10

สัมผัสรัก


10

สัมผัสรัก

 

พชรหทัยหลับไปนานเท่าไรไม่รู้ แต่เมื่อรู้สึกตัวก็พบว่าตัวเองอยู่บนเตียงในห้องพักเรียบร้อยแล้ว ตาหวานมองเพดานขาวเพื่อปรับโฟกัสภาพให้ชัดเจนอยู่พักใหญ่ ก่อนจะค่อยขยับตัวลุกขึ้นแล้วพบว่าเป็นเวลาเกือบห้าโมงเย็นแล้ว แต่ยังไม่ทันได้คิดอ่านอะไรต่อก็มีเสียงคุ้นหูดังแว่วขึ้น

“ตื่นแล้วเหรอ” ณวัฒน์ที่นั่งดูทีวีแบบไม่เปิดเสียงถามขึ้น “ทานอะไรหน่อยไหม เปอร์ไม่ทันได้ทานข้าวเที่ยง ณะเรียกยังไงก็ไม่ตื่น เป็นห่วงแทบแย่รู้ไหม” หนุ่มร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นนั่งบนเตียงเรียบร้อยแล้วมือหนาก็ลูบหน้าสวย ของพชรหทัยที่กำลังแดงขึ้นเพราะความใกล้ชิดขณะนี้

หญิงสาวส่ายหน้าน้อยๆ จะออกปากไล่ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนช่วยดูแลก็เสียมารยาท จะให้เขาอยู่แบบนี้ก็ไม่ควร

“เปอร์หายแล้ว ณะอยู่ในห้องนี้มาตลอดเลยเหรอ” หน้าสวยเบี่ยงออก รู้สึกถึงความไม่เหมาะสมขึ้นมาทันทีทันใด “ณะเขยิบออกไปหน่อยสิ ใครมาเห็นเข้ามันจะไม่ดี”

ฝ่ายลูกชายนักธุรกิจใหญ่ที่เผลอตัวไปกันใหญ่ขยับตัวนิดหน่อย แต่ในเมื่อมีโอกาสทองแบบนี้อยู่ในมือแล้ว เรื่องอะไรเขาจะปล่อยให้มันหลุดลอยไป

“ใครจะมาเห็นล่ะ เราอยู่ในห้องกันสองคน” ฝ่ายชายหรี่ตาลงสื่อความหมายแปลกๆ ผ่านแววตา “ต่อให้อยู่กันทั้งวันทั้งคืนก็ไม่มีใครเห็นหรอกว่าเราทำอะไร แล้วเปอร์จะกลัวทำไม” ชายหนุ่มร้อนใจเมื่อคิดว่าแค่อยู่กับเขาแบบไม่มีใครรู้หล่อนกลับทำท่ารังเกียจ ในขณะที่ไปดินเนอร์ควงแขนกับผู้ชายแก่กว่าเป็นสิบๆ ปี เจ้าตัวกลับหน้าระรื่นไม่สนใจว่าใครจะครหาอย่างไร

พชรหทัยได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งขยับตัวหนี ยิ่งฟังยิ่งดูล่อแหลมไปกันใหญ่ มือบางพยายามดันตัวเพื่อนสนิทให้ลุกขึ้นจากเตียง ทว่าณวัฒน์กลับคว้าข้อมือเล็กๆ ทั้งสองข้างไว้แน่น

“จะทำอะไรณะ!” เสียงหวานแหวไม่เบา ทั้งตกใจทั้งโกรธที่ณวัฒน์ทำอะไรแบบนี้ “ลุกออกไปเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นเปอร์โกรธจริงๆ ด้วย”

อีกฝ่ายกลับยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ แถมเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้จนพชรหทัยกลัวใจเขา เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าอีกฝ่ายคิด กับหล่อนเกินเพื่อน

“ถ้าณะทำขึ้นมาจริงๆ เป๊ปเปอร์ไม่มีโอกาสได้โกรธหรอก” ณวัฒน์ขู่ไปแบบนั้น ถึงเขาจะอยากได้พชรหทัยมากแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยคิดจะหักหาญน้ำใจหญิงสาวให้มาเป็นของตัวเองโดยไม่สมัครใจ ไม่อย่างนั้นเขาไม่เที่ยวกันท่าคนอื่นมาสามปีแบบนี้หรอก คงบังคับขู่เข็ญเจ้าตัวแทนไปแล้ว

“แต่ณะไม่ทำ เพราะณะให้เกียรติเป๊ปเปอร์ แบบที่ณะเคยบอกว่าณะชอบเป๊ปเปอร์ ไม่ได้ชอบแบบที่เจ้าชู้ใส่คนอื่นด้วย แต่ชอบแบบอยากให้มาเป็นคู่ชีวิตกัน” น้ำเสียงกับแววตาเอาจริงทำเอาพชรหทัยหน้าร้อนผ่าว

“เปอร์คบกับคุณอรรค” ประโยคบอกเล่าโพล่งออกมาจากปากสวย เล่นเอาชายหนุ่มในห้องเม้มปากแน่น เจ็บแปลบขึ้นมาในอกลึกๆ ผู้หญิงคนนี้เก่งเรื่องทำเขาเสียใจจริงๆ

“ณะรู้...ไม่ต้องย้ำ...แค่อยากบอกให้รู้ไว้ว่าณะไม่ได้หมาหยอกไก่กับเป๊ปเปอร์ ณะชอบจริงๆ”

“แต่เราเป็นเพื่อนกันก็ดีอยู่แล้วนิ” พชรหทัยยิ่งพูดไม่ออก กลัวว่าหักหาญน้ำใจเขา แล้วเขาจะโมโหขืนใจ หล่อน เพราะสถานการณ์ตอนนี้หล่อนเป็นรองทุกอย่าง “คนรักกันเลิกกันก็เป็นคนอื่น แต่เพื่อนกันมันเลิกกันไม่ได้นะ ณะ ยังไงณะก็ได้อยู่ในชีวิตเปอร์แบบนี้ไปตลอดนะ”

และเพราะประโยคนั้น ประโยคที่พชรหทัยจำกัดเขาไว้แค่สถานะเพื่อนทำเอาณวัฒน์ถึงกับห้ามใจไม่ไหว กดจูบหนักๆ ลงบนปากอิ่มสีแดงสด ในขณะที่หม่อมหลวงเป๊ปเปอร์ใช้เวลาอยู่หลายวินาทีกว่าจะได้สติจากการรุกรานนั้น แล้วถึงดิ้นขลุกขลัก แต่แล้วณวัฒน์ก็ถอนจูบออกเอง

“แต่ถ้าณะเป็นแค่เพื่อน ณะจะไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้ไง เป๊ปเปอร์” พูดจบเจ้าตัวก็ลุกขึ้นจากเตียง ปล่อยหญิงสาวนั่งอึ้ง ทั้งโกรธทั้งช็อกอยู่คนเดียวในห้อง โดยไม่เหลียวหลังกลับมามองผลการกระทำของตัวเองอีกเลย

 

ในขณะที่พชรหทัยกำลังรวบรวมสติจากเรื่องที่เกิดขึ้น ฝ่ายอรรคก็กดโทรศัพท์หาคนรักไม่ได้หยุดมาตั้งแต่เที่ยง ปกติพชรหทัยจะรับโทรศัพท์เขาทุกครั้ง หรือตอบข้อความเขาตลอด แต่นี่หลังจากที่เขาส่งข้อความไปหาเมื่อช่วงกลางวันอยู่พักใหญ่แล้วไม่ได้รับการตอบรับ ชายหนุ่มก็ตัดสินใจโทร. หาทั้งๆ ที่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่โทร. มารบกวนช่วงเวลาที่หญิงสาวต้องทำกิจกรรมต่างๆ แต่กลับไม่ได้รับการตอบรับใดๆ ทั้งสิ้น จนนี่ล่วงมาเกือบหกชั่วโมงแล้ว ไม่รู้เจ้าตัวมัวไปทำอะไรอยู่

อรรคเดินวนไปวนมาอยู่ในบ้านหลังใหญ่อีกครู่หนึ่งจนคนรับใช้ถึงกับเวียนหัว เพราะเจ้านายหนุ่มหล่อเดินไป บ่นไป โทรศัพท์ไปไม่ได้หยุด

“ไปเตรียมรถคันใหญ่ไว้วันนี้เลย ฉันจะเปลี่ยนไปวันนี้” อรรคสั่งคนในบ้าน ทั้งๆ ที่เมื่อสองชั่วโมงก่อนเขาเพิ่งบอกให้คนขับรถเตรียมรถเอสยูวีคันใหญ่สำหรับไปต่างจังหวัดวันพรุ่งนี้

“อ้าว ไหนว่าวันพรุ่งนี้ไงคะ” แม่บ้านก็พาซื่อถามกลับหน้าตาเหลอหลา ไม่ได้รู้เลยว่าอารมณ์เจ้านายตอนนี้พุ่งไปถึงไหน

“ก็จะไปวันนี้แล้ว ไป ไป ไปบอกนายเพิ่มเตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อย”

สั่งเสร็จคุณชายน้ำแข็งก็เดินกลับขึ้นห้องนอนไป ทิ้งสาวใช้ไว้กับอารมณ์ฉุนเฉียวของเจ้านายที่ไม่เคยมีใครได้สัมผัสมาก่อน

อรรคโยนกระเป๋าเดินทางขนาดสามคืนลงบนเตียงแบบไม่เก็บอารมณ์ ก่อนจะโยนเสื้อผ้าลงไปแบบไม่ได้เลือกสรรอะไรมากนัก เพราะทั้งใจทั้งสติลอยไกลไปหาแม่ตัวดีที่กล้าไม่รับโทรศัพท์เขาแล้ว มือหนาจัดข้าวของแบบไม่มีสติมากนัก ในหัวจินตนาการถึงเหตุผลล้านแปดที่ติดต่อพชรหทัยไม่ได้ จากสาเหตุง่ายๆ ตั้งแต่ลืมเปิดเสียงโทรศัพท์ แบตหมด ลามไปจนถึงว่าเจ้าตัวกำลังตกอยู่ในอันตรายใดๆหรือเปล่า

ไม่นานชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ก็หิ้วกระเป๋าลงมาส่งลวกๆ ให้คนขับรถที่รีๆ รอๆ อยู่ที่ตีนบันได

“เอากุญแจมา เพิ่ม” มือหนาแบออกรอรับสิ่งที่เพิ่งร้องขอจากคนในปกครอง ในขณะที่มืออีกข้างกับตายังวุ่นวายกับโทรศัพท์ไม่หยุด

ฝ่ายโน้นก็ทำท่าอึกอัก เพราะเข้าใจไปว่าเจ้านายหนุ่มจะให้ตัวเองขับรถให้

“ขับเองเหรอครับ”

คำตอบที่ได้กลับเป็นการพยักหน้าพร้อมสายตาขุ่นเคือง จะปัญหามาก ถามโน่นถามนี่ให้เขาเสียเวลาอยู่ทำไม

“ใช่ เอาของไปใส่รถได้แล้ว” ตาคมกริบตวัดมองก่อนจะคว้ากุญแจรถมาไว้ แล้วเดินนำหน้าคนขับรถ ปล่อยให้อีกฝ่ายถือของมาใส่รถให้ และออกรถโดยไม่คิดจะสั่งการอะไรกับคนที่ดูแลบ้าน บ้านที่ไม่ได้กลับมาเลยตั้งแต่พชรหทัยย้ายมาอยู่ห้องข้างๆ ย้ายมาอยู่ในหัวใจเขา

 

เกือบสองชั่วโมงกว่าคนร้อนใจจะขับรถมาถึงจุดหมาย ทั้งๆ ที่ควรจะใช้เวลาน้อยกว่านี้ แต่บ่ายวันเสาร์แบบนี้การจราจรในกรุงเทพมหานครติดขัดกว่าวันทำงานเสียอีก ชายหนุ่มไม่แวะเข้าที่พักก่อน แต่กลับตรงดิ่งไปยังโรงแรมที่ใช้สำหรับจัดกิจกรรมของพชรหทัยทันที โดยไม่สนใจว่าจะตามหาหล่อนเจอไหม

ร่างสูงใหญ่ก้าวลงจากรถคันเขื่องไวๆ ก่อนจะไปหยุดยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์ในล็อบบี

“โทษนะครับ รบกวนโทร. ไปที่ห้องพักของหม่อมหลวงพชรหทัยหน่อยครับ” หน้าหล่อขมวดคิ้วมุ่นขณะแจ้งเจ้าหน้าที่ของโรงแรมที่หน้าแดงนิดๆ เพราะความดูดีของเขา

“เอ่อ...สักครู่นะคะ” รีเซปชันสาวกดเรียกข้อมูลขึ้นมาสักครู่ “ที่มากับคณะของมหาวิทยาลัยใช่ไหมคะ”

ชายหนุ่มพยักหน้ารับคำ ในขณะที่มือก็กดโทรศัพท์หาเจ้าตัวอีกครั้ง ซึ่งผลที่ได้รับก็ไม่ได้ต่างไปจากหลายชั่วโมงที่ผ่านมาเลย คือคุณเป๊ปเปอร์ของเขาปิดโทรศัพท์

“ไม่มีคนรับนะคะ อาจจะลงไปร่วมงานเลี้ยงที่ห้องจัดเลี้ยง น่าจะเพิ่งเริ่มได้สักครู่เดียวเพราะเมื่อกี้คณบดีเพิ่งมาถึงค่ะ” หญิงสาวรีบบริการให้ข้อมูลอย่างเต็มอกเต็มใจ พร้อมฉีกยิ้มหวานให้อีกฝ่ายเพื่อทอดสะพานเต็มที่ “ยังไงจุ๋มพาไปไหมคะ”

“ขอบคุณครับ”

ระหว่างที่อรรคกำลังลังเลว่าเขาควรจะเปิดประตูห้องจัดงานเข้าไป แล้วตามหาแม่ตัวปัญหาของเขา หรือดักรอจนใครสักคนเปิดประตูออกมาแล้วค่อยไหว้วานให้อีกฝ่ายไปเรียกหญิงสาวมาให้ดี เงาของคนคุ้นตาก็ผ่านเข้ามาพอดี นึกก่นด่าความไม่เฉลียวของตัวเองว่าอันที่จริงเขาควรจะนึกได้ว่าอิงอรก็มาร่วมงานวันนี้ด้วย

“อร...”

หญิงสาวหันหาเสียงเรียก แววตาแห่งความดีใจฉายขึ้นวูบหนึ่งที่เห็นเขา

“อรรค...มาทำอะไรที่นี่คะ”

“ผมมาหาเป๊ปเปอร์ โทร. มาไม่รับเลย เขาอยู่ข้างในหรือเปล่าครับ”

แววตากับน้ำเสียงร้อนรนของชายหนุ่มทำเอาอิงอรเกือบทนไม่ได้ เพราะตาคู่นั้นมองผ่านหล่อนไป เขาชะเง้อชะแง้มองหาแต่คนที่แย่งหัวใจของหล่อนไป แววตาแห่งความดีใจของหญิงสาวหายวับไปทันทีที่ทราบเหตุผลของเขา

“อยู่ค่ะ อรรคจะเข้าไปไหมคะ” อิงอรละความจริงที่ว่าพชรหทัยไม่สบายจนเป็นที่รู้ทั่วกันไว้ แต่กลับออกปากชวนชายหนุ่มตรงหน้าเข้าไปในห้องจัดงานแทน เพราะตั้งแต่เมื่อเที่ยงที่หญิงสาวแสนสวยคนนั้นเป็นลมล้มพับไป จนถึงตอนนี้ณวัฒน์ เพื่อนชายคนสนิทของหญิงสาว คนที่ใครๆ ก็รู้ว่าคิดกับหม่อมหลวงดาวมหาวิทยาลัยเกินเพื่อนคอยประคบประหงมดูแลอยู่ใกล้ๆ ไม่ได้ห่าง แม้กระทั่งเมื่อครู่ที่สีหน้าอาการดูดีกว่าเมื่อเที่ยงที่หล่อนพบทั้งคู่โดยบังเอิญอยู่มาก แต่ฝ่ายชายก็ดูจะยังไม่ยอมปล่อยหญิงสาวไว้คนเดียว

ดี...อรรคจะได้เห็นว่าเด็กที่เขาหลงรักไม่ได้แสนดีอย่างที่เขาบอกเลย

“จะดีเหรอ มันจะน่าเกลียดหรือเปล่า ผมเป็นคนนอก” อรรคท้วงเล็กน้อย ทั้งๆ ที่ใจจริงลอยเข้าไปด้านในแล้ว

“ไม่เป็นไรหรอก อาจารย์บางท่านก็พาครอบครัวมา พาแฟนมา อรพาเพื่อนเข้าไปสักคนไม่มีใครเขาว่าหรอก คณบดีเองอรรคก็เจอบ่อยๆ” อาจารย์คนสวยประจำภาควิชา ยิ้มอ่อนหวาน ออกตัวแสดงความห่วงใยเพื่อเต็มที่ “สวัสดีผู้ใหญ่แล้ว เดี๋ยวอรพาเดินไปหาแฟนอรรคเอง”

อรรคได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้ารับคำ สีหน้าดูมีความหวัง คลายคิ้วออกได้หลังจากคิดอะไรไม่ออกร้อนรนไปหมดมาหลายชั่วโมง

“ขอบคุณอรมาก ถ้าไม่ได้อรผมคงแย่ โชคดีจริงๆ ที่อรเดินออกมาพอดี”

อิงอรได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มกว้างมากขึ้นอีก ยกมือแตะแขนเขาเบาๆ

“อรรคโชคดีจริงๆ ละค่ะที่เจออร”

...

ชายหนุ่มก้าวเข้ามาในห้องจัดเลี้ยงโดยที่ตาคมกริบกวาดหาคนที่เขามาหา ไม่นานนักก็พบคนที่เขามองหา ตาคมหรี่มองอย่างไม่แน่ใจเพราะห้องจัดงานค่อนข้างมืด และตัวต้นเหตุก็อยู่ไกลพอสมควร แต่สิ่งที่เห็นตอนนี้พูดได้เลยว่าเขาไม่ชอบใจ และไม่ได้สบายใจไปกว่าเดิมเลย

“โน่นไงสุดที่รักของอรรค เลือกเก่งจริงๆ นอกจากสวยจนเป็นดาวแล้วยังเสน่ห์แรงจนผู้ชายที่ไหนก็หลง ไม่แปลกใจเลยนะคะว่าทำไมอรรคถึงหลงรักเขา” อิงอรทำเป็นชี้ให้เขาดู ทั้งๆ ที่เห็นเต็มตาอยู่แล้วว่าท่านประธานแห่งวิริยะทรัพย์มองเห็นภาพณวัฒน์คอยก้มลงพูดกับพชรหทัยระหว่างส่งแก้วน้ำให้อีกฝ่ายดื่ม อีกมือก็ดูเหมือนจะแตะหลังบางไว้ตลอดเวลา

“แต่เขาสนิทกันมาตั้งหลายปี สนิทมากจนรุ่นน้องเขานึกว่าเป็นแฟนกัน โอดครวญกันใหญ่ว่าพี่ณะมีแฟนแล้ว” หญิงสาวหันมองหน้าคนที่แอบรักมาหลายปี ยิ้มสมใจเมื่อเห็นเขาบดกรามแน่นเหมือนอดกลั้นอย่างหนัก

“ส่วนพวกผู้ชายก็ได้แต่มองตาละห้อย เพราะณวัฒน์เขาตัวติดกับพชรหทัยไม่ได้ห่าง แต่อรรคไม่ต้องคิดมากนะคะ อรว่าเขาคงห่วงกันแบบเพื่อน เมื่อกลางวันก็เห็นส่งกันถึงห้อง คงไม่มีหนุ่มๆ คนไหนได้โอกาสเข้ามาจีบหรอกค่ะ” อิงอรทิ้งระเบิดไว้แค่นั้น เพราะทั้งคู่เดินมาจนถึงบริเวณโต๊ะวีไอพีที่อาจารย์ผู้ใหญ่หลายท่านที่นั่งอยู่

“อ้าวคุณอรรค ไปไงมาไงล่ะเนี่ย” คณบดีเอ่ยทักด้วยความแปลกใจหลังจากรับไหว้ชายหนุ่มแล้ว ตามองสลับไปมาระหว่างชายหนุ่มที่มาเป็นอาจารย์พิเศษให้ที่มหาวิทยาลัยกับอาจารย์ประจำภาควิชาคนสวยที่ทำท่าเขินอยู่

“พอดี...” ชายหนุ่มกำลังจะอ้าปากตอบความจริงที่เขาไม่เคยคิดปิดบัง ทว่าอิงอรกระตุกเสื้อเขาไว้ กระซิบ บอกเบาๆ ให้ได้ยินกันแค่สองคน

“คณบดีอาจจะไม่ใจกว้างพอที่จะรับเรื่องเด็กฝึกงานกับเมนเตอร์ได้นะคะ” พูดจบเจ้าตัวก็เงยหน้ายิ้มหวานให้เพื่อนสนิทที่เก็บคำพูดได้ทันทีหลังจากก้มลงฟังสิ่งที่หล่อนพยายามจะสื่อ แล้วคลี่ยิ้มเล็กน้อย

“เอ่อ...พอดีผมมาพักผ่อนแถวนี้ครับ เลยแวะมา”

อีกฝ่ายมองหน้าเขายิ้มๆ ราวกับจะบอกว่าไม่เชื่อ แต่ก็ยอมปล่อยชายหนุ่มไป “เอ้าๆ เชิญตามสบาย อาจารย์อรดูแลคุณอรรคดีๆ ล่ะ เขาอุตส่าห์ผ่านมาหา”

อิงอรยิ้มรับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา ก่อนจะยกแขนคล้องแขนอรรคไว้ด้วยความสนิทสนม

“งั้นอรขอตัวก่อนนะคะ ไปค่ะอรรค ไปด้านโน้นกันดีกว่า”

...

สองหนุ่มสาวที่ท่าทางสมกันเรียกความสนใจจากนักศึกษาในห้องได้ไม่น้อย จะเว้นก็แต่พชรหทัยที่มัวโดนรุ่นน้องขอถ่ายรูป จึงยังมองไม่เห็นการมาเยือนของผู้มาใหม่

“ทำอะไรกันอยู่จ๊ะเด็กๆ”

เสียงของอิงอรที่ดังขึ้นทำให้พชรหทัยที่กำลังยิ้มหวานใส่กล้องกับน้องๆ หันหาต้นเสียง แล้วก็ต้องยิ้มค้างเมื่อเห็นอรรคยืนหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ตรงหน้า ที่แขนมีมือบางของอาจารย์สาวเกาะไว้อย่างสนิทสนม

“ถ่ายรูปกับน้องๆ ครับ” ณวัฒน์ตอบแทนพชรหทัยระหว่างก้มหน้ามองหล่อน เพราะภาพตรงหน้าสื่อความหมายแปลกๆ มือที่แตะหลังหล่อนอยู่เบาๆ ตอนถ่ายรูปเลื่อนขึ้นมากุมข้อศอก

“เปอร์นั่งพักหน่อยไหม”

ฝ่ายคนสวยจนเป็นที่เลื่องลือส่ายหน้าน้อยๆ พร้อมยกมือไหว้อรรค

“มาได้ไงคะ” ปากถามเขา แต่ตาจ้องมือคนที่เป็นอาจารย์ของหล่อนไม่วางตา อีกฝ่ายก็มองหน้าหล่อนนิ่งเหมือนชั่งใจอยู่

“โทรศัพท์อยู่ไหน” ถามเสียงทุ้มดังแบบไม่สนใจประชากรชาวโลกที่มุงอยู่แถวนั้น

“อยู่นี่ค่ะ” พชรหทัยขมวดคิ้วมุ่น นึกไม่พอใจขึ้นไม่นิดๆ ที่ชายหนุ่มมาทำเสียงเขียวใส่ต่อหน้าคนเยอะแยะ

“ทำไมพี่โทร. มาแล้วไม่รับครับ” คนโกรธกรุ่นยังซักต่อ เสียงไม่ได้อ่อนลงเลย ยิ่งเห็นว่าโทรศัพท์ของสาวน้อยก็ดูพร้อมใช้งานได้ดี ยิ่งโมโหมากขึ้น

“โทร. มาเมื่อไหร่คะ เปอร์ไม่เห็นรู้” หญิงสาวได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่นไปกันใหญ่ กดหน้าจอดูก่อนจะตกใจไม่น้อย

“เอ๊ะ! นี่ไม่ใช่โทรศัพท์เปอร์นิ”

แล้วณวัฒน์ก็ยื่นมือถือหน้าตาเหมือนกันมาตรงหน้าพชรหทัย ไขข้อข้องใจให้ทั้งเพื่อนที่เขาแอบรักและคนรักของหล่อน

“ณะคงหยิบสลับไปเองแหละตอนพาเปอร์ไปพัก” พูดจบลูกชายเจ้าของโรงแรมใหญ่ก็หันไปมองหน้าอรรค  กระตุกยิ้มใส่ท่านประธานรูปหล่อที่ยืนนิ่งเป็นแท่งหินไปแล้ว ตาคมกริบมองคนรักที่มีคนรับรู้กันอยู่ไม่กี่คนแบบไม่วางตา ราวกับจะระเบิดหม่อมหลวงเป๊ปเปอร์ให้เป็นจุณ มีเพียงน้ำเสียงนิ่งเรียบกับท่าทีสุขุมที่แสดงออกมา

“นี่ไม่มีพิธีการอะไรแล้วใช่ไหมครับ พี่มีเรื่องงานจะคุยกับเป๊ปเปอร์หน่อย ยังไงขอเชิญด้านนอกจะสะดวกกว่า” ชายหนุ่มผายมือเป็นสัญญาณให้พชรหทัยต้องทำตาม

หญิงสาวก็ได้แต่หันไปยิ้มน้อยๆ ลารุ่นน้องกับเพื่อนๆ ก่อนจะยกมือไหว้อาจารย์อิงอรที่ทำหน้านิ่งไม่แพ้ผู้ชายตัวโต แล้วออกเดินไปด้านนอกห้องจัดงานตามที่ชายหนุ่มบอกไว้

 

แค่ก้าวพ้นประตูห้องจัดงานได้ไม่เกินสามเมตร คนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ก็ถามคนรักด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์พอตัว เพราะลักษณะท่าทางเขาดูเอาเรื่อง ทำเอาหล่อนวางหน้ากับคนอื่นแทบไม่ถูก

“ไหนบอกจะมาพรุ่งนี้ไงคะ แล้วทำไมคุณอรรคโผล่เข้าไปในงานแบบนั้น” สาวน้อยทำหน้าไม่พอใจ ทั้งๆ ที่ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายใกล้จะนอตหลุดมากแค่ไหน เพราะชายหนุ่มยังรักษาอาการได้อย่างดีเยี่ยม มีเพียงเสียงดุๆ แบบที่หล่อนไม่เคยได้ยินเท่านั้นที่เอื้อนเอ่ยออกมา “ป่านนี้คนเอาไปพูดแย่แล้ว”

อรรคทำหูทวนลมเต็มที่ ไม่ฟังสิ่งที่พชรหทัยบ่นอุบอิบ ลมพุ่งออกหูชนิดที่ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น มือหนารั้งข้อศอกหญิงสาวให้เดินไปตามการจับจูงของเขา จนมายืนอยู่ที่หน้าลิฟต์โดยที่หม่อมหลวงสาวไม่ทันรู้ตัว

“คีย์การ์ดอยู่ไหนครับ เรื่องที่พี่จะพูดสำคัญ เราไม่ควรมายืนคุยกันแบบนี้”

“ขึ้นห้องไปกันสองคนก็ไม่ดีเหมือนกันค่ะ คุณอรรคมีอะไรด่วน มีอะไรสำคัญคะ” คนที่ไม่รู้ว่าโดนโกรธยังซักไซ้ไม่หยุด ทำตัวแข็งไม่ยอมเดินเข้าลิฟต์ตามการกึ่งลากกึ่งจูงของอีกฝ่าย

คราวนี้อรรคไม่ยอมให้พชรหทัยโยกโย้ โอบรัดรอบเอวบางก่อนจะดันตัวพชรหทัยเข้าลิฟต์ทันที รู้ดีว่าไม่งามหรอกที่จะพาตัวหญิงสาวขึ้นไปในที่รโหฐานสองต่อสอง แต่เชื่อเถอะว่าถ้าให้เคลียร์กันตรงนี้งามหน้ากว่าไปคุยกันเงียบๆ สองคนเป็นแน่!

...

แล้วพชรหทัยก็รู้สึกหวาดหวั่นแปลกๆ เพราะสายตาคมกริบของอรรค จนไม่อาจดื้อดึงใส่เขาได้ ยอมขึ้นมาบนห้องเพื่อเคลียร์กันตามที่เขาบอกไว้

“ตกลงว่ายังไงคะ มีเรื่องอะไรด่วน เรื่องอะไรเป็นความลับขนาดที่ต้องขึ้นมาแบบนี้” หญิงสาวทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาภายในห้องพัก ในขณะที่ชายหนุ่มค่อยๆ วางมือถือเอย กุญแจรถเอยที่โต๊ะกลาง มือหนาพับแขนเสื้อขึ้นมาไว้เหนือข้อศอก พยายามข่มให้อารมณ์เย็นที่สุด ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ตัวที่เหลือ

“ทำไมโทรศัพท์เป๊ปเปอร์ไปอยู่กับณะได้ครับ ทำไมเขาต้องเข้ามาในห้องนอนเราด้วย แล้วทำไมพี่ถึงติดต่อเราไม่ได้เลย” อรรคถามเป็นชุด แล้วรอให้อีกฝ่ายตอบ

“ก็ตอนบ่ายเปอร์เป็นลม...” พชรหทัยตอบเสียงอ่อย รู้ดีเหมือนกันละว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนบ่ายไม่เหมาะสมอย่างมาก ยังไม่นับถึงที่ณวัฒน์ขโมยจูบหล่อนในห้องนี้ “ณะเขาก็เลยพาขึ้นมาพัก”

“แล้วยังไงต่อครับ เขารออยู่ในห้องกับเป๊ปเปอร์ หรือทิ้งเราไว้คนเดียวล่ะ แล้วคุณโบว์ไปไหน ทำไมต้องให้เพื่อนผู้ชายมาดูแล” อีกคนถามนิ่งๆ ทั้งๆ ที่หน้าร้อนหัวร้อนไปหมด ทั้งโกรธ ทั้งหึง

“โบว์เขาก็อยู่กับกรสิคะ อีกอย่างตอนที่เปอร์ไม่สบายโบว์เขาเพิ่งเบรกเสร็จพอดี เขาก็เลยต้องสแตนด์บายอยู่ข้างล่าง ส่วนณะอยู่นานแค่ไหนยังไง เปอร์ก็ไม่ทราบหรอกค่ะ แต่ตื่นมาอีกทีตอนห้าโมงเขาก็ยังนั่งเฝ้าอยู่” หญิงสาวอธิบายครบทุกคำถามที่ชายหนุ่มถาม แล้วรีบลุกขึ้นจากที่นั่งไปทิ้งตัวลงข้างๆ อรรค “เขาคงกลัวเปอร์เป็นอะไรไปน่ะค่ะ”

“แล้วเขาทำอะไรอีกครับ” คนถามยังถามต่อ ลางสังหรณ์บอกว่าคนอย่างณวัฒน์ไม่มีทางทำตัวเป็นสุภาพบุรุษแสนดี ดูแลพชรหทัยห่างๆ แน่ เขาเป็นผู้ชายเหมือนกัน มองตาแล้วทำไมเขาจะไม่รู้ว่าคนอย่างลูกชายเจ้าสัวเจ้าของโรงแรมใหญ่ทำเรื่องร้ายๆ ได้มากแค่ไหน

“เอ่อ...ไม่นะคะ” ใครจะกล้าพูดความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แค่อาการของท่านประธานตอนนี้ก็ดูท่าจะอุณหภูมิสูงเกินร้อยองศาไปแล้ว “เปอร์...” ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาโกรธ แต่กลับไม่สบายใจเลยหากต้องปิดบังอะไรเขาแบบนี้ เลยได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ พูดไม่ออกอยู่แบบนี้ “เอ่อ...”

“มีอะไรอยากบอกพี่ไหมครับ พี่ให้โอกาสเปอร์พูดวันนี้ สัญญาว่าจะไม่โกรธ” คนที่จับพิรุธจากหญิงสาวได้บอกดีๆ ยอมข่มอารมณ์ทั้งหมดลง อาศัยความใจเย็นของตัวเองที่มีติดตัวแก้ปัญหานี้ รู้ดีหรอกว่าลำพังพชรหทัยไม่คิดทำเรื่องอะไรให้เขาขุ่นข้องหมองใจแน่ๆ แต่กับณวัฒน์ แค่มองหน้ามันเขาก็รู้เลยละว่ามันจ้องจะตีท้ายครัวเขาตลอดเวลา

“พี่จะฟังแค่วันนี้ จากปากเป๊ปเปอร์เท่านั้นนะครับ” อรรคหายใจเข้าลึกๆ “ถ้าหลังจากโอกาสนี้ไปแล้วพี่รับรู้เรื่องจากทางอื่น...” คนตัวโตขู่ยังไม่ทันจบก็พบว่าสาวน้อยของเขาน้ำตาร่วงเผาะ เม้มปากแดงแน่น

“ณะเขาจูบเปอร์...” เสียงหวานสั่นเครือบ่งบอกความหวาดหวั่นในหัวใจได้อย่างดี พูดจบก็เขย่าแขนคนที่ขึ้นชื่อว่าแฟน “แต่เปอร์ไม่ได้เต็มใจนะคะ เปอร์บอกเขาว่าเป็นเพื่อนกันดีแล้ว เพราะเปอร์มีคุณอรรค เปอร์จะไม่มีวันนอกใจคุณอรรคเด็ดขาด” ตาหวานวาววับด้วยน้ำตามองชายหนุ่มที่บดกรามแน่น “แล้วเขาก็จูบเปอร์แค่นั้น ไม่มีอะไรเลยค่ะ”

“แล้วเป๊ปเปอร์ก็ปล่อยให้เขาจูบเหรอครับ” อรรคนับหนึ่งถึงล้านระงับอารมณ์มากที่สุดในชีวิต แต่รู้ดีว่าไม่ควรระเบิดฟอร์มใส่สาวน้อยของเขา เพราะจะพานเตลิดไปกันใหญ่

“เปอร์ไม่ได้เต็มใจ ไม่ได้ยินยอม แค่ตั้งตัวไม่ติดเท่านั้นเองค่ะ” หญิงสาวเสียงสั่นเครือแบบคนรู้สึกผิด ก่อนจะซบหน้าสวยลงบนต้นแขนแกร่งของอรรคที่เกร็งตัวด้วยความโกรธเต็มที่

“เขาจูบเป๊ปเปอร์ยังจะบอกว่าไม่มีอะไรเหรอครับ” อรรคลุกขึ้นยืนตระหง่านทันทีที่พูดจบ หน้าไม่เหลือรอยยิ้มติดแบบที่เคยมีตลอด ค่อยๆ แกะมือบางของพชรหทัยออกจากแขนเขาอย่างนุ่มนวล สะเทือนใจคนมีความผิดติดตัวไม่น้อย “พี่ว่ามันยิ่งกว่ามีอะไรอีกครับ” ชายร่างสูงใหญ่ก้มหยิบของที่วางไว้ “ถ้าไม่สบายอย่างที่ว่า เป๊ปเปอร์ก็พักผ่อนเยอะๆ ละกันครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่มารับตามที่นัดไว้”

 

หลังจากอรรคทิ้งให้พชรหทัยนิ่งอึ้งอยู่คนเดียว จากไปโดยไม่ได้ล่ำลาหรือพูดจาอะไรกันเพิ่มเติม ชายหนุ่มก็ขับรถแบบคนไร้สติกลับมาพักผ่อนที่คอนโดของเขา ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากโรงแรมที่หญิงสาวพักมากนัก มือหนายกแก้วบรั่นดีกระดกเข้าปากติดๆ กันหลายแก้วเพื่อลบล้างเรื่องราวทุกข์ใจที่เพิ่งได้รับรู้ ร้อนรุ่มในอกถึงขั้นที่คิดว่าอกจะแตกตายได้ทุกวินาที

ความโกรธที่รับรู้ว่าณวัฒน์จูบหม่อมหลวงคนสวยของเขาไม่ได้ทุเลาลง แต่ก็เข้าใจความอ่อนต่อโลกของพชรหทัยได้ดีว่าแม่ตัวดีคงทำอะไรไม่ถูก คิดแบบนั้นความไม่พอใจที่มีต่อคนรักก็เริ่มเบาบาง จนอรรคเองก็อ่อนใจว่าพอเป็นเรื่องของคนหน้าสวยทีไร เขาได้เป็นใจอ่อนทุกที เหลือก็แต่อารมณ์คุกรุ่นที่มีต่อชายหนุ่มอีกคนซึ่งบังอาจมาแตะของรักของหวงของเขา

ระหว่างนั้นชายหนุ่มกดอ่านข้อความที่พชรหทัยส่งมาไม่หยุดหย่อน พลางนึกย้อนดูว่าเรื่องของเขากับหม่อมหลวงคนเล็กของตำหนักใหญ่แห่งวังวิริยาจะไปได้ไกลแค่ไหน เมื่อคู่แข่งที่จ้องจะแย่งของรักของเขาก็มีภาษีดีไม่น้อย อายุอานามก็ใกล้เคียงกับพชรหทัย แถมยังคุ้นเคยเป็นเพื่อนกันมาหลายปี จนเขาเองอดหวั่นใจไม่ได้

ลำพังตัวเขารับรู้และแน่ใจว่าสิ่งที่มีต่อหญิงสาวคือความรักอย่างแน่นอน แต่ฝ่ายโน้นนั่นละจะชัดเจนจริงจังกับเขาแค่ไหน มีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายก็รักเขาไม่ต่างกัน คิดได้แบบนั้นหน้าหล่อก็ค่อยๆ ปรากฏรอยยิ้มที่ดูไม่เข้ากับสถานการณ์ออกมา ในเมื่อมีแต่เขาที่ทำให้รู้ว่ารัก จากนี้คงต้องเป็นพชรหทัยบ้างแล้วละที่ต้องทำให้เขารู้ว่าหล่อนรักเขาบ้างหรือเปล่า

 

ก่อนเวลาที่อรรคบอกไว้ว่าจะเข้ามารับสิบนาที หม่อมหลวงที่รูปร่างงดงามเกินวัยก็มารีๆ รอๆ รอคนรักอยู่ที่ล็อบบีโรงแรมเรียบร้อยแล้ว หน้าสวยจืดเจื่อนเพราะอาการป่วยตั้งแต่เมื่อวานดูเหมือนจะหนักหนามากยิ่งขึ้นเนื่องจากขาดการพักผ่อน เมื่อคืนหล่อนข่มตาหลับไม่ได้เลย รู้ดีว่าตัวเองประมาทให้ณวัฒน์ใกล้ชิดจนเกิดเรื่องที่ทำให้อรรคไม่พอใจ จนถึงขั้นที่คนใจดีอย่างเขากลายเป็นคนหน้าดุ ทิ้งหล่อนไว้กับน้ำตาตลอดคืน

คิดวนไปวนมาด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องที่กลายมาเป็นเรื่องอยู่ได้ไม่นาน รถคันหรูคุ้นตาที่มีหล่อนเป็นตุ๊กตาหน้ารถบ่อยๆ ก็แล่นปราดเข้ามาจอด ก่อนที่ผู้ชายท่าทางสุขุมจะก้าวลงมาพร้อมรับไหว้จากหล่อนที่ตั้งท่าจะเดินไปหาเขา แต่ยังไม่ทันได้ก้าวขาเดินก็ต้องชะงักเพราะเสียงเรียก

“เปอร์จะกลับแล้วเหรอ”

ณวัฒน์ซึ่งลากกระเป๋าของตัวเองลงมาบ้างถามเพื่อนที่เขารัก และได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้านิดๆ ก่อนที่จะหมดโอกาสได้พูดประโยคถัดไป เพราะคนที่เป็นเจ้าของกันจริงๆ เดินเข้ามาซ้อนหลังหญิงสาวเรียบร้อยแล้ว

“เป๊ปเปอร์ไปรอบนรถครับ ทิ้งกระเป๋าไว้นี่ เดี๋ยวพี่คุยกับคุณณะเสร็จจะยกไปให้” มือหนาทั้งสองข้างวางลงบนบ่าบาง แสดงความเป็นเจ้าของและถ่ายทอดความอบอุ่นในคราวเดียวกัน

ฝ่ายหญิงสาวถึงแม้ว่าจะไม่อยากปล่อยสองหนุ่มสองวัยไว้ด้วยกันมากแค่ไหน แต่พชรหทัยก็ตระหนักดีว่าตนเองไม่อยู่ในสถานะที่จะพูดอะไรได้ จึงได้แต่รับคำและทำตามคนรักบอก เดินไปรอในรถเงียบๆ ไม่มีปากเสียงอะไรทั้งนั้น

พอหญิงสาวปิดประตูรถเท่านั้น คนวัยสามสิบที่นอนคิดมาตลอดคืนก็จัดการกับปัญหาใหญ่ที่ยืนตัวเป็นๆ ตรงหน้าเขาทันที

“ผมทราบเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานตอนบ่ายแล้ว ผมจะถือซะว่าคุณยังเด็ก ยังไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร ผมจะยอมปล่อยไปในครั้งนี้” อรรคบอกอย่างอารมณ์เย็น ทั้งๆ ที่อยากซัดหน้าหล่อของอีกฝ่ายเต็มแก่ ก็มันทำท่ายียวนกระตุกยิ้มแบบสะใจที่ได้จูบสาวน้อยของเขา “สุภาพบุรุษเขาไม่แย่งผู้หญิงกันนะครับ โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีเจ้าของแล้ว”

“แล้วไงครับ...ถ้าเปอร์เปลี่ยนใจเอง คุณอรรคจะทำอะไรได้” ณวัฒน์ที่ไม่ได้มีทีท่าสำนึกผิดสวนตอบ “คุณอรรคซะอีกที่ควรจะคิดนะครับว่าใช้ความใกล้ชิดหลอกล่อเปอร์อยู่หรือเปล่า” คนผิดที่ไม่สำนึกผิดตอกกลับ เขามาก่อน อยู่ในชีวิตพชรหทัยมาตั้งหลายปี เข้านอกออกในวังวิริยาไม่รู้กี่หน จากที่หลงใหลในความงามของอีกฝ่ายตามประสาเด็กหนุ่ม กลายเป็นรักปักใจไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้

“หึๆ ถ้าอย่างนั้นคุณณะก็ต้องถามตัวเองด้วยครับว่า ที่ทำไปเมื่อวานก็ไม่ใช่เพราะเอาความใกล้ชิดมาเป็นโอกาสเหรอ” ตาคมกริบมองคนตรงหน้าแบบเอาเรื่อง มีเพียงน้ำเสียงและถ้อยคำที่ยังคงความสุภาพไว้ ก่อนจะปรายตามองไปทางรถสีดำที่มีคนที่รักนั่งรออยู่ “ผมไม่เสียเวลากับคนไร้ศักดิ์ศรีแบบคุณแล้วดีกว่าครับ ขอตัวพาแฟนไปทานอาหารก่อน หวังว่าเหตุการณ์แบบเมื่อวานนี้จะไม่มีอีก ไม่งั้นคุณเจออีกด้านของผมแน่ๆ”

 

บรรยากาศในรถที่มีคู่รักที่ควรจะสวีตกันเงียบกริบ ไม่มีเสียงสนทนาใดๆ ดังขึ้น มีเพียงเสียงสะอื้นน้อยๆ ของพชรหทัยที่ดังแผ่วมาตลอดทาง จนชายหนุ่มจอดรถในที่จอดหน้าคอนโดหรูหราริมหาดหัวหินเรียบร้อย คนใจแข็งถึงได้หันมามองพชรหทัยที่นั่งร้องไห้มาตลอดทาง

“ร้องไห้ทำไมครับ” ถามทั้งๆ ที่รู้ว่าหญิงสาวคงใจเสียไม่น้อยที่เขาไม่ยอมพูดด้วย ไม่ยอมตอบข้อความใดๆ ทั้งสิ้น “ถ้ายังอยากร้องต่อก็ขึ้นไปร้องบนห้องครับ มานั่งอยู่ในรถแบบนี้อึดอัดแย่”

พชรหทัยได้แต่พยักหน้าน้อยๆ รับคำ ดีเหมือนกัน อยากคุยกับเขาให้รู้เรื่องก่อนที่จะกลับกรุงเทพฯ หญิงสาวคว้าแว่นกันแดดอันโตขึ้นใส่ปิดบังรอยช้ำของดวงตา ก่อนจะก้าวลงรถตามหลังคนตัวโตที่เดินไปหยิบกระเป๋าหล่อนลงจากรถ

“เอาลงไปทำไมคะ” คนสวยถามด้วยความสงสัย ได้รับคำตอบจากหน้านิ่งๆ แค่เพียงว่า

“เผื่อเป๊ปเปอร์อยากอาบน้ำให้สดชื่นหลังร้องไห้เสร็จแล้วไงครับ ไปเถอะ แดดร้อน ยืนนานๆ เดี๋ยวเป็นลมแบบเมื่อวานอีก”

ได้ยินแบบนั้นพชรหทัยก็หน้าหงอยลงไปอีก นึกเสียใจที่เขายังจิกกัดเรื่องนี้ไม่เลิก คิดแค่นั้นน้ำตาก็ร่วงออกมาอีก ก้มหน้าปาดน้ำตาลวกๆ จนอรรคใจอ่อนยวบ แต่ไม่ได้หรอก เรื่องนี้เรื่องใหญ่ ถ้าไม่รู้จักกำราบสาวน้อยแสนสวยของเขาแต่เนิ่นๆ มีหวังตอนไปเรียนต่อเขาได้นอนไม่หลับตลอดสามปีแน่ๆ

...

สองหนุ่มสาวเข้ามาถึงห้องพักหรูหราของอรรคแล้ว แต่ไม่มีใครดื่มด่ำกับบรรยากาศตรงหน้า ต่างคนต่างนั่งลงนิ่งๆ ที่เก้าอี้คนละมุม ชายหนุ่มวัยสามสิบที่ดูจะควบคุมอาการได้ดีกว่านั่งกอดอกมองพชรหทัยที่น้ำตาไหลออกมาเป็นระยะ หน้าสวยจัดดูไม่มีความสุขอย่างเห็นได้ชัด จนอรรคเองก็เจ็บแปลบในอกไม่ต่างกัน

“ดื่มน้ำหน่อยไหมครับ พี่ว่าเป๊ปเปอร์ร้องมากพอแล้วละ หยุดร้องแล้วคุยกับพี่ได้แล้ว” คนที่ทนเห็นน้ำตาคนรักต่อไปไม่ไหวเอ่ยขึ้น หันหลังให้ภาพตรงหน้า เดินดุ่มๆ เข้าห้องครัวไปหน้าตาเฉย

อีกฝ่ายตอบเขามาอย่างตะกุกตะกักไม่น้อย

“คุณอรรคยอมคุยกับเปอร์แล้วเหรอคะ”

“คุยสิครับ ทำไมจะไม่คุย”

“ก็คุณอรรคไม่ตอบข้อความเปอร์เลยตั้งแต่เมื่อคืน เมื่อกี้ก็ไม่พูดกับเปอร์สักคำ” บอกเสียงหวานเคล้าสะอื้น “เปอร์กลัวคุณอรรคโกรธ”

“โกรธครับ นี่พี่ก็ยังไม่หายโกรธ” ชายหนุ่มหมายถึงโกรธณวัฒน์ที่บังอาจก้าวล่วงมาสัมผัสของรักของเขา แต่อีกฝ่ายกลับเสียใจไปกันใหญ่เพราะคิดว่าเขาหมายถึงตัวเอง “แต่ที่เมื่อคืนไม่ตอบเพราะไม่อยากพูดอะไรด้วยอารมณ์”

คนตัวสูงใหญ่ย้ายมานั่งข้างๆ หญิงสาว วางขวดน้ำแร่แช่เย็นเฉียบในมือไว้ให้ “ส่วนเมื่อกี้เห็นเราเอาแต่ร้องไห้อยู่ พี่ก็ไม่อยากกวน” ชายหนุ่มพูดจบก็ถอนใจก่อนจะยกมือขึ้นเกลี่ยน้ำตาให้คนรัก

ตาหวานสบตาเขา ทั้งเสียใจทั้งเสียขวัญที่ได้ยินว่าชายหนุ่มยังโกรธอยู่ จนถึงกับโถมตัวรัดเอวเขาไว้ ซุกหน้ากับอกแกร่งๆ เรียบร้อยจนหัวใจคนแก่กว่าหวั่นไหว ได้แต่ยกมือขึ้นโอบคนตัวบางที่เบียดตัวอยู่กับเขา ปลอบประโลมเบาๆ ไม่ให้อีกฝ่ายโอดครวญมากกว่านี้ และถือเป็นการเก็บดอกเบี้ยจากคนสวยไปในตัวที่กล้ามาทำให้เขาวุ่นวายใจ

“หายโกรธเถอะนะคะ จะให้เปอร์ทำอะไรก็ยอม เปอร์ไม่ได้มีเจตนาจะให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นจริงๆ” หน้าสวยแหงนมองเขา แววตาเว้าวอนออดอ้อนอรรคอย่างรู้สึกผิด

“เปอร์ไม่รู้จริงๆ ว่าณะจะทำขนาดนั้น แล้วเปอร์ก็ไม่รู้ด้วยว่าโทรศัพท์ของเขากับเปอร์สลับกัน คุณอรรคถึงติดต่อเปอร์ไม่ได้ เปอร์ยังคิดด้วยซ้ำว่าทำไมคุณอรรคไม่โทร. มาเลย”

หญิงสาวพูดไปมองหน้าเขาไป มือก็กระชับกอดที่เอวเขาไป ระหว่างนั้นอรรคก็ได้แต่นั่งนิ่ง ไม่ก้มลงสบตาหล่อน แต่มือที่โอบหล่อนไว้กระชับกอดแน่นขึ้น

“ครับ”

ได้ยินอรรคตอบมาแค่คำเดียว คำเดียวเท่านั้นหลังจากที่ตัวเองอธิบายเสียยืดยาว พชรหทัยก็อดหน้าร้อนด้วยความอายปนเสียใจไม่ได้ เกิดมาไม่เคยต้องง้อใครขนาดนี้

“คุณอรรคเชื่อเปอร์ใช่ไหมคะ เปอร์...” หญิงสาวพูดยังไม่ทันจบคำ อรรคก็ขัดคอขึ้น ปล่อยให้หล่อนกอดนานๆ น่าจะไม่เป็นผลดีกับตัวเอง

“พอเถอะครับ พี่ฟังมามากแล้ว ถ้าเป๊ปเปอร์อยากล้างหน้าล้างตาเชิญในห้องนอนพี่ได้นะครับ จะนอนพักเสียหน่อยก็ได้ เดี๋ยวอีกสักชั่วโมงเราค่อยออกไปทานข้าว” พูดจบเจ้าตัวก็แกะแขนที่โอบรอบเอวเขาไว้ออก จนพชรหทัยเจ็บวูบในหัวใจที่เขารังเกียจกันขนาดนี้

“คุณอรรค...” เสียงหวานที่เหมือนจะคลายสะอื้นได้เมื่อครู่กลับสั่นพร่าขึ้นมาอีกรอบ พชรหทัยส่ายหัวน้อยๆ อย่างท้อใจ หล่อนคงจะซวยมากเชียวละถึงต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ มาโดนอรรคหมางเมินใส่อีก เบ้าตาของคนที่ร้องไห้มานับยกไม่ถ้วนตั้งแต่เมื่อคืนร้อนผ่าว ไม่รวมที่ปวดหัวตุ๊บๆ ตั้งแต่เมื่อวาน ถอดใจกับอาการของคนรักเหมือนกัน

“ช่างมันเถอะค่ะ เปอร์คงไม่รบกวนห้องนอนคุณอรรค” คราวนี้สาวน้อยวัยสิบเจ็ดทั้งละมือและผละตัวออกจากชายหนุ่มบ้าง “ถ้าคุณอรรคไม่เหนื่อย จะกลับกรุงเทพฯ เลยก็ได้นะคะ เปอร์ไม่หิว ไม่อยากทานอะไรค่ะ”

 

หญิงสาวปิดเปลือกตาลงกักเก็บความรู้สึกไว้ในใจ เจ็บแปลบไปหมดที่เขาไม่แม้แต่จะทำความเข้าใจสิ่งที่หล่อนพยายามอธิบาย แต่ก็ช่างเถอะ ถ้าเขาเลือกที่จะเชื่อตามที่เขาอยากเชื่อ หล่อนจะไปทำอะไรได้ คุณเป๊ปเปอร์ของทุกคนขมวดคิ้วแน่น ตอนร้องไห้ว่าปวดตาแล้ว พอหยุดร้องกลับปวดมากขึ้นไปอีก ทนนอนหลับตาอยู่ได้ไม่นอนก็ต้องลืมตาขึ้น ยอมกลืนน้ำลายตัวเอง ไปล้างหน้าล้างตาเสียหน่อยน่าจะดีขึ้น แต่แล้วพอเปิดเปลือกตาก็พบว่าอรรคยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน หล่อนเลยปรายตามองเขาครู่นิ่ง ก่อนจะลุกขึ้น แต่ยังไม่ทันได้ก้าวไปไหนไกลก็แทบจะล้มลงไปกองที่พื้นเสียเดี๋ยวนั้นหากอรรคไม่ปรี่เข้ามาประคองไว้

“เป็นอะไรครับ”

หญิงสาวขืนตัวออก “คงลุกเร็ว ปล่อยเถอะค่ะ เปอร์จะไปล้างหน้า ปวดหัว”

อรรคได้ยินแบบนั้นก็ไม่วางใจ เพราะท่าทางของพชรหทัยดูแย่ไม่น้อย ถึงแม้สภาพภายนอกจะยังดูสวยพริ้งเนี้ยบตั้งแต่หัวจดเท้าตามประสา แต่สีหน้าและแววตาแสดงออกตรงกันข้าม ชายหนุ่มเลยช้อนตัวสาวน้อยของเขาขึ้น ก่อนจะเดินดุ่มๆ ไปวางร่างบางไว้บนเตียงนอนแบบไม่ให้พชรหทัยได้ออกปากทักท้วง

“นอนนิ่งๆ ครับ เดี๋ยวพี่จะเช็ดหน้าเช็ดตาให้ แล้วนี่ทานอะไรมาบ้างตอนเช้า”

หญิงสาวได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆ เพราะเวียนหัวจนพูดไม่ไหว

“อะไรครับ ส่ายหัวหมายความว่าอะไร” คนที่ร้อนรนรีบเอาผ้าเย็นเช็ดหน้าตาสวยจัดถามแววตาร้อนรน ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่เห็น ไม่งั้นอาการคงดีขึ้นเป็นปลิดทิ้ง

“ไม่ได้ทานค่ะ”

“ทำไมไม่ทาน”

“เปอร์ทานไม่ลง กลัวคุณอรรคโกรธ กลัวคุณอรรคไม่รักเปอร์”

ชายหนุ่มได้ยินแบบนั้นก็ชะงักมือที่เช็ดหน้าคนไม่สบาย เจ็บใจตัวเองไม่น้อยที่เป็นต้นเหตุให้พชรหทัยล้มป่วยแบบนี้ แต่ก็ยังไม่ยอมอ่อนให้ง่ายๆ

“งั้นเดี๋ยวพี่สั่งอะไรมาให้ทานก่อนละกัน”

คราวนี้คนดื้อเงียบไม่ยอม ส่ายหัวเดียะด้วยความน้อยใจ

“เปอร์อยากกลับบ้าน ไม่อยากทานค่ะ พาเปอร์กลับวังนะคะ” พชรหทัยบอกทั้งๆ ที่หลับตา แต่น้ำตาไหลพรากไม่หยุด

อรรคไม่รู้จะทำอย่างไร เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเล่นใหญ่เกินไปหรือเปล่าที่จะให้อีกฝ่ายแสดงความรักที่มีต่อเขาออกมาบ้าง เลยได้แต่หาทางตะล่อมอีกฝ่าย มีหวังถ้าพากลับวังตอนนี้นอกจากแผนเขาจะล่ม กลัวจะได้ของแถมเป็นต้องง้อสาวน้อยคนนี้เสียอีกด้วยซ้ำ

“กลับทำไม คุณชายกับคุณเปรี้ยวหวานก็ไม่อยู่”

“ก็ดีกว่าอยู่ที่วิริยะทรัพย์ อยู่คนเดียวเปอร์คงไม่มีแก่ใจจะลุกขึ้นมาทำอะไรหรอกค่ะ”

“ถ้าไม่อยากอยู่คนเดียวก็อยู่ที่นี่ครับ ยังไม่ต้องกลับกรุงเทพฯ หรอก” ชายหนุ่มพูดจบก็ละมือจากหน้าสวย ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มาโทร. สั่งอาหาร ให้เสียงดังแว่วเข้าโสตประสาทของคนที่พยายามฝืนสังขารตัวเองเต็มที่แต่ก็ทำไม่ไหว ได้แต่นอนฟังเสียงรอบข้างไปเรื่อยจนหลับไปเมื่อไรก็ไม่รู้

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น