่สุดในโลก” คราวนี้พชรหทัยเบี่ยงตัวออกเพื่อให้อรรคได้เข้ามาทำความเคารพเจ้าสัวปรเมธีได้ง่ายขึ้น ก่อนหน้าสวยจัดจะเงยขึ้นเพื่อแนะนำคนรักบ้าง “อากง นี่คุณอรรคที่คุณแม่รักนักหนา รักจนคุณพ่อตกกระป๋อง” หญิงสาวเอาเรื่องจริงมาพูดเล่น

“แซ็วแม่...เดี๋ยวเถอะ” เสียงปวรศาแว่วมาจากประตูทางเข้าห้องนั่งเล่น ก่อนเจ้าตัวจะเข้ามานั่งลงข้างผู้เป็นพ่อ และเชื้อเชิญให้ทั้งคู่ขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ “พาอรรคนั่งบนโซฟาสบายๆ เป๊ปเปอร์ พี่เขาตัวโต นั่งพับเพียบประจบอากงนานๆ แบบเราไม่ไหวหรอก”

ประจำที่เรียบร้อย ประมุขใหญ่ก็ออกปากถามถึงงานที่จะมาถึงในอีกไม่เกินเจ็ดสิบสองชั่วโมงข้างหน้า “ทุกอย่างเรียบร้อยดีนะ” ชายชราที่ยังดูแข็งแรงดียกน้ำชาขึ้นจิบ

“มีไรให้กงช่วยไหม ขาดเหลืออะไรหรือเปล่า” เจ้าสัวปรเมธีพูดกับหลานสาว แต่ลูกสาวในฐานะแม่งานใหญ่กลับตอบแทน

“ค่ะคุณป๋า เรียบร้อยทุกอย่าง เพอร์เฟกต์กว่าสมัยเปรี้ยวแต่งงานอีก” คนที่ไม่รู้ตัวว่าเป็นคนถ่ายทอดยีนรักความสมบูรณ์แบบให้ลูกสาวเอ่ยปากรายงาน “แขกไม่เยอะมากด้วย ทุกอย่างเลยสบายๆ” ปวรศายังพูดต่อ เรื่องจัดงานแบบนี้งานถนัด เคยเลี้ยงทั้งลูกน้องบริษัทตัวเองและช่วยดูงานให้บริษัทสามีบ้าง จนการจัดงานสเกลร้อยคนเป็นเรื่องขี้ปะติ๋ว

พชรหทัยเบิกตากว้าง ถึงแม้จะไปร่วมงานเลี้ยงใหญ่ๆ ตลอด แต่ตอนเห็นรายละเอียดการจัดงานของตัวเองก็อดใจหายไม่ได้เหมือนกัน เพราะมีเรื่องต้องทำล้านแปดไปหมด

“ไม่เยอะยังไงคะ นี่ก็ร่วมสามสี่ร้อยคน คุณพ่อบ่นเปอร์ทุกวันว่ามันเลยคำว่างานเล็กๆ ไปแล้ว” พชรหทัยอดฟ้องไม่ได้ว่าคนที่ไม่กล้ากับเมียแต่มาลงกับลูกพูดอย่างไร

“อันที่จริงคุณแม่ไม่ต้องเหนื่อยขนาดนี้เลยนะครับ คุณป้าเองก็อาสาจะเป็นแม่งานให้” อรรคจำต้องยอมรับว่าต่อให้ป้าของเขาจะพูดจาไม่เคยเข้าหู แต่งานนี้เจ้าตัวก็ดูจะทุ่มเทในการช่วยงานมาก จะเพราะอยากรักษาหน้า หรืออยากได้หน้าที่จะได้ดองกับราชสกุลวิริยาก็ไม่อาจรู้ได้

                “โอ๊ยย ได้ยังไงอรรค ใครจะไปกล้าใช้ท่านผู้หญิง” ปวรศาโบกมือโบกไม้ “แถมคู่หมั้นเราน่ะเรื่องมากยังกับอะไร ดอกไม้วางผิดองศาไปสักมุมคงได้หงุดหงิดทั้งวัน ให้แม่คุมให้น่ะดีแล้ว”

“จริงค่ะ คุณแม่รู้ใจเปอร์ที่สุดด้วย”

“แล้วนี่ทำไมไม่ตบแต่งกันไปให้เรียบร้อย จะมาหมั้นให้มันคาราคาซังกันไปทำไม” คนแก่ถามหน้าตาเฉย สมัยเขาก็แต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อย ลูกสาวเขาถึงจะแต่งตอนอายุมากกว่าพชรหทัย แต่ก็ไม่ได้อายุมากอะไรนัก พอดีเบญจเพสแค่นั้น แถมตอนนี้หลานสาวก็เรียนจนจบแล้ว ไม่เห็นมีอะไรต้องติดขัด

“โธ่...อากง เปอร์เพิ่งสิบแปด ขอไปเรียนต่อ ไปดูโลกข้างนอกก่อนสิคะ” หน้าสวยซับสีเลือดแดงไปหมด สบตาว่าที่คู่หมั้นข้างๆ นิดหนึ่ง และได้รับรอยยิ้มและแววตาแห่งความเข้าอกเข้าใจกลับมา

“แล้วเราล่ะ ไม่ขัดไม่แย้งอะไรเลยหรือไง” คราวนี้คุณตาหันไปจี้เอากับว่าที่หลานเขยที่ไม่ออกความเห็น มีแต่รอยยิ้มติดมุมปาก ท่าทางเอ็นดูพิศวาสหลานสาวมหาเศรษฐีไม่น้อย จนไม่ขัดใจอะไรสักอย่าง “เป็นผู้ชายต้องเป็นผู้นำครอบครัว ตามใจได้ แต่ไม่ใช่ทุกเรื่องนะ”

“ครับเจ้าสัว” อรรคก็ได้แต่ยิ้มเหมือนเดิม แต่พยักหน้ารับคำ “ให้น้องไปเรียนตามที่อยากเถอะครับ สามสี่ปีไม่นานเลย ผมรอได้”

“ดี โอ๋กันแบบนี้ อีกไม่นานหรอกคงเหมือนเปรี้ยวหวานมัน ผัวโอ๋จนใครห้ามอะไรก็ไม่ได้” คนแก่บอกแบบอ่อนใจ ไอ้ตอนลูกเขยคุณชายจีบลูกสาวเขา ดูท่ามันก็จัดการได้อยู่หมัดดีอยู่หรอก แต่ไม่รู้ทำกันอีท่าไหน อยู่ๆ มาถึงยอมเมียเสียราบคาบแบบทุกวันนี้

“ไม่หรอกครับ จริงๆ ผมเอาแต่ใจมาก ตามใจเฉพาะเรื่องที่ผมสมยอมด้วยเท่านั้นแหละครับ” สิ้นคำตอบ อรรคก็ได้รับเสียงหัวเราะดังก้องห้องจากเจ้าสัวปรเมธีเป็นคำตอบรับเข้าสู่ครอบครัว ท่าทางผู้สูงวัยจะชอบใจว่าที่คู่หมั้นหลานสาวไม่น้อย

 

มาหาพี่นะครับ เดี๋ยวพี่ให้รถวนไปรับอรรคที่เริ่มมึนเพราะเครื่องดื่มออดอ้อนคนรัก หลังจากขอตัวมาคุยโทรศัพท์ตื๊อให้หญิงสาวตามมาหา เขารู้จากการส่งข้อความคุยกันตลอดเวลาว่าหญิงสาวปฏิบัติภารกิจของครอบครัวเสร็จสิ้นแล้ว

“ก็ว่าจะไปอยู่ค่ะ อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็แยกย้ายละค่ะ” คนที่เพิ่งไหว้เจ้าเสร็จบอกคนรักเสียงเนือยหลังจากโดนควันธูปรมอยู่เป็นชั่วโมง เพิ่งจะได้อาบน้ำสระผมใหม่จนเนื้อตัวหอมกรุ่นก็รีบคว้าโทรศัพท์โทร. หาคนรักที่โทร. มามิสคอลไว้หลายสาย

“งั้นพี่ให้รถออกไปหาเลยนะครับ” ชายหนุ่มดีใจที่จะได้เจอคนรักทั้งๆ ที่เพิ่งแยกจากกันไม่กี่ชั่วโมง เอาอกเอาใจเต็มที่ อยากให้มาอยู่ใกล้ อยู่ในสายตาโดยไว

“ไม่ต้องค่ะ เดี๋ยวเปอร์ให้พี่ปราบกับพี่เปรมไปส่ง สองหนุ่มนั่นจะไปหาเพื่อนต่อแถวๆ ที่คุณอรรคอยู่ เดี๋ยวเปอร์ถึงแล้วเปอร์โทร. หาค่ะ ไม่น่าจะเกินสี่สิบห้านาทีก็ถึงค่ะ”

“โอเคครับ งั้นใกล้ถึงแล้วเป๊ปเปอร์โทร. หาพี่นะ เดี๋ยวพี่ลงมารอรับ”

ชายหนุ่มทอดเสียงหวานอ้อนสาวน้อย จนคนที่มายืนฟังอยู่ข้างหลังพักใหญ่อดเบ้ปากไม่ได้ รู้จักกับชายหนุ่มมาเป็นสิบๆ ปี ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะได้รับกิริยาอ่อนโยนแบบนี้จากเขา ร่างหนาค่อยๆ หันมา หน้าหล่อยังเปื้อนยิ้มแบบคนมีความสุขเต็มประดา ก่อนจะจืดเจื่อนลงเล็กน้อยตอนเห็นอิงอรยืนอยู่ ถึงบทสนทนาจะไม่มีความลับ แต่การที่อีกฝ่ายมายืนฟังแบบนี้ก็ดูจะเป็นการโดนรุกล้ำความเป็นส่วนตัวไม่น้อย

“อ้าวอร มีไรหรือเปล่า” มือหนาค่อยๆ หย่อนโทรศัพท์ลงในกระเป๋าด้านในสูท ท่าทางชวนฝันจนอิงอรเคลิ้มเหมือนทุกครั้งที่ได้เห็น ไม่ได้รับรู้เลยว่าชายหนุ่มไม่พอใจพฤติกรรมของตนเองมากแค่ไหน

ส่ายน้อยๆ พร้อมรอยยิ้ม “ไม่มีค่ะ อรเห็นอรรคออกมานานแล้วเลยตามมาดู หายมาทำอะไรตั้งนาน”

อรรคขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ยังควบคุมอารมณ์ตอบเพื่อนได้ดี ไม่ใช่หน้าที่ของหล่อนที่จะต้องมาตามเฝ้าเขา และก็ไม่ใช่หน้าที่ของเขาที่ต้องรายงานหล่อน

“ก็บอกแล้วนิว่าออกมาคุยโทรศัพท์กับเป๊ปเปอร์”

“แหม ต้องคอยรายงานตัวเป็นเด็กๆ เลยนะ” หญิงสาวพูดติดขำ “อย่างว่า แฟนอรรคก็เด็กจริงๆ” น้ำเสียงตอนท้ายติดจะประชดจนอรรคสัมผัสได้

เขารู้มาตลอดว่าเพื่อนต่างเพศคนนี้คิดกับเขามากกว่าเพื่อน แต่ไม่คิดว่าจะเอาอารมณ์ไปลงกับพชรหทัย สัญชาตญาณความเป็นเจ้าของในตัวเลยร้องบอกให้ปกป้องหล่อน

“ผมเป็นคนโทร. หาเขาเองแหละอร” เสียงทุ้มปนอ่อนใจดังขึ้น “เป๊ปเปอร์ไม่เคยบอกให้ทำอะไรทั้งนั้น ผมเต็มใจของผมเอง”

ได้ยินแบบนั้นความทุกข์ที่ถาโถมมาตั้งแต่รู้ว่าอรรคจริงใจกับเด็กคนนั้น และเพิ่มขึ้นมาตลอด จนวันที่รับรู้ว่าคนที่หล่อนหลงรักมาตลอดจะเข้าพิธีหมั้นกับหม่อมหลวงที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกศิษย์หล่อนก็กระแทกหน้าเข้าจังๆ จนเจ้าตัวแทบล้มทั้งยืน

“อรรค...อรรครักเขาจริงๆ ใช่ไหม” คนไม่มีอะไรจะเสียเพราะเสียใจไปหมดแล้วยอมบากหน้าถาม จากที่เก็บความรู้สึก ไม่ยอมพูดมาตลอด วันนี้จะยอมอายบอกให้อีกฝ่ายรู้ เผื่อจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้

“ไม่รักผมจะหมั้นกับเขาเหรออร” ท้ายประโยคทอดเสียงแบบเหนื่อยใจเล็กน้อย ไม่อยากพูดเรื่องที่ต้องทำให้ผิดใจกับคนที่นับเป็นเพื่อน แต่จะให้เป็นแบบนี้ต่อไปก็คงไม่ดี ยิ่งเขาจะมีเจ้าของเป็นตัวเป็นตนยิ่งต้องทำทุกอย่างให้ชัดเจน ถึงแม้จะไม่อยากทำให้อิงอรเสียความรู้สึก แต่เขาต้องรักษาน้ำใจพชรหทัยให้มากที่สุด

“แล้วอรรคเคยรู้ไหมว่าอรรักอรรคมาตลอด” เสียงคุ้นหูสารภาพสั่นๆ “เป็นอรได้ไหมอรรค” ตาที่ชายหนุ่มรู้ว่ามองเห็นแต่เขามาตลอดคาดคั้นเอาคำตอบ

อรรคถอนใจ เปิดปากพูดตรงๆ ไม่ให้ค้างคา ตัดไฟแต่ต้นลมไปเลยดีกว่า

“อร...ผมรู้มาตลอดว่าคุณคิดกับผมเกินเพื่อน เชื่อเถอะ ถ้าผมคิดแบบเดียวกัน ต่อให้อรไม่ชอบผม แต่ผมชอบอรอยู่ฝ่ายเดียว ผมไม่ปล่อยให้เวลาผ่านมาเป็นสิบปีแบบนี้แน่” คำปฏิเสธแบบละมุนละม่อมออกมาจากบุรุษหน้าตาหล่อเหลา เขาพูดแบบไม่ทิ้งเวลาคิดรอบที่สองเลย

“ทำไมล่ะอรรค อรมีอะไรไม่ดีพอสำหรับอรรคเหรอ ฐานะ หน้าตา การศึกษา อรก็ไม่ได้แย่ไปกว่าเด็กนั่นสักอย่าง หรือแค่เพราะมันเป็นหม่อม หรือเพราะมันเป็นลูกเจ้านาย เพราะอะไร ตอบอรหน่อยได้ไหมว่าทำไมเป็นอรไม่ได้” อาจารย์คนสวยถามเสียงสั่นด้วยคำถามที่ถามตัวเองมาตลอด น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว แล้วก็รู้สึกเหมือนโดนตบหน้าฉาดใหญ่จากคำตอบสั้นๆ ของคนที่รักมาตลอด

“ไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้นอร ผมแค่รักเขา” คนตัวโตถอนใจ แววตาที่มองเพื่อนสนิทมีแต่ความจริงใจในคำพูดผสมกับความแข็งกร้าวบางอย่าง “แล้วขอร้อง อย่าหาเรื่องว่าเป๊ปเปอร์อีก”

เหมือนนอตระงับอารมณ์หลุดไปแล้วตอนที่อิงอรได้ยินเต็มๆ สองหูว่าผู้ชายที่หล่อนรักรักผู้หญิงอื่น เสียงหวานที่เคยพูดจาเนิบนาบกลับเพิ่มระดับความดังขึ้นตามคลื่นอารมณ์

“อรรคจะรักเขาได้ยังไง อรรคเพิ่งรู้จักเขานะ”

“ของบางอย่างแค่เห็นเราก็รู้แล้วนะอร อีกอย่าง อรน่าจะรู้ว่าคนอย่างผมรู้ความต้องการของตัวเองเสมอ และผมไม่มีความจำเป็นต้องแต่งงานกับใครเพราะฐานะทางสังคมเลย”

“แต่อรรค...”

“เชื่อผมเถอะอร...ผมขอบคุณความรู้สึกดีๆ ที่อรมีให้ แต่ผมเห็นอรเป็นแค่เพื่อน เพื่อนที่ดีของผม”

คนที่โดนตัดรอนกลับไม่ย่อท้อ เอื้อมมือจับต้นแขนแกร่งของชายหนุ่มที่สูงเลยหัวหล่อนไว้ สัมผัสได้ว่าเขาเกร็งกล้ามเนื้อทันที ยิ่งทำให้เจ็บ เจ็บกว่าที่เจ็บมาไม่รู้กี่เท่า

“อรรักอรรคมานาน มั่นคงมาตลอด รู้จักอรรคดีทุกอย่าง”

“แต่ผมไม่ได้รักอร” น้ำเสียงเขายังแน่วแน่ จนอิงอรยิ่งสะอึก ยิ้มจืดเจื่อนให้อีกคน พยักหน้ายอมรับ ทั้งๆ ที่น้ำตาไหลเป็นสายเรียบร้อยแล้ว

“ชัดแล้วอรรค...เอาเป็นว่าอรจะจัดการกับความรู้สึกตัวเอง แล้วขอแสดงความยินดีด้วยละกันนะ”

“ขอบใจอรมาก งั้นผมเข้าข้างในก่อนนะ”     

แค่คล้อยหลังอรรคไปหน้าสวยที่ยิ้มเมื่อครู่ก็เปลี่ยนอารมณ์ พูดเบาๆ เหมือนย้ำกับตัวเองมากกว่าจะบอกให้ใครรู้

“แล้วอรจะทำให้อรรครู้ ว่าท้ายที่สุดแล้วก็มีแต่อรนี่แหละที่รักอรรคมากที่สุด”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น