2

ตอนที่ 2


บทที่ 2

            “ก็ไหนข่าวว่าพี่ติ๋วตายไปแล้วไงคะ!”

                เวียงดาวเสียงสั่นไปหมด ตัวเย็นลงจนรู้สึกได้ หน้าซีดเซียวไปทันใด ประหม่าจนเหงื่อตก ทว่าเธอโดนต้อนจนหลังชนฝา ถึงคิดจะหนีไปไหนก็ดันก้าวขาไม่ออกเสียเอง ทำได้เพียงยืนใจเต้นแรงราวกลองรบ ขนลุกซู่ไปทุกอณูของร่างกาย แล้วปล่อยให้หญิงงามหยาดฟ้ามาดินที่เธอไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเป็นผีหรือคน มายืนยิ้มหวานให้ได้มอง แต่เป็นรอยยิ้มให้เธอแสนจะมั่นใจเป็นที่สุด

                ชยาตายังไม่ตาย!

                หญิงสาวแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง หายใจหอบ ตัวสั่นเทาแต่หลังติดฝาอยู่ในห้องพักของตัวเอง ดวงตาเหลือกลาน อยากตบหน้าตัวเองแรงๆ เสียด้วยซ้ำ อยากรู้ว่านี่เธอตื่นหรือฝันอยู่กันแน่!

                “ดีใจจัง เวียงดาวจำพี่ได้จริงๆ ด้วย” ชยาตายิ้มหวานแต่มันเย็นเยือกจับใจเธอ “เวียงดาวเนี่ย นางฟ้ามาโปรดของพี่แท้ๆ เลยนะ”

                “พี่ติ๋ว…” คนเป็นน้องเรียกเสียงสั่นกลัวจนน้ำตาจะไหลแต่ก็ไม่แน่ใจไปพร้อมๆ กัน “พี่ยังไม่ตายจริงๆ เหรอคะ”

                “ยังจ้ะ”

                คราวนี้แหละที่เวียงดาวอยากให้คนเอาน้ำมาสาดใส่สักกะละมัง แต่ในความจริงเธอทำยังยืนตัวแข็งทื่อ แล้วปล่อยให้ชยาตาลากมานั่งในเตียงนอนหลังเล็กในห้องพักของตัวเอง ตั้งแต่โดน ‘ซุ่มโจมตี’ มานี่ เธอยอมรับเลยว่าค่ายกลแตกพ่าย ไม่มีสติเลยสักนิด

                เรื่องมันเกิดเมื่อประมาณสามนาทีก่อนหน้านี้ เธอเพิ่งกลับจากสถาบันสอนงานด้านกราฟิกดีไซด์ที่มาลงทะเบียนเรียนเสริมทักษะให้อาชีพนักวาดภาพประกอบของตัวเอง จากนั้นก็แวะซื้อข้าวกล่อง คิวไว้ว่าจะกลับมานั่งกินพลางดูซีรี่ย์เกาหลีที่ห้องพัก

ทว่าเพียงไขกุญแจห้อง ร่างของเวียงดาวก็ปลิวหวือ เซล้มเข้าจมมุมในห้องของตัวเอง ผัดกะเพราทะเลราดข้าวกับไข่ดาวอีกฟองหกเกลื่อนพื้นส่งกลิ่นคละคลุ้ง แล้วพอเห็นหน้าคนผลัก หญิงสาวก็ช็อกไปเลย ตอนแรกนึกว่าผีหลอกเสียอีก

                แม้ตอนนี้จะมั่นใจว่าชยาตาเป็นคน แต่เวียงดาวก็ยังไม่หายงง เพราะเธอมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้เลอะเลือน ยังจำได้แม่นว่ามีข่าวครึกโครมสะนั่นโลกโซเซียวและวงกราฟรากฟิกดีไซด์ว่าผู้หญิงคนนี้ตายไปแล้ว งานศพเพิ่งเสร็จไปหมาดๆ แล้วทำไมคนตายมาอยู่กับเธอในห้องพักนี้ได้

                “นี่มันเรื่องอะไรกันคะพี่ติ๋ว ถ้าพี่ยังไม่ตาย แล้วข่าวนั้นหมายความว่ายังไง”

                “ข่าวหลอกจ้ะ” ชยาตายิ้มหวานแต่ดูแหย่ๆ อย่างคนรู้สึกผิด “พี่ต้องแกล้งตาย ไม่อย่างนั้นตายจริงๆ แน่”

                “เพราะข่าวกับเจมส์นั่นหรือเปล่าคะ” คนตาเหลือกยังพยายามปะติปะต่อเรื่องที่ตัวเองรู้มา “อย่าบอกนะคะว่าพี่แกล้งตายเพื่อหนีภรรยาของเจมส์ เขาตามฆ่าพี่จริงๆ เหรอ!”

                “แฮะๆ”

                ชยาตาหัวเราะอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ ใบหน้าสวยหวานราวนางฟ้านางสวรรค์ย่นแหย่ คงไม่กล้าพูดว่าตัวเองไปทำผิดศีลข้อสามจนเดือดร้อนมา นี่คงจะหนีตายอย่างที่มารดาของเธอเคยวิเคราะห์ไว้ก่อนหน้านี้ไม่ผิดแน่ ตกลงคบชู้จนโดนเมียหลวงหึงโหด ตามล่าหัวหมายเอาชีวิตจริงๆ ล่ะสินะ

                “ก็อย่างนั้นแหละจ๊ะเวียงดาว พี่โดนตามฆ่ามาตั้งสองทีแล้ว” ชยาตายิ้มแหย่เหมือนพยายามกลบเกลื่อนเรื่องร้ายๆ ที่ตัวเองทำผิดไว้ “ถ้ามีรอบที่สาม ดูท่าจะไม่รอด”

                “แล้วพี่ก็เลยแกล้งตายเนี่ยนะ! ทำสำเร็จได้ยังไง”

                “สามีพี่เขาช่วยไว้นะ”

ชยาตาเล่าช้าๆ แต่มองเธออย่างเต็มไปด้วยความหวัง

“พี่ให้เขาช่วยโกหกทุกวันว่าเอาศพพี่ไปชันสูตร แล้วก็ให้เขาจัดการเรื่องศพแค่คนเดียว เผาหลอกๆ แล้วก็แกล้งเอาเถ้ากระดูกหมูมาหลอกว่าเป็นกระดูกพี่ให้ไปลอยอังคาร คนที่มันตามเอาชีวิตพี่จะได้เชื่อว่าพี่ตายไปแล้วจริงๆ”

                ได้ยินอย่างนั้น เวียงดาวก็หน้าชาไปอย่างบอกไม่ถูก เพราะข่าวคึกโครมปานนั้น ถ้าสามีของชยาตาไม่มีเขาอยู่บนหัวก็ต้องรู้แน่ว่าภรรยาของตัวเองคบชู้ แต่ไม่โกรธเลยหรือ ซ้ำยังช่วยร่วมมือทำแผนแกล้งตายนี่ให้อีก เป็นคนแบบไหนกันนะ

                “เขาไม่โกรธพี่เลยเหรอคะ” เวียงดาวอดถามไม่ได้ “หรือเขาไม่รู้ว่าพี่เป็นข่าวกับเจมส์ หรือว่าข่าวนั้นไม่จริง… แต่ถ้าไม่จริง แล้วทำไมภรรยาของเจมส์ถึงได้ตามเอาชีวิตพี่ได้ล่ะ”

                “ข่าวจริงจ้ะ”

คนมีข่าวอื้อฉาวยอมรับแต่โดยดีแล้วยังยิ้มแห้งๆ ให้ก่อน คล้ายพยายามจะขอความเห็นใจ เหมือนรู้ว่าเธอจะมีอารมณ์เพราะรับเรื่องพวกนี้ไม่ค่อยได้

“สามีพี่ก็รู้นั้นแหละ แต่จะโมโหไปก็เท่านั้น… ก็พี่พลาดไปแล้วนี่น่า”

                “เวียงดาวล่ะนับถือน้ำใจสามีพี่จริงๆ เลย” เธอถอนหายใจเฮือกอย่างเหลืออด “พี่มีคนอื่นแล้วเขายังมาช่วยพี่คิดแผนหนีเมียหลวงอีก เขาคงรักพี่มากนะ”

                “เขาเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดในชีวิตพี่เลยแหละ”

                “แล้วพี่ก็ยังนอกใจเขาเนี่ยนะคะ!” เวียงดาวถามอย่างไม่เชื่อหู “โอ๊ย! นี่พี่เห็นกงจักรเป็นดอกบัวไปได้ยังไง ถึงได้ไปหลงใหลได้ปลื้มกับนายเจมส์นั่น”

                “พี่พลาดไปแล้วจริงๆ” คนยอมรับว่าคบชู้ก็ยิ้มแกนๆ ให้เธอ “นี่ถ้าสามีพี่ไม่ช่วยไว้ พี่คงไม่รอด”

                “แล้วถ้าพี่รู้ว่าใครเป็นคนตามฆ่า ทำไมพี่ไม่แจ้งตำรวจล่ะคะ ทำไมต้องมาเล่นพิเรนทร์กับแผนแกล้งตายอะไรแบบนี้ด้วย”

                “ไหนล่ะจ๊ะหลักฐานว่าใครเป็นคนฆ่าพี่” คำถามนั้นทำเอาเวียงดาวอ้าปากค้างไปเหมือนกัน “พี่ทำได้แค่เดาว่าใครทำ แต่ไม่มีหลักฐานเสียหน่อย พูดอะไรไปก็เหมือนแหวกหญ้าให้งูตื่นเสียเปล่าๆ”

                “แล้วพี่รู้ได้ยังไงคะว่าใครทำ”

                “ก็พี่จะมีศัตรูที่ไหนอีกล่ะ” ชยาตาถอนหายใจเฮือก “นี่รอบแรกก็โดนตัดสายเบรกรถ รอบที่สองโดนวางยา ดีนะที่วันนั้นสามีพี่ผิดสังเกตเสียก่อน ไม่อย่างนั้นพี่โดนวางพิษตายคาคอนโดฯ ไปแล้ว”

                “หา!?!”

                “ก็พี่ไปซื้อคอนโดฯ ไว้สำหรับทำงานน่ะ สร้างเป็นห้องทำงานส่วนตัวที่นั้น ไม่อยากให้บรรยากาศที่ทำงานอยู่ที่บ้านเดี๋ยวลูกสาวพี่จะอึดอัดเสียเปล่าๆ ก็พ่อเขาบ้างานไปคนหนึ่งแล้ว ขืนมาเห็นแม่บ้างานอีกคนปลายรุ้งคนรู้สึกแย่”

ชยาตาอธิบายต่อแต่ก็ทำให้เธอเห็นว่าผู้หญิงคนนี้ใส่ใจความรู้สึกของลูกสาวมากแค่ไหน

“แล้วหลังจากที่รู้ว่ารถโดนตัดสายเบรก สามีก็คอยอยู่ใกล้ๆ มากขึ้น แล้วเขาได้กลิ่นฟอร์มาลินผสมอยู่ในน้ำดื่มที่ห้องทำงานพี่ ถ้ากินเข้าไปทุกวันๆ นะเวียงดาวเอ๊ย พิษสะสมในร่างกาย คงค่อยๆ ตายแบบไม่มีใครสงสัยเลยละ”

                “แล้วพี่ก็เลยแกล้งตายตั้งแต่ตอนนั้นมา” คนฟังเดาต่ออย่างใช้ตรรกะ “ให้คนร้ายมันเข้าใจว่าพี่ซดฟอร์มาลินตายไปแล้ว… แต่ตำรวจไม่สงสัยบ้างเหรอคะ ว่าบางทีสามีพี่อาจจะเป็นวางยาพิษพี่ก็ได้ ก็อยู่กันสองคนเอง”

                “ไม่จ๊ะ ไม่สงสัยหรอก พอดีพี่เตี๊ยมกับตำรวจที่จะมารับผิดชอบคดีแล้ว เขาเป็นเพื่อนพี่ ไว้ใจกันได้”

คำยืนยันนั่นทำให้เวียงดาวขมวดคิ้วมุ่นแต่ก็ยอมฟังต่อ

“มันก็แค่จัดฉากน่ะเวียงดาว เสร็จแล้วเขาก็ให้พี่มาเช่าห้องหลบอยู่ที่นี่ แต่โชคดีจริงๆ ที่เจอเวียงดาว”

                “แล้วพี่ต้องแกล้งตายอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหนคะ”

                “ก็คงจนกว่ายายบ้านั้นจะเลิกหึงจนเลือดขึ้นหน้านั่นแหละ”

                ก็พี่ไปยุ่งกับผัวเขาก่อน’

เวียงดาวอย่างเถียงอย่างนั้นแต่ก็ไม่ยอมหลุดปาด เธอไม่อยากทับถมใคร เพราะตอนนี้ชยาตาก็ดูย่ำแย่เต็มที หนีหัวซุกหัวซุนแถมมีสถานะเป็นคนตายทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ ต้องหลบๆ ซ่อนๆ อย่างไม่รู้อนาคตตัวเองเสียด้วยซ้ำ

            “หรือไม่ ก็จนกว่าสามีพี่จะหาหลักฐานได้ว่าใครเป็นคนฆ่าพี่แล้วให้ตำรวจดำเนินคดี”

                “แล้วพี่ออกมาหาเวียงดาวอย่างนี้ พี่ไม่กลัวเวียงดาวปากโป้งไปบอกใครว่าพี่ยังไม่ตายบ้างเหรอคะ”

                “ไม่หรอก” ชยาตายิ้มหวานอย่างมีความหวัง “พี่รู้ว่าเวียงดาวเป็นคนยังไง พี่เชื่อใจเวียงดาว”

                เวียงดาวถอนหายใจเฮือกอีกรอบ มองหน้าชยาตาอย่างอ่อนใจ แต่สุดท้ายก็หวนนึกถึงอดีต เรื่องเมื่อตอนที่เธอสมัครเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยเอกชน จนได้มาพบชยาตา

                ชยาตาเป็นที่สนใจของแทบทุกคนในคณะนิเทศศาสตร์ เพราะนอกจากจะอายุมากกว่าเพื่อนร่วมชั้นถึงหกปีแต่ใบหน้ายังสวยหวานราวเด็กสาวแรกรุ่นแล้ว ความมีเสน่ห์ของเธอยังเป็นที่เลื่องลือ หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ตามจีบกันเกรียวกราว แต่ต้องหน้าหงายไปตามๆ กัน เพราะสาวงามพูดชัดถ้อยชัดคำทุกครั้งที่มีคนมาจีบว่ามีสามีและลูกแล้ว ที่มาเรียนก็เพราะอยากหาความรู้เพิ่มเติม

                แรกๆ เธอกับชยาตาดูไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย แต่พอเริ่มเรียนปีสองก็มีงานกลุ่มให้ทำเพิ่มขึ้น และด้วยความที่ว่าสาวสวยประจำคณะมีฝีมือด้านกราฟิคดีไซด์ดีกว่าใคร เพื่อนของเธอจึงลากติดให้มาอยู่กลุ่มเดียวกันเสมอยามทำรายงาน ทำให้พอจะสนิทกันบ้างแต่ก็ไมได้ลึกซึ้งนัก ไม่ได้รู้ลึกไปถึงเรื่องส่วนตัวของชยาตา เพียงแค่ทำงานร่วมกันจบไปเป็นงานๆ

                และพอเรียนจบ ต่างกันก็ต่างแยกย้าย แม้ไม่ได้ติดต่อกันนักแต่เวียงดาวก็รู้ว่า ‘เพื่อน’ ของเธอคนนี้มีชื่อเสียงโด่งดังในวงการภาพนิ่งโฆษณา ส่วนตัวเธอก็ไปอยู่ต่างประเทศ กว่าจะมาได้ข่าวอีกที ชยาตาก็เป็นข่าวหลา ทั้งเรื่องคบชู้กับดาราหนุ่มและเรื่องเสียงชีวิต

แต่ตายจริงๆ เสียที่ไหนกัน!

                “พี่จะให้เวียงดาวอยู่เป็นเพื่อนระหว่างที่หลบอยู่ที่นี้ว่าอย่างนั้นเถอะ” เวียงดาวถามอย่างรู้ทัน “ก็ได้ค่ะ แต่ระวังตัวหน่อยแล้วกัน อย่าให้ใครเห็นเข้าล่ะ”

                “แหมเวียงดาวเนี่ย น่ารักไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ”

คำหวานป้อยอไม่ได้ทำให้เวียงดาวเคลิ้มเลยสักนิด แต่แบะหน้าใส่อย่างระอาโดยไม่คิดจะปิดบังเพื่อนร่วมรุ่นสมัยเรียน

“แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ช่วยพี่อีกอย่างหนึ่งได้ไหม”

“อะไรคะ” เวียงดาวถามอย่างไม่ค่อยใจไว้ใจ “ถ้าจะให้เวียงดาวทำอะไรผิดศีล เวียงดาวไม่ทำนะ”

“โอ๊ยไม่เลยจ้ะ!” คนมีชนักติดหลังร้องเสียงหลง “ก็แค่ช่วยพี่นิดๆ หน่อยๆ เอง นะเวียงดาวนะ”

“อะไรคะ”

“ช่วยไปดูลูกให้พี่หน่อยสิ”

“หา!” คราวนี้เวียงดาวอ้าปากค้างไปเลย “จะให้เวียงดาวไปดูให้พี่เนี่ยนะคะ จะให้ดูทำไม แล้วดูยังไง”

“ก็พี่เป็นห่วงนี่จ๊ะ” คนเป็นแม่เริ่มทำหน้าหง่อย “ห่วงลูกก็ห่วง หนีก็ต้องหนี… แต่นี่สองพ่อลูกไม่รู้จะอยู่ด้วยกันได้หรือเปล่า วันๆ หนึ่งแทบจะนับคำพูดกันได้เลย พี่ไม่อยู่อย่างนี้ ลูกสาวพี่จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”

“เท่าๆ ที่ฟังมา สามีพี่เขาก็ออกจะดีนี่คะ จะเลี้ยงลูกไม่ได้เลยเหรอ”

“ก็ดีล่ะจ้ะ” ชยาตายังดูหนักใจ “แต่เขาทำงานหนัก อยู่โรงพยาบาลมากกว่าอยู่บ้านเสียอีก ปกติลูกก็อยู่กับพี่ พอพี่ไม่อยู่บ้านอย่างนี้ พี่ก็เป็นห่วง”

“ค่ะ”

เวียงดาวรับคำเพียงเท่านั้น ไม่ต่อความยาวสาวความยืดอะไรเพราะเธอเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่อยู่บ้างเหมือนกัน แม้จะรู้อยู่กลายๆ ว่าต่อไปนี้ตัวเองจะมีภาระเพิ่มมาให้เหนื่อยใจก็ตาม แต่ก็ใจดำไม่ลงจริงๆ

“ระหว่างที่เวียงดาวเรียนอยู่ที่นี่ก็จะหมั่นไปเยี่ยวลูกสาวพี่ให้แล้วกัน แต่ได้แค่หกเดือนนะคะ คอร์สเรียนมีเท่านั้น”
                “เย้! เวียงดาวใจดีที่สุดเลย”

ชยาตาสวมกอดเธอแน่น ร่าเริงสดใสไม่สมวัยเลยสักนิด ดูๆ ไปเหมือนเด็กได้ของเล่นก็ไม่ปาน แต่ก็คงดีใจจริงๆ ที่มีคนรับปากจะช่วยสอดส่องดูแลลูกสาวให้

“พี่ฝากปลายรุ้งด้วยนะเวียงดาว” คนห่วงลูกสาวยังอ้อนต่อ “แล้วไว้ไปเยี่ยมแกเมื่อไหร่ก็ฝากดูด้วยว่าขาดเหลืออะไรหรือเปล่า ดูท่าสามีพี่คงไม่รู้หรอก… ไว้พี่จะบอกพ่อเขาต่ออีก”

“ติดต่อกันด้วยเหรอคะ”

“ก็แน่สิจ๊ะ” คราวนี้ชยาตายิ้มหวาน “ทางโทรศัพท์น่ะ ไม่ได้มาเจอหรอก กลัวโดนจับได้”

“ค่ะ” เวียงดาวรับคำอย่างทำใจ “แล้วเวียงดาวจะไปเจอลูกสาวพี่ได้ที่ไหนล่ะ”

“ปลายรุ้งน่ะหาตัวไม่ยากหรอก ไปไหนมาไหนก็เช็คอินทางอินสตาแกรมตลอด… เอาโทรศัพท์ของเวียงดาวมาสิ พี่จะให้ดู”

คนเป็นแม่ยิ้มอย่างเอ็นดู แล้วเอาสมาร์ตโฟนของเธอไปเข้าแอพพลิเคชั่นอินสตาแกรมที่ปกติแล้วเจ้าของบัญชีนี้มีไว้ติดตามดาราที่ตัวเองชื่นชอบเพียงไม่กี่คน จากนั้นไม่นานชยาตาก็กดค้นหาบัญชีของสาวน้อยวัยสิบสี่ปีมาอวดเธอพร้อมกดติดตามให้ด้วยแบบไม่ถามเธอเลย

เวียงดาวเห็นแล้วก็ตาโต เพราะเด็กสาวผิวขาวผุดผ่องที่ปรากฏอยู่ในภาพช่างชวนให้หลงรักตั้งแต่แรกเห็น ลูกสาวของชยาตาประพิมพ์ประพายคล้ายแม่ อีกทั้งมุมกล้องในการถ่ายรูปก็ไม่ธรรมดา ตกแต่งให้สวยงามก่อนลงรูป ที่สำคัญ ทั้งข้าวของ อาหาร สถานที่ และวิถีชีวิตที่ปลายรุ้งถ่ายทอด เป็นสิ่งที่ทำให้เธอเบิกตาโต

แม้จะเป็นรูปถ่ายไตล์มินิมอล แต่ทุกอย่างช่าง ‘ไฮเอนด์’ เหลือเกิน ของบางอย่างที่ปรากฏในภาพ คนมีเงินเดือนยังไม่กล้าเข้าถึงหรือซื้อมาใช้เลย นี่บอกได้ชัดว่าฐานะของเด็กสาวค่อนไปทางเหลือกินเหลือใช้ ใจก็อยากถามว่าเด็กหญิงปลายรุ้งใช้เงินเดือนละเท่าไหร่ แต่พอนึกขึ้นมาได้ว่าเท่าไหร่ก็เงินเขา หามาได้จะใช้ไปก็เรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับเธอเสียหน่อย จึงทำใจมองข้ามไป

  • ! มีคนติดตามเป็นหมื่นเลยเหรอคะ” ว่าจะไม่ทักแล้วเชียว แต่ก็อดไม่ได้ “ลูกสาวพี่เป็นดาราหรือเปล่าเนี่ย”

“เปล่าจ้ะ” ชยาตายิ้มอย่างภาคภูมิใจ “แต่ลูกสาวพี่หน้าตาดี แถมเก่งด้วยนะ จะร้องเพลง เล่นดนตรี เต้น หรือวาดรูปก็ทำได้หมด… นี่มีแมวมองมาชวนเข้าวงการตั้งหลายรอบแล้ว แต่พ่อเขาไม่ยอม”

“คงหวงลูกสาวน่าดู”

“ห่วงมากกว่าจ้ะ” คนเป็นแม่ยิ้มหวานเมื่อพูดถึงพ่อของลูก “แต่เขาเป็นพวกปากหนักน่ะ พูดไม่ค่อยเป็น แสดงออกก็ไม่เก่งด้วย”

“เบื่อผู้ชายแบบนี้จริงๆ” เวียงดาวหลุดปากวิจารณ์จนได้ “สงสารลูกสาวพี่นะคะ ต้องอยู่กับมนุษย์น้ำแข็งเนี่ย”

“บ้า! ไปว่าเขา” พูดถึงสามีอย่างนั้นคนเป็นภรรยาก็หัวเราะร่วน “จริงๆ แล้วเขาน่ารักนะ”

“ค่า… พี่ก็รักเขาให้มากๆ แล้วกัน”

หลุดปากวิจารณ์แล้วเวียงดาวยังเผลอประชดเข้าไปอีก แต่พอรู้ตัวว่าชักจะพูดมาก หญิงสาวก็เปลี่ยนเรื่องหนีก่อนจะเผลอไปเหน็บแหนมอะไรให้ตัวเองปากเสียไปมากกว่านี้

“แล้วไหนละคะ ที่ว่าจะให้เวียงดาวไปเยี่ยมลูกสาวพี่น่ะ จะให้ไปที่ไหน ไปถึงบ้านเลยไหม”

“ไปบ้านเลยก็ได้จ๊ะ” ชยาตายิ้มหวานเมื่อได้ยินอย่างนั้น “บอกปลายรุ้งไปว่าเวียงดาวเป็นเพื่อนพี่ที่มาเยี่ยม ปลายรุ้งคงไม่ดื้อกับเวียงดาวหรอก”

“ดื้อกับเวียงดาว?… ทำไมต้องดื้อด้วยล่ะคะ”

เธอไม่ชอบคำตอบแบบนี้เลย!

แต่ถึงจะไม่ชอบก็ต้องทำใจไป แล้วชยาตาก็ไม่คุยอะไรกับเธออีก เอาแต่ยิ้มออดอ้อนเอาใจอยู่ท่าเดียว จากนั้นก็ช่วยเธอทำความสะอาดห้องเพราะข้าวกล่องที่ซื้อมามันหกเลอะเถอะไปหมดพุ่งโจมตีกัน กลิ่นผัดกะเพราทะเลคลุ้งไปทั่วจนเวียงดาวต้องฉีดสเปรย์ปรับอากาศแล้วทิ้งห้องพักไว้อย่างนั้นจนกว่าห้องจะหายเหม็น แล้วไปขลุกอยู่ในห้องพักของชยาตาเป็นการคั่นเวลาแทน ห้องอยู่ตรงข้ามกันนี่เอง

ความวุ่นวายอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่ก็ช่วยไม่ได้เพราะเธอเอื้อมหามันเอง ก้าวขาลงสนามด้วยความเต็มใจทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าการเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ชีวิตอาจจะวุ่นวายก็ได้

แต่จะใจดำไม่ช่วยเลยก็อดไม่ไหว ก็เธอสงสารชยาตา!

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น