11

ตอนที่ 11



เพราะเสาร์อาทิตย์นี้เดหลีบอกเอาไว้ว่าติดงานใหญ่ ส่วนผู้เป็นพ่อก็ติดต่อไม่ได้ เลยเดาว่าฝ่ายนั้นจะต้องประจำอยู่ที่ห้วยผาเซาะ วนิษาเลยไม่ได้กลับไปคลองหมาแหงน เด็กหญิงจึงหงุดหงิดเป็นพิเศษ ถึงขั้นมองอะไรก็พานขวางหูขวางตาไปหมด ออกอาการเสียชัดจนอัคราแอบกระซิบกับเกี้ยมอี๋

“ผมว่า อากาศท่าจะร้อนจัด คุณน่าจะพายายหนูนิดไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคกลัวน้ำบ้างนะ”

เด็กหญิงเลยหันขวับไปมองคนพูดตาเขียวทันที “หนูไม่ได้เป็นหมาบ้านะ”

“ก็ไม่ได้บอกว่าเป็นหมาสักคำ แค่ห่วงกลัวจะเป็นบ้า”

“หนูไม่ได้เป็นบ้าด้วย”

“ไม่เชื่อหรอก จนกว่าสถานเสาวภาจะได้ตรวจเลือดเธอเสียก่อน”

อัคราย้อนเสียงขบขัน ตามประสาคนที่เคยเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาก่อน ขณะที่เกี้ยมอี๋ส่ายหน้ามองพวกเธอทั้งคู่อย่างอ่อนใจ ก่อนหันไปตำหนิสามีของตัวเอง

“คุณนี่ ทำเป็นเด็กไปได้ ชอบทะเลาะกับหนูนิดเสียจริง”

“ก็ใครใช้ให้หลานคุณยั่วขึ้นนักละ นิดๆ หน่อยๆ ก็หน้าหงิกหน้างอ เป็นปลาดุกชนเขื่อน”

“หนูไม่ใช่ปลาดุกชนเขื่อน” เด็กหญิงโกรธจนน้ำตาคลอ

“จริงสิ ตัวยาวเก้งก้างแบบนี้ น่าจะเหมือนปลากระทุ้งเหวมากกว่า ปลากระทุ้งเหวชนเขื่อน”

“หนูไม่เหมือนปลากระทุ้งเหว” เธอแผดเสียง เกลียดนักพวกผู้ใหญ่ไม่รู้จักโตนี่

“งั้นเป็นปลา...”

คู่ปรับของเธอเลยรีบเสนอความคิดต่อทันที ทำให้เกี้ยมอี๋รีบปรามแทบไม่ทัน

“พอได้แล้วคุณอัค ยายหนูนิดโกรธใหญ่แล้ว ไม่เห็นหรือ”

อัคราตอบว่าอะไร วนิษาก็ไม่ทันได้ฟัง เพราะความโกรธ ความน้อยใจและหงุดหงิดใจที่ประดังประเดเข้ามาทำให้เด็กหญิงวิ่งเตลิดออกไปจากเพนต์เฮาส์ของทั้งสอง ซึ่งเป็นที่พักในช่วงวันจันทร์-ศุกร์ของเธอเสียก่อน

ตั้งใจว่าจะลงไปที่คาเฟ่ด้านล่าง ซึ่งมีทั้งขนมและเครื่องดื่มขาย เพราะอารมณ์แบบนี้ ถ้าได้กินเค้กสักชิ้น กับโกโก้ปั่นใส่มาร์ชแมลโรว์สักหน่อยน่าจะทำให้สบายใจขึ้นได้บ้าง แต่เด็กหญิงยังไม่ทันผลักประตูเข้าไปในร้านก็ต้องชะงักค้าง เมื่อเจอกับใบหน้าที่คุ้นเคยของเวียนนา ที่กำลังยืนสั่งเครื่องดื่มอยู่ในนั้น

โลกแคบเกินไปหรือว่าคนอัศวฤทธาไม่มีที่ไปกันแน่

เพราะถึงที่คอนโดฯ แห่งนี้จะเป็นหนึ่งในทรัพย์สินของตระกูลนี้ก็จริง แต่ก็มีคอนโดฯ คล้ายๆ กันนี้กระจายไปตามย่านธุรกิจที่สำคัญของเมือง แล้วทำไมผู้ให้กำเนิดของเธอ จึงต้องมาอยู่ที่นี่ด้วย

ซ้ำยังเป็นตอนที่วนิษาว้าวุ่นใจอย่างหนักเสียอีก

เด็กหญิงก่นด่าโชคชะตายกใหญ่ ก่อนรีบถอยหลังออกมา พร้อมภาวนาไม่ให้คนที่อยู่ด้านในสังเกตเห็น แต่ดูเหมือนเทพยดาฟ้าดินจะไม่เห็นใจเธอในวันนี้ เพราะเวียนนาหันขวับมาพอดีแล้วรีบปราดออกมาคว้าข้อมือเรียวเล็กไปกำแน่นอย่างกลัวว่าจะคลาดสายตา

“เดี๋ยว! หนูนิดจะไปไหน อยู่คุยกับแม่ก่อน”

วนิษาส่ายหน้าหวือ “ไม่ หนูไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ”

“แต่แม่มีนี่ รู้ไหมว่าแม่อยากเจอหนูมากแค่ไหน ตั้งแต่รู้ว่าหนูย้ายมาเรียนที่กรุงเทพฯ แม่ก็มาดักรอหนูที่นี่แทบทุกวันเลย” เวียนนาละล่ำละลักบอก ซ้ำยังออกแรงดึงให้วนิษาเดินไปด้วยกัน

เด็กหญิงเลยขืนตัวเอาไว้ทันที พร้อมกับเหตุการณ์ฝังใจเมื่อปีที่แล้วผุดโผล่ขึ้นมาเตือนความทรงจำ

“แต่หนูไม่อยากเจอคุณ คุณเองก็คงไม่อยากเจอหนูเหมือนกัน ถ้าไม่ใช่เพราะมีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง”

คำพูดตรงๆ ของเธอทำให้ผู้ให้กำเนิดหน้าเปลี่ยนสีไปในทันที

“ทำไมหนูนิดพูดกับแม่แบบนั้น”

“ก็หรือไม่จริง คุณมาตามหาตัวหนูเพราะอยากได้มรดกของคุณตา”

“ใครบอกหนู” ฝ่ายนั้นแทบร้องกรี๊ด ขณะที่วนิษามองอย่างเจ็บช้ำใจ

“ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้นละ”

เรื่องนี้ไม่จริงเสียทีเดียว มีคนไม่กี่คนที่รู้ แต่คนเหล่านั้นล้วนพยายามปิดบังเรื่องนี้จากเธอ เพราะกลัวเด็กหญิงจะเสียใจ แต่สุดท้ายวนิษาก็หาทางสืบเข้าจนได้

 “ไม่จริง อย่าไปเชื่อ พ่อหนูกับยายเดย์ใช่ไหมที่บอกแบบนี้ พวกเขาใส่ร้ายแม่ พวกเขาโกหก หนูอย่าไปฟัง”

“คุณนั่นแหละที่โกหก”

เธอบอกพร้อมออกแรงสะบัดอีกฝ่ายจนสามารถหลุดจากการเกาะกุมนั้น และตั้งใจจะวิ่งหนีกลับขึ้นไปหาเกี้ยมอี๋กับอัคราที่ห้องพัก โดยที่ลืมนึกไปว่าตนเองกำลังยืนอยู่บนขอบบาทวิถีที่สูงจากพื้นถนนราวครึ่งไม้บรรทัด การหมุนตัวเปลี่ยนทิศทางกะทันหันทำให้เธอเสียหลัก ทำท่าจะลงไปจับกบที่กลางถนนของโครงการซึ่งมีรถแล่นผ่านมาพอดี

เด็กหญิงใจหายวาบด้วยความตกใจ ขณะที่รถคันนั้นหยุดลงตรงหน้าแบบเส้นยาแดงผ่าแปด แสงไฟหน้ารถส่องสว่างสาดมาจนแสบตา

แต่...

วนิษากลับพบว่าตนเองแสบแก้วหูยิ่งกว่า เมื่อจู่ๆ ประตูด้านคนขับก็เปิดออก พร้อมร่างสูงที่ต้องกระทบแสงไฟกลายเป็นเงาทะมึนดูน่ากลัวเดินดุ่มๆ เข้ามาหา พร้อมกับตะคอกดังลั่นว่า

“เธออีกแล้วหรือ ยายเด็กตัวแสบ อยากตายหรืออยากหาคุกให้ฉันกันฮึ ถึงได้ทำอะไรบ้าๆ แบบนี้”

คนที่ถูกเรียกว่ายายเด็กตัวแสบทั้งโกรธทั้งตกใจ แต่ยังไม่ทันได้เถียงออกมาแม้แต่คำเดียว ก็ได้ยินเสียงอุทานของใครหลายคนดังมาเข้าหู พอหันไปก็พบว่าเป็นกลุ่มไทยมุงที่เห็นเหตุการณ์เลยปรี่มาดู

ไม่รู้ว่ามีเวียนนาอยู่ในนั้นหรือเปล่า แต่เธอไม่ปรารถนาจะเผชิญหน้ากับฝ่ายนั้นอีกแล้ว

วนิษาเลยทำในสิ่งที่คันฉัตรคิดไม่ถึง ด้วยการปราดไปเปิดประตูรถทางด้านหลังแล้วพุ่งขึ้นไปบนเบาะทันที

ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องอุทานด้วยความตกใจ ตรงตำแหน่งข้างคนขับซึ่งมีหญิงสาวสวยสราญนั่งอยู่ เด็กหญิงเลยชะงักค้าง ขณะที่คันฉัตรเองก็ดูจะแปลกใจไม่แพ้กัน เพราะเขาเผ่นพรวดกลับขึ้นรถมาทันที พร้อมเอ่ยถามเสียงหลง

“ขึ้นมาบนรถฉันทำไม ฮึยายตัวแสบ”

“ยังไม่ต้องถามได้ไหม รีบๆ ออกรถเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่งั้น...” เธอชะงัก ทำให้เจ้าของรถหรี่ตาลงอย่างมาดร้าย

“ไม่งั้น เธอจะทำอะไรฮึ”

“หนูก็จะส่งรูปคุณกับแฟนขึ้นเฟซบุ๊กไง”

แล้วนิ้วเล็กๆ ของคนพูดก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดไอคอนสำหรับการถ่ายรูป แล้วโฟกัสไปยังใบหน้าหญิงสาวที่เป็นตุ๊กตาหน้ารถของคันฉัตรอย่างไม่เกรงใจ

คำตอบนั้นทำให้หญิงสาวที่นั่งคู่กับเขาหวีดร้องออกมาอีกรอบ ซ้ำยังเขย่าแขนชายหนุ่มแรงๆ ด้วยความหวาดวิตก

“คุณฉัตร ไข่มุกไม่อยากเป็นข่าวนะคะ รีบออกรถก่อนเถอะค่ะ”

ชื่อของฝ่ายนั้น ทำให้วนิษาที่รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาหญิงสาวอยู่แล้วถึงกับฉีกยิ้มออกมาตอนปั้นเสียงขู่กลับไปว่า

“จากนั้นหนูก็จะแท็กชื่อไข่มุกใต้ภาพ แล้วเปิดสาธารณะให้ใครๆ เห็นว่าไข่มุกอยู่กับคุณ”

“นี่เธอกล้าแบล็กเมล์ฉันหรือ” คันฉัตรกัดฟันกรอด

“ก็ไม่รู้สิ” วนิษายักไหล่ เมื่อรู้ตัวว่าถือไพ่แต้มต่ออยู่ในมือ “หรือจะให้หนูลงไปร้องบอกไทยมุงพวกนั้นดี ว่าบนรถนี่มีนางเอกเบอร์หนึ่งของช่องหกเก้านั่งมาด้วย”

“เด็กบ้า!” เขาเข่นเขี้ยว หน้าตาโกรธจัด จนเห็นเส้นเลือดที่ขมับเต้นตุ้บๆ

“ตกลงจะออกรถหรือไม่ออก”

วนิษาคาดคั้นทั้งๆ ที่หัวใจเต้นแรง กลัวอีกฝ่ายลุแก่โทสะแล้วบีบคอเธอจะแย่ แต่โชคดีที่มีแสงแฟลชสว่างจ้าด้านนอกรถ ดาราสาวซึ่งดูท่าจะจิตอ่อนไม่น้อย เลยร้องบอกเสียงหลงขึ้นมาเสียก่อนว่า

“พอเถอะค่ะคุณฉัตร รีบออกรถเถอะ ไปให้พ้นจากที่นี่ก่อน ไข่มุกยังไม่อยากเป็นข่าวนะคะ”

ดูเหมือนคำขอร้องแกมสั่งของดาราสาวจะได้ผล เพราะคันฉัตรยอมทำที่ฝ่ายนั้นบอก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่วายระบายโทสะ ด้วยการออกรถอย่างแรงจนเด็กหญิงหัวคะมำไปชนเบาะด้านหน้า!

 

การที่จู่ๆ วนิษาก็กระโดดขึ้นมาบนรถ ทำให้ใจคันฉัตรอัดแน่นด้วยความโมโหและขุ่นเคือง จนคิดไม่ออกว่าควรไปที่ไหนดี

แผนที่ตั้งใจทำในค่ำคืนนี้ล้มครืนไม่เป็นท่า เพราะยายปีศาจน้อยนี่คนเดียว

ชายหนุ่มขบฟันอย่างแรงเมื่อเหลือบมองเด็กหญิงผ่านกระจกมองหลัง แล้วเห็นฝ่ายนั้นเหลียวมองอย่างระแวดระวังราวกับกลัวใครจะตามมา เลยอดถามเสียงหาเรื่องไม่ได้ว่า

“ไปขโมยของหรือทำร้ายร่างกายใครมาล่ะคราวนี้”

“หนูไม่เคยทำร้ายร่างกายใคร แต่ถ้าต้องเจอหน้าคุณบ่อยๆ ก็ไม่แน่” เธอตอบกลับด้วยท่าทางกร่างจนเขาหมั่นไส้

“ตัวเท่าลูกหมา ยังจะกล้าทำปากดี” 

“ก็เฉพาะกับผู้ใหญ่ปากหมาเท่านั้นละ”

“เธอ!

คันฉัตรถึงกับกระทืบเบรกด้วยความโมโห เลยได้ยินเสียงบีบแตรยาวเป็นเชิงต่อว่าจากรถที่ขับตามหลังมา ขณะที่คู่นอนคนล่าสุดของเขาร้องกรี๊ดออกมา

“คุณฉัตรขา ระวังค่ะ”

ชายหนุ่มเม้มปากแน่น พยายามบังคับตัวเองให้จดจ่ออยู่กับพวงมาลัยและถนนตรงหน้าแทน ขณะที่คนบนเบาะหลังก็คงรู้สึกกลัวขึ้นมาเหมือนกันเลยเงียบเสียงไปในตอนนั้น

ไข่มุกที่นั่งใจหายใจคว่ำอยู่ข้างๆ เลยถามเสียงกระซิบออกมา “แล้วนี่เราจะไปไหนกันคะ”

คันฉัตรก็ยังไม่รู้เหมือนกัน และเพิ่งรู้ตัวว่ากำลังขับรถอย่างไร้จุดหมายในนาทีนั้นเอง

แต่จะให้ย้อนกลับไปที่คอนโดฯ ซึ่งมอบให้ดาราสาวใช้อาศัยและเป็นรังรักของทั้งสองก็หมดอารมณ์เสียแล้ว ครั้นจะขับรถไปคลับประจำที่เป็นสมาชิกอยู่ก็ทำไม่ได้ ด้วยมีวนิษาติดสอยห้อยตามเป็นไส้ติ่งอยู่แบบนี้

เขายังไม่ใจกล้าหน้าด้านพอ ที่จะพาเด็กหญิงอายุไม่เต็มสิบห้าเข้าสถานที่อโคจรแบบนั้น

ชายหนุ่มเลยขับรถวนอยู่นาน ก่อนจะตัดสินใจเลี้ยวเข้าไปยังคอนโดฯ ใหม่เอี่ยมที่เพิ่งเปิดให้เข้าอยู่อาศัยได้ไม่นาน

รปภ. ของโครงการเห็นหน้าเขาก็รีบตะเบ๊ะให้แล้วปล่อยให้เข้าไปทันที ขณะที่ดาราสาวกลอกตาไปมาอย่างรวดเร็วด้วยความสนใจ

“ที่นี่ก็เป็นคอนโดฯ ในเครือบริษัทคุณฉัตรด้วยหรือคะ”

“ใช่” ชายหนุ่มรับคำอย่างไม่ใส่ใจนัก ขณะจอดรถในที่จอดซึ่งถูกจัดไว้สำหรับผู้บริหาร แล้วเดินหน้าบึ้งไปกระชากประตูหลังออกโดยแรง เพื่อพูดกับคนที่นั่งตรงเบาะหลังว่า “ลงมาได้แล้ว ยายตัวดี”

พูดจบถึงได้สังเกตว่าเด็กหญิงหลับไปแล้ว

หลับสนิทเสียด้วย

เพราะแม้เขาจะลงทุนเขย่าร่างเล็กๆ ผอมบางนั่นแรงๆ ถึงสามสี่ครั้ง แต่วนิษาก็ยังคงนอนหลับอย่างสบายใจ ซ้ำยังส่งเสียงกรนเบาๆ ออกมาเป็นระยะๆ

“เด็กบ้าเอ๊ย” คันฉัตรพึมพำหัวเสีย ขณะที่คนข้างๆ ชะโงกมามองด้วยสายตาสนเท่ห์

“เด็กนี่เป็นใครคะ ญาติคุณหรือ”

“เปล่า”

เขาตอบห้วนๆ ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องเล่าเรื่องวนิษาให้ไข่มุกฟัง เพราะถึงอย่างไรก็ไม่คิดจะเลี้ยงดูอีกฝ่ายนานเกินปีนี้อยู่แล้ว ขณะเดียวกัน เด็กหญิงวัยรุ่นจอมแสบก็ไม่ใช่คนสำคัญอะไรที่จะต้องเอ่ยถึง

“เด็กจรจัดหรือคะ” คราวนี้ดาราสาวมองมาด้วยสายตารังเกียจ “มิน่าล่ะ ถึงได้ปากตลาดนัก”

คำถามของหญิงสาวทำให้คันฉัตรไม่รู้จะขำหรือรำคาญดี

เพราะวนิษามีใบหน้าสะอาดเกลี้ยงเกลา ซ้ำยังแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่ดูปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นของดีมีราคา แต่ไข่มุกกลับพูดเช่นนี้ ก็ไม่รู้ว่าคนสวมไม่มีสง่าราศี หรือคนพูดมีตาแต่ไร้แวว

“แล้วจะทำยังไงดีคะคุณฉัตร พาไปสถานีตำรวจก็ไม่ได้เสียด้วยสิ เดี๋ยวนักข่าวแห่มา ไข่มุกเป็นข่าวไม่ได้เสียด้วยพักนี้” หญิงสาวรำพัน ก่อนร้องออกมาด้วยความดีใจเหมือนเพิ่งนึกออก “จริงสิ ก็ทิ้งแกไว้กับ รปภ. ที่หน้าคอนโดฯ ก็แล้วกัน เราจะได้ไปสนุกกันต่อ”

คันฉัตรเม้มปากกับคำแนะนำนั้น

เขาไม่ชอบหน้าวนิษาก็จริง แต่ก็ไม่ใจร้ายพอที่จะทิ้งเด็กหญิงวัยรุ่นไว้กับชายฉกรรจ์แปลกหน้าในเวลากลางคืนเช่นนี้ได้ นอกจากนั้นก็ไม่มีอารมณ์จะ สนุก อย่างที่ไข่มุกชักชวน เพราะพรุ่งนี้เขาต้องไปทำงานแต่เช้าประการหนึ่ง อีกประการ ถึงอย่างไรยายเด็กตัวแสบนี่ก็เป็นทายาทของอัศวฤทธา เป็นหลานของอัครา เพื่อนรุ่นพี่ที่เคยหัวหกก้นขวิดมาด้วยกัน คันฉัตรจึงกัดฟันบอกคู่นอนแสนสวยว่า

“ผมไม่อยากสนุกแล้วคืนนี้”

คำตอบของเขาดูท่าจะไม่ถูกใจคนตรงหน้าสักเท่าไร เพราะเธอทำปากยื่นอย่างกระเง้ากระงอด

“แล้วเราจะทำอะไรกันดีคะ กลับคอนโดฯ ก็ไม่ได้”

“ป่านนี้ไทยมุงพวกนั้นคงไม่อยู่แล้วละ”

“แต่ถ้ามีคนโทร. ไปบอกนักข่าวล่ะคะ” หญิงสาวทำหน้าตาสยดสยอง

“งั้นคุณนอนที่นี่ไหม” เขาเอ่ยปาก

“คุณฉัตรพักที่นี่ด้วยหรือคะ” ไข่มุกถามด้วยความสนใจ แต่ชายหนุ่มกลับส่ายหน้า

“เปล่า แต่ผมให้เขาตกแต่งห้องตัวอย่างให้ใช้งานได้จริง ทั้งระบบน้ำ ระบบไฟ แล้วแม่บ้านก็มาทำความสะอาดทุกวันด้วย เพียงแต่ถ้าคุณจะนอนที่นี่ ก็ต้องตื่นก่อนแปดโมง เพราะแม่บ้านจะเข้ามาทำความสะอาดตอนแปดโมงครึ่ง แล้วฝ่ายขายจะมาเปิดห้องให้ลูกค้าที่สนใจชมตอนเก้าโมง”

“โอย...ตื่นตั้งแต่แปดโมง ไข่มุกลุกไม่ไหวหรอกค่ะ” เธอรีบส่ายหน้า “สิบโมงค่อยว่าไปอย่าง”

“แล้วคุณจะเอายังไง”

เวลาหงุดหงิด คันฉัตรก็ไม่คิดรักษามรรยาทหรือมาดสุภาพบุรุษอีกต่อไป โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่เขาถือว่าเป็นของเล่นเพื่อความบันเทิงใจ

เธอต้องเอาใจเขา ไม่ใช่ให้เขามาเอาใจเธอ

แต่ไข่มุกไม่ใช่สาวสวยธรรมดา เธอมีดีกรีเป็นถึงนางเอกละครหลังข่าวในสถานีโทรทัศน์ระดับแถวหน้าของเมืองไทย หญิงสาวเลยเชิดหน้าขึ้นด้วยความผยองแกมท้าทาย

“ถ้ากลับบ้านไม่ได้ ไข่มุกก็ขอไปฟังเพลงสักสองสามเพลงก่อนแล้วค่อยว่ากัน แต่จะให้มาข่มตานอนตั้งแต่ตอนนี้เพื่อให้ตื่นเช้าๆ ไข่มุกทำไม่ได้หรอกค่ะ ไม่ใช่วัย”

“งั้นผมให้ รปภ. เรียกแท็กซี่ให้คุณก็แล้วกัน” เขาตัดบท ทำให้อีกฝ่ายเบิกตากว้างอย่างคิดไม่ถึง

“คุณฉัตร นี่คุณฉัตรจะไม่ไปกับไข่มุกจริงๆ หรือคะ”

“ก็บอกแล้วว่าคืนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะสนุกแบบนั้น แต่ถ้าคุณจะไปก็เชิญ”

“แล้ว...แล้ว...แล้วคุณฉัตรจะไปไหน”

“คงอยู่แถวนี้ รอยายเด็กนี่ตื่น แล้วพากลับไปส่งที่คอนโดฯ คุณกระมัง”

ดาราสาวฟังแล้วขมวดคิ้ว มองมาอย่างไม่อยากเชื่อหู “ทำไมคุณฉัตรต้องทำขนาดนั้นด้วย เด็กนี่เป็นใครที่ไหนก็ไม่รู้”

คันฉัตรอยากย้อนตอบกลับไปว่า มนุษยธรรมแต่เกรงว่าจะเป็นศัพท์สูงเกินกว่าสมองของไข่มุกจะแปลความหมายได้ นอกจากนั้นชายหนุ่มก็ไม่รู้ว่าที่เขาตัดสินใจเช่นนี้ เป็นเพราะมนุษยธรรมจริงๆ อย่างที่คิดจะกล่าวอ้าง หรือเพราะสายเลือดอัศวฤทธาที่แล่นพล่านในตัววนิษากันแน่

เขาเลยเลือกที่จะตัดบทแต่เพียงว่า “ตกลงคุณจะไปเที่ยวต่อ หรือจะอยู่ที่นี่”

เมื่อเห็นเขาไม่ง้องอน ซ้ำทำท่าเหมือนจะไล่ส่ง หญิงสาวเลยเชิดหน้าขึ้น “ไปเที่ยวค่ะ”

พอได้ยินเช่นนั้น ชายหนุ่มก็หันไปสั่ง รปภ. ที่รออยู่ห่างๆ ขณะที่ดาราสาวเม้มปากเป็นเส้นตรง และปิดประตูแท็กซี่แรงๆ อย่างเจตนาประกาศให้รู้ว่า เธอไม่พอใจกับการตัดสินใจครั้งนี้

วิสัยคันฉัตรไม่ชอบง้อใคร เลยไม่สนใจกับฝ่ายนั้นอย่างที่ควรจะเป็น

พอเงินหมดเธอก็ซมซานกลับมาหาเขาเอง

ชายหนุ่มบอกตัวเองเสียงขื่นในใจ ก่อนก้มลงไปเขย่าแขนเรียวเล็กของเด็กหญิงคู่อริ

“ยายเด็กนรก เธอจะแกล้งหลับอีกนานไหม”

Zzz…

เมื่อคำตอบที่ได้รับคือเสียงกรนเบาๆ ของอีกฝ่าย ซ้ำพอลองปล่อยมือออก แขนของวนิษาก็ร่วงผล็อยลงทันที ทำให้เขาพ่นลมหายใจแรง แล้วมองเด็กหญิงร่างเล็กบอบบางที่นอนหลับอุตุอยู่ในรถอีกครั้งอย่างหมั่นไส้ระคนขบขัน

ใครจะไปนึกว่ายายเด็กปีศาจจะสิ้นฤทธิ์เป็นเหมือนกัน 

ชายหนุ่มคิด ก่อนตัดสินใจพาเด็กหญิงกลับไปส่งที่เดิม แต่...เรื่องร้ายดูจะย่างกรายเข้ามาหาไม่หยุดหย่อน

เพราะรถยุโรปราคาแพงของเขาจู่ๆ ก็สตาร์ตไม่ติดเสียอย่างนั้น ไฟแบตเตอรี่แดงวาบในความมืด คืนนี้คงตามช่างมาเปลี่ยนแบตเตอรี่ไม่ได้แล้ว ครั้นจะให้เขาอุ้มยายตัวแสบที่นอนหลับคอพับคออ่อนไปขึ้นแท็กซี่เพื่อพากลับคอนโดฯ ซึ่งมั่นใจว่าเธอพักอยู่กับอัคราและครอบครัว

รปภ. ที่เขาใช้ให้ไปเรียกรถก็ทำหน้ายุ่งยากใจพร้อมเอ่ยท้วงเสียงอ่อย

“จะดีหรือครับคุณฉัตร เกิดใครไม่รู้จะคิดว่าคุณฉัตรทำมิดีมิร้ายกับคุณหนูนี่นะครับ”

“ใครจะไปทำอะไรบ้าๆ กับเด็กอย่างยายนี่ได้ฮึ” เขาแทบตะคอกหมอนั่น

รปภ. หนุ่มหน้าซีดหนักกว่าเก่า “แต่...สมัยนี้ ข่าวคราวไม่ดีมันเยอะนะครับ ถึงคุณบอกไม่ทำ แต่นี่มันก็กลางคืนแล้ว และคุณหนูก็นอนหลับลึกขนาดนี้ ผมว่า...”

“เออ...พอ ไม่ต้องพูด เข้าใจแล้ว”

เขาโบกมืออย่างเหลืออดเมื่อพบว่าทางที่เลือกต่างก็มีอุปสรรคไปเสียทั้งหมด จึงตัดสินใจอุ้มวนิษาออกจากรถแล้วกดปุ่มล็อกรถ ตั้งใจจะไปรอที่ห้องตัวอย่างไปพลางๆ ระหว่างโทร. เรียกอัคราให้มารับตัวเด็กหญิงกลับไป

แต่พอวางร่างเล็กบางลงบนเตียงหนานุ่มน่าสบาย แล้วล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงกลับพบว่าโทรศัพท์มือถือที่พกติดตัวหายไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ กลับไปค้นที่รถแทบพลิกพรมปูพื้นก็ไม่เจอ...

สงสัยว่าจะทำหายที่คอนโดฯ ของอัครา ตอนเปิดประตูลงไปเล่นงานวนิษาในตอนแรก

และ...

เขาเองก็จำเบอร์โทรศัพท์มือถืออัคราไม่ได้เสียด้วย คงต้องทนอยู่กับยายปีศาจน้อยไปถึงตอนเช้า หรือจนกว่าช่างเปลี่ยนแบตเตอรี่จะมา

ให้ตายสิ!...มีอะไรที่เลวร้ายไปกว่านี้ไหม

 

อีกด้านหนึ่งของกรุงเทพฯ...

เดหลีกำลังใคร่ครวญว่า ควรทำตามคำแนะนำข้อไหนของเพื่อนสนิทดี ระหว่างโยนมาดราชินีน้ำแข็งทิ้งไปแล้วแปลงร่างเป็นนางแมวยั่วสวาท สวมแค่เสื้อเชิ้ตตัวเดียว หรือจับเขากด...

ในที่สุด หญิงสาวก็เลือกทั้งหมดนั่น...

เธอเหวี่ยงสูทสีเบจเนื้อหนาออกเป็นลำดับแรก แล้วถอดกางเกงขายาวทิ้งตามลงไป จากนั้นก็ปลดตะขอเสื้อชั้นในออกจากตัวเพื่อจะได้เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตตัวเดียวอย่างที่เพชรพริ้งแนะนำ ยีเส้นผมที่เรียงตัวเป็นระเบียบให้ยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง พร้อมภาวนาให้ดูเซ็กซี่ แทนที่จะเป็นยายเพิ้งเพื่อจะได้ลบภาพเจ้าหญิงน้ำแข็งบ้าบอนั้นออกไปให้หมด จากนั้นก็ลงมือปลดกระดุมเสื้อจากเม็ดบนสุดลงมาสามเม็ด ทาลิปมันที่ทำให้ริมฝีปากแวววาวอิ่มเอิบอีกหนึ่งครั้ง แล้วฉีดน้ำหอมที่เขาว่ากันว่าเป็นกลิ่นเซ็กซี่ที่สุดในรอบปีตรงซอกคอ และใช้ของพวกนั้นเป็นลำดับสุดท้าย

จากนั้นก็หันไปจ้องกระจกเงาบานใหญ่ เพื่อสะกดจิตตัวเองให้พร้อมกับการเป็นนางแมวล่าสวาทในค่ำคืนนี้ ก่อนจะเดินนวยนาดออกจากห้องนอนไปหาเหยื่ออันโอชะ

เขมวันต์นั่งอยู่บนเก้าอี้โซฟาตัวยาว

ดวงตาทั้งคู่ปิดสนิท ทำให้ไม่เห็นแววกระด้างรู้ทันอย่างคนเจนโลกปรากฏ ขณะที่ใบหน้ากระด้างคมคายของฝ่ายนั้นมีผมปรกลงมาตรงหน้าผาก ทำให้ชายหนุ่มแลละม้ายหนุ่มน้อยคนเก่า ที่เดหลีเคยเห็นเมื่อสิบกว่าปีก่อน

ภาพอดีตหวนกลับมาเป็นฉากๆ

เพราะวันนั้นเธอหวาดกลัวเกินไปกับคำว่ารัก เวียนนาจึงฉวยโอกาสเข้ามาแทรกตรงกลางระหว่างพวกเขาทั้งสองได้

แล้วต่อมาก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันผ่านเข้ามาในชีวิต ทำให้เดหลีไม่มีโอกาสได้สวมมงคลในงานสมรสเสียที แต่วันนี้เธอจะไม่ทำตัวเป็นเจ้าสาวผู้วิ่งหนีฝนอีกแล้ว

ทว่าเมื่อเธอทรุดตัวลงนั่งข้างๆ แล้วพบว่าเขมวันต์ไม่ได้แค่ปิดเปลือกตาเพื่อพักสายตาอย่างที่คิด แต่ลมหายใจสม่ำเสมอของเขาบอกว่ากำลังจมลึกในห้วงนิทรา เดหลีเลยไม่สามารถทำตามที่คิดได้

หญิงสาวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจโอบรั้งให้ศีรษะอีกฝ่ายเอนซบลงที่ช่วงบ่ากว้างทว่าบอบบาง แล้วเอียงแก้มแนบกับเส้นผมของอีกฝ่ายพร้อมหลับตาลงบ้าง

บอกตัวเองว่าไม่รู้สึกเสียใจเลย ที่เพลิงรักร้อนแรงซึ่งตั้งใจจะก่อขึ้นได้มอดดับลงไปแล้ว เพราะความรู้สึกในตอนนี้คือความหวามไหวละเมียดละไมที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก

ร่วมรักไม่สำคัญเท่าความรัก...

แต่เธอเพิ่งเคลิ้มหลับไปได้ไม่นาน เสียงกริ่งหน้าห้องก็ดังขึ้นเสียแล้ว หญิงสาวงัวเงียในทีแรก แต่เขมวันต์เสียอีกที่ดูจะตั้งสติได้เร็วกว่า คงเพราะอาชีพของเขาที่ต้องเตรียมพร้อมอยู่เสมอ ทำให้ชายหนุ่มเป็นฝ่ายลุกขึ้นก่อน เขาเดินไปกดเปิดอินเตอร์คอมที่เป็นจอภาพขนาดเล็ก ทำให้เห็นหน้าแขกยามวิกาลในค่ำคืนนี้ได้ชัดและหันมาบอกกับเธอ

“คุณอัคมา”

เดหลีหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง เพราะอัคราไม่เคยมาหาเธอในเวลาดึกดื่นค่อนคืนเช่นนี้มาก่อนเว้นแต่มีเรื่องด่วนจริงๆ หญิงสาวเลยทำท่าจะเปิดประตู แต่นายแพทย์หนุ่มกลับเอื้อมมาจับมือของเธอไว้แน่น

“คะ?” เธอมองเขาด้วยความงุนงงอยู่อึดใจหนึ่ง จนเห็นดวงตาที่วามแววแปลกๆ ของชายหนุ่มจึงค่อยรู้สึกตัว

แก้มทั้งสองข้างร้อนผ่าวและกลายเป็นสีแดงก่ำในช่วงเวลาไม่กี่วินาทีนั้นเอง

เธอยังอยู่ในคราบนางแมวยั่วสวาทอยู่เลย
                “งั้นฉันไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ คุณคุยกับตาอัคไปพลางๆ ก่อนก็แล้วกัน”

หญิงสาวรีบบอก ก่อนผลุบหายกลับเข้าไปในห้อง เธอเพิ่งลนลานสวมบราเซียร์เสร็จเท่านั้นตอนได้ยินเสียงของเขมวันต์ดังขึ้นเหมือนเสียงคำราม

“เป็นไปไม่ได้”

เดหลีเลยตัดสินใจคว้าเสื้อคลุมมาคลุมทับไว้ลวกๆ ก่อนจะรีบร้อนก้าวออกมาจากห้องนอน

อัคราทำท่าโล่งใจทันทีที่เห็นเธอ ขณะที่ใบหน้าของเขมวันต์นั้นคล้ำด้วยแรงโทสะอย่างเห็นได้ชัด

“คุณต้องติดต่อผู้ช่วยตัวดีของคุณให้ผมเดี๋ยวนี้”

“เกิดอะไรขึ้นหรือคะ” เดหลีงงไปหมด แล้วหันไปหาน้องชายอย่างคาดคั้น “ที่ห้างมีเรื่องหรือ”

“ไม่ใช่ แต่เป็นหนูนิด”

คนฟังรู้สึกเหมือนหัวใจดิ่งวูบราวกับตกจากที่สูงในตอนนั้น

“คุณอัคบอกว่าหนูนิดหายตัวไปเมื่อราวสักชั่วโมงมานี่...พอเช็กดูภาพจากกล้องวงจรปิดก็เห็นว่าหนูนิดไปกับคันฉัตร” นายแพทย์หนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว

ขณะที่เดหลีทำหน้านิ่วมองอัครา “นายแน่ใจนะว่าเป็นคุณฉัตร”

“แน่...ผมจำไม่ผิดหรอก ทั้งรถ ทั้งคนขับ ไอ้ฉัตรแน่ๆ และเพื่อนในกลุ่มก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า...” แล้วจู่ๆ น้องชายเธอก็หยุดพูดกะทันหัน

เขมวันต์จึงคาดคั้นเขาทันที “เพื่อนคุณพูดว่าอะไร”

อัคราพ่นลมหายใจแรง มองมาที่เดหลีคล้ายสำนึกผิดหรืออาจจะเป็นขอโทษกับพฤติกามของเพื่อนสนิทรุ่นน้อง

“เด็กของไอ้ฉัตรอยู่ที่คอนโดฯ เดียวกับผม”

เดหลีไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องนี้ เพราะไม่เคยนึกชอบคันฉัตรอยู่แล้ว จะแปลกใจก็ตรงที่ชายหนุ่มผู้นั้นช่างใจป้ำเหลือเกิน ด้วยคอนโดฯ ที่อัคราอาศัยอยู่นั้นมีราคาขายแพงลิบลิ่ว หรือถึงจะเป็นการเช่ารายเดือน ก็เกือบหกหลักต่อเดือน

ต้องบอกว่าเขาช่างเป็นพ่อบุญทุ่มเสียจริง

แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ไม่เห็นถึงความเกี่ยวพันของเด็กหญิงกับผู้ช่วยหนุ่ม

“แต่หนูนิดจะไปกับเขาทำไมกัน ในเมื่อแกไม่ชอบหน้าคุณคันฉัตรจะตายไป”

“บางทีเขาอาจกลัวคุณจะรู้เรื่องเด็กที่เขาเลี้ยง เลยคิดจะปิดปากลูกผม” เขมวันต์เอ่ยถามเสียงเครียด

เดหลีส่ายหน้า “คนระดับคุณฉัตรไม่กลัวหรอกค่ะว่าเรื่องพวกนี้จะรั่วออกมา เพราะทุกคนรู้ว่าเขาเป็นยังไง และจะว่าไปเขาก็รู้อยู่แล้วว่าฉันต้องรู้จักเขาดีกว่าคนอื่นๆ เพราะเขาเป็นเพื่อนเที่ยวกลุ่มเดียวกับนายอัคแบบนี้” เธอตวัดสายตามองหมิ่นน้องชายอย่างเปิดเผย ทำให้ฝ่ายนั้นรีบกล่าวแก้ทันควัน

“นั่นมันเมื่อก่อนต่างหาก เดี๋ยวนี้ผมอยู่กลุ่มเดียวกับมันที่ไหนเล่า”

“จริงสิ พวกคุณเป็นเพื่อนสนิทกัน แล้วทำไมไม่โทร. ตามเขาล่ะ”  เขมวันต์หันไปหาน้องชายของเธอทันที

“โทร. แล้ว แต่มันไม่รับสาย” อัคราตอบเสียงเครียด “อี๋เลยไล่ให้ผมมาหาพี่เดย์ เพื่อจะได้ถามว่าไอ้ฉัตรมันมีเบอร์โทรศัพท์เบอร์อื่นอีกไหม แล้วพี่รู้ไหมว่ามันพักอยู่ที่ไหนบ้าง”

เดหลีค้อนคนถามวงโตกับคำถามนี้

“พวกนายเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรือ มาถามพี่ทำไม”

“พวกผมเป็นเพื่อนกัน แต่พี่เป็นเจ้านายมัน” น้องชายย้อน

คนเป็นพี่สาวเลยขึงตาใส่อย่างขัดเคืองใจ เธอไม่ได้สนิทสนมกับคันฉัตรถึงขนาดนั้น และปกติเขาก็เป็นฝ่ายโทรศัพท์มาหาเธอเท่านั้น หญิงสาวจึงลองเปิดโทรศัพท์มือถือเพื่อตรวจสอบหมายเลขโทร. เข้า แต่กลับพบว่าเป็นหมายเลขเดียวกับที่อัครามี

ดังนั้นเมื่อไม่อาจโทรศัพท์ตามตัวฝ่ายนั้นได้ ทั้งหมดจึงมองหน้ากันอย่างจนปัญญาอยู่อึดใจหนึ่ง แล้วเขมวันต์ก็ทำลายความเงียบที่แสนจะอึดอัดนั้นเป็นคนแรก

“โทร. หาไม่เจอ ก็ไปหาที่บ้าน” เขาบอกเสียงกระด้าง

“ผมว่ามันไม่น่าจะพาหนูนิดไปบ้าน เพราะที่นั่นมีทั้งแม่ทั้งน้องๆ ของฉัตรอยู่ด้วย” อัคราแย้ง

“ถ้าอย่างนั้นก็ลองคิดมาว่าเพื่อนคุณมีที่ซุกหัวนอนอยู่ที่ไหนบ้าง”

“ปกติถ้าไม่กลับบ้าน ฉัตรมักจะนอนคอนโดฯ ที่สุขุมวิท แต่ก่อนมานี่ ผมลองโทร. เข้าไปถาม รปภ. ที่นั่นแล้ว เขาบอกว่ามันยังไม่กลับไปเลย”

“แล้วคุณคิดว่าเขาจะพาลูกสาวผมไปไหน” ยิ่งพูดใบหน้าของเขมวันต์ก็ฉายแววโทสะเพิ่มขึ้นทุกที

ดูๆ ไปแล้วก็ชวนให้คิดถึงท้องฟ้าหน้าฝนที่เต็มไปด้วยพยับเมฆ และพร้อมที่จะมีอสุนีบาตฟาดลงมาทุกเวลา

เห็นแล้วเดหลีก็อดนึกเป็นห่วงคันฉัตรไม่ได้ และได้แต่หวังว่าเขาคงไม่คิดทำอะไรบ้าๆ กับวนิษา ไม่อย่างนั้น ต่อให้มีสิบชีวิตก็คงไม่พอให้เขมวันต์เล่นงาน

“ถ้าเดาไม่ผิด ผมคิดว่าน่าจะเป็นหนึ่งในบรรดาห้องตัวอย่างของคอนโดฯ ที่มันเปิดขาย” อัคราตอบเสียงเจื่อน ขณะที่เดหลีพยักหน้าเห็นด้วย

เธอเคยได้ยินเรื่องของน้องชายและกลุ่มเพื่อนสนิทมาไม่น้อย โดยเฉพาะเรื่องที่พวกเขานิยมใช้ห้องตัวอย่างของคอนโดฯ คันฉัตรแทนโรงแรมม่านรูด โดยเฉพาะตัวอัคราเอง ตอนก่อนแต่งงานก็เคยทำเช่นนั้นมาแล้วหลายครั้ง

ทว่าคอนโดมิเนียมของบริษัทครอบครัวคันฉัตรนั้นผุดขึ้นตามแนวรถไฟฟ้าราวกับดอกเห็ด เห็นท่าจะต้องใช้เวลาทั้งคืน ถึงจะควานหาตัวฝ่ายนั้นเจอ

“งั้นแยกย้ายกันตามหา โทร. เรียกเลขาของนายมาช่วยด้วย ฉันก็จะโทร. หาคนของฉันเหมือนกัน” หญิงสาวสั่งคนเป็นน้อง

ยังไม่ทันที่อัคราจะได้กดโทร. ออก มือของเขมวันต์ก็เอื้อมไปคว้ามือของฝ่ายนั้นแน่นเสียแล้ว

“บอกคนของคุณด้วยว่าถ้าเจอ ก็ห้ามกระโตกกระตากไป”

อัคราพยักหน้าและไม่รีรอที่จะทำตามที่เดหลีสั่ง ขณะที่หญิงสาวเองก็ทำเช่นเดียวกัน ไม่เกินครึ่งชั่วโมงเดหลีก็พบเบาะแสของคันฉัตร

สีหน้าของเขมวันต์ยิ่งอึมครึมหนักไปกว่าเดิม ซ้ำยังเหมือนได้ยินเสียงขบฟันกรอดๆ จนอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปบีบมือของชายหนุ่มตอนที่ทั้งคู่เดินทางไปถึงจุดหมายแล้ว พร้อมเอ่ยเตือนสติอีกฝ่ายว่า

“ใจเย็นๆ นะคะ ฉันรู้ว่าคุณโกรธจัด แต่เท่าที่ฉันรู้มา คุณฉัตรไม่ใช่ผู้ชายโรคจิต ไม่ได้เป็นโลลิคอน เขาชอบผู้หญิงโตๆ หน่อยและเต็มไม้เต็มมือ มากกว่าเด็กกะโปโลอย่างหนูนิด ถ้าจะให้เดา...ฉันว่าที่หนูนิดหายมากับเขาวันนี้ต้องเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่าเจตนา อีกอย่าง...เขาไม่ใช่เด็กๆ แล้ว แต่เป็นถึงนักธุรกิจระดับแนวหน้า คงไม่คิดทำอะไรโง่ๆ ด้วยการฉุดเด็กผู้หญิงคนหนึ่งไปทำมิดีมิร้ายหรอกค่ะ”

สายตาของคนฟังที่เหลือบมองมาคมปลาบและเย็นเฉียบราวกับใบมีดน้ำแข็งเลยทีเดียว

แต่ที่น่ากลัวคือน้ำเสียงที่มักอบอุ่นเสมอของชายหนุ่มกลับเย็นยะเยือกกว่านั้นหลายเท่าตัว

“ผมไม่สนหรอกนะว่าคุณจะแก้ตัวให้มันว่ายังไงบ้าง แต่ถ้าหมอนั่นแตะต้องหนูนิดแม้แต่ปลายก้อย ผมจะส่งมันไปยมโลกทันที”

เดหลีทั้งน้อยใจและไม่สบายใจเมื่อได้ยินเช่นนั้นเลยตัดสินใจปิดปากเงียบ แล้วก้าวตามชายหนุ่มเข้าไปในคอนโดมิเนียมใหม่เอี่ยมแห่งนั้นอย่างรีบเร่ง พร้อมภาวนาให้คันฉัตรไม่ได้เป็นโลลิคอน เพราะไม่อย่างนั้น เขมวันต์จะกลายเป็นฆาตกรอย่างแน่นอน

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น