3
หวงรัก
“คุณอรรคคะ วันนี้ที่คุณอรรคจะไปบรรยายที่มหา’ลัย เปอร์ลงชื่อไว้ด้วย ขออนุญาตโดดงานตอนบ่ายครึ่งวันนะคะ” หญิงสาวยืนกอดแลปทอปแน่นตอนเดินมาขออนุญาตชายหนุ่มที่ทำหน้าเครียดอยู่กับงานกองโตบนโต๊ะ หน้าจอแสดงตัวเลขให้วุ่นวายไปหมด จนคนเป็นประธานบริษัทปวดหัวตึ้บ แต่พอละสายตาออกมามองหน้าสวยที่เอาลมหายใจเขาไปทุกครั้งที่เห็น เสียงหวานๆ นั้นก็ดูจะทำให้เขาคลายหงุดหงิดลงได้บ้าง
“นั่นสิ ว่าจะถามตั้งแต่เมื่อเช้า แต่พี่ก็ยุ่งๆ” ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ ให้คนตรงหน้า คิดสะระตะตั้งแต่สัปดาห์ก่อนแล้วว่าในเมื่อตัดใจไม่ได้ เขาก็จะค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในชีวิตพชรหทัยทีละน้อยๆ ยอมอดเปรี้ยวไว้กินหวาน รออีกสักปีสองปีให้เด็กสาวตรงหน้าบรรลุนิติภาวะแล้วค่อยจับแต่งงานก็คงพอไหว ส่วนการทำให้อีกฝ่ายรับรู้และพัฒนาความสัมพันธ์กับเขา ชายหนุ่มคงต้องคิดหาทางดีๆ รวมถึงเคลียร์กับว่าที่พ่อตาแม่ยายให้ชัดเจน ไม่ให้ผู้ใหญ่ทางราชสกุลวิริยาคิดไปว่าเขาทำตัวเป็นสมภารกินไก่วัด เชื่อถือไม่ได้ หลอกลูกสาวเขาเด็ดขาด “งั้นไปพร้อมพี่เลยนะครับ แล้วเดี๋ยวพี่ไปส่งที่บ้าน”
พชรหทัยยิ้มน้อยๆ พยักหน้ารับจนชายหนุ่มคิดไกล ตั้งท่าจะวางแผนพาสาวน้อยไปเดตต่อเสร็จสรรพ แต่เสียงหวานกลับดังขึ้นขัดคนที่กำลังจะก้มหน้าก้มตาเคลียร์งานต่อ
“ไปด้วยได้ค่ะ แต่หลังเลิกคลาสเปอร์นัดเพื่อนๆ ทานข้าวไว้ คงไม่รบกวนคุณอรรคไปส่ง”
อรรคเลยได้แต่พยักหน้ารับรู้ นึกวางแผนไปเองในใจว่าจะพาสาวน้อยไปกินของอร่อยหลังจากเลิกเรียน แต่กลับกลายเป็นว่าอีกฝ่ายดันนัดเพื่อนไว้ คนแก่กว่าก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากปล่อยให้เด็กสนุกตามประสาไปก่อน คอยดูเถอะ ถึงเวลาที่เหมาะสมเมื่อไรเขาจะรวบหัวรวบหาง ไม่ให้พชรหทัยกระดิกตัวไปไหนได้เลยละ
ทั้งสองเดินทางมาถึงมหาวิทยาลัยก่อนเวลาบรรยายเล็กน้อย โดยที่อิงอร อาจารย์ในภาควิชาที่หม่อมหลวงพชรหทัยเรียนอยู่ยืนรอรับเพื่อนสนิทที่ด้านหน้าตึก คนสูงวัยกว่าทำหน้าตึงเล็กน้อยตอนเห็นว่าเด็กสาวลงมาจากรถกับอรรค แถมฝ่ายชายยังทอดสายตาพร้อมส่งยิ้มให้ไม่น้อย เป็นรอยยิ้มแบบที่หล่อนไม่เคยได้ และเป็นรอยยิ้มแบบที่ไม่เคยเห็นอรรคมอบให้ใคร ไม่ว่าจะเป็นคนรักเก่า หรือผู้หญิงที่ชายหนุ่มหมายจะตะครุบ
อาจารย์ชื่อดังก้างลงจากบันไดหน้าตึกไวๆ ด้วยใจร้อนรุ่ม รีบเปล่งเสียงเอ่ยทักขัดขวางฉากหวานๆ ที่ตัวเองเห็นเมื่อครู่
“อรรค ทานข้าวมาหรือยังคะ ให้อรเตรียมอะไรให้ไหม” อาจารย์คนสวยเดินเข้าประชิดชายหนุ่มที่กำลังตกเป็นเป้าสายตาของนักศึกษาสาวๆ กับอาจารย์ในคณะที่เมียงมองร่างสูงใหญ่อยู่ รู้สึกภูมิใจไม่น้อยที่ได้เดินเคียงข้างเขา ได้สนิทกับเขามากกว่าคนทั่วไป
ชายหนุ่มเงยหน้าจากดาวมหา’ลัยมองหล่อนตามเสียงทันที ยิ้มอ่อนหวานเปลี่ยนเป็นยิ้มบางๆ ทันควัน
“ทานแล้วครับ เมื่อกี้แวะทานกับเป๊ปเปอร์ที่โรงแรม...” ชายหนุ่มเอ่ยถึงโรงแรมที่มีคอฟฟีชอปขึ้นชื่อมากเรื่องอาหารจานเดียวง่ายๆ ใกล้ๆ มหาวิทยาลัย พลางหันไปยิ้มกว้างขึ้นให้พชรหทัยที่เดินเคียงข้างเขามาอีกด้านหนึ่ง
เห็นแค่นี้อิงอรอดหน้าร้อนขึ้นมาไม่ได้...อรรคไม่เคยยิ้มแบบนี้ให้หล่อนเลย ไม่แม้แต่ครั้งเดียว
“อ้าว มาพร้อมกันเหรอจ๊ะ พชรหทัย...ดีจัง มีเจ้านายรับส่ง” เสียงพูดเหมือนล้อเล่น แต่แววตาทำเอาคนเป็น หม่อมหลวงรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายหวงของและมีอาการไม่พอใจเจือปน จนต้องผ่อนขาให้เดินช้าลง เพราะไม่อยากให้ใครมองเขาไม่ดี แต่ชายหนุ่มกลับหันกลับมาหา
“เป็นอะไรครับเป๊ปเปอร์ มาเร็วๆ สิ หรืออิ่มแล้วง่วงครับ” เสียงหยอกเย้าแบบอารมณ์ดีที่ไม่เคยมีใครได้เห็นจากคุณชายระเบียบของเพื่อนๆ เล่นเอาอิงอรเม้มปากด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะมองหน้าอรรคเพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่เข้าใจนั้นไม่ผิด... แววตาเป็นประกายของอรรคยามมองผู้หญิงคนนั้น...อย่าบอกนะว่า...
“อรรคไม่ไปพบคณบดีก่อนหน่อยเหรอคะ พชรหทัยเขาเดินไปห้องบรรยายเองถูก ไม่ต้องห่วงลูกศิษย์อร หรอก” เมื่อรับรู้ผ่านทางสายตาแล้วว่าแววตาที่ชายหนุ่มส่งให้เด็กสาวแสนสวยที่ขึ้นชื่อว่าฉลาดเกินมนุษย์ปกติ แถมยังสวยจนขึ้นชื่อได้เป็นดาวมหาวิทยาลัย มีรุ่นพี่ตามจีบพร้อมกันไม่ได้ขาดสาย อีกทั้งยังมีเชื้อสายเป็นราชนิกุล ร่ำรวยมหาศาลทั้งราชสกุลฝั่งพ่อ ทั้งตระกูลฝั่งแม่ เล่นเอาใครต่อใครในวงสังคมต่างให้ฉายาเจ้าหญิงแห่งวงการเงินแก่หญิงสาว เพราะดูท่าแล้วคงเป็นสาวน้อยแห่งราชสกุลวิริยาคนนี้แน่ๆ ที่จะกลับมาบริหารบริษัทวิริยะทรัพย์ของราชสกุล ก็รีบกันท่า พร้อมเอ่ยย้ำให้ชายหนุ่มคิดได้ว่าพชรหทัย นั้นมีสถานะเป็นลูกศิษย์หล่อนที่มีวัยเท่าเขา
ส่วนอรรคลังเลเพราะรู้ดีว่าควรไปทำความเคารพผู้ใหญ่ แต่ก็อยากอ้อยอิ่งอยู่กับพชรหทัยต่ออีกนิด ยิ่งรู้ว่าตกเย็นจะไม่ได้ไปส่งสาวน้อยกลับบ้าน ยิ่งอยากอยู่ด้วยต่ออีกหน่อย
“คุณอรรคไปเถอะค่ะ เปอร์จะไปหาเพื่อนด้วย เดี๋ยวเจอกันในคลาสนะคะ” หญิงสาวออกตัวขอปลีกตัวจากเขา ทั้งเพราะเกรงสายตาของอาจารย์อิงอร ทั้งเพราะความเหมาะสม แต่ท่าทางชายหนุ่มจะทำให้หล่อนโดนเหม็นขี้หน้ามากขึ้นไปอีก เพราะตอนจะแยกกันอีกฝ่ายเอ่ยลาเสียงไม่เบาเลย
“นั่งแถวหน้านะครับ ถ้าพี่ไม่เห็นหน้าเปอร์ พี่ไม่ยอมบรรยายจริงๆ ด้วย”
...
ใครต่อใครต่างก็ออกปากชมอรรคทั่วคลาสว่าพูดได้ดี พูดได้น่าฟัง เข้าใจหาประเด็นเชื่อมโยง และดึงดูดความสนใจของคนทั้งชั้นเรียนที่มีตั้งแต่นักศึกษาระดับปริญญาตรีถึงเอก และบรรดาอาจารย์ในคณะกับผู้บริหารมหาวิทยาลัยบางส่วน แต่คนที่ฟังไม่รู้เรื่องเลยกลับเป็นหม่อมหลวงพชรหทัยที่นั่งสู้สายตาคมกริบของอีกฝ่าย จนหน้าแดงเห่อร้อนตลอดสามชั่วโมงที่ชายหนุ่มยืนพูดอยู่หน้าห้อง เพราะชายหนุ่มที่ส่งสายตาจริงจังให้ผู้ฟังท่านอื่น แต่ทุกครั้งที่มองกลับมาที่พชรหทัย ชายหนุ่มจะผ่อนสายตาให้อ่อนโยนพร้อมยิ้มมุมปากน้อยๆ ก่อนจะหันไปทำหน้านิ่งใส่คนอื่น จนเพื่อนสนิทที่เรียนด้วยกันมาอดแซ็วไม่ได้
‘เป๊ปเปอร์ เจ้านายแกเขาคิดอะไรกับแกหรือเปล่า’ บรรพตีแซวเพื่อนสนิทที่มีวัยน้อยกว่ายิ้มๆ
คนเป็นหม่อมหลวงต้องปรามเพื่อนเบาๆ เพราะคนที่เพียรจีบหล่อนมาตั้งแต่อยู่ปีหนึ่งอย่างณวัฒน์ก็ชะโงกหน้าเข้ามามีส่วนร่วม ไม่ได้กลัวเสียคะแนนนิยม แต่เพราะกลัวบรรพตีพูดเสียงดังจนคนอื่นรู้กันทั่วมากกว่า
‘อะไรกัน ใครคิดอะไร’ หนุ่มหล่อของคณะโผล่หน้าออกมาหาบรรพตีที่ส่งเสียงซุบซิบกับหญิงสาวข้างๆ เขา “เป๊ปเปอร์น่ะของฉัน แกอย่ามายุหน่อยเลยยายโบว์” พูดจบก็ลดตัวลงพูดกับพชรหทัยที่นั่งฟังอยู่ข้างๆ เสียจนริมฝีปากแทบชิดใบหูอีกฝ่าย ตาก็เหล่มองไอ้อาจารย์พิเศษหน้าหล่อที่พชรหทัยไปฝึกงานด้วย ทันเห็นแววตาแข็งกร้าวที่ ‘อาจารย์’ มองมาครู่หนึ่ง จนนึกสนุกในใจ เดี๋ยวเลิกสอนก่อนเถอะ...
“แก ไปกันเลยไหม เดี๋ยวรถติด” บรรพตีเป็นฝ่ายออกปากเรียกเพื่อนอีกสามคน อันประกอบด้วย หม่อมหลวงพชรหทัย ณวัฒน์ และฐิติกร ให้ออกเดินทางเพื่อไปทานอาหารค่ำร่วมกันที่ร้านประจำ ทว่าหม่อมหลวงคนสวยยังรีๆ รอๆ อยู่ “รอไรหรือเปล่าเป๊ปเปอร์”
“แป๊บนึงโบว์ คุณอรรคบอกให้รอก่อน ไม่รู้จะสั่งงานอะไรของพรุ่งนี้หรือเปล่า” หญิงสาวพยักหน้าให้เพื่อนไวๆ รอกันอยู่ไม่นานเจ้านายหนุ่มหล่อก็เดินกลับมาหา ยิ้มน้อยๆ ให้เพื่อนในกลุ่มก่อนจะกว้างขึ้นอีกนิดเมื่อสบตาตรงๆ กับหญิงสาว
“ตกลงจะไปกับเพื่อนใช่ไหมครับ” อรรคออกปากถาม น้ำเสียงเอื้อเอ็นดู ทั้งๆ ที่ใจไม่อยากให้เจ้าตัวไป นี่ขนาดพชรหทัยรายล้อมด้วยคนอายุกว่าตั้งสามปียังดูโดดเด่นแบบนี้ หวงของตั้งแต่ผู้หญิงยังไม่รู้ว่ารัก ยิ่งเห็นไอ้เพื่อนผู้ชายหน้าตาดีคนนี้อยู่ใกล้ๆ คนที่เขาหมายตาไว้ ยิ่งรู้แต่ว่าต้องกันท่ามันทุกอย่าง
“ไปทานกันที่ไหน จะให้พี่ไปรับหรือเปล่า” แล้วอรรคก็ตัดสินใจพูดประโยคสุดท้ายออกไป เมื่อหันไปเห็นว่าชายหนุ่มที่นั่งอยู่ติดหม่อมหลวงพชรหทัย คนที่ทำท่าทางสนิทสนมพูดข้างๆ หูหญิงสาวตลอดเวลาจนเขาเสียสมาธิหลายรอบยืนอยู่ในกลุ่มด้วย
“ไปร้านในโรงแรมรัฟเฟิลค่ะ ร้านประจำพวกเรา เพราะพ่อณวัฒน์เป็นเจ้าของ” เป็นบรรพตีที่ตอบแทนเพื่อนทั้งหมด เพราะหม่อมหลวงคนสวยมัวแต่ยืนอึ้งกับคำพูดสนิทสนมที่เจ้านายหนุ่มหล่อเอ่ยออกมา ในขณะที่ตาคมกริบของอีกฝ่ายจ้องณวัฒน์ไม่วางตา เหลือฐิติกรที่มาไม่ทันฟังบรรยาย แต่มาทันนัดกินข้าวกับเพื่อนๆ ยืนมองซ้ายทีขวาทีอยู่
“อ่อ...โอเคครับ งั้นทานให้สนุก ถึงบ้านแล้วบอกพี่หน่อยนะครับ” พูดจบแล้วอรรคก็เดินกลับขึ้นรถไปเงียบๆ ทิ้งให้พชรหทัยยืนพยักหน้ารับพร้อมยกมือสวัสดีลาเขาแบบงงๆ โดยมีบรรพตียืนตีแขนพั่บๆ อยู่ข้างๆ พร้อมส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดแบบที่พอได้ยินกันสี่คน
“อร๊ายยย...ท่านประธานของแกจะละมุนไปไหนนน”
“พนันเลย เอาโรงแรมพ่อไอ้ณะเป็นเดิมพันว่าท่านประธานของแกเขาแอบคิดอะไรแน่ๆ” บรรพตีใช้ตะเกียบที่เพิ่งคีบไก่แช่เหล้าเข้าปากชี้หน้าเพื่อนสนิท หลังจากพูดประโยคเดิมวนเวียนมาเป็นรอบที่ล้าน เพราะมั่นใจที่สุดจากภาพที่เห็น เคมีที่ได้กลิ่น และความรู้สึกที่สัมผัสได้
“พอเถอะ...ฟังจนจะอ้วก...” ณวัฒน์ออกปากบอก นึกฉุนขึ้นมาทันทีที่รู้ว่ามีคู่แข่งเพิ่มขึ้นอีกหนึ่ง “ยิ่งถ้าไอ้ท่านประธานอะไรนั่นชอบเป๊ปเปอร์ก็ยิ่งต้องเลิกคบ อย่าไปสนิทกับมันเข้าใจไหมเปอร์” ณวัฒน์หรือไอ้ณะของเพื่อนๆ บอกกันหมาทุกตัวที่เข้าใกล้คนที่เขาชอบมาตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง แต่หญิงสาวไม่อนุญาตให้ความสัมพันธ์ขยับไปไหนมากกว่าเพื่อนสนิท
“อ้าวทำไม ทั้งหล่อ ทั้งฉลาด หาได้ที่ไหน” บรรพตีออกปากถามแทนหม่อมหลวงพชรหทัย ถามเสร็จก็หันไปพยักพเยิดกับฐิติกร เพื่อนที่เลื่อนระดับมาเป็นแฟนได้ไม่กี่เดือนก่อน
“คนดีๆ ที่ไหนจะมาชอบเด็กฝึกงานที่อายุน้อยกว่าสิบกว่าปี ถ้ามันจีบเปอร์จริง ณะว่ามันต้องหวังผล”
“ผลอะไรณะ” คราวนี้ตัวต้นเหตุเปิดปากถามบ้าง ไม่เข้าใจสิ่งที่เพื่อนกำลังจะพูด “เปอร์สิต้องหวังผลให้เขาเซ็นผ่านให้”
“ก็มันหวังจะฮุบทั้งบริษัท ทั้งเปอร์ไง” ณวัฒน์ยักไหล่ตอบ ใส่ความอีกฝ่ายไปเรื่อยเปื่อย หวังแค่ว่าไม่ให้พชรหทัยเห็นอีกฝ่ายดี “ที่มันบริหารอยู่ก็แค่ลูกจ้าง ถ้าได้เปอร์ไป นอกจากจะได้สาวสวยตัวท็อป ยังได้เป็นลูกเขยเจ้าของไปด้วย ใครไม่คิดแบบมันก็โง่แล้ว”
“บ้า...เขาไม่คิดแบบนั้นหรอก” บรรพตีค้าน ทว่าเสียงก็อ่อยลง อดคิดตามที่เพื่อนพูดไม่ได้ว่า หากท่านประธานคนใหม่จะเข้าหาพชรหทัยอาจจะมีอะไรแอบแฝงก็เป็นได้ “โพรไฟล์บ้านเขาก็ดี นามสกุลก็ดัง เป็นท่านผู้หญิงอะไรไม่ใช่เหรอวะ เขาคงไม่ต้องมาจับเป๊ปเปอร์มั้ง พวกอัครนันท์รวยจะตาย”
“แล้วแกรู้ไหมล่ะว่าไอ้นามสกุลเก่าแก่ที่เขาใช้ พอพ่อแม่ตายหมด คนที่แกว่าเป็นท่านผู้หญิงอะไรก็เป็นแค่ป้าที่ไม่ไยดีเขาด้วยซ้ำ” ณวัฒน์บอกตามความจริง “แถมเดือนก่อนนะ ฉันไปเที่ยวมา เจอมันยังนัวเนียอยู่กับแพม พริมา นางแบบที่ดังๆ คนนั้นอยู่เลย ดังนั้น...” ตาเฉียงตามแบบฉบับลูกคนจีนก็ปรายมามองเพื่อนสาวที่เขาชอบเกินเพื่อนมาหลายปี เขาไม่ได้ คนอื่นก็ต้องไม่ได้ “ห้ามหวั่นไหวไปกับมันนะเปอร์! เพราะถ้าเปอร์จะมีแฟนต้องข้ามศพณะไปก่อน!”
อากาศเย็นเยือกในห้องนอนที่เปิดเครื่องปรับอากาศไว้ที่อุณหภูมิยี่สิบเอ็ดองศาตามประสาคนขี้ร้อน ไม่ได้ช่วยให้หม่อมหลวงพชรหทัยคลายความคิดมาก หรือใจเย็นลงจากเรื่องที่เพิ่งฟังมาได้เลย ในหัวคิดตีกันมั่วไปหมด เพราะถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่เคยเอ่ย หรือเปิดเผยความรู้สึกกับหล่อนตรงๆ ว่ารู้สึกอะไรด้วย แต่ท่าทีที่มีมาก็ชวนให้คิดไม่น้อยว่าเขาไม่ได้เห็นหล่อนเป็นลูกน้อง
แต่เมื่อณวัฒน์กับบรรพตีมาจุดประเด็นแบบนี้ คนที่คิดทุกอย่างรอบด้านอย่างหม่อมหลวงพชรหทัยก็อดคิดเข้าข้างตัวเอง คิดมาก คิดตาม และคิดจนตัวเองเป็นทุกข์แบบนี้ไม่ได้ แต่คิดไปได้ไม่เท่าไร โทรศัพท์ส่วนตัวก็ดังขึ้น เรียกหญิงสาวออกจากความคิดในโลกส่วนตัวได้ชั่วขณะ แต่ก็แค่ครู่เดียว เพราะเมื่อเห็นชื่อที่แสดงอยู่ เจ้าตัวก็อดกลับมาคิดถึงเรื่องที่เพิ่งพูดคุยกับเพื่อนมาอีกครั้งไม่ได้
หญิงสาวสองจิตสองใจอยู่นานว่าจะกดรับดีหรือไม่ ใจหนึ่งก็หวนคิดถึงสิ่งที่บรรพตีบอก เลยทั้งตื่นเต้น ดีใจที่เขาโทร. มาหา แต่อีกใจหนึ่งก็ได้ยินเสียงณวัฒน์แทรกเข้ามา จึงไม่อยากยุ่งกับคนที่อาจจะมาหลอกลวงหล่อน แถมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไอ้ที่ชอบเขา เขาชอบตัวเองกลับมาหรือเปล่า ทว่าความรู้สึกอ่อนไหวบางอย่างในจิตใจก็กลับทำให้พชรหทัยกดรับโทรศัพท์ของเขาในที่สุด
“ค่ะ” เสียงขานรับสั้นๆ ไม่แสดงอาการใดๆ ถูกเอ่ยขึ้น
“ยังไม่ถึงบ้านเหรอครับ” เสียงอ่อนโยนเป็นสาเหตุของยิ้มน้อยๆ บนหน้าสวย
“ถึงแล้วค่ะ”
“อ้าว แล้วทำไมไม่โทร. บอกพี่” เสียงทุ้มทอดแบบคนน้อยใจ จนพชรหทัยอดยิ้มกว้างเพราะความขี้อ้อนของเขาไม่ได้ “ไอ้เราก็เป็นห่วง ยังไม่อาบน้ำ เผื่อจะให้ออกไปรับ”
“จะต้องมารับเปอร์ทำไมคะ” คนถามถามไปยิ้มไป เขินไม่น้อย ทั้งๆ ที่ก็มีผู้ชายเพียรมาขายขนมจีบตลอด รุกหนักกว่าเขาก็มี แต่ไม่ยักเห็นจะเคยรู้สึกแบบนี้ ไอ้อาการวูบวาบ อาการตื่นเต้นแบบนี้ เพิ่งเคยรู้สึกเป็นครั้งแรก “คนขับรถเปอร์มี ต่อให้ไม่มีใคร เพื่อนเปอร์ก็มาส่งได้”
“อ้าว...ใครจะไว้ใจให้คนอื่นไปส่ง พี่ก็บอกเป๊ปเปอร์แล้วว่าพี่ไม่ปล่อยเราให้ใครแน่ๆ” พูดจบก็อดหัวเราะความเลี่ยนของตัวเอง ทั้งๆ ที่อยากหยอดเพิ่ม แต่แล้วก็ต้องตัดใจสงบปากสงบคำ อดเปรี้ยวไว้กินหวาน ไม่พูดอะไรที่ส่อความในมากกว่านี้ เพราะอยากเข้าตามตรอกออกตามประตู ต้องคุยกับผู้ใหญ่ให้เรียบร้อย คิดทุกอย่างให้ดีก่อนที่จะทำอะไร คิดแบบนั้นชายหนุ่มก็เลยตัดใจไม่คุยต่อทั้งๆ ที่อยากได้ยินเสียงพชรหทัยอีกนิด “ถึงบ้านก็ดีแล้ว งั้นไว้พรุ่งนี้พบกันนะครับ”
สาวร่างบางคอนทั้งแลปทอปของตัวเอง ทั้งของเจ้านาย ทั้งของชุดาขึ้นมาถึงห้องทำงาน ทั้งๆ ที่ทั้งสองคน ออกปากว่าไม่ต้องหิ้วมา แต่พชรหทัยที่หมดหน้าที่ในห้องประชุมแล้วกลับยืนกรานว่าจะเอาของเข้ามาเก็บ แล้วทำรายงานการประชุมผู้บริหารในส่วนที่อรรคสั่งการ ปล่อยให้เขาคุยกับผู้จัดการฝ่ายบัญชีอยู่หน้าออฟฟิศ
พอกดรหัสหกหลักที่ใช้ตั้งแต่รุ่นคุณพ่อเข้าห้องได้ก็วางของชายหนุ่มในที่ของเขา ก่อนจะมานั่งปักหลักทำงานในความรับผิดชอบของตนเอง ตาหวานเปล่งประกายเหลือบมองเวลาที่นาฬิกานิดหนึ่งก่อนจะคิดเองเออเองในใจว่า สงสัยวันนี้ได้กลับบ้านค่ำแน่ๆ แต่แล้วพชรหทัยที่ได้รับการฝึกมือมาจากเบอร์หนึ่งอย่างอรรคกลับทำงานได้เสร็จไวกว่าที่คาด ทั้งๆ ที่เพิ่งเริ่มฝึกงานเมื่อสัปดาห์ก่อน ทั้งที่ในตอนนั้นเจ้าตัวยังทำงานไม่ทันเวลาอยู่เลยด้วยซ้ำ
เมื่อตรวจทานความเรียบร้อยของงานเสร็จสิ้นดีแล้ว เจ้าตัวก็กดส่งไฟล์งานพร้อมคำวิเคราะห์เข้าอีเมลเจ้านายหนุ่ม ซึ่งตอนนี้กลับเข้ามานั่งทำงานต่อเรียบร้อยแล้ว
“คุณอรรค ได้เมลเปอร์แล้วเปล่าคะ”
อีกฝ่ายพยักหน้าน้อยๆ ผายมือให้หล่อนนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเป็นเชิงว่าให้รอก่อน จนเมื่อเขาอ่านรายงานเสร็จสิ้น ถึงได้เริ่มเปิดประเด็นคุย
“เป็นไงครับ ทำงานมาสองอาทิตย์แล้ว” อรรคมองหน้าพชรหทัยสลับกับหน้าจอที่กำลังแสดงผลการวิเคราะห์การประชุมที่หล่อนทำส่งเขา บังคับตัวเองให้เพ่งสมาธิอยู่ที่งานตรงหน้า นึกในใจว่าคงหมดแรงจะสู้กับความต้องการภายในของตัวเองแล้ว คงต้องปล่อยเลยตามเลย ให้หลงรักคนตรงหน้าแบบไม่มีข้อแม้ ไปเลยละกัน
ฝ่ายพชรหทัยก็ยิ้มกว้างตอบอีกฝ่ายชัดถ้อยชัดคำตามประสาคนมั่นใจในตัวเองแบบทุกครั้ง ยิ่งทำให้ท่านประธานเสียการควบคุมหัวใจตัวเองมากขึ้นไปอีก
“ก็ดีค่ะ แค่งงหน่อยๆ เพราะที่เรียนมามันไม่เคยสอนภาพกว้างแบบนี้” หม่อมหลวงคนเล็กสุดของคุณชายพัชรว่าตามจริง “แต่พอรู้แบบนี้ก็ยิ่งรู้เลยว่าที่เรียนมาเอาไปทำอะไรได้บ้าง คุณอรรคเก่งจริงๆ นะคะ ทำงานต่อจากคุณพ่อได้ไม่สะดุดเลย”
หญิงสาวกล่าวน้ำเสียงชื่นชมพร้อมแววตาเปล่งความในบางอย่างที่เจ้าตัวคิดว่าปิดมิด แต่...เด็กยังไงก็เป็นเด็ก ทำเอาอรรคชื่นใจไม่น้อยที่อีกฝ่ายพูดแบบนี้กับเขา แสดงกิริยาแบบนี้กับเขา เปิดเปลือยความรู้สึกผ่านดวงตากับเขา
“ดีใจที่เป๊ปเปอร์ไม่เบื่อครับ งานพี่มันไม่ได้ลงไปทำตัวเลข หรือวิเคราะห์ตลาดแบบพวกนักวิเคราะห์ แต่เราต้องมองภาพใหญ่แบบที่เป๊ปเปอร์เข้าใจถูกแล้ว” อรรคพยักหน้าน้อยๆ ให้คนตรงหน้า ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าตัวถึงเรียนได้ไวและเรียนได้เก่งเกินคาดขนาดนี้ เพราะแต่ละอย่างที่พูด แต่ละอย่างที่เขียนในรายงานวิเคราะห์ที่ส่งเขาฉายชัดว่า พชรหทัยฉลาดเกินคนธรรมดา จนอรรคนึกเล่นๆ ว่าถ้าให้เขาเทรนงานดีๆ หลังเรียนจบสักปีสองปีเขาคงวางมือให้พชรหทัยเอาตำแหน่งไปบริหารบริษัทของตัวเองได้อย่างไม่มีห่วง
“เอาเป็นว่าจากนี้พี่จะให้เป๊ปเปอร์ทำสรุปวิเคราะห์ตลาดโลกแบบนี้ขึ้นมาทุกวัน ประชุมยิบย่อยไม่ต้องทำแล้วครับ พี่ดูที่ผ่านมาแล้วเป๊ปเปอร์ทำได้ดีมาก” ยิ้มมุมปากของชายหนุ่มทำเอาหม่อมหลวงเป๊ปเปอร์หน้าแดงไม่น้อย ดีใจที่เขาชม แถมผู้ชายที่ชื่นชมยังมายิ้มเจ้าเสน่ห์ให้แบบนี้อีก “ทำเสร็จก็ใช้เป็นรายงานส่งตอนเรียนจบได้เลย ดีไหมครับ จะได้จบไวๆ”
“ขอบคุณคุณอรรคนะคะ อุตส่าห์เป็นธุระสอนงานให้ แถมยังช่วยทำไทม์ไลน์เขียนรายงานส่งอาจารย์อีก” หญิงสาวบอกขณะมองตามเขาที่ลุกจากเก้าอี้ตัวเขื่องของตนเองเดินมาหยุดยืนข้างๆ งงไม่น้อยว่าเขาจะลุกไปไหน เพราะดูเหมือนว่ายังคุยกันไม่จบ แต่แล้วคุณอรรคของเป๊ปเปอร์ก็ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายข้องใจนาน บอกสีหน้ายิ้มแย้มผิดกับตอนคร่ำเคร่งในห้องประชุมเมื่อครู่นี้
“เดี๋ยวพี่จะให้คุณชุดาส่งไฟล์รายงานสามปีหลังเข้ามาให้เป๊ปเปอร์ดู จะได้มีเรเฟอเรนซ์เวลาทำการบ้าน”
หญิงสาวได้ยินแบบนั้นก็รีบลุกขึ้นตามเขา กะว่าจะเดินไปบอกเลขาฯ ของเขาเอง แต่อาจจะเพราะนั่งนานไปพอลุกขึ้นหม่อมหลวงพชรหทัยก็แทบทรุดลงไปกองกับพื้นเพราะอาการเหน็บชาทำร้าย
“อุ๊ย” ร่างบางเกือบร่วงแตะพื้นแล้ว ทว่าแรงดึงจากมือหนาที่พุ่งมาจากไหนไม่รู้กลับรั้งตัวหล่อนไว้ ดึงเข้าแนบร่างสูงใหญ่ มืออีกข้างโอบรอบเอวบางมาชิดกันไปทุกส่วน จนเหมือนเวลาหยุดเดินเพราะความใกล้ชิดเป็นเหตุ
“เป็นไร เป๊ปเปอร์” เสียงทุ้มดูตกใจมากกว่าคนที่ยืนไม่อยู่เสียเอง อรรคดันตัวหญิงสาวออก แววตาร้อนรนมองพชรหทัยเพื่อสำรวจความเสียหาย พลิกซ้ายพลิกขวาจนแน่ใจว่าหล่อนไม่ได้เป็นอะไรถึงดึงตัวเข้ามากอดไว้อีกครั้ง โดยที่หม่อมหลวงคนสวยได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อเพราะไม่เคยได้รับสัมผัสแบบนี้จากผู้ชายที่ไหนมาก่อน จนเมื่อตั้งสติได้ก็พยายามดันตัวออกเพื่อความเหมาะสม แม้จะรู้สึกอบอุ่นมากในอ้อมแขนของเขาก็ตาม
“คุณอรรค เปอร์โอเคแล้ว ปล่อยได้แล้วค่ะ” เสียงหวานอุบอิบบอกทั้งๆ ที่โดนรัดแนบไปกับอกของชายหนุ่ม หน้าก็แดงก่ำ บอกให้เขาปล่อย แต่หม่อมหลวงแสนสวยกลับกดจมูกลงกับอกกว้าง สูดกลิ่นหอมเฉพาะตัวของเขาเข้าเต็มปอด
อีกฝ่ายก็เหมือนจะรู้สึกตัวขึ้นมา ค่อยละกอดออกอย่างเชื่องช้า แต่ปลายนิ้วยังอ้อยอิ่งมาจนถึงมือบางของหญิงสาว ไม่ยอมให้สัมผัสของเนื้อห่างจากกัน อยากซึมซับเวลานี้ไว้ให้นานที่สุด
“เอ่อ...พี่ขอโทษ พี่คงกลัวเราล้มมากไปหน่อย” ชายหนุ่มบอกตามความจริง เมื่อครู่เขาไม่ได้มีเจตนาจะล่วงเกินหม่อมหลวงคนสวยเลย แต่ห่วงกลัวอีกคนจะเป็นอะไร นึกสะท้อนใจตัวเองว่ารู้จักอีกฝ่ายมาแค่เดือนกว่าๆ ทำไมถึงหายใจเข้าเป็นเป๊ปเปอร์ หายใจออกเป็นหม่อมหลวงพชรหทัยแบบนี้
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณคุณอรรคที่ช่วยนะคะ ไม่งั้นคงล้มลงไปจริงๆ” ท้ายประโยคพชรหทัยก็ช้อนตาขึ้นสบตาอรรค เพราะคิดว่าคงไม่สุภาพหากจะพูดโดยไม่มองหน้าเขา แล้วก็พบว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิต เพราะแววตาของอรรคฉายชัดถึงความรู้สึกในใจ ขนาดคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านความรักมาก่อนแบบหม่อมหลวงเป๊ปเปอร์ยังสัมผัสได้ จนเนื้อตัวพานร้อนวูบวาบตามไปด้วย และยิ่งร้อนเหมือนโดนไฟเผาเมื่อมือหนาของชายหนุ่มเลื่อนประคองหน้าของพชรหทัยไว้ เขาพูดพึมพำเบาๆ อยู่แถวไรผม เหมือนพูดกับตัวเองมากกว่าจะบอกให้หล่อนรู้
“พี่ไม่ปล่อยให้เราเป็นอะไรหรอก...ไม่มีทางปล่อย และไม่มีทางยอมให้เป็นอะไร” พูดได้แค่นั้นก็เหมือนมีมนตร์สะกดระหว่างคนสองคน ตาสองคู่ที่สบกันแน่นิ่งเหมือนจะเปิดเผยความในใจกันทั้งสองฝ่าย ระยะห่างระหว่างคนสองคนลดลงโดยอัตโนมัติเหมือนแม่เหล็กดูดกัน
ท่านประธานขาดความยับยั้งชั่งใจ จดริมฝีปากบางลงบนหน้าผากนูนโหนกของอีกฝ่าย ย้ำหลายๆ ทีอย่างอ่อนหวาน ก่อนจะเคลื่อนหน้าลงเพื่อให้ริมฝีปากสัมผัสกัน แม้จะไม่ดูดดื่มแต่ก็อ่อนหวานจนซาบซ่านไปตั้งแต่หัวจดเท้า หวังจะให้ถ่ายทอดความรู้สึกแทนคำพูดที่ยังไม่กล้าเอ่ย ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ณ วินาทีนี้ว่าคงต้องทำทุกทางให้อีกฝ่ายเป็นของตนให้ได้ รวมไปถึงการเอ่ยปากคุยกับพ่อแม่ของอีกคน ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร รวมถึงทำให้พชรหทัยรับรู้ความในใจจากเขาด้วย
เมื่อคิดจะรุก คนอย่างอรรคก็ไม่เคยปล่อยให้เวลาผ่านไป เช้านี้เขาถึงตัดสินใจตื่นเช้ามากกว่าปกติ ขับรถ อ้อมไปซื้อโกโก้ร้อนร้านที่เคยแวะไปดื่มกับหม่อมหลวงพชรหทัย ซึ่งเจ้าตัวบอกซ้ำหลายๆ หนว่าเป็นร้านโปรดที่ชงเครื่องดื่มร้อนได้ถูกใจหล่อนที่สุด แล้วจึงขับอ้อมวนกลับมาเข้าบริษัทเพื่อเอาของมาบรรณาการคนที่เขาตั้งใจไว้แล้วว่า ไม่ว่าจะต้องผ่านด่านอรหันต์ หรือต้องรอให้หญิงสาวถึงวัยอันควรมากแค่ไหนก็จะทำ มาให้เจ้าตัวได้ดื่มยามเช้า
ชายร่างสูงเกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตรเปิดประตูห้องทำงานเข้ามาเงียบๆ แล้วก็ต้องพบว่าอีกฝ่ายนั่งทำงานมีสมาธิอยู่ที่โต๊ะของตัวเองก่อนแล้ว และไม่มีทีท่าว่าจะรับรู้ถึงการมาของเขา อรรคเลยตัดสินใจนั่งประจำที่ของตัวเอง และมองภาพตรงหน้าเหมือนเป็นความบันเทิงยามเช้าต่อไปเรื่อยๆ
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน แต่คิดว่าคงนานพอตัว เพราะเมื่ออรรคหลุดจากภวังค์แล้วยืนขึ้นเพื่อจะเข้าไปหาพชรหทัย ก็พบว่าแก้วเครื่องดื่มนั้นคลายความร้อนไปพอสมควร มือหนายื่นสิ่งที่เตรียมมาออกไปตรงหน้า เรียกคนสวยที่อยู่ในห้วงคำนึงของเขาทุกลมหายใจเข้าออก
“เอ่อ สวัสดีค่ะ” หม่อมหลวงพชรหทัยหน้าแดงขึ้น ก่อนจะเม้มปากแน่น ก็ผู้ชายตรงหน้ายิ้มให้แบบไม่กลัวหัวใจหล่อนจะกระเด็นออกมาจากอกบ้างเลย “คุณอรรคมานานแล้วเหรอคะ” ตาหวานเหลือบมองเวลาเล็กน้อย ตกใจนิดๆ ที่ตัวเองทำงานนานถึงสี่สิบนาทีโดยไม่รับรู้การมาของอีกฝ่าย แต่พอเห็นหน้าเขาก็พานนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวานที่ทำเอาพชรหทัยนอนไม่หลับไปค่อนคืน จนตัดสินใจออกมานั่งทำรายงานที่บริษัทแบบนี้ ดีกว่าหายใจทิ้งยามนึกถึงฉากหวานๆ เมื่อวานเป็นไหนๆ
“สักพักครับ นี่...” มือหนายื่นแก้วโกโก้ร้อนไม่ผสมน้ำตาลแบบที่อีกฝ่ายชอบให้ “พี่ผ่านร้านที่เราบอกว่าอร่อย เลยแวะซื้อมาให้”
หม่อมหลวงคนสวยยกมือไหว้เขาเป็นการขอบคุณอีกรอบทั้งที่งงไม่น้อย ถ้ารู้มาไม่ผิดบ้านเขากับร้านโปรดหล่อนมันอยู่คนละทางกัน ก่อนจะรับเครื่องดื่มโปรดมาจิบ โปรยยิ้มแบบไม่รู้ตัวให้แก้วโกโก้ แต่ทำเอาคนมองใจสั่น อยากคว้าอีกคนมากอดแน่นๆ จูบเบาๆ แบบเมื่อวาน แต่ก็ต้องดึงตัวเองเข้าสู่โลกของความเป็นจริง สังเวชตัวเองที่ตกหลุมรักคนที่ไม่น่าหลวมตัวไปรักมากที่สุด “ร้านนี้ไกลจากบ้านคุณอรรคจะตายนิคะ คนเยอะด้วย เกรงใจคุณอรรคแย่”
“สำหรับเป๊ปเปอร์ จะอะไรก็ได้ครับ” ชายหนุ่มขุดสกิลปากหวานที่ไม่ได้ใช้งานมานานมาอ้อนเด็กที่หน้าขึ้นสีเป็นที่เรียบร้อย
“แล้วนี่มีอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมท่านประธานกับคุณเปรี้ยวโทร. มาเชิญพี่ไปทานข้าวที่วัง นี่พี่ไม่ได้เผลอทำอะไรให้เราไม่พอใจจนไปฟ้องคุณพ่อคุณแม่ใช่ไหม” ตาเรียวหรี่มองคนตรงหน้า คิ้วเข้มพาดหน้าขาวหล่อที่รับกันดีกับจมูกโด่งๆ ของเขา ยืนกอดอกรอฟังคำตอบ ทั้งกิริยาท่าทาง ทั้งคำพูดเป็นกันเองยิ่งขึ้น ระยะห่างเวลายืนด้วยกันก็ใกล้กันมากขึ้นด้วย โดยที่อีกฝ่ายทำหน้างง เพราะไม่รู้มาก่อนว่าบุพการีโทร. เชิญท่านประธานรูปหล่อผู้นี้ไปกินข้าวที่ตำหนักใหญ่
“ไม่เห็นมีอะไรนิคะ คุณอรรคดีจะตาย จะให้เอาเรื่องอะไรไปฟ้อง” พูดไปก็หน้าแดงไปเพราะหวนคิดถึงเรื่องเมื่อวานที่น่าฟ้องที่สุด แต่ใครจะมีหน้าไปพูดเรื่องแบบนั้นกับพ่อกับแม่ได้ แถมตัวหล่อนเองก็ยืนนิ่งไม่โต้แย้ง ปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจด้วยซ้ำ “คงเชิญไปทานตามปกติแหละค่ะ นี่จะไม่อยู่กันเป็นเดือน ทิ้งเปอร์ไว้คนเดียว”
ประกายวาววามบางอย่างฉายจากแววตาอรรค แต่หม่อมหลวงคนสวยไม่ทันสังเกต เพราะมัวแต่ดื่มด่ำกับเครื่องดื่มที่ตัวเองชื่นชอบ หวั่นไหวกับทีท่าของเขา และอดตื่นเต้นลึกๆ ไม่ได้เพราะประโยคถัดไปของชายหนุ่ม
“งั้นเย็นนี้เป๊ปเปอร์ก็ไม่ต้องให้รถมารับ กลับวังกับพี่เลยละกัน”
ความคิดเห็น |
---|